Monday, July 29, 2013

ละครนั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม


นี่คืองบดุลของบัญชีที่สวยงามมากในหมู่ดวงวิญญาณในละคร บนพื้นฐานของกรรมของพวกเขาและผลของมัน บนพื้นฐานของความเพียรและโชคของมัน ละครนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
เกมนั้นประกอบด้วยความสุขและความทุกข์ แต่บัญชีของความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นมีพื้นฐานอยู่บนกรรมของเขาเอง เขาเข้าใจความยุติธรรมของละครเมื่อเขาเข้าใจความล้ำลึกของกฏและหลักการของกรรม

-กฏแห่งกรรมและผลของมัน ความสุขและความทุกข์ใช้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างทัดเทียมกัน

-ทุก ๆ ดวงวิญญาณประสบกับความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาของเขาและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นความทุกข์ ในตอนจบทุก ๆ คนจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท (ความสุข - ความทุกข์ = 0) และแล้วก็กลับบ้าน

-ละครนั้นเป็นเกมของชัยชนะและความพ่ายแพ้และยุคบรรจบพบกันเป็นเวลาของชัยชนะสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ แต่ทุก ๆ ดวงวิญญาณเข้าไปสู่ยุคบรรจบพบกันในเวลาของเขาเอง ตามบทบาทของเขาในละคร บัดนี้เป็นเวลาสำหรับชัยชนะของพวกเรา ดังนั้นการสนุกสนานเพลิดเพลินกับชัยชนะ ณ เวลาแห่งชัยชนะนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาด

-ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ นั่นคือในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง เราจะดูละครด้วยความรู้สึกและทัศนคติที่เป็นกลาง เราสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงได้ในความสุขและความทุกข์ ชัยชนะและพ่ายแพ้ คำสรรเสริญและคำประฌาม ความเคารพหรือการสบประมาท ในขณะที่อยู่ในสำนึกที่เป็นร่าง เราจะไม่สามารถอยู่อย่างละวางได้ และดังนั้นเราก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโดดเด่นและความตกต่ำของละครและโซ่นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนจบ

-แต่ละดวงวิญญาณเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและมีสิทธิ์ในมรดกของพ่อ ทั้งหมดได้รับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตตามบทบาทของพวกเขา

-ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความรู้เกี่ยวกับละครและดังนั้นทั้งหมดจึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts) และเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts) ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อการบรรลุผลของความรู้ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับบทบาทของพวกเขาในละคร (Every one has an equal right to the attainment of knowledge independent of their part in the drama)

-การมีความรู้เกี่ยวกับละคร เราสามารถรู้ถึงบทบาทของทุกดวงวิญญาณและดังนั้นจึงรักษาความสมดุลของความรู้สึกที่มีต่อทุกคนและการให้คุณประโยชน์ต่อโลกก็แฝงอยู่ในนั้น

- ในละครทางโลกถ้าพระราชาได้รับบทบาทให้แสดงเป็นคนจน เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนจนหรือ? และถ้าคนจนได้เล่นบทเป็นพระราชา เขาจะรู้สึกว่าเขาเองเป็นพระราชาหรือ? คำสรรเสริญจะมีให้แก่ผู้ที่แสดงบทบาทของเขาไ้ด้อย่างถูกต้อง (ตามบทที่เขียนไว้และตามการกำกับของผู้กำกับละครนั้น) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทของการเป็นพระราชาหรือเป็นคนจน และในละครคนจนบางคนสามารถเล่นบทเป็นคนรวยและคนรวยบางคนอาจจะเล่นบทเป็นคนยากจน แต่เบื้องหลังฉากของละครนี้เราืทั้งหมดเป็นนักแสดง เป็นลูกรักของพ่อสูงสุด ลูก ๆ ทุกคนรักพ่อของพวกเขาและพ่อก็รักลูก ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน

-เราจะรู้สึกถึงความยุติธรรมและความสนุกสนานของละครก็ต่อเมื่อเราเป็นผู้ละวางจากร่างและโลกทางร่างได้ 100% แต่สำหรับสิ่งนั้นความบริสุทธิ์ 100% เป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ 100% และเล่นบทบาทของท่าน ท่านมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณตลอดกาลเพราะว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ตลอดกาล (ท่านคงอยู่อย่างละวางจากร่างของบราห์มาและจากความเจ็บป่วยและความทุกข์ของดาดี้กูลซาร์ด้วยเช่นกัน) เราควรจะทำความเพียรเพื่อที่จะอยู่อย่างละวางเช่นเดียวกัน ทุกดวงวิญญาณต้องทำความเพียรของตนเองและละครจะช่วยให้ดวงวิญญาณทำความเพียรด้วยเช่นกัน

-ไม่ว่าบทบาทของใครจะเป็นอะไร ดวงวิญญาณก็รักบทบาทนั้นและถูกดึงโดยบทบาทนั้นและมีความสุขในการเล่นบทนั้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งความสงบเป็นระยะเวลาอันยาวนานในขณะที่ละครดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะต้องการความสงบและก็จะทำความเพียรเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของยุคทองจะต้องการการหลุดพ้นในชีวิตและจะทำความเพียรเพื่อให้ได้รับสิ่งนั้น

-ความสนใจของนักแสดงทุกคนควรจะอยู่ที่บทบาทของตนเอง ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคตหรือความสนใจของเขาถูกดึงไปยังบทบาทของดวงวิญญาณอื่น เขาก็ทำให้บทบาทของเขาเสีย เขาจะต้องสนใจต่อการบรรลุผลของเขาเองเพื่อที่จะได้รับประโยชน์

-ถ้าเราดูฉากที่แตกต่างของละครด้วยความสนใจในบางสิ่งบางอย่างเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่า แม้ว่าดวงวิญญาณอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจากร่างไป นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาต้องการที่จะเล่นบทนั้นมากกว่าถึงแม้ว่าเขาอาจจะยากจนหรือเจ็บป่วย

-ในละครทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้วและจะซ้ำรอยในเวลาของมันเอง กฏแห่งกรรม ความเพียรและโชคของมัน ใช้ได้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
"ไม่มีใครสามารถถูกปลดปล่อยออกไปจากการเล่นบทบาทของเขาได้ ทุกคนจะต้องมาตามละคร เขาจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์ในปริมาณที่เท่ากัน" SM 21/09/98 revised

ทุก ๆ เหตุการณ์ของละครนั้นยุติธรรมและให้ประโยชน์ ในผู้ที่ไม่มีความรู้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคลและไม่ให้คุณประโยชน์ ละครนั้นทำขึ้นมาอย่างถูกต้องแม่นยำและมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่มีชีิวิตเล่นบทบาทของพวกเขาเองซ้ำรอยเดิม ณ เวลาของพวกเขา และตามเวลาสิ่งที่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่มีชีวิต อย่างเป็นอัตโนมัติ แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลของกรรมของเขาโดยธรรมชาติในเวลาที่ถูกต้อง
แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลตามกรรมและตามความเพียรอย่างแน่นอน
ทุกดวงวิญญาณได้ชาติเกิดตามธรรมชาติและสันสการ์ของเขา
การลืมเป็นพื้นฐานสำคัญในละครนี้ มันสร้างความรู้สึกว่าทุกฉากนั้นใหม่และน่าสนใจ มีกลไกหลัก 5 ประการที่ทำให้เขาลืมคือ
1. การลืมเพราะเวลาที่ผ่านไป
2. การลืมหลังการนอนหลับ
3. การลืมหลังความตาย
4. การลืมผ่านโยคะ
5. เมื่อวงจรสิ้นสุดลงดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลับบ้านพวกเขาลืมทุก ๆ สิ่งอย่างสิ้นเชิง

วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของการลืมสามารถเห็นได้จากการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในบางกรณีของความผิดปกติทางจิตใจ การลืมเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างสามารถให้ความรู้สึกสดชื่นและพอใจแก่ดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยรู้สึกว่าผู้ใดทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าประสบกับการสูญเสียมันเป็นเพราะว่าเราเองนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

"แม้แต่ความทุกข์ทรมานของกรรมก็สามารถเห็นได้ว่ามีประโยชน์เพราะว่ามันชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และสะสางบัญชีกรรมและก็ทำให้ดวงวิญญาณเบาสบาย อย่าได้รู้สึกประหลาดใจในละคร บ้านถูกสร้างขึ้นมาและจะพังทลายไปอีกครั้งและมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น จงเข้าใจในละครนี้" SM 01/04/72

"ถ้าลูกจำไว้ว่า "wah drama wah" "วา ละคร วา" ลูกจะมีความสุขอยู่เสมอและผ่านลูก งานรับใช้มากมายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" ABD 01/01/79

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละคร มีประโยชน์ รายได้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางคือตำแหน่งของการได้รับคำสรรเสริญ แล้วความเศร้าโศกของลูกจะจบสิ้นลง ลูกจะเศร้าโศกได้อย่างไรในเมื่อลูกนั้นเป็นตรีกาลดาร์ชิ เป็นลูก ๆ ของพ่อที่เต็มไปด้วยความรู้ ABD 07/03/81

อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดีมาก อะไรที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดีกว่าและอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นดีที่สุด ผู้ที่ไม่เข้าใจละครจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่มันเป็นหลักการที่แสนหวานเป็นอย่างมากของละคร ความทุกข์นั้นเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ของความสุข ในละครนี้มีบทที่สำคัญเท่าเทียมกันสำหรับความทุกข์และความสุข จงตระหนักรู้ในความจริงนี้และทำให้ผู้อื่นตระหนักรู้ถึงความสุขนี้

สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

1. มีสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ
2. สภาวะของการเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ
3. มีดริสตี (สายตา) ที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
4. เป็นผู้ที่ปราศจากความกลัวและเป็นอิสระจากความเกลียดชัง
5. มีดริสตี (สายตา) และทัศนคติที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
6. เป็นผู้ที่เบิกบานแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ
7. ประสบกับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
8. มีความสมดุลในการสูญเสียและได้ประโยชน์ คำสรรเสริญและการประฌาม
9. มีโยคยุทธ (มีโยคะที่ถูกต้อง)อย่างสม่ำเสมอ
10.เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ

No comments:

Post a Comment