Wednesday, June 12, 2013

Law of Karma อะไรคือกฏแห่งกรรม




เหมือนอย่างที่เราสามารถเข้าใจกฏของนิวต้นถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุธาตุในจักรวาล ทุก ๆ การกระทำจะมีการสะท้อนกลับมาเท่ากับการกระทำนั้น เช่นกันกฏแห่งการกระทำทางวัตถุก็สามารถนำมาใช้ทางด้านดวงวิญญาณได้ทั้งหมด ทุก ๆ การกระทำจะมีการกระทำสะท้อนกลับมาเท่ากัน ซึ่งหมายความว่าถ้าเราให้ความสุขเราก็จะได้รับความสุขเป็นสิ่งตอบแทน ถ้าเราให้ความทุกข์เราก็จะได้ความทุกข์เป็นสิ่งตอบแทน นี้อาจจะเรียกว่ากฏของเหตุและผลได้ด้วย เมื่อเราเห็นผลใด ๆ ก็สามารถเข้าใจว่าผลนั้นเกิดขึ้นได้เมื่อมีเหตุเท่านั้น ดังนั้น การกระทำต่าง ๆ ที่เป็นเหตุ ก็ต้องมีผลของการกระทำตามมา

มีการพูดกันบ่อย ๆ ว่า "ท่านเพาะหว่านสิ่งใด ท่านก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น" กฏแห่งกรรมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีดวงวิญญาณใดอยู่เหนือกฏแห่งกรรม มีเพียงแต่พระเจ้าพ่อชีว่าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่อยู่เหนือกฏนี้ เพราะว่าท่านอยู่เหนือบ่วงพันธะของการกระทำทั้งหมด ไม่มีใครที่อยู่ในโลกวัตถุนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาวะที่ไม่มีการกระทำได้ ซานยาสซีทำความเพียรพยายามเพื่อจะเลิกการกระทำทั้งหมด แต่ความเพียรพยายามที่พวกเขาทำเพื่อการสละละทิ้งการกระ่ทำ มันก็เป็นประเภทหนึ่งของการกระทำด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ก็เป็นการกระทำ


ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทนทุกข์ทรมานของเรา
โดยทั่ว ๆ ไป เมื่อเราเห็นผลของการกระทำปรากฏขึ้น แต่ต้นเหตุของผลนั้นนานจนจำเวลาไม่ได้ เพราะมันได้ทิ้งระยะห่างจากเวลาที่ได้ทำไว้จนจำไม่ได้ ดั้งนั้น เราจึงลืมว่าเราต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลลัพธ์เหล่านี้ เมื่อเราเห็นผลลัพธ์ที่ให้ผลร้ายและลืมว่าเราเป็นต้นเหตุ เราก็กล่่าวโทษผู้อื่น แล้วก็พูดว่าผู้อื่นทำให้เราทุกข์ทรมาน

เราว่าแม้แต่พระเจ้าว่าเป็นผู้ทำความทุกข์ทรมานเหล่านี้ให้เกิดขึ้นกับเรา แต่ดวงวิญญาณก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เป็นไปได้หรือที่พ่อสูงสุดผู้เต็มไปด้วยความเมตตาต่อทุกคน และมีแต่ความรักให้กับทุกคน จะปรารถนาให้ลูกต้องประสบกับความทุกข์ทรมานใด ๆ เพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งได้อย่างไร สติปัญญาก็ไม่ยอมรับสิ่งนี้ และเราก็เข้าใจตามความเป็นจริงว่าพระเจ้าพ่อสูงสุดเป็นผู้ให้ประโยชน์สูงสุด เป็นผู้ขจัดความทุกข์โศกและเป็นผู้ให้เพียงแต่ความสุข ท่านได้ลงมายังโลกเพื่อชี้หนทางให้กับมนุษย์ไปพบกับความสุขที่แท้จริง  ด้วยการให้ความรู้กับพวกเขาและให้พลังที่จะกระทำการกระทำที่ดี

ดังนั้น ถ้ามีผลลัพธ์เป็นความทุกข์ เราก็ต้องรับผิดชอบต่อความทุกข์ กฏแห่งกรรมที่บัดนี้ได้เปืดเผยโดยพระเจ้าชีว่า ทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อสถานการณ์ของเรา ดวงวิญญาณนั้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเขาเอง แล้วก็เป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของตัวของเขาเองด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของการกระทำที่ได้กระทำออกไป


การกระทำเป็นตัวกำหนดโชคชะตา
บางครั้งมีการเข้าใจเพียงครึงเดียวในกฏแห่งกรรม ที่เกี่ยวข้องกับโชคชะตาของตน บางคนอาจคิดอย่างสิ้นหวังว่า "อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวฉันในขณะนี้ นั่นเพราะเป็นผลที่เกิดจากการกระทำในอดีตของตัวเอง ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถทำอะไรหรือแก้ไขอะไรได้กับเรื่องนี้"

มันเป็นความจริงที่แน่นอนที่สุดว่าทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของตน ต้องมีกับความอดทนอย่างมากมายและใช้ความทรหดที่ไม่เคยใช้มาก่อน

แต่ในหลักของกฏแห่งกรรมก็กำหนดไว้ว่า ถ้าเรากระทำกรรมที่บริสุทฺ์เราก็สามารถจะสร้างอนาคตในหนทางที่เราสามารถเลือกเองได้ จะไม่เป็นทาสของชะตามกรรม หากเราเข้าใจถึงกฏแห่งกรรมนี้เราก็จะเป็นผู้สร้างโชคชะตาตัวเราเอง

เราจะเลือกโชคชะตาที่เรากำหนดไว้เพื่อตัวเราเอง เรายังสามารถดลใจผู้อื่นให้เลือกโชคชะตาของพวกเขาด้วย โดยเห็นตัวอย่างและเห็นการกระทำของเราเอง เพราะการกระทำที่ดีนั้นจะดลใจให้มีการเลียนแบบ ถ้าใครทำความดี ผู้อื่นก็จะลอกเลียนเขาเป็นตัวอย่าง ด้วยแรงแห่งผลของการกระทำซึ่งเป็นลูกโซ่ของการทำดี การทำดีจะนำมาซึ่งพรและความปรารถนาดีจากผู้อื่น เช่นเดียวกัน การกระทำชั่วก็จะให้ผลเป็นแรงสะท้อนกลับที่เป็นลูกโซ่ และมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผู้กระทำความผิดด้วย


การกระทำและความรับผิดชอบต่อสังคม
ไม่มีผู้ใดสามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้อย่างเด็ดขาด แต่ละดวงวิญญาณไม่เพียงแต่จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง แต่จะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบของการกระทำต่อผู้อื่นด้วย งานและการกระทำของทุกคน อย่างเช่น นักแสดง ศิลปิน นักจัดรายการวิทยุ ฯลฯ สร้างผลกระทบอย่างสูงสุดต่อจิตใจของมนุษย์เป็นล้าน ๆ 

การกระทำถูกเรียกว่าเมล็ด เหมือนอย่างเช่นเมล็ดที่แสนเล็กเมล็ดเีดียวก็สามารถให้ผล อย่างมากมาย ซึ่งผู้ใดกระทำการใด ๆ ผลก็จะเป็นเช่้นนั้นด้วย

เรามักจะไม่ค่อยระมัดระวังต่อการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะมีผลตามมามากมาย แต่ผลของมันอาจจะส่งผลเป็นปีหรือหลาย ๆ ปี โดยทั่วไปอะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นมานั้น มันไม่ได้เป็นเพียงการการทำหรือผลการกระทำธรรมดาๆ ดังนั้นเมื่อไม่ได้เป็นผลเพียงชาติเดียวจากเมล็ดเพียงเมล็ดเีดียวที่ถูกเพาะลงไปแต่จะมีผลที่ต้องรับผิดชอบมากมาย กรรมใหม่ผสมกับวิบากเก่า

ดังนั้นกรรมใหม่ ถึงได้มีการผสมปนเปกับอิทธิพลต่าง ๆ มากมาย และมันมีความวุ่นวายสับสนเกี่ยวข้องกับกรรมของผู้อื่นด้วย ทุกวันนี้เราจึงพบว่าตัวเองกำลังติดอยู่กับใยแมลงมุกที่ยิ่งใหญ่ และสับสนยุ่งเหยิง

จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK.เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ

No comments:

Post a Comment