Thursday, June 13, 2013
บ่วงพันธะของการกระทำ
คำถามที่แท้จริงไม่ใช่แต่เพียงความเข้าใจทฤษฏีของกรรม แต่มันได้กลายเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความเข้าใจว่า
1. การกระทำนั้น ๆ จะเป็นการเพิ่มบ่วงพันธะแห่งการกระทำหรือไม่??
2. ทำอย่างไรจึงจะสามารถลดบ่วงพันธะแห่งการกระทำของเราได้??
3. เราได้ทำการกระทำซึ่งเพิ่มรายได้อย่างมากมายอย่างสม่ำเสมอ ไว้เป็นเสบียงคลังแห่งการกระทำที่ดี และโชคที่ใหญ่ยิ่งเพื่ออนาคตที่กำลังรอเราอยู่หรือเปล่า??
เป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
โดยผ่านความรู้ราชโยคะของพระเจ้า เราก็รู้ว่ามีการกระทำอยู่ในสามระดับ
ก. หยุดการกระทำที่เป็น "ลบ" ด้วยความเข้าใจในความรู้เรื่องกฏแห่งกรรม และ การเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณสูงสุด เราสามารถแน่ใจได้ว่าจะไม่มีการกระทำผิดไปมากกว่านี้ หรือที่เรียกว่าทำบาป นั่นคือไม่มีบัญชีกรรมลบเพิ่มขึ้น
ข. ขจัดสิ่งที่เป็นลบ ด้วยไฟแห่งราชโยคะ เราสามารถยกเลิกหนี้กรรมในอดีตที่ได้สะสมมาตลอดเวลาหลายชาติเกิด
ค. สร้างสมการกระทำที่ดี ด้วยพลังและความมุ่งมั่น ด้วยแรงบันดาลใจและการอุทิศตน ดวงวิญญาณก็จะสามารถทำการกระทำที่บริสุทธิ์ นั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าชาติเกิดในอนาคตของเราจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ สุขภาพสมบูรณ์ มั่งคั่งและเต็มไปด้วยความสุข
สำนึกของความเป็นร่าง-เป็นรากแก้วของการกระทำที่ทำให้เกิดทุกข์(วิกรรม)
พระเจ้าชีว่าได้มอบมาตรฐานในการทดสอบง่าย ๆ กับเรา ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์การกระทำได้อย่างทันที เพื่อจะได้รู้ว่ามันบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธฺ์ ท่านเปิดเผยว่าการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์เป็นผลของสำนึกซึ่งมีความผูกพันอยู่กับร่างกาย ที่เรียกว่าสำนึกแห่งการเป็นร่าง
นี่หมายความว่า ถ้าเราคิดว่าตัวเราคือร่างกาย ผู้ชาย ผู้หญิง อ่อนเยาว์หรือแก่เฒ่า ฮินดูหรือมุสลม ดำหรือขาว การกระทำก็จะถูกครอบงำโดยสำนึกที่เป็นร่าง จะต้องมีอิทธิพลใดอิทธิพลหนึ่งของกิเลสทั้งห้่าอย่างแน่นอน ซึ่งมีชื่อว่า กามราคะ ความโกรธ ความโลภ ความผูกพันยืดติด และความหยิ่งทะนงในตน หรือลูกหลานอื่น ๆ ของกิเลสทั้งห้า เช่น ความอิษฉาริษยา ความเกลียด ความโอ้อวด เซื่องซึม ฯลฯ เป็นตัวชี้นำอย่างแน่นอน
เราสามารถมองย้อนไปดูประสบการณ์เก่า ๆ ของเรา จะพบว่าสติปัญญาของเราไม่มีสำนึกที่ถูกต้องที่แท้จริง ขณะที่เราคิดว่าตัวเราเป็นร่างกายซึ่งประกอบด้วยธาตุทั้งห้า ก็จะมีอิทธิพลที่ไม่ดีไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งที่มีอำนาจควบคุมการกระทำของเรา ผลแห่งสำนึกแห่งการเป็นร่างของเราก็มีการกระทำที่ไม่บริสฺุทธิ์ และเราก็พบว่าตนเองตกอยู่ในกับดักแห่งความทุกข์ เมื่อเราให้ความทุกข์กับผู้อื่น เราก็สัมผัสกับความทุกข์ด้วยตนเอง ในความเป็นจริงหลายต่อหลายชาติแล้วที่เราได้สะสมบัญชีกรรมแห่งการกระทำมากขึ้น ๆ มากกว่าที่เราสามารถจะชำระสะสางมันได้
สำนึกแห่งความเป็นดวงวิญญาณ-เป็นวิธีการสำหรับการกระทำสุกรรมที่ทำให้เกิดสุข
เราสามารถที่จะแสดงการกระทำในสำนึกที่สูงสุดของตนและสำนึกของดวงวิญญาณสูงสุด และนี่คือการกระทำที่จะนำมาซึ่งความสุขต่อตนเองและผู้อื่นด้วย นี่เ็ป็นการกระทำซึ่งอธิบายได้ว่าเป็นการกระทำที่ให้ความสุข เป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลในทางบวก มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ลึกลงไป
ถ้าเราเพียงแต่จะกำหนดให้ชัดเจนว่าการกระทำที่บริสุทธิ์นั้นคือการกระทำซึ่งจะก่อให้เกิดความสุข เราก็จะรู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะว่าเราพบว่าเราสามารถให้เพียงสิ่งซึ่งเรามี และขณะนี้เรายังไม่มีความสุขซึ่งได้เก็บสำรองไว้อย่างไม่มีขีดจำกัด หรือยังไม่มีความสุขเพีัยงพอที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น แม้แต่เพียงดวงวิญญาณดวงเดียว เรายังไม่มีความสุขที่ถาวรหรือเป็นอมตะ ความสุขที่เรามีนั้น ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ตลอดเวลา นาทีต่อนาที จากชั่วโมงต่อชั่วโมง ดังนั้น เราจะสามารถให้ความสุขกับผู้อื่นได้อย่างไร
เราจะสามารถหาความสุขได้ที่ไหน???
มีวิธีหนึ่ง เมื่อเราได้มีการเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดของความปิติ แหล่งกำเนิดของความสุขทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่มีชีวิตสูงสุด ขั้นตอนแรกของการกระทำที่บริสุทธิ์คือการกระทำที่จะทำให้เราเข้ามาใกล้ชิดกับพ่อสูงสุด.... พระเจ้า เราก็จะสามารถรับเอาความสุขได้
ในความเป็นจริงการทำงานรับใช้ในรูปที่สูงสุดที่เราสามารถทำให้กับผู้อื่นนั้น มันไม่ใช่เพียงแต่การให้ความรู้ที่เรามีโดยตรง แต่มันยังมีการให้ความสุขที่ได้รับจากแหล่งที่ไม่มีขีดจำกัดด้วย
อย่างไรก็ตามการกระทำใด ๆ ที่เราทำ ซึ่งจะนำดวงวิญญาณอื่นให้เข้าใกล้กับดวงวิญญาณสูงสุด เป็นรูปแบบที่สูงสุดของการกระทำและถูกจัดว่าเป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเกี่ยวกับมุมมองเรื่องบาป และแม้แต่เรื่องการทำบุญ
จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK.เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ
Labels:
กฏแห่งกรรม
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment