Showing posts with label อดิเทพ. Show all posts
Showing posts with label อดิเทพ. Show all posts

Friday, November 10, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 5 # 3


การรวมกับพระเจ้า

พ่อสูงสุดได้เปิดเผยวิธีการของการติดต่อโดยตรงกับท่าน ... วิธีการที่จะได้สัมผัส ซึ่งไม่ต้องการบุคคลที่ 3 เข้ามาสอดแทรกระหว่างกลาง .... วิธีการ  ซึ่งเป็นการติดต่อโดยตรงของฉันดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด

ฉันไม่ต้องท่องบ่นมนตราหรือต้องนั่งนับลูกประคำ ไม่ต้องใช้รูปปั้นใด ๆ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ การคงอยู่กับสติปัญญาด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้าผู้สูงสุด

ทางด้านหนึ่ง นี่คือโยคะที่ง่ายอย่างที่สุด ไม่มีการใช้ร่างกายทั้งสิ้น ฉันไม่มีความต้องการต้องฝึกร่างกายเลย ไม่ต้องฝึกหัดการหายใจ หรือว่าต้องใช้เวลาปีแล้วปีเล่า ในการกระทำทรมานใด ๆ และอื่น ๆ ซึ่งอีกด้านหนึ่งมันเรียบง่ายที่สุด ฉันเพียงแต่นั่งลงอย่างสบาย ๆ หรือแม้แต่ขณะยืน ขณะที่ทำการงาน ขณะที่พูดคุย ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ที่ฉันกำลังทำอยู่ ความคิดก็จะคิดถึงและปรับเข้าหาพ่อผู้สูงสุด และดังนั้นสิ่งที่ฉันต้องทำในการฝึกราชโยคะนี้คือ "การเพ่งรวมความคิดในทางเดียว ทำสติปัญญาให้มั่นคง นิ่งอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด"

สิ่งนี้ เวลาที่เราต้องการ พ่อสูงสุดได้เปิดเผยประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับความรู้สองสิ่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับระบบของการฝึกฝนของราชโยคะ สิ่งแรกคือ การระลึกได้ว่าฉันคือใคร ฉันเป็นจุดแสงซึ่งเล็กจนไม่สามารถวัดได้ ฉันไม่ใช่ร่างกายที่เป็นวัตถุที่สามารถมองเห็นได้ แต่ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นแสง ดวงดาวเล็ก ๆ จุดเล็ก ๆ ที่มีแสงสว่างในตัวเอง จุดนั้นคืออะไรที่ฉันเป็น ฉันเป็นดวงวิญญาณตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของหน้าผาก ให้ฉันนั่งลงด้วยสำนึกนี้ของฉัน พลังงานที่มีชีวิต ซึ่งเป็นผู้ควบคุมขับเคลื่อน ชี้นำ กระตุ้นเครื่องกลมนุษย์นี้

เมื่อฉันได้รับรู้ว่า ฉันนั้นแยกออกจากร่างกายซึ่งเป็นวัตถุนี้ ในสภาวะนี้ ซึ่งสามารถอธิบายว่าเป็นสำนึกของดวงวิญญาณ ฉันสามารถเข้าใจและซาบซึ้งกับการมีอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด พ่อของฉัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิต ก็เป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน ปล่อยให้ความคิดของฉันรวมเพ่งความคิดไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ซึึ่งอยู่ท่ามกลางดวงวิญญาณทั้งหมด ท่านก็เป็นจุดที่เป็นแสงเช่นกัน เล็กจนวัดไม่ได้ เช่น ปลายเข็ม ดวงดาวที่ส่องประกาย และตอนนี้ สิ่งที่มีชีวิตที่เล็กจนสุดประมาณนี้ เป็นแหล่งของคุณภาพที่ปราศจากขีดจำกัด คุณภาพที่ไม่ได้ถูกจำกัดแม้แต่โดยเวลา แต่เป็นคุณภาพซึ่งเป็นอมตะ

เป้าประสงค์ของโยคะของฉันคือการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนี้ สำหรับเวลาเนิ่นนานปีและหลาย ๆ ชาติเกิด ฉันได้มีประสบการณ์การติดต่อกับมนุษย์ แต่เพราะดวงวิญญาณมนุษย์ครอบครองร่างกายเนื้อ การติดต่อกับพวกเขา มิได้ผ่านความคิดเท่านั้น แต่ด้วยการใช้ประสาทของร่างกาย เราใช้เสียง การมองเห็น แต่บัตนี้ ถ้าฉันต้องการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผู้ซึ่งไม่มีร่างกายชั่วอนันตกาล ไม่มีร่างเป็นของตนเอง ไม่มีพลังทางวัตถุของร่างกายชนิดใด ๆ จะสามารถช่วยในการติดต่อนี้

ตามความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่เมื่อฉันพาความคิดของฉันให้อยู่เหนือความคิดเกี่ยวกับร่างกายทางวัตถุของฉัน และพลังทางกายที่สร้างความไขว้เขวทั้งหมด นั่นเองฉันก็สามารถที่จะบรรลุถึงการได้สัมผัสนี้

เมื่อฉันได้รู้แล้วว่าฉันเป็นดวงวิญญาณ ฉันก็กลับมาตระหนักรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ฉันมีอยู่ในตัวฉัน ฉันมีพลังแห่งความคิด ฉันรู้ว่าฉันสามารถที่จะกำหนดทิศทางของแต่ละความคิดและทุก ๆ ความคิด และดังนั้น จงปล่อยให้ความคิดให้ไหลไปแต่เพียงในหนทางของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ขอให้ฉันมีประสบการณ์นี้ พลังที่ทรงอำนาจของทั้งหมด พลังของความคิดของฉันเอง

ความคิดของฉันได้หันเหออกไปจากสิ่งที่เป้นวัตถุทั้งหมด สิ่งทางโลก ฉันลืมอดีต ลืมความผิดของฉัน รวมทั้งลืมความสำเร็จที่มีขีดจำกัดของฉัน ณ ขณะนี้ ฉันไม่ได้มีความสนใจที่จะติดต่อกับมนุษย์อีกแล้ว หรือแม้แต่ผู้นำศาสนา เทพ เทวดา หรือดวงวิญญาณอื่น ดวงวิญญาณค้นหาที่จะติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฉันได้กลับมามีสำนึกรู้ในรูปของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ฉันได้สร้างภาพด้วยความคิดว่า เป็นแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ฉันเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติซึ่งแผ่กระจายออกมาจากแหล่งนี้ ความสงบที่ไม่มีขีดจำกัด ความสงบซึ่งไม่สามารถมีอะไรมารบกวน ความสงบนั้นเต็มไปด้วยพลังซึ่งจะมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่ความสงบนี้แผ่กระจายแทรกซึมไปถึง

บัดนี้ ความคิดของฉันได้เพ่งรวมอย่างเต็มที่ ไปยังความสงบซึ่งพ่อสูงสุดของฉันได้แผ่ออกมา และเช่นเดียวกันให้ประสบการณ์ของฉันได้รู้ว่าพ่อสูงสุดของฉันไม่ได้เป็นเพียงพ่อ แต่ท่านเป็นแม่ผู้สูงสุดของฉันด้วย หนึ่งเดียวซึ่งเต็มไปด้วยความรัก หนึ่งเดียวผู้ซึ่งสามารถจะให้ความรัก ซึ่งสามารถที่จะยกระดับฉันดวงวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ ท่านเป็นหนึ่งเดียวผู้ซึ่งจะไม่ผลักใสดวงวิญญาณใด ๆ ถึงแม้จะเห็นว่าดวงวิญญาณนั้น ณ เวลานี้ยังอยู่ในสภาพที่ไม่บริสุทธิ์และสมบูรณ์พร้อม แม่ผู้เต็มไปด้วยความเมตตาก็เฝ้าแต่ประพรมความรักเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้ฉัน ดวงวิญญาณสัมผัสกับพละกำลังเช่นนี้  ความอบอุ่นที่ฉันได้รับกลับคืนมาและทำให้สูงขึ้น และปล่อยให้ฉันมีประสบการณ์ของมหาสมุทรแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ จงอย่าหยุดความคิดของจิตใจซึ่งมาเพื่อทำให้เราไขว้เขว แต่เปลี่ยนทิศทางของมัน ปล่อยให้ความคิดหลั่งไหลไปบนฐานของความรู้ของพระเจ้า บางทีนี่แหละคือประเด็นที่สำคัญที่สุดของการทำสมาธิแบบราชโยคะ ทันทีที่สติปัญญาได้ถูกบรรจุไว้ด้วยความรอบรู้อันเป็นคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิืสูงสุด แล้วทุก ๆ ความคิดที่ปรากฏขึ้นมาบนฐานของความเข้าใจนี้ ถ้ามีความคิดใด ๆ เข้ามาแทรกแซงและปกคลุมจิตใจ ใช้ความคิดผลักไสมันออกไป และปล่อยให้กระแสของความคิดเกี่ยวกับคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดกลับมาไหลรินเช่นเดิม

บางครั้ง ปล่อยให้ความคิดเกาะติดอยู่กับคุณภาพของความบริสุทธิ์ ปล่อยให้มีประสบการณ์ว่าพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตของความปิติสุข จงนำประเด็นว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจอันเฉียบขาด คุณสมบัติใด ๆ ก็ตามที่ได้ถูกนำมาในความคิดจงปล่อยให้มันเข้ามาอยู่ในความคิดอย่างเต็มที่ ทำให้ดึงดูดความสนใจอย่างสมบูรณ์ ภายในประเด็นหนึ่ง ๆ นั้น ด้วยการกระทำเช่นนี้ ดวงวิญญาณจะได้รสชาติของความหวานของแต่ละและทุกความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดโดยตรง ไม่ใช่เป็นเพียงแต่พ่อแม่ เป็นแม้แต่ครู เพื่อน และผู้ร่วมชีวิต กูรูผู้สูงสุด หนึ่งเดียวผู้ซึ่งสามารถพาดวงวิญญาณข้ามไปจากโลกนี้ ไปยังโลกที่ไกลโพ้น โลกที่อยู่พ้นไปจากโลกวัตถุ โลกซึ่งเป็นโลกแห่งแสง โลกแห่งความเงีบบสงบ

ทันทีที่เราเริ่มทำสมาธิเพราะว่าในตอนเริ่มต้นของการทำสมาธินั้น มีฐานอยู่บนความรู้ บัดนี้ ความคิดก็เริ่มที่จะไหลไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ความคิดได้ถูกยกระดับขึ้นให้ห่างไกลจากระดับของทางโลกที่มีและคงอยู่ ดังนั้น เมื่อเราทำสมาธิ ความคิดได้ถูกใช้ให้ทำงานอย่างกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก มีสำนึกแห่งความคิดอย่างมากมายได้ไหลผ่านมา นี่เป็นการยืนยันว่าความคิดไม่เคยได้มีประสบการณ์ของคำว่าเซื่องซึม มันจะไม่เคยมีโอกาส สำหรับความคิดที่จะเบื่อหน่าย ดังนั้น ก็จะไม่มีการไขว้เขวโดยสิ่งใด ๆ ทั้งหมด ระบบกลไกของความคิดได้ทำงานในระดับที่รวดเร็ว แต่ด้วยทิศทางที่แน่นอน ขบวนการการทำสมาธินี้นำเราไปโดยอัตโนมัติ ไปยังสภาวะที่เรียกว่า การเพ่งรวม

ในสภาวะนี้ ความคิดทั้งหมดเพิ่งไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด จิตใจจะไม่ได้ถูกดึงด้วยเสียงจากภายนอกอีกต่อไป มันเป็นการดึงดูดความสนใจในการมีประสบการณ์ของการพบปะกับดวงวิญญาณสูงสุด ความเพียรที่จะทำสมาธิ และบัดนี้ผลคือ มีแต่ความง่ายดายในการเพ่งรวม แต่มันก็ยังมีสำนึกของความคิด มันไม่ได้ไหลรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่ตอนนี้จะไม่มีความไขว้เขว เพราะว่าบัดนี้ ฉันได้เริ่มต้นเข้าไปสู่ความล้ำลึก ภายในของแต่ละคุณลักษณะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ความคิดของฉันถูกดึงให้ดำดิ่งลงเข้าไปสู่ความล้ำลึกของแต่ละคุณสมบัติพิเศษ ลงไปสู่ความสัมพันธ์พิเศษนั้น ขณะที่ฉันเข้าถึงสภาวะซึ่งเป็นสภาวะที่ถูกบรรยายว่าเป็นสภาวะของการหยั่งรู้ บัดนี้ ไม่มีสำนึกแห่งความคิดอื่นใด มีประสบการณ์ของคุณภาพพิเศษของพระเจ้านั้น ประสบการณ์ที่ฉันดวงวิญญาณได้รับ ซึมซับคุณสมบัตินั้นจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นี่เป็นสิ่งที่บางครั้งก็ถูกบรรยายว่าเป็น สภาวะแห่งเมล็ด (Seed Stage) ดวงวิญญาณได้เคลื่อนไปไกลจากทุกสิ่ง ซึ่งจะเข้ามาหรือเข้ามาเพื่อขยายความ มันได้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิม ซึ่งเป็นอมตะของมันเอง รูปของปลายเข็มของจุดแสง เป็นแสงที่ส่องประกาย เมล็ด ขณะที่กำลังรับประสบการณ์ของความรักที่สมบูรณ์พร้อมนั้น ดวงวิญญาณได้ซึมซับอยู่ในประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่ ไม่มีแม้แต่สำนึกของความคิดซึ่งจะพูดว่านี่คือความรัก ดวงวิญญาณเพียงแค่เติมสิ่งนั้นให้กับตัวมัน และมันยังส่งกระแสนี้กระจายออกไปสู่โลก

หลังจากนั้น เมื่อดวงวิญญาณพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ของสิ่งนี้ สำนึกของความคิดก็จะมาว่า นี่คือความรักที่ฉันได้เฝ้าแต่มีความกระหายมาตลอดเวลา นี่เป็นสัมพันธภาพที่ฉันมีความปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ นี่เป็นสภาวะจิตที่โยคะอธิบายว่าเป็น nirsankalp samadhi เป็นสภาวะของสำนึกที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นอิสระจากความตื่นตัวของความคิดและมันเป็นสิ่งที่สามารถจะบรรลุได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ

บางคนคิดว่า สภาวะนี้สามารถที่จะได้รับประสบการณ์ โดยการบังคับความคิด แต่การที่จะใช้ความกดดันที่ไม่เป็นธรรมชาติกับความคิด มันจะไม่นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด มันเป็นไปได้ว่าด้วยการบังคับความคิด ฉันสามารถเข้าถึงสภาวะหนึ่ง โดยการทำให้ความคิดหยุดทำงานในระยะเวลาที่จำกัด แต่อะไรล่ะ ที่ฉันดวงวิญญาณกำลังค้นหา มันไม่ใช่เพียงแต่ความนิ่งของความคิด ฉันกำลังค้นหาความสัมพันธ์กับดวงวิญญาณสูงสุด การหยั่งรู้ถึงสภาวะที่เป็นอมตะของตัวของฉันเองและการหยั่งรู้ของพระเจ้า และต้องมีการติดต่อเพื่อที่จะให้เกิดการหยั่งรู้นี้

ดังนั้น ความคิดจึงถูกใช้อย่างต่อเนื่องในตอนแรก แต่แล้วเพราะพลังของพระเจ้าเป็นสิ่งที่กำลังให้ประสบการณ์ ความคิดได้ถูกดึงไปโดยแม่เหล็กที่ศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง แล้วผลของสิ่งนี้ก็คือการทำงานที่รวดเร็วก็ค่อย ๆ ช้าลง และภายใน nirsankalp samadhi นี้ ประสบการณ์ที่เป็นจริงนี้ไม่เพียงแต่มีความนิ่ง แต่มันยังมีคุณสมบัติสูงสุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เมื่อฉันดวงวิญญาณได้เคลื่อนพ้นไปจากความไม่สงบและกลับไปสู่สภาพความมั่นคง เพียงเท่านั้น ซึ่งฉันสามารถจะกลับมาใกล้ชิดอย่างเพียงพอกับดวงวิญญาณสูงสุด ที่จะชื่นชมกับคุณลักษณะอื่น ๆ ของท่าน

โดยทั่ว ๆ ไป ประสบการณ์แรกของการทำสมาธิ เป็นเรื่องของความสงบจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ ความสงบท้วมท้นดวงวิญญาณ ดังนั้น ฉันได้กลายเป็นผู้ที่มั่นคง บัดนี้ ในสภาวะที่มั่นคง ฉันสามารถจำคุณภาพของความรักที่ดวงวิญญาณสูงสุดได้มอบให้ มันไม่เคยมีแม้แต่ชั่วขณะเดียวที่ท่านไม่ได้มอบความรักของท่าน  กระนั้น ทำไมล่ะ ฉันจึงไม่ได้มีประสบการณ์ของความรักนั้น? มันเป็นเพราะว่าความคิดของฉันได้หันเหไปในเรื่องทางวัตถุ และดังนั้น บัดนี้ภายใต้ความมั่นคงของความสงบและสภาพแห่งดวงวิญญาณนี้ สิ่งแรกที่ฉันรับมาคือ ความรักจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ฉันก็เริ่มที่จะมอบความรักให้กับบาบา ได้ลิ้มรสความรักครั้งแรกจากพ่อและแม่ผู้เป็นอมตะ ความรักของฉันก็ได้ผุดขึ้นมาและไหลรินไปหาท่าน

หลังจากประสบการณ์ของความรักนี้ จะมีประสบการณ์แห่งการทำความสะอาดของการชำระให้บริสุทธิ์ และเมื่อดวงวิญญาณได้เบาสบายขึ้น และเป็นอิสระจากภาระที่หนักอึ้ง ที่ได้แบกไว้ซึ่งบาปในอดีตของตน ด้วยไฟของความรักซึ่งเป็นไฟของโยคะ พลังอันมหาศาลซึ่งได้กำเนิดขึ้นผ่านการรวมนี้ ขบวนการการทำความสะอาดนั้น ได้มีขึ้นและได้พาฉันกลับไปสู่สภาวะแห่งความบริสุทธิ์ซึ่งเป็นธรรมชาติของฉัน

ด้วยประสบการณ์นี้ นำมาซึ่งประสบการณ์ของความสุข เพราะว่าบัดนี้ ฉันได้เป็นเช่นที่ฉันควรเป็นมากขึ้นและมากขึ้น ความสุขที่ได้รับจากสัมพันธ์ที่ปิติสุขนั้น ฉันมีความต้องการที่จะเติบโตขึ้นและกลายเป็นแหล่งของพลังของการบำรุงเลี้ยง สำหรับดวงวิญญาณในการเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณสูงสุดของฉัน พ่อของฉันซึ่งเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ ผู้ซึ่งฉันสามารถเรียกว่า ชิพบาบา บาบา พ่อ ชีว่า สิ่งมีชีวิตผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา ฉันได้ดึงพลังมาจากผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจอันเฉียบขาด แบตเตอรี่ได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง ฉันได้กลายเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ เมื่อการเชื่อมต่อของฉันกับบาบาแนบแน่น ขณะที่ฉันยอมให้บาบากระทำทุกสิ่งกับฉันได้ ฉันได้เปลี่ยนแปลงไป คุณลักษณะของบาบาได้กลายเป็นคุณลักษณะของฉัน ดวงวิญญาณได้เปลี่ยนไปและได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ ในรูปลักษณ์ของพระเจ้า ผลของราชโยคะคือการเปลี่ยนแปลงของดวงวิญญาณ  จากสภาวะที่ไม่บริสุทธิ์ไปสู่สภาวะของความสมบูรณ์พร้อม การเปลี่ยนแปลงที่ได้บรรยายไว้เป็นการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ไปสู่สิ่งที่มีชีวิตที่สูงส่ง คือ เทพ และดังนั้น ราชโยคะ เป็นโยคะที่สูงสุดของโยคะทั้งหมด เป็นโยคะซึ่งเป็นการรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นโยคะซึ่งทำให้ฉันมีอำนาจของการปกครอง เป็นโยคะที่สูงส่ง สิ่งแรกที่ให้ฉันคือประสบการณ์ของการเป็นนายของความคิดของฉันเอง แต่มากกว่านั้น ทำให้มีคุณภาพที่สูงส่งของการปกครอง ที่จะไปพัฒนาภายในตนเอง เพื่อว่าฉันจะได้ถูกยกระดับขึ้น เมื่อดวงวิญญาณฝึกราชโยคะ และได้รับประสบการณ์แต่ละและทุก ๆ คุณภาพของพระเจ้ามากขึ้น ๆ ดวงวิญญาณก็ได้กลายเป็นเครื่องมือที่จะแผ่รังสีของคุณภาพเหล่านี้ไปในโลก ดังนั้น มันไม่ใช่เพียงแต่เป็นการชำระให้บริสุทธิ์ของแต่ละดวงวิญญาณเท่านั้น แต่กระแสของโยคะที่สูงสุดนี้ได้แผ่กระจายออกไป มันได้เข้าถึงและแทรกซึมแม้กระทั่งในจักรวาล มีการชำระให้บริสุทธิ์ในทุก ๆ ธาตุของสสาร ดังนั้น ความสงบ ความบริสุทธิ์ ความรัก และความประสานกลมกลืน ได้ถูกนำกลับมาภายในโลกนี้ด้วย

นี่เป็นการพรรณาโดยย่อของสภาวะที่คนคนหนึ่งจะได้รับประสบการณ์ในการทำสมาธิของราชโยคะ แน่นอน ราชโยคะไม่ใช่เพียงแต่การทำสมาธิที่นั่งอยู่ในท่าพิเศษท่าใดท่าหนึ่ง แต่ราชโยคะเพราะว่าโยคะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติกับพระเจ้า สามารถที่จะมีประสบการณ์ตลอดทั้งวันได้ด้วย มันไม่ใช่คำถามว่าคนคนหนึ่งจะต้องนั่งอยู่ในสมาธินานเท่าไร ? มากกว่านั้นมันเป็นคำถามที่ว่านานเท่าไรที่คนหนึ่งนั้นไม่ได้อยู่ในสมาธิ ฉันสามารถที่จะลืมความสัมพันธ์ที่แสนหวานนี้ได้หรือ ?  ขณะที่ฉันเดิน ขณะที่ฉันเคลื่อนไหว ขณะที่ฉันพูด ขณะที่ฉันรับผิดชอบงานของฉัน ถ้าฉันเป็นโยคีแล้วสำนึกของฉันจะมีว่า ฉันเป็นลูกของผู้สูงสุด และด้วยเหตุนี้ฉันจะต้องได้รับคุณภาพของผู้สูงสุดนั้น ฉันได้รับประสบการณ์นั้นในการทำสมาธิ โดยผ่านการกระทำของฉันโดยการติดต่อกับผู้อื่น แล้วดังนั้นก้มีหนทางของชีวิตโยคี ด้วยคุณลักษณะของพระเจาก็ถูกทำให้เปิดเผยในทุกย่างก้าว และทุก ๆ การกระทำ


โอม ชานติ

Thursday, November 9, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 5 # 2

การเปลี่ยนโลกใหม่

ลูกใหม่ ๆ ของบาบาหิวโหยหนังสือเป็นอย่างมาก  พวกเขาต้องการหนังสือเกี่ยวกับวิธีการของราชโยคะ  การอธิบายว่าวิทยาศาสตร์ได้นำให้หลงทางไปอย่างไร  โดยมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ตามทฤษฏีดุลยภาพ  เวลาเป็นเส้นตรง  และจิตวิทยาที่มีสมองเป็นฐาน

งานของศีลธรรมจรรยาเป็นสิ่งที่ต้องการ พร้อม ๆ กับหนังสือการแนะนำที่จะเอาชนะนิสัยที่ไม่ดี ของขวัญของบาบาเกี่ยวกับการสาธิตสติปัญญาแนวใหม่  บรรจุไว้ซึ่งคำตอบของทุก ๆ คำถาม มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ของการดึงเอานัยสำคัญออกมา

บาบาแนะนำให้เราผลิตนิตยสารรายเดือน  มีชื่อว่า "ตรีมูรติ"  อ้างถึงความจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดเป็นผู้สร้างสิ่งสร้างทั้งสามของฮินดู บราห์มา วิษณุ ชางก้า ต่อมานิตยสารเล่มที่สอง "เวิลล์ รีนิววอล" เริ่มตีพิมพ์ พิมพ์ออกมาหลายภาษา รวมทั้งภาษาอังกฤษ มีการจัดจำหน่ายไปทั่วโลก หัวข้อดังต่อไปนี้เขียนโดยนักนิเวศน์ เป็นชนิดที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ


การเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ผ่านการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ
(สาเหตุทางจิตของวิกฤตของสภาวะแวดล้อม)

วิกฤตการของสภาวะแวดล้อมมันไม่ได้เป็นสิ่งล่อแหลมอีกต่อไป แต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยที่จะชี้ให้ผู้คนเห็นในสิ่งนี้  เราได้ทำให้ทะเลสาบและแม่น้ำเน่าเสียไปถึงจุดที่ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป  เกิดพิิษขึ้นกับระบบน้ำที่นำมาใช้สอย  เราได้ทำลายพื้นที่ราบลุ่ม ชะล้างป่าของเราและทำให้ดินที่อุดมสมบูรณ์ของเราหมดไป  แหล่งอาหารของเราก็ไม่บริสุทธิ์  เราได้ทำให้บรรยากาศเป็นพิษด้วยไอเสียของรถยนต์ และการเน่าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ปอดของเราดำ สมองของเราถูกปกคลุมด้วยแก๊สพิษ  เราได้ปล้นความงามของโลกของเราไปด้วยตัวเราเอง  ทำไมด้วยเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนของเรา เราจะไม่สามารถที่จะสร้าง แม้แต่สุขภาพและความสงบสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในโลกหรือ? ทำไมความสุขและความร่ำรวยได้หลีกหนีเราไป ทำไมสวนดอกไม้ของโลกได้กลายเป็นป่าหนาม ขูดรีดความสุขออกไปจากช่วงขณะที่ดำรงอยู่ เมื่อเราควรจะมีความสุข

เราเข้าใจผิดต่อสัมพันธภาพซึ่งเป็นอมตะ ซึ่งเรามีต่อธรรมชาติและพระเจ้า ด้วยความภูมิใจกับวิทยาศาสตร์ที่ได้บรรลุถึง เราได้ลืมไปว่ามันมีกฏซึ่งจักรวาลนี้ได้หมุนไปบนกฏนี้ กฏที่ซึ่งเราได้ละเมิดเพียงเพื่อจะทำให้เราเกิดความเสี่ยง  เราได้ทำลายกฏเหล่านั้น และ ณ บัดนี้ ความเสี่ยงได้มาถึงแล้ว

กฏพื้นฐานอันหนึ่งของจักรวาลที่เปลี่ยนไป อาจจะกล่าวได้ดังนี้ สภาพภายนอกของโลกสะท้อนสภาพภายในของดวงวิญญาณผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลก  หรืออีกความหมายหนึ่ง ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณยังบริสุทธิ์และไม่มีสภาพที่เป็นพิษ  เป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษใด ๆ ตราบเท่านั้น ธรรมชาติก็จะคงอยู่อย่างไม่มีมลพิษ  ตราบเท่าที่เรามีความอ่อนโยน ธรรมชาติก็จะอ่อนโยน ตราบเท่าที่เราเป็นนายของตัวเอง เราก็จะเป็นนายของโลกที่เราอาศัยอยู่ ด้วยความเพียรพยายามที่จะบุกเบิก และมีความสำเร็จเกี่ยววัตถุรอบ ๆ ตัวเรา อย่างไรก็ตามเราได้สูญเสียความรู้ว่าเราเป็นใคร และเป็นอะไร  ด้วยเหตุนี้ ด้วยความต้องการที่จะมีวัตถุเพิ่มมากขึ้น ความเป็นนายตัวเองก็ได้สูญหายไปโดยสิ้นเชิง และปัญหาก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งมันจะเข้ามาบดขยี้เราให้แหลกละเอียดไป

นอกจากนั้น ถ้าหากเราจะทำการตรวจสอบปัญหาของสิ่งแวดล้อม และของสังคมใด ๆ ของเรา ไม่มีปัญหาใดเลยที่เราไม่สามารถที่จะแก้ไขมัน ถ้าเราปราถนา นัยสำคัญของการเฝ้าดูอย่างละเอียด ต้องการความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมสำคัญของเรา ติดตั้งระบบป้องกันอย่างเหมาะสมและออกแบบให้กับโรงงานของพวกเขา มันจะมีการช่วยลดมลพิษอย่างใหญ่หลวง แต่พวงเขาก็กังวลเกี่ยวกับกำไรที่จะได้ในระยะสั้น แม้แต่ค่าใช้จ่ายในระยะยาวที่จะใช้ในการมีชีวิตอยู่ ผู้สร้างรถยนต์สามารถที่เลือกออกแบบรถ ซึ่งมีความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็มีความประหยัดด้วย แต่ด้วยความมืดบอด ด้วยความโลภ และความหยิ่งทะนงที่จะควบคุมระบบการเมืองเพียงผู้เดียว เขากลับเลือกเป็นอย่างอื่น มองไม่เห็นว่าการกระทำของเขาได้นำไปสู่ทางตัน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะกลับตัวได้ ตัวอย่างนี้เราสามารถที่จะขยายความออกไปได้ แต่คำถามพื้นฐานก็จะถูกกลบฝังด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย ความอยากรู้นั้นจะต้องพุ่งตรงไปยังสาเหตุหลัก  ทำไมมนุษย์จึงโลภมาก ? ทำไมมนุษย์จึงประพฤติตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาสนใจที่สุด และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ความโลภนั้นเป็นคุณสมบัติที่มีมาแต่ดั้งเดิมของดวงวิญญาณมนุษย์หรือ ?

นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้ากรอบแนวคิดของเราไม่ได้เปิดโอกาสที่สามารถเป็นไปได้ที่จะเอาชนะความโลภอีกครั้งหนึ่งและตลอดไป แล้วสถานการณ์ของมนุษยชาติก็จะหมดหวังอย่างแท้จริง  ตามความเป็นจริง หลายคนซึ่งยังรักษามุมมองว่า นิสัยที่ไม่ดีซึ่งไม่สามารถที่จะลบล้างออกได้ของจิตมนุษย์ และด้วยการมองดูที่ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันการมองโลกในแง่ร้ายของพวกเขา ด้วยการศึกษาอย่างลึกไปกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็จะเห็นและเปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงของตัวตน และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เราได้พบกับกุญแจที่จะทำให้สวรรค์ที่หายไปของพวกเรากลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

ร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ Henry David Thoreau ได้บันทึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะแวดล้อมของจิตใจและสภาวะแวดล้อมของร่างกาย  เขาได้หนีจากมลพิษของทั้งสองสิ่ง ด้วยการหลบไปอยู่ที่ห้วยน้ำชื่อ Walden Pond  แล้วเขาก็บันทึกถึงสิ่งที่รุนแรงมากกว่าเป็นจริงของวันนี้ ฝูงชนใช้ชีวิตค่อนข้างที่จะสิ้นหวัง ความสิ้นหวังของมนุษย์ปรากฏขึ้นจากอะไรที่เราเรียกว่า สภาวะการณ์ของมนุษย์ เราต้องตาย มันเป็นความคิด เราจะตาย เราอาศัยอยู่ในจักรวาลของโอกาสที่ไม่มีการดูแลรักษา ด้วยการมองโลกเป็นเช่นนี้ มันเป็นความฉงนน้อย ๆ ว่ามนุษย์ได้มีการตัดสินใจที่จะได้รับวัตถุธาตุ และรับความสุขจากประสาทสัมผัสให้มากที่สุดจากชีวิตของตน ความกลัวตายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่ซึ่งต้นไม้แห่งยาพิษของความโลภได้เจริญงอกงามขึ้น เมื่อความโลภไม่ได้รับการตอบสนอง ความโกรธก็เกิดขึ้น สิ่งที่เราหิวโหยที่สุดก็คือ "ความรัก" แต่เนื่องจากเราใช้ตัวเองเพื่อสิ่งมีชีวิตที่เป็นวัตถุ เราก็เข้าใจผิดว่ากามตัณหาคือความรัก ด้วยเหตุนี้ จึงใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน และประเมินค่าตัวตนให้ต่ำลง ในสภาพที่สิ้นหวังนี้ เราก็ปล้นสะดมภ์บ้านและโลกของเราเอง

นอกจากนั้น สายโซ่แห่งเหตุการณ์ทั้งหมดมีฐานอยู่บนความเข้าใจผิดง่าย ๆ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ตาย เราเป็นดวงวิญญาณ เป็นหน่วยของสำนึกซึ่งไม่ใช่วัตถุธาตุและร่างกายของเราเป็นเครื่องแบบเครื่องปั้นดินเผาชั่วคราว เรารู้จักสิ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง เช่นข้อเท็จจริงของประสบการณ์ เราเคยสวมมงกฏแห่งแสง แต่ขณะที่เราได้ดำเนินผ่านละครของกาลเวลา ได้ใช้รูปปั้นดินอันแล้วอันเล่า และได้สูญเสียความเข้าใจอันถูกต้องของตัวเรา เราได้กลายเป็นผู้ยึดติดกับร่างที่เป็นวัตถุของผู้อื่น หุ่นสะกดจิตผู้เชิดหุ่น กล่าวง่าย ๆ จิตของเราสกปรกด้วยสำนึกแห่งความเป็นร่าง

เมื่อการดึงดูดก่อให้เกิดการผลักใส  ความเป็นหนึ่งเดียวของเราและความประสานกลมกลืนของเราก็แตกละเอียดเป็นชิ้นและไม่กลมกลืนกัน  เมื่อเราเติบโตอย่างแยกกันทางจิต โลกที่เราอาศัยอยู่ก็แยกตัวออกจากกัน ทวีปต่าง ๆ ซึ่งเป็นผืนดินที่แยกตัวและลอยห่างจากพื้นดินแม่ที่ใจกลางของอินเดีย ที่ซึ่งครั้งหนึ่ง ทั้งหมดได้รวมกันเป็นแผ่นดินเดียว ประเพณีต่าง ๆ ได้ปรากฏขึ้นและสถานที่ของศาสนาต่าง ๆ ของโลกก็เกิดขึ้น และถึงแม้ว่าแต่ละกลุ่มจะสร้างความสงบที่พวกเขาใฝ่หา และรักทฤษฏีของความสัมพันธ์ของมนุษยชาติ การฝึกฝนของแต่ละศาสนาก็มีอคติและความทะนงตน

นอกจากนี้ ศาสนาของโลกแต่ละศาสนาก็เห็นด้วยและทำการรับใช้ด้วยการยึดหลักการพัฒนาและกำจัดสิ่่งไม่ดี  ตราบเท่าที่อย่างน้อยที่สุดมีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าและเชื่อในผลรางวัลและการรับผลกรรมที่ทำไว้  สติปัญญาก็ถูกกระตุ้นให้ทำความเพียรพยายามในทางที่ถูกต้อง ถ้าพระเจ้าถูกละทิ้ง สัจจะถูกดูหมิ่น เมื่อทฤษฏีสัมพันธ์ถูกตั้งขึ้นแทนที่ศีลธรรมแห่งจักรวาล และความสมบูรณ์พร้อมถูกฆ่าสังเวยต่อความคิดเห็นส่วนบุคคล ครอบครัวของมนุษย์ก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นหวังใด ๆ ภายใต้ร่มเงาของความเห็นแก่ตัว

ยังมีวงจรซึ่งมีการเคลื่อนตัวที่ใหญ่กว่า แสงซึ่งถูกจุดขึ้น ณ จุดหนึ่งในสภาพที่มืดสนิท แต่ความอืมครึมที่มีแนวโน้มไหลลงสู่ที่ต่ำไม่สามารถทำให้กลับคืนมาได้  เรารู้สึกว่าติดอยู่ที่ประตูของประวัติศาสตร์ ด้วยการลืมสภาพที่ตัวเราเป็นดวงวิญญาณ และตอนนี้เราได้ลงมาสู่จุดก้นบึ้ง มีทางสองทางให้เราเลือกอยู่ตรงหน้า :  ว่าเราจะทำความสะอาดการกระทำของเราและกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง หรือ เราจะยอมจมน้ำตายในวังน้ำวนของการทำลายล้าง

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดเกี่ยวกับการชำระล้าง แต่การทำให้สำเร็จได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  พวกเรารู้ว่าความโลภนั้นคือความชั่วร้าย แต่มีกี่คนในพวกเราที่เพียรพยายามจะตัดรากถอนโคนมันออกจากจิตของเรา เรารู้ว่ากามตัณหานั้นคือ พื้นฐานหลักของความชั่วร้าย เรารู้ว่ามันเป็นพลังที่ชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังการข่มขืน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่การที่มีประชากรล้น นำมาซึ่งโรคผู้หญิง สาเหตุที่รบกวนผู้หญิงในงานของพวกเธอ ทำให้เกิดการหย่าร้าง เป็นสาเหตุให้ผู้หญิงใช้ยาปฏิชีวนะที่รุนแรงและมีการทำแท้ง  เป็นสาเหตุของความวิบัติทางจิต นำมาซึ่งหนังสือที่เสื่อมทราม ศิลปะและวัฒนธรรมทั้งหมด ถูกชักจูงให้หันเหจิตใจออกไปจากความคิดที่สูงส่งโดยทั่วไป กระนั้น ด้วยความรู้สิ่งทั้งหมดนี้ จะมีสักกี่ครที่มีความต้องการอย่างจริงจังที่จะทำความเพียรพยายามอย่างเต็มที่ ๆ จะเอาชนะกามตัณหา ?

เช่นกัน ความโลภทำลายโลก แล้วจะมีกี่คนที่เตรียมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงขั้นมูลฐานที่จำเป็น ที่จะหยุดความพิการที่มีอาการป่วยทางจิตนี้  และนำมาซึ่งการสิ้นสุดแห่งความหายนะของสิ่งแวดล้อม ? กี่ดวงวิญญาณที่ตั้งใจที่จะอยู่เหนือความหยิ่งทะนงทางร่างกาย ที่จะได้กระทำการสำหรับความสุขที่แท้จริงของพวกเขา เพื่อรักษาโลกไว้ สำหรับชีวิตในอนาคตของพวกเขาเอง?

โชคยังดี ที่มันไม่ต้องใช้ดวงวิญญาณมากนัก ดวงวิญญาณกลุ่มเล็ก  ๆ ผู้ซึ่งสัญญาว่าจะทำให้ตนสมบูรณ์พร้อม ผู้กระทำด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความเข้าใจในกฏของความเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะเกิดผลต่อทั้งจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงวิญญาณสูงสุด ด้วยตัวท่านเองปรารถนาที่จะให้ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น  เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดแก่ลูก ๆ ซึ่งไม่มีความสุขของท่าน

สวรรค์กำลังถูกสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  แม้ว่าในชั่วโมงที่มืดมิดนี้ พลังอำนาจที่เร้นลับกำลังทำงาน  ดวงวิญญาณที่ทรงพลังรวมทั้งดวงวิญญาณที่ทรงฤทธิ์ที่สุดของทั้งหมด กำลังส่งพลังอันบริสุทธิ์เข้าแทรกซึมในโลกวัตถุโดยการผ่านราชาโยคะ หรือการรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิืสูงสุด ทุกดวงวิญญาณของพวกเรา สามารถกลายเป็นท่อส่งแสงทางดวงวิญญาณ ความรัก ความบริสุทธิ์ และ ฤทธิ์อำนาจ

เมื่อเรามาถึงจุดสูงสุดของเวลาของการซ่อนเร้นของพลังของเราเอง และเมื่อกำลังของความดีและความชั่วเกิดการปะทะกันอย่างเต็มที่ และในไม่ช้าการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยมาเป็นเวลานานก็จะมาถึง ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมแห่งจิตใจของเรา เราก็จะเปลี่ยนแปลงผิวหน้าของโลกนี้ แกนของโลกก็จะกลับมาตั้งตรงจากที่เคยเอียงจากแนวฉากไป 23 1/2 องศา ทวีปต่าง ๆ จะเข้ามารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง จะไม่มีฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป แต่จะเป็นฤดูใบไม้ผลิตตลอดทั้งปี การเติมโลกให้เต็มสมบูรณ์จะให้กำเนิดสังคมใหม่ พร้อมกับวิทยาการที่ล้ำหน้าและก็ยังมีคุณธรรมที่สูงส่งสมบูรณ์พร้อม สวรรค์ที่มีแต่ความสุขที่ไม่มีจบสิ้น

นั่นคือโลกแห่งอดีตที่ผ่านมาและเป็นโลกที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้ เพราะวงจรของเวลาได้ย้อนกลับมาบรรจบกันและเราได้มาถึงจุดบรรจบนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ผู้ที่เป็นผู้สร้างโลกใหม่ ได้ลงมาจากโลกที่เงียบสงัดเพื่อนำพวกเรากลับบ้าน มาเพื่อสอนเราให้รู้จักใช้ชีวิต เพื่อแก้ปัญหาความหายนะของสภาพแวดล้อมของโลก เพื่อมามอบโอกาสกับพวกเราที่จะได้กลับไปเกิดใหม่ในสวรรค์ เกินกว่าที่ความฝันที่ให้ความสุขที่สุดของเราจะเข้าถึงได้

นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นการเปิดเผยความจริง  มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเราผู้ซึ่งเป็นลูก ๆ ของพ่อผู้สมบูรณ์พร้อม สิ่งที่เราต้องทำก็คือการกลับกลายมาเป็นเช่นเดียวกับพ่ออีกครั้งหนึ่ง นี่คือราชโยคะ นี่คือหนทางที่บริสุทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงดาวเคราะห์ดวงนี้

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 5 # 3


Wednesday, November 8, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 5 # 1


ตอนที่ 5
คำพูดของพ่อ

ปล่อยจรวด

บาบาเคยพูดว่า " ความปรารถนาของประสาทสัมผัสได้ทำให้ลูก ๆ หมดความสุขมาหลาย ๆ ชาติ เหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ดีหรือ ? ถ้าลูกไม่มีความสุขเพราะพวกมัน  ทำไมลูกไม่กำจัดมันทิ้งไปเสีย?  ลูกชำระโคลนไปจากบ้านของลูก แล้วทำไมลูกจะเก็บมันไว้ในจิตใจอีกเล่า?  ลูกคิดว่ากิเลสเหล่านี้เป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่หรือ?  ลูก ๆ จงให้สิ่งสกปรกเหล่านี้กับพ่อเถิด  แล้วพ่อจะนำสวรรค์มาไว้บนฝ่ามือของลูก  ลูก ๆ พ่อไม่ต้องการสิ่งใด ๆ จากลูกเลย ลูกเพียงแต่ให้ความคิดที่ไร้ประโยชน์ของลูกกับพ่อ  อย่าเก็บมันไว้ สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่า มันทำให้ชีวิตของลูกทั้งชีวิตเสียหาย โลกนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นสวรรค์ได้กลายเป็นนรก..."

ขลุ่ยแห่งความรู้ของบาบาได้บรรเลงต่อไป  แต่ผู้คนของอินเดียก็ยังเชื่อว่า กฤษณะเป็นพระเจ้า และกำลังเล่นขลุ่ยด้วยเพลงธรรมดา  พวกเขาไม่สามารถเข้าใจนัยสำคัญของคำพูดของบาบา ดังนั้น ผู้คนก็ยังเที่ยวเสาะหาพระเจ้าไปทุกหนทุกแห่ง พวกเขาได้สร้างเรื่องขึ้นมาอธิบายว่าพระเจ้าหายไปไหน ขณะที่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็พูดว่า พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตลอดเวลา ท่านได้มาอยู่ในร่างของผู้ชายธรรมดาเรียบร้อยแล้ว  แล้วท่านกำลังแสดงความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทั้งหมด ท่านกำลังสร้างโลกใหม่ บราห์มาบาบาจะเกิดใหม่เป็นกฤษณะ ผู้ที่น่ารักที่สุดในหมู่เทพ ไม่น่าสงสัยเลยว่า ทำไมกฤษณะถึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพระเจ้า หนึ่งในจำนวนผู้ได้ยินบาบาพูดเมื่อท่านลงมาเดลลี ได้ถูกกระตุ้นให้เขียนบทประพันธ์ไว้ดังนี้


คำพูดของพ่อ
ในคำพูดที่แสนหวานอันประเมินค่ามิได้  ในทุก ๆ คำพูดนี้
สัจจะทั้งหมดของโลกได้ถูกบรรจุไว้
จิตใจและพลังได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยคำพูดเหล่านี้ของพ่อของมวลมนุษย์
ในคำพูดเหล่านี้เป็นเสียงภายในที่ลึก
เป็นความต้องการของมวลมนุษย์ยุคแล้วยุคเล่า
เป็นคำตอบของทุก ๆ คำถามของมวลมนุษย์
สติปัญญาได้ลอยขึ้นเหมือนลูกบอลลูนใหญ่
เมื่อความคิดที่บริสุทธิ์ของชีว่าได้ขยายจิตใจ
และน้ำหนักของสิ่งลวงตาก็มลายหายไป
ปีกแห่งดวงวิญญาณก็โบกไปมาอย่างมีความสุข
ได้ถูกยกขึ้นไปสูงมากโดยคำพูดของพ่อ 

หลายคนเคยถามบาบา ทำไมโลกถึงมีอยู่ ?  มันมีไว้เพื่อทำให้เรามีความสุข เมื่อลูกของท่านเริ่มจมดิ่งลงในความทุกข์ แล้วท่านก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำให้เรามีความสุขอีกครั้ง บาบาเป็นจิตแพทย์ที่สูงสุด  ทำให้คนที่สลับซับซ้อนที่สุดกลับมาเรียบง่ายอีกครั้งหนึ่ง ท่านมาทำการระเบิดเขาวงกตที่เราสร้างไว้ในจิตใจของเรา

นักปราชญ์ที่เคร่งคัดจะไปพบท่าน และก็ได้เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นเพลง ชายแก่ก็จะเริ่มเต้นรำเหมือนเด็กหนุ่ม ศิลปินแห่งโลกผู้เหน็ดเหนื่อยก็จะเริ่มถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง ตามความเป็นจริงผู้คนมากมาย ผู้ซึ่งไม่เคยเขียนหนังสือมาก่อนเลย ทันทีที่ได้พบท่านด้วยตนเอง ก็ประพันธ์บทกวี ไม่ใช่บทกวีแห่งความหดหู่หรือร้องขอ  แต่นั่นเป็นบทกวีแห่งความสำเร็จสูงสุด ประสบการณ์ที่สูงส่งของความจริง

ฉันได้ท่องออกไปด้วยจรวด
และฉันกำลังไปพ้นจากโลก
แรงดึงดูดของโลกได้แตกกระจายไป
หมู่เมฆอยู่เบื้องล่าง
ทุกสิ่งกระจ่าง สงบและเงียบ
ความสุขเหนือประสาทสัมผัส
พระอาทิตย์แห่งความรู้ส่องแสงอยู่ต่อหน้าฉัน
และทุก ๆ ปัญหาได้รับการแก้ไข
ลอยอยู่อย่างเป็นอิสระในห้วงอาณาเขตของความรัก
ฉันได้เข้าใกล้พระเจ้าเป็นอย่างมาก

ผู้ที่ได้เขียนโคลงนี้ ผู้ที่ได้ร้องเพลง ผู้ซึ่งยิ้มอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีวรรณะ ไม่ใช่จันฑาล หรือผู้ที่ไมสมควรได้รับการแตะต้อง คนหัวโบราณ นักกฏหมาย หมอ นักธุรกิจ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดยิ้มออกมาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดบอกเพื่อน ๆ ของพวกเขา "เรื่องที่น่าหัวเราะ ว่าพระเจ้าได้ลงมาบนโลก" ไม่มีใครรู้ อะไรที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้น

บาบาเป็นของเรา ท่านเป็นแหล่งทรัพยากรเหนือธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อแหล่งพลังงานอื่น ๆ หมดลง บาบาก็ยังอยู่ที่นั่น แสงไฟสัญญาณที่เป็นอมตะของโลก ลูก ๆ ท่านเรียกเราอย่างอ่อนโยน จงมาและนั่งบนตักของพ่อ

ลูก ๆ ได้แย่งกันมานั่งบนตักของซันตาครอสตัวปลอม  บัดนี้ พ่อกำลังมอบตักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของซันตาครอสที่แท้จริงให้  ความปิติสุขอย่างเหลือล้นได้มอบให้แก่คนมากมาย - มีเพียงน้อยนิดที่รับมันไว้หรือ!

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 5 # 2

Saturday, November 4, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 10



วันของลูกสาว

มันเป็นเหตุบังเอิญหรือที่ลูกบาบาเกือบทั้งหมดในตอนเริ่มต้นเป็นผู้หญิง  หรือว่าท่านจัดผู้หญิงให้เป็นผู้บริหารระดับสูงของสถาบัน ? แน่นอน พระเจ้าไม่ได้ทำอะไรโดยเหตุบังเอิญ มีหลายเหตุผลที่สามารถจะนำเสนอ สิ่งหนึ่งคือ มันเป็นปัญหาของความปลอดภัยทางร่างกาย เคยมีบราเธอร์ผู้ซึ่งครั้งแรกได้ออกไปในโลก  และประกาศคำสอนทางดวงวิญญาณที่เป็นการปฏิวัติของบาบา  พวกเขาเคยถูกทำร้ายและถูกฆ่า  ความรู้ซึ่งออกมาจากปากของเด็กหญิงดูเหมือนว่ามันจะมีการคุกคามน้อย  และแม้แต่ศัตรูของบาบาก็ถูกบังคับให้กระทำด้วยการยับยั้งชั่งใจบ้าง

มันไม่สามารถที่จะกล่าวเน้นได้อย่างรุนแรง ว่าฝ่ายตรงข้ามได้ลุกขึ้นมาต่อต้านมหาวิทยาลัยทางจิตมากเพียงใด  บาบาพูดสิ่งที่เป็นสัจจะและชัดเจนอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสภาพที่ป่วยไข้ของชีวิตในอินเดียปัจจุบัน การคดโกงซึ่งมีอิทธิพลกับทุกดวงวิญญาณ สัจจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวด

มากกว่านั้น ความบริสุทธิ์ที่เป็นที่ต้องการของลูก ๆ ของท่านทุกคน เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีศาสนา
ใด ๆ พยายามลุกขึ้นมาทำเลยในประวัติศาสตร์  เขาเหล่านั้นถูกครอบงำด้วยความปรารถนาของราคะ รู้สึกว่าบุคลิกภาพของเขาถูกคุกคาม ในความเป็นจริงพวกเขาก็เป็นเช่นนั้น บาบาตั้งใจที่จะทำให้พวกเราไม่คิดถึงตัวเองว่าเป็นร่างกาย  ท่านทำให้เราอยู่เหนือความทะนงตนที่หลอกลวงซึ่งเราได้ติดกับอยู่  ในทั้งหมดนี้ ความหลงทะนงตนของเพศชายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่าของผู้หญิง

ยังมีความสำคัญยิ่งกว่านั้น  ชิพบาบาได้มาด้วยตัวของท่านเองอย่างแท้จริง ได้ท้าทายสิทธิอำนาจของกูรูทุก ๆ คน ไม่ต้องกล่าวถึงนักปราชญ์ นักบวช นักปรัชญา และ นักวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดในทั่วทุก ๆ มุมโลก  บาบาได้ประกาศตัวท่านเองว่าเป็นเช่นผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีอำนาจเฉียบขาดสูงสุด

ท่านไม่ได้เป็นเพียงดวงวิญญาณที่สูงส่ง ท่านเป็นดวงวิญญาณที่สูงสุด หนึ่งเดียวคือพระเจ้าเท่านั้น  ไม่เคยมีใครพูดเช่นนั้นมาก่อน  แม้แต่กูรูผู้ซึ่งประกาศว่าเป็นพระเจ้าก็ยังระมัดระวังที่จะพรรณนาเกี่ยวกับสิ่งนี้ โดยพูดว่าพระเจ้าอยู่ในทุก ๆ คน พวกเขาทั้งหมดผิดและบาบาถูกใช่หรือไม่  คัมภีร์ของอินเดียทั้งหมดควรจะถูกโยนทิ้งไปทางหน้าต่างหรือ ? ใครล่ะที่จะกล้าหาญที่จะพูดสิิ่งนี้ ?  ตามปกติแล้ว เด็กหญิงเล็ก ๆ จะนิ่งอยู่อย่างสงบเงียบ แต่งชุดขาว อ่อนหวานและกระดากอาย  ด้วยสายตาซึ่งสามารถทำให้ดวงวิญญาณของปีศาจร้ายไหม้เกรียม

ชิพบาบาสิ่งมีชีวิตที่สุภาพอ่อนโยนที่สุดในจักรวาล  ตอนนี้เพียงแต่การมาของท่านได้มีการพิสูจน์แล้ว  ทุก ๆ ดวงวิญญาณผู้ซึ่งมาสัมผัส ได้ถูกบังคับให้เผชิญกับการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตของพวกเขาทันที  พราะว่าถ้าบาบาเป็นพระเจ้า แล้วคนก็ควรที่จะอุทิศตนให้กับท่านทันที  ในอีกทางหนึ่ง ถ้าบาบาไม่ใช่พระเจ้า ท่านก็ได้ทำบาปที่ใหญ่หลวง  โดยการที่ประกาศตัวเช่นนี้  และอาจจะทำให้เกิดการเผชิญหน้  การลงมาของบาบาเช่นนี้ได้แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองพวก  มีพวกหนึ่งซึ่งรักพระเจ้าและอีกพวกหนึ่งไม่รักพระเจ้า  บ่อยครั้งที่พ่อชีว่าได้พูดเกี่ยวกับลูกชายที่พิเศษมาก ๆ คือ พระคริสต์  พระคริสต์ได้แสดงบทบาทของเขาบนโลกด้วยความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง  เขาได้สะท้อนนัยสำคัญเกี่ยวกับคุณธรรมของพ่อของเขา เขาได้สั่งสอนผู้ติดตามให้สวดอ้อนวอนถึงพ่อซึ่งอยู่ในสวรรค์เท่านั้น  ถึงแม้ว่าความเป็นจริงชาวคริสเตียนได้เข้าใจผิด  โดยทึกทักเอาว่าพ่อและลูกเป็นดวงวิญญาณเดียวกัน แทนที่จะเป็นสองดวงวิญญาณ บทบาทของพระคริสต์แตกต่างจากของบาบา งานของพระคริสต์คือการก่อตั้งศาสนา เพื่อที่ดึงดวงวิญญาณที่เหลือให้ลงมาจากโลกวิญญาณ  เพื่อว่าพวกเขาจะได้แสดงบทบาทของพวกเขาบนโลก   เหมือนอย่างเช่นพระเจ้าผู้เป็นพ่อตอนนี้กำลังร่วมใช้ร่างกับบราห์มาบาบาเช่นเดียวกัน  พระคริสต์ได้เข้าไปในร่างของเยซู เป็นเยซูที่ถูกตรึงอยู่บนกางเขน  ไม่ใช่พระคริสต์ ลูกพระเจ้าที่บริสุทธิ์จากร่างไปก่อนแล้ว  เขาเดินทางไปและไปเกิดใหม่ เพื่อช่วยในการชี้แนะศาสนาที่เพิ่งจะเริ่มเติบโตของเขาให้ไปสู่ความเข้มแข็ง  มีความลับอีกมากมายเกี่ยวกับพระคริสต์ และผู้นำศาสนาอื่น ๆ ที่ได้นำมาเปิดเผยโดยบาบา

จากการบันทึกของประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมด  ผู้ชายมีอำนาจเหนือผู้หญิงในเรื่องศาสนา เช่นเดียวกับเรื่องทางโลก  บาบาได้มาเพื่อทำให้สถานการณ์ในลักษณะนั้นได้จบสิ้นลง  ดังนั้น ท่านจึงมอบสิทธิอำนาจให้อยู่ในมือของผู้หญิงที่มีความสามารถ มันเป็นวันของลูกสาว บทบาทได้ถูกสับเปลี่ยน ได้มีผลในการเยียวยารักษาอาการอย่างเห็นได้ชัด  ด้วยการมีสตรีไปอยู่ข้างหน้า แล้วผู้ชายก็ทำงานอย่างเต็มไปด้วยพลังอยู่เบื้องหลังฉาก  ความเคารพต่อกันได้เกิดขึ้น  และความบริสุทธิ์ก็ดำรงรักษาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ลูกสาวได้เรียนรู้ที่จะให้การบรรยาย ขึ้นไปนั่งบนกั๊ดดี (ที่นั่งของกูรู) และนำการทำสมาธิ พวกเขาได้รับมอบอำนาจในการอ่านเมอร์ลีในศูนย์ไปทั่วโลก  และเป็นลูกสาวนี้เอง ที่ได้เข้าฌาน เพื่อไปพบกับบาบาที่โลกละเอียดอ่อน  สตรีเหล่านั้นเรียนรู้ที่จะอดทนต่อสภาพการณ์ท่ี่ผันแปรและคงอยู่อย่างไม่มีผลกระทบต่อคำสรรเสริญ  ซึ่งสิ่งนี้ยังยากยิ่งกว่าอีกด้วย ประสิทธิภาพในการกระทำของพวกเขาเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง  นี่มีฐานมาจากสิ่งที่พวกเขาได้ทำสำเร็จแล้วในยุคบรรจบพบกันเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วมา  สตรีจึงได้รับการนับถือจนกระทั่งทุกวันนี้

ในตอนต้นที่พิธีกรรมยังไม่มีรูปแบบ ความบริสุทธิ์เป็นเครื่องบูชายัญ จากเสียงสะท้อนกลับของการอุทิศความอ่อนแอ และกิเลส ซึ่งลูกสาวของบาบาได้กระทำอยู่ในสถาบัน

สิ่งที่เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสตรีก็คือวัว  ในอินเดียนั้นไม่เพียงแต่สัตว์เหล่านี้ที่ยังเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่  แม้แต่ที่ตีนเขา Sinal ขณะที่โมเสสได้รับแรงบันดาลใจของเขา ชาวฮิบบรูก็สักการะบูชาลูกวัวทองคำ เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ของพรหมจรรย์  ในทางตะวันตก ตามประเพณีแล้วสตรีเป็นผู้รักษาคุณค่าที่สูงสุดของมนุษย์ ความบริสุทธิ์ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเป็นคำสรรเสริญที่ได้มอบให้กับเพศที่สวยงามนั้นเสมอ  ผู้ซึ่งด้วยเหตุผลนั้น ถูกวางไว้บนแท่นจนกระทั่งเวลาปัจจุบัน เมื่อเขาได้มาอยู่กับผู้ชายก็ตกลงไปในปลักโคลนแห่งกิเลส  วันนี้มันไม่มีการยอมรับอีกต่อไปว่าความทะยานอยากเป็นบาป  นี่คือเครื่องวัดว่าเราได้ตกต่ำลงมาลึกเท่าไร บัดนี้ เป็นเวลาซึ่งสตรีผู้ซึ่งได้กลับมาทวงสิทธิของพวกเขาบนแท่นบูชาแห่งหัวใจของบาบา  อย่างไรก็ตาม บราเธอร์ก็ได้แสดงความสูงส่งในสนามรบด้วย และดังนั้น จึงได้มีการจดจำกันในคัมภีร์์ ตั้งแต่พวกเขาได้เลิกความปรารถนาเหล่านั้น ซึ่งเหมือนกับความปรารถนาของพวกลิง พวกเขาได้ถูกจดจำในรูปของหนุมาน เทพลิง ผู้ซึ่งรับใช้พระเจ้าในรามเกียรต์ เรื่องราวของวีระบุรุษห้าคนของพันดาพได้ถูกบันทึกไว้ มีเพียงกำมือเดียวที่พวกเขาทำให้โลกพ่ายแพ้ ด้วยการช่วยเหลือของพระเจ้า บัดนี้ พันดาพที่แท้จริงกำลังเอาชนะกองทัพแห่งกิเลสอันชั่วร้ายภายในตัวเขาเอง และด้วยเหตุนี้โลกจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง

บราเธอร์คนหนึ่งผู้ซึ่งปฏิเสธการแต่งงาน  เพราะเขาต้องการคงอยู่ในความบริสุทธิ์ ถูกจับใส่ไปในถังไม้ที่มีหนูอยู่  พ่อที่ขี้โมโหได้ปล่อยเขาไว้ในนั้นหลายวัน แต่ลูกของบาบาก็ไม่ได้ยอมแพ้

บราเธอร์อีกคนหนึ่งจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ถูกทำทารุณกรรมในที่สาธารณะ เพราะว่าเขาได้แพร่กระจายข่าวของบาบา เขาถูกปิดตา มัดมือ แล้วจับนั่งหันหลังบนหลังลา หน้าของเขาถูกทาด้วยสีดำ เขาได้รับความเจ็บปวดจากการเยาะเย้ยของชุมนุม ขณะที่เขาถูกพาไปรอบ ๆ เมืองด้วยความอับอาย ตลอดเวลาเหล่านั้นบาบาอยู่กับเขา  ทำให้ลูกของท่านได้รับประสบการณ์ความปิติสุขของสรวงสวรรค์  เมื่อเขาได้ถอดผ้าปิดตาของชายหนุ่มออก เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจเป็นอย่างยิ่ง

อีกคนหนึ่ง คือ บราเธอร์ นีแวร์ ผู้ซึ่งตอนนี้ได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญอยู่ในมธุบัน ได้ถูกเลี้ยงให้โตขึ้นมาเป็นชาวซิกซ์  เขาได้ถูกฝึกขึ้นมาเป็นวิศวกรนาวีและเป็นทหาร เมื่อเขาได้มาพบบาบา เขาต้องการจะเป็นอิสระจากชีวิตที่มีความรุนแรงทันที แต่กองทัพเรือก็ปฏิเสธที่จะอนุญาตเขา ขณะนั้นมีสงครามพรมแดนกำลังเกิดขึ้นอยู่และเขาได้ถูกส่งไปยังแนวหน้า บาบาบอกเขา ไม่ต้องกังวล ลูกจะไม่ได้รับอันตราย

ศรัทธาของ บราเธอร์ นีแวร์ กับบาบานั้นเต็มเปี่ยม  วันหนึ่ง เขาจู่โจมเข้าไปท่ามกลางของการโจมตีของศัตรู เขาดื่มด่ำอยู่ในความรู้ว่า เขาจะไม่เป็นอันตราย พายุของลูกกระสุนได้ถูกยิ่งมาจากอีกด้านหนึ่ง  แต่มันไม่ได้แตะต้องเขาเลย  หลังจากนั้นไม่ช้า บราเธอร์ นีแวร์ ก็ถูกปลดออกจากกองทัพ เพราะผู้บังคับบัญชาคิดว่าเขาบ้า

จากมุมมองของชิพบาบาที่ไม่มีร่าง  ดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นพี่น้องเพศชาย มันเป็นเพียงแต่หลังจากที่ลงมาใช้ร่างนั้นเอง ที่เรากำหนดว่าเป็นชายหรือหญิง แล้วแม้แต่ว่าเราจะใช้เครื่องแต่งกายที่เป็นเนื้อหนัง หลังจากที่ได้สวมใส่เครื่องแต่งกายที่เป็นเนื้อหนังติดต่อกัน บางคนเป็นชายบางคนเป็นหญิง มีเพียงบาบาเท่านั้นที่อยูเหนือเพศ  แม้แต่ท่านจะใช้สรรพนามกับตัวท่านเองว่าเป็นชาย ท่านก็พูดอย่างชัดเจนว่า ท่านเป็นแม่ของเราเช่นเดียวกับเป็นพ่อ บางครั้งท่านก็เรียกตัวท่านเองว่าเป็นสามี และแล้วแม้แต่ลูกที่เป็นเพศชายของท่าน ก็มีความสุขที่จะเป็นเจ้าสาวของท่าน

ในอดีต ถึงแม้ว่าศาสนาได้เตรียมไว้ให้กับเพศชายโดยเฉพาะ มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่แสดงเป็นพระ นักบวขยิว กูรู สงฆ์ โป๊บ ผู้ติดตามพระคริสต์ มันทำให้การชุมนุมทางศาสนาตกตะลึงในทันที  ที่ลูกสาวของบาบาได้ปรากฏตัวขึ้น  โดยครั้งแรกมียี่สิบ แล้วก็เป็นร้อย  แล้วก็เป็นพัน เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงที่เต็มเปียมไปด้วยพลังเป็นผู้นำการใช้ชีวิต และสอนความรู้และความประพฤติตนที่สูงส่ง  ด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้าด้วยตัวท่านเอง  นี่เป็นปรากฏการณ์ที่พิเศษสุดในประวัติศาสตร์

ในคัมภีร์ฮินดูได้เขียนไว้ว่า  กฤษณะมีราชินีถึง 16.000 แต่ความจริงนั้น สิ่งนี้หมายถึง การดึงดูดของบาบาต่อชัคตีของท่าน  ซึ่งจะเป็นเทวาและเทวีในอนาคต  และทำให้พวกเขามีค่าควรแก่การปกครองโลก

ด้วยลูกสาวที่สูงส่งเหล่านี้  มนุษย์ผู้ซึ่งมีบุคลิกลักษณะสมดุลย์สมบูรณ์พร้อมและเต็มเปี่ยม ได้ถูกแนะนำขึ้นในโลกอีกครั้งหนึ่ง


อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 5 # 1


Thursday, November 2, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 9


สรัสวาตี
ศูนย์งานรับใช้กำลังเจริญงอกงามขึ้น  แต่พวกเขาต้องการการเติมพลัง  ลูก ๆ ที่ยังใหม่ ต้องการแรงบันดาลใจ ใครล่ะ!  ที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำสอนของบัพดาดา ??  มาม่า ทุก ๆ วัน จดหมายก็เข้ามายังมธุบันมากขึ้น  ขอร้อง ให้มาม่าไปปรากฏตัวยังศูนย์ที่ห่างไกล  "Ma, O Ma มาม่า ผู้อ่อนหวานที่สุด เมื่อไรท่านจะมา ?  พวกเราเฝ้ารอเป็นเวลาแสนนาน  ผู้นำมาซึ่งความสงบ  ขับกล่อมคำพูดที่ปลุกเราให้ตื่นของท่านเถิด  เติมความหวังให้กับเราสำหรับชีวิตใหม่  แม่ผู้สูงส่งของเรา  พวกเราเป็นแต่เพียงดวงดาว  โปรดนำมาซึ่งแสงแห่งจันทราด้วยเถิด"

ในที่สุดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1956 จั๊กกัตอัมบา สรัสวาตี  ได้เดินทางออกจากมธุบันไปยัง  Kanpur  พลังของพระเจ้า ชัคตีที่ทรงพลังที่สุดของท่าน  ปรากฏขึ้นจากอาศรมของพระเจ้า เทวีคนแรกกำลังเดินไปอีกครั้งบนถนนของภารัต

เมื่อมาม่ามาถึง  Kanpur  การต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้น  มาม่าพูดกับฝูงชนในชั้นเรียนภาคเช้าประจำวัน ให้กำลังใจนักเรียนใหม่  ตอบคำถามในการสัมภาษณ์สื่อมวลชน  และให้คำแนะนำในการพบปะส่วนตัว  มาม่าได้โปรยสายฝนแห่งความรัก ให้กับทุกคนที่มาม่าพบ  สุนทรพจน์ของเธอถูกตีพิมพ์  ข้อความเกี่ยวกับมาม่าในหนังสือพิมพ์ ทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดจากทั่วอินเดียเร่งรีบมาพบท่าน  เขาผู้ซึ่งได้มาและจากไปด้วยความสดชื่น  อัศจรรย์ และได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร  แท้จริงแล้ว เขาไม่เคยพบกับใครซึ่งเหมือนกับมาม่า

คำประพันธ์ต่อไปนี้ เป็นการแสดงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักของกวีท่านหนึ่งที่มีต่อมาม่า

โอ้แม่ของชาวโลกที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ผู้เป็นแม่ของโลก
ท่านได้ถือคบเพลิง ซึ่งเปลวไฟนั้นก็คือความรู้ของพระเจ้า
เฝ้าแต่ยกระดับดวงวิญญาณทุก ๆ ดวง
ท่านเป็นผู้ทำลายความมืดมิดแห่งกิเลส
ปัญหาทั้งมวลสูญสิ้นไป ความสงบกลับมาสู่หัวใจทุกดวง
เมื่อท่านมาถึง พร้อมกับความอ่อนโยนของรอยยิ้มที่บริสุทธิ์
ขอต้อนรับ มาม่าที่สุดแสนหวาน  ขอต้อนรับ แม่แห่งชาวโลก
ท่านเป็นผู้ประทานให้ ซึ่งความคิดที่เต็มไปด้วยความสดใส
คงมั่นอยู่ในสัมพันธ์กับชิพบาบาสูงสุด
ลูกของพระเจ้า ผู้ได้รับชัยชนะเสมอคือ ท่าน
มาและปลุกพวกเราไปสู่วันใหม่ของบราห์มา
ดวงวิญญาณแห่งยุคบรรจบพบกันเต้นรำอย่างไร !
ลูกสาวของบราห์มา คือ สรัสวาตีของพวกเรา
ท่านนำมาซึ่งแสงในดวงตาทั้งคู่ของท่าน
ท่านให้เราซึ่งน้ำอมฤตแห่งสัจจะที่ไม่มีวันเจือจาง
ท่านเป็นผู้เปิดประตูที่สูงแห่งสวรรค์
ขอต้อนรับท่าน เทวีที่เจิดจรัส
แม้ว่าชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รู้จัก
ท่านได้สอนความสุขของความบริสุทธิ์ทั้งหมด
โอ้ แม่ โปรดอยู่กับพวกเรา
โปรดรับความเคารพจากหัวใจทุกคน

สิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าคำพูดของมาม่าก็คือ  ความเงียบของท่าน ที่การชุมนุมครั้งหนึ่ง กำลังจะมีการแนะนำตัวมาม่าที่เวทีด้านหน้า  ผู้เปิดพิธีก็หันมามองมาม่า  เขาถูกกระตุ้นอย่างแรงโดยภาพเช่นนางฟ้า ที่เขาเห็นต่อหน้าของเขา  เขาก็หยุดพูดลงกลางคัน ในอาการที่ตกตะลึง  มาม่าเดินไปยังกลางเวทีและที่นั่น มาม่าก็ยืนอยู่ในประกายแห่งความสงบ  ดวงตาของเธอสัมผัสกับดวงวิญญาณทุกดวงในหมู่ผู้ฟัง  ซึ่งนั่นก็ไม่สามารถที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด  การรวมอยู่ในปิติสุขกับพระเจ้า  มาม่าบรรยายด้วยความน่าเกรงขาม ที่เปล่งประกายออกมาพร้อมกับคำพูดที่จับใจ  จากการมองเพียงเท่านั้น ฝูงชนเงียบสนิท  พวกเขาไม่อาจจะเชื่อได้เลยว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์อะไร การปรากฏขึ้นที่น่ายินดีปรีดาของมาม่า ได้เปลี่ยนหอประชุมให้เป็นโบสถ์น้ำตาแห่งความรัก ได้ไหลรินมาจากดวงตาทุกคู่ ช่วงวินาทีที่ไม่สามารถลืมเลือนได้เลย

ท่านไม่ปรารถนาพระเจ้าหรือ?  ดวงตาของมาม่าเอ่ยวาจาอย่างชัดเจน  ท่านผู้ซึ่งเราได้โหยหา  และเรียกหาท่านมาเป็นเวลานาน  ท่านได้มาแล้ว เธอไม่ปรารถนาที่จะต้อนรับท่านหรือ  ท่านไม่ปราถนาที่จะกลับมาบริสุทธิ์หรือ?  ท่านไม่ปรารถนาที่จะพบความสุขหรือ?  หรือว่าท่านปรารถนาจริง ๆ ที่จะอยู่ในกองขยะของกิเลส มากกว่าในแสงของพระเจ้า ดวงวิญญาณของมาม่าได้ส่องประกายอยู่ตรงกลางหน้าผากให้ทุกคนได้เห็น  และได้พูดผ่านดวงตาของเธอด้วยความรักและพลังเป็นอย่างมาก  ในที่สุด ดวงตาของเขาเหล่านั้นที่อยู่ในหอประชุมก็กระซิบว่า  "หยุด  มันมากเกินไปสำหรับพวกเรา พวกเรายังไม่พร้อมที่จะเดินทางไปไกลนัก ในเมืองของพระเจ้า"

แล้วสำหรับเขาเหล่านั้น ผู้ซึ่งไม่เข้าใจภาษาแห่งความสงบได้ ริมฝีปากของมาม่าก็เริ่มร้องเพลง เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ใจ  ที่คลื่นของเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความสุขก็ครอบคลุมบรรยากาศทันใด  ท่วงทำนองของเธอเหมือนกับน้ำเย็นไหลพาดผ่านไปยังทะเลทราย

มีบางสิ่งเกิดขึ้นภายในดวงวิญญาณผู้ซึ่งได้ยิน  ดวงตาทั้งคู่และเสียงนั้นทำให้เกิดรอยประทับที่ไม่อาจลบออกไปได้จากรอยประทับของพวกเขา ข่าวว่าอะไรเกิดขึ้น  ณ เย็นวันที่น่าจดจำนั้น แพร่กระจายไปทั่วอินเดีย และไม่ว่าพวกเขาจะรู้หรือไม่ ดวงวิญญาณที่โชคดีพอที่ได้เข้าไปฟัง ไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงเช่นนั้นในชีวิตของเขา  ไม่มีเลยตั้ง 5000 ปี หลังจากนั้น มาม่าได้รับบัตรเชิญจากหลาย ๆ เมือง ให้ไปเยี่ยมและร้องเพลงที่แสนหวานของเธอ  ดังนั้นมาม่าจึงเดินทางไปยังเดลลีเพื่อประโยชน์แห่งปวงชน

มาม่ามาถึงเดลลีโดยรถไฟ โยคีมากมายได้มาที่สถานีรถไฟเพื่อต้อนรับเธอ ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดขาว  ด้วยรอยยิ้มและการหัวเราะที่แสนหวาน ปรากฏบนใบหน้าของทุก ๆ คน  ผู้คนบนชานชลาประหลาดใจว่า บุคคลที่ยิ่งใหญ่อะไรหนอกำลังจะมาถึง  แล้วทำไมจึงมีคนมากมายมารวมกันที่นี่  และทำไมพวกเขาจึงมีความสุขกันเหลือเกิน  B.K. ก็ตอบคำถามของพวกเขา แล้วก็แจกหนังสือเกี่ยวกับราชโยคะ  และบอกพวกเขาถึงคุณสมบัติของมาม่า ความสุขของโยคีได้แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่ง ในไม่ช้าทุกคนบนชานชลาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส  แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องยิ้ม  ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มเฝ้ารอด้วยความกระตือรือร้นต่อการมาถึงของมาม่า

ในไม่ช้า ขบวนรถไฟก็เข้ามา  แล้วผู้คนก็รวมตัวกันเข้ามาใกล้มากขึ้น  ทุกคนต่างก็หวังว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นมาม่า

มาม่าก้าวออกมาปรากฏตัว  ใบหน้าของเธอเปล่งประกาย  ผู้คนที่เฝ้ารอไม่ได้มีความผิดหวังเลย  ความสุขของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นความปิติ  อารมณ์ที่ได้เห็นมาม่า ผู้เป็นที่รักนี้ ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้  นี่คือ "สรัสวาตี" ตัวจริง  เป็นแม่ของชาวโลก เป็นผู้ให้ประโยชน์ เธอเป็นคนเดียวกับคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นอมตะ  ผู้ซึ่งนักวาดได้เขียนภาพไว้ว่าเธอขี่หงส์  แม้แต่ผู้ที่ผ่านไปมาแล้วเฝ้าดูอยู่ ก็รู้สึกว่าถูกดึงไปสู่พระเจ้า  ด้วยบุคลิก อำนาจเช่นพลังแม่เหล็กของเธอ

ถึงแม้ว่ามาม่าเคยห้ามพวกเขาแล้ว  โยคีทั้งหลายก็ยังนำพวงมาลัยดอกไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความเคารพของพวกเขามามอบให้เธอ

"นี่อะไร"  มาม่าถาม  ขณะที่พวกเขากำลังก้าวเข้ามาพร้อมก้บพวงมาลัย  "ฉันไม่ต้องการดอกไม้เหล่านี้ ฉันต้องการดอกไม้ที่มีชีวิต  พวกเธอคือดอกไม้  ครั้งหนึ่งพวกเธอเคยเป็นหนาม  แต่ตอนนี้พวกเธอกำลังซึมซับทุก ๆ คุณธรรมที่สูงส่งใช่ไหม  พวกเธอเป็นดอกไม้ของพวงมาลัยแห่งสวนของบาบา บอกฉันซิ!  ว่าเธอกระจายกลิ่นอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่า  สรัสวาตี มองดูในหัวใจของพวกเขาขณะที่เธอกำลังพูด "ใช่มาม่า"  ในที่สุดพวกเขาก็ตอบออกมา  "บาบา ทำให้เรากลายเป็นดอกไม้"  เช่นนี้ มาม่าก็หัวเราะอย่างมีความสุข

ทุก ๆ วัน ระหว่างที่เธอพักอยู่ในเดลลี  ผู้ค้นหาศาสนาก็ได้มาพบเธอมากขึ้น  พวกเขามาจากดินแดนที่ห่างไกล ด้วยจำนวนที่หลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย จากเช้าถึงตอนกลางคืน  มาม่าต้อนรับพวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  ให้กับทุกดวงวิญญาณอะไรก็ตามที่เขาต้องการ เธอแก้ข้อสงสัยของพวกเขาจนกระจ่างชัด  เธอเสนอที่จะช่วยเหลือ  สรัสวาตีผู้ขับไล่ความกลัว  ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าเธอคือแม่ที่แท้จริงของพวกเขา

ในวงล้อมแห่งความรักของเธอ พวกเขารู้สึกปลอดภัย  เด็กเล็ก ๆ ก็มาด้วยและมาม่าก็มีเรื่องที่น่าฉงนสำหรับพวกเขา "ดูซิ นักเดินทางจากดินแดนที่ไกลโพ้น ได้มายังดินแดนต่างแดนนี้  ไม่มีดวงตาของผู้ใดที่จะจดจำท่านได้เลย  แต่ท่านจะถูกจดจำได้ด้วยหัวใจของคนทั้งหมด  นักเดินทางผู้นั้นได้มาแล้ว  และก็มาอยู่เพียงไม่กี่วัน" เมื่อมาม่าได้สร้างความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา เธอถามว่า  "ใครคือนักเดินทางผู้นั้น ?"  เธออธิบายว่า นักเดินทางคือพระเจ้าชิพบาบา  ผู้ซึ่งมาจากโลกที่ปราศจากร่าง ห่างไกลออกไปจากดวงดาวนี้ นับหลายล้านล้านไมล์ เราไม่สามารถเห็นท่านด้วยดวงตาเนื้อคู่นี้  แต่จิตใจของเราก็จะมีพลังของประสบการณ์จากคำพูดของท่าน  สิ่งสูงสุดซึ่งมีอำนาจสิทธิเฉียบขาดกับสิ่งที่ท่านพูด และกัับความรู้ของบรรดาสิ่งสร้างซึ่งท่านมีอยู่ ท่านได้พิสูจน์ว่าท่านคือผู้มองเห็นอนาคต ผู้ล่วงรู้ปริศนาของกาลเวลาทั้งสาม  และท่านก็ยังเป็นนายของสามโลก ท่านคือ "ชีว่า"

บางครั้งมาม่าจะหัวเราะ  "ผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าเป็นมหาสมุทรของความรู้และมหาสมุทรของความสงบ  แต่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านเป็นนักธุรกิจด้วย  ไม่มีนักธุรกิจคนอื่นใดเหมือนกับท่าน ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถถูกทำลายได้ ไม่มีใครที่จะมีสินค้าที่มีประโยชน์เช่นนี้ แต่ท่านไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้ออกไปโดยไม่มีอะไรตอบแทน  ท่านเป็นผู้ที่หลักแหลมเป็นอย่างมาก"

"ท่านพูดว่า จงให้กิเลสของเธอกับฉัน  ให้แม้แต่ความคิดของเธอกับฉัน  แล้วฉันจะตอบแทนเธอด้วยสมบัติงหนึ่งกระเป๋าเต็ม ๆ  แต่ผู้ขายของผู้กำลังเดินทางจะอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แล้วท่านก็จะเดินทางกลับบ้านเร็ว ๆ นี้ มีเวลาอีก 2-3 วันเท่านั้น  แล้วโลกที่เก่าแก่ทรุดโทรมนี้ก็กำลังจะถูกเผา  แล้วทำไมไม่นำความสุขจากประสาทสัมผัสที่ไม่มีประโยชน์ มาแลกกับความปิติที่ไม่มีวันจบสิ้นเล่า ?"  เธอจะไม่เคยพบการซื้อขายเช่นนี้เลย  แล้วเธอยังจะต่อรองกับท่านอีกหรือ ?  ถ้าเธอยังไม่ยอมตกลงแลกเปลี่ยน แล้วเม่ื่อไรเธอจะทำ

มาม่าจี้กระตุ้นผู้ฟังของเธอ  เมื่อถึงเวลาที่มาม่าจะต้องไป พวกเขาก็พยายามทุกวิถีทางที่จะดึงเธอไว้ให้นานที่สุด  มาม่าก็สัญญาว่าจะกลับมาและบอกบาบาว่า มันน่าอัศจรรย์ใจอย่างไร ณ ที่นั่น  เกี่ยวกับลูก ๆ ที่เดลลี  แล้วบางทีบาบาก็อาจจะมาด้วยตัวท่านเอง  และด้วยความหวังเช่นนั้น ทำให้พวกเขายอมให้เธอกลับ

ลูกของบาบาในเดลลี เขียนจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่ามาถึงบาบา  วิงวอนให้ท่านมา ในที่สุด มหาสมุทรแห่งความรักชิพบาบาและสื่อของท่านก็รับคำเชิญ  เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวกระแสคลื่นแห่งความปิติยินดีเช่นนี้ ก็ได้ถาโถมเข้าสู่ชายหาดของจิตใจของพวกเขา พวกเขาควรจะอดกลั้นที่จะรอเวลานั้นด้วยตัวของพวกเขาเอง

บาบาเขียนมาจากมธุบันก่อนที่จะมาถึง  "ลูก ๆ ผู้เป็นที่รักที่ได้จากหายไปนาน เพราะว่าความรักของท่านต่อลูก ๆ ชิพบาบาก็ได้จากพารามธรรมและลงมายังโลกของมายานี้ ท่านได้มาทำให้เราร่ำรวยด้วยความรู้ บาบาไม่สามารถปฏิเสธลูก ๆ ได้  ดังนั้น ท่านต้องลงมาเพื่อเปลี่ยนเดลลีจากเมืองของกรวดทรายให้เป็นเมืองทองคำ พาหนะของชิพบาบาก็ต้องมาด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำ ใครคือผู้ที่เธอกำลังร้องเรียกในฐานะอาคันตุกะ เมื่อเธอได้รู้จักกับท่าน เธอจะต้องบริสุทธิ์ตลอดไป  ท่านมายังโลกนี้เพื่อขจัดกลิ่นเน่าเหม็นของมัน  และมาทำให้มันหอมฟุ้งไปด้วยความบริสุทธิ์  ดังนั้นเธอจะต้องคงอยู่ภายใต้กฏแห่งความประพฤติที่สูงส่งที่สุดทั้งหมด ลูกจะต้องเป็นโยคีอย่างสม่ำเสมอ บาบาพูดด้วยเช่นกันว่า "ลูก ๆ ไม่ต้องนำดอกไม้มาที่สถานีรถไฟ และมันก็ไม่จำเป็นที่ลูกทั้งหลายจะต้องมาที่สถานีรถไฟ  ลูกไม่จำเป็นต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ใช้มันทั้งหมดเพื่อการยกระดับโลก  ใช้มันเพื่อการนำมรดกของบาบาไปให้กับผู้อื่น ลูก ๆ พ่อไม่ใช่ทั้งนักบวชและมหาตมะ  พ่อเป็นเพียงพ่อของลูก  ดังนั้น มันมีจุดประสงค์อะไรล่ะ ที่ลูกจะนำดอกไม้มา พ่อเพียงแต่ต้องการเห็นลูก ๆ เป็นเช่นดอกไม้ ที่ส่งกลิ่นหอมของท่าน มายาไม่ควรจะนำความแห้งแล้งมาสู่ชีวิตของลูก กลิ่นของคุณธรรมควรจะเด่นชัดในมารยาทของลูก ดังนั้นผู้คนก็จะเข้าใจว่าลูก ๆ นั้นเป็นลูกของใคร

มีเพียงผู้ซึ่งถือพรหมจรรย์ที่จะได้รับอนุญาตให้ไปพบบาบา  พวกเขาก็ต้องถือปฏิบัติในเรื่องของความบริสุทธิ์ของอาหารและเครื่องดื่ม  และต้องมีศรัทธากับบาบาในสติปัญญา กฏนี้มีเพื่อผลประโยชน์ของลูก ๆ เนื่องจากคนที่ไม่บริสุทธิ์ ก็จะไม่สามารถที่จะรับรู้การมาของพระเจ้าได้ ชิพบาบานั้นลึกลับ  เราไม่สามารถเห็นท่านด้วยตาเนื้อ  ใครก็ตามที่ยังไม่ได้รับการเปิดดวงตาที่สามแห่งความรู้ของเขา ก็จะไม่สามารถที่จะรู้จักว่าในร่างของผู้ชายที่ธรรมดานั้น พระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้นี้ได้ลงมา  ดวงวิญญาณที่มืดบอดเช่นนี้ สามารถที่จะทำอันตรายให้กับตัวเองได้อย่างง่าย ๆ โดยการทำกรรมที่ไม่ดีต่อพ่อสูงสุด  บาบาได้มาในเสื้อผ้าที่แสนจะธรรมดา ขาวเรียบ ไม่มีการประดับตกแต่ง  และการประดับตกแต่งอะไรล่ะ ที่จะมีความงดงามเพียงพอ และสูงค่าพอที่จะเหมาะสมกับจอมราชันย์ของจักรวาล

ทุก ๆ เช้า ชั้นเรืยนเต็มไปด้วยดวงวิญญาณที่ปรารถนาจะฟังเมอร์ลีของบาบา ทุก ๆ วัน ความลับที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ถูกเปิดเผย  พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากการปรากฏตัวของท่าน ได้เผาตะกอนที่นอนเนื่องทางจิตเป็นชั้น ๆ ออกไป ซึ่งมันได้ห่อหุ้มดวงวิญญาณอยู่  พวกเขารู้สึกเบากว่าแต่ก่อน  พวกเขาเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน  ภาระที่หนักหน่วงของพวกเขาได้ถูกปลดทิ้ง จิตใจคงอยู่อย่างมั่นคง เปิดเผย ละวาง และเงียบสงบ  เสือกระดาษของความปรารถนาได้ตายกลายเป็นเถ้าถ่าน และความรักซึ่งบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันตายได้ฟื้นกลับขึ้นมาจากเปลวไฟ  พวกเขาได้บรรลุถึงแก่นแท้ของชีวิต  "อ้า  ขอให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป !  และทำไมพวกเราถึงได้ลงมาจากบัลลังก์ของความบริสุทธิ์ได้อย่างไร  เพราะว่าไม่มีสุราชนิดใดที่จะเปรียบเทียบได้กับน้ำอมฤตของพระเจ้า"

ที่น่าตะลึงงันว่า สิ่งอื่นใดทั้งหมด ประสบการณ์ที่วิเศษนี้ ทุกคนได้รับทั้งหมด  เราไม่ต้องจากบ้านของเราไปอาศัยอยู่ในป่าหรือในถ้ำอยางเช่นสาธุ  หรือซานยาสซีทำ บาบาเคยพูดในเมอร์ลีที่สูงส่งของท่านว่า คาร์มาซานยาสซี ทิ้งบ้านและธุรกิจของพวกเขา  และไปอาศัยในป่าเพราะว่า พวกเขาคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยอยู่กับผู้หญิงและมีชัยชนะเหนือกามราคะ  แต่นี่เป็นสิ่งผิดอย่างแท้จริง ผู้ซึ่งได้เคยลิ้มรสน้ำอมฤตของพระเจ้าจะไม่เคยหยุดดื่มน้ำอมฤต เพื่อไปดื่มน้ำพิษ  พวกเรากำลังสร้างโลกใหม่จะไม่วิ่งหนีจากไป ลูกจะต้องอยู่ในบ้านของลูกและครอบครัวและนำทางชีวิตของลูกด้วยพลังของโยคะ

คงอยู่ในความบริสุทธิ์ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลก บาบาให้คำแนะนำ และโลกก็จะได้รับการช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ พระเจ้ามา ไม่ได้มาผลักดันให้ลูกต้องออกจากบ้านของลูก แต่มาทำบ้านให้เป็นสวรรค์ ลูกได้ร้องเรียกพ่อ ลูกได้ตะโกนออกมา "โอ้ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์โปรดมา" ในที่สุด ท่านก็ตอบมา "ลูก ๆ พ่อได้มาแล้ว" บัดนี้จงหยุดความปรารถนาเหล่านี้ จบสิ้นธุรกิจที่สกปรกนั้นเสีย ลูกเป็นดวงวิญญาณ ในตอนเริ่มต้นลูกเคยบริสุทธิ์ ดังนั้น ธรรมชาติที่แท้จริงของลูกคือ ความบริสุทธิ์ แล้วทำไมมันถึงจะเป็นการยากที่จะสร้างสภาวะดั้งเดิมนั้นเล่า แต่จนกว่าลูกมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเท่านั้น มิฉะนั้นก็จะเป็นไปไม่ได้  ดังนั้นให้สำนึกว่าตัวลูกเองเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่ง  และมีชีวิตอยู่ในการคิดถึงพ่อผู้เดียวนั้น แล้วลูกก็จะได้รับพลังที่จะคงอยู่ในความบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 10


Wednesday, November 1, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 8


พระเจ้าพูดกับคอมมิวนิสต์

โทรเลขถูกส่งไปถึงครูสซอฟ ขณะที่เขาอยู่ในอำนาจและระหว่างที่เขามาเยี่ยมอินเดียครั้งหนึ่ง  เขาได้รับหนังสือความรู้ของพระเจ้า และจดหมายเชิญให้ไปยังภูเขาอาบู  ผู้นำคอมมิวนิสต์คนอื่น  ก็ได้รับเกียรติในการเปิดเผยในครั้งนี้ด้วย  ช่วงเวลานี้ กษัตริย์ของซาอูดิอารเบียก็ได้รับข่าวสารด้วยเช่นกัน

ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1955  มีงานแสดงอุตสาหกรรมในงานแสดงอุตสาหกรรมนานาชาติที่จัดขึ้นในเดลลี มันเป็นงานชนิดนี้ เป็นครั้งแรกของเมืองนั้น มีห้องโทรทัศน์ ณ ที่นั่นด้วย  ครูซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสถาบันก็ได้บรรยายออกโทรทัศน์  อธิบายความหมายของประวัติศาสตร์โลก ผู้คนนับพันเฝ้าชมรายการ  แล้วสอบถามรายละดัเอียดเพิ่มเติม

มหาวิทยาลัยทางดวงวิญญาณได้จัดบู๊ทที่งานแสดงสินค้า  ที่ซึ่งคำสอนของบาบาถูกจัดแสดงในรูปของภาพเขียน  ซิสเตอร์และบราเธอร์ที่มีประสบการณ์ประจำอยู่ที่นั่น เพื่ออธิบายนัยสำคัญ  นี่เป็นครั้งแรกของการทดลองในการจัดนิทรรศการทางดวงวิญญาณ  มันประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ



บราเธอร์ ราเมส บันทึกไว้ว่า "เราชี้นำไปยังรัฐบาล"  ว่าการจัดการนิทรรศการครั้งนี้ เป็นความคิดของใคร  "ว่าถ้าประชากรของอินเดียยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณเช่นปัจจุบันนี้แล้ว แทนที่ความเพียรพยายามที่จะทำให้คนว่างงานน้อยลง ปัญหาที่จะตามมาก็ไม่สามารถที่จะรับมือได้  ดังนั้น มันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้แผนการคุมกำเนิดและกำจัดความสำส่อน  เพื่อที่จะปลุกให้ตื่นขึ้นในจิตของผู้คน ที่กระทำผิดต่อการถือพรหมจรรย์  คาามรู้ทางดวงวิญญาณควรจะมีการสอนในโรงเรียนและวิทยาลัย  ด้วยวิธีนี้ คนรุ่นหลังจะไม่เพียงแต่ยอมรับการถือพรหมจรรย์อย่างเต็มใจ  แต่คุณลักษณะของพวกเขาจะทำให้อินเดียเป็นอิสระจากโจรขโมย  การคดโกง  ความยากจน  และความรุนแรง  สังคมที่สอดคล้องกลมกลืนก็สามารถสร้างขึ้นได้

"เราเป็นสถาบันแห่งแรกที่ดึึงความสนใจของรัฐบาล ให้เห็นความสำคัญของการวางแผนครอบครัวและการถือพรหมจรรย์  เราเปิดเผยถึงจำนวนเงินเท่าไร ที่ใช้ไปในการหยุดยั้งอาชญากรรม  แต่คุกก็ยังไม่มีที่ว่าง  อัตราการเติบโตของอาชญากรรมรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา  นักกฏหมายได้เพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย และศาลเองก็มีงานล้นมือ  ถ้าเพียงแต่เขาทำให้ผู้คนมีความอดทนมากขึ้น  มีคุณธรรมมากขึ้น  บริสุทธิ์มากขึ้น  โดยสรุปมีพระเจ้ามากขึ้น  เราก็จะพัฒนางานของชาติให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น และเราก็จะใช้เงินเพียงเศษเสี้ยวของงบประมาณ ณ เวลาปัจจุบัน

ในทำนองเดียวกัน รัฐบาลก็ปราถนาที่จะประกาศห้ามการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ พวกเขาก็รู้ว่า ผู้คนก็เพียงแต่จะกลับไปทำไวน์ด้วยวิธีการพื้นเมือง  และด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่  พวกเขาก็จะป้องกันความผิดของตัวเขาได้  ดังนั้น การเสพติดแอลกอฮอล์ ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการใช้กฏหมายห้าม  อย่างไรก็ตาม ใช้การศึกษาทางดวงวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ ผู้คนก็จะเข้าใจถึงความสำคัญของการยกระดับตนเองของพวกเขาเอง

รัฐบาลก็พูดด้วยว่า  พวกเขาต้องการยกระดับชนชั้นที่ล้าหลัง  นี่คือความดี  แต่วิธีการที่พวกเขานำเสนอจะดีที่สุดที่จะทำให้ท้องอิ่ม  แต่ไม่ใช่ดวงวิญญาณอิ่ม  ตราบเท่าที่คนรวยปราถนาที่จะรักษาไว้ซึ่งอภิสิทธิ์ของพวกเขาจนเกินไป  และเพื่อดื่มกินเลือดของคนจน  ความไม่เสมอภาคก็จะดำเนินต่อไป  แต่ถ้าพวกเขาเข้าใจว่าคนจนก็เป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน  ซึ่งเหมือนกับพวกเขา และก็เป็นลูกชายและลูกสาวของพระเจ้าเท่าเทียมกับพวกเขา  และอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมที่เท่าเทียมกัน  เราอาจจะเปลี่ยนความคิดพวกเขาที่จะทำให้พวกเขาสนใจที่จะประพฤติตนเองให้ดีกว่าเดิม  เราสามารถที่จะปลุกความรู้สึกแห่งความเป็นพี่น้องในพวกเขา  และทำความสมบูรณ์พร้อมกลับมายังสังคม

"ด้วยหลาย ๆ วิธีเช่นนี้ เราสามารถนำเสนอ ถึงความสำคัญของความรู้ทางดวงวิญญาณ เรานำเสนอด้วยเช่นกันว่า ผู้คนของทุกระดับและทุกศาสนา  เคารพความคิดเช่นเดียวกัน  เราทำทุกสิ่ง เพื่อการก้าวไปสู่การนำความคิดไปใช้ในทางปฏิบัติที่แท้จริง

"ในความเป็นจริง มีเพียงศาสนาเดียว ซึ่งประกอบด้วยความรักฉันท์พี่น้อง  ไม่มีความรุนแรง  มีการควบคุมตนเอง ถือพรหมจรรย์  และมีสัมพันธ์เช่นลูกกับพ่อ  พ่อผู้เป็นพระเจ้า แต่วันนี้ รัฐบาลได้เอาพื้นฐานของศาสนาโยนทิ้งไป  นี่เป็นความผิดอันใหญ่หลวงที่สุดอันหนึ่งเท่าที่ได้ทำไว้  เป็นการตัดขาดรากแก้วของตัวมันเอง  ด้วยการตัดสายโลหิตจากชีวิตของตัวมันเอง

มหาตมะคานธีรู้อย่างชัดเจน ถึงความสำคัญที่จะต้องนำเอากีตะมาเป็นเครื่องค้ำจุน  ในการพยายามสำหรับความเป็นอิสระทางการเมือง  ในวันนี้ เนื้อที่จะก่อตั้งอำนาจในการปกครองตนเองทางดวงวิญญาณ รัฐบาลจะต้องก้าวให้ไปไกลกว่ากีตะ คัมภีร์กีตะเป็นคัมภีร์สูงสุด  เป็นผู้นำทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกศาสนา เพราะว่ามันได้บรรจุไว้ ด้วยคำพูดที่ยิ่งใหญ่มากมาย  ซึ่งพระเจ้าได้พูดไว้ เมื่อทานได้ลงมายังโลกเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว  เมื่อใดที่ความจริงได้รับการพิสูจน์ ด้วยเหตุการณ์เป็นเครื่องยืนยัน  และแล้วสาวกของศาสนาอื่น ก็จะยอมรับความรู้ที่อยู่ในคัมภีร์กีตะ แล้วรัฐบาลก็จะไม่มีปัญหาในการจัดระบบการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับ  เพื่อจะนำความบริสุทธิ์กลับมาสู่อินเดีย  เราแนะนำว่า คณะกรรมการซึ่งเป็นกลาง จะต้องถูกตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบหัวข้อนี้ทั้งหมด  พวกเราก็จะเป็นอีกด้านหนึ่งที่จะคอยนำเสนอการพิสูจน์ เพื่อให้พ้นจากความสงสัยว่า  ดวงวิญญาณสูงสุดพูดกีตะและให้ความรู้แก่มวลมนุษย์  และได้ถูกบันทึกไว้ในนั้นจริง"

และดังนั้น ข่าวสารก็แพร่กระจาย  ผู้คนเหล่านี้มีสามัญสำนึก  พวกเขาไม่ใช่สาวกที่มืดบอด นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญได้กลายเป็นราชโยคี นายแพทย์ได้แนะนำการทำสมาธิให้กับคนไข้ของพวกเขา  นักการเมืองได้ถกถึงแนวคิดที่น่าทำให้ประหลาดใจ ซึ่งหลั่งไหลมาจากยอดเขาสูงในราชสถาน  แต่จะมีสักกี่คนเล่า ที่รู้ว่าใครคือผู้ที่อยู่บนนั้นจริง ๆ 


อ่านต่อ >>>  อดิเทพ ตอนที่ 4 # 9

Monday, October 30, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 7

การเชื้อเชิญ

การสัมนา Vedanta ถูกจัดขึ้นใน Amaritsar และซิสเตอร์ 2 คน ถูกเชิญให้ไปพูดร่วมกับสาธุและซานยาสซี อีกจำนวหนึ่ง

“พวกเราเดินทางโดยรถไฟชั้น 3   ถึงแม้ว่าพวกเขา จะซื้อตั๋วชั้นหนึ่งให้กับเรา B.K Rukmini เล่า  “เมื่อเราไปถึง  พวกเขาก็มีปัญหาในการตามหาพวกเรา  เพราะว่าพวกเขาคิดว่าพวกเราจะต้องลงมาจากขบวนชั้นหนึ่ง  เมื่อพวกเขาหาเราจนพบ พวกเขาก็พาเราไปยังที่พัก  และจัดอาหารที่ฟุ่มเฟือยให้เรา  เรารับแต่เพียงนมและผัก  สิ่งนี้ประทับใจพวกเขา  เพราะว่า สาธุโดยทั่วไป จะขอเพิ่มมากกว่าที่พวกเขาได้รับ  เจ้าของบ้าน อาสาที่จะซักเสื้อผ้าของพวกเรา  แต่เราบอกว่า พวกเราจะทำของเราเอง  รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ไม่ว่างานใด ๆ ก็ตาม  หรือแม้แต่การทำอาหาร  พวกเขาชอบมาก  เพราะว่าซานยาสซี ใช้ให้พวกเขาซักเสื้อผ้า และยังให้นวดเท้าอีกด้วย

“ณ ที่สัมนา  เราซิสเตอร์ทั้งสอง  ได้ถูกเชิญเข้าไปนั่งที่หน้าเวที  ผู้ฟังประหลาดใจว่า  เราเป็นใคร  พวกเราจะพูดอะไร  ในที่สุด  ดาดี้แจงกี  ก็ได้รับอนุญาตให้บรรยาย  ผู้พูดคนอื่น ๆ และผู้ที่ให้การสนับสนุนปรัชญา  Adwaitist  ที่เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง  และโลกวัตถุนี้ทั้งหมด   เป็นเพียงสิ่งลวงตา  

แต่ดาดี้แจงกี  พรรณนาถึงความแตกต่างระหว่างพระเจ้า  ดวงวิญญาณ  และวัตถุธาตุ  เธอพูดอย่างชัดเจนและสวยงาม  เกี่ยวกับดวงวิญญาณสูงสุด  คุณสมบัติของท่าน  และรูปทั้งสามของการสร้าง  การทำลายและการหล่อเลี้ยงโลกของท่าน  และความจำเป็นในการยืมร่างกายมนุษย์ในการพูด  หลายคนรู้สึกว่า  พระเจ้าไม่สามารถเป็นจุดแสงซึ่งเล็กมาก  ท่านไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขตหรอกหรือ  แจงกีดาดี้เปิดเผยว่า  ท่านไม่มีขอบเขตในคุณธรรม  ในความรู้และในพลังอำนาจ  แต่มันไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับท่านที่จะไม่มีที่สิ้นสุดในขนาดที่หยาบ”

“เราทุกคนรู้ว่า  มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคน  ไม่มีร่างกายที่น่าประทับใจ  จักรพรรดิ นโปเลียนรูปร่างค่อนข้างเล็ก  มหาตมะคานธีดูอ่อนแอ  และบอบบาง และผู้หญิงหลายคน  ผู้ซึ่งถูกพิจารณาโดยทั่ว ๆ ไปว่าเป็นผู้อ่อนแอโดยเพศ  ได้รับการพิสูจน์แล้ว่า  ได้ครอบครองพลังทางดวงวิญญาณมากกว่าผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ในความเป็นจริง ชิพบาบาพูดบ่อยครั้งว่า  มาม่าสามารถที่จะไปถึงระดับที่สูงสุดของเธอ ได้รวดเร็วกว่าบราห์มาบาบาเสียอีก

การบรรยายของดาดี้แจงกี  ทำให้ฝูงชนตะลึง  และตกอยู่ในความเงียบ  สิ่งที่เธอพูดดูเหมือนว่าจะชัดเจนและเห็นได้ชัด  แต่ผู้จัดการสัมนานั้นรู้สึกกลัว  คำสอนว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง  ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในกลุ่ม ผู้ซึ่งสนับสนุนความเชื่อนี้อย่างรุนแรงที่สุด  พวกเขาเห็นว่าเป็นการดูถูก

เพื่อเป็นการตอบโต้  ผู้จัดรายการไม่ยอมให้ซิสเตอร์ Rukmini พูด  ถึงแม้ว่าชื่อของเธอจะถูกจัดเข้าในรายการเรียบร้อยแล้ว  ผู้ฟังหลายคนต่อว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรม  พวกเขาต้องการฟังว่าเธอจะพูดอะไร

วันรุ่งขึ้น สมาชิกลุ่มใหญ่ของคนเหล่านั้น รวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน ที่หน้าที่พักของซิสเตอร์  และแล้วการสัมนาอื่นก็เริ่มขึ้น  วันนั้นบาบาได้ให้กำเนิดกับลูกใหม่ ๆ อีกมากมาย



พระอาทิตย์เริ่มฉายแสง




ในปี ค.ศ.1954  การทำงานรับใช้ในญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้น  มีบัตรเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาโลก  หัวข้อหนึ่งของการประชุมคือ  “การลงมายังโลกของพระเจ้า”  ดาดี้กุมาค่า ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยของพระเจ้า  ได้ไปทิ้งระเบิดใส่พวกเขา ณ ที่นั่น

เมื่อก่อตั้งความสงบที่แท้จริงของโลก  ทุกหน่วยของบุคคล  จะต้องมีจิตใจที่สงบเป็นสิ่งแรก ปัจเจกบุคคลเป็นเครื่องวัดของสังคม  มนุษย์สามารถได้รับความสงบของจิต  เมื่อการกระทำของเขาดีเท่านั้น  เพราะว่า  พื้นฐานของความสงบและความไม่สงบ  คือการกระทำของแต่ละปัจเจกบุคคล  และพื้นฐานของการกระทำก็คือจิต  ดวงวิญญาณติดกับอยู่ในวงจรกิเลส  เพื่อที่จะหลุดพ้นออกมา  บุคคลนั้นจะต้องสร้างวงจรของคุณธรรม  นี่คือราชโยคะ ซึ่งความคิดถูกควบคุม ให้ไปสู่เป้าหมายและจุดประสงค์  ซึ่งทั้งสูงส่งและไม่สามารถต้านทานได้  นั่นคือเป้าหมายของการกลายเป็นเทพ

ด้วยการมุ่งสู่เป้าหมายนี้อย่างหนักแน่น  สติปัญญาก็ละวางจากโลกปัจจุบัน  จิตใจที่ไม่สงบก็เริ่มช้าลง  ยุติการติดกับอยู่ในความเร่งรีบของความปรารถนาแห่งวัตถุ  บุคคลจะรับรู้ถึงกระแสความคิดซึ่งละเอียดอ่อน  ที่แผ่กระจายออกมาจากสิ่งสูงสุด  ด้วยการมีการติดต่อด้วยจิตที่บริสุทธิ์กับชิพบาบา  ดวงวิญญาณก็เพิ่มพลังในการควบคุมนิสัยที่ให้โทษ  ดวงวิญญาณรับรู้ความรับผิดชอบต่อตนเอง  จมหายเข้าไปในความรักที่ให้กับบาบา  เพิ่มพลังด้วยความศรัทธาที่มั่นคงในชัยชนะของตนเอง  ที่ได้รับการค้ำประกัน  ดวงวิญญาณผ่านการทดสอบอันแล้วอันเล่า  ในตอนจบไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสั่นคลอนมันได้เลย

มีอะไรที่จะต้องทำกับความสงบบนโลก ?  ดาดี้บอกพวกเขา  ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสงบบนโลก  นั่นเป็นความรับผิดชอบของพระเจ้า  ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือ  การสร้างความสงบขึ้นในตนเอง  ความร่วมมือที่พระเจ้าต้องการ  นั่นคือเพียงแต่เรากลับมาบริสุทธิ์  สิ่งนี้เราสามารถทำได้เพียงแต่อยู่ในการคิดถึงท่าน  สิ่งแรกเราจะต้องรู้จักท่าน  และดังนั้น  ท่านต้องลงมาบนโลกและแนะนำตัวท่านเอง  สิ่งนี้ท่านทำได้แล้ว

ในที่ชุมนุมมีปฏิกิริยาที่ประหลาดใจ  ดาดี้ก็อธิบายต่อไป  ถึงวิธีการที่พระเจ้าลงมาใช้ร่างและบทบาทของบราห์มา  วงจรที่แท้จริงของเวลา  โลกวิญญาณที่ซึ่งเราได้จากมา  ซึ่งเราจะต้องกลับไปในเวลาไม่ช้านี้  นี่คือเวลาสุดท้าย  ในประวัติศาสตร์ของวงจรเวลาโลก

อนันต์  กีชอร์  บราเธอร์อาวุโสคนหนึ่ง  ของสถาบันพูดเป็นคนต่อไป  ท่านอธิบายต่อไปว่า  ระเบิดอะตอมและระเบิดไฮโดรเจน ได้สร้างไว้เพื่อการทำลายโลก  และแล้วมันก็จะขยายไป  จนกระทั่งจุดศูนย์รวมประชากรทุก ๆ แห่งอยู่ในระยะของการทำลายล้าง  สงครามโลกครั้งสุดท้ายไม่สามารถป้องกันได้  เพราะว่าด้วยการมีสงครามนั้นนั่นเอง  ที่โลกซึ่งไม่สงบสุขในปัจจุบัน  จะถูกทำลายทันที  และอย่างเต็มไปด้วยความเมตตา  พ่อสูงสุดก็จะพาดวงวิญญาณกลับบ้าน  และความสงบก็จะครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก

เพียงแต่วิธีนั้นที่โลกยุคใหม่จะเริ่มขึ้น  มีพลเมืองซึ่งเป็นดวงวิญญาณ ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองมาก่อน  พวกเขาได้ครอบครองพลังอำนาจ  ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความกลมกลืนอย่างสูงสุด  สำหรับอีก 2500 ปีข้างหน้า  การวิวาทจะไม่ปะทุขึ้นบนโลก  ไม่มีอุบัติเหตุหรือความป่วยไข้จะเกิดขึ้นกับใครแม้แต่คนเดียว  ไม่มีความทุกข์ที่มากมายในโลกเช่นทุกวันนี้  ความสุขเป็นอย่างมากมายเหลือล้น ณ ที่นั่น  นั่นเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ  และนี่เอง  ที่ทำไมท่านจึงได้รับการกราบไหว้ตลอดกาล

ผู้ฟังหลายคน  ซึ่งมีสติปัญญาที่บิดเบือนไปจากความจริง  พวกเขาคัดค้านคำพูดของ อนันต์  กีชอร์  ว่าเป็นสิ่งไร้ค่าและเป็นเรื่องโกหก  ยกเว้นแต่สิทธิอำนาจซึ่งเขาพูด  และแสงซึ่งฉายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา  ผู้อื่นซึ่งคิดอย่างลึกซึ้ง  เกี่ยวกับเรื่องราวที่พูดสรุปว่า  ผู้คนแปลกหน้าจากอินเดีย ได้พูดอธิบายสิ่งที่มีเหตุผล  พวกเขา ได้เริ่มตั้งคำถาม กับผู้มาเยือนอย่างเข้าถึงแก่น

“ทำไมท่านจึงคิดว่าเนื้อสัตว์ไม่เหมาะสม?”  ผู้ตั้งคำถามยืนกราน  “ทุกวันนี้สัตว์ต่าง ๆ และนก ได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล  ถ้าหากมนุษย์ ไม่นำมาใช้ประโยชน์เป็นอาหาร  ต่อไปพวกมันก็จะมาย่ำยีเรา”

“ประชากรของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน  อนันต์  กีชอร์ ยิ้ม  นั่นมันก็หมายความว่าเราควรจะเริ่มกินมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วยหรือ  พวกเราจะไม่กินซึ่งกันและกัน  เพราะว่าเรายอมรับว่าบุคคลนั้น  ไม่ได้เป็นเพียงร่างกายเท่านั้น แต่เป็นดวงวิญญาณ  ตั้งแต่กำเนิดมาเรารู้ว่าเป็นสิ่งผิด  ที่จะทำอันตรายโดยปล่อยให้คน ๆ หนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่ง  ผู้ที่ถูกฆ่า ก็จะสามารถแสดงความรู้สึกกลัวของเขาออกมาเป็นคำพูด  แต่นกและสัตว์ไม่สามารถพูดได้  ถ้าพวกเขาสามารถพูดภาษาของเรา  พวกเขาคงจะถามท่านว่า  “ทำไมท่านต้องฆ่าเราและกินเรา”  เราจะตอบว่าอย่างไร?  มันไม่เป็นธรรม  มันเป็นอาชญากรรม  มันเป็นความทารุณ  มันเป็นบาป  การทำให้ใครก็ตามเกิดความทุกข์เป็นบาป  การฆ่าสิ่งใด ๆ เป็นอาชญากรรม  จากมุมมองของกฏของการกระทำ  มันก็ยังเป็นอาชญากรรม  ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะให้อภัย”

ตอนนี้ผู้ฟังก็เงียบ  คำพูดของบราเธอร์ได้เข้าถึงพวกเขาแล้ว

“ใช่แล้ว”  ในที่สุดบางคนก็พูดขึ้น  “บางทีท่านอาจจะถูกเกี่ยวกับสัตว์  แต่เกี่ยวกับปลาล่ะ  พวกเขาเป็นเพียงผลของท้องทะเล  เหมือนกับผลของต้นไม้ที่เกิดบนโลกตามท้องทุ่ง”

อนันต์  กีชอร์  ผงกศีรษะอย่างอ่อนโยน  “ท่านเคยเห็นขณะที่ปลากำลังจะตายแล้วใช่ไหม  ท่านรู้ว่าเสียงที่ระทมทุกข์ของลมหายใจ  ท่านรู้ถึงความเจ็บปวด  มนุษย์มีข้ออ้างมากมายเพื่อแก้ตัวที่จะกินพวกเขา  มีสิ่งอื่นอีกมากมายที่หาได้สำหรับผู้คนเพื่อกิน  ซึ่งดีกว่าปลาอย่างมาก”

บราเธอร์และซีสเตอร์ ได้ทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น  พวกเขาได้ค้นพบศาสนานิกาย  ซึ่งใช้หินรูปไข่  เป็นสิ่งสำหรับดูเพื่อการทำสมาธิ  สมาชิกของนิกายไม่ได้มีความคิดของนัยสำคัญของรูปไข่นี้  พวกเขาพิจารณาว่าหินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และคิดว่าด้วยการเพ่งรวมบนหินรูปไข่นี้  สะพานจะถูกสร้างขึ้น  เพื่อเชื่อมต่อระหว่างดวงวิญญาณและพระเจ้า  ซีสเตอร์ Latan Mohini  ถามพวกเขาว่า  ทำไมพวกเขาจึงเลือกหินเช่นนี้  แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ  พวกเขาพูดว่า  มันเป็นประเพณี  มันนำความสงบมาให้พวกเรา  

ลูก ๆ ของบาบาต่างประหลาดใจต่อการมีอยู่ของสัญลักษณ์เช่นนี้  ณ ที่นี่ สำหรับสิ่งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าเป็น  ชีวาลิงค์  ภาพสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณสูงสุด  คุณลักษณะของผู้ซึ่งทำการสักการะบูชาในวัดทั่วทั้งอินเดีย  ซิสเตอร์  Latan Mohini  สอนดวงวิญญาณที่กระหายเหล่านี้เพื่อสร้างสะพาน  ไม่ใช่ไปหาพระเจ้าที่เป็นหิน  แต่ไปยังพระเจ้าที่แท้จริง  พวกเขามีความสุขมากที่ได้เรียนรู้การทำสมาธิ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุผลและชัดเจน

ชาวญี่ปุ่นได้จัดการให้มีการพบปะสำหรับพวกเรา  สร้างบรรยากาศให้มีการบรรยายและสอนสมาธิ  และแปลคำบรรยายของเราแล้วนำไปตีพิมพ์  หนังสือพิมพ์ของพวกเขาประกาศการมาเยือนของพวกเราอย่างกว้างขวาง  นักเดินทางหวนระลึกได้อีกว่า  ฮ่องกง  มาเลย์  สิงคโปร์ ฯลฯ  ก็ได้เชิญเราไปเยี่ยมเยียนด้วย  เราอยู่อินเดีย 1 ปี  เมื่อพวกเขากลับมา  ข่าวการเดินทางไปต่างประเทศถูกตีพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์ของบอมเบย์และ Madras หนังสือพิมพ์อินเดียเอ็กต์เพรสตีพิมพ์เรื่องราวเป็นที่เอิกเกริก  ในที่สุด บราห์มากุมารี ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นในบ้านเกิดของตน

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 8

Friday, March 31, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 6

ชั้นเรียนยามค่ำคืน




"ตอนกลางคืน เมื่อบาบาและมาม่า เคยนั่งอยู่กับทุก ๆ คน B.K Pushpashanta บันทึกไว้ว่า มันเป็นฉากที่ควรค่าแก่การเห็นอย่างยิ่ง ท่านทั้งสองเปล่งปลั่งไปด้วยความบริสุทธิ์ ระหว่างคิ้วของท่านทั้งสอง สามารถนึกเห็นแสงสว่างออกมาของดวงวิญญาณ ท่านทั้งสองยิ้มอ่อนโยนให้กับพวกเขา และความหมายของทั้งจักรวาลก็ถูกเปิดเผย สิ่งมหัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้นบนโลกนี้ และคนอีกหลายล้าน ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้"

เมื่อพระเจ้ามายังโลกนี้ และมาแจกจ่ายโชค ก็มีคำพังเพยว่า "หลายคนไปที่นั่นสาย และอีกมากมายก็อยู่ในการหลับไหลแห่งการไม่รู้" มันช่างเป็นความจริง

เมื่อทั้งสองท่านผู้มีชีวิตที่สูงส่งมายังชั้นเรียน ท่าทางการเดิน สายตา และ กระแสของท่านท้้งสอง จะรู้สึกได้ทันทีทันใด สิ่งแรก มาม่าจะพูดว่า "เธอทุกคนนั่งอยู่สบายดีหรือ" หมายความว่า เรามั่นคงอยู่ในจิต คำพูด และร่างกายหรือไม่ แล้วความคิด การตัดสินใจได้สลับกันเข้ามา
รบกวนเราหรือไม่ เธอได้ให้ความเอาใจใส่ หลังจากที่มาหาพ่อผู้สูงสุดเช่นนี้ และไม่ได้ตกอยู่ในใยตาข่ายของความคิดที่เต็มไปด้วยโทษใช่ไหม ชีวิตที่มีค่า ที่ไม่อาจประเมินได้ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปในการคิดสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ถ้าพวกเธอต้องการสิ่งใด บอกให้เราทั้งสองรู้ พวกเธออยู่ในบ้านของพ่อของเธอเอง ไม่ต้องอาย พูดออกมา ผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากอันตรายเหล่านั้นก็ยกมือขึ้น

เมื่อเรื่องเหล่านั้น ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว มาม่าจะพูดว่า  เอาหละ ถ้าเธอได้ทำสิ่งใดที่มันกัดกร่อนอยู่ในสำนึก ปล่อยมันออกมา ปลดปล่อยมันเสีย ด้วยการบอกสิ่งนั้น แล้วเธอจะรู้สึกเบาสบาย เราจะแสดงให้เธอรู้จักการจัดการกับมัน และในอนาคต มายาเช่นนั้นจะไม่มีชีวิตอยู่สำหรับเธอ ถ้าเธอเก็บมันไว้ในตัวของเธอ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่ง มันก็จะถึงเวลาที่เป็นอันตรายมาก

แล้วบัพบาบาก็เข้ามา ดวงตาทุกคู่ก็หันไปดูท่าทางการเดิน การนั่ง อากัปกิริยา มันเป็นบทเรียนในตัวเอง ความเงียบปกคลุมไปทั่วชั้นเรืยน ท่านมองดูที่ลูก ๆ ทุกคน แล้วถาม "มาม่า ได้ถามสารทุกข์สุขดิบลูก ๆ ทุกคนแล้วใช่ไหม  ดูซิ ลูก ๆ ได้มายังบ้านของบัพดาดา ไม่ต้องอายที่จะร้องขอเพื่อความสุข ทรัพย์สมบัติของชิพบาบา ทั้งหมดเป็นของลูก ๆ ทุกคน จะต้องมีทุกสิ่งที่ลูกต้องการ เพื่อสุขภาพและความสะดวกสบายของลูก ร่างกายนี้มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า ด้วยการอยู่ในร่างกายนี้ ลูกสามารถคิดถึงชิพบาบา และกำจัดนิสัยที่ไม่ดีทั้งหมด และหารายได้แห่งความมั่นคงที่เป็นอมตะ ดังนั้น ดูแลมันอย่างดีด้วย ตอนนี้ ไม่ต้องไปยึดติดอยู่กับร่างกาย เธอจะต้องมีทั้งสองสิ่งคือ ลืมร่างกาย และในเวลาเดียวกันก็ดูแลร่างกายนี้ด้วย

บาบาไม่ได้ปรารถนาที่จะให้ลูก ๆ ทนทุกข์ ท่านเพียงแต่กำหนดงานที่ยากเพียงอย่างเดียว คือ คิดถึงชิพบาบาอยู่เสมอ และเป็นผู้มีคุณธรรม  "มันจะต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างพิเศษที่จะคิดถึงชิพบาบา แต่มันไม่มีความยาก เพราะว่า ลูกไม่ต้องนั่งอยู่ในท่าพิเศษ ลูกไม่ต้องอดอาหาร หรือกำหนดลมปราณใด ๆ เพียงแต่คิดถึงพ่อ บาปของลูกก็จะถูกเผา"

เมื่อชั้นเรียนจบลง เพลงก็เริ่มต้น
สังกัมยุค (ยุคแห่งการบรรจบพบกัน)
ช่างเป็นเวลาที่งดงามอะไรเช่นนี้
พ่อของพ่อทั้งมวลได้มาพบปะกับพวกเราที่นี่
ด้วยการเดินทางที่ไกลโพ้นเหนือขอบฟ้า
ช่างเป็นวันที่ยิ่งใหญ่เสียนี่กระไรที่ได้บินจากไป
ด้วยร่างแห่งแสงเหมือนกับดอกไม้ เรากำลังโผบินไปในนภากาศ
จากโลก จากดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ แม้แต่ดวงดาวก็ถูกทิ้้งไว้เบื้องหลัง
มุ่งหน้าไปสู่พารามธรรม
ไกลแสนไกล พารามธรรม
ไกล ไกล สุดแสนไกล คือโลกแห่งแสง
บ้านที่ไม่มีขีดจำกัด ที่ที่ซึ่งทุกดวงวิญญาณได้จากมา
ที่ที่ซึ่งพ่อผู้เป็นจุดแสงอาศัยอยู่ !

ดวงวิญญาณที่มั่นคง เปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้ลิ้มรสของความรัก ที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบได้ ด้วยอารมณ์ที่เข้มข้นเช่นนี้นี่เอง ที่พวกเราไม่สามารถจะทำสิ่งอื่นได้ นอกจากร้องเพลง พวกเขาออกจากชั้นเรียนด้วยความสดชื่น กลับไปนอน แล้วหลับอยู่ในความสงบ

ไม่มีใครสักคนที่จะเข้าใจได้ว่า  เวลามันได้จากไปที่ไหน  มันเร็วเกินไปที่ช่วงเวลาแห่งการบอกลากับลูก ๆ ใหม่ ๆ ได้มาถึง เวลาแห่งการเยี่ยมเยียนของพวกเขาได้จบลง บาบาและมาม่า เคยมาที่หอประชุม ทุกคนจะได้รับโทรี (ของขวัญที่ทำด้วยขนมหวาน) จากบาบา และกล่าวคำอำลา ด้วยเพลงที่ถูกบรรเลงเป็นส่วนประกอบ ซึ่งได้กลายเป็นประเพณีในโอกาสเช่นนี้

อย่าได้ลืมวันเวลาแห่งวัยเด็ก
และอย่าได้ร่ำไห้หลังจากการหัวเราะของวันนี้

บาบาเคยพูดว่า  "ลูก ๆ กำลังฟังเพลงอยู่หรือเปล่า ? มันหมายความว่าอะไร ?  ลูกได้พบกับความเยาว์วัยอีกครั้งหนึ่ง เพราะลูกเป็นนักเรียนของพระเจ้า ชีวิตของนักเรียน เป็นชีวิตที่ดีที่สุด เพลงบอกว่า "อย่าได้ลืมเลือน .........." ในขณะที่รับความรู้ อย่าได้จากชิพบาบาไปยุ่งเกี่ยวกับมายา และ อย่าได้ตกลงไปในหลุมทรายดูดแห่งความปรารถนา"

ฉากที่ละเอียดอ่อนของการอำลา

ออกจากมธุบัน ซิสเตอร์ ชีลู อินทรา ปัจจุบันทำงานรับใช้อยู่ใน บอมเบย์ ได้ย้อนอดีต “เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ใครล่ะ! จะสมัครใจที่จะจากพระเจ้า น้ำตาได้ไหลรินออกจากดวงตาทุกดวง แต่บาบาและมาม่า ก็กระซิบอย่างอ่อนโยน ด้วยการบันดาลใจ ให้กับลูกแต่ละคน มาม่าจะโอบซิสเตอร์ทั้งหลาย  และบาบาก็จะลูบหลังของบราเธอร์และพูดว่า  “เอาหละลูก ลูกกำลังจะไปแล้วใช่ไหม”   พวกเขาหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน  ลูกที่ยังเยาว์วัยอยู่  ก็เคยหนีไปหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า หรือไม่ก็ใต้เตียง  จนกระทั่งพวกเขาคิดว่า  รถไฟได้ออกไปแล้ว  เมื่อพวกเขาถูกหาจนพบ  พวกเขาเพียงแต่พูดว่า  “ไม่”  และพวกเขาปฏิเสธที่จะไป   ถ้าพวกเขามองเห็นบาบา  พวกเขาก็จะวิ่งไปหา  และยึดมือบาบาไว้  แล้วอ้อนวอนที่จะอยู่ต่อ

“โอ้  ลูก ๆ ที่น่ารัก”  ท่านหัวเราะ  “ลูกเป็นลูกของบาบา  บาบาเพียงแต่ส่งลูกไปทำงานรับใช้  ลูกจะต้องไปให้การแนะนำชิพบาบากับลูก ๆ คนอื่น  ลูกสามารถจะทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่มีอายุมากกว่าเหล่านี้จะสามารถทำได้  อย่าได้โกรธ  อย่าได้วิวาทกับใคร ๆ  และจงรักษาความประพฤติของลูก  เช่นที่ว่าทุกคนจะพูดว่า  เขาเหล่านี้เป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ  จงกลายเป็นพันดาพที่ยิ่งใหญ่และกลับมา  ลูกคือดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่  เพราะว่า ลูกทุกคนบริสุทธิ์  ลูกก็จะบันดาลใจให้ผู้อื่นบริสุทธิ์”


ได้ยินบาบาพูด  ด้วยวิธีเช่นนี้  หน้าของพวกเขาสดใส  และพวกเขาก็ตกลงที่จะไปอย่างมีความสุข  ทุกคนร้องเพลงสุดท้ายพร้อมกัน  แล้วบาบาและมาม่า ก็โบกมืออำลาด้วยผ้าเช็ดหน้า  จนกระทั่งลูก ๆ ที่ออกเดินทางลับหายไปจากสายตา  ผู้เดินทาง ได้จากไป ในความซาบซึ้งที่สูงสุด  เพียงแต่เมื่อพวกเขาอยู่ในระหว่างทาง พวกเขาก็เริ่มคิดอีกว่า ทำไมพวกเราถึงต้องจากมา


อ่านต่อ >>>  อดิเทพ ตอนที่ 4 # 7





Thursday, March 30, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 5

ความสัมพันธ์ที่ปราศจากร่าง




ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ไปภูเขาอาบู มีความสุขเป็นอย่างมาก ขณะที่นั่งไปในรถไฟ พวกเขารักษาสภาพจิตที่สูงส่งมาก ด้วยการคิดเกี่ยวกับ การพบปะที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าอย่างเหลือเชื่อ "พวกเรากำลังไปพบบราห์มาบาบา" พวกเขาคิดกับตนเอง และสรัสวาตีมาตา และ เหนือสิ่งใด ๆ ทั้งหมด คือ ชิพบาบาเอง ความรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก ที่พวกเขามีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร แล้วมันก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้ มธุบัน ดินแดนแห่งตำนานที่เลืองลือ เมื่อรถไฟมาหยุดที่สถานีรถไฟ อาบูโรด พวกเขาก็มองไปยังภูเขา ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาก็รู้ว่าบาบากำลังรอพวกเขาอยู่บนนั้น พวกเขาสัมผัสรู้ถึงการหลอมรวมกับท่าน แม้แต่ก่อนจะมีการพบปะ ราวกับว่าพวกเขากำลังกลับบ้านไปหาพ่อ พวกเขาก็ได้รับกระแสของความสุข ที่ไหลมาอย่างไม่มีวันจบสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงยังยอดเขา อาคารของสถาบัน ตั้งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา บาบาได้รับข่าวสารแล้วว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนมา ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับการต้อนรับด้วยความยินดีปรีดา บาบาเคยบอกกับพวกบราห์มิน ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ "ลูก ๆ ของพ่อ ผู้ที่จากพ่อไปเป็นเวลาช้านานมาก มาแล้ว จงดูแลพวกเขา อย่าให้ความไม่สบายใด ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา มายาทำให้พวกเขาหมดความสุขไปชาติแล้วชาติเล่า แล้วพวกเขาก็เหนื่อยอ่อน บัดนี้ พวกเขาได้มาเพื่อกำจัดความเหนื่อยล้านั้น ดังนั้น พวกเขาควรจะได้รับความสงบ ทั้งภายนอกภายใน จงกรุณาต่อพวกเขาในความสบาย ทั้งทานด้านกายและใจ"

ช่วงเวลาที่สูงสุดนั้นมาถึง เมื่อลูกใหม่ ๆ ได้ถูกนำให้เข้าไปพบกับพ่อทั้งสองของพวกเขา บรรยากาศถูกอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจ ผู้ที่อาศัยอยู่ในมธุบัน มีความปิติสุขเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นพี่น้องชายหญิง ซึ่งถูกค้นพบใหม่ของพวกเขา พวกเขาเข้าใจความคิด ที่วนเวียนอยู่ในจิตใจของพวกเขาตลอดมา คำถามต่าง  ๆ ซึ่งท้ายที่สุด ก็ได้พบคำตอบ ก่อนที่จะมาที่นี่ ลูกใหม่ ๆ เคยสงสัยว่า พระเจ้าจะเข้ามาในร่างของบราห์มาบาบาได้อย่างไร แล้วเราจะรู้หรือไม่ เมื่อท่านเข้ามา แล้วมันจะเป็นเหมือนกับอะไรที่นั่งอยู่ต่อหน้าชิพบาบา คำถามวนเวียนอยู่ในจิตใจ แต่บัดนี้ ช่วงขณะแห่งความเป็นจริง ความคิดทั้งหมดก็มลายหายไป การสัมผัสกับพระเจ้า มันเปี่ยมล้นสำหรับพวกเขา ด้วยการใช้ดวงตาของบราห์มาเป็นหน้าต่าง ชีว่าพ่อของโลก ได้พบกับลูกที่เป็นอมตะของท่าน ดวงวิญญาณทั้งหลายของพวกท่าน ที่ซึ่งเล็กยิ่งกว่าน้ำตาแห่งความสุข ซึ่งไหลรินมาจากใบหน้าของพวกเขา บางคนไม่สามารถต้านทานต่อกระแส ได้ลุกขึ้นไปสัมผัสบาบาและมาม่า อ้า ! ความรักไม่มีขีดจำกัดของพวกท่าน ช่างอ่อนหวานอะไรเช่นนี้ ความอ่อนล้าและเจ็บปวดจากหลาย ๆ ชาติได้หลุดหายไป ไม่มีสำนึกของความเป็นร่างหลงเหลืออยู่ และแล้ว ดวงวิญญาณก็ได้รับประสบการณ์อย่างแท้จริง ในการพบปะกับสิ่งสูงสุด มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้ การหลอมละลายอย่างสมบูรณ์ของจิตใจ ไม่มีสำนึกของทั้งโลกและท้องฟ้า เพียงแต่ดวงวิญญาณและพระเจ้า รวมเข้าด้วยกันในความรัก ในความรักที่ปราศจากขอบเขต ในความสงบ ไม่มีจุดจบ ในความนิ่งเงียบ การพบปะเต็มไปด้วยพลัง

ดวงวิญญาณกลับลงมาอีกครั้งหนึ่ง จากจุดสูงสุดอันแสนมหัศจรรย์อย่างช้า ๆ แต่ความทรงจำของประสบการณ์ยังคงอยู่ และความปรารถนาเดียวก็คือ การอยู่ในสภาวะนั้นอีกครั้งและต่อเนื่อง แต่บัดนี้ ความคิดได้เกิดขึ้น เราจะต้องค้นหาพี่น้องชายหญิงของพวกเรา ความคิดนั้น เพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้ดวงวิญญาณอยู่ภายใต้ความควบคุม ด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อบรรยายประสบการณ์ของพวกเขา ลูกใหม่ ๆ หลายคนเคยพูดว่า "เรารู้สึกถึงสัมผัสแห่งความสงบ ในดวงตาบาบา เราสัมผัสพลังของพระเจ้า และมันเป็นการเปิดเผย มันเหมือนกับพลังของกระแสไฟฟ้า แต่กระแสนี้ ได้ส่งความสุข ความตื่นเต้น ของความรัก ที่ทำให้ขนลุกผ่านจิตใจ เรารู้สึกเหมือนกับสายฝนแห่งแสง ที่ได้ตกลงมากระทบร่างพวกเรา นิสัยที่เลวร้ายทั้งหมด ได้ถูกชำระไปจนหมดสิ้น ปราศจากน้ำหนัก แสงทางดวงวิญญาณ เต็มไปด้วยความสูงส่ง ทั้งหมดนั้นคือ ประสบการณ์ จิตใจถูกยกระดับให้เคลิบเคลิ้ม อยู่ในบัลลังก์หัวใจ ของพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ อ้า! จะคงอยู่ที่นี่ตลอดไป เพราะว่านี่คือชีวิต คือชีวิต คือชีวิต

เพลงของพระเจ้า

ในตอนเช้าตรู่ บาบาสอนเมอร์ลี ในที่ชุมนุมของบราห์มิน แล้วดวงวิญญาณแต่ละดวง ก็รู้สึกว่า เสียงเพลงที่สูงส่งที่บรรเลงสำหรับตัวเขาโดยเฉพาะ ขลุ่ยของความรู้อธิบายถึงความสัตย์จริง นวดคลึงสติปัญญาและชำระล้างจิตใจ บาบาพูดถึงธรรมชาติของดวงวิญญาณ และเกี่ยวกับตัวท่านเอง พูดถึงสามโลก และพูดถึงกาลเวลาทั้งสาม ท่านพูดมาแล้ว และ ก็ยังพูดต่อไป ด้วยสิทธิอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เหนือใครทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักบวช นักบุญ มหาตมะ จั๊กกัดกูรู ฤาษี มุนี โป๊บ พระในศาสนายิว (Rabbis) นักการเมือง กษัตริย์ และ อยาโตลาฮ์ ท่านพูดอย่างเช่นผู้ทรงฤทธิ์ ผู้มีสิทธิอำนาจเฉียบขาดสูงสุด สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกิเลสตลอดกาล เป็นมหาสมุทรของความรักอันเป็นอมตะ ผู้กำกับละครแห่งจักรวาล ทุก ๆ คำพูดของท่านคือ สัจจะ คำชี้แนะของท่านให้มาเพื่อความดีงามของพวกเรา และท่านจะหยุดพูด เพียงแต่เมื่อท่านได้ปฏิบัติภาระกิจ ที่ท่านจะต้องทำให้พวกเราบริสุทธิ์สมบูรณ์แล้วเท่านั้น แล้วท่านก็จะพาพวกเรากลับบ้าน

ชิพบาบาไม่ใช่มนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงพูดด้วยความเป็นธรรมชาติและความรักที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านพูดว่า "ลูก ๆ ของพ่อ ลูก ๆ ผู้เป็นสุดที่รัก" เราจะรู้สึกได้ทันที ถึงความผูกพันที่เป็นอมตะดั้งเดิมกับท่าน สายตาที่มอง เสียงที่พูด คำพูด ความรักของท่าน นำน้ำตาแห่งความสุขที่งดงามละเอียดอ่อนให้ไหลรินออกมา ถึงแม้เราจะรู้จักท่านหรือไม่ ถึงแม้เราจะเชื่อท่านหรือไม่ ท่านรู้จักเราดี ท่านรู้ว่า เราเป็นของท่าน ท่านมายังโลกนี้ เพียงเพราะความรักที่มีต่อพวกเรา เพื่อให้ประโยชน์ต่อพวกเรา เพือยกเราขึ้นมาจากความตกต่ำของพวกเรา และมาทำให้เราบริสุทธิ์  และมีความสุข นี่เป็นเป้าหมายของพระเจ้า และท่านก็จะไม่ประสบกับความล้มเหลว

ลูก ๆ เคยนำใบรายการประจำสัปดาห์ ซึ่งแสดงถึงกระการทำที่ไม่ดี ที่พวกเขาได้กระทำไปให้ท่านดู เพราะว่าด้วยการสารภาพต่อพระเจ้าเช่นนี้ จะเป็นการปลดเปลื้องภาระ ที่หนักอื้ง จากการเปิดเผยของท่าน เป็นที่แน่ชัดว่า ท่านไม่มีความเกลียดชัง ท่านไม่มีความกลัว ท่านอยู่เหนือความตาย ท่านอยู่อย่างไร้ร่างเป็นอมตะ ท่านแสดงตัวท่านเองให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ท่านแตกต่างจากบราห์มาบาบา ซึ่งเป็นเจ้าของร่างที่ท่านใช้ การแสดงออกของท่าน คำพูดของท่าน ความเบาสบายของท่าน ความรักของท่าน ท้้งหมดพิเศษไม่เหมือนผู้ใด การกระทำและคำพูดของท่าน ไม่สามารถจะโต้แย้งได้ พิสูจน์ถึงคุณลักษณะของท่านอย่างแท้จริง และโดยผลที่ท่านทำ โดยลูก ๆ ของท่านที่อยู่ในรูปของเอนเจิ้ลพวกเราจะรู้จักท่าน

อ่านต่อ  >>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#6

Wednesday, March 29, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 4

การก่อตั้งศูนย์



การก่อตั้งศูนย์ งานรับใช้ของพระเจ้าอย่างถาวร ใน กำลา นาการ์ ในเดลลี B.K ซิสเตอร์ ที่ไปยัง อัลลาห์บัด ได้เริ่มก่อตั้งศูนย์ที่ Kanpur ณ ที่นั่น นักอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง บาบา ฮาร์วิลัสเรย์ และสมาชิกของผู้นำสถาบันศาสนาที่ใหญ่ ๆ หลายแห่ง (อาทิ เช่น อารยา สมาจิ, Gurudwar, Aahlu Valia Samaj,ฯลฯ) ได้ยินความรู้ของพระเจ้า และมีความสนใจมาก พวกเขาได้ให้ส่วนหนึ่งของบังกะโลของเขากับซิสเตอร์เหล่านั้น เพื่อเป็นที่ตั้งของงานรับใช้ให้บริการของพระเจ้า
ก่อนหน้านี้ B.K Hirdaya Mohini และ B.K Shanta Mani ได้ไปตามคำเชื้อเชิญยัง ลัคเนา (Lacknow) ณ ที่นั่น ศูนย์ก็ถูกก่อตั้งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ตามคำเชิญเหล่านั้น ศูนย์ที่ถาวรหลายแห่งก็ถูกตั้งขึ้น หล่อเลี้ยงโดยนักเรียนอาลาสมัคร ณ ศูนย์เหล่านั้นนั่นเอง ชั้นเรียนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผลรางวัลที่เป็นอมตะ

เป็นที่เข้าใจกันอย่างดีว่า สิ่งแรกที่ทุกคนผู้ซึ่งได้รับความรู้ต้องการจะทำ คือ การรีบเร่งไปยังภูเขาอาบู เพื่อพบ บาบา พ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด กำลังอยู่บนโลกนี้ ดังนั้น พวกเขาจะรอเพื่ออะไรอีกล่ะ จะมีอะไรที่สำคัญกว่า หรือยิ่งใหญ่กว่าการทำให้แต่ละคนได้รับการยกระดับหรือ ? ในการที่จะให้ลูก ๆ ที่จากหายไปนานของท่าน ฟื้นคืนสภาพเดิม พระเจ้าผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทั้งหมดของ 3 โลก ได้มายังโลกนี้ “เราจะไม่ไปพบท่านตัวต่อตัวได้อย่างไร” นักเรียนใหม่เรียกร้อง “พ่อของพวกเรา ผู้ซึ่งเราร้องเรียกหาชีวิตแล้วชีวิตเล่า ด้วยเสียงร่ำไห้ ผู้ซึ่งเราค้นหาตามวัดหรือสถานที่แสวงบุญ ในถ้ำ ในป่า และในส่วนที่ลึกสุดแห่งหัวใจ บัดนี้ เมื่อพ่อผู้เป็นสุดที่รักของเราได้มา เราจะทนอยู่ได้อย่างไรโดยไม่ไปพบท่าน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น”

แต่ซิสเตอร์เคยตอบว่า “พวกท่านไม่สามารถพบบาบาได้ในตอนนี้ มีเพียงแต่ผู้ที่ถือพรหมจรรย์ ซึ่งไม่กินอาหารในภัตตาคาร ผู้ที่กินอาหารซึ่งเป็นมังสะวิรัติ ไม่กินหัวหอม กระเทียม หรือ ไข่ ผู้ซึ่งทำให้สายตาและสันสการ์บริสุทธิ์ ผู้ซึ่งมีความศรัทธาอย่างมั่นคง ในความรู้ของพระเจ้า เป็นคำสั่งของชิพบาบาว่า มีแต่เพียงดวงวิญญาณที่ดีเหล่านั้น ที่จะทำความเพียรพยายามเพื่อความบริสุทธิ์ สามารถจะมาพบท่าน”

“อะไรคือดวงวิญญาณที่ดี ? “ พวกเขาถาม
ซิสเตอร์ตอบว่า “ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตของพวกเขาไปตามหนทางที่พระเจ้ากำหนด คำสั่งของท่านคือจะต้องมีความบริสุทธิ์ ในความคิด คำพูดและการกระทำ และจะต้องหลอมรวมกับท่านในโยคะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการถือพรหมจรรย์ ด้วยพื้นฐานของสิ่งนั้น เราก็จะสามารถทำการควบคุมเหนือความปรารถนาอื่น ๆ ทั้งหมด บนบรรทัดฐานนี้ ดวงวิญญาณสามารถมีประสบการณ์ ของความปิติของชีวิตที่มีพระเจ้า ผู้ที่ทำตามกฏเกณฑ์แรกของท่าน ผู้ซึ่งทานอาหารบริสุทธิ์และการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ เขาเป็นลูกผู้เชื่อฟังของชิพบาบา และเขาเพียงเท่านั้นที่สามารถพบท่านได้ มีเพียงผู้ซึ่งบรรลุถึงสภาวะนั้นเท่านั้น เราจึงจะสามารถพาท่านไปที่นั่นได้ ท่านยังเห็นร่างกายอยู่ แทนที่จะเป็นดวงวิญญาณ ท่านมีสติปัญญาแห่งสำนึกที่เป็นร่าง ฉะนั้น ท่านจะสามารถเห็นแต่เพียงร่างกายของบราห์มา ท่านจะไม่สามารถจดจำหรือเข้าใจพ่อชีว่า 

มันจะเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่จะพาท่านที่อยู่ในสภาพนี้ไปพบบัพดาดา (พ่อและพี่ชาย หมายถึงการรวมชองชิพบาบาและบราห์มาบาบา) ถ้าเราพาท่านไป เราจะถูกลงโทษ

ผู้กราบไหว้บูชาก็เฝ้าแต่โต้เถียง “ซิสเตอร์ บาบาลงโทษด้วยหรือ ซิสเตอร์ มันเป็นคำขอร้องของเรา ที่ให้ท่านพาเราไปที่นั่น บางทีการตัดสินใจที่จะละทิ้งกิเลส ก็จะทำให้สำเร็จลงได้”
ซิสเตอร์ตอบว่า “ความตั้งใจมั่น จะมั่นคงได้ด้วยความรู้เพียงอย่างเดียว ความรู้จะคงอยู่ในสติปัญญาเท่านั้น เมื่อบุคคลถือกฏของพรหมจรรย์ และป้องกันตนเองจากอาหารสกปรก และคบปีศาจ ดังนั้น ปฏิบัติตามกฏเหล่านี้เป็นสิ่งแรกก่อน” ท่านปรารถนาจะมีประสบการณ์ความสุขเหนือประสาทสัมผัสของการได้พบกับพ่อมากเพียงใด ถ้าท่านจะไม่ยอม แม่แต่จะเลิกดื่มยาพิษของความทะยานอยาก พระเจ้าผู้ปราศจากกิเลส จะสามารถพบกับท่าน ซึ่งอยู่ในสภาพที่ท่านเป็นอยู่ได้อย่างไร ถ้าท่านยังไม่บริสุทธิ์ ท่านก็ไม่สามารถไปพบพ่อ เพราะว่าเพียงแต่แร้งหนึ่งตัวในฝูงหงษ์ ก็จะทำลายความสง่างามของการชุมนุมทั้งหมด ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้ท่านต้องรับผิดชอบ ต่อบรรยากาศบริสุทธิ์ของสถานที่นั้นเสียไป เมื่อท่านได้เติมสติปัญญาของท่านด้วยน้ำอมฤต แล้วเราก็คงจะไปพบพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพ่อทั้งหมด มิฉะนั้น เราจะมีส่วนร่วมในความผิดที่ร้ายแรง ดังนั้น ให้กลายเป็นหงษ์โดยเร็วไว และเก็บแต่เพียงไข่มุก แล้วก็บินไปพบบาบา”

ผู้สักการะบูชาบางส่วนทำความเพียรพยายาม บางส่วนก็ยกเลิกด้วยความรู้สึกผิดหวัง พวกเขารู้สึกว่า มันยากเกินไปสำหรับพวกเขา ที่จะใช้ชีวิตตามรูปแบบที่สูงส่งเช่นนั้น อีกพวกหนึ่งก็พร้อมที่จะละทิ้งชีวิตเก่าของพวกเขาทันที “พวกเราพร้อมที่จะทำทุกสิ่ง ในการเกิดใหม่นี้เพื่อพระเจ้า ความทะยานอยากเป็นประตูไปสู่นรก แล้วเราจะเลิกสิ่งนี้ไม่ได้หรือ ถ้าเราจะได้พระเจ้ามาโดยการแลกกับการเลิกสิ่งเหล่านั้น เราขอเลิกจากวินาทีนี้ทันที” และคนอื่น ๆ ก็พูดว่า “ซิสเตอร์ เราเป็นชาวบราห์มินที่มั่นคง อาหารและเครื่องดื่มของเราบริสุทธิ์ มักมีการเปลี่ยนแปลงในสันสการ์ของพวกเรา ญาติ ๆ และเพื่อนบ้านของเรา เป็นพยานต่อสิ่งนี้ ดังนั้น ทางที่ดี ท่านควรจะพาเราไปพร้อมกับท่าน พวกเราจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เราได้ทำตามเป้าหมายอย่างสมบูรณ์แล้ว เราโหยหาที่จะพบพ่อของเรา ดังนั้น ให้พวกเราไปเถอะ”
และด้วยความรักที่มั่นคงในพระเจ้าเช่นนี้ พวกเขาก็ถูกพาไปพบบัพดาดา

อ่านต่อ >>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#5


Tuesday, March 28, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 3

ความไม่สงบในการประชุมเพื่อความสงบ



แม่ของสถาบัน (Yagya Mata) ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาแห่งความสงบของโลก ที่ฤาษีเกศ (Rishikesh) ซิสเตอร์ มานโมฮีนี ซานตรี, Ganga และบราเธอร์ Anand Kishore ถูกส่งไปร่วมงาน ซิสเตอร์ซานตรีเขียนไว้ว่า  ตัวแทนจากศาสนาหลายประเทศได้มาด้วยเช่นกัน พวกเราซิสเตอร์ ได้ให้คำบรรยายด้วย แต่หลังจากรายการเริ่มได้ 2 วัน ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ก็เริ่มทะเลาะกัน เหตุผลที่โต้เถียงกันก็เพียงว่าจะใช้ภาษาฮินดี หรือ อังกฤษ พูด ณ ที่นั้น ถ้าคนที่จัดการประชุม เพื่อความสงบ ทะเลาะเบาะแว้ง และต่อสู้กันในกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ จนไปถึงขั้นโยนเก้าอี้เข้าใส่กัน แล้วมันจะสามารถเรียกว่าอะไรอีกล่ะ ถ้ามันไม่ใช่ยุคมืดสนิทของศาสนา ณ วันนี้ศาสนาได้เสียไปทั้ง 2 ศาสนาแล้วคือ ศาสนาของความบริสุทธ์และความสงบ ทั้งหมดได้ศิโรราบต่อความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ฯลฯ บทเรียนแรกของศาสนาได้กล่าวว่า เราทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณ และ ความสงบคือศาสนาและธรรมชาติของเรา ดังนั้น การชุมนุมนี้มีเพียงเพื่อพิสูจน์ว่า ศาสนาที่แท้จริงได้สูญหายไปแล้ว และนี่เองทำไมพระเจ้าจึงต้องลงมาด้วยตัวของท่านเอง

“สวามีชีพอนันดา ผู้ซึ่งจัดการประชุม และตัวเขาเองก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงบ วันหนึ่งได้พูดคุยกับเรา เขาได้ถามเกี่ยวกับสุขภาพของบิดาของสถาบัน (บราห์มาบาบา) และพูดว่า ตามความเป็นจริง ด้วยการยกระดับผู้หญิงเป็นจำนวนมาก ขึ้นสู่ความบริสุทธิ์และเป้าหมายเช่นนี้ งานของท่าน ชั่งน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นเขาถามว่า พวกท่านไม่เคยทะเลาะกันเลยหรือ ที่ภูเขาอาบู พวกเราตอบว่า “ไม่เคย” พวกเราได้เรียนรู้ที่จะมองกันและกัน ว่าเป็นดวงวิญญาณ และแสดงออกซึ่งความอดทน และ ความอดกลั้น เราไม่ได้ดูกิเลสของแต่ละคน เราดูเพียงแต่คุณธรรม เราอยู่ด้วยการสละละวาง และขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความรัก
ชีพอนันดา พูดว่า “มหัศจรรย์จริง ๆ ! ตัวฉันเองได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะนำผู้หญิงมารวมกัน เพื่อยกระดับทางจิตวิญญาณ ในความเพียรพยายามของฉัน ที่จะทำอย่างนี้ 3-4 ครั้ง ฉันไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาทะเลาะกัน เมื่อฉันได้ยินว่าพวกเธอ ทั้ง แม่ ๆ และผู้หญิง 300 ชีวิต อาศัยอยู่ร่วมกัน 14 ปี มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริง ๆ กลับไปบอกดาด้าให้ส่งแม่บางคน ผู้ซึ่งสามารถให้บทเรียนกับฉันได้ แล้วฉันก็บอกเขาว่า งานของเรามีชีว่า เป็นผู้นำด้วยตัวท่านเอง และดาด้าก็เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่มีใคร นอกจากพระเจ้าเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของเราสูงส่งและสูงกว่า”

ช่วงเวลานี้ การทำงานรับใช้ ได้ก้าวหน้าอย่างมากในเดลลี การชุมนุมที่เป็นปกติได้ขยายตัว และเกิดขึ้นที่นั่น แต่หลังจาก 2 เดือน พวกซิสเตอร์ต้องการกลับบ้าน เหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องการออกไปนอกบ้านเพื่อทำธุรกิจ ลูก ๆ ของสถาบัน คิดถึงพ่อของพวกเขา พวกเขาไม่ได้มีความปรารถนาที่แท้จริงที่จะทำงานรับใช้ในการสั่งสอนผู้คน ดังนั้น บาบาจึงต้องเติมพลังให้กับพวกเขา ให้มีความรับผิดชอบต่อมนุษย์อื่น ๆ บาบาเคยพูดว่า “ลูก ๆ ดวงวิญญาณทั้งหมดบนโลกนี้ เป็นพี่น้องของลูก ลูกจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือต่อผู้ที่ไม่มีใครช่วยเขาได้ ลูกจะต้องทำให้อินเดียทั้งหมดสูงส่ง สายน้ำจะไม่หยุด ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่มันจะไหลจากเมืองสู่เมือง มันช่วยดับความกระหายของวิญญาณที่ใฝ่หาความสงบและความสุข”

หลังจากได้ยินการอธิบายที่ทรงพลังของบาบา ซิสเตอร์ทั้งหมดก็นั่งลง และวางแผนสำหรับงานรับใช้ของพระเจ้า จุดสนใจที่เป็นเป้าหมายของบาบา คือ เมืองหลวงของอินเดีย เดลลี บาบาพูดว่า ที่นั่นรัฐบาลของยุคใหม่จะถูกตั้งขึ้น

ในช่วงเวลานี้ มีบราเธอร์และซิสเตอร์บางคน ของที่ชุมนุมในเดลลี ได้เขียนจดหมายมายังบิดาและมารดาของสถาบัน พวกเขาเขียนว่า “การชุมนุมทางดวงวิญญาณจะต้องมีขึ้นอีก B.K. ซิสเตอร์ทิ้งพวกเราไป” พวกเขาขอร้องว่า B.K เหล่านั้นควรจะกลับมา ดังนั้น บาบาจึงสร้างแรงบัลดาลใจอีกครั้ง สำหรับ ลูก ๆ ให้กลับไป ตอนนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงแต่ชั้นเรียนตอนเช้า และตอนเย็นที่เริ่มไว้แล้วเท่านั้น รายการบรรยายได้ถูกจัดขึ้นไปทั่วบริเวณ
“พวกเราได้ไปยังกุมบามีล่า (Kumbha Mela – ที่ชุมนุมของชาวฮินดูที่มารวมกันเป็นล้าน ๆ คน เพื่อที่จะอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ด้วยความหวังว่าจะถูกชำระให้บริสุทธิ์) เพื่อให้คำบรรยายที่นั้นด้วย”  ซิสเตอร์ Gangaji รื้อฟื้นความจำ ผู้คนเชื่อว่าด้วยการอาบน้ำในแม่น้ำ ดวงวิญญาณจะถูกชำระให้สะอาด ดูเหมือนไม่มีใครสักคนจะเข้าใจว่า พวกเขาจะต้องชำระดวงวิญญาณในน้ำของความรู้ เพื่อทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ดวงวิญญาณจะต้องชุ่มโชกอยู่ในคุณสมบัติที่สูงส่ง การคิดว่าเพียงแต่นำร่างไปแช่อยู่ในแม่น้ำคงคา จะทำให้คนบริสุทธิ์ คือความเชื่อที่มืดบอด

แต่พิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ดำเนินต่อไป และฝูงชนก็เพิ่มมากขึ้น และเริ่มต้นสู้กันว่าใครควรจะได้รับอนุญาตให้ลงไปอาบน้ำก่อน เป็นคนแรก สะพานได้หักลง เพราะว่าน้ำหนักของมนุษย์ทั้งหมด มีคนเป็นจำนวนมากจมน้ำตาย แต่กระนั้น บทเรียนนี้ก็ไม่มีใครสำนึกรู้ การเฉลิมฉลองที่งมงายก็ดำเนินต่อไป

ดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้น คิดว่าดวงวิญญาณนั้นไม่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำ และดังนั้น จึงไม่มีการทำความเพียรพยายามที่จะเปลี่ยนสันสการ์ของพวกเขา ที่จะพิชิตความอ่อนแอภายในของพวกเขา พวกเขาจึงมอบงานนั้น ให้อยู่ในความรับผิดชอบของแม่น้ำคงคงเท่านั้น

“หลังจากที่เห็นสภาพจิตใจของคนอินเดียที่มีหัวใจที่ใสซื่อ เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจ เราจะปลดปล่อยเขาจากโซ่ตรวนของการทำสักการะบูชา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาได้ทำลายตัวเอง ในความเชื่อที่มืดบอดนี้ พวกเขาเสียทั้งเวลา เงินทอง และกำลังงาน ให้กับการเฉลิมฉลองการพบปะที่สูญเปล่านี้เป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้คนเป็นล้าน ๆ ไม่มีจะกิน แม้แต่รัฐบาลอิสระของอินเดียก็สนับสนุนการพบปะนี้ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำเงินตรา ด้วยการเก็บภาษีผู้แสวงบุญและด้วยการให้บริการรถไฟ ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ ขณะที่คลื่นยักษ์ของฝูงชนผู้มืดบอดหลั่งไหลอยู่บนถนน รามกับอยู่ในทะเลมนุษย์ บัดนี้ เราเข้าใจถึงความสำคัญของงานรับใช้ของเรา ที่จะให้กับชาวอินเดีย งานนี้ไม่มีผู้ใดที่จะทำ”
“ศาสนาได้กลายเป็นธุรกิจ โซ่ตรวนของกูรูที่หลอกลวง ได้ผูกมัดประชาชนไว้ ความโศกเศร้าอาดูรได้เผาไหม้อยู่ในดวงใจทุกดวง เพื่อที่จะไถ่ถอนความไม่สงบสุขของลูก ๆ ชีว่า ดวงวิญญาณสูงสุดได้ลงมายังโลกแล้ว”