พระเจ้าพูดกับคอมมิวนิสต์
ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1955 มีงานแสดงอุตสาหกรรมในงานแสดงอุตสาหกรรมนานาชาติที่จัดขึ้นในเดลลี มันเป็นงานชนิดนี้ เป็นครั้งแรกของเมืองนั้น มีห้องโทรทัศน์ ณ ที่นั่นด้วย ครูซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสถาบันก็ได้บรรยายออกโทรทัศน์ อธิบายความหมายของประวัติศาสตร์โลก ผู้คนนับพันเฝ้าชมรายการ แล้วสอบถามรายละดัเอียดเพิ่มเติม
มหาวิทยาลัยทางดวงวิญญาณได้จัดบู๊ทที่งานแสดงสินค้า ที่ซึ่งคำสอนของบาบาถูกจัดแสดงในรูปของภาพเขียน ซิสเตอร์และบราเธอร์ที่มีประสบการณ์ประจำอยู่ที่นั่น เพื่ออธิบายนัยสำคัญ นี่เป็นครั้งแรกของการทดลองในการจัดนิทรรศการทางดวงวิญญาณ มันประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
บราเธอร์ ราเมส บันทึกไว้ว่า "เราชี้นำไปยังรัฐบาล" ว่าการจัดการนิทรรศการครั้งนี้ เป็นความคิดของใคร "ว่าถ้าประชากรของอินเดียยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณเช่นปัจจุบันนี้แล้ว แทนที่ความเพียรพยายามที่จะทำให้คนว่างงานน้อยลง ปัญหาที่จะตามมาก็ไม่สามารถที่จะรับมือได้ ดังนั้น มันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้แผนการคุมกำเนิดและกำจัดความสำส่อน เพื่อที่จะปลุกให้ตื่นขึ้นในจิตของผู้คน ที่กระทำผิดต่อการถือพรหมจรรย์ คาามรู้ทางดวงวิญญาณควรจะมีการสอนในโรงเรียนและวิทยาลัย ด้วยวิธีนี้ คนรุ่นหลังจะไม่เพียงแต่ยอมรับการถือพรหมจรรย์อย่างเต็มใจ แต่คุณลักษณะของพวกเขาจะทำให้อินเดียเป็นอิสระจากโจรขโมย การคดโกง ความยากจน และความรุนแรง สังคมที่สอดคล้องกลมกลืนก็สามารถสร้างขึ้นได้
"เราเป็นสถาบันแห่งแรกที่ดึึงความสนใจของรัฐบาล ให้เห็นความสำคัญของการวางแผนครอบครัวและการถือพรหมจรรย์ เราเปิดเผยถึงจำนวนเงินเท่าไร ที่ใช้ไปในการหยุดยั้งอาชญากรรม แต่คุกก็ยังไม่มีที่ว่าง อัตราการเติบโตของอาชญากรรมรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา นักกฏหมายได้เพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย และศาลเองก็มีงานล้นมือ ถ้าเพียงแต่เขาทำให้ผู้คนมีความอดทนมากขึ้น มีคุณธรรมมากขึ้น บริสุทธิ์มากขึ้น โดยสรุปมีพระเจ้ามากขึ้น เราก็จะพัฒนางานของชาติให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น และเราก็จะใช้เงินเพียงเศษเสี้ยวของงบประมาณ ณ เวลาปัจจุบัน
ในทำนองเดียวกัน รัฐบาลก็ปราถนาที่จะประกาศห้ามการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ พวกเขาก็รู้ว่า ผู้คนก็เพียงแต่จะกลับไปทำไวน์ด้วยวิธีการพื้นเมือง และด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่ พวกเขาก็จะป้องกันความผิดของตัวเขาได้ ดังนั้น การเสพติดแอลกอฮอล์ ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการใช้กฏหมายห้าม อย่างไรก็ตาม ใช้การศึกษาทางดวงวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ ผู้คนก็จะเข้าใจถึงความสำคัญของการยกระดับตนเองของพวกเขาเอง
รัฐบาลก็พูดด้วยว่า พวกเขาต้องการยกระดับชนชั้นที่ล้าหลัง นี่คือความดี แต่วิธีการที่พวกเขานำเสนอจะดีที่สุดที่จะทำให้ท้องอิ่ม แต่ไม่ใช่ดวงวิญญาณอิ่ม ตราบเท่าที่คนรวยปราถนาที่จะรักษาไว้ซึ่งอภิสิทธิ์ของพวกเขาจนเกินไป และเพื่อดื่มกินเลือดของคนจน ความไม่เสมอภาคก็จะดำเนินต่อไป แต่ถ้าพวกเขาเข้าใจว่าคนจนก็เป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมือนกับพวกเขา และก็เป็นลูกชายและลูกสาวของพระเจ้าเท่าเทียมกับพวกเขา และอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมที่เท่าเทียมกัน เราอาจจะเปลี่ยนความคิดพวกเขาที่จะทำให้พวกเขาสนใจที่จะประพฤติตนเองให้ดีกว่าเดิม เราสามารถที่จะปลุกความรู้สึกแห่งความเป็นพี่น้องในพวกเขา และทำความสมบูรณ์พร้อมกลับมายังสังคม
"ในความเป็นจริง มีเพียงศาสนาเดียว ซึ่งประกอบด้วยความรักฉันท์พี่น้อง ไม่มีความรุนแรง มีการควบคุมตนเอง ถือพรหมจรรย์ และมีสัมพันธ์เช่นลูกกับพ่อ พ่อผู้เป็นพระเจ้า แต่วันนี้ รัฐบาลได้เอาพื้นฐานของศาสนาโยนทิ้งไป นี่เป็นความผิดอันใหญ่หลวงที่สุดอันหนึ่งเท่าที่ได้ทำไว้ เป็นการตัดขาดรากแก้วของตัวมันเอง ด้วยการตัดสายโลหิตจากชีวิตของตัวมันเอง
มหาตมะคานธีรู้อย่างชัดเจน ถึงความสำคัญที่จะต้องนำเอากีตะมาเป็นเครื่องค้ำจุน ในการพยายามสำหรับความเป็นอิสระทางการเมือง ในวันนี้ เนื้อที่จะก่อตั้งอำนาจในการปกครองตนเองทางดวงวิญญาณ รัฐบาลจะต้องก้าวให้ไปไกลกว่ากีตะ คัมภีร์กีตะเป็นคัมภีร์สูงสุด เป็นผู้นำทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกศาสนา เพราะว่ามันได้บรรจุไว้ ด้วยคำพูดที่ยิ่งใหญ่มากมาย ซึ่งพระเจ้าได้พูดไว้ เมื่อทานได้ลงมายังโลกเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว เมื่อใดที่ความจริงได้รับการพิสูจน์ ด้วยเหตุการณ์เป็นเครื่องยืนยัน และแล้วสาวกของศาสนาอื่น ก็จะยอมรับความรู้ที่อยู่ในคัมภีร์กีตะ แล้วรัฐบาลก็จะไม่มีปัญหาในการจัดระบบการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อจะนำความบริสุทธิ์กลับมาสู่อินเดีย เราแนะนำว่า คณะกรรมการซึ่งเป็นกลาง จะต้องถูกตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบหัวข้อนี้ทั้งหมด พวกเราก็จะเป็นอีกด้านหนึ่งที่จะคอยนำเสนอการพิสูจน์ เพื่อให้พ้นจากความสงสัยว่า ดวงวิญญาณสูงสุดพูดกีตะและให้ความรู้แก่มวลมนุษย์ และได้ถูกบันทึกไว้ในนั้นจริง"
และดังนั้น ข่าวสารก็แพร่กระจาย ผู้คนเหล่านี้มีสามัญสำนึก พวกเขาไม่ใช่สาวกที่มืดบอด นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญได้กลายเป็นราชโยคี นายแพทย์ได้แนะนำการทำสมาธิให้กับคนไข้ของพวกเขา นักการเมืองได้ถกถึงแนวคิดที่น่าทำให้ประหลาดใจ ซึ่งหลั่งไหลมาจากยอดเขาสูงในราชสถาน แต่จะมีสักกี่คนเล่า ที่รู้ว่าใครคือผู้ที่อยู่บนนั้นจริง ๆ
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 9
No comments:
Post a Comment