Friday, November 10, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 5 # 3


การรวมกับพระเจ้า

พ่อสูงสุดได้เปิดเผยวิธีการของการติดต่อโดยตรงกับท่าน ... วิธีการที่จะได้สัมผัส ซึ่งไม่ต้องการบุคคลที่ 3 เข้ามาสอดแทรกระหว่างกลาง .... วิธีการ  ซึ่งเป็นการติดต่อโดยตรงของฉันดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด

ฉันไม่ต้องท่องบ่นมนตราหรือต้องนั่งนับลูกประคำ ไม่ต้องใช้รูปปั้นใด ๆ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ การคงอยู่กับสติปัญญาด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้าผู้สูงสุด

ทางด้านหนึ่ง นี่คือโยคะที่ง่ายอย่างที่สุด ไม่มีการใช้ร่างกายทั้งสิ้น ฉันไม่มีความต้องการต้องฝึกร่างกายเลย ไม่ต้องฝึกหัดการหายใจ หรือว่าต้องใช้เวลาปีแล้วปีเล่า ในการกระทำทรมานใด ๆ และอื่น ๆ ซึ่งอีกด้านหนึ่งมันเรียบง่ายที่สุด ฉันเพียงแต่นั่งลงอย่างสบาย ๆ หรือแม้แต่ขณะยืน ขณะที่ทำการงาน ขณะที่พูดคุย ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ที่ฉันกำลังทำอยู่ ความคิดก็จะคิดถึงและปรับเข้าหาพ่อผู้สูงสุด และดังนั้นสิ่งที่ฉันต้องทำในการฝึกราชโยคะนี้คือ "การเพ่งรวมความคิดในทางเดียว ทำสติปัญญาให้มั่นคง นิ่งอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด"

สิ่งนี้ เวลาที่เราต้องการ พ่อสูงสุดได้เปิดเผยประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับความรู้สองสิ่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับระบบของการฝึกฝนของราชโยคะ สิ่งแรกคือ การระลึกได้ว่าฉันคือใคร ฉันเป็นจุดแสงซึ่งเล็กจนไม่สามารถวัดได้ ฉันไม่ใช่ร่างกายที่เป็นวัตถุที่สามารถมองเห็นได้ แต่ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นแสง ดวงดาวเล็ก ๆ จุดเล็ก ๆ ที่มีแสงสว่างในตัวเอง จุดนั้นคืออะไรที่ฉันเป็น ฉันเป็นดวงวิญญาณตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของหน้าผาก ให้ฉันนั่งลงด้วยสำนึกนี้ของฉัน พลังงานที่มีชีวิต ซึ่งเป็นผู้ควบคุมขับเคลื่อน ชี้นำ กระตุ้นเครื่องกลมนุษย์นี้

เมื่อฉันได้รับรู้ว่า ฉันนั้นแยกออกจากร่างกายซึ่งเป็นวัตถุนี้ ในสภาวะนี้ ซึ่งสามารถอธิบายว่าเป็นสำนึกของดวงวิญญาณ ฉันสามารถเข้าใจและซาบซึ้งกับการมีอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด พ่อของฉัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิต ก็เป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน ปล่อยให้ความคิดของฉันรวมเพ่งความคิดไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ซึึ่งอยู่ท่ามกลางดวงวิญญาณทั้งหมด ท่านก็เป็นจุดที่เป็นแสงเช่นกัน เล็กจนวัดไม่ได้ เช่น ปลายเข็ม ดวงดาวที่ส่องประกาย และตอนนี้ สิ่งที่มีชีวิตที่เล็กจนสุดประมาณนี้ เป็นแหล่งของคุณภาพที่ปราศจากขีดจำกัด คุณภาพที่ไม่ได้ถูกจำกัดแม้แต่โดยเวลา แต่เป็นคุณภาพซึ่งเป็นอมตะ

เป้าประสงค์ของโยคะของฉันคือการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนี้ สำหรับเวลาเนิ่นนานปีและหลาย ๆ ชาติเกิด ฉันได้มีประสบการณ์การติดต่อกับมนุษย์ แต่เพราะดวงวิญญาณมนุษย์ครอบครองร่างกายเนื้อ การติดต่อกับพวกเขา มิได้ผ่านความคิดเท่านั้น แต่ด้วยการใช้ประสาทของร่างกาย เราใช้เสียง การมองเห็น แต่บัตนี้ ถ้าฉันต้องการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผู้ซึ่งไม่มีร่างกายชั่วอนันตกาล ไม่มีร่างเป็นของตนเอง ไม่มีพลังทางวัตถุของร่างกายชนิดใด ๆ จะสามารถช่วยในการติดต่อนี้

ตามความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่เมื่อฉันพาความคิดของฉันให้อยู่เหนือความคิดเกี่ยวกับร่างกายทางวัตถุของฉัน และพลังทางกายที่สร้างความไขว้เขวทั้งหมด นั่นเองฉันก็สามารถที่จะบรรลุถึงการได้สัมผัสนี้

เมื่อฉันได้รู้แล้วว่าฉันเป็นดวงวิญญาณ ฉันก็กลับมาตระหนักรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ฉันมีอยู่ในตัวฉัน ฉันมีพลังแห่งความคิด ฉันรู้ว่าฉันสามารถที่จะกำหนดทิศทางของแต่ละความคิดและทุก ๆ ความคิด และดังนั้น จงปล่อยให้ความคิดให้ไหลไปแต่เพียงในหนทางของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ขอให้ฉันมีประสบการณ์นี้ พลังที่ทรงอำนาจของทั้งหมด พลังของความคิดของฉันเอง

ความคิดของฉันได้หันเหออกไปจากสิ่งที่เป้นวัตถุทั้งหมด สิ่งทางโลก ฉันลืมอดีต ลืมความผิดของฉัน รวมทั้งลืมความสำเร็จที่มีขีดจำกัดของฉัน ณ ขณะนี้ ฉันไม่ได้มีความสนใจที่จะติดต่อกับมนุษย์อีกแล้ว หรือแม้แต่ผู้นำศาสนา เทพ เทวดา หรือดวงวิญญาณอื่น ดวงวิญญาณค้นหาที่จะติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฉันได้กลับมามีสำนึกรู้ในรูปของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ฉันได้สร้างภาพด้วยความคิดว่า เป็นแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ฉันเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติซึ่งแผ่กระจายออกมาจากแหล่งนี้ ความสงบที่ไม่มีขีดจำกัด ความสงบซึ่งไม่สามารถมีอะไรมารบกวน ความสงบนั้นเต็มไปด้วยพลังซึ่งจะมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่ความสงบนี้แผ่กระจายแทรกซึมไปถึง

บัดนี้ ความคิดของฉันได้เพ่งรวมอย่างเต็มที่ ไปยังความสงบซึ่งพ่อสูงสุดของฉันได้แผ่ออกมา และเช่นเดียวกันให้ประสบการณ์ของฉันได้รู้ว่าพ่อสูงสุดของฉันไม่ได้เป็นเพียงพ่อ แต่ท่านเป็นแม่ผู้สูงสุดของฉันด้วย หนึ่งเดียวซึ่งเต็มไปด้วยความรัก หนึ่งเดียวผู้ซึ่งสามารถจะให้ความรัก ซึ่งสามารถที่จะยกระดับฉันดวงวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ ท่านเป็นหนึ่งเดียวผู้ซึ่งจะไม่ผลักใสดวงวิญญาณใด ๆ ถึงแม้จะเห็นว่าดวงวิญญาณนั้น ณ เวลานี้ยังอยู่ในสภาพที่ไม่บริสุทธิ์และสมบูรณ์พร้อม แม่ผู้เต็มไปด้วยความเมตตาก็เฝ้าแต่ประพรมความรักเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้ฉัน ดวงวิญญาณสัมผัสกับพละกำลังเช่นนี้  ความอบอุ่นที่ฉันได้รับกลับคืนมาและทำให้สูงขึ้น และปล่อยให้ฉันมีประสบการณ์ของมหาสมุทรแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ จงอย่าหยุดความคิดของจิตใจซึ่งมาเพื่อทำให้เราไขว้เขว แต่เปลี่ยนทิศทางของมัน ปล่อยให้ความคิดหลั่งไหลไปบนฐานของความรู้ของพระเจ้า บางทีนี่แหละคือประเด็นที่สำคัญที่สุดของการทำสมาธิแบบราชโยคะ ทันทีที่สติปัญญาได้ถูกบรรจุไว้ด้วยความรอบรู้อันเป็นคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิืสูงสุด แล้วทุก ๆ ความคิดที่ปรากฏขึ้นมาบนฐานของความเข้าใจนี้ ถ้ามีความคิดใด ๆ เข้ามาแทรกแซงและปกคลุมจิตใจ ใช้ความคิดผลักไสมันออกไป และปล่อยให้กระแสของความคิดเกี่ยวกับคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดกลับมาไหลรินเช่นเดิม

บางครั้ง ปล่อยให้ความคิดเกาะติดอยู่กับคุณภาพของความบริสุทธิ์ ปล่อยให้มีประสบการณ์ว่าพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตของความปิติสุข จงนำประเด็นว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจอันเฉียบขาด คุณสมบัติใด ๆ ก็ตามที่ได้ถูกนำมาในความคิดจงปล่อยให้มันเข้ามาอยู่ในความคิดอย่างเต็มที่ ทำให้ดึงดูดความสนใจอย่างสมบูรณ์ ภายในประเด็นหนึ่ง ๆ นั้น ด้วยการกระทำเช่นนี้ ดวงวิญญาณจะได้รสชาติของความหวานของแต่ละและทุกความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดโดยตรง ไม่ใช่เป็นเพียงแต่พ่อแม่ เป็นแม้แต่ครู เพื่อน และผู้ร่วมชีวิต กูรูผู้สูงสุด หนึ่งเดียวผู้ซึ่งสามารถพาดวงวิญญาณข้ามไปจากโลกนี้ ไปยังโลกที่ไกลโพ้น โลกที่อยู่พ้นไปจากโลกวัตถุ โลกซึ่งเป็นโลกแห่งแสง โลกแห่งความเงีบบสงบ

ทันทีที่เราเริ่มทำสมาธิเพราะว่าในตอนเริ่มต้นของการทำสมาธินั้น มีฐานอยู่บนความรู้ บัดนี้ ความคิดก็เริ่มที่จะไหลไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ความคิดได้ถูกยกระดับขึ้นให้ห่างไกลจากระดับของทางโลกที่มีและคงอยู่ ดังนั้น เมื่อเราทำสมาธิ ความคิดได้ถูกใช้ให้ทำงานอย่างกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก มีสำนึกแห่งความคิดอย่างมากมายได้ไหลผ่านมา นี่เป็นการยืนยันว่าความคิดไม่เคยได้มีประสบการณ์ของคำว่าเซื่องซึม มันจะไม่เคยมีโอกาส สำหรับความคิดที่จะเบื่อหน่าย ดังนั้น ก็จะไม่มีการไขว้เขวโดยสิ่งใด ๆ ทั้งหมด ระบบกลไกของความคิดได้ทำงานในระดับที่รวดเร็ว แต่ด้วยทิศทางที่แน่นอน ขบวนการการทำสมาธินี้นำเราไปโดยอัตโนมัติ ไปยังสภาวะที่เรียกว่า การเพ่งรวม

ในสภาวะนี้ ความคิดทั้งหมดเพิ่งไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด จิตใจจะไม่ได้ถูกดึงด้วยเสียงจากภายนอกอีกต่อไป มันเป็นการดึงดูดความสนใจในการมีประสบการณ์ของการพบปะกับดวงวิญญาณสูงสุด ความเพียรที่จะทำสมาธิ และบัดนี้ผลคือ มีแต่ความง่ายดายในการเพ่งรวม แต่มันก็ยังมีสำนึกของความคิด มันไม่ได้ไหลรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่ตอนนี้จะไม่มีความไขว้เขว เพราะว่าบัดนี้ ฉันได้เริ่มต้นเข้าไปสู่ความล้ำลึก ภายในของแต่ละคุณลักษณะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ความคิดของฉันถูกดึงให้ดำดิ่งลงเข้าไปสู่ความล้ำลึกของแต่ละคุณสมบัติพิเศษ ลงไปสู่ความสัมพันธ์พิเศษนั้น ขณะที่ฉันเข้าถึงสภาวะซึ่งเป็นสภาวะที่ถูกบรรยายว่าเป็นสภาวะของการหยั่งรู้ บัดนี้ ไม่มีสำนึกแห่งความคิดอื่นใด มีประสบการณ์ของคุณภาพพิเศษของพระเจ้านั้น ประสบการณ์ที่ฉันดวงวิญญาณได้รับ ซึมซับคุณสมบัตินั้นจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นี่เป็นสิ่งที่บางครั้งก็ถูกบรรยายว่าเป็น สภาวะแห่งเมล็ด (Seed Stage) ดวงวิญญาณได้เคลื่อนไปไกลจากทุกสิ่ง ซึ่งจะเข้ามาหรือเข้ามาเพื่อขยายความ มันได้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิม ซึ่งเป็นอมตะของมันเอง รูปของปลายเข็มของจุดแสง เป็นแสงที่ส่องประกาย เมล็ด ขณะที่กำลังรับประสบการณ์ของความรักที่สมบูรณ์พร้อมนั้น ดวงวิญญาณได้ซึมซับอยู่ในประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่ ไม่มีแม้แต่สำนึกของความคิดซึ่งจะพูดว่านี่คือความรัก ดวงวิญญาณเพียงแค่เติมสิ่งนั้นให้กับตัวมัน และมันยังส่งกระแสนี้กระจายออกไปสู่โลก

หลังจากนั้น เมื่อดวงวิญญาณพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ของสิ่งนี้ สำนึกของความคิดก็จะมาว่า นี่คือความรักที่ฉันได้เฝ้าแต่มีความกระหายมาตลอดเวลา นี่เป็นสัมพันธภาพที่ฉันมีความปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ นี่เป็นสภาวะจิตที่โยคะอธิบายว่าเป็น nirsankalp samadhi เป็นสภาวะของสำนึกที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นอิสระจากความตื่นตัวของความคิดและมันเป็นสิ่งที่สามารถจะบรรลุได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ

บางคนคิดว่า สภาวะนี้สามารถที่จะได้รับประสบการณ์ โดยการบังคับความคิด แต่การที่จะใช้ความกดดันที่ไม่เป็นธรรมชาติกับความคิด มันจะไม่นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด มันเป็นไปได้ว่าด้วยการบังคับความคิด ฉันสามารถเข้าถึงสภาวะหนึ่ง โดยการทำให้ความคิดหยุดทำงานในระยะเวลาที่จำกัด แต่อะไรล่ะ ที่ฉันดวงวิญญาณกำลังค้นหา มันไม่ใช่เพียงแต่ความนิ่งของความคิด ฉันกำลังค้นหาความสัมพันธ์กับดวงวิญญาณสูงสุด การหยั่งรู้ถึงสภาวะที่เป็นอมตะของตัวของฉันเองและการหยั่งรู้ของพระเจ้า และต้องมีการติดต่อเพื่อที่จะให้เกิดการหยั่งรู้นี้

ดังนั้น ความคิดจึงถูกใช้อย่างต่อเนื่องในตอนแรก แต่แล้วเพราะพลังของพระเจ้าเป็นสิ่งที่กำลังให้ประสบการณ์ ความคิดได้ถูกดึงไปโดยแม่เหล็กที่ศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง แล้วผลของสิ่งนี้ก็คือการทำงานที่รวดเร็วก็ค่อย ๆ ช้าลง และภายใน nirsankalp samadhi นี้ ประสบการณ์ที่เป็นจริงนี้ไม่เพียงแต่มีความนิ่ง แต่มันยังมีคุณสมบัติสูงสุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เมื่อฉันดวงวิญญาณได้เคลื่อนพ้นไปจากความไม่สงบและกลับไปสู่สภาพความมั่นคง เพียงเท่านั้น ซึ่งฉันสามารถจะกลับมาใกล้ชิดอย่างเพียงพอกับดวงวิญญาณสูงสุด ที่จะชื่นชมกับคุณลักษณะอื่น ๆ ของท่าน

โดยทั่ว ๆ ไป ประสบการณ์แรกของการทำสมาธิ เป็นเรื่องของความสงบจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ ความสงบท้วมท้นดวงวิญญาณ ดังนั้น ฉันได้กลายเป็นผู้ที่มั่นคง บัดนี้ ในสภาวะที่มั่นคง ฉันสามารถจำคุณภาพของความรักที่ดวงวิญญาณสูงสุดได้มอบให้ มันไม่เคยมีแม้แต่ชั่วขณะเดียวที่ท่านไม่ได้มอบความรักของท่าน  กระนั้น ทำไมล่ะ ฉันจึงไม่ได้มีประสบการณ์ของความรักนั้น? มันเป็นเพราะว่าความคิดของฉันได้หันเหไปในเรื่องทางวัตถุ และดังนั้น บัดนี้ภายใต้ความมั่นคงของความสงบและสภาพแห่งดวงวิญญาณนี้ สิ่งแรกที่ฉันรับมาคือ ความรักจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ฉันก็เริ่มที่จะมอบความรักให้กับบาบา ได้ลิ้มรสความรักครั้งแรกจากพ่อและแม่ผู้เป็นอมตะ ความรักของฉันก็ได้ผุดขึ้นมาและไหลรินไปหาท่าน

หลังจากประสบการณ์ของความรักนี้ จะมีประสบการณ์แห่งการทำความสะอาดของการชำระให้บริสุทธิ์ และเมื่อดวงวิญญาณได้เบาสบายขึ้น และเป็นอิสระจากภาระที่หนักอึ้ง ที่ได้แบกไว้ซึ่งบาปในอดีตของตน ด้วยไฟของความรักซึ่งเป็นไฟของโยคะ พลังอันมหาศาลซึ่งได้กำเนิดขึ้นผ่านการรวมนี้ ขบวนการการทำความสะอาดนั้น ได้มีขึ้นและได้พาฉันกลับไปสู่สภาวะแห่งความบริสุทธิ์ซึ่งเป็นธรรมชาติของฉัน

ด้วยประสบการณ์นี้ นำมาซึ่งประสบการณ์ของความสุข เพราะว่าบัดนี้ ฉันได้เป็นเช่นที่ฉันควรเป็นมากขึ้นและมากขึ้น ความสุขที่ได้รับจากสัมพันธ์ที่ปิติสุขนั้น ฉันมีความต้องการที่จะเติบโตขึ้นและกลายเป็นแหล่งของพลังของการบำรุงเลี้ยง สำหรับดวงวิญญาณในการเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณสูงสุดของฉัน พ่อของฉันซึ่งเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ ผู้ซึ่งฉันสามารถเรียกว่า ชิพบาบา บาบา พ่อ ชีว่า สิ่งมีชีวิตผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา ฉันได้ดึงพลังมาจากผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจอันเฉียบขาด แบตเตอรี่ได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง ฉันได้กลายเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ เมื่อการเชื่อมต่อของฉันกับบาบาแนบแน่น ขณะที่ฉันยอมให้บาบากระทำทุกสิ่งกับฉันได้ ฉันได้เปลี่ยนแปลงไป คุณลักษณะของบาบาได้กลายเป็นคุณลักษณะของฉัน ดวงวิญญาณได้เปลี่ยนไปและได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ ในรูปลักษณ์ของพระเจ้า ผลของราชโยคะคือการเปลี่ยนแปลงของดวงวิญญาณ  จากสภาวะที่ไม่บริสุทธิ์ไปสู่สภาวะของความสมบูรณ์พร้อม การเปลี่ยนแปลงที่ได้บรรยายไว้เป็นการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ไปสู่สิ่งที่มีชีวิตที่สูงส่ง คือ เทพ และดังนั้น ราชโยคะ เป็นโยคะที่สูงสุดของโยคะทั้งหมด เป็นโยคะซึ่งเป็นการรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นโยคะซึ่งทำให้ฉันมีอำนาจของการปกครอง เป็นโยคะที่สูงส่ง สิ่งแรกที่ให้ฉันคือประสบการณ์ของการเป็นนายของความคิดของฉันเอง แต่มากกว่านั้น ทำให้มีคุณภาพที่สูงส่งของการปกครอง ที่จะไปพัฒนาภายในตนเอง เพื่อว่าฉันจะได้ถูกยกระดับขึ้น เมื่อดวงวิญญาณฝึกราชโยคะ และได้รับประสบการณ์แต่ละและทุก ๆ คุณภาพของพระเจ้ามากขึ้น ๆ ดวงวิญญาณก็ได้กลายเป็นเครื่องมือที่จะแผ่รังสีของคุณภาพเหล่านี้ไปในโลก ดังนั้น มันไม่ใช่เพียงแต่เป็นการชำระให้บริสุทธิ์ของแต่ละดวงวิญญาณเท่านั้น แต่กระแสของโยคะที่สูงสุดนี้ได้แผ่กระจายออกไป มันได้เข้าถึงและแทรกซึมแม้กระทั่งในจักรวาล มีการชำระให้บริสุทธิ์ในทุก ๆ ธาตุของสสาร ดังนั้น ความสงบ ความบริสุทธิ์ ความรัก และความประสานกลมกลืน ได้ถูกนำกลับมาภายในโลกนี้ด้วย

นี่เป็นการพรรณาโดยย่อของสภาวะที่คนคนหนึ่งจะได้รับประสบการณ์ในการทำสมาธิของราชโยคะ แน่นอน ราชโยคะไม่ใช่เพียงแต่การทำสมาธิที่นั่งอยู่ในท่าพิเศษท่าใดท่าหนึ่ง แต่ราชโยคะเพราะว่าโยคะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติกับพระเจ้า สามารถที่จะมีประสบการณ์ตลอดทั้งวันได้ด้วย มันไม่ใช่คำถามว่าคนคนหนึ่งจะต้องนั่งอยู่ในสมาธินานเท่าไร ? มากกว่านั้นมันเป็นคำถามที่ว่านานเท่าไรที่คนหนึ่งนั้นไม่ได้อยู่ในสมาธิ ฉันสามารถที่จะลืมความสัมพันธ์ที่แสนหวานนี้ได้หรือ ?  ขณะที่ฉันเดิน ขณะที่ฉันเคลื่อนไหว ขณะที่ฉันพูด ขณะที่ฉันรับผิดชอบงานของฉัน ถ้าฉันเป็นโยคีแล้วสำนึกของฉันจะมีว่า ฉันเป็นลูกของผู้สูงสุด และด้วยเหตุนี้ฉันจะต้องได้รับคุณภาพของผู้สูงสุดนั้น ฉันได้รับประสบการณ์นั้นในการทำสมาธิ โดยผ่านการกระทำของฉันโดยการติดต่อกับผู้อื่น แล้วดังนั้นก้มีหนทางของชีวิตโยคี ด้วยคุณลักษณะของพระเจาก็ถูกทำให้เปิดเผยในทุกย่างก้าว และทุก ๆ การกระทำ


โอม ชานติ

No comments:

Post a Comment