Thursday, November 2, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 9


สรัสวาตี
ศูนย์งานรับใช้กำลังเจริญงอกงามขึ้น  แต่พวกเขาต้องการการเติมพลัง  ลูก ๆ ที่ยังใหม่ ต้องการแรงบันดาลใจ ใครล่ะ!  ที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำสอนของบัพดาดา ??  มาม่า ทุก ๆ วัน จดหมายก็เข้ามายังมธุบันมากขึ้น  ขอร้อง ให้มาม่าไปปรากฏตัวยังศูนย์ที่ห่างไกล  "Ma, O Ma มาม่า ผู้อ่อนหวานที่สุด เมื่อไรท่านจะมา ?  พวกเราเฝ้ารอเป็นเวลาแสนนาน  ผู้นำมาซึ่งความสงบ  ขับกล่อมคำพูดที่ปลุกเราให้ตื่นของท่านเถิด  เติมความหวังให้กับเราสำหรับชีวิตใหม่  แม่ผู้สูงส่งของเรา  พวกเราเป็นแต่เพียงดวงดาว  โปรดนำมาซึ่งแสงแห่งจันทราด้วยเถิด"

ในที่สุดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1956 จั๊กกัตอัมบา สรัสวาตี  ได้เดินทางออกจากมธุบันไปยัง  Kanpur  พลังของพระเจ้า ชัคตีที่ทรงพลังที่สุดของท่าน  ปรากฏขึ้นจากอาศรมของพระเจ้า เทวีคนแรกกำลังเดินไปอีกครั้งบนถนนของภารัต

เมื่อมาม่ามาถึง  Kanpur  การต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้น  มาม่าพูดกับฝูงชนในชั้นเรียนภาคเช้าประจำวัน ให้กำลังใจนักเรียนใหม่  ตอบคำถามในการสัมภาษณ์สื่อมวลชน  และให้คำแนะนำในการพบปะส่วนตัว  มาม่าได้โปรยสายฝนแห่งความรัก ให้กับทุกคนที่มาม่าพบ  สุนทรพจน์ของเธอถูกตีพิมพ์  ข้อความเกี่ยวกับมาม่าในหนังสือพิมพ์ ทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดจากทั่วอินเดียเร่งรีบมาพบท่าน  เขาผู้ซึ่งได้มาและจากไปด้วยความสดชื่น  อัศจรรย์ และได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร  แท้จริงแล้ว เขาไม่เคยพบกับใครซึ่งเหมือนกับมาม่า

คำประพันธ์ต่อไปนี้ เป็นการแสดงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักของกวีท่านหนึ่งที่มีต่อมาม่า

โอ้แม่ของชาวโลกที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ ผู้เป็นแม่ของโลก
ท่านได้ถือคบเพลิง ซึ่งเปลวไฟนั้นก็คือความรู้ของพระเจ้า
เฝ้าแต่ยกระดับดวงวิญญาณทุก ๆ ดวง
ท่านเป็นผู้ทำลายความมืดมิดแห่งกิเลส
ปัญหาทั้งมวลสูญสิ้นไป ความสงบกลับมาสู่หัวใจทุกดวง
เมื่อท่านมาถึง พร้อมกับความอ่อนโยนของรอยยิ้มที่บริสุทธิ์
ขอต้อนรับ มาม่าที่สุดแสนหวาน  ขอต้อนรับ แม่แห่งชาวโลก
ท่านเป็นผู้ประทานให้ ซึ่งความคิดที่เต็มไปด้วยความสดใส
คงมั่นอยู่ในสัมพันธ์กับชิพบาบาสูงสุด
ลูกของพระเจ้า ผู้ได้รับชัยชนะเสมอคือ ท่าน
มาและปลุกพวกเราไปสู่วันใหม่ของบราห์มา
ดวงวิญญาณแห่งยุคบรรจบพบกันเต้นรำอย่างไร !
ลูกสาวของบราห์มา คือ สรัสวาตีของพวกเรา
ท่านนำมาซึ่งแสงในดวงตาทั้งคู่ของท่าน
ท่านให้เราซึ่งน้ำอมฤตแห่งสัจจะที่ไม่มีวันเจือจาง
ท่านเป็นผู้เปิดประตูที่สูงแห่งสวรรค์
ขอต้อนรับท่าน เทวีที่เจิดจรัส
แม้ว่าชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รู้จัก
ท่านได้สอนความสุขของความบริสุทธิ์ทั้งหมด
โอ้ แม่ โปรดอยู่กับพวกเรา
โปรดรับความเคารพจากหัวใจทุกคน

สิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าคำพูดของมาม่าก็คือ  ความเงียบของท่าน ที่การชุมนุมครั้งหนึ่ง กำลังจะมีการแนะนำตัวมาม่าที่เวทีด้านหน้า  ผู้เปิดพิธีก็หันมามองมาม่า  เขาถูกกระตุ้นอย่างแรงโดยภาพเช่นนางฟ้า ที่เขาเห็นต่อหน้าของเขา  เขาก็หยุดพูดลงกลางคัน ในอาการที่ตกตะลึง  มาม่าเดินไปยังกลางเวทีและที่นั่น มาม่าก็ยืนอยู่ในประกายแห่งความสงบ  ดวงตาของเธอสัมผัสกับดวงวิญญาณทุกดวงในหมู่ผู้ฟัง  ซึ่งนั่นก็ไม่สามารถที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด  การรวมอยู่ในปิติสุขกับพระเจ้า  มาม่าบรรยายด้วยความน่าเกรงขาม ที่เปล่งประกายออกมาพร้อมกับคำพูดที่จับใจ  จากการมองเพียงเท่านั้น ฝูงชนเงียบสนิท  พวกเขาไม่อาจจะเชื่อได้เลยว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์อะไร การปรากฏขึ้นที่น่ายินดีปรีดาของมาม่า ได้เปลี่ยนหอประชุมให้เป็นโบสถ์น้ำตาแห่งความรัก ได้ไหลรินมาจากดวงตาทุกคู่ ช่วงวินาทีที่ไม่สามารถลืมเลือนได้เลย

ท่านไม่ปรารถนาพระเจ้าหรือ?  ดวงตาของมาม่าเอ่ยวาจาอย่างชัดเจน  ท่านผู้ซึ่งเราได้โหยหา  และเรียกหาท่านมาเป็นเวลานาน  ท่านได้มาแล้ว เธอไม่ปรารถนาที่จะต้อนรับท่านหรือ  ท่านไม่ปราถนาที่จะกลับมาบริสุทธิ์หรือ?  ท่านไม่ปรารถนาที่จะพบความสุขหรือ?  หรือว่าท่านปรารถนาจริง ๆ ที่จะอยู่ในกองขยะของกิเลส มากกว่าในแสงของพระเจ้า ดวงวิญญาณของมาม่าได้ส่องประกายอยู่ตรงกลางหน้าผากให้ทุกคนได้เห็น  และได้พูดผ่านดวงตาของเธอด้วยความรักและพลังเป็นอย่างมาก  ในที่สุด ดวงตาของเขาเหล่านั้นที่อยู่ในหอประชุมก็กระซิบว่า  "หยุด  มันมากเกินไปสำหรับพวกเรา พวกเรายังไม่พร้อมที่จะเดินทางไปไกลนัก ในเมืองของพระเจ้า"

แล้วสำหรับเขาเหล่านั้น ผู้ซึ่งไม่เข้าใจภาษาแห่งความสงบได้ ริมฝีปากของมาม่าก็เริ่มร้องเพลง เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ใจ  ที่คลื่นของเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความสุขก็ครอบคลุมบรรยากาศทันใด  ท่วงทำนองของเธอเหมือนกับน้ำเย็นไหลพาดผ่านไปยังทะเลทราย

มีบางสิ่งเกิดขึ้นภายในดวงวิญญาณผู้ซึ่งได้ยิน  ดวงตาทั้งคู่และเสียงนั้นทำให้เกิดรอยประทับที่ไม่อาจลบออกไปได้จากรอยประทับของพวกเขา ข่าวว่าอะไรเกิดขึ้น  ณ เย็นวันที่น่าจดจำนั้น แพร่กระจายไปทั่วอินเดีย และไม่ว่าพวกเขาจะรู้หรือไม่ ดวงวิญญาณที่โชคดีพอที่ได้เข้าไปฟัง ไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงเช่นนั้นในชีวิตของเขา  ไม่มีเลยตั้ง 5000 ปี หลังจากนั้น มาม่าได้รับบัตรเชิญจากหลาย ๆ เมือง ให้ไปเยี่ยมและร้องเพลงที่แสนหวานของเธอ  ดังนั้นมาม่าจึงเดินทางไปยังเดลลีเพื่อประโยชน์แห่งปวงชน

มาม่ามาถึงเดลลีโดยรถไฟ โยคีมากมายได้มาที่สถานีรถไฟเพื่อต้อนรับเธอ ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดขาว  ด้วยรอยยิ้มและการหัวเราะที่แสนหวาน ปรากฏบนใบหน้าของทุก ๆ คน  ผู้คนบนชานชลาประหลาดใจว่า บุคคลที่ยิ่งใหญ่อะไรหนอกำลังจะมาถึง  แล้วทำไมจึงมีคนมากมายมารวมกันที่นี่  และทำไมพวกเขาจึงมีความสุขกันเหลือเกิน  B.K. ก็ตอบคำถามของพวกเขา แล้วก็แจกหนังสือเกี่ยวกับราชโยคะ  และบอกพวกเขาถึงคุณสมบัติของมาม่า ความสุขของโยคีได้แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่ง ในไม่ช้าทุกคนบนชานชลาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส  แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องยิ้ม  ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มเฝ้ารอด้วยความกระตือรือร้นต่อการมาถึงของมาม่า

ในไม่ช้า ขบวนรถไฟก็เข้ามา  แล้วผู้คนก็รวมตัวกันเข้ามาใกล้มากขึ้น  ทุกคนต่างก็หวังว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นมาม่า

มาม่าก้าวออกมาปรากฏตัว  ใบหน้าของเธอเปล่งประกาย  ผู้คนที่เฝ้ารอไม่ได้มีความผิดหวังเลย  ความสุขของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นความปิติ  อารมณ์ที่ได้เห็นมาม่า ผู้เป็นที่รักนี้ ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้  นี่คือ "สรัสวาตี" ตัวจริง  เป็นแม่ของชาวโลก เป็นผู้ให้ประโยชน์ เธอเป็นคนเดียวกับคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นอมตะ  ผู้ซึ่งนักวาดได้เขียนภาพไว้ว่าเธอขี่หงส์  แม้แต่ผู้ที่ผ่านไปมาแล้วเฝ้าดูอยู่ ก็รู้สึกว่าถูกดึงไปสู่พระเจ้า  ด้วยบุคลิก อำนาจเช่นพลังแม่เหล็กของเธอ

ถึงแม้ว่ามาม่าเคยห้ามพวกเขาแล้ว  โยคีทั้งหลายก็ยังนำพวงมาลัยดอกไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความเคารพของพวกเขามามอบให้เธอ

"นี่อะไร"  มาม่าถาม  ขณะที่พวกเขากำลังก้าวเข้ามาพร้อมก้บพวงมาลัย  "ฉันไม่ต้องการดอกไม้เหล่านี้ ฉันต้องการดอกไม้ที่มีชีวิต  พวกเธอคือดอกไม้  ครั้งหนึ่งพวกเธอเคยเป็นหนาม  แต่ตอนนี้พวกเธอกำลังซึมซับทุก ๆ คุณธรรมที่สูงส่งใช่ไหม  พวกเธอเป็นดอกไม้ของพวงมาลัยแห่งสวนของบาบา บอกฉันซิ!  ว่าเธอกระจายกลิ่นอย่างสม่ำเสมอหรือเปล่า  สรัสวาตี มองดูในหัวใจของพวกเขาขณะที่เธอกำลังพูด "ใช่มาม่า"  ในที่สุดพวกเขาก็ตอบออกมา  "บาบา ทำให้เรากลายเป็นดอกไม้"  เช่นนี้ มาม่าก็หัวเราะอย่างมีความสุข

ทุก ๆ วัน ระหว่างที่เธอพักอยู่ในเดลลี  ผู้ค้นหาศาสนาก็ได้มาพบเธอมากขึ้น  พวกเขามาจากดินแดนที่ห่างไกล ด้วยจำนวนที่หลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย จากเช้าถึงตอนกลางคืน  มาม่าต้อนรับพวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  ให้กับทุกดวงวิญญาณอะไรก็ตามที่เขาต้องการ เธอแก้ข้อสงสัยของพวกเขาจนกระจ่างชัด  เธอเสนอที่จะช่วยเหลือ  สรัสวาตีผู้ขับไล่ความกลัว  ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าเธอคือแม่ที่แท้จริงของพวกเขา

ในวงล้อมแห่งความรักของเธอ พวกเขารู้สึกปลอดภัย  เด็กเล็ก ๆ ก็มาด้วยและมาม่าก็มีเรื่องที่น่าฉงนสำหรับพวกเขา "ดูซิ นักเดินทางจากดินแดนที่ไกลโพ้น ได้มายังดินแดนต่างแดนนี้  ไม่มีดวงตาของผู้ใดที่จะจดจำท่านได้เลย  แต่ท่านจะถูกจดจำได้ด้วยหัวใจของคนทั้งหมด  นักเดินทางผู้นั้นได้มาแล้ว  และก็มาอยู่เพียงไม่กี่วัน" เมื่อมาม่าได้สร้างความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา เธอถามว่า  "ใครคือนักเดินทางผู้นั้น ?"  เธออธิบายว่า นักเดินทางคือพระเจ้าชิพบาบา  ผู้ซึ่งมาจากโลกที่ปราศจากร่าง ห่างไกลออกไปจากดวงดาวนี้ นับหลายล้านล้านไมล์ เราไม่สามารถเห็นท่านด้วยดวงตาเนื้อคู่นี้  แต่จิตใจของเราก็จะมีพลังของประสบการณ์จากคำพูดของท่าน  สิ่งสูงสุดซึ่งมีอำนาจสิทธิเฉียบขาดกับสิ่งที่ท่านพูด และกัับความรู้ของบรรดาสิ่งสร้างซึ่งท่านมีอยู่ ท่านได้พิสูจน์ว่าท่านคือผู้มองเห็นอนาคต ผู้ล่วงรู้ปริศนาของกาลเวลาทั้งสาม  และท่านก็ยังเป็นนายของสามโลก ท่านคือ "ชีว่า"

บางครั้งมาม่าจะหัวเราะ  "ผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าเป็นมหาสมุทรของความรู้และมหาสมุทรของความสงบ  แต่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านเป็นนักธุรกิจด้วย  ไม่มีนักธุรกิจคนอื่นใดเหมือนกับท่าน ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถถูกทำลายได้ ไม่มีใครที่จะมีสินค้าที่มีประโยชน์เช่นนี้ แต่ท่านไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้ออกไปโดยไม่มีอะไรตอบแทน  ท่านเป็นผู้ที่หลักแหลมเป็นอย่างมาก"

"ท่านพูดว่า จงให้กิเลสของเธอกับฉัน  ให้แม้แต่ความคิดของเธอกับฉัน  แล้วฉันจะตอบแทนเธอด้วยสมบัติงหนึ่งกระเป๋าเต็ม ๆ  แต่ผู้ขายของผู้กำลังเดินทางจะอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แล้วท่านก็จะเดินทางกลับบ้านเร็ว ๆ นี้ มีเวลาอีก 2-3 วันเท่านั้น  แล้วโลกที่เก่าแก่ทรุดโทรมนี้ก็กำลังจะถูกเผา  แล้วทำไมไม่นำความสุขจากประสาทสัมผัสที่ไม่มีประโยชน์ มาแลกกับความปิติที่ไม่มีวันจบสิ้นเล่า ?"  เธอจะไม่เคยพบการซื้อขายเช่นนี้เลย  แล้วเธอยังจะต่อรองกับท่านอีกหรือ ?  ถ้าเธอยังไม่ยอมตกลงแลกเปลี่ยน แล้วเม่ื่อไรเธอจะทำ

มาม่าจี้กระตุ้นผู้ฟังของเธอ  เมื่อถึงเวลาที่มาม่าจะต้องไป พวกเขาก็พยายามทุกวิถีทางที่จะดึงเธอไว้ให้นานที่สุด  มาม่าก็สัญญาว่าจะกลับมาและบอกบาบาว่า มันน่าอัศจรรย์ใจอย่างไร ณ ที่นั่น  เกี่ยวกับลูก ๆ ที่เดลลี  แล้วบางทีบาบาก็อาจจะมาด้วยตัวท่านเอง  และด้วยความหวังเช่นนั้น ทำให้พวกเขายอมให้เธอกลับ

ลูกของบาบาในเดลลี เขียนจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่ามาถึงบาบา  วิงวอนให้ท่านมา ในที่สุด มหาสมุทรแห่งความรักชิพบาบาและสื่อของท่านก็รับคำเชิญ  เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวกระแสคลื่นแห่งความปิติยินดีเช่นนี้ ก็ได้ถาโถมเข้าสู่ชายหาดของจิตใจของพวกเขา พวกเขาควรจะอดกลั้นที่จะรอเวลานั้นด้วยตัวของพวกเขาเอง

บาบาเขียนมาจากมธุบันก่อนที่จะมาถึง  "ลูก ๆ ผู้เป็นที่รักที่ได้จากหายไปนาน เพราะว่าความรักของท่านต่อลูก ๆ ชิพบาบาก็ได้จากพารามธรรมและลงมายังโลกของมายานี้ ท่านได้มาทำให้เราร่ำรวยด้วยความรู้ บาบาไม่สามารถปฏิเสธลูก ๆ ได้  ดังนั้น ท่านต้องลงมาเพื่อเปลี่ยนเดลลีจากเมืองของกรวดทรายให้เป็นเมืองทองคำ พาหนะของชิพบาบาก็ต้องมาด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำ ใครคือผู้ที่เธอกำลังร้องเรียกในฐานะอาคันตุกะ เมื่อเธอได้รู้จักกับท่าน เธอจะต้องบริสุทธิ์ตลอดไป  ท่านมายังโลกนี้เพื่อขจัดกลิ่นเน่าเหม็นของมัน  และมาทำให้มันหอมฟุ้งไปด้วยความบริสุทธิ์  ดังนั้นเธอจะต้องคงอยู่ภายใต้กฏแห่งความประพฤติที่สูงส่งที่สุดทั้งหมด ลูกจะต้องเป็นโยคีอย่างสม่ำเสมอ บาบาพูดด้วยเช่นกันว่า "ลูก ๆ ไม่ต้องนำดอกไม้มาที่สถานีรถไฟ และมันก็ไม่จำเป็นที่ลูกทั้งหลายจะต้องมาที่สถานีรถไฟ  ลูกไม่จำเป็นต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ใช้มันทั้งหมดเพื่อการยกระดับโลก  ใช้มันเพื่อการนำมรดกของบาบาไปให้กับผู้อื่น ลูก ๆ พ่อไม่ใช่ทั้งนักบวชและมหาตมะ  พ่อเป็นเพียงพ่อของลูก  ดังนั้น มันมีจุดประสงค์อะไรล่ะ ที่ลูกจะนำดอกไม้มา พ่อเพียงแต่ต้องการเห็นลูก ๆ เป็นเช่นดอกไม้ ที่ส่งกลิ่นหอมของท่าน มายาไม่ควรจะนำความแห้งแล้งมาสู่ชีวิตของลูก กลิ่นของคุณธรรมควรจะเด่นชัดในมารยาทของลูก ดังนั้นผู้คนก็จะเข้าใจว่าลูก ๆ นั้นเป็นลูกของใคร

มีเพียงผู้ซึ่งถือพรหมจรรย์ที่จะได้รับอนุญาตให้ไปพบบาบา  พวกเขาก็ต้องถือปฏิบัติในเรื่องของความบริสุทธิ์ของอาหารและเครื่องดื่ม  และต้องมีศรัทธากับบาบาในสติปัญญา กฏนี้มีเพื่อผลประโยชน์ของลูก ๆ เนื่องจากคนที่ไม่บริสุทธิ์ ก็จะไม่สามารถที่จะรับรู้การมาของพระเจ้าได้ ชิพบาบานั้นลึกลับ  เราไม่สามารถเห็นท่านด้วยตาเนื้อ  ใครก็ตามที่ยังไม่ได้รับการเปิดดวงตาที่สามแห่งความรู้ของเขา ก็จะไม่สามารถที่จะรู้จักว่าในร่างของผู้ชายที่ธรรมดานั้น พระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้นี้ได้ลงมา  ดวงวิญญาณที่มืดบอดเช่นนี้ สามารถที่จะทำอันตรายให้กับตัวเองได้อย่างง่าย ๆ โดยการทำกรรมที่ไม่ดีต่อพ่อสูงสุด  บาบาได้มาในเสื้อผ้าที่แสนจะธรรมดา ขาวเรียบ ไม่มีการประดับตกแต่ง  และการประดับตกแต่งอะไรล่ะ ที่จะมีความงดงามเพียงพอ และสูงค่าพอที่จะเหมาะสมกับจอมราชันย์ของจักรวาล

ทุก ๆ เช้า ชั้นเรืยนเต็มไปด้วยดวงวิญญาณที่ปรารถนาจะฟังเมอร์ลีของบาบา ทุก ๆ วัน ความลับที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ถูกเปิดเผย  พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากการปรากฏตัวของท่าน ได้เผาตะกอนที่นอนเนื่องทางจิตเป็นชั้น ๆ ออกไป ซึ่งมันได้ห่อหุ้มดวงวิญญาณอยู่  พวกเขารู้สึกเบากว่าแต่ก่อน  พวกเขาเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน  ภาระที่หนักหน่วงของพวกเขาได้ถูกปลดทิ้ง จิตใจคงอยู่อย่างมั่นคง เปิดเผย ละวาง และเงียบสงบ  เสือกระดาษของความปรารถนาได้ตายกลายเป็นเถ้าถ่าน และความรักซึ่งบริสุทธิ์ที่ไม่มีวันตายได้ฟื้นกลับขึ้นมาจากเปลวไฟ  พวกเขาได้บรรลุถึงแก่นแท้ของชีวิต  "อ้า  ขอให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป !  และทำไมพวกเราถึงได้ลงมาจากบัลลังก์ของความบริสุทธิ์ได้อย่างไร  เพราะว่าไม่มีสุราชนิดใดที่จะเปรียบเทียบได้กับน้ำอมฤตของพระเจ้า"

ที่น่าตะลึงงันว่า สิ่งอื่นใดทั้งหมด ประสบการณ์ที่วิเศษนี้ ทุกคนได้รับทั้งหมด  เราไม่ต้องจากบ้านของเราไปอาศัยอยู่ในป่าหรือในถ้ำอยางเช่นสาธุ  หรือซานยาสซีทำ บาบาเคยพูดในเมอร์ลีที่สูงส่งของท่านว่า คาร์มาซานยาสซี ทิ้งบ้านและธุรกิจของพวกเขา  และไปอาศัยในป่าเพราะว่า พวกเขาคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยอยู่กับผู้หญิงและมีชัยชนะเหนือกามราคะ  แต่นี่เป็นสิ่งผิดอย่างแท้จริง ผู้ซึ่งได้เคยลิ้มรสน้ำอมฤตของพระเจ้าจะไม่เคยหยุดดื่มน้ำอมฤต เพื่อไปดื่มน้ำพิษ  พวกเรากำลังสร้างโลกใหม่จะไม่วิ่งหนีจากไป ลูกจะต้องอยู่ในบ้านของลูกและครอบครัวและนำทางชีวิตของลูกด้วยพลังของโยคะ

คงอยู่ในความบริสุทธิ์ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลก บาบาให้คำแนะนำ และโลกก็จะได้รับการช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ พระเจ้ามา ไม่ได้มาผลักดันให้ลูกต้องออกจากบ้านของลูก แต่มาทำบ้านให้เป็นสวรรค์ ลูกได้ร้องเรียกพ่อ ลูกได้ตะโกนออกมา "โอ้ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์โปรดมา" ในที่สุด ท่านก็ตอบมา "ลูก ๆ พ่อได้มาแล้ว" บัดนี้จงหยุดความปรารถนาเหล่านี้ จบสิ้นธุรกิจที่สกปรกนั้นเสีย ลูกเป็นดวงวิญญาณ ในตอนเริ่มต้นลูกเคยบริสุทธิ์ ดังนั้น ธรรมชาติที่แท้จริงของลูกคือ ความบริสุทธิ์ แล้วทำไมมันถึงจะเป็นการยากที่จะสร้างสภาวะดั้งเดิมนั้นเล่า แต่จนกว่าลูกมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเท่านั้น มิฉะนั้นก็จะเป็นไปไม่ได้  ดังนั้นให้สำนึกว่าตัวลูกเองเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่ง  และมีชีวิตอยู่ในการคิดถึงพ่อผู้เดียวนั้น แล้วลูกก็จะได้รับพลังที่จะคงอยู่ในความบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 10


No comments:

Post a Comment