Showing posts with label ละครโลก. Show all posts
Showing posts with label ละครโลก. Show all posts

Monday, July 29, 2013

ละครนั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม


นี่คืองบดุลของบัญชีที่สวยงามมากในหมู่ดวงวิญญาณในละคร บนพื้นฐานของกรรมของพวกเขาและผลของมัน บนพื้นฐานของความเพียรและโชคของมัน ละครนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
เกมนั้นประกอบด้วยความสุขและความทุกข์ แต่บัญชีของความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นมีพื้นฐานอยู่บนกรรมของเขาเอง เขาเข้าใจความยุติธรรมของละครเมื่อเขาเข้าใจความล้ำลึกของกฏและหลักการของกรรม

-กฏแห่งกรรมและผลของมัน ความสุขและความทุกข์ใช้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างทัดเทียมกัน

-ทุก ๆ ดวงวิญญาณประสบกับความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาของเขาและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นความทุกข์ ในตอนจบทุก ๆ คนจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท (ความสุข - ความทุกข์ = 0) และแล้วก็กลับบ้าน

-ละครนั้นเป็นเกมของชัยชนะและความพ่ายแพ้และยุคบรรจบพบกันเป็นเวลาของชัยชนะสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ แต่ทุก ๆ ดวงวิญญาณเข้าไปสู่ยุคบรรจบพบกันในเวลาของเขาเอง ตามบทบาทของเขาในละคร บัดนี้เป็นเวลาสำหรับชัยชนะของพวกเรา ดังนั้นการสนุกสนานเพลิดเพลินกับชัยชนะ ณ เวลาแห่งชัยชนะนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาด

-ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ นั่นคือในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง เราจะดูละครด้วยความรู้สึกและทัศนคติที่เป็นกลาง เราสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงได้ในความสุขและความทุกข์ ชัยชนะและพ่ายแพ้ คำสรรเสริญและคำประฌาม ความเคารพหรือการสบประมาท ในขณะที่อยู่ในสำนึกที่เป็นร่าง เราจะไม่สามารถอยู่อย่างละวางได้ และดังนั้นเราก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโดดเด่นและความตกต่ำของละครและโซ่นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนจบ

-แต่ละดวงวิญญาณเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและมีสิทธิ์ในมรดกของพ่อ ทั้งหมดได้รับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตตามบทบาทของพวกเขา

-ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความรู้เกี่ยวกับละครและดังนั้นทั้งหมดจึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts) และเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts) ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อการบรรลุผลของความรู้ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับบทบาทของพวกเขาในละคร (Every one has an equal right to the attainment of knowledge independent of their part in the drama)

-การมีความรู้เกี่ยวกับละคร เราสามารถรู้ถึงบทบาทของทุกดวงวิญญาณและดังนั้นจึงรักษาความสมดุลของความรู้สึกที่มีต่อทุกคนและการให้คุณประโยชน์ต่อโลกก็แฝงอยู่ในนั้น

- ในละครทางโลกถ้าพระราชาได้รับบทบาทให้แสดงเป็นคนจน เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนจนหรือ? และถ้าคนจนได้เล่นบทเป็นพระราชา เขาจะรู้สึกว่าเขาเองเป็นพระราชาหรือ? คำสรรเสริญจะมีให้แก่ผู้ที่แสดงบทบาทของเขาไ้ด้อย่างถูกต้อง (ตามบทที่เขียนไว้และตามการกำกับของผู้กำกับละครนั้น) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทของการเป็นพระราชาหรือเป็นคนจน และในละครคนจนบางคนสามารถเล่นบทเป็นคนรวยและคนรวยบางคนอาจจะเล่นบทเป็นคนยากจน แต่เบื้องหลังฉากของละครนี้เราืทั้งหมดเป็นนักแสดง เป็นลูกรักของพ่อสูงสุด ลูก ๆ ทุกคนรักพ่อของพวกเขาและพ่อก็รักลูก ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน

-เราจะรู้สึกถึงความยุติธรรมและความสนุกสนานของละครก็ต่อเมื่อเราเป็นผู้ละวางจากร่างและโลกทางร่างได้ 100% แต่สำหรับสิ่งนั้นความบริสุทธิ์ 100% เป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ 100% และเล่นบทบาทของท่าน ท่านมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณตลอดกาลเพราะว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ตลอดกาล (ท่านคงอยู่อย่างละวางจากร่างของบราห์มาและจากความเจ็บป่วยและความทุกข์ของดาดี้กูลซาร์ด้วยเช่นกัน) เราควรจะทำความเพียรเพื่อที่จะอยู่อย่างละวางเช่นเดียวกัน ทุกดวงวิญญาณต้องทำความเพียรของตนเองและละครจะช่วยให้ดวงวิญญาณทำความเพียรด้วยเช่นกัน

-ไม่ว่าบทบาทของใครจะเป็นอะไร ดวงวิญญาณก็รักบทบาทนั้นและถูกดึงโดยบทบาทนั้นและมีความสุขในการเล่นบทนั้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งความสงบเป็นระยะเวลาอันยาวนานในขณะที่ละครดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะต้องการความสงบและก็จะทำความเพียรเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของยุคทองจะต้องการการหลุดพ้นในชีวิตและจะทำความเพียรเพื่อให้ได้รับสิ่งนั้น

-ความสนใจของนักแสดงทุกคนควรจะอยู่ที่บทบาทของตนเอง ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคตหรือความสนใจของเขาถูกดึงไปยังบทบาทของดวงวิญญาณอื่น เขาก็ทำให้บทบาทของเขาเสีย เขาจะต้องสนใจต่อการบรรลุผลของเขาเองเพื่อที่จะได้รับประโยชน์

-ถ้าเราดูฉากที่แตกต่างของละครด้วยความสนใจในบางสิ่งบางอย่างเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่า แม้ว่าดวงวิญญาณอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจากร่างไป นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาต้องการที่จะเล่นบทนั้นมากกว่าถึงแม้ว่าเขาอาจจะยากจนหรือเจ็บป่วย

-ในละครทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้วและจะซ้ำรอยในเวลาของมันเอง กฏแห่งกรรม ความเพียรและโชคของมัน ใช้ได้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
"ไม่มีใครสามารถถูกปลดปล่อยออกไปจากการเล่นบทบาทของเขาได้ ทุกคนจะต้องมาตามละคร เขาจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์ในปริมาณที่เท่ากัน" SM 21/09/98 revised

ทุก ๆ เหตุการณ์ของละครนั้นยุติธรรมและให้ประโยชน์ ในผู้ที่ไม่มีความรู้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคลและไม่ให้คุณประโยชน์ ละครนั้นทำขึ้นมาอย่างถูกต้องแม่นยำและมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่มีชีิวิตเล่นบทบาทของพวกเขาเองซ้ำรอยเดิม ณ เวลาของพวกเขา และตามเวลาสิ่งที่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่มีชีวิต อย่างเป็นอัตโนมัติ แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลของกรรมของเขาโดยธรรมชาติในเวลาที่ถูกต้อง
แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลตามกรรมและตามความเพียรอย่างแน่นอน
ทุกดวงวิญญาณได้ชาติเกิดตามธรรมชาติและสันสการ์ของเขา
การลืมเป็นพื้นฐานสำคัญในละครนี้ มันสร้างความรู้สึกว่าทุกฉากนั้นใหม่และน่าสนใจ มีกลไกหลัก 5 ประการที่ทำให้เขาลืมคือ
1. การลืมเพราะเวลาที่ผ่านไป
2. การลืมหลังการนอนหลับ
3. การลืมหลังความตาย
4. การลืมผ่านโยคะ
5. เมื่อวงจรสิ้นสุดลงดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลับบ้านพวกเขาลืมทุก ๆ สิ่งอย่างสิ้นเชิง

วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของการลืมสามารถเห็นได้จากการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในบางกรณีของความผิดปกติทางจิตใจ การลืมเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างสามารถให้ความรู้สึกสดชื่นและพอใจแก่ดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยรู้สึกว่าผู้ใดทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าประสบกับการสูญเสียมันเป็นเพราะว่าเราเองนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

"แม้แต่ความทุกข์ทรมานของกรรมก็สามารถเห็นได้ว่ามีประโยชน์เพราะว่ามันชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และสะสางบัญชีกรรมและก็ทำให้ดวงวิญญาณเบาสบาย อย่าได้รู้สึกประหลาดใจในละคร บ้านถูกสร้างขึ้นมาและจะพังทลายไปอีกครั้งและมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น จงเข้าใจในละครนี้" SM 01/04/72

"ถ้าลูกจำไว้ว่า "wah drama wah" "วา ละคร วา" ลูกจะมีความสุขอยู่เสมอและผ่านลูก งานรับใช้มากมายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" ABD 01/01/79

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละคร มีประโยชน์ รายได้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางคือตำแหน่งของการได้รับคำสรรเสริญ แล้วความเศร้าโศกของลูกจะจบสิ้นลง ลูกจะเศร้าโศกได้อย่างไรในเมื่อลูกนั้นเป็นตรีกาลดาร์ชิ เป็นลูก ๆ ของพ่อที่เต็มไปด้วยความรู้ ABD 07/03/81

อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดีมาก อะไรที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดีกว่าและอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นดีที่สุด ผู้ที่ไม่เข้าใจละครจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่มันเป็นหลักการที่แสนหวานเป็นอย่างมากของละคร ความทุกข์นั้นเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ของความสุข ในละครนี้มีบทที่สำคัญเท่าเทียมกันสำหรับความทุกข์และความสุข จงตระหนักรู้ในความจริงนี้และทำให้ผู้อื่นตระหนักรู้ถึงความสุขนี้

สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

1. มีสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ
2. สภาวะของการเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ
3. มีดริสตี (สายตา) ที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
4. เป็นผู้ที่ปราศจากความกลัวและเป็นอิสระจากความเกลียดชัง
5. มีดริสตี (สายตา) และทัศนคติที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
6. เป็นผู้ที่เบิกบานแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ
7. ประสบกับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
8. มีความสมดุลในการสูญเสียและได้ประโยชน์ คำสรรเสริญและการประฌาม
9. มีโยคยุทธ (มีโยคะที่ถูกต้อง)อย่างสม่ำเสมอ
10.เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ

Sunday, July 28, 2013

ความเข้าใจความรู้เรื่องละคร



ทุก ๆ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่ไม่มีวันสูญสลายของตนเองและได้รับผลตามกรรมนั้น ๆ และเราต้องดูละคร ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและทำให้การกระทำของเราสูงส่ง อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอะไรก็ตามที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ด้วยการรู้สิ่งนี้ ดวงวิญญาณก็สามารถคงอยู่อย่างมีความสุขและจะไม่มีที่เหลือให้กับความทุกข์ ความไม่สงบ ความโกรธ ความกลัว ความริษยาและความวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้คือกิเลสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความไม่รู้
ความบริสุทธิ์คือชีวิต ความบริสุทธิ์หมายถึงสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ เมื่อมีความบริสุทธิ์ ก็มีการถือพรหมจรรย์อย่างเป็นธรรมชาติ และลูกก็จะได้รับสิ่งที่สำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ต้องการ 
ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์จะมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ สภาวะของเขาจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักความปรารถนาทั้งหมด เขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดวงวิญญาณทั้งหมด ในเวลาที่ถูกต้องเขาจะมีความคิดที่ถูกต้องอย่างเป็นอัตโนมัติในการที่จะทำสิ่งใด และดังนั้นเขาจะไม่เคยมีความคิดที่ไร้ประโยชน์

หน้าที่ของพวกเราคือการทำความเพียรที่จะคงอยู่ในสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ และเราไม่มีความคาดหวังใด ๆ เกี่ยวกับฉากของละคร เราเข้าใจว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว หน้าที่ของเราคือคงอยู่อย่างปราศจากความกลัวและปราศจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ ปราศจากกิเลสและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

การคงอยู่ในความสุขในขณะที่เป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและอยู่ในการเป็นเพื่อนของพ่อสูงสุดคือหน้าที่ที่สูงส่งที่สุดในชีวิตของการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้

เนื่องจากนี่คือละครและไม่มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นของฉัน จึงไม่มีเหตุผลที่แท้จริงที่จะมีความผูกพันยึดติด มีความเป็น "ฉัน" และความเป็น"ของฉัน" มีความโกรธ มีความเกลียดชัง หรือมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ คงอยู่ในสภาวะดั้งเดิม(เป็นดวงวิญญาณ)ของลูก เป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์และประสบกับความสงบสูงสุด

ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่สูงส่งอันแสนมหัศจรรย์ ละครนี้ไม่ใช่สติรู้ผิดรู้ชอบ(Conscient) แต่หลักการและกฏของมันนั้นเต็มไปด้วยความจริงที่ยุติธรรมและให้ประโยชน์ และกฏและหลักการนั้นกำลังทำงาน ไม่ว่าเราจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม เช่นที่ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นยุติธรรม ให้ประโยชน์ และมีความรู้สึกที่เท่าเทียมกันต่อดวงวิญญาณทั้งหมด ในทำนองเดียวกันละครก็ยุติธรรม ให้ประโยชน์ และปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นดี ความลับของละครนี้สามารถเข้าใจได้ในยุคบรรจบพบกันเท่านั้น

Saturday, July 27, 2013

ละครโลกและบัญชีของบาปและบุญ


ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณประสบกับความสุขและองศาของพลังของดวงวิญญาณค่อย ๆ ลดลง แต่ไม่มีบาปหรือบุญเกิดขึ้น บาปและบุญหมายความว่าบัญชีของความทุกข์และความสุขถูกสร้างขึ้นโดยดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบุญคือการกระทำที่จะให้ความสุขแก่ดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบาปคือการกระทำที่จะให้ความทุกข์แก่ดวงวิญญาณ

คุณภาพของกรรมขึ้นอยู่กับความรู้สึกและความตั้งใจของผู้กระทำด้วยเช่นกัน ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับละครสอนให้เรารักษาไว้ซึ่งความรู้สึกของการให้คุณประโยชน์ต่อดวงวิญญาณทั้งหมด เนื่องจากไม่มีใครที่จะสามารถถูกตำหนิได้ไม่ว่าในเรื่องใด ดังนั้นผู้ที่รู้จักละครอย่างถูกต้องจะไม่เคยทำการกระทำที่จะให้ความทุกข์ ในวิธีนี้ บัญชีบาปก็จะไม่เพิ่มขึ้น และถ้าไม่มีการกระทำที่เป็นบาป ก็จะต้องมีการกระทำที่เป็นบุญอย่างแน่นอน และดังนั้นบัญชีบุญก็จะเพิ่มขึ้น

การขาดความรู้เกี่ยวกับละครทำให้เราตำหนิติเตียนผู้อื่นและเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีและความปราถนาที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อพวกเขา สิ่งนี้เพิ่มบัญชีบาปของพวกเราและเพิ่มบัญชีที่เป็นลบกับพวกเขา ในขณะที่เห็นบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น หน้าที่ที่แท้จริงของเราคือการเป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ หรือการรักษาไว้ซึ่งความรู้สึกที่ให้ประโยชน์และช่วยให้เขาหยุดการทำกรรมที่เป็นลบ แต่เราไ่ม่ควรมีที่ว่างสำหรับบาปด้วยการมีความรู้สึกที่ไม่ให้ประโยชน์และความรู้สึกที่ไม่ดี

ยุคเหล็กกำลังจะจบแล้วและเพื่อการก่อตั้งยุคทอง พระเจ้าจึงอวตารลงมา เนื่องจากในยุคทองไม่มีการหมกมุ่นในกามราคะ ท่านจึงบอกให้เราอยู่อย่างบริสุทธิ์และเป็นโยคี(ผู้ที่มีโยคะกับพระเจ้า) เพื่อที่จะสามารถกลายเป็นเทพได้ ผู้ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่ในกิเลสก็สร้างบัญชีบาปของเขาอย่างมากมาย

"ลูกควรมีความเมตตาต่อผู้อื่นด้วยการแสดงให้พวกเขาเห็นหนทางที่จะกลับมสาโทปราทานจากทาโมปราทาน เนื่องจากบาบาได้บอกลูกถึงความล้ำลึกของปรัชญาของบาปและบุญ และอะไรคือบาปและอะไรคือบุญ บุญที่สูงที่สุดคือการคิดถึงพ่อและเตือนผู้อื่นให้คิดถึงท่าน บาปนั้นจะมีการกระทำเมื่อคนนั้นคบหาสมาคมกับเพือนที่ไม่ดีและทำให้ทะเบียนประวัติของตนเองและผู้อื่นเสียหาย การเปิดศูนย์และการใช้ความคิด ร่างกาย และทรัพย์สมบัติไปในการรับใช้ผู้อื่นนั้นเป็นบุญ" SM 18/01/03 revised

Friday, July 26, 2013

ลักษณะเฉพาะของละคร


ละครมีลักษณะเฉพาะที่ถาวรคือ
- ละครนั้นถูกต้องแม่นยำ เต็มไปด้วยความยุติธรรม ให้ประโยชน์และมีความหลากหลาย
- ละครนั้นเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและทุก ๆ เหตุการณ์ (รวมทั้งในระดับโมเลกุลและอะตอม)นั้นซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการในเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วของมัน
- ละครนั้นเป็นเกมที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและผู้ที่เ้ฝ้าดูมันในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางจะประสบกับปิติสุขและความมหัศจรรย์ของความหลากหลายของมัน
- ในละคร มีความมหัศจรรย์ของความสมดุลระหว่างกรรม(การกระทำ)ของดวงวิญญาณและผลของมัน
- การลืมเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญของละครนี้ เพราะการลืม ดวงวิญญาณทุก ๆ ดวงเล่นบทบาทปัจจุบันของเขาอย่างประสบความสำเร็จ เพราะการลืม ละครนี้จึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
- นี่คือละครที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายและมันซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการทุก ๆ 5000 ปี แต่เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นมันเป็นหน้าที่ของทุก ๆ ดวงวิญญาณที่ต้องทำความเพียรเพราะว่ามันเป็นกฏของละครว่าทุกการกระทำนำมาซึ่งผลของมัน ว่าทุก ๆ ความเพียรมีโชคของมันเอง

"โลกได้กลายเป็นโลกที่เก่า มันไม่ใช่ว่าละครได้กลายเป็นสิ่งที่เก่า ละครไม่เคยเก่า มันใหม่อย่างต่อเนื่องและดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่โลกกลายเป็นโลกที่เก่าและนักแสดงก็กลายเป็นผู้ที่ทาโมปราทานและเต็มไปด้วยความทุกข์" SM 03/02/69 revised

การใช้ประโยชน์และการมีประสบการณ์กับความรู้เรื่องละคร
เพียงผู้ที่มั่นคงอยู่ในสภาวะของตนเอง (เป็นดวงวิญญาณ)เท่านั้น ที่ใช้คำว่า "ละคร" ได้อย่างถูกต้อง เพราะว่ามันเป็นดวงวิญญาณที่เป็นนักแสดงและเป็นพยานรู้เห็น หลักการของการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุก ๆ ประการของละครใช้ประโยชน์ได้กับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่เนื่องจากเราไม่มีความรู้อย่างสมบูรณ์
บาบาจึงพูดว่า "ละคร" กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น
ด้วยการพูดว่า "ละคร" เราไม่ควรหยุดการทำความเพียรหรือสูญเสียความกระตือรือร้น ดวงวิญญาณไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ได้ทำความเพียรอะไรบางอย่าง ดังนั้น ทำไมจึงไม่ทำความเพียรอย่างสูงสุดและแล้วสิ่งนั้นก็จะซ้ำรอย

Thursday, July 25, 2013

ละครโลกและสภาวะที่มั่นคงของโยคะ


ความรู้เรื่องละครช่วยทำให้มีความมั่นคงในโยคะเป็นอย่างยิ่ง การที่จะมั่นคงในโยคะ มันมีความจำเป็นที่จะต้องเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม
และแล้วดวงวิญญาณก็สามารถประสบกับการหลุดพ้นในสภาวะที่เป็นเมล็ด (มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสมบูรณ์) หรือประสบกับความสุขของการหลุดพ้นในชีวิต (มีชีวิตที่ปราศจากบ่วงพันธะ) หรือมีโยคะกับดวงวิญญาณสูงสุด

ความรู้เรื่องละครนั้นเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับการควบคุมความคิดของเราเอง ผู้ที่เป็นรูปธรรมของการซึมซับความรู้เรื่องละครนั้นใส่จุดฟูลสต๊อป(หยุดคิดถึง) กับทุก ๆ สิ่ง ได้อย่างง่ายดายและเข้าใจถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและประสบกับความล้ำลึกและความสุขของโยคะ และด้วยโยคะเท่านั้นที่เราจะสามารถซึมซับความลับที่แท้จริงของละครได้ ดังนั้นทั้งสอง(ความรู้และโยคะ) จึงเป็นของขวัญของซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่มีความสำคัญของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดในการทำโยคะ ในทำนองเดียวกัน การที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะนั้นมีความสำคัญของการเข้าใจละคร ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถเป็นอิสระจากร่างกายและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม

วิธีที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะคือ ในขณะที่ทำงาน ฝึกฝนการอยู่อย่างมั่นคงในสภาวะที่ปราศจากร่าง(เป็นดวงวิญญาณ/เป็นจุด)ในหนึ่งวินาที และแล้วในวินาทีต่อมาก็เข้ามาสู่สภาวะที่ละเอียดอ่อน(ร่างแสง) และแล้วในหนึ่งวินาทีก็เข้ามาสู่สภาวะที่เป็นคาร์มาโยคี(มีโยคะในขณะที่มีการกระทำ)

"ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถทำให้จิตใจและสติปัญญามั่นคงอยู่ในสภาวะนั้น ความลับของการที่ละครซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการนั้น ทำให้ดวงวิญญาณเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดทีี่ให้โทษได้อย่างง่ายดาย และดังนั้นมันจึงเป็นการช่วยในการฝึกโยคะเป็นอย่างมาก" ABD 12/12/98

"พ่อกล่าวว่า:  ลูกทั้งหมดสามารถเป็นผู้ที่ปราศจากร่างภายในหนึ่งวินาทีได้หรือไม่??
ในหนึ่งวินาทีทำให้ตัวเองมั่นคงอยู่ในสภาวะที่ปราศจากร่าง (ลองฝึกดู)................โอเค
บัดนี้ กลับเข้ามาในร่าง ฝึกฝนสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอ..................................................
บัพดาดาเห็นว่าพลังในการควบคุมนั้นมันไม่ได้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นในเวลาปัจจุบัน ถ้าลูกต้องการให้ความคิดของลูกหยุด มันควรหยุด นี่คือวิธีการที่จะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท" ABD  15/03/99

ควรจะมีอุปสรรคในงานของบราห์มิน
"ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไม่มีไฟของโยคะ และลูกก็จะขาดความระมัดระวัง ดังนั้น ตามละครแล้ว อุปสรรคทั้งหลายนั้นเพิ่มความเข้มข้นของความรักของลูก" ABD 21/02/83

"ผู้ที่มีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาจะอยู่อย่างเป็นอิสระจากความวิตกกังวลอยู่เสมอ เพราะว่าพวกเขาเข้าใจทุกสิ่งผ่านพลังของความรู้ การเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นนั้นดีที่สุดนั้นเรียกได้ว่าการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคือการเป็นผู้ที่คิดที่จะให้ประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ และมีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา" ABD 19/04/83

Tuesday, July 23, 2013

ละครโลกและการทุกข์ทรมานของกรรม


"ธุระที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวคือการศึกษาและสอนผู้อื่นเกี่ยวกับศรีมัท เข้าใจว่าบัญชีกรรมของหลาย ๆ ชาติเกิดนั้นมากมายนัก สมมุติว่าใครบางคนป่วยหรือหัวใจวายในวันพรุ่งนี้ มัน
เป็นชะตากรรมของละคร เขาอาจจะมีบทบาทอื่นที่ต้องเล่น ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องของความทุกข์ ละครนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะต้องมีความกังวลเกี่ยวกับอะไร เขาอาจจะทำงานรับใช้คนอื่นได้ดีกว่าเพราะว่าสันสการ์ของการชอบทำงานรับใช้ของเขาจะติดตัวไปเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น" SM 18/06/02 recised



กรรมและการทุกข์ทรมานของกรรมเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในละครนี้และไม่มีใครสามารถเป็นอิสระจากสิ่งนั้นได้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่มาเยือนทุก ๆ คน ทำให้เราเป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานน้น และดังนั้นผู้ที่กล้าหาญจะรู้ความจริงนี้และจะคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความกลัวและความไร้สาระในขณะที่เฝ้าดูบทบาท เป็นอิสระจากสิ่งอำนวยความสะดวก และการบรรลุผลของพวกเขาเองและจะทำความเพียรอย่างถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนา เราไม่ควรรู้สึกอิจฉาริษยาหรือสิ้นหวังในขณะที่เห็นบทบาทหรือการบรรลุผลของผู้อื่น การเป็นอิสระจากอิทธิพลของร่างกายและการมั่นคงอยู่ในรูปดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ (เป็นดวงวิญญาณ) นั้นคือความเพียรที่สูงที่สุด นี่คือวิธีการที่ถูกต้องวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยตัวเราจากการทุกข์ทรมานของกรรมทั้งหมด และทุก ๆ ดวงวิญญาณก็มีสิทธิ์ทั้งหมดที่จะทำความเพียรนี้

ผู้ที่รู้ความจริงนี้และทำความเพียรนี้ โดยไม่สนใจว่าบทบาทของเขาจะเป็นอะไรในละคร จะประสบความสำเร็จในการบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนาอย่างแน่นอน ข้อสอบของความรู้และความอดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาของความยากลำบากนั้นสร้างโชคชะตาของเรา


Monday, July 22, 2013

ละครโลกและสายตาที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน



ผู้ที่รู้จักละครอย่างถูกต้องจะไม่เคยตำหนิติเตียนผู้ใด แต่ละดวงวิญญาณกำลังเล่นบทบาทที่เป็นนิรันดร์และไม่สามารถถูกทำลายได้ของเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ต้องถูกตำหนิ ผู้ที่ตำหนิผู้อื่นเพียงแต่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เข้าใจละครจริง ๆ และเขาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความไม่รู้ มันสามารถพูดได้เช่นกันว่า เขากำลังเล่นบทบาทของเขา การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น สายตาที่ปราศจากการตำหนิติเตียนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ที่เข้าใจละครจะไม่สรรเสริญหรือประฌามผู้ใด บาบาพูดในเมอร์ลีว่า:  ตามละคร พ่อเล่นบทบาทของพ่อ ดังนั้นจะมีอะไรที่ต้องสรรเสริญ แต่มันก็เป็นความจริงด้วยเช่นกันว่าตามธรรมชาิติคนจะสรรเสริญผู้ที่ให้ความช่วยเหลือและให้ความสุขแก่เขา และเขาก็จะประฌามผู้ที่ทำให้เขาได้รับความทุกข์อย่างเป็นอัตโนมัติ นี่ก็เป็นบทบาทในละครด้วยเช่นกัน แต่ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะคงอยู่อย่างสมดุลในคำประฌามและคำสรรเสริญ ในความเคารพและการสบประมาท เขาจะไม่สร้างความคิดใด ๆ และจะคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและมีความสมดุลในสถานการณ์ที่ตรงกันข้ามกัน

"คงอยู่อย่างมั่นคง ณ ยุคบรรจบพบกันที่เป็นยุคสูงสุดในวงจรละครและเฝ้าดูทุกฉากของละคร ลูกจะไม่หวั่นไหวสั่นคลอนอย่างเป็นอัตโนมัติ เพราะว่ายุคบรรจบพบกันนั้นเป็นยุคที่สูงที่สุด และผู้ที่อยู่ ณ จุดที่สูงที่สุด ในสถานที่ที่สูงที่สุด มีความเข้าใจความรู้ที่สูงที่สุดด้วยการอยู่ในการคิดถึงพ่อที่สูงส่งที่สุดและทำงานรับใช้ที่สูงส่งที่สุด บุคคลเช่นนั้นจะเต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ และที่ใดที่มีพลัง ความไร้สาระไม่มีประโยชน์จะจบสิ้นตลอดไป ข้อสอบของความสับสนอลหม่านจะมาอย่างทันทีทันใด แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดม่านของการเปลี่ยนแปลงนั้นดีมาก นี่คือการแสดงละครและไม่มีใครที่จะถูกตำหนิติเตียน" ABD 30/07/83

ละครโลกและการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

จงคิดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ :
ผู้ที่ลูกเรียกว่าเป็นของลูก พวกเขาเป็นของลูกจริง ๆ หรือ ?
และผู้ที่ลูกพูดว่าเขาเป็นของคนอื่น พวกเขาเป็นของคนอื่นจริง ๆ หรือ ?
คนที่ลูกคิดว่าจะให้ความสุขแก่ลูก มันเป็นความสุขจริงหรือ ?
และเขาจะให้ความสุขแก่ลูกในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?
อะไรที่เป็นของลูกจริง ๆ ในโลกนี้ ?
และอะไรที่เป็นของคนอื่นจริง ๆ ?




โลกนี้คือละคร (การแสดง-ภาพยนตร์) และดวงวิญญาณทั้งหลายคือนักแสดง ในละคร ไม่มีใครเป็นของฉัน และไม่มีใครเป็นของเธอ (เป็นของคนอื่น) ไม่มีใครเป็นเพื่อนของใครและไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร ไม่มีใครสามารถให้สิ่งใดแก่ผู้ใดและไม่มีใครสามารถเอาสิ่งใดจากใครไ้ด้ ไม่มีใครให้สิ่งใดแก่กันและไม่มีใครเอาสิ่งใดไปจากฉัน

 ดวงวิญญาณทั้งหมดกำลังเล่นบทบาทที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายของพวกเขาเอง ผู้ที่อยู่กับเราในวันนี้ จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นก็จะมาอยู่กับเรา บางอย่างอาจเป็นของเราในวันนี้และจะเป็นของคนอื่นในวันพรุ่งนี้




ความจริงแล้วในละครโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเป็นของลูกและไม่มีสิ่งใดที่เป็นของใครบางคนอย่างแท้จริง จงทำให้ตัวลูกเองมั่นคงอยู่ในรูปที่เป็นดวงวิญญาณและมองดูอย่างถูกต้องแม่นยำว่า :  โลกนี้คือละครและทั้งหมดคือนักแสดง  คนที่เป็นของเราในวันนี้จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นจะเป็นของเราในวันพรุ่งนี้ ความจริงนั้นก็คือ:  ดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่เป็นของเรา ด้วยการมีท่านเป็นเพื่อนเท่านั้นที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง อะไรก็ตามที่ท่านให้กับเราเท่านั้นที่เป็นของเราและจะได้ความสุขอย่างคงที่สม่ำเสมอ

และดังนั้นผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ใดไม่ว่าในเวลาใด เขาจะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโกรธ ความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง เขาจะคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความรู้สึกเหล่านี้อยู่เสมอและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเป็นผู้รู้เห็นละคร สำหรับเขาแล้ว ทุกคนเป็นของเขาและให้ความรักแก่ทุกคน  ดวงวิญญาณที่มีความรู้เช่นนั้นจะรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวของเขา

เมื่อผู้ใดไม่มีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับละคร เขาก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความไม่รู้และมีสำนึกที่เป็นร่างและจะมีความผูกพันยึดติดกับใครบางคนหรือมีความเกลียดชังและอิจฉาริษยา เพราะเหตุนั้นเขาก็จะทำกรรมที่เป็นบาปชนิดต่าง ๆ มากมายและได้รับผลของกรรมเหล่านั้นในรูปของความทุกข์ทรมาน

โลกนี้คือละครที่ไม่มีขีดจำกัดของการให้และการรับ ของการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จากตอนเริ่มต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบ การให้และการรับระหว่างดวงวิญญาณทั้งหลายก็ดำเนินต่อไปและในตอนจบ ทั้งหมดจะต้องจบบัญชีของพวกเขากับกันและกัน และทั้งหมดก็เข้าสู่สภาวะคาร์มาทีทและกลับบ้าน  ดังนั้นในตอนจบ มันจะมีพฤติกรรมที่ดีหรือไม่ดีกับกันและกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ปรารถนาก็ตาม เพราะว่ามันเป็นการชำระสะสางบัญชี แต่ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยหวั่นไหวและอยู่อย่างไม่หมกมุ่นหรืออยู่อย่างละวางอยู่เสมอ เนื่องจากบัญชีต่าง ๆ ที่จะต้องมีการชำระสะสาง ประเทศ เวลา และสถานการณ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาและดวงวิญญาณทั้งหลายก็จะถูกดึงไปทำภารกิจนั้น ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ปรารถนาก็ตาม ดังนั้นเราไม่ควรสร้างความคิดใด ๆ (ที่ไร้ประโยชน์/ให้โทษ)ต่อผู้ใด แต่ในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ เราจะเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเฝ้าดูละครและมีความสุขกับละครนั้น

กฏของละครคือ:
บัญชีของดวงวิญญาณ = บทบาทของเขาในละคร (บทบาทขึ้นอยู่กับบัญชีของดวงวิญญาณ) ดวงวิญญาณถูกผูกไว้กับเวลาและบทบาทของเขาในละคร มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสิทธิที่จะสาปแช่งหรือให้พรแก่ดวงวิญญาณใดได้

หน้าที่ของเราคือเข้าใจละครอย่างถูกต้องและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางในขณะที่เฝ้าดูดละครและรักษาไว้ซึ่งการให้คุณประโยชน์ ความรูสึกที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดีต่อดวงวิญญาณทั้งหมด
ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นไม่มีวันดับสูญ เป็นนักแสดงที่เป็นอมตะของละครโลกนี้และเป็นลูกที่รักของดวงวิญญาณสูงสุด เป็นพี่น้อง(ชาย)ของเรา เราไม่ควรมีความโกรธ ความอิจฉาริษยา หรือความเกลียดชังกับบทบาทของผู้ใด เราควรจะมองดูบทบาทของทั้งหมดในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและรักษาความรู้สึกที่เท่าเทียมกันกับทั้งหมด นี่คือหน้าที่่ของเราในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณบราห์มิน

นี่คือละครที่หลากหลายและบทบาทที่หลากหลาย ในการสังเกตดูบทบาทของผู้อื่น เราไม่ควรมีความรู้สึกของความต่ำต้อยหรือเหนือกว่าเพราะว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ไม่แน่นอน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ใครก็ตามที่เป็นพระราชาในวันนี้จะเป็นปวงประชาในวันพรุ่งนี้ และจะเป็นในทางที่กลับกัน การเก็บรักษาความจริงนี้ไว้ภายใน ผู้นั้นก็ไปอยู่เหนือความรู้สึกของความไม่ยุติธรรม ความหดหู่หรือความหยิ่งทะนงและดังนั้นผู้นั้นก็จะสามารถรักษาไว้ซึ่งสภาวะของความสมดุลของจิตใจ  (เช่นไม่มีความชอบหรือไม่ชอบ)

นี่คือเวลาสิ้นสุดของกัลป์และบัญชีส่วนตัวของดวงวิญญาณทั้งหลายและบัญชีของเขากับคนอื่นนั้นต้องมีการชำระสะสาง ดังนั้น ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่รู้สึกประหลาดใจหรือถูกหลอกด้วยการเห็นฉากใด ๆ เขาจะไม่สร้างความคิดที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเหตุการณ์ของละคร และดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ของความเกลียดชัง ความโกรธและความอิจฉาหรือริษยากับใครจะปรากฏออกมา เขาจะมีความอดทนอย่างเป็นธรรมชาติและอย่างง่ายดายและดังนั้น จึงสอบผ่านข้อสอบสุดท้ายอย่างมีความสุข

"ใครก็ตามอาจจะกำลังทำสิ่งใดอยู่แต่คงอยู่อย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเรื่องของการประฌาม ฉันถูกประฌามอย่างมาก แต่ว่าไม่ใช่ ละครทำให้เป็นเช่นนั้น ผู้ที่น่าสงสารนั้นอยู่ในความมืดของความไม่รู้ เราควรจะมีความรู้สึกเมตตาและยิ้มอยู่เสมอ" SM 21/08/68


Saturday, July 20, 2013

ละครโลกและประโยชน์


ละครโลกนี้เป็นเกม อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี นี่คือความจริงที่เป็นอมตะ เกมนั้นให้ความสุขเสมอ ทัศนคติที่เห็นเป็นเกมนั้นให้ความสุข ละครนั้นเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องและุทุก ๆ เหตุการณ์นั้นเป็นพื้นฐานของเหตุการณ์ในอนาคต

ละครโลกนี้ให้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ถ้าลูกรู้มันอย่างถูกต้อง ลูกจะเห็นประโยชน์ในทุก ๆ ฉาก ถ้าเราไม่ได้ตกต่ำลงมา ดวงวิญญาณสูงสุดจะสามารถเล่นบทบาทของท่านในการยกระดับพวกเราได้อย่างไร และการพบกับท่านก็ให้ประสบการณ์ของความสุขเหนือประสาทสัมผัสแก่เรา ดังนั้นถ้าลูกดูด้วยการมองเห็นที่สูงส่งลูกก็จะเห็นประโยชน์แฝงอยู่ในทุก ๆ เหตุการณ์ ผู้ที่รู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำจะเข้าใจความลับที่ล้ำลึกนี้

"การรู้ถึงการซ้ำรอยเดิมของละคร จะไ่ม่มีความสงสัย และผู้นั้นก็รู้ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อประโยชน์เท่านั้น ลูกไม่มีความจำเป็นต้องเร่ร่อนอีกต่อไป เพราะลูกทิ้งความผูกพันยึดติดทั้งหมด ณ ที่นี่ ผู้กราบไหว้บูชาของกลียุคนั้นเร่ร่อนไปทั่วเพราะว่าพวกเขามีความผูกพันยึดติด" SM 25/04/69

"มันเป็นเวลานี้ที่เป็นยุคที่ให้คุณประโยชน์และดังนั้นฉากใดก็ตามที่เข้ามาอยู่เบื้องหน้าลูกนั้น เต็มไปด้วยประโยชน์ ลูกอาจจะไม่รู้สึกมันในเวลาปัจจุบันนี้ แต่มันจะถูกเปิดเผยในอนาคต  ถ้าลูกจำไว้ว่า "วา... ละคร......วา"  ลูกก็จะมีความสุขอยู่เสมอและไม่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหรือกังกลใจในการทำความเพียร การทำงานรับใช้ผู้คนมากมายก็จะเกิดขึ้นผ่้านลูก" ABD 01/01/79

Friday, July 19, 2013

ละครโลกและปรัชญาแห่งกรรม


ละครนี้คือวงจรของเหตุการณ์ที่มีพื้นฐานอยู่บน กรรม-ผล-กรรม กรรม(การกระทำ) คือคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างและไม่มีกรรมใดที่ปราศจากผล ดวงวิญญาณได้รับผลของทุก ๆ กรรมอย่างเป็นอัตโนมัติและเป็นธรรมชาติ ไม่มีดวงวิญญาณที่สามารถรับผลที่ดีหรือไม่ดีโดยปราศจากการทำกรรม และไม่มีใครสามารถรับผลของกรรมที่ได้กระทำโดยผู้อื่น แต่ละคนรับผลของกรรมของตัวเอง

นี่คือกฎแห่งกรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กฎแห่งกรรมนี้ทำงานอย่างเป็นอัตโนมัติและอย่างเป็นอิสระและดังนี้นคนจึงสามารถเป็นเพื่อนของตัวเขาเองหรือเป็นศัตรูของตัวเขาเอง ถ้าใครเข้าใจละครได้อย่างถูกต้องแม่นยำเขาไม่สามารถที่ไปสู่กรรมที่เป็นบาปใด ๆ ได้ ในสภาวะที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเขาจะมีประสบการณ์กับพลังทางดวงวิญญาณอย่างเป็นอัตโนมัติและแล้วกรรมทั้งหลายก็จะสูงส่งอย่างเป็นธรรมชาิติ

"ลูกไม่สามารถพูดว่า : มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าก็มีบทบาทในละครด้วยเช่นกัีน แต่ลูกจะพูดว่ามันเป็นโชคชะตาของละคร ผู้ที่กระทำกรรมที่เป็นบาปจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน (ผลกรรม) พ่อจะไม่ให้การลงโทษ นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วอย่างเป็นอัตโนมัติซึ่งดำเนินไปเรื่อย ๆ พ่ออธิบายถึงความลับและตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบของมัน" SM 19/02/69 revised

แม้กระนั้น เพื่อประโยชน์ของลูกเอง ลูก ๆ พ่อผู้ให้คุณประโยชน์ ในรูปของผู้พิพากษาสูงสุด บอกลูกถึงกฎอันศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในกฎของละครในยุคบรรจบพบกันคือ สำหรับ 1 กรรม ลูกจะได้รับการบรรลุผลหรือการถูกลงโทษ/ความทุกข์ทรมานเป็น 100,000 เท่า มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของกรรม กฎนี้ทำงานอย่างเป็นอัตโนมัติ พ่อไม่ได้แทรกแซงในเรื่องนี้ นี่คือเครื่องยนต์อัตโนมัติที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าปรัชญาแห่งกรรมนั้นล้ำลึกเป็นอย่างมาก ABD 03/05/77

"ถ้าลูกทำทุก ๆ สิ่งในขณะที่เป็นตรีกาลดาร์ชิ ลูกจะไม่สามารถทำกรรมที่เป็นบาปใด ๆ ได้ ลูกจะทำกรรมที่เป็นบวก (ให้ผลที่ดี) อยู่เสมอ....ในทำนองเดียวกันการทำกรรมในขณะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเป็นพยานและลูกก็จะไม่กลายเป็นดวงวิญญาณผู้ซึ่งถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของกรรม"ABD 30/01/70

"เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะพูดว่า มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า แต่ลูกพูดว่า มันเป็นโชคชะตาของละคร เพราะลูกรู้ว่าพระเจ้าก็มีบทบาทในละครด้วยเช่นกัน และมีเพียงพ่อเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าวงจรโลกหมุนไปได้อย่างไร และพ่อคือผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ มนุษย์คิดว่าท่านรู้ใจของทุกคน แต่เราจะต้องรับผลของกรรมที่เป็นบาปใด ๆ ก็ตามที่เราทำ พ่อจะไม่นั่งเพื่อที่จะทำการลงโทษ ละครนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้วและโดยธรรมชาติก็ใช้กฎและหลักการของมันอย่างเป็นอัตโนมัติ" SM 19/02/69 revised

"บางคนก็สะสมหนึ่งสตางค์และมันกลายเป็น 100,000 และบางคนขโมยหนึ่งสตางค์และมันก็กลายเป็น 100,000 พ่ิออธิบายกฎทั้งหมดให้แก่ลูก มือขวาของพระเจ้าคือธรรมราช(ผู้พิพากษาสูงสุด) และท่านรู้บัญชีทั้งหมดอย่างเป็นอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับกรรมที่ได้ทำ ผู้นั้นก็ได้รับความทุกข์หรือความสุข สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้วในละคร"SM 14/12/69 revised

2 ล้อของรถลากของละครที่หมุนไปพร้อม ๆ กัน คือ:
1. ทุกฉากในละครถูกกำหนดไว้แล้ว
2. กฏแห่งกรรม

ผ่านทุก ๆ กรรม ดวงวิญญาณชำระสะสางบัญชีกับดวงวิญญาณต่าง ๆ และบัญชีใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเ่ช่นกัน ในเวลาปัจจุบัน ในตอนจบของกลียุค บัญชีทั้งหมดของหลาย ๆ ชาติเกิดนั้นได้รับการชำระสะสาง เพราะว่าละครกำลังจะจบแล้ว เวลาสำหรับการสร้างบัญชีใหม่สำหรับวงจรใหม่ที่กำลังจะมานั้นสั้น ดังนั้นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรู้จะไม่ประหลาดใจหรือถูกหลอกเมื่อเฝ้าดูบทบาทของใคร เขาจะไม่สร้างความคิดที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเหตุการณ์ของละคร และดังนั้นจะไม่มีความรู้สึกของความเกลียดชัง ความโกรธและความอิจฉาริษยาต่อผู้ใด มันเป็นด้วยความรู้สึกที่บัญชีถูกสร้างขึ้นมา

Thursday, July 18, 2013

ละครโลกและสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง


การบรรลุผลที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตอย่างหนึ่งคือการรู้จักความถูกต้องแม่นยำของละคร ด้วยสิ่งนี้ผู้นั้นสามารถคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากร่างกายและโลกของร่างกายและเฝ้าดูละครโลกในขณะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และเล่นบทบาทในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ มหาสมุทรแห่งความรู้(ชีพบาบา) คือเพื่อนของฉันตลอดไปและมือของพ่อสูงสุด-ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นอยู่บนที่ศีรษะของฉันอยู่เสมอ ถ้าฉันทำให้ความกระจ่างชัดเกี่ยวกับละครตื่นตัวอยู่ในสติปัญญาของฉัน สภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างคงที่สม่ำเสมอก็เป็นไปได้

นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่มากมายในโลกพยายามที่จะอธิบายถึงสภาวะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางนี้ แต่ถ้าหากปราศจากความรู้เรื่องละคร มันก็ยังคงคลุมเครือหรือเป็นเพียงการจินตนาการอยู่เสมอ ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างเป็นนิรันดร์ ดังนั้น ท่านจึงสามารถให้ความรู้นั้นและเข้าใจอย่างลึกซึ้งแก่เรา ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าถึงสภาวะนั้นได้และประสบกับปิติสุขผ่านสิ่งนั้น

ในโลกพวกเขาสร้างสมสภาวะนี้ด้วยการบีบบังคับ แต่มันคงอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น สำนึกที่เป็นร่างมีอิทธิพลเหนือดวงวิญญาณ นี่คือเหตุผลที่ทำไมดวงวิญญาณทั้งหมดจึงเข้ามาสู่การตกต่ำ แม้ว่าพวกเขาได้มาจากพารามธรรมในสภาวะสาโทปราทานอย่างสมบูรณ์ของพวกเขา ดวงวิญญาณในสำนึกที่เป็นร่างไม่สามารถเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสมบูรณ์ไ้ด้ เขาจะสามารถเข้าถึงสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางได้ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าพวกเราดวงวิญญาณนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรมและพวกเราได้มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาท เป็นเพียงเมื่อเราเข้าใจละครว่าเป็นการแสดงและถูกทำให้เชื่อมั่น 100% เกี่ยวกับมันแล้ว เราจึงจะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง 100% ได้ นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับละครพาเราไปอยู่เหนือความคิดของ "อะไรดี" และ "อะไรไม่่ดี" ดีหรือไม่ดีนั้นได้มีการทำแต่เราจะรู้สึกว่า:  อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี และอะไรที่จะเกิดขึ้นก็จะดี เพราะว่าละครนั้นให้คุณประโยชน์ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่มันได้ถูกกำหนดไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญของทุก ๆ บทบาทในละครที่ต่อเนื่องนี้ จากบทบาทหนึ่ง บทบาทอื่นก็ปรากฏขึ้นมา นั่นคือบทบาทหนึ่งกลายเป็นเครื่องมือของอีกบทบาทหนึ่ง ในสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง คนนั้นก็จะเล่นบทบาทของเขาเองต่อไปและทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระ



ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีวันจบสิ้นและเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ แต่เนื่องจากอิทธิพลของความไม่รู้ ดวงวิญญาณก็ไ้ด้เร่ร่อนไปไกลบนหนทางของสำนึกที่เป็นร่าง ซึ่งมันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมา จากนั้นพ่อสูงสุด-ดวงวิญญาณสูงสุดผู้ทรงฤทธิ์นั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูความรู้ของพวกเรา นั้นคือเหตุผลของการอวตารลงมาของท่าน

ในขณะที่เล่นบทบาทในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ ในขณะที่อยู่ในสภาวะผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ผู้นั้นก็จะรู้สึกว่าทุก ๆ บทบาทนั้นดีและสมบูรณ์พร้อม นี่คือการบรรลุผลพิเศษของยุคบรรจบพบกัน และพรอันสูงสุดจากพ่อสูงสุดสำหรับพวกเราดวงวิญญาณและเป็นพื้นฐานของความสุขทั้งหมด สำหรับผู้นั้นละครก็คือเกมของรูปของปิติสุขสูงสุด

ในสภาวะนี้ ฉากของละครจะมาและก็ไป แต่เราจะไม่  "รับเข้ามา" หรือ "ยึดไว้" ภายในต่อสิ่งใดและรักษาหัวใจของเราให้สะอาดอย่างต่อเนื่อง

Wednesday, July 17, 2013

ละครโลกและสภาวะของตนเอง



การที่ดวงวิญญาณจะคงอยู่อย่างมั่นคงในสภาวะของตนเอง มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและรู้เห็นเป็นพยาน มันปลดปล่อยดวงวิญญาณจากความคิดที่ไร้สาระและความคิดสร้างความเสียหายได้ในหนึ่งวินาทีด้วยเช่นกัน ประสบการณ์ของการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตกลายเป็นเรื่องง่าย และนี่คือเป้าหมายอันสูงสุดของการทำความเพียรทางดวงวิญญาณของพวกเรา มันทำให้ทัศนคติของเราสะอาดและบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน

สถานการณ์ของความทุกข์นั้นถูกเปลี่ยนไปเป็นความสุขด้วยสิทธิที่ได้รับผ่านพ่อ  มหาสมุทรแห่งความสุข นั่นคือ ผ่านแสงแห่งความรู้ ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดวงวิญญาณรู้สึกว่า: วา ละครที่สายงาม วา, บทบาทของนักแสดงทุก ๆ คน วา, ผู้ที่รู้สึกเช่นนั้นอย่างจริงใจถูกเรียกว่าผู้มีโชคอันดับหนึ่ง SM 01/12/83

พื้นฐานของความสุขของดวงวิญญาณคือการเล่นบทบาทของเขาอย่างประสบความสำเร็จด้วยการคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากการตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของร่างกาย และดังนั้นจึงเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระและความคิดที่ให้โทษ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงปัญญาของดวงวิญญาณ

ความสัมพันธ์ทางร่างและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดจะอยู่กับเราชั่วคราวเท่านั้น และสิ่งเหล่านั้นก็จะจากเราไปในเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วในอนาคต ดังนั้น ในความเป็นจริงมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องวิตกกังวลหรือยึดติด ความวิตกกังวลและความผูกพันยึดติดนั้นเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งหมด ผู้ที่เป็นอิสระจากมันก็จะประสบกับปิติสุขสูงสุด

มีเพลงร้องว่า: ถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้ที่เมฆหมอกจะจางหายไป โอ... นักเดินทางในยามวิกาล ผู้ที่่หลงทาง บัดนี้มันเป็นเวลารุ่งอรุณและท่านจะต้องกลับบ้าน

ทำไม/อย่างไรมันจึงเป็นเช่นนั้น??

นี่คือความคิดที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นเหมือนกับการทุบก้อนหินที่ขวางทางลูกอยู่ ถ้าใครจำความรู้เรื่องละครได้ เขาก็จะสามารถกระโดดข้ามหรือบินข้ามก้อนหินไปได้ ในการทุบก้อนหินเขาจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก การกระโดดข้ามใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาที ABD 17/03/81

"วันนี้บัพดาดาได้เห็นว่าตามเวลาปัจจุบันนี้ เราจำเป็นต้องมีพลังในการควบคุมเหนือตนเองให้มากขึ้น เพื่อควบคุมอวัยวะทางร่างกาย ถ้าเราพูดว่าหยุดมันควรจะหยุด นี่คือวิธีจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท" ABD 15/03/99

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นตามละครนั้นถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ละครนั้นถูกต้องแม่นยำ พ่อคือผู้ไร้ความกังวล บราห์มานี้มีความกังวลอย่างแน่นอน เขาจะเป็นอิสระจากความกังวลอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาจะไปถึงสภาวะคาร์มาทีทของเขา จนกว่าจะถึงตอนนั้นเขาจะมีความกังวลไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง SM 27/02/99 revised

บางคนรู้สึกมีความทุกข์หรือเหี่ยวเฉาเมื่อพวกเขาไม่ได้รับแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เรียกได้ว่าสำนึกที่เป็นร่าง พ่อกล่าวว่า:  พ่อเห็นมันอย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ลูก ๆ มากมายได้จากไป มันจะพูดได้ว่า:  มันเป็นละคร ฉันปราศจากร่างกาย มันเป็นราวกับว่าโลกนั้นตายไปแล้วสำหรับฉัน ฉันไม่มีงานใดเกี่ยวข้องกับโลกนี้ งานของฉันมีกับบ้านที่แสนหวาน เตรียมสภาวะของลูกด้วยวิธีนี้ SM 01/11/72 revised

"ผู้ซึ่งรู้ถึงความลับของละครและกาลเวลาทั้งสามจะไร้ความกังวลและมีความสุขอยู่เสมอ เขาจะรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อเขาไม่เข้าใจความลับนี้ ตรีกาลดาร์ชิ (ผู้ล่วงรู้กาลเวลาทั้งสาม คือ อดีต ปัจจุบันและอนาคต) สภาวะที่เต็มไปด้วยความรู้นั้นเป็นบัลลังก์สูงสุด เมื่อเขาลงมาจากบัลลังก์นั้นเขาก็จะไม่มีความสุข" ABD 29/01/77

ผู้ที่เป็นผู้สังเกตุการณ์ที่ละวางจะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบทบาทของผู้ใด ด้วยการนั่งอยู่บนที่นั่งของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง พวกเขาจะเฝ้าดูละครและประสบกับความสนุกสนานเป็นอย่างมาก

พ่อกล่าวว่าพ่อมาเพื่อทำให้ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์นั้นบริสุทธิ์ ดังนั้น พ่อกำลังทำให้ลูกบริสุทธิ์ ส่วนที่เหลือ ไม่ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นในละคร มันจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวและหลังคาพังลงมา มันก็จะกล่าวได้ว่า "ละคร" กัลป์ที่แล้วมันก็ได้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นลูกไม่ควรจะหวั่นไหวแม้เพียงเล็กน้อย แต่จงยืนอย่างมั่นคงบนละคร บุคคลเช่นนั้นจะถูกเรียกว่า "มหาวีระ" อุบัติเหตุมากมายจะเกิดขึ้น ใครล่ะ! ที่จะปกป้องลูก?? ทั้งหมดนั้นมันถูกกำหนดไว้แล้วในละคร บทบาทเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ไม่รู้จักละครจะคิดถึงร่างกายและหลั่งน้ำตามากมาย SM 01/06/2001 revised

ดวงวิญญาณทั้งหลายมีบทบาทของ 5000 ปี ดังนั้น จึงมีบัญชี(กรรม) ของหลายชาติเกิดกับดวงวิญญาณอื่น ๆ บัญชีทั้งหมดจะต้องได้รับการชำระสะสาง และดังนั้นอย่าได้ประหลาดใจหรือมีความทุกข์ด้วยการเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ใด ๆ เฝ้าดูทุก ๆ เหตุการณ์ และทุก ๆ ฉากในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและจะมีประสบการณ์ของปิติสุข.....

Tuesday, July 16, 2013

ละครโลกและการทำความเพียร


ละครโลกนี้เป็นวงจรของเหตุการณ์ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนการทำความเพียร-ผลรางวัล-การทำความเพียร, กรรม-ผลกรรม, การกระทำ-ปฏิกิริยาโต้ตอบ  ละครโลกนี้เต็มไปด้วยการกระทำและไม่มีดวงวิญญาณใดที่สามารถอยู่ ณ ที่นี่ได้โดยปราศจากการกระทำได้ และไม่มีแม้แต่การกระทำเดียวที่ปราศจากผล การทำความเพียรนั้นเป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติของดวงวิญญาณในละครนี้ ไม่มีดวงวิญญาณใดสามารถอยู่โดยปราศจากการทำความเพียรได้ การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องของละครโลกนี้ก็เป็นการทำความเพียรด้วยเช่นกัน แต่เราจะต้องรู้ว่าความเพียรประเภทใดที่เราควรจะทำ ดวงวิญญาณสูงสุดมาและให้ความรู้นี้แก่เรา

ดวงวิญญาณที่คงอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความลับของละครนี้ได้ ดวงวิญญาณเช่นนั้นเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะใช้คำว่า "ละคร" สำหรับละครนี้ ถึงแม้ว่าใครอาจจะมีความรู้เรื่องละคร จนกว่าเขาจะเข้าถึงสภาวะของสำนึกเป็นดวงวิญญาณเช่นนั้นเท่านั้น ผู้นั้นจึงจะทำความเพียรได้อย่างแท้จริง เพราะว่าการมีความรู้นั้นแตกต่างจากการซึมซับมันไว้

อะไรคือการทำความเพียร??
ในสนามของการกระทำ ทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นทำความเพียรไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แต่โดยทั่วไปคำว่า "การทำความเพียร" นั้นใช้ในเรื่องทางดวงวิญญาณเท่านั้น การทำความเพียรทางดวงวิญญาณที่ถูกต้องคือการเปลี่ยนสำนึกที่เป็นร่างไปเป็นสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

ถ้าละครซ้ำเหมือนเดิมทุกประการ ทำไมเราต้องทำความเพียรเล่า ???

มันไม่ใช่ความจริงหรือที่มันจะผลักดันเราให้หยุดการทำความเพียรใด ๆ ???

ไม่ใช่! การเข้าใจละครอย่างถูกต้องนั้นเป็นการทำความเพียรพิเศษด้วยเช่นกัน การทำความเพียรอย่างถูกต้องนั้นคือการคงอยู่ิอย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางในขณะที่เล่นบทบาทในละคร
เป็นเพียงเมื่อเราคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางเท่านั้นที่เราจะสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณได้
ทุก ๆ ดวงวิญญาณต้องการความสุขและความสนุกสนาน สิ่งเหล่านี้เป็นอุปนิสัยที่เป็นธรรมชาติของทุก ๆ ดวงวิญญาณ ผู้ที่เข้าใจละครนี้อย่างถูกต้องและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางจะคงอยู่อย่างมีความสุขและรู้สึกว่าละครนั้นสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้าใจละครอย่างแท้จริงจะไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของร่างกายและโลกทางร่างกาย เพียงเท่านั้นที่เขาจะสามารถประสบกับความสุขอันแท้จริงจากละครได้ การคงอยู่อย่างเป็นอิสระและละวางจากร่างกายและโลกทางร่างกายและเฝ้าดูละครในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางนั้นเป็นการทำความเพียรที่ล้ำลึกมาก ผู้ที่ต้องการมีชีิวิตที่สูงส่งเช่นนั้นจะไม่เคยมีความปรารถนาที่จะหลุดพ้นไปจากการที่ต้องการความเพียร

แต่ผู้ที่หยุดการทำความเพียรก็จะพูดว่าถึงอย่างไรมันก็ต้องเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เป็นในกัลป์ก่อน (เพราะว่าการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการของละคร) มันแสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจในความล้ำลึกของละคร การหยุดการทำความเพียรก็เป็นบทบาทของคน ๆ นั้นในละครด้วยเช่นกัน ด้วยความเข้าใจในละคร มันจะเป็นการง่ายที่จะคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและไม่ตำหนิผู้ใด เราควรเข้าใจว่าทุก ๆ ดวงวิญญาณจะำทำความเพียรทางดวงวิญญาณตามเวลาของพวกเขาเอง แต่ตัวเราเองไม่ควรจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งนั้นและหยุดการทำความเพียรของเราเองและพูดว่า "เราจะดูสิว่ามีอะไรอยู่ในละคร"

การทำความเพียรและโชคชะตาของมันนั้นอยู่ในความสมดุลอย่างสวยงาม การทำความเพียรนั้นเป็นไปตามละครและขึ้นอยู่กับการทำความเพียรเท่านั้นที่ดวงวิญญาณจะได้รับผล โชคชะตาของละครนั้นถูกต้องแม่นยำและไม่หยุดนิ่ง ปราศจากการทำความเพียรก็ไม่มีใครสามารถทำการกระทำและถ้าไม่มีการกระทำ จะมีผลใด ๆ ได้อย่างไร ? ถ้าไม่มีกรรม (การกระทำ) บทบาทในละครก็ไม่สามารถดำเนินต่อไป และเมื่อไม่มีบทบาทในละคร จะมีละคร/การแสดงได้อย่างไร?

"มีเพียงลูก ๆ บราห์มินเท่านั้นที่รู้ถึงความลับนี้ ต่างลำดับกันไป ใครได้ทำความเพียรในกัลป์ก่อนมากเท่าใด คนนั้นก็จะทำความเพียรมากเช่นนั้นในขณะนี้ ใครไม่ควรจะคิดวว่า:  อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในละคร มันก็จะเกิดขึ้น การทำความเพียรต้องมาก่อน ละครจะต้องนำผลมาให้และลูก ๆ ต้องทำความเพียร และใครทำความเพียรเช่นใด สถานภาพก็เป็นเช่นนั้น" SM 11/01/73

"ขึ้นอยู่กับการทำความเพียร โชคก็ถูกสร้างขึ้นมา การทำความเพียรเป็นไปตามละคร แต่อย่าได้เอาแต่นั่งและพูดว่าละคร (บราห์มาบาบาไอ)  ถ้าไม่กินยาผู้นี้ก็จะไม่หาย"  SM 19/07/68

"ผู้คนถามว่า:  การทำความเพียรทรงพลังมากกว่าหรือว่าโชคชะตาทรงพลังมากกว่า?
ปราศจากการทำความเพียรลูกก็ไม่สามารถได้รับโชค ดังนั้น ตามละครแล้ว การทำความเพียรเท่านั้นที่นำมาซึ่งโชคชะตาและด้วยเหตุนั้นบทบาทจึงถูกกำหนดไว้แล้วในดวงวิญญาณตั้งแต่ตอนเริ่มต้นไปจนถึงตอบจบ"  SM 16/12/99

ผู้ที่เข้าใจละครจะไม่เคยหยุดการทำความเพียร แม้ชีพบาบา ผู้ที่รู้เกี่ยวกับละครทั้งหมดและบริสุทธิ์ตลอดกาล ก็มาและทำความเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยด้วยเช่นกัน ท่านกำลังทำให้พวกเราดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ ดังนั้นคนอื่นจะสามารถเป็นอิสระจากการทำความเพียรได้อย่างไร  ถ้าเราซึมซับหลักเกณฑ์ของการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการของละครไว้ มันจะช่วยเราให้ทำความเพียรเข้มข้นขึ้น เพราะว่ามันทำให้เราเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระเกี่ยวกับอดีตและอนาคต และดังนั้นเราก็จะประหยัดเวลาและพลังงานของเราเพื่อเป้าหมายที่สูงกว่า ผู้ทำความเพียรที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่ำทำความเพียรที่สูงส่งในเวลาปัจจุบันนี้เท่านั้น โดยปราศจากการคิดถึงเหตุการณ์และความผิดในอดีตหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต เขารู้ว่าเมล็ดของการกระทำที่สูงส่งที่หว่านไว้ในเวลาปัจจุบันจะออกผลในอนาคต

Monday, July 15, 2013

ละครโลกและดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรมและพวกเขาก็เป็นนักแสดงที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายในละครโลกนี้ ดวงวิญญาณทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ในรูปดั้งเดิมของพวกเขา แต่ในละครโลกนี้ กฏเกณฑ์ที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายก็คือทุก ๆ สิ่งเปลี่ยนจากใหม่ไปเก่า




เพื่อที่จะเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณก็มาบนโลกและใช้ร่างในครรภ์และพวกเขาก็ลืมบ้านของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาลืมรูปของตนเอง ร่างกายก็มีอิทธิพลเหนือสำนึกรู้ของพวกเขาและกิเลสทั้งห้าก็เข้าไปในดวงวิญญาณ มันเป็นเพราะกิเลสทั้งห้าที่ดวงวิญญาณประสบกับความทุกข์และความไ่ม่สงบ และแล้วพวกเขาก็เริ่มร้องเรียกหาดวงวิญญาณสูงสุดเพื่อมาให้ความสุขและความสงบแก่พวกเขา ในตอนเริ่มต้นเมื่อดวงวิญญาณเริ่มเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณนั้นบริสุทธิ์และมีความสงบและความสุขอย่างสมบูรณ์



ความจำเป็นพื้นฐานของดวงวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ในร่างคือการประสบกับความบริสุทธิ์ ความสุขและความสงบ และเขาก็ทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะบรรลุถึงสิ่งนั้น การเข้าใจความรู้ที่แท้จริงของละครช่วยดวงวิญญาณให้เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และการคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิมของดวงวิญญาณของเขาและการประสบกับสภาวะสมบูรณ์พร้อม และความสมบูรณ์พร้อมนั้นเป็นแม่ของความพอใจ และความพอใจเป็นพื้นฐานของความสุข ความปลื้มปิติ และความสงบ




เมื่อเวลาของการเล่นบทบาทมาถึง ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ดีหรือไม่ดีที่ถูกบันทึกไว้ในดวงวิญญาณ บทบาทนั้นก็ดึงดวงวิญญาณมา ดวงวิญญาณไม่สามารถคงอยู่โดยปราศจากการเล่นบทบาทนั้นได้และจะประสบกับความพึงพอใจในการเล่นบทบาทนั้นเท่านั้น

ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์ของวงจรโลก เขารู้แต่เพียงว่าเขาเป็นดวงวิญญาณที่ไม่มีวันสูญสลาย และเขากำลังเล่นบทบาทผ่านร่างกาย
เพราะสำนึกของสภาวะของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณจึงเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และเขาก็รู้สึกถึงความงาม ความมหัศจรรย์และความสุขของละครผ่านอวัยวะสัมผัส และแล้วจากยุคทองแดงเป็นต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบของยุคเหล็ก ดวงวิญญาณก็ลืมรูปของตัวเองและดังนั้นจึงสูญเสียสภาวะการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และแล้วเขาก็ติดกับอยู่ในสำนึกที่เป็นร่างและหลงใหลอยู่ในความสุขทางประสาทสัมผัสหรือความสุขที่เต็มไปด้วยกิเลส แล้วดวงวิญญาณก็หมกมุ่นอยู่ในพิธีกรรมของการกราบไหว้บูชา ฯลฯ เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต การประสบกับรูปแบบสูงสุดของความสุขคือความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

การประสบกับความสุขสูงสุดนี้ สิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นที่ต้องการ :
1.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts)
2.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts)
3.  การอยู่อย่างไร้ความกังวล
4.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

ตลอดทั้งวงจรดวงวิญญาณทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะประสบกับความสุขสูงสุดนี้ การบรรลุถึงสิ่งนี้ ความเข้าใจในหลักการ กฏเกณฑ์และความจริงอันเป็นนิรันทร์ของละครโลกนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ถ้าใครรู้ความจริงของละครโลกอันเป็นนิรันดร์เหล่านี้ เขาก็จะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางได้อย่างง่ายดาย และเขาก็จะสามารถประสบกับความปิติสุขของการเฝ้าดูละครพร้อมกับพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ความสำเร็จของชีวิตบราห์มินคือการสามารถมีประสบการณ์ของความสงบ ความเงียบสูงสุดด้วย การมีสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ และการเล่นบทบาทในขณะที่เป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ นี่คือสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่รอบรู้ ผู้ที่เข้าใจละครได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

เนื่องจากการขาดความรู้หรือสำนึกที่เป็นร่าง ความตายก็กลายเป็นสาเหตุของความทุกข์และความกลัวเป็นอย่างมากของดวงวิญญาณที่อยู่ในร่าง แต่ถ้าใครฝึกฝนที่จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากร่างกายและเป็นอิสระจากโลกของร่างกายแล้วเขาก็จะได้รับการหลุดพ้นจากความกลัวและความทุกข์ของความตาย
เขาจะตระหนักรู้ว่าการรับร่างและการทิ้งร่างนั้นเป็นกรรม (การกระทำ) ตามธรรมชาติของดวงวิญญาณและมันเป็นเหมือนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเล่นบทบาทในละครโลก

ดวงวิญญาณได้รับร่างกาย ญาติทางร่างกาย สิ่งอำนายความสะดวกและทรัพย์สมบัติของร่างกาย เป็นไปตามกรรมของดวงวิญญาณ และก็ิทิ้งร่างกายไปตามกรรมด้วยเช่นกัน
ผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะฝึกฝนการละวางจากร่างอยู่เสมอ และด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับสภาวะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง สภาวะที่เต็มไปด้วยความปิติสุขนี้คือการบรรลุผลที่สูงที่สุดของดวงวิญญาณที่อยู่ในยุคบรรจบพบกัน

การบรรลุผลที่สูงที่สุดของยุคบรรจบพบกันคือ :
1.  การเป็นผู้ที่ละวางจากร่างกายและด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับความสงบสูงสุด
2.  การอยู่ในรูปที่สมบูรณ์พร้อม (ร่างแสง - Angelic Form) และประสบกับความปิติสุขสูงสุดในภารกิจของการเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกพร้อมกับพ่อที่สมบูรณ์พร้อม (บราห์มา)
3.  การเฝ้าดูละครโลกและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและประสบกับความปลื้มปิติสูงสุด

เราสามารถมีความรู้เรื่องละครไว้ในฐานะที่เป็นข้อมูลแต่มันควรจะซึมซับไว้ในชีวิต สำหรับสิ่งนี้เราควร จะไตร่ตรองความรู้นี้อย่างต่อเนื่องและฝึกฝนมันในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ การชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์นั้นควบคู่ไปกับการซึมซับความรู้เรื่องละคร

ละครและความพอใจของดวงวิญญาณ
ความพอใจนั้นเป็นความงามอันสูงส่งที่สุดของดวงวิญญาณ และเป็นพื้นฐานของความสุขและความสงบ ความรู้เรื่องละครที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประสบกับความพอใจ
ละครโลกนี้ซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการและทุก ๆ บทของมันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนว่าเป็นความจริงอันขมขื่น แต่ละครก็เต็มไปด้วยความจริง ความยุติธรรมและให้คุณประโยชน์ ภายในละครนั้นมีความสมดุลที่สวยงามมากของการทำความเพียรและผลของมัน(โชค/รางวัล) การเข้าใจความจริงนี้ เราก็สามารถเป็นผู้ที่เฝ้าดูอย่างละวางได้อย่างง่ายดายและประสบกับความสุขจากการเฝ้าดูละครและดังนั้นจึงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความโกรธและความอิจฉาริษยา ดวงวิญญาณเล่นบทบาทของเขาในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ จะไม่มีชื่อหรือร่องรอยของความไม่พอใจในดวงวิญญาณ

เหมือนกับละครทางโลก นักแสดงจะรู้ว่าเมื่อใดที่่ละครกำลังจะจบและเมื่อใดพวกเขาจะกลับบ้าน... นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด  บัดนี้เรามีสติปัญญาที่ไม่มีขีดจำกัดและมีความปลื้มปิติเป็นอย่างมากในการรู้ถึงตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบของละคร.... นักแสดงแต่ละคนควรจะรู้บทบาทของตนเอง....เมื่อความเข้าใจในเรื่องนี้ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในสติปัญญาและแล้วปรอทแห่งความสุขก็จะคงอยู่ในระดับที่สูง SM 12/01/02 revised

Sunday, July 14, 2013

ละครโลกและดวงวิญญาณสูงสุด

ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นถูกเรียกว่า "ผู้สร้างโลก" และแท้จริงแล้วท่านคือ "ดวงวิญญาณสูงสุด" และจริง ๆ แล้ว ท่านทำอะไร? ท่านได้สร้างโลกนี้หรือ?




ในความเป็นจริง ดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณสูงสุด และธรรมชาตินั้นเป็นอมตะ และไม่มีวันสูญสลายและ ดังนั้นจึงไม่สามารถถูกสร้างหรือทำลายได้ โลกเป็นอมตะ ละครที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ และดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นอมตะ เป็นนักแสดงที่ไม่มีวันสูญสลายของละคร ดวงวิญญาณสูงสุดก็เป็นนักแสดงเหมือนกับดวงวิญญาณอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แต่การแสดงของท่านนั้นสูงส่งที่สุดและแตกต่างจากดวงวิญญาณอื่น ๆ ท่านเป็นอิสระจากวงจรของการเกิดและการตาย ด้วยเหตุนั้นท่านจึงถูกเรียกว่าดวงวิญญาณสูงสุด

พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดมีความรู้ของตอนเริ่มต้น ตอนกลาง และตอนจบของละคร แต่ท่านไม่ใช่ผู้สร้างละครโลก ท่านไม่ใช่ผู้สร้างของดวงวิญญาณ ไม่ใช่ผู้สร้างของวัตถุธาตุ ท่านคือผู้สร้างโลกใหม่สวรรค์ ดวงวิญญาณสูงสุดทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดบริสุทธิ์และก็ชำระวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตให้บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน ในยุคบรรจบพบกัน การแสดงของท่านคือการเปลี่ยนแปลงโลกเก่าไปเป็นโลกใหม่ในตอนจบของกัลป์ ถ้าดวงวิญญาณสูงสุดเป็นผู้สร้างละครโลก ท่านก็สามารถถูกตำหนิได้สำหรับเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมานในโลก.....

"บทบาทของพ่อคือการทำให้ความรู้ปรากฏขึ้นในเวลานี้เท่านั้น (ยุคบรรจบพบกัน) ในหนทางของการกราบไหว้บูชาบทบาทนี้ไม่ได้ปรากฏ ตามละคร พ่อกลายเป็นเครื่องมือในการให้นิมิตแก่ผู้กราบไหว้บูชาเป็นการตอบแทนต่อความเลื่อมใสศรัทธาที่พวกเขากราบไหว้บูชาพ่อ เช่นที่ลูกมีบทบาทของ 84 ชาติเกิดถูกบันทึกไว้ในลูก ดังนั้น พ่อก็มีบทบาทของพ่อด้วยเช่นกันและพ่อไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในพ่อ" SM 26/06/72 revised

"ละครนี้ได้ทำขึ้นมาอย่างแสนมหัศจรรย์ บทบาทของทุก ๆ ดวงวิญญาณปรากฏขึ้นในเวลาของมันเอง บทบาทของการให้ความรู้ของพ่อปรากฏขึ้นในเวลานี้เท่านั้น และไม่ใช่ในระหว่างการกราบไหว้บูชา ในเวลานั้นความรู้ไม่ได้ปรากฏ พ่อกล่าวว่า: มันไม่ใช่บทบาทของพ่อที่จะรักษาผู้ที่เจ็บป่วย บทบาทของพ่อคือการชี้หนทางที่จะกลับมาบริสุทธิ์ให้แก่ดวงวิญญาณทั้งหลาย เมื่อลูกกลับมาบริสุทธิ์ลูกก็สามารถกลับบ้านและมาในอาณาจักรได้ แต่ลูกไม่ควรจะมีความหวังว่าความเมตตาและพรของพ่อจะรักษาความเจ็บป่วยได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่บทบาทของพ่อ สำหรับสิ่งนั้นลูกควรไปหานักบวชและนักบุญ ฯลฯ งานของพ่อคือการชำระให้บริสุทธิ์" SM 11/08/69 revised

"ถึงแม้ว่านี่คือละคร ผู้คนก็ยังพูดว่าพระเจ้าให้ผลที่ดีต่อการกระทำที่ดี แต่พ่อไม่ได้ทำเรื่องนั้น การได้รับผลจากการกระทำที่ดีหรือการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดนั้นถูกกำหนดไว้ในละคร ตามละครพ่อก็จะต้องมาอย่างแน่นอนด้วยเช่นกัน บางคนเขียนถึงบาบาว่า: บาบาโปรดมีเมตตาและเราจะไม่มีวันลืมท่าน พ่อกล่าวว่า: พ่อไม่เคยแสดงบทของความเมตตา ลูกควรมีเมตตาต่อตัวลูกเอง" SM 25/08/71 revised

"เช่นที่ลูกเป็นดวงวิญญาณดวงดาว ดังนั้น พ่อก็เป็นดวงวิญญาณ ดวงดาว ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับลูก พ่อก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละครด้วยเช่นกัน ไม่มีใครสามารถเป็นอิสระจากบ่วงพันธะของละครได้ (การที่มันมีอยู่และกฏและหลักการของมัน) พ่อเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรม (โลกวิญญาณ) ถ้าพ่อเป็นอิสระจากบ่วงพันธะของละครแล้วพ่อจะมาในโลกที่ไม่บริสุทธิ์เช่นนั้นหรือ? แต่ว่าแต่ละคนจะต้องเล่นบทบาทของตัวเองในละครนี้ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล" SM 07/06/72

"อะไรก็ตามที่ต้องปรากฏ ในเวลาใดก็ตาม มันเป็นไปตามละครและก็ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ลึกที่จะต้องเข้าใจ ชิพบาบาสอนตามละคร และท่านก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละคร ท่านไม่สามารถนำการทำลายล้างมาอย่างรวดเร็ว ท่านกล่าวว่า: บทบาทของพ่อในละครก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน ไม่สามารถมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในนั้นได้

ลูก ๆ ถามบาบาว่า: ท่านทำตามคำแนะนำของใคร?

บาบากล่าวว่า: พ่อทำตามคำสั่้งของละคร พ่อก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละคร SM 06/04/73

"สังคมของราวันจะสร้างอุปสรรคใน รูดร้า ญาณ ยักย่า ลูกควรมีชัยชนะเหนือพวกเขาและไม่ถูกทำให้โศกเศร้า มันไม่มีอะไรใหม่ พวกเขาเคยอยู่ที่นั่นในกัลป์ที่แล้วด้วยเช่นกัน อย่าได้กลัวพวกเขา ได้มีการบอกกับลูกแล้วว่าเมื่ออุปสรรคมา จงเอาชนะมันด้วยศรีมัทและลูกจะต้องอดทน ลูกกำลังได้รับอาณาจักรของโลกและดังนั้นการทดสอบและอุปสรรคบางอย่างจะต้องมาด้วยเช่นกัน บัญชีกรรมก็จะต้องได้รับการชำระสะสางด้วยเช่นกัน" SM 16/11/73

"พ่อนั่งและอธิบายเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ ท่านจะไม่สอนทุกคน แต่ท่านจะพาทั้งหมดไปกับท่านอย่างแน่นอน ตามแผนของละคร พ่อก็ถูกผูกไว้ว่าต้องพาพวกเขาทั้งหมดไปกับพ่อ วิธีการสำหรับเรื่องนี้ในละครก็คือการทำลายล้าง เมื่อระเบิดถูกทำให้ระเบิดในมหาสมุทร และแล้วน้ำนั้นก็จะถูกดูดซับเข้าไปในก้อนเมฆ และดังนั้นน้ำนั้นก็จะสร้างความเสียหายให้เป็นอย่างมาก ผลผลิตก็จะถูกเผาอย่างสิ้นเชิง คนก็จะเห็นได้ว่าชะตากรรมของละครก็คือ: การทำลายล้าง แต่ในหมู่ลูก ๆ หลายคนก็ยังไม่ได้ถูกทำให้เชื่อมั่นเกี่ยวกับการทำลายล้างที่ได้ถูกหนดไว้แล้ว มิฉะนั้นลูกก็จะทำความเพียรที่จะอยู่อย่างมั่นคงในโยคะ ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณนั้นเป็นเหมือนกับจุดและมันเป็นนิรันดร์และมันไม่สามารถถูกทำลายได้ ดวงวิญญาณก็ไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยเช่นกันและเล่นบทบาทเดิมในทุก ๆ วงจร เรื่องเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในสติปัญญาของผู้ที่มันได้เข้าไปอยู่ในสติปัญญาของพวกเขาในกัลป์ที่แล้วด้วยเช่นกัน" SM 06/11/01

Saturday, July 13, 2013

ละครโลกและยุคบรรจบพบกัน

เมื่อดวงวิญญาณสูงสุดอวตารลงมา  ดวงวิญญาณทั้งหลายก็เข้าไปสู่สภาวะที่สูงส่งขึ้นของพวกเขาด้วยความรู้ของท่าน และเชื่อมต่อพวกเขาเองในโยคะกับท่าน และสิ่งนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับวงจรใหม่ การตระหนักรู้ถึงความสำคัญของยุคบรรจบพบกันดวงวิญญาณสามารถประสบกับความสุขและสะสมสต๊อคที่ท่วมท้นของความสุขสำหรับกัลป์หน้าทั้งกัลป์

"เราทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่เป็นของพ่อผู้เดียว เป็นของครอบครัวเดียว และบ้านเดียว  เราทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่กำลังเล่นบทบาทบนเวทีละครโลก จงบอกข่าวสารนี้แก่ทุกคน เราทั้งหมดมีศาสนาเดียว นั่นคือ ศาสนาของดวงวิญญาณ นั่นคือ ความสงบ และความบริสุทธิ์.....



ยุคบรรจบพบกันเป็นระยะเวลาเดียวเท่านั้นที่จะทำลายสันสการ์เก่าที่ัชั่วร้ายและปลูกสันสการ์ใหม่ที่สูงส่ง เมล็ดของสันสการ์ที่ได้เพาะลงไป ณ ปัจจุบันจะให้ผลในทั้งกัลป์

หัวข้อที่จะต้องทำความเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับละครโลก :

1.  ละครโลกและดวงวิญญาณสูงสุด
2.  ละครโลกและดวงวิญญาณ
3.  ละครโลกและการทำความเพียร
4.  ละครโลกและสภาวะของตนเอง
5.  ละครโลกและสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
6.  ละครโลกและปรัชญาแห่งกรรม
7.  ละครโลกและประโยชน์
8.  ละครโลกและการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
9.  ละครโลกและสายตาที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
10. ละครโลกและการทุกข์ทรมานของกรรม
11. ละครโลกและสภาวะที่มั่นคงของโยคะ
12. การใช้ประโยชน์และการมีประสบการณ์กับความรู้สึกเรื่องละคร
13. ลักษณะเฉพาะของละคร
14. ละครโลกและบัญชีของบาปและบุญ
15. หน้าที่ของดวงวิญญาณหลังจากเข้าใจความรู้เรื่องละคร
16. ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
17. สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกเรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

Friday, July 12, 2013

ละครโลก


การเข้าใจในละครโลกนี้ทำให้ดวงวิญญาณเต็มไปด้วยความปิติอย่างสูงสุด ดวงวิญญาณที่เข้าใจถึงความลับที่แท้จริงของละคร จะประสบกับความปิติสูงสุดและความสุขสูงสุด

"นี่คือละครที่กำหนดไว้ตายตัวแล้ว" เราตระหนักรู้ว่าพวกเราทั้งหมดเป็นนักแสดงและเราไม่ควรวิพากวิจารณ์บทละครของเราเอง เราจะต้องยกย่องชมเชยมันเพราะว่ามันเป็นบทละครของเรา นักแสดงไม่ควรพูดว่าบทละครของพวกเขาไม่ดี ลูกมีความสุขเมื่อดูละคร เพื่อที่จะปลดปล่อยมนุษย์จากมายา ความรู้เรื่องละครโลกจึงได้มีการอธิบาย



ข้อเท็จจริงของละครโลก
ละครโลกนี้เป็นวงจรของเหตุการณ์ เป็นวงจรของการกระทำและการมีปฏิสัมพันธ์ เป็นวงจรของ การทำความเพียร - โชค - การทำความเพียร เป็นวงจรของ กรรม - ผล - กรรม

มันเป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลาย มันเต็มไปด้วยความหลากหลาย เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ และ เต็มไปด้วยควมปิติ และมันซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการทุก ๆ 5000 ปี

ละครนี้ไม่สามารถทำลายได้และโลกก็ไม่สามารถถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง แต่ละครและโลกนั้นกำลังเปลี่ยนไปทุกขณะ ในวิธีนี้ดวงวิญญาณก็รู้สึกว่าทุก ๆ ฉากนั้นสด นั่นคือใหม่



ในยุคบรรจบพบกันของกัลป์ มีการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งหมด นั่นคือ หนึ่งวงจรของละครจบลงและวงจรใหม่ก็เริ่มต้น มีความสัมพันธ์อย่างล้ำลึกของวงจรเก่ากับวงจรใหม่ การปรากฏของวงจรใหม่จากวงจรเก่านั้นเหมือนกับต้นอ่อนปรากฏออกมาจากต้นไม้ที่กำลังจะตาย

ณ ยุคบรรจบพบกัน มหาสมุทรแห่งความรู้ พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ก็มาและสอนความรู้ที่แท้จริงของละครโลก ยุคบรรจบพบกันเริ่มต้น ณ ขณะที่ดวงวิญญาณสูงสุดอวตารลงมา และมันก็จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงพิธีราชาภิเษกของลักษมีและนารายัญ

การเคลื่อนไปของละครโลก
ละครนี้เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลาย สิ่งนี้หมายความว่ามันไม่เคยถูกทำขึ้นมาและไม่เคยถูกทำลาย และโลกใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อโลกเก่าจบสิ้นลง

ทุกสิ่งที่ใหม่จะกลายเป็นเก่า และทุกสิ่งที่เก่าจะกลายเป็นใหม่ วงจรของเก่าไปใหม่และใหม่ไปเก่านี้หมุนไปอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นนิรันดร์ ถ้าดวงวิญญาณเฝ้าดูละครด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนถูกต้อง ดวงวิญญาณก็จะเห็นฉากและทุกขณะที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงเป็นกฏในละครโลกนี้ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ทุก ๆ ขณะนั้นใหม่

วงจรทั้งหมดของทุกขณะของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องมีระยะเวลา 5000 ปี หลังจากทุก ๆ 5000 ปี วงจรก็ซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการ

สันสการ์ที่อยู่ในดวงวิญญาณนั้นไม่มีวันสูญสลายและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากละครนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สันสการ์ที่สอดคล้องกับเวลาในขณะนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา



ละึครโลกของ 5000 ปี นั้นแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กัน คือ ยุคทอง ยุคเงิน ยุคทองแดง และยุคเหล็ก และในระหว่างสองวงจรนั้นมีช่วงสั้น ๆ ของยุคบรรจบพบกัน เป็นการเชื่อมต่อยุคเหล็กและยุคทอง เวลาที่ได้มาจากยุคเหล็กและจากยุคทอง ตอนจบของยุคเหล็กเป็นเวลาของความทุกข์และความไม่สงบสูงสุด และตอนเริ่มต้นของยุคทองเป็นเวลาของความสุขและความสงบสูงสุด