Monday, July 15, 2013

ละครโลกและดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรมและพวกเขาก็เป็นนักแสดงที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายในละครโลกนี้ ดวงวิญญาณทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ในรูปดั้งเดิมของพวกเขา แต่ในละครโลกนี้ กฏเกณฑ์ที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายก็คือทุก ๆ สิ่งเปลี่ยนจากใหม่ไปเก่า




เพื่อที่จะเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณก็มาบนโลกและใช้ร่างในครรภ์และพวกเขาก็ลืมบ้านของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาลืมรูปของตนเอง ร่างกายก็มีอิทธิพลเหนือสำนึกรู้ของพวกเขาและกิเลสทั้งห้าก็เข้าไปในดวงวิญญาณ มันเป็นเพราะกิเลสทั้งห้าที่ดวงวิญญาณประสบกับความทุกข์และความไ่ม่สงบ และแล้วพวกเขาก็เริ่มร้องเรียกหาดวงวิญญาณสูงสุดเพื่อมาให้ความสุขและความสงบแก่พวกเขา ในตอนเริ่มต้นเมื่อดวงวิญญาณเริ่มเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณนั้นบริสุทธิ์และมีความสงบและความสุขอย่างสมบูรณ์



ความจำเป็นพื้นฐานของดวงวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ในร่างคือการประสบกับความบริสุทธิ์ ความสุขและความสงบ และเขาก็ทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะบรรลุถึงสิ่งนั้น การเข้าใจความรู้ที่แท้จริงของละครช่วยดวงวิญญาณให้เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และการคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิมของดวงวิญญาณของเขาและการประสบกับสภาวะสมบูรณ์พร้อม และความสมบูรณ์พร้อมนั้นเป็นแม่ของความพอใจ และความพอใจเป็นพื้นฐานของความสุข ความปลื้มปิติ และความสงบ




เมื่อเวลาของการเล่นบทบาทมาถึง ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ดีหรือไม่ดีที่ถูกบันทึกไว้ในดวงวิญญาณ บทบาทนั้นก็ดึงดวงวิญญาณมา ดวงวิญญาณไม่สามารถคงอยู่โดยปราศจากการเล่นบทบาทนั้นได้และจะประสบกับความพึงพอใจในการเล่นบทบาทนั้นเท่านั้น

ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์ของวงจรโลก เขารู้แต่เพียงว่าเขาเป็นดวงวิญญาณที่ไม่มีวันสูญสลาย และเขากำลังเล่นบทบาทผ่านร่างกาย
เพราะสำนึกของสภาวะของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณจึงเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และเขาก็รู้สึกถึงความงาม ความมหัศจรรย์และความสุขของละครผ่านอวัยวะสัมผัส และแล้วจากยุคทองแดงเป็นต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบของยุคเหล็ก ดวงวิญญาณก็ลืมรูปของตัวเองและดังนั้นจึงสูญเสียสภาวะการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และแล้วเขาก็ติดกับอยู่ในสำนึกที่เป็นร่างและหลงใหลอยู่ในความสุขทางประสาทสัมผัสหรือความสุขที่เต็มไปด้วยกิเลส แล้วดวงวิญญาณก็หมกมุ่นอยู่ในพิธีกรรมของการกราบไหว้บูชา ฯลฯ เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต การประสบกับรูปแบบสูงสุดของความสุขคือความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

การประสบกับความสุขสูงสุดนี้ สิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นที่ต้องการ :
1.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts)
2.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts)
3.  การอยู่อย่างไร้ความกังวล
4.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

ตลอดทั้งวงจรดวงวิญญาณทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะประสบกับความสุขสูงสุดนี้ การบรรลุถึงสิ่งนี้ ความเข้าใจในหลักการ กฏเกณฑ์และความจริงอันเป็นนิรันทร์ของละครโลกนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ถ้าใครรู้ความจริงของละครโลกอันเป็นนิรันดร์เหล่านี้ เขาก็จะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางได้อย่างง่ายดาย และเขาก็จะสามารถประสบกับความปิติสุขของการเฝ้าดูละครพร้อมกับพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ความสำเร็จของชีวิตบราห์มินคือการสามารถมีประสบการณ์ของความสงบ ความเงียบสูงสุดด้วย การมีสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ และการเล่นบทบาทในขณะที่เป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ นี่คือสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่รอบรู้ ผู้ที่เข้าใจละครได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

เนื่องจากการขาดความรู้หรือสำนึกที่เป็นร่าง ความตายก็กลายเป็นสาเหตุของความทุกข์และความกลัวเป็นอย่างมากของดวงวิญญาณที่อยู่ในร่าง แต่ถ้าใครฝึกฝนที่จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากร่างกายและเป็นอิสระจากโลกของร่างกายแล้วเขาก็จะได้รับการหลุดพ้นจากความกลัวและความทุกข์ของความตาย
เขาจะตระหนักรู้ว่าการรับร่างและการทิ้งร่างนั้นเป็นกรรม (การกระทำ) ตามธรรมชาติของดวงวิญญาณและมันเป็นเหมือนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเล่นบทบาทในละครโลก

ดวงวิญญาณได้รับร่างกาย ญาติทางร่างกาย สิ่งอำนายความสะดวกและทรัพย์สมบัติของร่างกาย เป็นไปตามกรรมของดวงวิญญาณ และก็ิทิ้งร่างกายไปตามกรรมด้วยเช่นกัน
ผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะฝึกฝนการละวางจากร่างอยู่เสมอ และด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับสภาวะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง สภาวะที่เต็มไปด้วยความปิติสุขนี้คือการบรรลุผลที่สูงที่สุดของดวงวิญญาณที่อยู่ในยุคบรรจบพบกัน

การบรรลุผลที่สูงที่สุดของยุคบรรจบพบกันคือ :
1.  การเป็นผู้ที่ละวางจากร่างกายและด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับความสงบสูงสุด
2.  การอยู่ในรูปที่สมบูรณ์พร้อม (ร่างแสง - Angelic Form) และประสบกับความปิติสุขสูงสุดในภารกิจของการเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกพร้อมกับพ่อที่สมบูรณ์พร้อม (บราห์มา)
3.  การเฝ้าดูละครโลกและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและประสบกับความปลื้มปิติสูงสุด

เราสามารถมีความรู้เรื่องละครไว้ในฐานะที่เป็นข้อมูลแต่มันควรจะซึมซับไว้ในชีวิต สำหรับสิ่งนี้เราควร จะไตร่ตรองความรู้นี้อย่างต่อเนื่องและฝึกฝนมันในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ การชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์นั้นควบคู่ไปกับการซึมซับความรู้เรื่องละคร

ละครและความพอใจของดวงวิญญาณ
ความพอใจนั้นเป็นความงามอันสูงส่งที่สุดของดวงวิญญาณ และเป็นพื้นฐานของความสุขและความสงบ ความรู้เรื่องละครที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประสบกับความพอใจ
ละครโลกนี้ซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการและทุก ๆ บทของมันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนว่าเป็นความจริงอันขมขื่น แต่ละครก็เต็มไปด้วยความจริง ความยุติธรรมและให้คุณประโยชน์ ภายในละครนั้นมีความสมดุลที่สวยงามมากของการทำความเพียรและผลของมัน(โชค/รางวัล) การเข้าใจความจริงนี้ เราก็สามารถเป็นผู้ที่เฝ้าดูอย่างละวางได้อย่างง่ายดายและประสบกับความสุขจากการเฝ้าดูละครและดังนั้นจึงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความโกรธและความอิจฉาริษยา ดวงวิญญาณเล่นบทบาทของเขาในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ จะไม่มีชื่อหรือร่องรอยของความไม่พอใจในดวงวิญญาณ

เหมือนกับละครทางโลก นักแสดงจะรู้ว่าเมื่อใดที่่ละครกำลังจะจบและเมื่อใดพวกเขาจะกลับบ้าน... นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด  บัดนี้เรามีสติปัญญาที่ไม่มีขีดจำกัดและมีความปลื้มปิติเป็นอย่างมากในการรู้ถึงตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบของละคร.... นักแสดงแต่ละคนควรจะรู้บทบาทของตนเอง....เมื่อความเข้าใจในเรื่องนี้ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในสติปัญญาและแล้วปรอทแห่งความสุขก็จะคงอยู่ในระดับที่สูง SM 12/01/02 revised

No comments:

Post a Comment