Monday, July 22, 2013

ละครโลกและการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

จงคิดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ :
ผู้ที่ลูกเรียกว่าเป็นของลูก พวกเขาเป็นของลูกจริง ๆ หรือ ?
และผู้ที่ลูกพูดว่าเขาเป็นของคนอื่น พวกเขาเป็นของคนอื่นจริง ๆ หรือ ?
คนที่ลูกคิดว่าจะให้ความสุขแก่ลูก มันเป็นความสุขจริงหรือ ?
และเขาจะให้ความสุขแก่ลูกในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?
อะไรที่เป็นของลูกจริง ๆ ในโลกนี้ ?
และอะไรที่เป็นของคนอื่นจริง ๆ ?




โลกนี้คือละคร (การแสดง-ภาพยนตร์) และดวงวิญญาณทั้งหลายคือนักแสดง ในละคร ไม่มีใครเป็นของฉัน และไม่มีใครเป็นของเธอ (เป็นของคนอื่น) ไม่มีใครเป็นเพื่อนของใครและไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร ไม่มีใครสามารถให้สิ่งใดแก่ผู้ใดและไม่มีใครสามารถเอาสิ่งใดจากใครไ้ด้ ไม่มีใครให้สิ่งใดแก่กันและไม่มีใครเอาสิ่งใดไปจากฉัน

 ดวงวิญญาณทั้งหมดกำลังเล่นบทบาทที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายของพวกเขาเอง ผู้ที่อยู่กับเราในวันนี้ จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นก็จะมาอยู่กับเรา บางอย่างอาจเป็นของเราในวันนี้และจะเป็นของคนอื่นในวันพรุ่งนี้




ความจริงแล้วในละครโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเป็นของลูกและไม่มีสิ่งใดที่เป็นของใครบางคนอย่างแท้จริง จงทำให้ตัวลูกเองมั่นคงอยู่ในรูปที่เป็นดวงวิญญาณและมองดูอย่างถูกต้องแม่นยำว่า :  โลกนี้คือละครและทั้งหมดคือนักแสดง  คนที่เป็นของเราในวันนี้จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นจะเป็นของเราในวันพรุ่งนี้ ความจริงนั้นก็คือ:  ดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่เป็นของเรา ด้วยการมีท่านเป็นเพื่อนเท่านั้นที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง อะไรก็ตามที่ท่านให้กับเราเท่านั้นที่เป็นของเราและจะได้ความสุขอย่างคงที่สม่ำเสมอ

และดังนั้นผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ใดไม่ว่าในเวลาใด เขาจะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโกรธ ความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง เขาจะคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความรู้สึกเหล่านี้อยู่เสมอและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเป็นผู้รู้เห็นละคร สำหรับเขาแล้ว ทุกคนเป็นของเขาและให้ความรักแก่ทุกคน  ดวงวิญญาณที่มีความรู้เช่นนั้นจะรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวของเขา

เมื่อผู้ใดไม่มีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับละคร เขาก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความไม่รู้และมีสำนึกที่เป็นร่างและจะมีความผูกพันยึดติดกับใครบางคนหรือมีความเกลียดชังและอิจฉาริษยา เพราะเหตุนั้นเขาก็จะทำกรรมที่เป็นบาปชนิดต่าง ๆ มากมายและได้รับผลของกรรมเหล่านั้นในรูปของความทุกข์ทรมาน

โลกนี้คือละครที่ไม่มีขีดจำกัดของการให้และการรับ ของการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จากตอนเริ่มต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบ การให้และการรับระหว่างดวงวิญญาณทั้งหลายก็ดำเนินต่อไปและในตอนจบ ทั้งหมดจะต้องจบบัญชีของพวกเขากับกันและกัน และทั้งหมดก็เข้าสู่สภาวะคาร์มาทีทและกลับบ้าน  ดังนั้นในตอนจบ มันจะมีพฤติกรรมที่ดีหรือไม่ดีกับกันและกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ปรารถนาก็ตาม เพราะว่ามันเป็นการชำระสะสางบัญชี แต่ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยหวั่นไหวและอยู่อย่างไม่หมกมุ่นหรืออยู่อย่างละวางอยู่เสมอ เนื่องจากบัญชีต่าง ๆ ที่จะต้องมีการชำระสะสาง ประเทศ เวลา และสถานการณ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาและดวงวิญญาณทั้งหลายก็จะถูกดึงไปทำภารกิจนั้น ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ปรารถนาก็ตาม ดังนั้นเราไม่ควรสร้างความคิดใด ๆ (ที่ไร้ประโยชน์/ให้โทษ)ต่อผู้ใด แต่ในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ เราจะเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเฝ้าดูละครและมีความสุขกับละครนั้น

กฏของละครคือ:
บัญชีของดวงวิญญาณ = บทบาทของเขาในละคร (บทบาทขึ้นอยู่กับบัญชีของดวงวิญญาณ) ดวงวิญญาณถูกผูกไว้กับเวลาและบทบาทของเขาในละคร มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสิทธิที่จะสาปแช่งหรือให้พรแก่ดวงวิญญาณใดได้

หน้าที่ของเราคือเข้าใจละครอย่างถูกต้องและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางในขณะที่เฝ้าดูดละครและรักษาไว้ซึ่งการให้คุณประโยชน์ ความรูสึกที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดีต่อดวงวิญญาณทั้งหมด
ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นไม่มีวันดับสูญ เป็นนักแสดงที่เป็นอมตะของละครโลกนี้และเป็นลูกที่รักของดวงวิญญาณสูงสุด เป็นพี่น้อง(ชาย)ของเรา เราไม่ควรมีความโกรธ ความอิจฉาริษยา หรือความเกลียดชังกับบทบาทของผู้ใด เราควรจะมองดูบทบาทของทั้งหมดในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและรักษาความรู้สึกที่เท่าเทียมกันกับทั้งหมด นี่คือหน้าที่่ของเราในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณบราห์มิน

นี่คือละครที่หลากหลายและบทบาทที่หลากหลาย ในการสังเกตดูบทบาทของผู้อื่น เราไม่ควรมีความรู้สึกของความต่ำต้อยหรือเหนือกว่าเพราะว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ไม่แน่นอน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ใครก็ตามที่เป็นพระราชาในวันนี้จะเป็นปวงประชาในวันพรุ่งนี้ และจะเป็นในทางที่กลับกัน การเก็บรักษาความจริงนี้ไว้ภายใน ผู้นั้นก็ไปอยู่เหนือความรู้สึกของความไม่ยุติธรรม ความหดหู่หรือความหยิ่งทะนงและดังนั้นผู้นั้นก็จะสามารถรักษาไว้ซึ่งสภาวะของความสมดุลของจิตใจ  (เช่นไม่มีความชอบหรือไม่ชอบ)

นี่คือเวลาสิ้นสุดของกัลป์และบัญชีส่วนตัวของดวงวิญญาณทั้งหลายและบัญชีของเขากับคนอื่นนั้นต้องมีการชำระสะสาง ดังนั้น ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่รู้สึกประหลาดใจหรือถูกหลอกด้วยการเห็นฉากใด ๆ เขาจะไม่สร้างความคิดที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเหตุการณ์ของละคร และดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ของความเกลียดชัง ความโกรธและความอิจฉาหรือริษยากับใครจะปรากฏออกมา เขาจะมีความอดทนอย่างเป็นธรรมชาติและอย่างง่ายดายและดังนั้น จึงสอบผ่านข้อสอบสุดท้ายอย่างมีความสุข

"ใครก็ตามอาจจะกำลังทำสิ่งใดอยู่แต่คงอยู่อย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเรื่องของการประฌาม ฉันถูกประฌามอย่างมาก แต่ว่าไม่ใช่ ละครทำให้เป็นเช่นนั้น ผู้ที่น่าสงสารนั้นอยู่ในความมืดของความไม่รู้ เราควรจะมีความรู้สึกเมตตาและยิ้มอยู่เสมอ" SM 21/08/68