Wednesday, July 3, 2013

ยุคทอง(1)

ความหมายของยุคทอง นั้นคือรูปทั้งหมดของความสุขทางวัตถุ ความสุขของดวงวิญญาณ สติปัญญา ความคิด ความสัมพันธ์ และรูปอื่น ของความสุขทั้งหมดนั้นปรากฏอยู่ ณ ที่นั่น สิ่งที่ดีที่สุดอย่างแท้จริงทั้งหมดซึ่งปรากฏอยู่ในโลกนี้จะมีอยู่ ณ ที่นั่น ในรูปที่บริสุทธิ์สมบูรณ์พร้อมที่สุด รูปซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะให้ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ร่างกายของลูก จิตใจ ความมั่งคั่ง อากาศ และสิ่งที่ได้มาทั้งหมดจะอยู่ในรูปที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า "ยุคทอง"




จะมีครอบครัวที่มีความสุขและสมบูรณ์พร้อมเดียว พระราชาและประชาชนนั้นทัดเทียมกัน แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันในสถานภาพ ทั้งหมดก็อยู่อย่างเป็นเช่นครอบครัว ไม่มีใครจะพูดว่าคนนี้เป็นคนรับใช้ จะมีตำแหน่งต่าง ๆ และจะมีการทำงาน แต่จะไม่มีความรู้สึกว่าบางคนนั้นเป็นคนรับใช้ เช่นเดียวกับครอบครัว ในทุก ๆ ความสัมพันธ์จะมีความพอใจในความสุข เป็นครอบครัวที่มีความสุข ครอบครัวที่เต็มไปด้วยพลัง สมบูรณ์พร้อมด้วยรูปของความสูงส่งทั้งหมด

ในยุคทอง เนื่องจากการปกครองด้วยกษัตริย์และสิทธิในอาณาจักร ประชาชนนั้นเต็มไปด้วยรูปแบบทั้งหมดของความมั่งคั่ง ท่วมท้นไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและสิ่งที่เป็นประโยชน์ทุก ๆ สิ่งอยู่เสมอ และอยู่ในพระราชอำนาจในการปกครองของกษัตริย์ในทุก ๆ ชาติเกิด แต่ละคนได้รับการบรรลุผลในชีวิตทั้งหมด การบรรลุผลนั้นได้รับการบริการจากทุก ๆ ด้าน ไม่มีใครมีความปรารถนาใด ๆ สำหรับการบรรลุผล แต่การบรรลุผลจะปรารถนาที่จะให้นายของพวกเขาได้รับการบริการ ในทุก ๆ ด้าน เหมืองแร่จะเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมด ทรัพย์สมบัติทุกอย่างพร้อมที่จะให้ความสุขในรูปแบบของมันเอง แตรของความสุขอย่างสม่ำเสมอจะถูกเป่าโดยอัตโนมัติ




จะมีเครื่องดนตรีที่ประดับด้วยเพชรพลอย พวกเขาจะมีเครื่องดนตรีธรรมชาติซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามในการเล่น ลูกเพียงแต่สัมผัสด้วยนิ้วมือของลูกและมันก็จะบรรเลง ลูกจะสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม เสื้อผ้าของลูกจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมและที่อยู่ของลูก ลูกจะสวมใส่เสื้อผ้าที่แตกต่างมากมายและมีเครื่องประดับเพชรพลอยหลายชนิด จะมีมงกุฏและเครื่องประดับเพชรพลอยมากมายหลายชนิด แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่หนัก มันจะเบายิ่งกว่าปุยฝ้าย จะมีทองคำแท้และฝังด้วยเพชรซึ่งจะทำให้เกิดรัศมีของแสงทั้งหมดเมื่อกระทบกับแสงไฟ จากเพชรเม็ดเดียวสีสันต่าง ๆ มากมายก็จะปรากฏออกมา เช่นที่ลูกใช้แสงไฟสีต่าง ๆ พวกเขาใช้เพชรเพื่อที่จะทำให้เกิดแสงสีต่าง ๆ




ที่นั่น ลักษมีและนารายัญคือจักรพรรดิและจักรพรรดินีของยุคทอง ในวัยเด็กของพวกเขา พวกเขาคือราเด้และกฤษณะ ผลรางวัลที่สูงส่งเช่นนั้นพวกเขาจะต้องได้รับจากผู้สร้างสวรรค์อย่างแน่นอน ในสวรรค์ จะมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ ต้นไม้ของครอบครัวของเหล่าเทพในตอนเริ่มแรกจะเล็กแล้วก็เติบโตขึ้น ประชากรของอาณาจักรของเหล่าเทพจะมีน้อยมาก เรียกได้ว่าเป็นโลกแห่งความเป็นอมตะ




ลักษมีและนารายัญนั้นแต่ละคนมีสองแขน และพวกเขาถูกเรียกว่าการจุติของวิษณุ ราชวงศ์ของวิษณุดำเนินต่อไป พวกเขาถูกเรียกว่ามหาลักษมีและนารายัญ ในยุคทอง ผู้คนมีชีวิตครอบครัวที่บริสุทธิ์ และด้วยเหตุนี้ ในวัดของนารายัญพวกเขาแสดงภาพที่มีสี่แขน

ดินแดนของลักษมีและนารายัญนั้นถูกเรียกว่า "ดินแดนของวิษณุ" เหล่าเทพนั้นเคยเป็น "ไวชนาฟ" (Vaishnavs) ไวชนาฟนั้นหมายถึง "ความบริสุทธิ์"

ลักษมีและนารายัญนั้นสดชื่นแจ่มใสและยิ้มแย้มอยู่เสมอ การยิ้มไม่เหมือนกับการส่งเสียงหัวเราะอันดัง ด้วยการอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสและยิ้มแย้มอยู่เสมอ ก็มีความสุขอยู่ภายใน การหัวเราะเสียงดังนั้นไม่งดงาม เป็นการดีที่สุดที่เพียงแต่ยิ้ม

ในยุคทองไม่มีความทุกข์ใด ๆ แต่จะมีความแตกต่างระหว่างผู้ที่มั่งคั่งและผู้ที่มั่งคั่งน้อยกว่า ในโลกทุกวันนี้ ทั้งผู้คนที่ยากจนและมั่งคั่งต่างก็ตกอยู่ในความทุกข์ ในขณะที่ที่นั่น ผู้คนในทุกระดับของความมั่งคั่งนั้นจะมีความสุข จะมีความแตกต่าง แต่ไม่มีผู้ใดมีความทุกข์

ในยุคทอง พวกเขาแสดงการเต้นรำของกฤษณะ อย่างแน่นอน เหล่าเจ้าชายและเจ้าหญิงจะเต้นรำด้วยกัน แต่ปวงประชาไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกของราชตระกูลได้ ในยุคทอง ทุกคนจะมีช้อนทองในปากของพวกเขา



ในสถานที่ที่ถูกเรียกว่าดินแดนแห่งความแท้จริง ไม่มีรูปของความหลอกลวง ในสวรรค์ มีทั้งความสงบและความบริสุทธิ์ ความสุขนั้นขึ้นอยู่กับความมั่งคั่ง และในสวรรค์นั้นมีความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก เพราะความมั่งคั่งจึงมีเครื่องบิน ราชวังที่ใหญ่โตและมีความหรูหราในทุกรูปแบบ มีความมั่งคั่ง ความสงบ และสุขภาพที่ดีอย่างสมบูรณ์ เหล่าเทพนั้นสนุกสนานเพลิดเพลินกับการบรรลุผลทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่า "โลกแห่งความสุข ความบริสุทธิ์ ความสงบ" ความสุขมีทุก ๆ สิ่ง ณ ที่นั่น มีเพียงศาสนาเดียว โลกนั้นบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ จึงถูกเรียกว่า "ชีวาลายา" (Shivalaya) เช่นที่พระราชาและพระราชินีนั้นบริสุทธิ์ ปวงประชาทั้งหมดนั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน

ทุกสิ่งในยุคทองนั้นจะใหม่ แสงสว่างจะดูราวกับว่าเป็นธรรมชาติ เนื่องจากสิ่งประดิษฐ์ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในโลกนี้จะถูกนำไปใช้ทีนั่น พระราชวังทุกแห่งจะมีเฮลีคอปเตอร์เป็นของตนเองซึ่งสามารถบินได้เพียงด้วยการกดปุ่ม เครื่องยนต์ทั้งหมดจะไม่เคยขัดข้อง ไม่มีกลไกใดที่จะผิดพลาด ลูกจะไปถึงโรงเรียนหรือสถานที่ที่ลูกพอใจภายในหนึ่งวินาที




ในยุคทอง มีศาสนาเดียวและภาษาเดียว ความมากมายหลายหลากของศาสนาและภาษาจะไม่ปรากฏ ณ ที่นั่น จะมีเพียงศาสนาเทพโบราณดั้งเดิมเท่านั้น ดินแดนแห่งภารัตนี้จะมีความสุขจากการปกครองที่ไม่มีการแบ่งแยกจากคู่ครองที่สูงส่ง ลักษมีและนารายัญ ประชาชนชาวภารัตเท่านั้นที่จะคงอยู่ จะมีการปกครองเดียว ศาสนาเดียว และภาษาเดียว ซึ่งกำลังถูกก่อตั้งขึ้นในปัจจุบันในเวลาของยุคแห่งการบรรจบพบกันนี้ ดังนั้น ในสถานที่นั้นจะมีคำสั่งเดียว อาณาจักรของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ยุคทองนั้นถูกปกครองโดยจักรพรรดิและจักรพรรดินี ในขณะที่ผู้ปกครองในยุคเงินนั้นถูกเรียกว่าพระราชาและพระราชินี จากยุคทองแดงเป็นต้นมา หนทางของบาปก็เริ่มต้นขึ้น

ผู้คนทั้งหมดในยุคทองนั้นเป็นดวงวิญญาณที่มีคุณธรรม เหล่าดวงวิญญาณที่ได้รับการพัฒนาทางจิตอย่างแทัจริงต่างก็บริสุทธิ์ ในยุคทอง จะเป็นอาณาจักรของศรีลักษมีและศรีนารายัญ และในยุคเงินจะเป็นอาณาจักรของรามและสีดา ยุคของกฤษณะนั้นไม่ได้แยกออกไป ในความเป็นจริงเขาก็คือ "เจ้าแห่งสวรรค์" (Lord Of Vaikunth)

ในสวรรค์ ไม่มีผู้ใดที่ไม่บริสุทธิ์ที่จำเป็นจะต้องมีกูรูเพื่อการชำระให้บริสุทธิ์ พ่อแม่ต่างก็ล้างเท้าให้แก่ลูก ๆ ของพวกเขาเองและวางพวกเขาไว้บนบัลลังก์ ที่นี่กูรูนั้นเป็นที่ต้องการเพื่อการหลุดพ้นในชีวิต แต่ที่นั่นผู้คนทั้งหมดต่างก็อยู่ในสภาพของการหลุดพ้นในชีวิต

ยุคทองนั้นเป็นโลกที่เล็กมาก ที่นี่ มี 8.4 ล้านสายพันธุ์ ที่นั่น จะมีไม่มาก จะไม่มีการบูชากราบไหว้ การสละละทิ้งหรือการสิ้นเยื่อใย (Disinterest) ในสวรรค์ ในยุคทองถูกเรียกว่าเป็นบ้านที่แสนหวานของเราด้วยเช่นกัน เพราะว่าเหล่าเทพนั้นอ่อนหวานอย่างยิ่ง ที่นั่น มีความสงบ เช่นเดียวกับความสุขของโชคแห่งอาณาจักร

No comments:

Post a Comment