Thursday, November 9, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 5 # 2

การเปลี่ยนโลกใหม่

ลูกใหม่ ๆ ของบาบาหิวโหยหนังสือเป็นอย่างมาก  พวกเขาต้องการหนังสือเกี่ยวกับวิธีการของราชโยคะ  การอธิบายว่าวิทยาศาสตร์ได้นำให้หลงทางไปอย่างไร  โดยมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ตามทฤษฏีดุลยภาพ  เวลาเป็นเส้นตรง  และจิตวิทยาที่มีสมองเป็นฐาน

งานของศีลธรรมจรรยาเป็นสิ่งที่ต้องการ พร้อม ๆ กับหนังสือการแนะนำที่จะเอาชนะนิสัยที่ไม่ดี ของขวัญของบาบาเกี่ยวกับการสาธิตสติปัญญาแนวใหม่  บรรจุไว้ซึ่งคำตอบของทุก ๆ คำถาม มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ของการดึงเอานัยสำคัญออกมา

บาบาแนะนำให้เราผลิตนิตยสารรายเดือน  มีชื่อว่า "ตรีมูรติ"  อ้างถึงความจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดเป็นผู้สร้างสิ่งสร้างทั้งสามของฮินดู บราห์มา วิษณุ ชางก้า ต่อมานิตยสารเล่มที่สอง "เวิลล์ รีนิววอล" เริ่มตีพิมพ์ พิมพ์ออกมาหลายภาษา รวมทั้งภาษาอังกฤษ มีการจัดจำหน่ายไปทั่วโลก หัวข้อดังต่อไปนี้เขียนโดยนักนิเวศน์ เป็นชนิดที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ


การเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ผ่านการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ
(สาเหตุทางจิตของวิกฤตของสภาวะแวดล้อม)

วิกฤตการของสภาวะแวดล้อมมันไม่ได้เป็นสิ่งล่อแหลมอีกต่อไป แต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยที่จะชี้ให้ผู้คนเห็นในสิ่งนี้  เราได้ทำให้ทะเลสาบและแม่น้ำเน่าเสียไปถึงจุดที่ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป  เกิดพิิษขึ้นกับระบบน้ำที่นำมาใช้สอย  เราได้ทำลายพื้นที่ราบลุ่ม ชะล้างป่าของเราและทำให้ดินที่อุดมสมบูรณ์ของเราหมดไป  แหล่งอาหารของเราก็ไม่บริสุทธิ์  เราได้ทำให้บรรยากาศเป็นพิษด้วยไอเสียของรถยนต์ และการเน่าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ปอดของเราดำ สมองของเราถูกปกคลุมด้วยแก๊สพิษ  เราได้ปล้นความงามของโลกของเราไปด้วยตัวเราเอง  ทำไมด้วยเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนของเรา เราจะไม่สามารถที่จะสร้าง แม้แต่สุขภาพและความสงบสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในโลกหรือ? ทำไมความสุขและความร่ำรวยได้หลีกหนีเราไป ทำไมสวนดอกไม้ของโลกได้กลายเป็นป่าหนาม ขูดรีดความสุขออกไปจากช่วงขณะที่ดำรงอยู่ เมื่อเราควรจะมีความสุข

เราเข้าใจผิดต่อสัมพันธภาพซึ่งเป็นอมตะ ซึ่งเรามีต่อธรรมชาติและพระเจ้า ด้วยความภูมิใจกับวิทยาศาสตร์ที่ได้บรรลุถึง เราได้ลืมไปว่ามันมีกฏซึ่งจักรวาลนี้ได้หมุนไปบนกฏนี้ กฏที่ซึ่งเราได้ละเมิดเพียงเพื่อจะทำให้เราเกิดความเสี่ยง  เราได้ทำลายกฏเหล่านั้น และ ณ บัดนี้ ความเสี่ยงได้มาถึงแล้ว

กฏพื้นฐานอันหนึ่งของจักรวาลที่เปลี่ยนไป อาจจะกล่าวได้ดังนี้ สภาพภายนอกของโลกสะท้อนสภาพภายในของดวงวิญญาณผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลก  หรืออีกความหมายหนึ่ง ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณยังบริสุทธิ์และไม่มีสภาพที่เป็นพิษ  เป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษใด ๆ ตราบเท่านั้น ธรรมชาติก็จะคงอยู่อย่างไม่มีมลพิษ  ตราบเท่าที่เรามีความอ่อนโยน ธรรมชาติก็จะอ่อนโยน ตราบเท่าที่เราเป็นนายของตัวเอง เราก็จะเป็นนายของโลกที่เราอาศัยอยู่ ด้วยความเพียรพยายามที่จะบุกเบิก และมีความสำเร็จเกี่ยววัตถุรอบ ๆ ตัวเรา อย่างไรก็ตามเราได้สูญเสียความรู้ว่าเราเป็นใคร และเป็นอะไร  ด้วยเหตุนี้ ด้วยความต้องการที่จะมีวัตถุเพิ่มมากขึ้น ความเป็นนายตัวเองก็ได้สูญหายไปโดยสิ้นเชิง และปัญหาก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งมันจะเข้ามาบดขยี้เราให้แหลกละเอียดไป

นอกจากนั้น ถ้าหากเราจะทำการตรวจสอบปัญหาของสิ่งแวดล้อม และของสังคมใด ๆ ของเรา ไม่มีปัญหาใดเลยที่เราไม่สามารถที่จะแก้ไขมัน ถ้าเราปราถนา นัยสำคัญของการเฝ้าดูอย่างละเอียด ต้องการความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมสำคัญของเรา ติดตั้งระบบป้องกันอย่างเหมาะสมและออกแบบให้กับโรงงานของพวกเขา มันจะมีการช่วยลดมลพิษอย่างใหญ่หลวง แต่พวงเขาก็กังวลเกี่ยวกับกำไรที่จะได้ในระยะสั้น แม้แต่ค่าใช้จ่ายในระยะยาวที่จะใช้ในการมีชีวิตอยู่ ผู้สร้างรถยนต์สามารถที่เลือกออกแบบรถ ซึ่งมีความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็มีความประหยัดด้วย แต่ด้วยความมืดบอด ด้วยความโลภ และความหยิ่งทะนงที่จะควบคุมระบบการเมืองเพียงผู้เดียว เขากลับเลือกเป็นอย่างอื่น มองไม่เห็นว่าการกระทำของเขาได้นำไปสู่ทางตัน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะกลับตัวได้ ตัวอย่างนี้เราสามารถที่จะขยายความออกไปได้ แต่คำถามพื้นฐานก็จะถูกกลบฝังด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย ความอยากรู้นั้นจะต้องพุ่งตรงไปยังสาเหตุหลัก  ทำไมมนุษย์จึงโลภมาก ? ทำไมมนุษย์จึงประพฤติตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาสนใจที่สุด และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ความโลภนั้นเป็นคุณสมบัติที่มีมาแต่ดั้งเดิมของดวงวิญญาณมนุษย์หรือ ?

นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้ากรอบแนวคิดของเราไม่ได้เปิดโอกาสที่สามารถเป็นไปได้ที่จะเอาชนะความโลภอีกครั้งหนึ่งและตลอดไป แล้วสถานการณ์ของมนุษยชาติก็จะหมดหวังอย่างแท้จริง  ตามความเป็นจริง หลายคนซึ่งยังรักษามุมมองว่า นิสัยที่ไม่ดีซึ่งไม่สามารถที่จะลบล้างออกได้ของจิตมนุษย์ และด้วยการมองดูที่ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันการมองโลกในแง่ร้ายของพวกเขา ด้วยการศึกษาอย่างลึกไปกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็จะเห็นและเปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงของตัวตน และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เราได้พบกับกุญแจที่จะทำให้สวรรค์ที่หายไปของพวกเรากลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

ร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ Henry David Thoreau ได้บันทึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะแวดล้อมของจิตใจและสภาวะแวดล้อมของร่างกาย  เขาได้หนีจากมลพิษของทั้งสองสิ่ง ด้วยการหลบไปอยู่ที่ห้วยน้ำชื่อ Walden Pond  แล้วเขาก็บันทึกถึงสิ่งที่รุนแรงมากกว่าเป็นจริงของวันนี้ ฝูงชนใช้ชีวิตค่อนข้างที่จะสิ้นหวัง ความสิ้นหวังของมนุษย์ปรากฏขึ้นจากอะไรที่เราเรียกว่า สภาวะการณ์ของมนุษย์ เราต้องตาย มันเป็นความคิด เราจะตาย เราอาศัยอยู่ในจักรวาลของโอกาสที่ไม่มีการดูแลรักษา ด้วยการมองโลกเป็นเช่นนี้ มันเป็นความฉงนน้อย ๆ ว่ามนุษย์ได้มีการตัดสินใจที่จะได้รับวัตถุธาตุ และรับความสุขจากประสาทสัมผัสให้มากที่สุดจากชีวิตของตน ความกลัวตายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่ซึ่งต้นไม้แห่งยาพิษของความโลภได้เจริญงอกงามขึ้น เมื่อความโลภไม่ได้รับการตอบสนอง ความโกรธก็เกิดขึ้น สิ่งที่เราหิวโหยที่สุดก็คือ "ความรัก" แต่เนื่องจากเราใช้ตัวเองเพื่อสิ่งมีชีวิตที่เป็นวัตถุ เราก็เข้าใจผิดว่ากามตัณหาคือความรัก ด้วยเหตุนี้ จึงใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน และประเมินค่าตัวตนให้ต่ำลง ในสภาพที่สิ้นหวังนี้ เราก็ปล้นสะดมภ์บ้านและโลกของเราเอง

นอกจากนั้น สายโซ่แห่งเหตุการณ์ทั้งหมดมีฐานอยู่บนความเข้าใจผิดง่าย ๆ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ตาย เราเป็นดวงวิญญาณ เป็นหน่วยของสำนึกซึ่งไม่ใช่วัตถุธาตุและร่างกายของเราเป็นเครื่องแบบเครื่องปั้นดินเผาชั่วคราว เรารู้จักสิ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง เช่นข้อเท็จจริงของประสบการณ์ เราเคยสวมมงกฏแห่งแสง แต่ขณะที่เราได้ดำเนินผ่านละครของกาลเวลา ได้ใช้รูปปั้นดินอันแล้วอันเล่า และได้สูญเสียความเข้าใจอันถูกต้องของตัวเรา เราได้กลายเป็นผู้ยึดติดกับร่างที่เป็นวัตถุของผู้อื่น หุ่นสะกดจิตผู้เชิดหุ่น กล่าวง่าย ๆ จิตของเราสกปรกด้วยสำนึกแห่งความเป็นร่าง

เมื่อการดึงดูดก่อให้เกิดการผลักใส  ความเป็นหนึ่งเดียวของเราและความประสานกลมกลืนของเราก็แตกละเอียดเป็นชิ้นและไม่กลมกลืนกัน  เมื่อเราเติบโตอย่างแยกกันทางจิต โลกที่เราอาศัยอยู่ก็แยกตัวออกจากกัน ทวีปต่าง ๆ ซึ่งเป็นผืนดินที่แยกตัวและลอยห่างจากพื้นดินแม่ที่ใจกลางของอินเดีย ที่ซึ่งครั้งหนึ่ง ทั้งหมดได้รวมกันเป็นแผ่นดินเดียว ประเพณีต่าง ๆ ได้ปรากฏขึ้นและสถานที่ของศาสนาต่าง ๆ ของโลกก็เกิดขึ้น และถึงแม้ว่าแต่ละกลุ่มจะสร้างความสงบที่พวกเขาใฝ่หา และรักทฤษฏีของความสัมพันธ์ของมนุษยชาติ การฝึกฝนของแต่ละศาสนาก็มีอคติและความทะนงตน

นอกจากนี้ ศาสนาของโลกแต่ละศาสนาก็เห็นด้วยและทำการรับใช้ด้วยการยึดหลักการพัฒนาและกำจัดสิ่่งไม่ดี  ตราบเท่าที่อย่างน้อยที่สุดมีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าและเชื่อในผลรางวัลและการรับผลกรรมที่ทำไว้  สติปัญญาก็ถูกกระตุ้นให้ทำความเพียรพยายามในทางที่ถูกต้อง ถ้าพระเจ้าถูกละทิ้ง สัจจะถูกดูหมิ่น เมื่อทฤษฏีสัมพันธ์ถูกตั้งขึ้นแทนที่ศีลธรรมแห่งจักรวาล และความสมบูรณ์พร้อมถูกฆ่าสังเวยต่อความคิดเห็นส่วนบุคคล ครอบครัวของมนุษย์ก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นหวังใด ๆ ภายใต้ร่มเงาของความเห็นแก่ตัว

ยังมีวงจรซึ่งมีการเคลื่อนตัวที่ใหญ่กว่า แสงซึ่งถูกจุดขึ้น ณ จุดหนึ่งในสภาพที่มืดสนิท แต่ความอืมครึมที่มีแนวโน้มไหลลงสู่ที่ต่ำไม่สามารถทำให้กลับคืนมาได้  เรารู้สึกว่าติดอยู่ที่ประตูของประวัติศาสตร์ ด้วยการลืมสภาพที่ตัวเราเป็นดวงวิญญาณ และตอนนี้เราได้ลงมาสู่จุดก้นบึ้ง มีทางสองทางให้เราเลือกอยู่ตรงหน้า :  ว่าเราจะทำความสะอาดการกระทำของเราและกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง หรือ เราจะยอมจมน้ำตายในวังน้ำวนของการทำลายล้าง

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดเกี่ยวกับการชำระล้าง แต่การทำให้สำเร็จได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  พวกเรารู้ว่าความโลภนั้นคือความชั่วร้าย แต่มีกี่คนในพวกเราที่เพียรพยายามจะตัดรากถอนโคนมันออกจากจิตของเรา เรารู้ว่ากามตัณหานั้นคือ พื้นฐานหลักของความชั่วร้าย เรารู้ว่ามันเป็นพลังที่ชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังการข่มขืน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่การที่มีประชากรล้น นำมาซึ่งโรคผู้หญิง สาเหตุที่รบกวนผู้หญิงในงานของพวกเธอ ทำให้เกิดการหย่าร้าง เป็นสาเหตุให้ผู้หญิงใช้ยาปฏิชีวนะที่รุนแรงและมีการทำแท้ง  เป็นสาเหตุของความวิบัติทางจิต นำมาซึ่งหนังสือที่เสื่อมทราม ศิลปะและวัฒนธรรมทั้งหมด ถูกชักจูงให้หันเหจิตใจออกไปจากความคิดที่สูงส่งโดยทั่วไป กระนั้น ด้วยความรู้สิ่งทั้งหมดนี้ จะมีสักกี่ครที่มีความต้องการอย่างจริงจังที่จะทำความเพียรพยายามอย่างเต็มที่ ๆ จะเอาชนะกามตัณหา ?

เช่นกัน ความโลภทำลายโลก แล้วจะมีกี่คนที่เตรียมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงขั้นมูลฐานที่จำเป็น ที่จะหยุดความพิการที่มีอาการป่วยทางจิตนี้  และนำมาซึ่งการสิ้นสุดแห่งความหายนะของสิ่งแวดล้อม ? กี่ดวงวิญญาณที่ตั้งใจที่จะอยู่เหนือความหยิ่งทะนงทางร่างกาย ที่จะได้กระทำการสำหรับความสุขที่แท้จริงของพวกเขา เพื่อรักษาโลกไว้ สำหรับชีวิตในอนาคตของพวกเขาเอง?

โชคยังดี ที่มันไม่ต้องใช้ดวงวิญญาณมากนัก ดวงวิญญาณกลุ่มเล็ก  ๆ ผู้ซึ่งสัญญาว่าจะทำให้ตนสมบูรณ์พร้อม ผู้กระทำด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความเข้าใจในกฏของความเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะเกิดผลต่อทั้งจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงวิญญาณสูงสุด ด้วยตัวท่านเองปรารถนาที่จะให้ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น  เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดแก่ลูก ๆ ซึ่งไม่มีความสุขของท่าน

สวรรค์กำลังถูกสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  แม้ว่าในชั่วโมงที่มืดมิดนี้ พลังอำนาจที่เร้นลับกำลังทำงาน  ดวงวิญญาณที่ทรงพลังรวมทั้งดวงวิญญาณที่ทรงฤทธิ์ที่สุดของทั้งหมด กำลังส่งพลังอันบริสุทธิ์เข้าแทรกซึมในโลกวัตถุโดยการผ่านราชาโยคะ หรือการรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิืสูงสุด ทุกดวงวิญญาณของพวกเรา สามารถกลายเป็นท่อส่งแสงทางดวงวิญญาณ ความรัก ความบริสุทธิ์ และ ฤทธิ์อำนาจ

เมื่อเรามาถึงจุดสูงสุดของเวลาของการซ่อนเร้นของพลังของเราเอง และเมื่อกำลังของความดีและความชั่วเกิดการปะทะกันอย่างเต็มที่ และในไม่ช้าการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยมาเป็นเวลานานก็จะมาถึง ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมแห่งจิตใจของเรา เราก็จะเปลี่ยนแปลงผิวหน้าของโลกนี้ แกนของโลกก็จะกลับมาตั้งตรงจากที่เคยเอียงจากแนวฉากไป 23 1/2 องศา ทวีปต่าง ๆ จะเข้ามารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง จะไม่มีฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป แต่จะเป็นฤดูใบไม้ผลิตตลอดทั้งปี การเติมโลกให้เต็มสมบูรณ์จะให้กำเนิดสังคมใหม่ พร้อมกับวิทยาการที่ล้ำหน้าและก็ยังมีคุณธรรมที่สูงส่งสมบูรณ์พร้อม สวรรค์ที่มีแต่ความสุขที่ไม่มีจบสิ้น

นั่นคือโลกแห่งอดีตที่ผ่านมาและเป็นโลกที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้ เพราะวงจรของเวลาได้ย้อนกลับมาบรรจบกันและเราได้มาถึงจุดบรรจบนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ผู้ที่เป็นผู้สร้างโลกใหม่ ได้ลงมาจากโลกที่เงียบสงัดเพื่อนำพวกเรากลับบ้าน มาเพื่อสอนเราให้รู้จักใช้ชีวิต เพื่อแก้ปัญหาความหายนะของสภาพแวดล้อมของโลก เพื่อมามอบโอกาสกับพวกเราที่จะได้กลับไปเกิดใหม่ในสวรรค์ เกินกว่าที่ความฝันที่ให้ความสุขที่สุดของเราจะเข้าถึงได้

นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นการเปิดเผยความจริง  มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเราผู้ซึ่งเป็นลูก ๆ ของพ่อผู้สมบูรณ์พร้อม สิ่งที่เราต้องทำก็คือการกลับกลายมาเป็นเช่นเดียวกับพ่ออีกครั้งหนึ่ง นี่คือราชโยคะ นี่คือหนทางที่บริสุทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงดาวเคราะห์ดวงนี้

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 5 # 3


No comments:

Post a Comment