Monday, October 30, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 7

การเชื้อเชิญ

การสัมนา Vedanta ถูกจัดขึ้นใน Amaritsar และซิสเตอร์ 2 คน ถูกเชิญให้ไปพูดร่วมกับสาธุและซานยาสซี อีกจำนวหนึ่ง

“พวกเราเดินทางโดยรถไฟชั้น 3   ถึงแม้ว่าพวกเขา จะซื้อตั๋วชั้นหนึ่งให้กับเรา B.K Rukmini เล่า  “เมื่อเราไปถึง  พวกเขาก็มีปัญหาในการตามหาพวกเรา  เพราะว่าพวกเขาคิดว่าพวกเราจะต้องลงมาจากขบวนชั้นหนึ่ง  เมื่อพวกเขาหาเราจนพบ พวกเขาก็พาเราไปยังที่พัก  และจัดอาหารที่ฟุ่มเฟือยให้เรา  เรารับแต่เพียงนมและผัก  สิ่งนี้ประทับใจพวกเขา  เพราะว่า สาธุโดยทั่วไป จะขอเพิ่มมากกว่าที่พวกเขาได้รับ  เจ้าของบ้าน อาสาที่จะซักเสื้อผ้าของพวกเรา  แต่เราบอกว่า พวกเราจะทำของเราเอง  รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ไม่ว่างานใด ๆ ก็ตาม  หรือแม้แต่การทำอาหาร  พวกเขาชอบมาก  เพราะว่าซานยาสซี ใช้ให้พวกเขาซักเสื้อผ้า และยังให้นวดเท้าอีกด้วย

“ณ ที่สัมนา  เราซิสเตอร์ทั้งสอง  ได้ถูกเชิญเข้าไปนั่งที่หน้าเวที  ผู้ฟังประหลาดใจว่า  เราเป็นใคร  พวกเราจะพูดอะไร  ในที่สุด  ดาดี้แจงกี  ก็ได้รับอนุญาตให้บรรยาย  ผู้พูดคนอื่น ๆ และผู้ที่ให้การสนับสนุนปรัชญา  Adwaitist  ที่เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง  และโลกวัตถุนี้ทั้งหมด   เป็นเพียงสิ่งลวงตา  

แต่ดาดี้แจงกี  พรรณนาถึงความแตกต่างระหว่างพระเจ้า  ดวงวิญญาณ  และวัตถุธาตุ  เธอพูดอย่างชัดเจนและสวยงาม  เกี่ยวกับดวงวิญญาณสูงสุด  คุณสมบัติของท่าน  และรูปทั้งสามของการสร้าง  การทำลายและการหล่อเลี้ยงโลกของท่าน  และความจำเป็นในการยืมร่างกายมนุษย์ในการพูด  หลายคนรู้สึกว่า  พระเจ้าไม่สามารถเป็นจุดแสงซึ่งเล็กมาก  ท่านไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขตหรอกหรือ  แจงกีดาดี้เปิดเผยว่า  ท่านไม่มีขอบเขตในคุณธรรม  ในความรู้และในพลังอำนาจ  แต่มันไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับท่านที่จะไม่มีที่สิ้นสุดในขนาดที่หยาบ”

“เราทุกคนรู้ว่า  มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคน  ไม่มีร่างกายที่น่าประทับใจ  จักรพรรดิ นโปเลียนรูปร่างค่อนข้างเล็ก  มหาตมะคานธีดูอ่อนแอ  และบอบบาง และผู้หญิงหลายคน  ผู้ซึ่งถูกพิจารณาโดยทั่ว ๆ ไปว่าเป็นผู้อ่อนแอโดยเพศ  ได้รับการพิสูจน์แล้ว่า  ได้ครอบครองพลังทางดวงวิญญาณมากกว่าผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ในความเป็นจริง ชิพบาบาพูดบ่อยครั้งว่า  มาม่าสามารถที่จะไปถึงระดับที่สูงสุดของเธอ ได้รวดเร็วกว่าบราห์มาบาบาเสียอีก

การบรรยายของดาดี้แจงกี  ทำให้ฝูงชนตะลึง  และตกอยู่ในความเงียบ  สิ่งที่เธอพูดดูเหมือนว่าจะชัดเจนและเห็นได้ชัด  แต่ผู้จัดการสัมนานั้นรู้สึกกลัว  คำสอนว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง  ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในกลุ่ม ผู้ซึ่งสนับสนุนความเชื่อนี้อย่างรุนแรงที่สุด  พวกเขาเห็นว่าเป็นการดูถูก

เพื่อเป็นการตอบโต้  ผู้จัดรายการไม่ยอมให้ซิสเตอร์ Rukmini พูด  ถึงแม้ว่าชื่อของเธอจะถูกจัดเข้าในรายการเรียบร้อยแล้ว  ผู้ฟังหลายคนต่อว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรม  พวกเขาต้องการฟังว่าเธอจะพูดอะไร

วันรุ่งขึ้น สมาชิกลุ่มใหญ่ของคนเหล่านั้น รวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน ที่หน้าที่พักของซิสเตอร์  และแล้วการสัมนาอื่นก็เริ่มขึ้น  วันนั้นบาบาได้ให้กำเนิดกับลูกใหม่ ๆ อีกมากมาย



พระอาทิตย์เริ่มฉายแสง




ในปี ค.ศ.1954  การทำงานรับใช้ในญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้น  มีบัตรเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาโลก  หัวข้อหนึ่งของการประชุมคือ  “การลงมายังโลกของพระเจ้า”  ดาดี้กุมาค่า ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยของพระเจ้า  ได้ไปทิ้งระเบิดใส่พวกเขา ณ ที่นั่น

เมื่อก่อตั้งความสงบที่แท้จริงของโลก  ทุกหน่วยของบุคคล  จะต้องมีจิตใจที่สงบเป็นสิ่งแรก ปัจเจกบุคคลเป็นเครื่องวัดของสังคม  มนุษย์สามารถได้รับความสงบของจิต  เมื่อการกระทำของเขาดีเท่านั้น  เพราะว่า  พื้นฐานของความสงบและความไม่สงบ  คือการกระทำของแต่ละปัจเจกบุคคล  และพื้นฐานของการกระทำก็คือจิต  ดวงวิญญาณติดกับอยู่ในวงจรกิเลส  เพื่อที่จะหลุดพ้นออกมา  บุคคลนั้นจะต้องสร้างวงจรของคุณธรรม  นี่คือราชโยคะ ซึ่งความคิดถูกควบคุม ให้ไปสู่เป้าหมายและจุดประสงค์  ซึ่งทั้งสูงส่งและไม่สามารถต้านทานได้  นั่นคือเป้าหมายของการกลายเป็นเทพ

ด้วยการมุ่งสู่เป้าหมายนี้อย่างหนักแน่น  สติปัญญาก็ละวางจากโลกปัจจุบัน  จิตใจที่ไม่สงบก็เริ่มช้าลง  ยุติการติดกับอยู่ในความเร่งรีบของความปรารถนาแห่งวัตถุ  บุคคลจะรับรู้ถึงกระแสความคิดซึ่งละเอียดอ่อน  ที่แผ่กระจายออกมาจากสิ่งสูงสุด  ด้วยการมีการติดต่อด้วยจิตที่บริสุทธิ์กับชิพบาบา  ดวงวิญญาณก็เพิ่มพลังในการควบคุมนิสัยที่ให้โทษ  ดวงวิญญาณรับรู้ความรับผิดชอบต่อตนเอง  จมหายเข้าไปในความรักที่ให้กับบาบา  เพิ่มพลังด้วยความศรัทธาที่มั่นคงในชัยชนะของตนเอง  ที่ได้รับการค้ำประกัน  ดวงวิญญาณผ่านการทดสอบอันแล้วอันเล่า  ในตอนจบไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสั่นคลอนมันได้เลย

มีอะไรที่จะต้องทำกับความสงบบนโลก ?  ดาดี้บอกพวกเขา  ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสงบบนโลก  นั่นเป็นความรับผิดชอบของพระเจ้า  ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือ  การสร้างความสงบขึ้นในตนเอง  ความร่วมมือที่พระเจ้าต้องการ  นั่นคือเพียงแต่เรากลับมาบริสุทธิ์  สิ่งนี้เราสามารถทำได้เพียงแต่อยู่ในการคิดถึงท่าน  สิ่งแรกเราจะต้องรู้จักท่าน  และดังนั้น  ท่านต้องลงมาบนโลกและแนะนำตัวท่านเอง  สิ่งนี้ท่านทำได้แล้ว

ในที่ชุมนุมมีปฏิกิริยาที่ประหลาดใจ  ดาดี้ก็อธิบายต่อไป  ถึงวิธีการที่พระเจ้าลงมาใช้ร่างและบทบาทของบราห์มา  วงจรที่แท้จริงของเวลา  โลกวิญญาณที่ซึ่งเราได้จากมา  ซึ่งเราจะต้องกลับไปในเวลาไม่ช้านี้  นี่คือเวลาสุดท้าย  ในประวัติศาสตร์ของวงจรเวลาโลก

อนันต์  กีชอร์  บราเธอร์อาวุโสคนหนึ่ง  ของสถาบันพูดเป็นคนต่อไป  ท่านอธิบายต่อไปว่า  ระเบิดอะตอมและระเบิดไฮโดรเจน ได้สร้างไว้เพื่อการทำลายโลก  และแล้วมันก็จะขยายไป  จนกระทั่งจุดศูนย์รวมประชากรทุก ๆ แห่งอยู่ในระยะของการทำลายล้าง  สงครามโลกครั้งสุดท้ายไม่สามารถป้องกันได้  เพราะว่าด้วยการมีสงครามนั้นนั่นเอง  ที่โลกซึ่งไม่สงบสุขในปัจจุบัน  จะถูกทำลายทันที  และอย่างเต็มไปด้วยความเมตตา  พ่อสูงสุดก็จะพาดวงวิญญาณกลับบ้าน  และความสงบก็จะครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก

เพียงแต่วิธีนั้นที่โลกยุคใหม่จะเริ่มขึ้น  มีพลเมืองซึ่งเป็นดวงวิญญาณ ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองมาก่อน  พวกเขาได้ครอบครองพลังอำนาจ  ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความกลมกลืนอย่างสูงสุด  สำหรับอีก 2500 ปีข้างหน้า  การวิวาทจะไม่ปะทุขึ้นบนโลก  ไม่มีอุบัติเหตุหรือความป่วยไข้จะเกิดขึ้นกับใครแม้แต่คนเดียว  ไม่มีความทุกข์ที่มากมายในโลกเช่นทุกวันนี้  ความสุขเป็นอย่างมากมายเหลือล้น ณ ที่นั่น  นั่นเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ  และนี่เอง  ที่ทำไมท่านจึงได้รับการกราบไหว้ตลอดกาล

ผู้ฟังหลายคน  ซึ่งมีสติปัญญาที่บิดเบือนไปจากความจริง  พวกเขาคัดค้านคำพูดของ อนันต์  กีชอร์  ว่าเป็นสิ่งไร้ค่าและเป็นเรื่องโกหก  ยกเว้นแต่สิทธิอำนาจซึ่งเขาพูด  และแสงซึ่งฉายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา  ผู้อื่นซึ่งคิดอย่างลึกซึ้ง  เกี่ยวกับเรื่องราวที่พูดสรุปว่า  ผู้คนแปลกหน้าจากอินเดีย ได้พูดอธิบายสิ่งที่มีเหตุผล  พวกเขา ได้เริ่มตั้งคำถาม กับผู้มาเยือนอย่างเข้าถึงแก่น

“ทำไมท่านจึงคิดว่าเนื้อสัตว์ไม่เหมาะสม?”  ผู้ตั้งคำถามยืนกราน  “ทุกวันนี้สัตว์ต่าง ๆ และนก ได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล  ถ้าหากมนุษย์ ไม่นำมาใช้ประโยชน์เป็นอาหาร  ต่อไปพวกมันก็จะมาย่ำยีเรา”

“ประชากรของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน  อนันต์  กีชอร์ ยิ้ม  นั่นมันก็หมายความว่าเราควรจะเริ่มกินมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วยหรือ  พวกเราจะไม่กินซึ่งกันและกัน  เพราะว่าเรายอมรับว่าบุคคลนั้น  ไม่ได้เป็นเพียงร่างกายเท่านั้น แต่เป็นดวงวิญญาณ  ตั้งแต่กำเนิดมาเรารู้ว่าเป็นสิ่งผิด  ที่จะทำอันตรายโดยปล่อยให้คน ๆ หนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่ง  ผู้ที่ถูกฆ่า ก็จะสามารถแสดงความรู้สึกกลัวของเขาออกมาเป็นคำพูด  แต่นกและสัตว์ไม่สามารถพูดได้  ถ้าพวกเขาสามารถพูดภาษาของเรา  พวกเขาคงจะถามท่านว่า  “ทำไมท่านต้องฆ่าเราและกินเรา”  เราจะตอบว่าอย่างไร?  มันไม่เป็นธรรม  มันเป็นอาชญากรรม  มันเป็นความทารุณ  มันเป็นบาป  การทำให้ใครก็ตามเกิดความทุกข์เป็นบาป  การฆ่าสิ่งใด ๆ เป็นอาชญากรรม  จากมุมมองของกฏของการกระทำ  มันก็ยังเป็นอาชญากรรม  ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะให้อภัย”

ตอนนี้ผู้ฟังก็เงียบ  คำพูดของบราเธอร์ได้เข้าถึงพวกเขาแล้ว

“ใช่แล้ว”  ในที่สุดบางคนก็พูดขึ้น  “บางทีท่านอาจจะถูกเกี่ยวกับสัตว์  แต่เกี่ยวกับปลาล่ะ  พวกเขาเป็นเพียงผลของท้องทะเล  เหมือนกับผลของต้นไม้ที่เกิดบนโลกตามท้องทุ่ง”

อนันต์  กีชอร์  ผงกศีรษะอย่างอ่อนโยน  “ท่านเคยเห็นขณะที่ปลากำลังจะตายแล้วใช่ไหม  ท่านรู้ว่าเสียงที่ระทมทุกข์ของลมหายใจ  ท่านรู้ถึงความเจ็บปวด  มนุษย์มีข้ออ้างมากมายเพื่อแก้ตัวที่จะกินพวกเขา  มีสิ่งอื่นอีกมากมายที่หาได้สำหรับผู้คนเพื่อกิน  ซึ่งดีกว่าปลาอย่างมาก”

บราเธอร์และซีสเตอร์ ได้ทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น  พวกเขาได้ค้นพบศาสนานิกาย  ซึ่งใช้หินรูปไข่  เป็นสิ่งสำหรับดูเพื่อการทำสมาธิ  สมาชิกของนิกายไม่ได้มีความคิดของนัยสำคัญของรูปไข่นี้  พวกเขาพิจารณาว่าหินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และคิดว่าด้วยการเพ่งรวมบนหินรูปไข่นี้  สะพานจะถูกสร้างขึ้น  เพื่อเชื่อมต่อระหว่างดวงวิญญาณและพระเจ้า  ซีสเตอร์ Latan Mohini  ถามพวกเขาว่า  ทำไมพวกเขาจึงเลือกหินเช่นนี้  แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ  พวกเขาพูดว่า  มันเป็นประเพณี  มันนำความสงบมาให้พวกเรา  

ลูก ๆ ของบาบาต่างประหลาดใจต่อการมีอยู่ของสัญลักษณ์เช่นนี้  ณ ที่นี่ สำหรับสิ่งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าเป็น  ชีวาลิงค์  ภาพสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณสูงสุด  คุณลักษณะของผู้ซึ่งทำการสักการะบูชาในวัดทั่วทั้งอินเดีย  ซิสเตอร์  Latan Mohini  สอนดวงวิญญาณที่กระหายเหล่านี้เพื่อสร้างสะพาน  ไม่ใช่ไปหาพระเจ้าที่เป็นหิน  แต่ไปยังพระเจ้าที่แท้จริง  พวกเขามีความสุขมากที่ได้เรียนรู้การทำสมาธิ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุผลและชัดเจน

ชาวญี่ปุ่นได้จัดการให้มีการพบปะสำหรับพวกเรา  สร้างบรรยากาศให้มีการบรรยายและสอนสมาธิ  และแปลคำบรรยายของเราแล้วนำไปตีพิมพ์  หนังสือพิมพ์ของพวกเขาประกาศการมาเยือนของพวกเราอย่างกว้างขวาง  นักเดินทางหวนระลึกได้อีกว่า  ฮ่องกง  มาเลย์  สิงคโปร์ ฯลฯ  ก็ได้เชิญเราไปเยี่ยมเยียนด้วย  เราอยู่อินเดีย 1 ปี  เมื่อพวกเขากลับมา  ข่าวการเดินทางไปต่างประเทศถูกตีพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์ของบอมเบย์และ Madras หนังสือพิมพ์อินเดียเอ็กต์เพรสตีพิมพ์เรื่องราวเป็นที่เอิกเกริก  ในที่สุด บราห์มากุมารี ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นในบ้านเกิดของตน

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 8

No comments:

Post a Comment