การสัมนา Vedanta ถูกจัดขึ้นใน Amaritsar และซิสเตอร์ 2 คน ถูกเชิญให้ไปพูดร่วมกับสาธุและซานยาสซี อีกจำนวหนึ่ง
“พวกเราเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ถึงแม้ว่าพวกเขา จะซื้อตั๋วชั้นหนึ่งให้กับเรา B.K Rukmini เล่า “เมื่อเราไปถึง พวกเขาก็มีปัญหาในการตามหาพวกเรา เพราะว่าพวกเขาคิดว่าพวกเราจะต้องลงมาจากขบวนชั้นหนึ่ง เมื่อพวกเขาหาเราจนพบ พวกเขาก็พาเราไปยังที่พัก และจัดอาหารที่ฟุ่มเฟือยให้เรา เรารับแต่เพียงนมและผัก สิ่งนี้ประทับใจพวกเขา เพราะว่า สาธุโดยทั่วไป จะขอเพิ่มมากกว่าที่พวกเขาได้รับ เจ้าของบ้าน อาสาที่จะซักเสื้อผ้าของพวกเรา แต่เราบอกว่า พวกเราจะทำของเราเอง รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ไม่ว่างานใด ๆ ก็ตาม หรือแม้แต่การทำอาหาร พวกเขาชอบมาก เพราะว่าซานยาสซี ใช้ให้พวกเขาซักเสื้อผ้า และยังให้นวดเท้าอีกด้วย
“ณ ที่สัมนา เราซิสเตอร์ทั้งสอง ได้ถูกเชิญเข้าไปนั่งที่หน้าเวที ผู้ฟังประหลาดใจว่า เราเป็นใคร พวกเราจะพูดอะไร ในที่สุด ดาดี้แจงกี ก็ได้รับอนุญาตให้บรรยาย ผู้พูดคนอื่น ๆ และผู้ที่ให้การสนับสนุนปรัชญา Adwaitist ที่เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง และโลกวัตถุนี้ทั้งหมด เป็นเพียงสิ่งลวงตา
แต่ดาดี้แจงกี พรรณนาถึงความแตกต่างระหว่างพระเจ้า ดวงวิญญาณ และวัตถุธาตุ เธอพูดอย่างชัดเจนและสวยงาม เกี่ยวกับดวงวิญญาณสูงสุด คุณสมบัติของท่าน และรูปทั้งสามของการสร้าง การทำลายและการหล่อเลี้ยงโลกของท่าน และความจำเป็นในการยืมร่างกายมนุษย์ในการพูด หลายคนรู้สึกว่า พระเจ้าไม่สามารถเป็นจุดแสงซึ่งเล็กมาก ท่านไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขตหรอกหรือ แจงกีดาดี้เปิดเผยว่า ท่านไม่มีขอบเขตในคุณธรรม ในความรู้และในพลังอำนาจ แต่มันไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับท่านที่จะไม่มีที่สิ้นสุดในขนาดที่หยาบ”
“เราทุกคนรู้ว่า มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคน ไม่มีร่างกายที่น่าประทับใจ จักรพรรดิ นโปเลียนรูปร่างค่อนข้างเล็ก มหาตมะคานธีดูอ่อนแอ และบอบบาง และผู้หญิงหลายคน ผู้ซึ่งถูกพิจารณาโดยทั่ว ๆ ไปว่าเป็นผู้อ่อนแอโดยเพศ ได้รับการพิสูจน์แล้ว่า ได้ครอบครองพลังทางดวงวิญญาณมากกว่าผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในความเป็นจริง ชิพบาบาพูดบ่อยครั้งว่า มาม่าสามารถที่จะไปถึงระดับที่สูงสุดของเธอ ได้รวดเร็วกว่าบราห์มาบาบาเสียอีก
การบรรยายของดาดี้แจงกี ทำให้ฝูงชนตะลึง และตกอยู่ในความเงียบ สิ่งที่เธอพูดดูเหมือนว่าจะชัดเจนและเห็นได้ชัด แต่ผู้จัดการสัมนานั้นรู้สึกกลัว คำสอนว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในกลุ่ม ผู้ซึ่งสนับสนุนความเชื่อนี้อย่างรุนแรงที่สุด พวกเขาเห็นว่าเป็นการดูถูก
เพื่อเป็นการตอบโต้ ผู้จัดรายการไม่ยอมให้ซิสเตอร์ Rukmini พูด ถึงแม้ว่าชื่อของเธอจะถูกจัดเข้าในรายการเรียบร้อยแล้ว ผู้ฟังหลายคนต่อว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรม พวกเขาต้องการฟังว่าเธอจะพูดอะไร
วันรุ่งขึ้น สมาชิกลุ่มใหญ่ของคนเหล่านั้น รวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน ที่หน้าที่พักของซิสเตอร์ และแล้วการสัมนาอื่นก็เริ่มขึ้น วันนั้นบาบาได้ให้กำเนิดกับลูกใหม่ ๆ อีกมากมาย
พระอาทิตย์เริ่มฉายแสง
ในปี ค.ศ.1954 การทำงานรับใช้ในญี่ปุ่นก็เริ่มขึ้น มีบัตรเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาโลก หัวข้อหนึ่งของการประชุมคือ “การลงมายังโลกของพระเจ้า” ดาดี้กุมาค่า ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยของพระเจ้า ได้ไปทิ้งระเบิดใส่พวกเขา ณ ที่นั่น
เมื่อก่อตั้งความสงบที่แท้จริงของโลก ทุกหน่วยของบุคคล จะต้องมีจิตใจที่สงบเป็นสิ่งแรก ปัจเจกบุคคลเป็นเครื่องวัดของสังคม มนุษย์สามารถได้รับความสงบของจิต เมื่อการกระทำของเขาดีเท่านั้น เพราะว่า พื้นฐานของความสงบและความไม่สงบ คือการกระทำของแต่ละปัจเจกบุคคล และพื้นฐานของการกระทำก็คือจิต ดวงวิญญาณติดกับอยู่ในวงจรกิเลส เพื่อที่จะหลุดพ้นออกมา บุคคลนั้นจะต้องสร้างวงจรของคุณธรรม นี่คือราชโยคะ ซึ่งความคิดถูกควบคุม ให้ไปสู่เป้าหมายและจุดประสงค์ ซึ่งทั้งสูงส่งและไม่สามารถต้านทานได้ นั่นคือเป้าหมายของการกลายเป็นเทพ
ด้วยการมุ่งสู่เป้าหมายนี้อย่างหนักแน่น สติปัญญาก็ละวางจากโลกปัจจุบัน จิตใจที่ไม่สงบก็เริ่มช้าลง ยุติการติดกับอยู่ในความเร่งรีบของความปรารถนาแห่งวัตถุ บุคคลจะรับรู้ถึงกระแสความคิดซึ่งละเอียดอ่อน ที่แผ่กระจายออกมาจากสิ่งสูงสุด ด้วยการมีการติดต่อด้วยจิตที่บริสุทธิ์กับชิพบาบา ดวงวิญญาณก็เพิ่มพลังในการควบคุมนิสัยที่ให้โทษ ดวงวิญญาณรับรู้ความรับผิดชอบต่อตนเอง จมหายเข้าไปในความรักที่ให้กับบาบา เพิ่มพลังด้วยความศรัทธาที่มั่นคงในชัยชนะของตนเอง ที่ได้รับการค้ำประกัน ดวงวิญญาณผ่านการทดสอบอันแล้วอันเล่า ในตอนจบไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสั่นคลอนมันได้เลย
มีอะไรที่จะต้องทำกับความสงบบนโลก ? ดาดี้บอกพวกเขา ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสงบบนโลก นั่นเป็นความรับผิดชอบของพระเจ้า ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือ การสร้างความสงบขึ้นในตนเอง ความร่วมมือที่พระเจ้าต้องการ นั่นคือเพียงแต่เรากลับมาบริสุทธิ์ สิ่งนี้เราสามารถทำได้เพียงแต่อยู่ในการคิดถึงท่าน สิ่งแรกเราจะต้องรู้จักท่าน และดังนั้น ท่านต้องลงมาบนโลกและแนะนำตัวท่านเอง สิ่งนี้ท่านทำได้แล้ว
ในที่ชุมนุมมีปฏิกิริยาที่ประหลาดใจ ดาดี้ก็อธิบายต่อไป ถึงวิธีการที่พระเจ้าลงมาใช้ร่างและบทบาทของบราห์มา วงจรที่แท้จริงของเวลา โลกวิญญาณที่ซึ่งเราได้จากมา ซึ่งเราจะต้องกลับไปในเวลาไม่ช้านี้ นี่คือเวลาสุดท้าย ในประวัติศาสตร์ของวงจรเวลาโลก
อนันต์ กีชอร์ บราเธอร์อาวุโสคนหนึ่ง ของสถาบันพูดเป็นคนต่อไป ท่านอธิบายต่อไปว่า ระเบิดอะตอมและระเบิดไฮโดรเจน ได้สร้างไว้เพื่อการทำลายโลก และแล้วมันก็จะขยายไป จนกระทั่งจุดศูนย์รวมประชากรทุก ๆ แห่งอยู่ในระยะของการทำลายล้าง สงครามโลกครั้งสุดท้ายไม่สามารถป้องกันได้ เพราะว่าด้วยการมีสงครามนั้นนั่นเอง ที่โลกซึ่งไม่สงบสุขในปัจจุบัน จะถูกทำลายทันที และอย่างเต็มไปด้วยความเมตตา พ่อสูงสุดก็จะพาดวงวิญญาณกลับบ้าน และความสงบก็จะครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก
เพียงแต่วิธีนั้นที่โลกยุคใหม่จะเริ่มขึ้น มีพลเมืองซึ่งเป็นดวงวิญญาณ ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเขาเองมาก่อน พวกเขาได้ครอบครองพลังอำนาจ ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความกลมกลืนอย่างสูงสุด สำหรับอีก 2500 ปีข้างหน้า การวิวาทจะไม่ปะทุขึ้นบนโลก ไม่มีอุบัติเหตุหรือความป่วยไข้จะเกิดขึ้นกับใครแม้แต่คนเดียว ไม่มีความทุกข์ที่มากมายในโลกเช่นทุกวันนี้ ความสุขเป็นอย่างมากมายเหลือล้น ณ ที่นั่น นั่นเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ และนี่เอง ที่ทำไมท่านจึงได้รับการกราบไหว้ตลอดกาล
ผู้ฟังหลายคน ซึ่งมีสติปัญญาที่บิดเบือนไปจากความจริง พวกเขาคัดค้านคำพูดของ อนันต์ กีชอร์ ว่าเป็นสิ่งไร้ค่าและเป็นเรื่องโกหก ยกเว้นแต่สิทธิอำนาจซึ่งเขาพูด และแสงซึ่งฉายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ผู้อื่นซึ่งคิดอย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับเรื่องราวที่พูดสรุปว่า ผู้คนแปลกหน้าจากอินเดีย ได้พูดอธิบายสิ่งที่มีเหตุผล พวกเขา ได้เริ่มตั้งคำถาม กับผู้มาเยือนอย่างเข้าถึงแก่น
“ทำไมท่านจึงคิดว่าเนื้อสัตว์ไม่เหมาะสม?” ผู้ตั้งคำถามยืนกราน “ทุกวันนี้สัตว์ต่าง ๆ และนก ได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล ถ้าหากมนุษย์ ไม่นำมาใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ต่อไปพวกมันก็จะมาย่ำยีเรา”
“ประชากรของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อนันต์ กีชอร์ ยิ้ม นั่นมันก็หมายความว่าเราควรจะเริ่มกินมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วยหรือ พวกเราจะไม่กินซึ่งกันและกัน เพราะว่าเรายอมรับว่าบุคคลนั้น ไม่ได้เป็นเพียงร่างกายเท่านั้น แต่เป็นดวงวิญญาณ ตั้งแต่กำเนิดมาเรารู้ว่าเป็นสิ่งผิด ที่จะทำอันตรายโดยปล่อยให้คน ๆ หนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่ง ผู้ที่ถูกฆ่า ก็จะสามารถแสดงความรู้สึกกลัวของเขาออกมาเป็นคำพูด แต่นกและสัตว์ไม่สามารถพูดได้ ถ้าพวกเขาสามารถพูดภาษาของเรา พวกเขาคงจะถามท่านว่า “ทำไมท่านต้องฆ่าเราและกินเรา” เราจะตอบว่าอย่างไร? มันไม่เป็นธรรม มันเป็นอาชญากรรม มันเป็นความทารุณ มันเป็นบาป การทำให้ใครก็ตามเกิดความทุกข์เป็นบาป การฆ่าสิ่งใด ๆ เป็นอาชญากรรม จากมุมมองของกฏของการกระทำ มันก็ยังเป็นอาชญากรรม ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะให้อภัย”
ตอนนี้ผู้ฟังก็เงียบ คำพูดของบราเธอร์ได้เข้าถึงพวกเขาแล้ว
“ใช่แล้ว” ในที่สุดบางคนก็พูดขึ้น “บางทีท่านอาจจะถูกเกี่ยวกับสัตว์ แต่เกี่ยวกับปลาล่ะ พวกเขาเป็นเพียงผลของท้องทะเล เหมือนกับผลของต้นไม้ที่เกิดบนโลกตามท้องทุ่ง”
อนันต์ กีชอร์ ผงกศีรษะอย่างอ่อนโยน “ท่านเคยเห็นขณะที่ปลากำลังจะตายแล้วใช่ไหม ท่านรู้ว่าเสียงที่ระทมทุกข์ของลมหายใจ ท่านรู้ถึงความเจ็บปวด มนุษย์มีข้ออ้างมากมายเพื่อแก้ตัวที่จะกินพวกเขา มีสิ่งอื่นอีกมากมายที่หาได้สำหรับผู้คนเพื่อกิน ซึ่งดีกว่าปลาอย่างมาก”
บราเธอร์และซีสเตอร์ ได้ทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น พวกเขาได้ค้นพบศาสนานิกาย ซึ่งใช้หินรูปไข่ เป็นสิ่งสำหรับดูเพื่อการทำสมาธิ สมาชิกของนิกายไม่ได้มีความคิดของนัยสำคัญของรูปไข่นี้ พวกเขาพิจารณาว่าหินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และคิดว่าด้วยการเพ่งรวมบนหินรูปไข่นี้ สะพานจะถูกสร้างขึ้น เพื่อเชื่อมต่อระหว่างดวงวิญญาณและพระเจ้า ซีสเตอร์ Latan Mohini ถามพวกเขาว่า ทำไมพวกเขาจึงเลือกหินเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ พวกเขาพูดว่า มันเป็นประเพณี มันนำความสงบมาให้พวกเรา
ลูก ๆ ของบาบาต่างประหลาดใจต่อการมีอยู่ของสัญลักษณ์เช่นนี้ ณ ที่นี่ สำหรับสิ่งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าเป็น ชีวาลิงค์ ภาพสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณสูงสุด คุณลักษณะของผู้ซึ่งทำการสักการะบูชาในวัดทั่วทั้งอินเดีย ซิสเตอร์ Latan Mohini สอนดวงวิญญาณที่กระหายเหล่านี้เพื่อสร้างสะพาน ไม่ใช่ไปหาพระเจ้าที่เป็นหิน แต่ไปยังพระเจ้าที่แท้จริง พวกเขามีความสุขมากที่ได้เรียนรู้การทำสมาธิ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุผลและชัดเจน
ชาวญี่ปุ่นได้จัดการให้มีการพบปะสำหรับพวกเรา สร้างบรรยากาศให้มีการบรรยายและสอนสมาธิ และแปลคำบรรยายของเราแล้วนำไปตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์ของพวกเขาประกาศการมาเยือนของพวกเราอย่างกว้างขวาง นักเดินทางหวนระลึกได้อีกว่า ฮ่องกง มาเลย์ สิงคโปร์ ฯลฯ ก็ได้เชิญเราไปเยี่ยมเยียนด้วย เราอยู่อินเดีย 1 ปี เมื่อพวกเขากลับมา ข่าวการเดินทางไปต่างประเทศถูกตีพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์ของบอมเบย์และ Madras หนังสือพิมพ์อินเดียเอ็กต์เพรสตีพิมพ์เรื่องราวเป็นที่เอิกเกริก ในที่สุด บราห์มากุมารี ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นในบ้านเกิดของตน
No comments:
Post a Comment