Tuesday, March 28, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 3

ความไม่สงบในการประชุมเพื่อความสงบ



แม่ของสถาบัน (Yagya Mata) ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาแห่งความสงบของโลก ที่ฤาษีเกศ (Rishikesh) ซิสเตอร์ มานโมฮีนี ซานตรี, Ganga และบราเธอร์ Anand Kishore ถูกส่งไปร่วมงาน ซิสเตอร์ซานตรีเขียนไว้ว่า  ตัวแทนจากศาสนาหลายประเทศได้มาด้วยเช่นกัน พวกเราซิสเตอร์ ได้ให้คำบรรยายด้วย แต่หลังจากรายการเริ่มได้ 2 วัน ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ก็เริ่มทะเลาะกัน เหตุผลที่โต้เถียงกันก็เพียงว่าจะใช้ภาษาฮินดี หรือ อังกฤษ พูด ณ ที่นั้น ถ้าคนที่จัดการประชุม เพื่อความสงบ ทะเลาะเบาะแว้ง และต่อสู้กันในกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ จนไปถึงขั้นโยนเก้าอี้เข้าใส่กัน แล้วมันจะสามารถเรียกว่าอะไรอีกล่ะ ถ้ามันไม่ใช่ยุคมืดสนิทของศาสนา ณ วันนี้ศาสนาได้เสียไปทั้ง 2 ศาสนาแล้วคือ ศาสนาของความบริสุทธ์และความสงบ ทั้งหมดได้ศิโรราบต่อความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ฯลฯ บทเรียนแรกของศาสนาได้กล่าวว่า เราทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณ และ ความสงบคือศาสนาและธรรมชาติของเรา ดังนั้น การชุมนุมนี้มีเพียงเพื่อพิสูจน์ว่า ศาสนาที่แท้จริงได้สูญหายไปแล้ว และนี่เองทำไมพระเจ้าจึงต้องลงมาด้วยตัวของท่านเอง

“สวามีชีพอนันดา ผู้ซึ่งจัดการประชุม และตัวเขาเองก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงบ วันหนึ่งได้พูดคุยกับเรา เขาได้ถามเกี่ยวกับสุขภาพของบิดาของสถาบัน (บราห์มาบาบา) และพูดว่า ตามความเป็นจริง ด้วยการยกระดับผู้หญิงเป็นจำนวนมาก ขึ้นสู่ความบริสุทธิ์และเป้าหมายเช่นนี้ งานของท่าน ชั่งน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นเขาถามว่า พวกท่านไม่เคยทะเลาะกันเลยหรือ ที่ภูเขาอาบู พวกเราตอบว่า “ไม่เคย” พวกเราได้เรียนรู้ที่จะมองกันและกัน ว่าเป็นดวงวิญญาณ และแสดงออกซึ่งความอดทน และ ความอดกลั้น เราไม่ได้ดูกิเลสของแต่ละคน เราดูเพียงแต่คุณธรรม เราอยู่ด้วยการสละละวาง และขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความรัก
ชีพอนันดา พูดว่า “มหัศจรรย์จริง ๆ ! ตัวฉันเองได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะนำผู้หญิงมารวมกัน เพื่อยกระดับทางจิตวิญญาณ ในความเพียรพยายามของฉัน ที่จะทำอย่างนี้ 3-4 ครั้ง ฉันไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาทะเลาะกัน เมื่อฉันได้ยินว่าพวกเธอ ทั้ง แม่ ๆ และผู้หญิง 300 ชีวิต อาศัยอยู่ร่วมกัน 14 ปี มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริง ๆ กลับไปบอกดาด้าให้ส่งแม่บางคน ผู้ซึ่งสามารถให้บทเรียนกับฉันได้ แล้วฉันก็บอกเขาว่า งานของเรามีชีว่า เป็นผู้นำด้วยตัวท่านเอง และดาด้าก็เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่มีใคร นอกจากพระเจ้าเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของเราสูงส่งและสูงกว่า”

ช่วงเวลานี้ การทำงานรับใช้ ได้ก้าวหน้าอย่างมากในเดลลี การชุมนุมที่เป็นปกติได้ขยายตัว และเกิดขึ้นที่นั่น แต่หลังจาก 2 เดือน พวกซิสเตอร์ต้องการกลับบ้าน เหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องการออกไปนอกบ้านเพื่อทำธุรกิจ ลูก ๆ ของสถาบัน คิดถึงพ่อของพวกเขา พวกเขาไม่ได้มีความปรารถนาที่แท้จริงที่จะทำงานรับใช้ในการสั่งสอนผู้คน ดังนั้น บาบาจึงต้องเติมพลังให้กับพวกเขา ให้มีความรับผิดชอบต่อมนุษย์อื่น ๆ บาบาเคยพูดว่า “ลูก ๆ ดวงวิญญาณทั้งหมดบนโลกนี้ เป็นพี่น้องของลูก ลูกจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือต่อผู้ที่ไม่มีใครช่วยเขาได้ ลูกจะต้องทำให้อินเดียทั้งหมดสูงส่ง สายน้ำจะไม่หยุด ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่มันจะไหลจากเมืองสู่เมือง มันช่วยดับความกระหายของวิญญาณที่ใฝ่หาความสงบและความสุข”

หลังจากได้ยินการอธิบายที่ทรงพลังของบาบา ซิสเตอร์ทั้งหมดก็นั่งลง และวางแผนสำหรับงานรับใช้ของพระเจ้า จุดสนใจที่เป็นเป้าหมายของบาบา คือ เมืองหลวงของอินเดีย เดลลี บาบาพูดว่า ที่นั่นรัฐบาลของยุคใหม่จะถูกตั้งขึ้น

ในช่วงเวลานี้ มีบราเธอร์และซิสเตอร์บางคน ของที่ชุมนุมในเดลลี ได้เขียนจดหมายมายังบิดาและมารดาของสถาบัน พวกเขาเขียนว่า “การชุมนุมทางดวงวิญญาณจะต้องมีขึ้นอีก B.K. ซิสเตอร์ทิ้งพวกเราไป” พวกเขาขอร้องว่า B.K เหล่านั้นควรจะกลับมา ดังนั้น บาบาจึงสร้างแรงบัลดาลใจอีกครั้ง สำหรับ ลูก ๆ ให้กลับไป ตอนนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงแต่ชั้นเรียนตอนเช้า และตอนเย็นที่เริ่มไว้แล้วเท่านั้น รายการบรรยายได้ถูกจัดขึ้นไปทั่วบริเวณ
“พวกเราได้ไปยังกุมบามีล่า (Kumbha Mela – ที่ชุมนุมของชาวฮินดูที่มารวมกันเป็นล้าน ๆ คน เพื่อที่จะอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ด้วยความหวังว่าจะถูกชำระให้บริสุทธิ์) เพื่อให้คำบรรยายที่นั้นด้วย”  ซิสเตอร์ Gangaji รื้อฟื้นความจำ ผู้คนเชื่อว่าด้วยการอาบน้ำในแม่น้ำ ดวงวิญญาณจะถูกชำระให้สะอาด ดูเหมือนไม่มีใครสักคนจะเข้าใจว่า พวกเขาจะต้องชำระดวงวิญญาณในน้ำของความรู้ เพื่อทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ดวงวิญญาณจะต้องชุ่มโชกอยู่ในคุณสมบัติที่สูงส่ง การคิดว่าเพียงแต่นำร่างไปแช่อยู่ในแม่น้ำคงคา จะทำให้คนบริสุทธิ์ คือความเชื่อที่มืดบอด

แต่พิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ดำเนินต่อไป และฝูงชนก็เพิ่มมากขึ้น และเริ่มต้นสู้กันว่าใครควรจะได้รับอนุญาตให้ลงไปอาบน้ำก่อน เป็นคนแรก สะพานได้หักลง เพราะว่าน้ำหนักของมนุษย์ทั้งหมด มีคนเป็นจำนวนมากจมน้ำตาย แต่กระนั้น บทเรียนนี้ก็ไม่มีใครสำนึกรู้ การเฉลิมฉลองที่งมงายก็ดำเนินต่อไป

ดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้น คิดว่าดวงวิญญาณนั้นไม่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำ และดังนั้น จึงไม่มีการทำความเพียรพยายามที่จะเปลี่ยนสันสการ์ของพวกเขา ที่จะพิชิตความอ่อนแอภายในของพวกเขา พวกเขาจึงมอบงานนั้น ให้อยู่ในความรับผิดชอบของแม่น้ำคงคงเท่านั้น

“หลังจากที่เห็นสภาพจิตใจของคนอินเดียที่มีหัวใจที่ใสซื่อ เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจ เราจะปลดปล่อยเขาจากโซ่ตรวนของการทำสักการะบูชา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาได้ทำลายตัวเอง ในความเชื่อที่มืดบอดนี้ พวกเขาเสียทั้งเวลา เงินทอง และกำลังงาน ให้กับการเฉลิมฉลองการพบปะที่สูญเปล่านี้เป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้คนเป็นล้าน ๆ ไม่มีจะกิน แม้แต่รัฐบาลอิสระของอินเดียก็สนับสนุนการพบปะนี้ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำเงินตรา ด้วยการเก็บภาษีผู้แสวงบุญและด้วยการให้บริการรถไฟ ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ ขณะที่คลื่นยักษ์ของฝูงชนผู้มืดบอดหลั่งไหลอยู่บนถนน รามกับอยู่ในทะเลมนุษย์ บัดนี้ เราเข้าใจถึงความสำคัญของงานรับใช้ของเรา ที่จะให้กับชาวอินเดีย งานนี้ไม่มีผู้ใดที่จะทำ”
“ศาสนาได้กลายเป็นธุรกิจ โซ่ตรวนของกูรูที่หลอกลวง ได้ผูกมัดประชาชนไว้ ความโศกเศร้าอาดูรได้เผาไหม้อยู่ในดวงใจทุกดวง เพื่อที่จะไถ่ถอนความไม่สงบสุขของลูก ๆ ชีว่า ดวงวิญญาณสูงสุดได้ลงมายังโลกแล้ว”


No comments:

Post a Comment