Tuesday, October 31, 2023

คุณธรรม - ความจริง (Truthfulness)


 เมื่อมีความจริง ดวงวิญญาณก็ร่ายรำอย่างต่อเนื่อง ดวงวิญญาณที่มีแต่ความจริงจะร่ายรำอยู่อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ความสุขของพวกเขาจะไม่มากในบางครั้งและน้อยในบางครั้ง วันแลัววันเล่า    ทุก ๆ ขณะ ความสุขของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (อเวียก 11/12/91)

ถ้าแทนที่จะมีพ่อผู้เดียว ถ้าลูกรับแม้แต่ในความคิดว่าดวงวิญญาณใด ๆ หรือเครื่องมือใด ๆ ของธรรมชาติเป็นของลูก ถ้าลูกยอมรับการช่วยเหลือนั้น แล้วการทำงานของเครื่องจักรของพระเจ้าก็จะทำงานอย่างอัตโนมัติ ด้วยความเร็วเช่นนี้ นั่นคือวินาทีที่ลูกทำให้ใครก็ตามเป็นเครื่องค้ำจุน ณ วินาทีนั้น ความคิดและสติปัญญาก็ก้าวห่างไปจากพ่อ และเพราะว่าสติปัญญาก้าวห่างไปจากพ่อผู้เป็นความจริง มันก็เริ่มยอมรับอะไรที่ไม่จริงว่าเป็นจริง มันเริ่มรับสิ่งผิดว่าถูก มันเริ่มที่จะให้การตัดสินที่ผิด ไม่ว่าคนอื่น ๆ จะอธิบายให้เขาฟังเท่าใด ว่าสิ่งนั้นมันไม่ถูกต้อง พวกเขาก็จะพิสูจน์ว่าสิ่งซึ่งถูกต้องและเป็นจริงว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริงด้วยอำนาจของความหลอกลวง และพิสูจน์ว่าผู้ที่พยายามอธิบายให้เขาฟังนั้นผิดด้วย ชัยชนะของความหลอกลวงนั้นมีอายุที่สั้น  ทำไมหรือ อาณาจักรของความหลอกลวงเป็นไปเพียงชั่วคราว ความพ่ายแพ้ของความจริงนั้นสั้น และชัยชนะของมันนั้นเป็นไปตลอดเวลา (อเวียก 24/09/92)

รากฐานของความจริงคือความบริสุทธิ์ และการพิสูจน์ในทางปฏิบัติของความจริงคือความสูงส่งบนใบหน้าของลูก และในการกระทำของลูก ดวงวิญญาณมากมายในโลกเรียกตนเองว่าเป็นความจริง  หรือคิดว่าตนเองนั้นเป็นความจริง แต่พื้นฐานของความจริงที่แท้จริงคือความบริสุทธิ์ ถ้าไม่มีความบริสุทธิ์ ก็จะไม่สามารถมีความจริงอย่างสม่ำเสมอ เป็นรูปธรรมของความจริงบนพื้นฐานของความบริสุทธิ์นั้นคงที่และง่ายดาย ความจริงนั้นไม่ใช่เป็นเพียงการพูดความจริงและทำสิ่งที่เป็นความจริง แต่ความจริงสิ่งแรกนั้นคือ โดยผ่านอำนาจของความบริสุทธิ์หรือำนาจของความจริง ซึ่งลูกได้รับมา 

ดังนั้นประเด็นแรกคือการรู้จักรูปที่แท้จริงของลูก : ฉันคือดวงวิญญาณ ลูกไม่เคยรู้จักรูปที่แท้จริงเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นความจริงแรกคือ การรู้จักรูปที่แท้จริงของตัวลูก ลูกมีรูปที่เป็นจริงบนพื้นฐานของ "ฉันเป็นนั่นเป็นนี่" หรือ "ฉันเป็นเช่นนั้นเช่นนี้" หรือไม่ การรู้จักรูปที่แท้จริงก็คือ สิ่งแรกที่ลูกจะต้องรู้จักรูปของลูก และแล้วก็รู้จักพ่อ ลูกรู้จักรูปที่แท้จริงของลูกดีไหม และลูกมีคำสอนที่แท้จริงของพ่อหรือไม่ สิ่งที่สาม ลูกรู้จักวงจรโลกด้วย ในรูปที่แท้จริงของมัน วงจรนี้เป็นอะไรและบทบาทในอดีตของลูกในวงจรเป็นอะไร

ลูกมีอำนาจของความจริงอย่างสม่ำเสมอ  เพียงเมื่อลูกมีสำนึกของรูปของความจริงของตนเองและของพ่อ แล้วดังนั้น ทุก ๆ ความคิดของลูกจะเป็นความจริงอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเป็นการพิสูจน์ความจริง ไม่มีความจำเป็นจะต้องพิสูจน์มัน ถ้าลูกพิสูจน์ความจริงของตัวลูกเองด้วยความดื้อดึง ความสูงส่งนั้นก็จะไม่สามารถส่งประกายให้เห็น มันจะกลายเป็นบางสิ่งที่ธรรมดา เพราะว่าทุกคนในโลกก็ทำเช่นนี้ บัพดาดาให้คำจำกัดความของสัญลักษณ์ของความจริงในสุภาษิตหนึ่ง ซึ่งลูกได้ยินมาจากซาคาร์บาบาว่า ความจริงจะเห็นได้อย่างไร ที่ใดมีความจริง ที่นั่นดวงวิญญาณร่ายรำ ดวงวิญญาณจะร่ายรำในความสุขอย่างสม่ำเสมอ

ความหมายของความจริงคือ ความมั่นคงอยู่ในรูปของลูก และแล้วก็สร้างความคิด พูดคำพูด และแสดงการกระทำ

เพื่อที่จะดูดซึมพลังอำนาจของความจริง ลูกก็ต้องมีอำนาของความอดทนด้วย ด้วยอำนาจของความจริง ก็จะดูดซับความสูงส่ง ไม่สำคัญว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกต้องอดทน อย่าได้กลัว ความจริงจะปรากฏโดยอัตโนมัติตามเวลาของมัน ลูกพูดว่า "เรือแห่งความจริงอาจจะโคลง แต่มันจะไม่จม" ในกรณีนั้นมันจะพาลูกไปสู่ฝั่ง ดังนั้น อย่าได้กลัว ถ้าลูกต้องเผชิญกับสิ่งใดก็ตาม จงนำชีวิต     ของบราห์มาบาบาไว้เบื้องหน้าลูก มีสถานการณ์ของโลกมากมายมาอยู่ต่อหน้าบราห์มาบาบา และมีเหตุต่าง ๆ มากมายเกี่ยวข้องกับลูก ๆ อย่างไรก็ตาม ขณะที่คงอยู่ในการชุมนุม และมีความรับผิดชอบ ด้วยอำนาจของความจริง ท่านได้รับชัยชนะ (อเวียก 27/02/96)

ความนิยมตามสมัยมีอย่างมากมาย อย่าได้ถามเลย คนรวยทำลายความจริงในตนเอง คนจนนั้นดีมาก (ซาคาร์ 19/06/96)

วันนี้พ่อที่แท้จริง ครูและสัตกูรูที่แท้จริง ดูลูก ๆ ของท่านในทุกทิศทุกทาง ผู้ซึ่งเป็นรูปธรรมของอำนาจของความจริง

ทุกวันนี้ลูกใช้ภาษาที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง ลูกพูดว่าอะไร เราไม่สามารถทนดูความหลอกลวงใด ๆ เราไม่สามารถทนฟังความหลอกลวงใด ๆ และนี่เองที่ทำไมเมื่อเราเห็นบางสิ่งไม่จริงก็จะมีแรงต้านอย่างมากมายภายใน เมื่อเราได้ยินบางอย่างไม่จริง ก็จะมีแรงต้านภายในอย่างมาก คำพูดเช่นนี้ถูกต้องไหม จะทำสิ่งนี้เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็น ฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็นและทำให้สิ่งหลอกลวงหมดไป การท้าทายด้วยวิธีนี้ถูกต้องใช่ไหม หรือมันไม่ถูกต้อง ลูกทำดีในบางสิ่งเมื่อลูกทำมันเสร็จใช่ไหม ดังนั้นจงจำไว้เสมอว่า อะไรเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งหลอกลวง ผู้ที่ทำตามความจริงและต้องการจะหยุดยั้งสิ่งหลอกลวง  มีความปรารถนาดีที่เขาต้องการจะทำให้สิ่งหลอกลวงหมดไป อย่างก็ไรตาม เพื่อที่จะให้ความหลอกลวงหายไป ลูกก็ต้องการอำนาจของความจริงด้วยเช่นกัน 

ดังนั้นการใช้กำลังและความโกรธเป็นสัญลักษณ์ของความจริงหรือ มันจะมีการใช้กำลังด้วยหรือเมื่อมีความจริง ถ้าฉันรูสึกโกรธก็เพราะได้เห็นบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ฉันโกรธเมื่อได้เห็นบางสิ่งผิด ถูกต้องไหม มันไม่ถูกต้อง ลูกจะไม่รู้สึกร้อนหรือเมื่อบางคนจุดไฟขึ้น หรือลูกอยู่ได้อย่างไม่ถูกกระทบจากความร้อน ถ้าลูกมีความรู้ว่าสิ่งนั้นคือไฟของความหลอกลวง และลูกก็สามารถที่จะรู้สึกถึงความร้อนนั้น และลูกจะทำอะไรสำหรับตัวเอง ลูกจะดูแลตนเองให้ปลอดภัย ใช่ไหมลูก  หรือลูกจะพูดว่าลูกไม่สามารถหลบหนีจากความร้อนที่มาจากไฟ ลูกจะดูแลตนเองให้ปลอดภัย ใช่ไหม หรือว่าไม่เป็นไร ถ้าจะถูกไฟลวงสักเล็กน้อย 

ดังนั้นจงจำไว้เสมอว่า สัญลักณ์ของความจริงคือ มารยาท  ถ้าลูกเป็นคนจริงและลูกมีอำนาจของความจริง แล้วลูกก็จะไม่ยอมละทิ้งมารยาทของลูก จงพิสูจน์ความจริง แต่ด้วยมารยาทอย่างแท้จริง ถ้าลูกละทิ้งมารยาทของลูก และต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงโดยปราศจากมารยาท ลูกก็จะไม่สามารถพิสูจน์ความจริง ในความจริงอะไรเกิดขึ้น นั่นคือ ลูกปรารถนาจะพิสูจน์ความจริง แต่ถ้าลูกละทิ้งมารยาทของลูกและพิสูจน์ความจริง และแล้วการพิสูจน์นั้นก็จะเป็นความดื้อดึง ไม่ใช่การพิสูจน์ สัญลักษณ์ของการขาดมารยาท คือ ความดื้อดึง และสัญลักษณ์ของมารยาทคือ ความถ่อมตน ผู้ซึ่งพิสูจน์บางสิ่งที่ผิดว่าเป็นความผิดจะคงอยู่อย่างถ่อมตนเสมอ และจะมีการโต้ตอบด้วยมารยาท ดังนั้น ลูกเคยได้ยินเกี่ยวกับความฉลาดชนิดที่สองหรือไม่ ดังนั้นจงฉลาดในหนทางเช่นนี้ นี่คือการบ้าน จงเลิกความฉลาดเช่นนี้เสียและกลายเป็นผู้ถ่อมตน ถ่อมตนอย่างสมบูรณ์แบบ การพูดว่า "ฉันถูก คนนี้ผิด" ไม่ใช่ความถ่อมตน

ผู้คนทางโลกก็พูดเช่นนี้เช่นกัน ถ้าใครบางคนต้องการจะพิสูจน์ความจริง แล้วมีบางสิ่งหรือบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง นี่ก็ได้กลายเป็นคำพูดของลูก ๆ บางคน "ฉันกำลังพูดความจริงทั้งหมด ฉันพูดความจริง 1000 เปอร์เซ็น" แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ความจริง ความจริงนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ ซึ่งไม่สามารถหลบซ่อนอยู่ได้ ไม่ว่าจะมีกำแพงสักกี่ชั้น แสงแห่งความจริงก็ไม่สามารถถูกบดบังได้ บุคคลที่เป็นคนจริงจะไม่เคยพูดว่า "ฉันกำลังบอกความจริง" ถึงแม้ว่าบางคนอาจพูดว่าลูกกำลังพูดความจริง (อเวียก 15/04/92)

ในฐานะที่มีการพูดกันว่า ผู้ที่มีศรัทธาในสติปัญญาจะพูดความจริงเสมอ บางคนมีศรัทธาในสติปัญญาในการรู้ บางคนมีศรัทธาในสติปัญญาในการเชื่อ และบางคนมีศรัทธาในสติปัญญาที่จะกลายเป็นสิ่งที่เขาศรัทธา ทุกคนเชื่อว่าพวกเราได้พบพระเจ้าแล้ว พวกเราเป็นของพระเจ้า การเชื่อและการรับรู้เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในการที่จะกลายเป็นสิ่งนั้นลูก ๆ ก็ต่างลำดับกัน ดังนั้นลูกรู้และลูกก็เชื่อด้วย แต่สภาวะที่สามหลังจากรู้และเชื่อคือ การกลายเป็นสิ่งนั้น ในทุก ๆ ย่างก้าว สัญลักษณ์ของการกลายเป็นผู้พิชิตควรจะเห็นได้ในรูปของการปฏิบัติ เพราะว่ามีความแตกต่างในสิ่งนี้ มีอันดับต่าง ๆ ลูกเข้าใจไหมว่าอันดับนัันถูกสร้างขึ้นอย่างไร นี่คืออะไรที่หมายถึงการเป็นอิสระจากการผูกพันยืดติด

สติปัญญาที่มีศรัทธา คือบันไดที่จะกลายเป็นผู้ที่มีอิสระจากการผูกพันยึดติด (อเวียก 25/11/85)

ผู้ซึ่งพิสูจน์ความจริง จะมีมารยาทเสมอ (อเวียก 11/12/91)


จากหนังสือ "55 คุณธรรมดั้งเดิมของดวงวิญญาณ" (The original virtues of the soul) ถอดความโดย BK.ทรงยศ เปี่ยมใจ


No comments:

Post a Comment