การฝึกฝนราชโยคะนั้นต้องมีพื้นฐานตามหัวข้อต่อไปนี้
ความรู้ของพระเจ้า
ความรู้เป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความทรงจำทุกอย่างแม้แต่ในความสัมพันธ์กันทางโลก เราต้องมีการแนะนำให้รู้จักกันเพื่อสร้างสายใยแห่งมิตรภาพ ความรักและความสัมพันธ์ การรู้จักและการติดต่อ ก่อให้เกิดการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ปราศจากการรู้จักหรือมีความรู้ ก็ไม่มีประสบการณ์ชีวิตและเข้าใจความหมายของความสัมพันธ์ใด ๆ
ความเข้มข้นในการฝึกปฏิบัติและความเข้าใจสาระสำคัญและขอบเขตของความรู้ที่ได้รับเป็นสัดส่วนโดยตรงต่อผลของความถูกต้อง ซึ่งสามารถจะแสดงให้เห็นได้โดยตัวอย่างในสัมพันธ์ของเด็กและพ่อแม่ แม้ว่าความสัมพันธ์ของเด็กกับพ่อแม่จะเริ่มต้นทันทีหลังจากที่เขาเกิด แต่ประสบการณ์ในทางปฏิบัติของความสัมพันธ์นี้จะรับรู้หลังจากที่เขาจำพ่อและแม่ของเขาได้ อีกอย่างหนึ่ง ขณะที่เด็กยังเล็ก ๆ อยู่ เขาเพียงแต่จำรูปร่างหน้าตาของพ่อแม่ไ้ด้ เมื่อเด็กโตขึ้นเขาก็เริ่มจะรับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนิสัย ประเพณีของครอบครัว สังคมและสถานภาพทางการเงินและรายละเอียดอื่น ๆ ของพ่อแม่ นี่เองที่ทำให้เขาเข้าใจลึกซึ้งถึงสาระสำคัญของความสัมพันธ์นี้ เช่นเดียวกัน ความรู้ที่สมบูรณ์และถูกต้องเกี่ยวกับชื่ออันเป็นอมตะ รูปของดวงวิญญาณ ที่อยู่อาศัยสูงสุดและการกระทำที่สูงส่งของพระเจ้าพ่อสูงสุดและเป็นแม่ของดวงวิญญาณทั้งหมดด้วย นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีก่อนเพื่อก่อให้เกิดการรับรู้การกระทำและสายใยแห่งความรักที่เต็มไปด้วยความหมายและความสัมพันธ์กับท่านซึ่งสรุปลงในคำว่า โยคะ
ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพระเจ้านี้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกโยคะกับท่าน เหมือนอย่างเช่นหญิงสาวที่ยังไม่มีการหมั้นก็ไม่สามารถจำคู่หมั้นของเธอได้ ผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีชื่อ ไม่มีรูป หรือผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง หรือตัวเองเป็นพระเจ้า จะไม่สามารถที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพใด ๆ กับพระเจ้าได้ การฝึกโยคะของพวกเขานั้นอยู่ในขอบเขตของความไม่เป็นจริงและไม่มีผลเหมือนกับการติดต่อด้วยโทรศัพท์นั้นต้องหมุนหมายเลขที่ถูกต้องจึงจะสามารถติดต่อกันได้ เช่นเดียวกัน โยคะหรือการติดต่อกับพระเจ้าชีว่าจะทำให้ถูกต้องได้เมื่อจดจ่อจิตใจไปที่ท่าน ซึ่งหมายถึงการมีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับรูป ที่อยู่อากศัย ฯลฯ ของท่าน
ศรัทธา
มีคำพูดว่า "ศรัทธา" นั้นสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้ ความรู้ให้แสงสว่างซึ่งนำไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ในขณะที่ความศรัทธาเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความมั่นใจและช่วยในการหล่อเลี้ยงความเพียรพยายามและความกระตือรือร้นที่จะต้องมีเพื่อการบรรลุถึงจุดประสงค์สูงสุด อะไรก็ตามที่เชื่ออย่างมั่นคงก็สามารถปฏิบัติอย่างง่ายดาย ศรัทธาเป็นพลังในการหล่อเลี้ยงของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนทั้งหมด เมื่อสองคนได้มาเป็นเพื่อนกัน การวางตัวของพวกเขาก็เป็นกันเองมากขึ้น มนุษย์ได้สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยทัศนคติทางจิตใจต่าง ๆ ซึ่งความศรัทธานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์จะต้องมีทั้งเหตุผลและทัศนคติของจิตใจที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ความรู้ทำให้คนพัฒนาด้วยความเข้าใจด้วยเหตุผล ขณะที่ศรัทธาเป็นฐานแห่งความเลื่อมใสบูชา
ศรัทธาจะมีได้เมื่อเหตุผลที่อยู่ในความรู้ของพระเจ้าได้เปิดเผยตัวมันเอง ไม่มีที่ว่างสำหรับความศรัทธาที่มืดบอดในหนทางแห่งความรู้ของพระเจ้า ศรัทธาจะเพิ่มขึ้นและมั่นคงโดยบุคคลที่มีประสบการณ์ ความก้าวหน้าในหนทางของราชโยคะต้องการความศรัทธาเต็มร้อยว่าพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดความรู้ที่แท้จริงของพระเจ้า และท่านจะสัมผัสได้โดยผ่านประชาปิตาบราห์มา ณ ยุคแห่งการบรรจบพบกันของเวลาปัจจุบันนี้ ท่านแสดงให้เห็นถึงศรัทธาที่เต็มเปี่ยมต่อความรู้ของพระเจ้า และในมรดกของสถานภาพของการหลุดพ้นจากบ่วงพันธะในขณะที่มีชีวิตที่เป็นเทพด้วย ซึ่งพระเจ้ามอบให้ ในสวรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา หลังการตัดสินครั้งสุดท้ายและผู้ที่เต็มไปด้วยความศรัทธาก็จะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ
ความสัมพันธ์
จะสังเกตได้ว่าบุคคลสามารถจำความสัมพันธ์ทางโลกของเขาอย่างทันที ไม่มีความเพียรพยายามใด ๆ ในการทำสิ่งนั้น ความถี่และความเข้มขันของความสัมพันธ์มีความเกี่ยวข้องกับความใกล้ชิดและความสนิทสนมของความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่นในกรณีของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อหรือแม่และลูก หรือคนรักและผู้เป็นที่รัก การจำที่ฝังรากลึกลงไปในจิตใจนั้นมันยากที่จะลืมได้ ถ้าปราศจากความสัมพันธ์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับประโยชน์จากแหล่งที่ทรงพลัง แต่ถ้ามีความสัมพันธ์ทุกสิ่งเป็นประโยชน์ก็จะไหลมาโดยอัตโนมัติ
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะสร้างสัมพันธ์กับผู้ซึ่งสามารถจะช่วยเขาได้ในเวลาที่เขาต้องการ บัดนี้ ความสัมพันธ์ทางโลกทั้งหมดมีอายุสั้นและสามารถที่จะช่วยได้อย่างมีขีดจำกัด
พระเจ้าเป็น :
1. ผู้ที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านไม่ต้องการสิ่งใด ๆ สำหรับตัวท่านเอง
2. มีความเป็นกลางอย่างสมบูรณ์
3.เต็มไปด้วยพลังทั้งหมด และ
4. คงอยู่ตลอดไป
คุณลักษณะพิเศษเหล่านี้ของพระเจ้าไม่เคยพบเห็นในความสัมพันธ์ทางโลก ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงเป็นเพื่อนและญาติที่ดีที่สุดของมนุษย์ ดังนั้น จึงได้รับสมญาที่สูงส่งเช่น ผู้เป็นที่รักที่สุด ผู้ที่น่ารักที่สุด ฯลฯ
พระเจ้าได้ให้การหลุดพ้นจากบ่วงพันธะในขณะที่มีวิต ในโลกของเทพที่มีการปกครองตัวเองถึง 21 ชาติเกิดต่อเนื่องกันไป ในสวรรค์ซึ่งมีสถานภาพที่สูงที่สุดที่มนุษย์ปรารถนาจะได้ ถึงแม้ว่ามนุษย์จะร้องสรรเสริญท่าน และยกย่องท่านว่าเป็นพ่อและแม่สูงสุด เป็นครูและเป็นผู้นำทางดวงวิญญาณ ผู้นำทางและเป็นผู้กู้ภัย ผู้ไถ่บาป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จะคิดถึงหรือสวดอ้อนวอนเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเป็นแหล่งสุดท้ายเมื่อทุกคนทิ้งพวกเขาไป เราควรจะถามตนเองว่าทำไมดวงวิญญาณควรจะต้องทนทุกข์จากความทุกข์และความโศกเศร้า ในเมื่อเราเป็นลูกที่เป็นอมตะของพระเจ้าดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ซึ่งมีพลังอำนาจทั้งหมดที่ทำลายความทุกข์ได้ เป็นนายของทั้งสามโลกและเป็นมหาสมุทรของคุณธรรมทั้งหมด เหตุผลง่าย ๆ ก็คือมนุษย์ได้ลืมเลือนสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าทั้งหมด
ความรักทำให้การจำนั้นง่ายดาย
มนุษย์ใช้โทรศัพท์ วิทยุ การควบคุมทางไกล ฯลฯ เพื่อการติดต่อในระยะไกล เครื่องใช้ทั้งหมด เหล่านี้ใช้พลังไม่ในรูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง เช่น แสง เสียง ไฟฟ้า แม่เหล็ก ฯลฯ พระเจ้าไม่ใช่วัตถุแต่เป็นสิ่งที่ละเอียดที่สุด เป็นสิ่งที่มีชีวิตไม่สามารถรับรู้ได้โดยผ่านประสาทสัมผัสทางกายใด ๆ
มีเพียงแต่พลังอำนาจความคิดซึ่งเป็นพลังอำนาจทางดวงวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถทำให้มีการเชื่อมต่อกับพระเจ้าได้ ความคิดสามารถไปถึงพระเจ้าผู้ปราศจากร่างที่อาศัยอยู่ในพารามธรรม ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตที่ไกลที่สุดโดยไม่ต้องใช้เวลา พลังอำนาจความคิดนี้เป็นวิธีทำงานโดยการคิดถึงพระเจ้าด้วยความตั้งใจ โดยผ่านการทำสมาธิหรือราชโยคะ การสัมผัสกับพระเจ้าสามารถทำได้ถ้าการจำนั้นอยู่บนฐานของความรู้ของพระเจ้าควบคู่กับความรักที่ลึกซึ้ง ความคิดที่โลดแล่นไปจะต้องได้รับการชี้นำโดยแสงสว่างของความรู้ซึ่งเป็นเครื่องสนับสนุนและเป็นพลังขับเคลื่อนความรักอันทรงอำนาจ ความรักเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งนำมาซึ่งการสัมผัสและการติดต่ออันสูงส่งนี้
โยคะคือการเชื่อมต่อด้วยความรักกับพระเจ้า เมื่อมีความกระตือรือร้นอย่างมากมายและมีความรักที่เปี่ยมล้นต่อพระเจ้าทำให้หัีวใจของโยคีวิ่งไปหาท่านและแนบอยู่ในความคิดถึงผู้ที่เป็นที่รักเพียงผู้เดียวไม่มีผู้ใดอื่น มันจะต้องเป็นความปรารถนาและความต้องการที่ตอกตรึงความรู้สึกไว้กับพระเจ้า มีผลให้เกิดความคิดเดียวแห่งการบูชาด้วยความรักและซาบซึ้งอยู่ในความสูงส่ง ความรักเช่นนี้ทำหน้าที่เหมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่จะทำให้ผู้นั้นอยู่ในสภาวะซึ่งเขาพร้อมที่จะนำนิสัยที่แข็งกระด้างของเขาออกมาสังเวยบนแท่นบูชาแห่งความรักที่สูงส่งนี้
ราชโยคะทำให้มีการชำระจิตใจและเปลี่ยนแปลงความรักของมนุษย์ และความรักก็สามารถที่จะเปลี่ยนรูปได้โดยง่าย โดยเปลี่ยนรูปของความรักนั้นไปเป็นความรักต่อดวงวิญญาณทั้งหมด ในตอนแรกความรักของเด็ก ๆ ก็มีต่อแม่ของเขา ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นความรักต่อเพื่อนที่เล่นด้วยกัน และหลังจากแต่งงานเขาก็ไปรักภรรยา และต่อจากนั้นก็ไปรักลูก ๆ ของเขาแทน การเปลี่ยนความรักทางโลกไปเป็นความรักทางดวงวิญญาณต่อพระเจ้า เรียกว่า โยคะ สรุปง่าย ๆ โยคะคือการคิดถึงพระเจ้าด้วยความรัก.
จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK.เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ
No comments:
Post a Comment