Thursday, May 9, 2013

หนทางของการสละละทิ้ง Sanyas



หนทางของการสละละทิ้ง หรือ ซานยาส (Sanyas)
หนทางของซานยาส (การสละละทิ้ง) เริ่มขึ้นโดย อดิสังฆราจารย์ (Adi Shankaracharya) ในยุคทองแดง และดำเนินสืบต่อมาโดยผู้ติดตามของเขา เป็นผู้สละละทิ้งโลกและอุทิศชีวิตของพวกเขาเพื่อการเข้าถึงพระเจ้า โดยผ่านการทรมานตนและสวดมนต์ เดิมทีซานยาสเคยอยู่ในความศรัทธาที่ดีเพื่อเข้าถึงพระเจ้า ซานยาสซี ก็คือ ผู้ทำตามของหนทางนี้ ตั้งสัตย์ปฏิญาณอย่างเข้มงวดที่จะถือพรหมจรรย์และละทิ้งชีวิตครอบครัว ความคิดเกี่ยวกับการละทิ้งสิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุที่ครอบครองไว้ทางโลกได้ถูกสอนไว้ในทุกศาสนา มันเป็นคำสั่งที่ศักดิ์สิทธิ์และมีการยอมรับกันและคำสาบานที่จะอยู่ในการถือพรหมจรรย์นั้นหมายถึงการละทิ้งชีวิตอย่างชาวโลก ซึ่งหมายถึงชีวิตครอบครัวก็จบสิ้นลงด้วย

ซานยาส เมื่อก่อน และ ปัจจุบัน
ในระยะแรก ๆ ซานยาสซี ได้รับพลังอำนาจภายในมาบ้างจากการถือพรหมจรรย์และดำเนินชีวิตอยู่ในระเบียบการฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีผลยับยั้งให้ผู้คนซึ่งได้กลายมาเป็นผู้มีสำนึกแห่งความเป็นร่างและหมกมุ่นในกิเลสเสื่อมช้าลง ผู้คนถูกดึงดูดด้วยพลังอำนาจแห่งพรหมจรรย์ของพวกเขาโดยอัตโนมัติ และพวกเขาก็นำอาหารและสิ่งจำเป็นต่อชีวิตและสิ่งอื่น ๆ มาให้ซานยาสด้วยความเคารพในความบริสุทธิ์ของพวกเขา แต่วันนี้ ชีวิตของผู้คนมีแต่กิเลสตัณหา ซานยาสจึงติดเชื้อความชั่วร้ายของกิเลสที่แผ่กระจายไปทั่วด้วย พลังเก่าๆ ของพวกซานยาสไม่เหลืออยู่อีกต่อไป แทนที่พวกเขาจะถอยร่นเข้าไปในป่าลึกเพื่อหนีกิเลส บัดนี้พวกซานยาสซีกำลังเคลื่อนย้ายเข้ามาในเมือง ซานยาสในปัจจุบันกำลังวุ่นวายอยู่กับทรัพย์สินเงินทองและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในอาคาร ที่โอ่อ่าหรูหรา และพวกเขาบางคนก็แต่งงานด้วย

การถือพรหมจรรย์โดยการปฏิบัติที่ผิด ๆ
ซานยาสซีเชื่อว่าความบริสุทธิ์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้หญิงและผู้ชายอาศัยอยู่ด้วยกัน ตามความเชื่อของพวกเขา น้ำมันและไฟไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ พวกซานยาสซีรักษาพรหมจรรย์ด้วยวิธีที่ผิด ๆ ด้วยการสร้างความเกลียดและดูถูกพวกผู้หญิง พวกเขาคิดว่าเพศหญิงเหมือนกับประตูไปสู่นรก นักคิดบางคนได้มีความคิดที่น่าหัวเราะเยาะ เนื่องจากให้คำแนะนำว่า ผู้หญิงไม่มีดวงวิญญาณและไม่ใช่ผู้มีชีวิตที่จะมีส่วนร่วมในการปกครองทางศาสนา

ในอินเดียซานยาสซีบางพวกใช้ยาเพื่อกดระบบประสาทของพวกเขาให้เซื่องซึม แต่การฝึกฝนเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถฝึกหัดการควบคุมจิตให้อยู่เหนืออำนาจกามราคะได้ ทุกวันนี้ซานยาสซีเป็นผู้ประกอบพิธีแต่งงาน งานฉลองและให้พรต่อคู่ที่แต่งงานใหม่
ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกฝนเพื่อความบริสุทธิ์กลับกลายมาเป็นเครื่องมือสนับสนุนกิจกรรมเกี่ยวกับการหมกมุ่นในกามราคะ มันช่างเป็นความขัดแย้งอะไรเช่นนี้

ค้นหาความสงบเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ผู้คนชอบที่จะห่มจีวรสีส้มเป็นซานยาส ละทิ้งบ้านเรือนและผู้เป็นที่รักของเขาไป ปล่อยให้ครอบครัวยากจนค้นแค้นและหนีไปอยู่ในป่า เขาปฏิเสธความรับผิดชอบทุุกอย่างที่มีต่อพ่อแม่ ครอบครัวและสังคมของเขา ขณะที่ทิ้งความรับผิดชอบไปค้นหาความสงบสำหรับตนเองในป่า ลูก ๆ และภรรยาของเขามีชีวิตอยู่อย่างปราศจากความสงบ โดยความเป็นจริงพวกเขาคือแม่หม้ายและลูกกำพร้า การดำรงชีวิตของเขาอาศัยการบริจาคทำบุญจากผู้อื่น

การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติของซานยาส
วิธีปฏิบัติในชีวิตซึ่งเริ่มต้นด้วยแบบอย่างที่สูงส่งนี้ ไม่หลงเหลืออยู่แล้วในการปฏิบัติจริงในวลานี้ การฝึกฝนการสละละทิ้งมันก็ไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อน บัดนี้มันเป็นเพียงรูปภายนอก ปัจจุบันซานยาสซีทั่วไปก็ยังมีชีวิตวนเวียนติดต่ออยู่กับครอบครัว เพื่อน ญาติ ๆ ของพวกเขา ดูชีวิตที่สบายของพวกซานยาสซี มีทั้งพวกต่อต้านสังคมวัตถุเป็นจำนวนมากได้ห่มจีวรสีส้ม และมีพวกที่กลายเป็นซานยาสซีเพื่อจะหนีมือกฏหมาย และในเวลาเดียวกันก็หาเลี้ยงชีวิตด้วยวิธีง่าย ๆ พวกขอทานก็เข้าร่วมขบวนกับพวกเขาด้วย

ด้วยเหตุนี้พวกซานยาสซีจึงถูกมองว่าเป็นผู้ไม่น่าไว้วางใจ มีซานยาสซีแท้ ๆ เพียงเล็กน้อยที่อาจพบในที่บางแห่งบ้าง ซานยาสซีที่ประพฤติดีนั้นถูกบดบังด้วยกลุ่มซานยาสซีที่หลอกลวง การเติบโตจะนำมาซึ่งการแบ่งแยกเสมอตามกาลเวลาที่ผ่านไป การปกครองตามศักดินาของพวกซานยาสซีก็เติบโตขึ้น
ทุกวันนี้ซานยาสซีมีหลายนิกาย บางพวกยังคงเปลือยกายอยู่ บางพวกเปลือยกายบางส่วน บางพวกอยู่ในเมือง บางพวกยังอาศัยอยู่ในป่า บางพวกก็ยังใช้ชีวิตเร่ร่อน คนอื่น ๆ ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ด้วยความสุขสบายทุกชนิดเท่าที่เป็นไปได้ พวกเขาทั้งหมดคือนักบวชที่พบเห็นในสังคมทุกวันนี้

"การสละละทิ้งการกระทำ" เทียบกับ "การมีส่วนร่วมในการทำตามหน้าที่ของชีวิตและยกเลิกพันธะส่วนตัวต่อสังคมโดยตรง"

หนทางของซานยาสคือการสละละทิ้งการกระทำ ซานยาสซีละทิ้งพันธะและภาระของเขาและเลิกภาระและพันธะต่อสังคมซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวโดยตรง ผู้ที่ใช้ชีวิตทางโลกโดยปกติเป็นส่วนหนึ่งของผู้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ในทางโลก คนแต่งงานไม่สามารถที่จะเป็นสาวกของซานยาสซีผู้ซึ่งใช้ชีวิตตามแนวทางแห่งการละทิ้งการกระทำได้ การทำตามหมายถึงการพยายามเลียนแบบ การทำตามซานยาสซีจะหมายถึงการเปลี่ยนไปเป็นซานยาส และเปลี่ยนตนเองจากผู้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ทางโลกไปสู่การเป็นผู้สละละทิ้ง การทำงานทุกอย่างในโลก พวกผู้ชายที่ประกาศตัวว่าพวกเขาเป็นสาวกของซานยาสซีคนใดคนหนึ่ง มันก็เป็นความขัดแย้งต่อความรู้สึกของคนทั่วไป

ซานยาสที่อยู่ในรูปที่บริสุทธิ์ที่สุด เป็นสิทธิพิเศษของผู้ชายโดยเฉพาะ มันเป็นการยากมากสำหรับผู้หญิงที่จะใช้ชีวิตสมบุกสมบันในป่า ทุกวันนี้มันก็มีสิ่งที่ตรงกันข้าม ผู้หญิงบางคนก็กลายเป็นซานยาสซีด้วย สิ่งนี้พัฒนาขึ้นมาภายหลังจากที่ซานยาสซี ได้สูญเสียมาตรฐานดั้งเดิมของความบริสุทธิ์และการสละละทิ้ง และเริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง

อะไรคือการสละละทิ้งที่แท้จริง



ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของซานยาสที่แท้จริง ซึ่งหมายถึงการสละละทิ้งกิเลสทั้งหลาย ดอกบัวอยู่เหนือผิวน้ำและไม่ได้ถูกกระทบโดยโคลนตมและวัชพืช พระเจ้าชีว่าพูดว่า ชีิวิตมนุษย์ควรจะเป็นเช่น ดอกบัวด้วย นั่นคือ การใช้ชีวิตอยู่อย่างบริสุทธิ์ ขณะที่อาศัยอยู่กับครอบครัว อีกความหมายหนึ่งก็คือ เราควรจะใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกกระทบด้วยกิเลสทั้งห้า นั่นก็คือ กามราคะ ความโกรธ ความผูกพันยึดติด ความโลภและความหยิ่งทะนง ขณะที่ปฏิบัติภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน
มันเป็นกิเลสที่ต้องสละละทิ้ง ไม่ใช่บ้านและครอบครัว ดอกบัวไม่ใช่เป็นสัญลักษณ์ของการสละละทิ้งการกระทำ มันเป็นเครื่องหมายของการทำตามหน้าที่อันบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงไว้เป็นเครื่องประดับอันหนึ่งของวิษณุ เทพละเอียดซึงเป็นตัวแทนของรูปรวมของศรีลักษมีและศรีนารายัญ ด้วยเหตุนี้ดอกบัวจึงเป็นสัญลักษณ์ของการกระทำตามหน้าที่ที่บริสุทธฺ์โดยไม่ยึดติด






จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK.เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ

No comments:

Post a Comment