ฝ่ายตรงข้ามโจมตีอีกครั้ง
ผู้พิพากษาจัดม้านั่งพิเศษให้พวกเรานั่ง ดูเหมือนเขาใจลอยเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของโอมราเด้ และในความเป็นจริงบุคลิกของเธอส่องแสงราวกับเทวี มารยาทของเธอสูงส่งอย่างสมบูรณ์พร้อมในชุดส่าหรีสีขาวที่สองประกาย ดูเธอช่างบริสุทธิ์และสูงค่า ดูสมบูรณ์พร้อมในห้องพิจารณาคดี มันเป็นราวกับว่าเธอเพิ่งลงมาจากฟากฟ้า
การปฏิบัติทางพิธีการเริ่มขึ้น ทนายความแสดงบทบาทของตนนำเสนอซึ่งวิธีการและเบ็ดเตล็ดเพื่อความประสงค์ร้ายต่อศาลพิจารณาคดี แต่ทั้งหมดดูไม่ค่อยสมจริง เพียงแต่เป็นการโหมโรงนำไปสู่บางอย่างซึ่งมีนัยสำคัญ แสงภายในห้องพิจารณาคดีดูลักษณะแปลก บรรยากาศที่มีอยู่พลังศักดิ์สิทธิ์สามารถสัมผัสได้ ซึ่งทุกคนสามารถรู้สึกที่ผิวหนังของทุกคน
สถานการณ์ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ มันจะต้องมีเรื่องมากมายเกิดมาภายหลังแน่นอน แต่มันดูเหมือนเป็นเพียงชั่วขณะเดียวที่ได้ผ่านไป เมื่อโอมราเด้ ถูกเรียกขึ้นไปเป็นพยานบนแท่น แล้วการโต้ตอบก็เริ่มขึ้น
ผู้พิพากษา : "สิ่งแรกเธอต้องถือกีตะไว้ในมือและให้คำสาบานว่าเธอจะพูดแต่ความจริง"
ราเด้ : "อะไรคือคำสาบานและจะต้องพูดว่าอะไร"
ผู้พิพากษา : "ถือคัมภีร์ไว้ในมือเธอและพูดว่าฉันเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งและอะไรก็ตาม ที่ฉันพูดจะเป็นความจริง"
ราเด้ : "ผู้พิพากษาซาฮีบ ฉันเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่ แต่ฉันไม่สามารถรู้ได้ว่าพระเจ้าอยู่ที่นี่
ฉันไม่สามารถเห็นพระเจ้าด้วยตาทั้งสองนี้ และดังนั้นฉันจะให้คำสาบานได้ อย่างไรว่าฉันเห็นพระเจ้าในที่ ๆ ท่านอยู่ ฉันเพียงแต่เห็นดวงวิญญาณของท่านใน รูปของผู้พิพากษาและถ้าท่านตกลงฉันก็เตรียมพร้อมที่จะให้คำสาบานว่าฉันเห็น ดวงวิญญาณในรูปของท่านผู้พิพากษา ขณะนี้และอะไรก็ตามที่ฉันพูดจะเป็นความจริง"
ขณะที่ได้ยินคำตอบประหลาดเช่นนี้ฝูงชนในห้องพิจารณาคดีอุทานด้วยความประหลาดใจ หลาย ๆ คนเริ่มหัวเราะ บางคนยอมรับข้อเสนอของราเด้ และแสดงความพอใจด้วย การตบมือบางคนพูดเสียงดัง "ใช่ ใช่ หรือเธอพูดถูกต้อง"
ผู้พิพากษาไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาเริ่มมีอารมณ์โกรธเล็กน้อยเขาทุบฆ้อนลงบนโต๊ะ "คำสั่ง คำสั่ง" เขาประกาศฝูงชนสงบลงอีกครั้ง
ผู้พิพากษา : (มองหน้าราเด้) ฉันไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้นเธอไม่ต้องมาสาบานกันฉัน การรับคำ สาบานในนามของพระเจ้าเป็นระเบียบของศาลสถิตยุติธรรมแห่งนี้ และเราไม่สามารถจะฝ่าฝืนมันได้
ราเด้ : (ด้วยความถ่อมตนและสงบเงียบ) ผู้พิพากษาซาฮิบท่านบอกว่าให้พูดความจริง
ในความเป็นจริงฉันไม่ได้เห็นพระเจ้าในทุกหนทุกแแห่ง ในความเป็นจริง ฉันเห็น ในจิตใจของแต่ละคนมีแต่ความโกรธ ความโลภ และมีแต่กามราคะ ที่ ๆ ฉันไม่ สามารถเห็นพระเจ้า ฉันจะให้คำสาบานที่เป็นเท็จหรือ ??
ผู้พิพากษา : นี่่เป็นห้องพิจารณาคดี ที่นี่ไม่ใช่สัตสัง เธอไม่ต้องมาให้ความรู้กับฉัน ที่นี่มีกฏ ของกฏหมาย ถ้าเธอฝ่าฝืนกฏหมายนี้ เธอจะต้องลิ้มรสสำหรับการหมิ่นประมาท ศาล
ราเด้ : (โดยไม่มีความกลัว) เหมือนอย่างที่ท่านไม่สามารถอดทนได้กับการหมิ่นประมาท ศาลนี้ เช่นกันฉันก็ไม่สามารถทนที่จะให้มีการหมิ่นประมาทพ่อสูงสุดของโลกได้ แม้แต่ในกีตะ ภควัต พูดว่าเมื่อไรก็ตามที่มีความดำมืดของที่ซึ่งไร้ศาสนาฉันจะลงมา แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ว่าพระเจ้าจะอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ พ่อผู้สูงสุดคือความรู้ ความปิติยินดี ความรักในบุคลิกของท่าน ท่านเป็นมหาสมุทรของความสงบและความมั่นคง ในคนอื่น ๆ ทั้งหมด วันนี้ มีแต่กิเลสที่มีอำนาจ เหนือพวกเขา ความโกรธ ความโลภ ความทะยานอยาก มีพายุร้ายของความใคร่และความไม่มั่นคงของจิตใจอย่างสูงสุด มีแต่ความไม่สงบ และมีความงมงายไม่รู้แล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พ่อสูงสุดจะมาอยู่กับพวกเขาเหล่านั้น
ผู้พิพากษาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ความเงียบปกคลุมห้องพิจารณาคดี โอมราเด้ได้พูดด้วยสิทธิเฉียบขาดเช่นนี้ และความเด่นช้ดของความรักในพระเจ้าเช่นนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถคัดค้านเธอได้ หรือแม้แต่จะมีความปรารถนามาคัดค้าน แม้แต่ตัวแทนของแอนตี้โอมมันลี ผู้ซึ่งเป็นตัวแทน ณ ที่นั่นก็ดูเหมือนจะสัมผัสกับคำพูดของเธอ แต่ผู้พิพากษาถูกพันธะผูกไว้โดยกฏหมาย และดังนั้นเขาจึงต้องปฏิบัติไปตามกฏหมาย ในที่สุดเขาพูดว่าไม่ต้องไปสนใจว่าเธอจะเชื่ออะไร กฏของห้องพิจารณาคดีจะต้องเชื่อฟัง ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ
ราเด้ : "ผู้พิพากษาซาฮีบ ฉันจะไม่สาบานสิ่งที่เป็นเท็จ ไม่ว่าจะมีสภาวะใด ๆ ทั้งสิ้น"
ผู้พิพากษา : "ฉันจะให้เวลาคิดดูให้ดี แล้วฉันจะถามเธออีกครั้ง"
ราเด้ : "ฉันได้คิดไตร่ตรองมันเรียบร้อยแล้ว"
ณ วินาทีนั้น ผู้พิพากษาสั่งให้เจ้าพนักงานหยุด เขาเห็นว่าวิธีการข่มขู่ไม่มีประโยชน์ เจ้าหน้าที่ถอยหลังกลับไปที่ด้านหลังของห้องพิจารณาคดี ผู้เฝ้าดูปรบมือด้วยความพึงพอใจผู้พิพากษา ล้มเลิกความคิดของการที่จะเอาคำสาบานจากราเด้ เธอได้รับชัยชนะ พระเจ้าได้รักษาความสูงส่งของดุพดี ในที่ประชุมของคูราวาส
แต่ตอนนี้การสอบสวนอย่างเป็นทางการที่เริ่มขึ้น แล้วผู้พิพากษาเองก็เป็นผู้ถามคำถามนำ
ผู้พากษา : ทำไมเธอผู้หญิงถึงได้จากบ้านมาและหนีตามดาด้า
ราเด้ : ผู้พิพากษาซาฮีบ ท่านได้เคยอ่านคัมภีร์ ศรีมัต ภควัต มาบ้างหรือเปล่า เมื่อพระเจ้าบรรเลงขลุ่ยของท่าน ทำไมโกปี้ถึงได้วิ่งไปหาท่านด้วยความลุ่มหลง แล้วทำไมไม่มีการฟ้องร้องพวกเธอในศาล ขลุ่ยที่กล่าวถึงในคัมภีร์ จริง ๆ แล้วมันเปรียบเหมือนขลุ่ยทางปัญญา ซึ่งพวกเราได้ยินผ่านปากของดาด้า มันเป็นความรู้ของพระเจ้าซึ่งไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้
"ให้ฉันถามท่านหน่อยนะ ผู้พิพากษาซาฮีบ ถ้าผู้ชายจากครอบครัวเขาไปสู่ศาสนาของการสละละทิ้ง ทำไมจึงไม่มีการฟ้องร้องเขาล่ะ ? ในสายตาของพระเจ้า หญิงและชายเท่าเทียมกัน ณ บัดนี้พระเจ้าได้วางไหของความรู้ไว้บนศีรษะของสตรี ดังนั้นเมื่อบรรดาแม่บ้านได้มีโอกาสที่จะได้รับความบริสุทธิ์และสติปัญญาที่สูงส่ง โดยธรรมชาติแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธ แล้วทำไมทุก ๆ คนจึงไม่รู้สึกยินดีกับการได้พบความบริสุทธิ์และความสูงส่งแนวใหม่เช่นนี้ แล้วทำไมจึงได้มีคำถามมาไต่สวนเรา ? คำตอบกระจ่างชัด ผู้พิพากษาซาฮีบ อะไรก็ตามที่เป็นความยากลำบาก นำมาขวางกั้นหนทางของเรา พวกเราได้รับความยุ่งยากและการข่มขู่ ทำให้พวกเราได้รับความทุกข์ด้วยเพื่อน และญาติ ๆ ของเราเอง ทุกอย่างเป็นการตอบแทนต่อความบริสุทธิ์ของเรา"
ผู้พิพากษาก็ถามคำถามซึ่งเขาคิดว่าแหลมคมที่สุด ซึ่งเขาสามารถคิดออกต่อโอมราเด้ แต่เธอก็โต้กลับทุกประเด็นอย่างตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความรู้
ผู้พิพากษา : มันเป็นยาทาตาชนิดใดที่ดาด้าได้ทาในลูกตาของเธอ ?
ราเด้ : ผู้พิพากษาซาฮีบ ท่านเคยอ่านคัมภีร์บ้างหรือเปล่า ?
ผู้พิพากษา : เคย เคยอ่านเป็นบางส่วน
ราเด้ : ดังนั้นท่านต้องรู้ว่าความรู้ของพระเจ้า (Gyan) ซึ่งต้องการการบรรยายในคำศัพท์ เช่นนั้น มันมีเพลงซึ่งเริ่มต้นด้วย "เมื่อสัตกูรู, ดวงวิญญาณสูงสุด ได้ทาน้ำมัน ของความรู้ , ความโง่เขลา และความมืดบอดของดวงวิญญาณถูกทำลายไป มัน เป็นเพียงน้ำมันของความรู้ ซึ่ง ณ บัดนี้ พระเจ้ากำลังทาน้ำมันนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ผู้พิพากษา : ดาด้าจิ มีเด็ก ๆ อยู่มากเท่าไร ?
ราเด้ : "ผู้พิพากษาซาฮีบ เราไม่ให้ดูที่ดาด้าจิ การเปิดเผยของเรามาจากดวงวิญญาณ สูงสุดผู้ซึ่งได้เลือกร่างของดาด้าในการลงมาทำงานนี้ ดังนั้นท่านบอกฉันซิ พระเจ้ามีลูกเท่าไร มนุษย์สามารถนับพวกเขาได้ถ้วนไหม ? ท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งสาม ดวงวิญญาณทั้งมดเป็นลูก ๆ ของท่าน ไม่ใช่เพียงแต่ฉัน หรือ เขาเหล่านั้นซึ่งมายังสัตสังนี้ เป็นลูก ๆ เท่านั้น แต่ใต้เท้าก็เป็นลูกของท่านด้วย"
ผู้พิพากษาจดทุกคำตอบต่อคำถามของเขาเหล่านี้ไว้ ในตอบจบเขาพูดไม่ออก แค่เพียงแต่ขอโทษพยานเพียงง่าย ๆ เท่านั้น แต่ในขณะที่โอมราเด้ เดินกลับมาจากแท่นไต่สวน ผู้มาชมก็เริ่มปรบมือให้กับเธออีกครั้ง ก่อนออกจากห้องพิจารณาคดี ซิสเตอร์ทั้งหมดให้ความเคารพต่อผู้พิพากษาก่อนจากไปและเชื้อเชิญท่านไปพบกับบาบา ในอนาคตที่มีโอกาส
ขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องโถง พวกเขาก็ถูกรุมล้อมโดยผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งตรงรี่เข้ามาเพื่อถามคำถามอื่น ๆ ซิสเตอร์เหล่านั้นโต้ตอบกับพวกเขาด้วยความจริงใจ และความล้ำลึก แล้วพวกเขาก็ก้าวขึ้นรถที่มารออยู่และจากไป แล้วฉากนั้นก็ปิดลง
เช้าวันรุ่งขึ้นดาดี้ปรากาชมานี นึกย้อน "เราเดินทางกลับการาจี ณ ที่นั่นเรารายงานทุกสิ่งให้กับบาบารู้ แต่ก่อนที่เราจะได้ไปถึงท่าน ท่านได้รับรู้ทุกสิ่งผ่านหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ท่านอยู่ในความเงียบ ซึ่งเป็นสภาวะของพยานที่ปราศจากความกังวลอย่างสิ้นเชิง ท่านยิ้มด้วยความรักและอ่อนโยน ยิ้มนั้นบอกพวกเรายิ่งกว่าคำพูดใด ๆ ต่อสิ่งที่เราได้กระทำ และเราจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร"
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 25