Sunday, February 9, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 9


ดาด้าในแคชเมียร์
เหล่าผู้คนที่มาสังเกตการณ์ต่างประหลาดใจ แม่บ้านธรรมดาทำไมถึงสามารถพูดออกมาอย่างมีอำนาจในกิริยาที่สูงส่งเช่นนั้นเกี่ยวกับหัวข้อที่ล้ำลึก ? พวกเขาสามารถผูกด้วยความเข้าใจอันล้ำลึกเกี่ยวกับเรื่องซึ่งเป็นนามธรรม  ซึ่งสามารถทำให้แม้แต่สติปัญญาของนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่ยิ่งใหญ่สับสนได้  คนที่ได้เห็นและได้ยินไม่อาจปฏิเสธที่จะยอมรับว่านั้นเป็นพลังการช่วยเหลือของพระเจ้า ซึ่งเข้ามารับผิดชอบทำให้ผู้อ่อนแอนั้นเข้มแข็ง และทำให้ผู้ที่เป็นใบ้เปิดปากพูดได้ มันเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอินเดีย  มันจะไม่มีเช่นนั้นอีกที่ผู้หญิงยอมแบกภาระความกดดันของผู้ชาย  แอกได้ถูกปลด  รูปแบบใหม่ วัฒนธรรมใหม่ได้ถูกสร้างขึ้น  ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันนี้ 

บาบาได้เอาไหของความรู้ไปวางไว้บนศีรษะของเด็กหญิงและแม่บ้าน  ทำให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายความรู้ของพระเจ้าเป็นอันดับแรก  และความรับผิดชอบอันนี้ได้มีควบคู่กับการไหลอย่างต่อเนื่องของพลังที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลผลิตคือสังคมของโลกกว้างของหญิงและชายได้ทำงานร่วมกันโดยไม่รู้จักกัน  ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวในโลกของทุกวันนี้  ครอบครัวที่สูงส่งและเข้มแข็งมีแล้วประมาณ 800,000 คน  และกำลังเติบโตขึ้นทุก ๆ วัน  ตระเตรียมโครงสร้างสำหรับความประสานกลมกลืนอย่างแท้จริง  และโลกที่มีความสุข

ทั้งหมดนี้เิริ่มที่การชุมนุมเพื่อศึกษาความรู้ของชิพบาบา  ที่ ๆ ซึ่งคนขี้อายเรียนรู้ที่จะกลับมามั่นใจ  และผู้หญิงที่หยิ่งยโสก็เรียนรู้การถ่อมตน  ที่ ๆ ซึ่งความละโมบพบความพอใจ  ความโกรธสัมผัสกับความสงบ  และที่สำคัญที่สุดที่ ๆ ซึ่งทุกคนได้พบผู้ที่ทุกคนค้นหามาตลอด...บาบา  

แต่แม้ว่าการบรรยายจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงามและความรู้ที่ไม่เหมือนใคร  แต่ก็ยังมีหัวข้อซึ่งเกี่ยวข้องกับอย่างอื่น  เช่น  "การควบคุมตัณหา"  และ "วิธีจะทำอย่างไรให้จิตและประสาทสัมผัสเชื่อฟัง"  ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ชาวอินเดียทุกคนต้องการ  อะไรที่แยกการชุมนุมนี้จากชุมนุมอื่น  เป็นเพราะเขาเหล่านั้นที่มา ได้รับข่าวและได้รับประสบการณ์จากข่าวนั้นด้วย  พวกเขาพบว่าตัวเขาเองปราศจากร่างอย่างทันที  บินขึ้นไปบนชานติธรรม (นิรวาณ) เติมเต็มด้วยแสงและอำนาจ  หรือท่องไปในเวลาแห่งยุคทอง  และสัมผัสร่างที่เขาเป็นมนุษย์เทพ (Deity) มันเป็นเรื่องพิเศษเหนือธรรมดาที่ผู้คนเหล่านั้นจากไปโดยมิได้ปริปาก  ไม่กล้าแม้แต่จะพูดเกี่ยวกับประสบการณ์  เพราะกลัวว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในการชุมนุมจะเชื่อเขา

หลังจากดาด้ากลับมาจากแคชเมียร์ ตาของท่านก็เป็นประกาย  เมื่อไ้ด้เห็นดวงวิญญาณใหม่ ๆ มากมายที่การชุมนุม  คนแปลกหน้ามาจากที่ไกล  บุคลลที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบาบาหรือโอมมันดาลี  แต่พวกเขาฝึกหัดนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่บ้านของเขา  แล้วทันใด  เย็นวันหนึ่งห้องทั้งห้องก็เต็มไปด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์  
แล้วมีเสียงพูดบอกพวกเขา  "ฉันกำลังให้ความรู้ของพระเจ้า เธอต้องมาและฟัง"  เสียงบอกแม้กระทั่งที่อยู่  บนฐานของความประหลาดเช่นนี้  ไม่มีคำถามสำหรับสิ่งที่ปรากฏ  
พวกเขาได้มาถึงยังโอมมันดาลี  "ท่านได้เรียกพวกเรามาที่นี่"  พวกเขาเอ่ย ดาด้ารู้สึกประหลาดใจกับทุกสิ่ง  มันเป็นการทำงานของชิพบาบาทั้งหมด ดาด้าเขาใจดี

เขาเหล่านั้นไม่เคยพบกับความเสียใจ  การพบกับบาบาจะไ้ด้ประสบการณ์ของรางวัลที่เชื่อถือได้  หน้าผากของท่านเปล่งไปด้วยประกายแห่งแสงของความบริสุทธิ์  และการหยั่งรู้สภาพที่แท้จริงของตน  ประกายของดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยพลังอำนาจแห่งดวงวิญญาณ  ราวกับว่ามีลำแสงพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น เมื่อได้มาอยู่ต่อหน้า ราวกับว่าถูกแช่ไว้ในกระแสแห่งความสงบ

ความเยือกเย็นของจิตใจและประสาทของท่านทำให้ผู้อื่นรู้สึกเช่นเดียวกัน ถ้าเปรียบกับผู้ชายคนอื่น ๆ ท่านคือเพชรที่อยู่ท่ามกลางก้อนกรวด  ความอดทนของดาด้านั้นสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง  แต่เครื่องแต่งกายและความเป็นอยู่ของท่านเรียบง่ายอย่างยิ่ง  ผู้พบเห็นจะถือว่าท่านคือพระเจ้าที่พลัดหลงมาเกิดในร่างมนุษย์อย่างลับ ๆ  เพื่อกู้อาณาจักรเิดิมแห่งโลกนี้ของท่าน ไม่ต้องประหลาดใจเลย ท่านดึงดูดคนดี ๆ มากมายมาหาท่าน  ในที่สุดเขาพบว่าท่านมิใช่เพียงเป็นครู  แต่ยังเป็นแบบอย่างการอยู่อย่างบริสุทธิ์และประสบความสำเร็จ  ชีวิตที่บริสุทธิ์เช่นดอกบัวที่ขึ้นอยู่ในโคลนตมของโลกกลียุคและอยู่อย่างเหนือโลก  ยึดมั่นแต่เพียงพระเจ้า อย่างที่เราเคยฟังดวงวิญญาณที่อยู่ในความซาบซึ้งร้องว่า
"ฉันกำลังถูกแกว่างไกวอยู่ในชิงช้าของความชาญฉลาด  ในการไกวที่เต็มไปด้วยความรักของพระเจ้าทีสุดแสนอาทรต่อเรา"  ความกลัวต่อผู้คนได้หายไป เมื่อสุดที่รักของฉันกำลังอยู่เคียงข้างฉัน ณ บัดนี้

มิใช่เพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่านี้ในการพบปะกับบาบา  แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ไ้ด้ประสบกับความสุขที่เหนือสัมผัสเช่นเดียวกันด้วย  ตื่นเต้นกับนิมิตของยุคทอง โลกสวรรค์ที่กำลังจะมาถึง

มีเด็กหลาย ๆ คนในจำนวนนั้น  และได้อยู่มาตั้งแต่เริ่มแรกตราบเ่ท่าทุกวันนี้ เติบโตมาด้วยการทำงานให้กับสถาบันของพระเจ้าแห่งนี้  ได้รับประสบการณ์ของการอยู่ในความสุขที่ได้เข้าใกล้กับพระเจ้าตลอดมา  บี.เค.ไฮดายา โมฮินี (B.K.Hirdaya Mohini) เป็นคนหนึ่งซึ่งในปัจจุบันเป็นหัวหน้าเขตของพื้นที่ในเดลลี  สาขาของมหาวิทยาลัยทางดวงวิญญาณของพระเจ้า  มันเป็นผลจากพรที่พระเจ้าให้กับท่านในวัยเด็ก  ฟังประสบการณ์ของท่านจากการย้อนระลึกความจำของท่าน

"ตอนฉันอายุ 9 ขวบ หรือ ใกล้  ๆ นั้น ฉันพบบาบาครั้งแรกนั้น  ความสนใจในเรื่องศาสนาแทบจะไม่มีเลย ฉันเป็นเด็กที่ซุกซน วิ่งวุ่นทั้งวันไปตามประสาเด็กที่ถูกสิ่งใด ๆ กระตุ้น เล่นเกมส์กับเพื่อน และไม่เคยมีใครแนะฉันเกี่ยวกับการทำสมาธิ  มันเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญที่จะนั่งลงฟังใครสอนอะไรจนได้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

แล้วเย็นวันหนึ่ง  บาบาถูกเชิญมาจัดการชุมนุมทางจิตที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งของฉัน หลังจากได้รับการคะยั้นคะยอจากพวกเขา  ในที่สุดท่านก็ยอมตกลง และการพบปะกันถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในงานจะมีการร้องเพลงและเต้นรำ  สลับกับการให้การบรรยาย แม่ของฉัน เฉลียวฉลาดในเรื่องทางศาสนา  ดังนั้น ท่านจึงเข้าร่วมทุกครั้งอยู่แล้ว  ฉันไปด้วยกับแม่สักสองสามครั้ง ด้วยเหตุผลที่จะได้มีโอกาสได้ไปเล่น เต้นรำ และ ซุกซนไปตามประสา

แต่แล้ววันหนึ่ง สิ่งแปลกก็เกิดขึ้น  ขณะที่นั่งอยู่ในการชุมนุม ทันใดฉันได้ดำดิ่งเข้าสู่สภาวะของการเพ่งรวมอย่างลึก  มีพลังบางอย่างดึงฉันให้เข้าไปในสภาพนั้น  บางสิ่งซึ่งมีพลังดึงดูดเต็มไปด้วยอำนาจ  และเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่มโหฬาร กำลังนำฉันดำดิ่งลึกลงไปจนไกลห่างจากสำนึกว่ามีตัวตนอยู่ทุกขณะ !  ทุกขณะ !  เข้าสู่อาณาเขตการรับรู้ที่ไม่ใช่ทางโลกที่ไม่น่าเชื่อ

ฉันได้รับการบอกในภายหลังว่าผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ใกล้ฉันคิดว่าฉันหลับไปเสียแล้ว  แต่เมื่อเห็นฉันนั่งอยู่นานมากโดยไม่ขยับเลย  พวกเขาจึงรู้ว่าฉันกำลังอยู่ในประสบการณ์ของสมาธิ  แต่พวกเขาไม่รู้เลยสักนิดว่า  ฉันได้เข้าไปอยู่ยังอีกโลกหนึ่งแล้ว  โลกซึ่งพ้นไปจากโลกนี้  มันเป็นเหมือนกับ  อลิสในดินแดนมหัศจรรย์  และยังเป็นการปราศจากความกลัวอย่างสมบูรณ์แบบจากสิ่งใด ๆ ด้วย แม้แต่ความกลัวเล็ก ๆ หรือการข่มขวัญต่อหน้า

ฉันอยู่ในห้องโถงใหญ่  ตกแต่งอย่างประณีตและสวยงามวิจิตร  ซึ่งไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้  เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ขณะนี้จะเทียบเทียมกับสิ่งนั้นได้  มีสิ่งที่สวยงามดึงดูดมาก  ทองที่ฝังด้วยเพชรและอัญมณีต่าง ๆ ห้องที่มีแสงสลัว ๆ โคมระย้าเปล่งประกายระยิบระยับมากมายของเพชรที่ใสสะอาด  และฉากของสายน้ำแห่งแม่น้ำที่งดงามตามธรรมชาติ  และสวนที่มีเสน่ห์ที่มองเห็นได้ทางหน้าต่าง 

ในห้องที่งดงามตระการตานั้น สิ่งที่ดึงดูดที่สุดในความเป็นจริง  เป็นความดึงดูดแห่งการปรากฏขึ้นของเจ้าชายกฤษณะ อายุประมาณ 10 ขวบ  ซึ่งตกแต่งด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม เขากวักมือเรียกฉันด้วยท่าทางเหมือนอย่างกับจะพูดว่า "มาซิ มาเล่นกัน"

เมื่อฉันลงมาจากการเข้าไปในนิมิตนี้ และกลับเข้าไปในสำนึกปกติอีกครั้ง  ฉันลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงนั่งล้อมเป็นวงกลมรอบ ๆ ตัวฉัน  กำลังเพ่งดูฉันอย่างตั้งใจ  และฉันรู้สึกตื่นตระหนกทันทีและเริ่มร้องไห้ออกมา  ฉันคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน  ผู้หญิงเหล่านี้มานั่งจ้องมองฉันทำไม ?  แม่เข้ามาปลอบฉันให้สงบและถามฉันด้วยความรัก  ให้บอกพวกเขาว่าฉันได้ไปเห็นอะไรมา

น่าประหลาดมาก มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะบอกว่าฉันไปเห็นใครมา  ต่อมาภายหลัง ฉันรู้ว่าเด็กชายคนนั้นคือเจ้าชายกฤษณะในอนาคต  แต่ ณ  เวลาที่ฉันมีประสบการณ์  ฉันนึกไม่ออกเลยว่าใครคือเพื่อนที่สวยงามและสูงส่งคนนี้  ฉันไม่เคยสนใจภาพของกฤษณะมาก่อนเลย ถึงแม้ฉันจะเคยได้ยินชื่อจากการพูดบ้าง  ฉันไม่เคยสนใจ  ดังนั้นฉันจึงเล่านิมิตที่ฉับพบมาด้วยท่าทางที่ไม่แน่ใจ  อธิบายเด็กที่น่ารักและเปี่ยมไปด้วยความสุข  แต่งกายด้วยอาภรณ์ ลูกชายมหาราชา  อยู่ในราชวังที่โอ่อ่าตระการตาต่างจากที่เคยพบมาและที่จะสามารถนึกภาพได้  เจ้าชายนั้นดูเหมือนจะรู้จักฉัน  เขาพยายามชวนฉันเล่น  ให้เล่นเต้นรำด้วยกัน

ฉันอธิบายอย่างยากเย็น  แต่แม่ของฉันผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในคัมภีร์  จำภาพของกฤษณะได้ แม่นำภาพที่เคารพบูชากันอยู่ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปมาให้ดูว่าใกล้เคียงกันหรือไม่  แต่ปัญหาคือ  ผู้วาดภาพเหล่านั้นไม่เคยมีประสบการณ์นิมิตนั้นด้วยตนเอง  ไม่ได้วาดภาพเทพเหล่านั้นอย่างถูกต้อง กฤษณะน่ารักต่างจากที่พวกเราวาดออกมาเป็นภาพมากนัก  ภาพเหล่านั้นไม่สมจริงและไม่มีแรงดึงดูดใด ๆ เลย  ดังนั้นจึงเป็นการยากมากสำหรับฉันที่จะพูดว่า คนที่ฉันพบในนิมิตคือกฤษณะ ถ้าเปรียบกันกับคนในภาพ ใช่ดูภายนอกมีหลายสิ่งที่คล้ายกันอย่างมากมาย ชนิดของเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้อมรอบไปด้วยทอง  และความจริงที่เขาถือขลุ่ยอยู่ในมือ รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้นี่เองที่ในที่สุดฉันก็ตอบว่าใช่  นี่คือคนที่ฉันพบในนิมิต  แต่ความงามของเขามากกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด

นิมิตเช่นนี้ได้รับโดยเด็ก ๆ หลายคนในช่วงเวลานั้น และคนที่มีอายุก็เช่นเดียวกัน มันเป็นเวลาแห่งการไหลบ่าของความมหัศจรรย์ของความสุขที่ไม่จบสิ้น  ความปิติเหนือความปิติและมากเท่าที่พวกเขาเข้ามารับส่วนแบ่งแห่งสมบัตินี้ ระดับของความปิติก็จะยิ่งสูงขึ้น มันเหมือนกับว่าเราได้อยู่ในสายฝนของแสงแห่งความรัก ระเบิดดวงวิญญาณได้สำแดงเดชและกระแสความสั่นสะเทือนสามารถสัมผัสได้ในวงที่กว้างไกล  
ใครก็ตามที่ใฝ่ใจเชื่อทางจิตวิญญาณ ใครก็ตามที่เคยสัมผัสความรักของเพระเจ้าเพียงน้อยนิดที่เข้ามากระตุ้นในส่วนลึก จะประสบกับรางวัลที่ดุจเพ้อฝันทันที  ทะลุผ่านวงล้อมของจักรวาล  
นี่คือพลังของพระเจ้าที่ทะลุทะลวงพุ่งเข้ามาในโลกแห่งวัตถุอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์  สิ่งที่ไม่น่าเชื่อกลายเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้  ร่างกายเมื่อถูกลืมเลือนไป เวลาได้กลายเป็นนิรันดรกาล  ความไม่รู้ถูกแทนที่ด้วยสัจจะ  


อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 10

No comments:

Post a Comment