ดาด้าในแคชเมียร์
เหล่าผู้คนที่มาสังเกตการณ์ต่างประหลาดใจ แม่บ้านธรรมดาทำไมถึงสามารถพูดออกมาอย่างมีอำนาจในกิริยาที่สูงส่งเช่นนั้นเกี่ยวกับหัวข้อที่ล้ำลึก ? พวกเขาสามารถผูกด้วยความเข้าใจอันล้ำลึกเกี่ยวกับเรื่องซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งสามารถทำให้แม้แต่สติปัญญาของนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่ยิ่งใหญ่สับสนได้ คนที่ได้เห็นและได้ยินไม่อาจปฏิเสธที่จะยอมรับว่านั้นเป็นพลังการช่วยเหลือของพระเจ้า ซึ่งเข้ามารับผิดชอบทำให้ผู้อ่อนแอนั้นเข้มแข็ง และทำให้ผู้ที่เป็นใบ้เปิดปากพูดได้ มันเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอินเดีย มันจะไม่มีเช่นนั้นอีกที่ผู้หญิงยอมแบกภาระความกดดันของผู้ชาย แอกได้ถูกปลด รูปแบบใหม่ วัฒนธรรมใหม่ได้ถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันนี้
บาบาได้เอาไหของความรู้ไปวางไว้บนศีรษะของเด็กหญิงและแม่บ้าน ทำให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายความรู้ของพระเจ้าเป็นอันดับแรก และความรับผิดชอบอันนี้ได้มีควบคู่กับการไหลอย่างต่อเนื่องของพลังที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลผลิตคือสังคมของโลกกว้างของหญิงและชายได้ทำงานร่วมกันโดยไม่รู้จักกัน ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวในโลกของทุกวันนี้ ครอบครัวที่สูงส่งและเข้มแข็งมีแล้วประมาณ 800,000 คน และกำลังเติบโตขึ้นทุก ๆ วัน ตระเตรียมโครงสร้างสำหรับความประสานกลมกลืนอย่างแท้จริง และโลกที่มีความสุข
ทั้งหมดนี้เิริ่มที่การชุมนุมเพื่อศึกษาความรู้ของชิพบาบา ที่ ๆ ซึ่งคนขี้อายเรียนรู้ที่จะกลับมามั่นใจ และผู้หญิงที่หยิ่งยโสก็เรียนรู้การถ่อมตน ที่ ๆ ซึ่งความละโมบพบความพอใจ ความโกรธสัมผัสกับความสงบ และที่สำคัญที่สุดที่ ๆ ซึ่งทุกคนได้พบผู้ที่ทุกคนค้นหามาตลอด...บาบา
แต่แม้ว่าการบรรยายจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงามและความรู้ที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังมีหัวข้อซึ่งเกี่ยวข้องกับอย่างอื่น เช่น "การควบคุมตัณหา" และ "วิธีจะทำอย่างไรให้จิตและประสาทสัมผัสเชื่อฟัง" ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ชาวอินเดียทุกคนต้องการ อะไรที่แยกการชุมนุมนี้จากชุมนุมอื่น เป็นเพราะเขาเหล่านั้นที่มา ได้รับข่าวและได้รับประสบการณ์จากข่าวนั้นด้วย พวกเขาพบว่าตัวเขาเองปราศจากร่างอย่างทันที บินขึ้นไปบนชานติธรรม (นิรวาณ) เติมเต็มด้วยแสงและอำนาจ หรือท่องไปในเวลาแห่งยุคทอง และสัมผัสร่างที่เขาเป็นมนุษย์เทพ (Deity) มันเป็นเรื่องพิเศษเหนือธรรมดาที่ผู้คนเหล่านั้นจากไปโดยมิได้ปริปาก ไม่กล้าแม้แต่จะพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ เพราะกลัวว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในการชุมนุมจะเชื่อเขา
หลังจากดาด้ากลับมาจากแคชเมียร์ ตาของท่านก็เป็นประกาย เมื่อไ้ด้เห็นดวงวิญญาณใหม่ ๆ มากมายที่การชุมนุม คนแปลกหน้ามาจากที่ไกล บุคลลที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบาบาหรือโอมมันดาลี แต่พวกเขาฝึกหัดนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่บ้านของเขา แล้วทันใด เย็นวันหนึ่งห้องทั้งห้องก็เต็มไปด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์
แล้วมีเสียงพูดบอกพวกเขา "ฉันกำลังให้ความรู้ของพระเจ้า เธอต้องมาและฟัง" เสียงบอกแม้กระทั่งที่อยู่ บนฐานของความประหลาดเช่นนี้ ไม่มีคำถามสำหรับสิ่งที่ปรากฏ
พวกเขาได้มาถึงยังโอมมันดาลี "ท่านได้เรียกพวกเรามาที่นี่" พวกเขาเอ่ย ดาด้ารู้สึกประหลาดใจกับทุกสิ่ง มันเป็นการทำงานของชิพบาบาทั้งหมด ดาด้าเขาใจดี
เขาเหล่านั้นไม่เคยพบกับความเสียใจ การพบกับบาบาจะไ้ด้ประสบการณ์ของรางวัลที่เชื่อถือได้ หน้าผากของท่านเปล่งไปด้วยประกายแห่งแสงของความบริสุทธิ์ และการหยั่งรู้สภาพที่แท้จริงของตน ประกายของดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยพลังอำนาจแห่งดวงวิญญาณ ราวกับว่ามีลำแสงพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น เมื่อได้มาอยู่ต่อหน้า ราวกับว่าถูกแช่ไว้ในกระแสแห่งความสงบ
ความเยือกเย็นของจิตใจและประสาทของท่านทำให้ผู้อื่นรู้สึกเช่นเดียวกัน ถ้าเปรียบกับผู้ชายคนอื่น ๆ ท่านคือเพชรที่อยู่ท่ามกลางก้อนกรวด ความอดทนของดาด้านั้นสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง แต่เครื่องแต่งกายและความเป็นอยู่ของท่านเรียบง่ายอย่างยิ่ง ผู้พบเห็นจะถือว่าท่านคือพระเจ้าที่พลัดหลงมาเกิดในร่างมนุษย์อย่างลับ ๆ เพื่อกู้อาณาจักรเิดิมแห่งโลกนี้ของท่าน ไม่ต้องประหลาดใจเลย ท่านดึงดูดคนดี ๆ มากมายมาหาท่าน ในที่สุดเขาพบว่าท่านมิใช่เพียงเป็นครู แต่ยังเป็นแบบอย่างการอยู่อย่างบริสุทธิ์และประสบความสำเร็จ ชีวิตที่บริสุทธิ์เช่นดอกบัวที่ขึ้นอยู่ในโคลนตมของโลกกลียุคและอยู่อย่างเหนือโลก ยึดมั่นแต่เพียงพระเจ้า อย่างที่เราเคยฟังดวงวิญญาณที่อยู่ในความซาบซึ้งร้องว่า
"ฉันกำลังถูกแกว่างไกวอยู่ในชิงช้าของความชาญฉลาด ในการไกวที่เต็มไปด้วยความรักของพระเจ้าทีสุดแสนอาทรต่อเรา" ความกลัวต่อผู้คนได้หายไป เมื่อสุดที่รักของฉันกำลังอยู่เคียงข้างฉัน ณ บัดนี้
มิใช่เพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่านี้ในการพบปะกับบาบา แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ไ้ด้ประสบกับความสุขที่เหนือสัมผัสเช่นเดียวกันด้วย ตื่นเต้นกับนิมิตของยุคทอง โลกสวรรค์ที่กำลังจะมาถึง
มีเด็กหลาย ๆ คนในจำนวนนั้น และได้อยู่มาตั้งแต่เริ่มแรกตราบเ่ท่าทุกวันนี้ เติบโตมาด้วยการทำงานให้กับสถาบันของพระเจ้าแห่งนี้ ได้รับประสบการณ์ของการอยู่ในความสุขที่ได้เข้าใกล้กับพระเจ้าตลอดมา บี.เค.ไฮดายา โมฮินี (B.K.Hirdaya Mohini) เป็นคนหนึ่งซึ่งในปัจจุบันเป็นหัวหน้าเขตของพื้นที่ในเดลลี สาขาของมหาวิทยาลัยทางดวงวิญญาณของพระเจ้า มันเป็นผลจากพรที่พระเจ้าให้กับท่านในวัยเด็ก ฟังประสบการณ์ของท่านจากการย้อนระลึกความจำของท่าน
"ตอนฉันอายุ 9 ขวบ หรือ ใกล้ ๆ นั้น ฉันพบบาบาครั้งแรกนั้น ความสนใจในเรื่องศาสนาแทบจะไม่มีเลย ฉันเป็นเด็กที่ซุกซน วิ่งวุ่นทั้งวันไปตามประสาเด็กที่ถูกสิ่งใด ๆ กระตุ้น เล่นเกมส์กับเพื่อน และไม่เคยมีใครแนะฉันเกี่ยวกับการทำสมาธิ มันเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญที่จะนั่งลงฟังใครสอนอะไรจนได้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
แล้วเย็นวันหนึ่ง บาบาถูกเชิญมาจัดการชุมนุมทางจิตที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งของฉัน หลังจากได้รับการคะยั้นคะยอจากพวกเขา ในที่สุดท่านก็ยอมตกลง และการพบปะกันถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในงานจะมีการร้องเพลงและเต้นรำ สลับกับการให้การบรรยาย แม่ของฉัน เฉลียวฉลาดในเรื่องทางศาสนา ดังนั้น ท่านจึงเข้าร่วมทุกครั้งอยู่แล้ว ฉันไปด้วยกับแม่สักสองสามครั้ง ด้วยเหตุผลที่จะได้มีโอกาสได้ไปเล่น เต้นรำ และ ซุกซนไปตามประสา
แต่แล้ววันหนึ่ง สิ่งแปลกก็เกิดขึ้น ขณะที่นั่งอยู่ในการชุมนุม ทันใดฉันได้ดำดิ่งเข้าสู่สภาวะของการเพ่งรวมอย่างลึก มีพลังบางอย่างดึงฉันให้เข้าไปในสภาพนั้น บางสิ่งซึ่งมีพลังดึงดูดเต็มไปด้วยอำนาจ และเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่มโหฬาร กำลังนำฉันดำดิ่งลึกลงไปจนไกลห่างจากสำนึกว่ามีตัวตนอยู่ทุกขณะ ! ทุกขณะ ! เข้าสู่อาณาเขตการรับรู้ที่ไม่ใช่ทางโลกที่ไม่น่าเชื่อ
ฉันได้รับการบอกในภายหลังว่าผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ใกล้ฉันคิดว่าฉันหลับไปเสียแล้ว แต่เมื่อเห็นฉันนั่งอยู่นานมากโดยไม่ขยับเลย พวกเขาจึงรู้ว่าฉันกำลังอยู่ในประสบการณ์ของสมาธิ แต่พวกเขาไม่รู้เลยสักนิดว่า ฉันได้เข้าไปอยู่ยังอีกโลกหนึ่งแล้ว โลกซึ่งพ้นไปจากโลกนี้ มันเป็นเหมือนกับ อลิสในดินแดนมหัศจรรย์ และยังเป็นการปราศจากความกลัวอย่างสมบูรณ์แบบจากสิ่งใด ๆ ด้วย แม้แต่ความกลัวเล็ก ๆ หรือการข่มขวัญต่อหน้า
ฉันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ตกแต่งอย่างประณีตและสวยงามวิจิตร ซึ่งไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้ เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ขณะนี้จะเทียบเทียมกับสิ่งนั้นได้ มีสิ่งที่สวยงามดึงดูดมาก ทองที่ฝังด้วยเพชรและอัญมณีต่าง ๆ ห้องที่มีแสงสลัว ๆ โคมระย้าเปล่งประกายระยิบระยับมากมายของเพชรที่ใสสะอาด และฉากของสายน้ำแห่งแม่น้ำที่งดงามตามธรรมชาติ และสวนที่มีเสน่ห์ที่มองเห็นได้ทางหน้าต่าง
ในห้องที่งดงามตระการตานั้น สิ่งที่ดึงดูดที่สุดในความเป็นจริง เป็นความดึงดูดแห่งการปรากฏขึ้นของเจ้าชายกฤษณะ อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งตกแต่งด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม เขากวักมือเรียกฉันด้วยท่าทางเหมือนอย่างกับจะพูดว่า "มาซิ มาเล่นกัน"
เมื่อฉันลงมาจากการเข้าไปในนิมิตนี้ และกลับเข้าไปในสำนึกปกติอีกครั้ง ฉันลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงนั่งล้อมเป็นวงกลมรอบ ๆ ตัวฉัน กำลังเพ่งดูฉันอย่างตั้งใจ และฉันรู้สึกตื่นตระหนกทันทีและเริ่มร้องไห้ออกมา ฉันคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ผู้หญิงเหล่านี้มานั่งจ้องมองฉันทำไม ? แม่เข้ามาปลอบฉันให้สงบและถามฉันด้วยความรัก ให้บอกพวกเขาว่าฉันได้ไปเห็นอะไรมา
น่าประหลาดมาก มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะบอกว่าฉันไปเห็นใครมา ต่อมาภายหลัง ฉันรู้ว่าเด็กชายคนนั้นคือเจ้าชายกฤษณะในอนาคต แต่ ณ เวลาที่ฉันมีประสบการณ์ ฉันนึกไม่ออกเลยว่าใครคือเพื่อนที่สวยงามและสูงส่งคนนี้ ฉันไม่เคยสนใจภาพของกฤษณะมาก่อนเลย ถึงแม้ฉันจะเคยได้ยินชื่อจากการพูดบ้าง ฉันไม่เคยสนใจ ดังนั้นฉันจึงเล่านิมิตที่ฉับพบมาด้วยท่าทางที่ไม่แน่ใจ อธิบายเด็กที่น่ารักและเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่งกายด้วยอาภรณ์ ลูกชายมหาราชา อยู่ในราชวังที่โอ่อ่าตระการตาต่างจากที่เคยพบมาและที่จะสามารถนึกภาพได้ เจ้าชายนั้นดูเหมือนจะรู้จักฉัน เขาพยายามชวนฉันเล่น ให้เล่นเต้นรำด้วยกัน
ฉันอธิบายอย่างยากเย็น แต่แม่ของฉันผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในคัมภีร์ จำภาพของกฤษณะได้ แม่นำภาพที่เคารพบูชากันอยู่ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปมาให้ดูว่าใกล้เคียงกันหรือไม่ แต่ปัญหาคือ ผู้วาดภาพเหล่านั้นไม่เคยมีประสบการณ์นิมิตนั้นด้วยตนเอง ไม่ได้วาดภาพเทพเหล่านั้นอย่างถูกต้อง กฤษณะน่ารักต่างจากที่พวกเราวาดออกมาเป็นภาพมากนัก ภาพเหล่านั้นไม่สมจริงและไม่มีแรงดึงดูดใด ๆ เลย ดังนั้นจึงเป็นการยากมากสำหรับฉันที่จะพูดว่า คนที่ฉันพบในนิมิตคือกฤษณะ ถ้าเปรียบกันกับคนในภาพ ใช่ดูภายนอกมีหลายสิ่งที่คล้ายกันอย่างมากมาย ชนิดของเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้อมรอบไปด้วยทอง และความจริงที่เขาถือขลุ่ยอยู่ในมือ รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้นี่เองที่ในที่สุดฉันก็ตอบว่าใช่ นี่คือคนที่ฉันพบในนิมิต แต่ความงามของเขามากกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด
นิมิตเช่นนี้ได้รับโดยเด็ก ๆ หลายคนในช่วงเวลานั้น และคนที่มีอายุก็เช่นเดียวกัน มันเป็นเวลาแห่งการไหลบ่าของความมหัศจรรย์ของความสุขที่ไม่จบสิ้น ความปิติเหนือความปิติและมากเท่าที่พวกเขาเข้ามารับส่วนแบ่งแห่งสมบัตินี้ ระดับของความปิติก็จะยิ่งสูงขึ้น มันเหมือนกับว่าเราได้อยู่ในสายฝนของแสงแห่งความรัก ระเบิดดวงวิญญาณได้สำแดงเดชและกระแสความสั่นสะเทือนสามารถสัมผัสได้ในวงที่กว้างไกล
ใครก็ตามที่ใฝ่ใจเชื่อทางจิตวิญญาณ ใครก็ตามที่เคยสัมผัสความรักของเพระเจ้าเพียงน้อยนิดที่เข้ามากระตุ้นในส่วนลึก จะประสบกับรางวัลที่ดุจเพ้อฝันทันที ทะลุผ่านวงล้อมของจักรวาล
นี่คือพลังของพระเจ้าที่ทะลุทะลวงพุ่งเข้ามาในโลกแห่งวัตถุอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อกลายเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ร่างกายเมื่อถูกลืมเลือนไป เวลาได้กลายเป็นนิรันดรกาล ความไม่รู้ถูกแทนที่ด้วยสัจจะ
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 10
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 10
No comments:
Post a Comment