Monday, February 3, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 3
ความรู้นำไปสู่สมาธิ
มีทั้งชายและหญิงเป็นจำนวนมากที่ได้รับประสบการณ์ที่สูงส่ง ณ สัตสังของดาด้า ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "โอม มันดาลี" ซึ่งไม่สามารถนำมากล่าวทั้งหมดได้ แต่ที่ระลึกได้และนำมาเป็นตัวอย่างของ Sister Hirday Pushpaji
ตั้งแต่สมัยเด็ก ฉันจำได้เมื่อไรที่ได้ยินข่าวการแต่งงานของญาติของฉัน ฉันรู้สึกมีความไม่สงบสุข แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น และแล้วก็ถึงวันแต่งงานของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังร่ำไห้อย่างไม่หยุด ความปรารถนาจะอยู่อย่างใช้ชีวิตทางดวงวิญญาณกระตุ้นภายในเสมอ ๆ ความกระจ่างชัดในสำนึกของฉันได้ปรากฏใกล้ ๆ
ในที่สุดวันแต่งงานของฉันก็มาถึง ฉันรู้สึกเหมือนกับวันตายของฉันได้มาถึงแล้ว แต่ไม่มีทางหนี โชคดีเป็นอย่างมาก สามีของฉันเป็นคนอยู่ในหนทางจิตวิญญาณโดยธรรมชาติ และเขาไม่มีความทะยานอยากในจิตใจของเขา ไม่มีแม้แต่ในแววตาของเขาจะมีร่องรอยของการดึงดูดที่เป็นกิเลส ดังนั้นเราอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เมื่อเขาป่วยฉันดูแลเขาด้วยความศรัทธาที่นางพยาบาลมี แต่ไม่เคยมีในจิตใจที่จะเกิดราคะตัณหาระหว่างสามีและภรรยา
ถึงแม้ว่าทั้งยาและความเอาใจใส่มีอย่างพร้อมมูล แต่อาการของเขากลับทรุด ดังนั้นเขาจากร่างของเขาไปหลังการแต่งงานได้ 3 เดือน พ่อแม่กลายเป็นคนท้อแท้ ฉันก็ไม่มีความสุขเช่นกัน เมื่อไม่นานฉันคือหญิงโสดที่เต็มไปด้วยอิสระ แต่ตอนนี้ผู้คนมองฉันเป็นหญิงหม้าย น้องชายของฉันตายเมื่ออายุยังน้อย พ่อแม่ของฉันยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่ตกใจนั้นเลย น้องชายของฉันคือแก้วตาดวงใจของท่านทั้งสอง พวกเขายิ่งซึมเศร้าหนักยิ่งขึ้น มองเห็นความหมดหวังของทั้งสองได้เพิ่มความทุกข์ให้กับฉันอีก ข่าวความโศกเศร้าของเราแพร่กระจายไปยังผู้คนในไฮดราบัด เพราะครอบครัวของเราร่ำรวยและเป็นที่รู้จักกัน สุดท้ายบาบาก็ได้ยินเรื่องของพวกเรา
ฉันได้ฟังเรื่องราวของ โอม บาบา มามากเช่นกัน ว่าพวกคนที่เข้าร่วมในการชุมนุมทางจิต ได้พบกับความสงบทางจิตวิญญาณ และแม้แต่ได้ประสบการณ์นิมิต ดังนั้น วันหนึ่งฉันไปยังที่ชุมนุม ฉันเฝ้าดูท่านอย่างละเอียด ฉันเข้าใจได้เลยว่าที่พวกเขาพูดกันคือความจริง ความสงบที่สง่างามไหลรินออกมาจากท่าน เพียงแค่เริ่มมานั่งอยู่ตรงหน้าท่าน ฉันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที บาบาถามฉันว่า "เธอคือใคร ?" " เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร ?"
ฉันตอบว่า "ฉันคือหญิงที่ไม่มีความสุข" บาบาถามอีกครั้ง โอ.เค "บอกฉันซิว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความสุขหรือเต็มไปด้วยความทุกข์" ฉันตอบว่า "โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์อย่างใหญ่หลวง" บาบาบอกให้นั่งลง ท่านเรียกฉันไปนั่งใกล้ท่านและดึงภาพของมนุษย์ออกมา ชี้ให้เห็นดวงวิญญาณที่อยู่ระหว่างคิ้วและอธิบายง่าย ๆ ดูร่างนี้ประกอบขึ้นด้วยวัตถุธาตทั้ง 5 มันแตกสลายได้ แต่ดวงวิญญาณซึ่งภายในมันประกอบด้วย จิตใจ สติปัญญา และรอยประทับ หรือนิสัยส่วนบุคคล ดวงวิญญาณเป็นสำนึกที่มีสติรู้คิด เป็นอมตะ และ ไม่สามารถจะถูกทำลายได้
ลูกพ่อ ... สองสิ่งนี้ แยกจากกัน ร่างนั้นตายและถูกนำไปเผา ดวงวิญญาณนั้นไม่สามารถเผาไหม้ได้ มันจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง เอาละ...บอกพ่อสิว่า....ลูกเป็นอะไรในสองสิ่งนี้ ลูกเป็นร่างกายที่ทำด้วยวัตถุทั้ง 5 หรือ ลูกเป็นดวงวิญญาณ...
ฉันอึ้งไป ม่านที่ปิดบังดวงตาฉันได้ถูกชักขึ้น ฉันตอบว่า.... บาบาตามที่บาบาอธิบายมา ฉันเป็นดวงวิญญาณ
บาบาตอบว่า...ลูกเอ๋ย... ธรรมชาติของดวงวิญญาณนั้นคือ ความสงบ ความไม่สงบนั้นคือธรรมชาติของ (ปากิตติ) ธาตุวัตถุ กับการเข้าใจว่าเราเป็นวัตถุธาตุเหล่านั้น ลูกกลับกลายเป็นความไม่สงบ เอาละตอนนี้ บอกพ่อซิว่าใครพูดว่า "ฉันคือผู้หญิงที่ไม่มีความสงบ" ลูกคือผู้หญิงที่ปราศจากความสุข หรือลูกเป็นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความสงบ
ในโอกาสที่ได้รับฟังเช่นนี้ แสงสว่างในฉันได้ถูกจุดขึ้น "ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบสุข" ฉันได้รับประสบการณ์ของสัจจะจากคำพูดของบาบา จงหันเหสติปัญญาของลูกออกไปจากสำนึกของความเป็นร่างกายที่ประกอบจากธาตุ จงเป็นผู้ที่ปราศจากร่าง จินตนาการที่ตัวลูกเอง ในรูปของลูกที่เป็นอมตะและไม่มีวันตาย เป็นดวงวิญญาณที่สงบ ดูซิว่าลูกเป็นใคร.... ลูกเห็นไหมว่ารูปที่จริงของลูกเป็นเช่นไร
ในขณะที่บาบาพูด ฉันได้เข้าไปอยู่ในสภาพของสำนึกอื่นเสียแล้ว "ฉันลืมร่างนี้จนหมดสิ้น" ฉันเห็นว่าตัวฉันเป็นจุดแสง โบยบินสูงขึ้น ๆ เข้าไปสู่อาณาเขตของความสุขที่ไร้ขอบเขต ฉันนั่งอยู่เช่นนั้นเกือบ 2 ชม. ในสภาพของการอยู่ในสมาธิที่เป็นธรรมชาติ
เมื่อฉันลงมาสู่สภาพปกติ บาบา เรียกหาฉันและถามฉันว่า "ลูกเป็นใคร" ฉันตอบ "ฉันคือดวงวิญญาณ" บาบา ถามอีกครั้ง เอาละตอนนี้ลูกมีความสุขหรือมีความทุกข์ ฉันพูดว่า มันเป็นความสุข บาบาหัวเราะและแล้วพูดว่า "เอาละนะ...จำไว้นะ...จำไว้.. และจงทำบทเรียนวันนี้ให้เป็นสมบัติของลูก ลูกพรุ่งนี้พ่อจะให้บทเรียนอื่นกับลูก
ในขณะนั้น โดยที่ไม่ได้คิดมาก่อน ฉันเริ่มร้องเพลงออกมา
ท่านพูดเพียงหนึ่งคำและฉันก็ถูกปลุกขึ้นมา
หัวใจของฉันได้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล ณ ก้นบึ้ง
บัดนี้ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร ดวงวิญญาณในร่างกาย
จากบ้านแห่งวัตถุธาตุนี้ ฉันรู้วิธีการว่าจะบินไปอย่างไร
ในชั่วขณะจิตหนึ่งท่านทำให้ฉันกลายเป็นโยคี
ท่านพาฉันขึ้นไปยังบ้านที่สูงสุดเบื้องบนนั้น
ฉันเป็นดวงวิญญาณ ร่างกายนี้เป็นธาตุ
ฉันเป็นอมตะ ร่างกายนี้ต้องถูกเผา
ด้วยการให้ความรู้แก่ฉัน ท่านจับฉันนั่งบนบัลลังก์ที่สูงที่สุด
ท่านชี้หนทางของความบริสุทธิ์ให้กับฉัน
ท่านจับฉันนั่งไว้บนบัลลังก์ที่สูง
ท่านแสดงหนทางที่บริสุทธิ์กับฉัน
ท่านได้ปลุกฉันจากการหลับไหล ณ ก้นบึ้ง
เมื่อฉันไปพบบาบานั้น น้ำตาคลอเบ้า แต่เวลานี้ฉันกำลังกลับบ้านด้วยเสียงหัวเราะในความซาบซึ้งอันสูงส่ง เมื่อฉันถึงบ้านฉันเล่าให้แม่ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกันฉัน แม่เห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันมองดูหน้าที่แสนเศร้าของท่านและพูดว่า "ทำไม..แม่น้ำตาคลอเช่นนั้น" ดวงวิญญาณไม่สามารถถูกทำลายได้ เป็นอมตะ แม่เป็นรูปของความสงบ แม่รู้สึกถึงพลังที่ได้ฟังเช่นนั้น ความสิ้นหวังของแม่ได้มลายหายไปชั่วครู่ แม่บอกฉันให้ฉันไปฟังบาบาพูดความรู้ทุก ๆ วัน และกลับมาเล่าให้แม่ฟังทุกวัน สิ่งหนึ่งที่บาบาพูดหลังจากนั้นไม่นาน ฉันเล่าเรื่องของแม่ เกี่ยวกับความทุกข์ให้ บาบาฟัง บาบาพูดว่า ตกลง เราจะไปพบแม่ของลูก ทันใดนั้น บาบาลุกขึ้นและไปทันที บาบามาถึงยังบ้านเราและพบกับแม่
ทันทีที่สายตาของแม่พบกับสายตาของบาบา แม่เข้าสู่ภวังค์ ตระหนักรู้ว่าตนเองที่แท้จริงมีธรรมชาติเป็นเช่นไร แม่ได้นิมิตของเทพวิษณุ 4 กร ความงามที่เกิดขึ้นจากความสงบเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ แม่อยู่ในสมาธิอย่างใจจดใจจ่อเป็นเวลานาน หลังจากเสร็จการนั่งสมาธิ แม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนกับบาบา และ บาบา ก็อธิบายความรู้ของพระเจ้าให้กับแม่
ในหนทางนี้ มีคนมากมายได้รับความสงบภายในจิตใจยาวนาน พวกเขาได้รับประสบการณ์กับพระเจ้า พระเจ้าได้มาปัดเป่าความมืดที่ปกคลุมอยู่ด้วยการปกครองแบบเผด็จการของความทุกข์ และก่อตั้งศาสนาที่แท้จริงของความสงบภายใน
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 4
Labels:
อดิเทพ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment