Tuesday, February 25, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 21


พันดาพ และ คูราวาส
ห้องฝึกสมาธิของสัตสังบาวันถูกไฟไหม้เสียหาย ดังนั้นการชุมนุมได้ย้ายเข้าไปอีกอาคารหนึ่ง ชื่อว่า โอมนิวาส ที่นั้นงานของสถาบันของพระเจ้าดำเนินต่อไปเหมือนแต่ก่อน
โอมนิวาส เป็นอาคารที่ใหญ่มาก ในเวลานั้นมันไม่ได้ใช้เป็นสัตสังเท่านั้น ยังเป็นโรงเรียนสำหรับเด็ก ๆ ด้วย และบาบาก็พักอยู่ในอาคารนั้นด้วย บรรยากาศเงียบและสะอาด กระจายไปด้วยกระแสของความศักดิ์สิทธิ์ การศึกษาและซึมซับความรู้สูงสุดดำเนินไปด้วยจังหวะที่ช้า ๆ แต่หนักแน่น ด้วยผลสำเร็จที่ยอดเยี่ยม

วันหนึ่ง ตอน 5.30 น เด็กหญิงที่อาศัยอยู่ในโอมนิวาส ขึั้นรถออกไปกับครูของเขา การไปศึกษานอกสถานที่เช่นนี้เป็นการกระทำเป็นปกติของทางโรงเรียน  แต่ในโอกาสนี้ขณะที่เด็ก ๆ ออกไปข้างนอกแล้ว กลุ่มแอนตี้ มาถึงและล้อมอาคารเอาไว้ การเผชิญหน้าที่โด่งดังกำลังจะเกิดขึ้นตามมา

คณะกรรมการแอนตี้โอมมันดาลี เฝ้าครุ่นคิดมาตั้งแต่ใช้ความพยายามวางเพลิงว่ามาตราการใดที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จมากกว่า  การโจมตีด้วยคบเพลิงที่มีผลตรงข้ามจากที่คาดหมายไว้ และประชาชนของเมืองด่าประฌาม และวิจารณ์อย่างเลวร้ายที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมความรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดวิธีใหม่ พวกเขาจะทำตามมหาตมะคานธี ผู้ซึ่งในเวลานั้นได้มีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการใช้วิธีไม่ใช่ความรุนแรงหรืออหิงสาล้อมไวั้ ชัยชนะทำให้อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษด้วยการใช้วิธีการเช่นนี้  ในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ การต่อต้านการชุมนุมทางดวงวิญญาณซึ่งมิได้ให้โทษกับผู้ใด และคำสอนนี้ก็เป็นไปเพื่อสันติสูงสุด มันเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะและทำไปโดยมิได้มีความละอายแก่ใจเลย แต่คณะนี้รู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับความนิยมสนับสนุนจากอุบายเช่นนี้ และบีบบังคับให้โอมมันดาลี ยอมตามความต้องการของพวกเขา

เพื่อให้เกิดผลสูงสุด พวกเขาใช้อำนาจโน้มน้าว ผู้นำของปัจชายาท รัฐบาลท้องถิ่น นำในการล้อมรั้ว เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าเชื่อถือ  พวกเขาแน่ใจว่าหนังสือพิมพ์ต้องมาทำข่าวเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น 7 โมงเช้า เมื่อพี่น้องชายหญิงของครอบครัวที่ศักดิ์สิทธิ์มาถึงยังสัตสัง เพื่อฟังความรู้ พวกเขาพบฝูงชนขวางประตูทางเข้า  โอมนิวาสถูกล้อมหมดทุกด้าน  โดยพวกกระทำการด้านหน้าเป็นพวก ปัจชายาท และพวกผู้นำของกลุ่มแอนตี้โอมมันดาลี มีนักธุรกิจหลายคนยืนรวมอยู่กับพวกนี้ และมีพวกผู้หญิงด้วย ทางด้านกลุ่มนักเดินขบวนผู้รับเงินกลุ่มใหญ่และผู้ประพฤติชอบทั่ว ๆ ไป ที่ประตูใหญ่มีคนนอนขวางถนน 15-20 คน ปิดกั้นทางเข้ามิให้ยานพาหนะใด ๆ ผ่าน

ลูกบาบาที่มาถึงตอนเช้าส่วนใหญ่เป็นแม่และผู้้ชายที่โตแล้วยืนอย่างสงบในแถวเรียงเดี่ยว เผชิญหน้ากับนักเดินขบวน พวกเขามิได้พยายามที่จะเดินฝ่าเข้าไป หรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการท้าทายพวกคนเหล่านั้น อหิงสาจะต้องพบกับอหิงสา เหมือนอย่างเช่นความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พบกับอหิงสา เมื่อพวกเขาเห็นรั้วฝูงชน พวกเขาทั้งหมดลงจากรถและยืนเข้าแถวในกลุ่มเพื่อน ๆ ทางดวงวิญญาณ พวกเขามองด้วยสายตาแห่งความรักไม่ยังกลุ่มผู้ประท้วง  ส่งกระแสความสงบและความปรองดองไปยังพวกเขา พวกเขาเพียงแต่ต้องการเข้าไปข้างใน  ไปฟังพระเจ้าพูดสอนและเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตที่สูงส่งว่าต้องทำอย่างไร

พวกประท้วงปฏิเสธที่จะให้พวกเขาผ่าน บอกให้พวกเขากลับบ้าน ผู้ปิดล้อม ผู้มีจำนวนมากกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับพี่น้องชายหญิง ความต้องการของพวกเขาเพื่อหยุดการสอนการฝึกฝนความบริสุทธิ์ฟังดูน่าหัวเราะเยาะ แม้แต่คำพูดที่ออกมาจากปากพวกเขาเองเป็นไปได้อย่างไรที่การกระทำที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ถูกกระทำอย่างเปิดเผย ??  มันเป็นฉากที่ไม่มีในคัมภีร์กีตะ ทางด้านหนึ่งเป็นกองทัพของคูราวาส กองกำลังต่อต้านศาสนาพวกไร้ศีลธรรม พวกที่ไม่มีความยุติธรรม อีกด้านหนึ่งเป็นกองทัพพันดาพ ชัคตี ขุมกำลังของความบริสุทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์และด้านในที่กำลังเฝ้าดูทั้งสองฝ่ายเรียงหน้าเพื่อเข้าประจัญบานกันเป็นอรชุน เป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ดวงวิญญาณบริสุทธิ์นั่นคือ บราห์มาบาบาและที่อยู่กับท่านคือตัวพระเจ้าเองชิพบาบาผู้ซึ่งให้คำแนะนำว่าการเผชิญหน้าต้องดำเนินต่อไป ฝูงปีศาจต้องพ่ายแพ้ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

ดูราวกับเป็นสงครามข้างเดียว ถ้าเปรียบเทียบจำนวนที่มากมายมหาศาลของคูราวาส มีพันดาพเพียงห้าเท่านั้นที่สนับสนุนพระเจ้าและก็ยังมีความช่วยเหลือออกมาจากโอมนิวาส สตรีข้างในเริ่มร้องเพลง

โอ มนุษย์ เอาเวลาของพวกเจ้าไปทำอะไร
พวกเจ้าต้องการไป ณ ที่ใดหรือ ?
เจ้ามาจากประเทศใด ?
เจ้าเคยอยู่ที่ใดก่อนที่เจ้าจะลงมาบนโลกนี้ ?
วัยเด็กของเจ้าสิ้นสุดแล้ว ความหนุ่มสาวได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วัยชรากำลังนำเจ้าไปสู่จุดจบ 
หลังจากนั้นอะไรเกิดขึ้น ? เจ้ารู้ไหม ?
เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าจะไปที่ใด ? เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามาจากที่ใด ? เจ้ากำลังคิดอะไรขณะที่เจ้ายืนอยู่ที่นั่น ?

เจ้าผู้ซึ่งไม่รู้สัจจะเลยแม้แต่น้อย ทำไมเจ้าจึงต้องต่อต้านความรู้ของพระเจ้า ?
เจ้านั้นอัดแน่นอยู่ด้วยความทะนงในความร่ำรวยและอำนาจ
แต่ความจริงเจ้าไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
หนทางแท้จริงสามารถแสดงโดยผู้เดียว
ดังนั้นจงเข้าใจความหมายในทุก ๆ การกระทำที่เจ้าแสดงอยู่
อย่าเสียเวลาของเจ้าอยู่เลย
โอ มนุษย์ อะไรคืออนาคตที่เจ้าแสวงหา
โอ มนุษย์ ประสานสติปัญญาของเจ้ากับพระเจ้าซิ
จงมาเอาสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งพ่อของเจ้ามามอบให้
อย่าสูญเสียความสุขเพราะการชักจูงที่ผิด

ผู้ปิดล้อมได้ยินเสียงเพลงและไม่มีอะไรที่พวกเขาจะพูด บรรดาแม่ร้องด้วยเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล ซึ่งแม้แต่คนที่หัวใจหยาบกระด้าง ต้องยอมรับความไพเราะนุ่มนวลของพวกเขาและพวกเด็ก ๆ ที่ยืนเป็นแถวด้านนอกสวมใส่ชุดซึ่งเปล่งปลั่งไปด้วยพลังโยคะ ใครล่ะที่จะมองเห็นดวงวิญญาณเช่นนี้ว่าเป็นศัตรู ?  ใครล่ะที่เห็นแม่บ้านเหล่านี้และติเตียนด้วยดวงตาที่ชั่วร้ายในฐานะที่พวกเขาต้องการความบริสุทธิ์ ใครกล้าที่จะบอกพี่น้องชายเหล่านี้ที่มีความปรารถนาที่จะอยู่อย่างพรหมจรรย์เป็นความผิด ?

ทั้งสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ผู้ปิดล้อมอยู่เพราะพวกเขาอยู่ภายใต้เงื่อนไขและได้รับค่าจ้าง  พี่น้องชายหญิงของโอมมันดาลีอยู่เพราะไม่มีอะไรมาขวางกั้นพวกเขาจากการอยู่กับพระเจ้า

เวลาผ่านไปไม่ช้าทั้งเมืองก็เริ่มรู้เรื่องการเผชิญหน้ากันนี้  ฝูงชนที่อยากรู้และเฝ้าดูก็มาถึงเพื่อสังเกตการณ์ ทุก ๆ ที่มีคำถามเกิดขึ้น และมีการถกเถียง ใครจะชนะสงครามแห่งเจตนารมณ์นี้ ?

ข่าวของการปิดล้อมกระจายไปทั่วเมือง  ข่าวไปถึงหูของเหล่าสตรีและเด็กหญิงที่ถูกขังอยู่ในห้องโดยครอบครัวของตนเองและอย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้ซึ่งถูกล้อมไว้ถึงสิบชั้นก็หาหนทางเพื่อหนีออกมา ได้ใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทางด้วยตนเองและด้วยความช่วยเหลือของบาบา พวกเขาสามารถหนีออกจากบ้านได้และวิ่งไปที่โอมนิวาส  คนหนึ่งในจำนวนนั้นคือคนที่หนีออกจากบ้านและถูกจับคือโกปี้ ผู้ซึ่งเป็นหลานของนักธุรกิจมีชื่อคนหนึ่ง ตอนนี้เธอหนีไปรวมพลังกับเหล่าพี่น้องในยามคับขัน 

เมื่อโกปี้มาถึงที่เกิดเหตุ ปู่ของเธอกำลังยืนอยู่บนแท่นปราศรัย กำลังปราศรัยกับฝูงชนที่มาชุมนุม เขากำลังสรรเสริญกลุ่มผู้ปิดล้อมที่กล้าหาญ จับลูกสาวของตนขังเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันดูเหมือนโหดร้าย แต่มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเด็กเอง  ด้วยความภาคภูมิอย่างยิ่ง  เขาประกาศว่าตัวเขาเองได้จับทั้งลูกสาวและหลานสาวขังไว้  กักขังพวกเขาไว้ในห้องที่บ้านโดยใส่กุญแจถึง 13 ดอก เขาโอ้อวดว่าแม้แต่ถ้าพวกเขามีความพยายามราวกับซุปเปอร์แมน พวกเขาก็ไม่สามารถออกมาได้ ในระหว่างการคุยโวหลานสาวก็โผล่ขี้นมาตรงหน้าเขา เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน เขาอ้าปากค้าง ลูกนัยตาราวกับจะพลิกกลับขึ้นไปบนหัว นี่มันมากเกินไปสำหรับเขา เขาถูกมองด้วยความประหลาดใจและก่อนที่เขาจะคิดจะพูดอะไรได้ คนดูก็จำโกปี้ได้และพวกเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างดังสนั่น  ด้วยความขายหน้า นักธุรกิจผู้นั้นรีบเดินหนีไปด้วยความอับอายขายหน้า

วันเปลี่ยนไปสู่ช่วงที่ร้อน  เมื่อเวลาหมดไปผู้ปิดล้อมเริ่มเหนื่อย  พวกเขาดื่มน้ำโซดาเป็นแกลลอนและชาเย็น  บางคนดื่มเบียร์ บางโอกาส บางคนในหมู่พวกเขาเอาน้ำมาให้เด็กหญิงที่อยู่ในแถวที่อยู่ตรงข้ามดื่ม เด็ก ๆ หลายคนอายุยังน้อยมากและเป็นสิ่งที่ยากที่ร่างกายจะยืนหยัดอยู่ในช่วงที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะ  แต่เด็กหญิงปฏิเสธที่จะยอมรับอาหารและน้ำดื่มใด ๆ จากคนที่มีแต่ความทะยานอยาก พวกเขาอยู่ในสมาธิและวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับพวกเขา แต่สำหรับพวกปิดล้อมเวลาจะผ่านไปอย่างช้า ๆ ความแน่วแน่ของพวกคูราวาก็เริ่มอ่อนลง

พวกปิดล้อมพยายามที่จะรักษาหน้าด้วยการบอกพวกเด็ก ๆ ให้เข้าไปข้างในได้  แต่ลูก ๆ ของบาบาปฏิเสธที่จะขยับเขยื้อนจนกว่าพวกปิดล้อมจะถอยไป  นักเดินขบวนเข้าใจว่าเด็ก ๆ จะอยู่ที่นั่นทั้งคืนถ้าจำเป็นและบัดนี้ ฝูงชนเริ่มเข้าข้างวีรสตรีตัวน้อย ๆ เหล่านั้น อย่างช้าๆ จำนวนผู้ปิดล้อมเริ่มลดลงทีละคนทีละคน พวกเขาคลานหนีไป ในที่สุดหัวหน้าทั้งหลายบอกพวกเขาให้กลับบ้าน สงครามได้ยุติลงสำหรับวันนี้

มันเป็นชัยชนะของกองทัพ พันดาพ ชัคตี ที่ไหนมีพระเจ้าที่นั่นต้องมีชัยชนะ แต่นี่เป็นเพียงสงครามเล็ก ๆ สงครามหนึ่งในสงครามที่ขยายออกไป ในวันรุ่งขึ้นพวกนักปิดล้อมถูกครอบงำด้วยความทะยานอยากกลับมาอีก พวกเขาได้ตกลงใจแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครสักคนเล็ดลอดเข้าไปในโอมนิวาส  จำนวนผู้เฝ้าดูที่ใคร่รู้เรื่องหลายพันได้ออกมาดู แต่วันที่สองก็คล้าย ๆ กับวันแรก ลูกของบาบา ยืดอยู่ในที่มั่นของตนและทนได้นานกว่าพวกนักเดินขบวน

มุคคี และคนสนิทมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเอาชนะนักรบแห่งความบริสุทธิ์ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เหล่านี้  ดังนั้นวันที่สาม พวกเขามาพร้อมกับการเตรียมการใช้ความรุนแรง ความเครียดเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ปิดล้อมแต่งชุดดำ พันดาพแต่งชุดขาว พวกนักประท้วงพยายามกระตุ้นพวกพันดาพ ทำหรือพูดอะไรก็ได้ซึ่งพวกเขาสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการเริ่มเข้าต่อสู้ แต่ลูกบาบาไม่ยอมขึ้นมาล่าเหยื่อ

คำสั่งจากแอนตี้ พาตี้ อันธพาลผู้ก่อการร้ายเริ่มแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ทำหยาบคายต่อพวกที่เข้าข้างกับกองทัพของพระเจ้า  ในที่สุดข้าราชการในรัฐบาลซินดิ  ก็แทรกแซง (ซึ่งเขาควรจะจัดการเรื่องก่อนหน้าเมื่อ 3 วันที่ผ่านไป) และหยุดผู้ปิดล้อมจากการกระทำดังกล่าว หัวหน้าบางคนที่ฉลาดในเมืองก็เริ่มเปิดปากว่าพวกแอนตี้โอมมันดาลีทำเกินไป พวกเขาไม่ควรจะรังควานเด็กเล็ก ๆ คนที่มีชื่เสียงเขียนข้อความตัดสินว่ากลยุทธ์ของกลุ่มนี้ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประฌามการใช้กำลัง

ภายใต้แรงกดดันผู้พิพากษาประจำมณฑล ฟ้องร้องผู้ที่สร้างปัญหาภายใต้กฏหมาย 112 และ 107 จากโอมมันดาลี ก็มีห้าคนที่ถูกหมายศาลเรียกภายใต้กฏนี้ คนหนึ่งในห้า  คือ ดาด้า

ข้อกล่าวหาของคนทั้งห้าคือ "รบกวนความสงบ" ซึ่งเป็นพฤติกรรมซึ่งไร้ซึ่งเหตุผล ฝูงชนที่ก่อจลาจลวางกำลังเข้าโอบล้อมโจมตี บ้านของ ดาด้า ซึ่งไม่ได้ไปกระตุ้นอะไรเลย พวกเขาขว้างปาก้อนหินและพยายามจะวางเพลิงอาคาร ไม่มีสมาชิกคนใดของโอมมันดาลี ไปโตัเถียงเพื่อการแก้แค้น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายืนที่ประตูของตนเองเพื่อป้องกันทรัพย์สิน

ความไม่ยุติธรรมเช่นนี้มีปรากฏทั่วไปในยุคเหล็กขณะนี้ เหยื่อผู้บริสุทธิ์ของความเกลียดชังที่มืดบอดถูกลงโทษไปพร้อมกับผู้กระทำความผิดที่ก่ออันตราย

แน่นอน กรณีของโอมมันดาลี มีการอุทธรณ์ คำตัดสินถูกเขียนโดยศาลสูงและบรรดาคณะลูกขุน พวกเขาหาข้อผิดพลาดอย่างเข้มงวดกับผู้พิพากษามณฑลที่ตัดสินลงโทษโอมมันดาลีและการตีความที่เชื่อถือไม่ได้ของผู้พิพากษา ความเห็นสรุปว่ากฏหมายถูกนำมาใช้อย่างผิด ๆ 

โอมมันดาลีเพียงแต่ดำเนินงานตามความเชื่อทางศาสนาในรูปแบบที่มีความสงบ นั้นคือความคิดเห็นที่ได้เริ่มขึ้น มันเป็นผู้อื่นที่เป็นผู้ทำลายความสงบ และถ้าการชี้ขาดของศาลชั้นต้นได้รับการพิจารณาให้คงไว้ก็มีความคิดว่าผู้ทำการปรับปรุงพัฒนาสังคมทุก ๆ ที่จะต้องถูกคุกคามอย่างรุนแรง  ในที่สุดรัฐบาลได้ยอมรับว่าโอมมันดาลีไม่ได้มีการกระทำใด ๆ เป็นการก่ออาชญากรรม พวกเขาได้ถูกทำร้ายโดยไม่มีความเป็นธรรมและเป็นผู้บริสุทธิ์โดยมิได้มีการกระทำผิดใด ๆ 

อ่านต่อ  >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 22


No comments:

Post a Comment