Monday, July 29, 2013
ละครนั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม
นี่คืองบดุลของบัญชีที่สวยงามมากในหมู่ดวงวิญญาณในละคร บนพื้นฐานของกรรมของพวกเขาและผลของมัน บนพื้นฐานของความเพียรและโชคของมัน ละครนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
เกมนั้นประกอบด้วยความสุขและความทุกข์ แต่บัญชีของความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นมีพื้นฐานอยู่บนกรรมของเขาเอง เขาเข้าใจความยุติธรรมของละครเมื่อเขาเข้าใจความล้ำลึกของกฏและหลักการของกรรม
-กฏแห่งกรรมและผลของมัน ความสุขและความทุกข์ใช้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างทัดเทียมกัน
-ทุก ๆ ดวงวิญญาณประสบกับความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาของเขาและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นความทุกข์ ในตอนจบทุก ๆ คนจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท (ความสุข - ความทุกข์ = 0) และแล้วก็กลับบ้าน
-ละครนั้นเป็นเกมของชัยชนะและความพ่ายแพ้และยุคบรรจบพบกันเป็นเวลาของชัยชนะสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ แต่ทุก ๆ ดวงวิญญาณเข้าไปสู่ยุคบรรจบพบกันในเวลาของเขาเอง ตามบทบาทของเขาในละคร บัดนี้เป็นเวลาสำหรับชัยชนะของพวกเรา ดังนั้นการสนุกสนานเพลิดเพลินกับชัยชนะ ณ เวลาแห่งชัยชนะนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาด
-ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ นั่นคือในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง เราจะดูละครด้วยความรู้สึกและทัศนคติที่เป็นกลาง เราสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงได้ในความสุขและความทุกข์ ชัยชนะและพ่ายแพ้ คำสรรเสริญและคำประฌาม ความเคารพหรือการสบประมาท ในขณะที่อยู่ในสำนึกที่เป็นร่าง เราจะไม่สามารถอยู่อย่างละวางได้ และดังนั้นเราก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโดดเด่นและความตกต่ำของละครและโซ่นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนจบ
-แต่ละดวงวิญญาณเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและมีสิทธิ์ในมรดกของพ่อ ทั้งหมดได้รับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตตามบทบาทของพวกเขา
-ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความรู้เกี่ยวกับละครและดังนั้นทั้งหมดจึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts) และเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts) ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อการบรรลุผลของความรู้ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับบทบาทของพวกเขาในละคร (Every one has an equal right to the attainment of knowledge independent of their part in the drama)
-การมีความรู้เกี่ยวกับละคร เราสามารถรู้ถึงบทบาทของทุกดวงวิญญาณและดังนั้นจึงรักษาความสมดุลของความรู้สึกที่มีต่อทุกคนและการให้คุณประโยชน์ต่อโลกก็แฝงอยู่ในนั้น
- ในละครทางโลกถ้าพระราชาได้รับบทบาทให้แสดงเป็นคนจน เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนจนหรือ? และถ้าคนจนได้เล่นบทเป็นพระราชา เขาจะรู้สึกว่าเขาเองเป็นพระราชาหรือ? คำสรรเสริญจะมีให้แก่ผู้ที่แสดงบทบาทของเขาไ้ด้อย่างถูกต้อง (ตามบทที่เขียนไว้และตามการกำกับของผู้กำกับละครนั้น) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทของการเป็นพระราชาหรือเป็นคนจน และในละครคนจนบางคนสามารถเล่นบทเป็นคนรวยและคนรวยบางคนอาจจะเล่นบทเป็นคนยากจน แต่เบื้องหลังฉากของละครนี้เราืทั้งหมดเป็นนักแสดง เป็นลูกรักของพ่อสูงสุด ลูก ๆ ทุกคนรักพ่อของพวกเขาและพ่อก็รักลูก ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
-เราจะรู้สึกถึงความยุติธรรมและความสนุกสนานของละครก็ต่อเมื่อเราเป็นผู้ละวางจากร่างและโลกทางร่างได้ 100% แต่สำหรับสิ่งนั้นความบริสุทธิ์ 100% เป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ 100% และเล่นบทบาทของท่าน ท่านมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณตลอดกาลเพราะว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ตลอดกาล (ท่านคงอยู่อย่างละวางจากร่างของบราห์มาและจากความเจ็บป่วยและความทุกข์ของดาดี้กูลซาร์ด้วยเช่นกัน) เราควรจะทำความเพียรเพื่อที่จะอยู่อย่างละวางเช่นเดียวกัน ทุกดวงวิญญาณต้องทำความเพียรของตนเองและละครจะช่วยให้ดวงวิญญาณทำความเพียรด้วยเช่นกัน
-ไม่ว่าบทบาทของใครจะเป็นอะไร ดวงวิญญาณก็รักบทบาทนั้นและถูกดึงโดยบทบาทนั้นและมีความสุขในการเล่นบทนั้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งความสงบเป็นระยะเวลาอันยาวนานในขณะที่ละครดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะต้องการความสงบและก็จะทำความเพียรเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของยุคทองจะต้องการการหลุดพ้นในชีวิตและจะทำความเพียรเพื่อให้ได้รับสิ่งนั้น
-ความสนใจของนักแสดงทุกคนควรจะอยู่ที่บทบาทของตนเอง ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคตหรือความสนใจของเขาถูกดึงไปยังบทบาทของดวงวิญญาณอื่น เขาก็ทำให้บทบาทของเขาเสีย เขาจะต้องสนใจต่อการบรรลุผลของเขาเองเพื่อที่จะได้รับประโยชน์
-ถ้าเราดูฉากที่แตกต่างของละครด้วยความสนใจในบางสิ่งบางอย่างเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่า แม้ว่าดวงวิญญาณอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจากร่างไป นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาต้องการที่จะเล่นบทนั้นมากกว่าถึงแม้ว่าเขาอาจจะยากจนหรือเจ็บป่วย
-ในละครทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้วและจะซ้ำรอยในเวลาของมันเอง กฏแห่งกรรม ความเพียรและโชคของมัน ใช้ได้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
"ไม่มีใครสามารถถูกปลดปล่อยออกไปจากการเล่นบทบาทของเขาได้ ทุกคนจะต้องมาตามละคร เขาจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์ในปริมาณที่เท่ากัน" SM 21/09/98 revised
ทุก ๆ เหตุการณ์ของละครนั้นยุติธรรมและให้ประโยชน์ ในผู้ที่ไม่มีความรู้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคลและไม่ให้คุณประโยชน์ ละครนั้นทำขึ้นมาอย่างถูกต้องแม่นยำและมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่มีชีิวิตเล่นบทบาทของพวกเขาเองซ้ำรอยเดิม ณ เวลาของพวกเขา และตามเวลาสิ่งที่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่มีชีวิต อย่างเป็นอัตโนมัติ แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลของกรรมของเขาโดยธรรมชาติในเวลาที่ถูกต้อง
แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลตามกรรมและตามความเพียรอย่างแน่นอน
ทุกดวงวิญญาณได้ชาติเกิดตามธรรมชาติและสันสการ์ของเขา
การลืมเป็นพื้นฐานสำคัญในละครนี้ มันสร้างความรู้สึกว่าทุกฉากนั้นใหม่และน่าสนใจ มีกลไกหลัก 5 ประการที่ทำให้เขาลืมคือ
1. การลืมเพราะเวลาที่ผ่านไป
2. การลืมหลังการนอนหลับ
3. การลืมหลังความตาย
4. การลืมผ่านโยคะ
5. เมื่อวงจรสิ้นสุดลงดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลับบ้านพวกเขาลืมทุก ๆ สิ่งอย่างสิ้นเชิง
วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของการลืมสามารถเห็นได้จากการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในบางกรณีของความผิดปกติทางจิตใจ การลืมเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างสามารถให้ความรู้สึกสดชื่นและพอใจแก่ดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยรู้สึกว่าผู้ใดทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าประสบกับการสูญเสียมันเป็นเพราะว่าเราเองนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ
"แม้แต่ความทุกข์ทรมานของกรรมก็สามารถเห็นได้ว่ามีประโยชน์เพราะว่ามันชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และสะสางบัญชีกรรมและก็ทำให้ดวงวิญญาณเบาสบาย อย่าได้รู้สึกประหลาดใจในละคร บ้านถูกสร้างขึ้นมาและจะพังทลายไปอีกครั้งและมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น จงเข้าใจในละครนี้" SM 01/04/72
"ถ้าลูกจำไว้ว่า "wah drama wah" "วา ละคร วา" ลูกจะมีความสุขอยู่เสมอและผ่านลูก งานรับใช้มากมายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" ABD 01/01/79
อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละคร มีประโยชน์ รายได้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางคือตำแหน่งของการได้รับคำสรรเสริญ แล้วความเศร้าโศกของลูกจะจบสิ้นลง ลูกจะเศร้าโศกได้อย่างไรในเมื่อลูกนั้นเป็นตรีกาลดาร์ชิ เป็นลูก ๆ ของพ่อที่เต็มไปด้วยความรู้ ABD 07/03/81
อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดีมาก อะไรที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดีกว่าและอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นดีที่สุด ผู้ที่ไม่เข้าใจละครจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่มันเป็นหลักการที่แสนหวานเป็นอย่างมากของละคร ความทุกข์นั้นเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ของความสุข ในละครนี้มีบทที่สำคัญเท่าเทียมกันสำหรับความทุกข์และความสุข จงตระหนักรู้ในความจริงนี้และทำให้ผู้อื่นตระหนักรู้ถึงความสุขนี้
สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ
1. มีสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ
2. สภาวะของการเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ
3. มีดริสตี (สายตา) ที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
4. เป็นผู้ที่ปราศจากความกลัวและเป็นอิสระจากความเกลียดชัง
5. มีดริสตี (สายตา) และทัศนคติที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
6. เป็นผู้ที่เบิกบานแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ
7. ประสบกับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
8. มีความสมดุลในการสูญเสียและได้ประโยชน์ คำสรรเสริญและการประฌาม
9. มีโยคยุทธ (มีโยคะที่ถูกต้อง)อย่างสม่ำเสมอ
10.เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ
Sweetness Around
Thought for the day
To speak from the heart
means to spread
sweetness around.
When speaking to others we usually speak from our head, or intellect. Words spoken from the head rarely touch the hearts of others. This means they don't create any impact and are soon forgotten. The solution lies in touching the hearts of others when we speak or do that and to speak with our heart as well as our head and fill words with love. When we communicate with others and our words spread sweetness around.
Sunday, July 28, 2013
ความเข้าใจความรู้เรื่องละคร
ทุก ๆ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่ไม่มีวันสูญสลายของตนเองและได้รับผลตามกรรมนั้น ๆ และเราต้องดูละคร ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและทำให้การกระทำของเราสูงส่ง อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอะไรก็ตามที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดขึ้น
ด้วยการรู้สิ่งนี้ ดวงวิญญาณก็สามารถคงอยู่อย่างมีความสุขและจะไม่มีที่เหลือให้กับความทุกข์ ความไม่สงบ ความโกรธ ความกลัว ความริษยาและความวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้คือกิเลสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความไม่รู้
ความบริสุทธิ์คือชีวิต ความบริสุทธิ์หมายถึงสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ เมื่อมีความบริสุทธิ์ ก็มีการถือพรหมจรรย์อย่างเป็นธรรมชาติ และลูกก็จะได้รับสิ่งที่สำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ต้องการ
ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์จะมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ สภาวะของเขาจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักความปรารถนาทั้งหมด เขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดวงวิญญาณทั้งหมด ในเวลาที่ถูกต้องเขาจะมีความคิดที่ถูกต้องอย่างเป็นอัตโนมัติในการที่จะทำสิ่งใด และดังนั้นเขาจะไม่เคยมีความคิดที่ไร้ประโยชน์
หน้าที่ของพวกเราคือการทำความเพียรที่จะคงอยู่ในสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ และเราไม่มีความคาดหวังใด ๆ เกี่ยวกับฉากของละคร เราเข้าใจว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว หน้าที่ของเราคือคงอยู่อย่างปราศจากความกลัวและปราศจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ ปราศจากกิเลสและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด
การคงอยู่ในความสุขในขณะที่เป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและอยู่ในการเป็นเพื่อนของพ่อสูงสุดคือหน้าที่ที่สูงส่งที่สุดในชีวิตของการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้
เนื่องจากนี่คือละครและไม่มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นของฉัน จึงไม่มีเหตุผลที่แท้จริงที่จะมีความผูกพันยึดติด มีความเป็น "ฉัน" และความเป็น"ของฉัน" มีความโกรธ มีความเกลียดชัง หรือมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ คงอยู่ในสภาวะดั้งเดิม(เป็นดวงวิญญาณ)ของลูก เป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์และประสบกับความสงบสูงสุด
ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่สูงส่งอันแสนมหัศจรรย์ ละครนี้ไม่ใช่สติรู้ผิดรู้ชอบ(Conscient) แต่หลักการและกฏของมันนั้นเต็มไปด้วยความจริงที่ยุติธรรมและให้ประโยชน์ และกฏและหลักการนั้นกำลังทำงาน ไม่ว่าเราจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม เช่นที่ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นยุติธรรม ให้ประโยชน์ และมีความรู้สึกที่เท่าเทียมกันต่อดวงวิญญาณทั้งหมด ในทำนองเดียวกันละครก็ยุติธรรม ให้ประโยชน์ และปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นดี ความลับของละครนี้สามารถเข้าใจได้ในยุคบรรจบพบกันเท่านั้น
The power of truth
Thought for the day
The power of truth
will enable you
to learn from your mistakes.
The power of truth within equips us to learn from all situations. When things go wrong we are able to reflect on how to learn from mistakes rather than making excuses to others and ourselves. Making excuses means hiding from the truth and stop us from learning and progressing and we should thinking about something that went wrong today.
Saturday, July 27, 2013
ละครโลกและบัญชีของบาปและบุญ
ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณประสบกับความสุขและองศาของพลังของดวงวิญญาณค่อย ๆ ลดลง แต่ไม่มีบาปหรือบุญเกิดขึ้น บาปและบุญหมายความว่าบัญชีของความทุกข์และความสุขถูกสร้างขึ้นโดยดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบุญคือการกระทำที่จะให้ความสุขแก่ดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบาปคือการกระทำที่จะให้ความทุกข์แก่ดวงวิญญาณ
คุณภาพของกรรมขึ้นอยู่กับความรู้สึกและความตั้งใจของผู้กระทำด้วยเช่นกัน ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับละครสอนให้เรารักษาไว้ซึ่งความรู้สึกของการให้คุณประโยชน์ต่อดวงวิญญาณทั้งหมด เนื่องจากไม่มีใครที่จะสามารถถูกตำหนิได้ไม่ว่าในเรื่องใด ดังนั้นผู้ที่รู้จักละครอย่างถูกต้องจะไม่เคยทำการกระทำที่จะให้ความทุกข์ ในวิธีนี้ บัญชีบาปก็จะไม่เพิ่มขึ้น และถ้าไม่มีการกระทำที่เป็นบาป ก็จะต้องมีการกระทำที่เป็นบุญอย่างแน่นอน และดังนั้นบัญชีบุญก็จะเพิ่มขึ้น
การขาดความรู้เกี่ยวกับละครทำให้เราตำหนิติเตียนผู้อื่นและเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีและความปราถนาที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อพวกเขา สิ่งนี้เพิ่มบัญชีบาปของพวกเราและเพิ่มบัญชีที่เป็นลบกับพวกเขา ในขณะที่เห็นบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น หน้าที่ที่แท้จริงของเราคือการเป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ หรือการรักษาไว้ซึ่งความรู้สึกที่ให้ประโยชน์และช่วยให้เขาหยุดการทำกรรมที่เป็นลบ แต่เราไ่ม่ควรมีที่ว่างสำหรับบาปด้วยการมีความรู้สึกที่ไม่ให้ประโยชน์และความรู้สึกที่ไม่ดี
ยุคเหล็กกำลังจะจบแล้วและเพื่อการก่อตั้งยุคทอง พระเจ้าจึงอวตารลงมา เนื่องจากในยุคทองไม่มีการหมกมุ่นในกามราคะ ท่านจึงบอกให้เราอยู่อย่างบริสุทธิ์และเป็นโยคี(ผู้ที่มีโยคะกับพระเจ้า) เพื่อที่จะสามารถกลายเป็นเทพได้ ผู้ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่ในกิเลสก็สร้างบัญชีบาปของเขาอย่างมากมาย
"ลูกควรมีความเมตตาต่อผู้อื่นด้วยการแสดงให้พวกเขาเห็นหนทางที่จะกลับมสาโทปราทานจากทาโมปราทาน เนื่องจากบาบาได้บอกลูกถึงความล้ำลึกของปรัชญาของบาปและบุญ และอะไรคือบาปและอะไรคือบุญ บุญที่สูงที่สุดคือการคิดถึงพ่อและเตือนผู้อื่นให้คิดถึงท่าน บาปนั้นจะมีการกระทำเมื่อคนนั้นคบหาสมาคมกับเพือนที่ไม่ดีและทำให้ทะเบียนประวัติของตนเองและผู้อื่นเสียหาย การเปิดศูนย์และการใช้ความคิด ร่างกาย และทรัพย์สมบัติไปในการรับใช้ผู้อื่นนั้นเป็นบุญ" SM 18/01/03 revised
Friday, July 26, 2013
ลักษณะเฉพาะของละคร
ละครมีลักษณะเฉพาะที่ถาวรคือ
- ละครนั้นถูกต้องแม่นยำ เต็มไปด้วยความยุติธรรม ให้ประโยชน์และมีความหลากหลาย
- ละครนั้นเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและทุก ๆ เหตุการณ์ (รวมทั้งในระดับโมเลกุลและอะตอม)นั้นซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการในเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วของมัน
- ละครนั้นเป็นเกมที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและผู้ที่เ้ฝ้าดูมันในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางจะประสบกับปิติสุขและความมหัศจรรย์ของความหลากหลายของมัน
- ในละคร มีความมหัศจรรย์ของความสมดุลระหว่างกรรม(การกระทำ)ของดวงวิญญาณและผลของมัน
- การลืมเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญของละครนี้ เพราะการลืม ดวงวิญญาณทุก ๆ ดวงเล่นบทบาทปัจจุบันของเขาอย่างประสบความสำเร็จ เพราะการลืม ละครนี้จึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
- นี่คือละครที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายและมันซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการทุก ๆ 5000 ปี แต่เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นมันเป็นหน้าที่ของทุก ๆ ดวงวิญญาณที่ต้องทำความเพียรเพราะว่ามันเป็นกฏของละครว่าทุกการกระทำนำมาซึ่งผลของมัน ว่าทุก ๆ ความเพียรมีโชคของมันเอง
"โลกได้กลายเป็นโลกที่เก่า มันไม่ใช่ว่าละครได้กลายเป็นสิ่งที่เก่า ละครไม่เคยเก่า มันใหม่อย่างต่อเนื่องและดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่โลกกลายเป็นโลกที่เก่าและนักแสดงก็กลายเป็นผู้ที่ทาโมปราทานและเต็มไปด้วยความทุกข์" SM 03/02/69 revised
การใช้ประโยชน์และการมีประสบการณ์กับความรู้เรื่องละคร
เพียงผู้ที่มั่นคงอยู่ในสภาวะของตนเอง (เป็นดวงวิญญาณ)เท่านั้น ที่ใช้คำว่า "ละคร" ได้อย่างถูกต้อง เพราะว่ามันเป็นดวงวิญญาณที่เป็นนักแสดงและเป็นพยานรู้เห็น หลักการของการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุก ๆ ประการของละครใช้ประโยชน์ได้กับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่เนื่องจากเราไม่มีความรู้อย่างสมบูรณ์
บาบาจึงพูดว่า "ละคร" กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น
ด้วยการพูดว่า "ละคร" เราไม่ควรหยุดการทำความเพียรหรือสูญเสียความกระตือรือร้น ดวงวิญญาณไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ได้ทำความเพียรอะไรบางอย่าง ดังนั้น ทำไมจึงไม่ทำความเพียรอย่างสูงสุดและแล้วสิ่งนั้นก็จะซ้ำรอย
Thursday, July 25, 2013
ละครโลกและสภาวะที่มั่นคงของโยคะ
ความรู้เรื่องละครช่วยทำให้มีความมั่นคงในโยคะเป็นอย่างยิ่ง การที่จะมั่นคงในโยคะ มันมีความจำเป็นที่จะต้องเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม
และแล้วดวงวิญญาณก็สามารถประสบกับการหลุดพ้นในสภาวะที่เป็นเมล็ด (มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสมบูรณ์) หรือประสบกับความสุขของการหลุดพ้นในชีวิต (มีชีวิตที่ปราศจากบ่วงพันธะ) หรือมีโยคะกับดวงวิญญาณสูงสุด
ความรู้เรื่องละครนั้นเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับการควบคุมความคิดของเราเอง ผู้ที่เป็นรูปธรรมของการซึมซับความรู้เรื่องละครนั้นใส่จุดฟูลสต๊อป(หยุดคิดถึง) กับทุก ๆ สิ่ง ได้อย่างง่ายดายและเข้าใจถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและประสบกับความล้ำลึกและความสุขของโยคะ และด้วยโยคะเท่านั้นที่เราจะสามารถซึมซับความลับที่แท้จริงของละครได้ ดังนั้นทั้งสอง(ความรู้และโยคะ) จึงเป็นของขวัญของซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่มีความสำคัญของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดในการทำโยคะ ในทำนองเดียวกัน การที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะนั้นมีความสำคัญของการเข้าใจละคร ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถเป็นอิสระจากร่างกายและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม
วิธีที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะคือ ในขณะที่ทำงาน ฝึกฝนการอยู่อย่างมั่นคงในสภาวะที่ปราศจากร่าง(เป็นดวงวิญญาณ/เป็นจุด)ในหนึ่งวินาที และแล้วในวินาทีต่อมาก็เข้ามาสู่สภาวะที่ละเอียดอ่อน(ร่างแสง) และแล้วในหนึ่งวินาทีก็เข้ามาสู่สภาวะที่เป็นคาร์มาโยคี(มีโยคะในขณะที่มีการกระทำ)
"ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถทำให้จิตใจและสติปัญญามั่นคงอยู่ในสภาวะนั้น ความลับของการที่ละครซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการนั้น ทำให้ดวงวิญญาณเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดทีี่ให้โทษได้อย่างง่ายดาย และดังนั้นมันจึงเป็นการช่วยในการฝึกโยคะเป็นอย่างมาก" ABD 12/12/98
"พ่อกล่าวว่า: ลูกทั้งหมดสามารถเป็นผู้ที่ปราศจากร่างภายในหนึ่งวินาทีได้หรือไม่??
ในหนึ่งวินาทีทำให้ตัวเองมั่นคงอยู่ในสภาวะที่ปราศจากร่าง (ลองฝึกดู)................โอเค
บัดนี้ กลับเข้ามาในร่าง ฝึกฝนสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอ..................................................
บัพดาดาเห็นว่าพลังในการควบคุมนั้นมันไม่ได้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นในเวลาปัจจุบัน ถ้าลูกต้องการให้ความคิดของลูกหยุด มันควรหยุด นี่คือวิธีการที่จะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท" ABD 15/03/99
ควรจะมีอุปสรรคในงานของบราห์มิน
"ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไม่มีไฟของโยคะ และลูกก็จะขาดความระมัดระวัง ดังนั้น ตามละครแล้ว อุปสรรคทั้งหลายนั้นเพิ่มความเข้มข้นของความรักของลูก" ABD 21/02/83
"ผู้ที่มีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาจะอยู่อย่างเป็นอิสระจากความวิตกกังวลอยู่เสมอ เพราะว่าพวกเขาเข้าใจทุกสิ่งผ่านพลังของความรู้ การเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นนั้นดีที่สุดนั้นเรียกได้ว่าการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคือการเป็นผู้ที่คิดที่จะให้ประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ และมีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา" ABD 19/04/83
Subscribe to:
Posts (Atom)