Saturday, January 25, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 3


การสักการะบูชาที่มีลักษณะเฉพาะ การรับรู้ที่ไวของการฝึกฝน
ตั้งแต่เด็ก ดาด้าบูชานารายัญด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ ท่านมีใจจดจ่อที่จะจดจำเทพกษัตริย์ผู้นี้ ผู้ซึ่งท่านคิดว่าเป็นรูปของ "พระผู้เป็นเจ้า God" ท่านจะมีภาพของศรีนารายัญไว้ ณ หิ้งบูชา ในห้องนอน ใต้หมอน เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ในที่ทำงาน และในกระเป๋าเสื้อ ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ท่านจะได้เห็นรูปที่สูงส่งและสง่างาม

ในตลาดที่ดาด้าเคยผ่าน มีรูปสีของนารายัญขาย วาดไว้ให้นารายัญนอนหงาย ในรูปศรีลักษมีจักรพรรดินีของเขาแสดงการรับใช้ด้วยการนวดเท้าเช่นคนรับใช้ ดาด้าไม่ชอบภาพนี้อย่างมาก ดาด้าคิดว่ามันน่ารังเกียจที่ผู้หญิงในปัจจุบันถูกตีค่าอย่างต่ำต้อย แน่นอน ความคิดชั่วร้ายเช่นนั้นคงไม่มีอยู่ในสติปัญญาของเทพ ดาด้ามีความรู้สึกว่าความสามารถของสตรีมิได้น้อยกว่าของผู้ชายเลย มันเป็นอาชญากรรมสำหรับพวกเขาที่ถูกกระทำให้ด้อยค่ากว่าค่าที่มีอย่างแท้จริง ความคิดเช่นนั้นพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ท่านค้นหาคนวาดภาพที่วาดภาพที่น่ารังเกียจจนพบ และให้ค่าตอบแทนให้วาดภาพที่แสดงถึงความสูงส่งที่เท่าเทียมกันของคู่ที่สูงส่ง

 ณ เวลานั้น ดาด้าไม่เคยมีความคิดเลยว่าในชาติต่อไปท่านจะไปเป็นศรีนารายัญ ผู้ที่ท่านทำการสักการะมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ไม่เพียงแต่การบูชาที่รักษามายาวนานตลอดเวลาเท่านั้น ท่านจึงรักษาศรัทธาที่ปราศจากความกลัวใด ๆ ในทุกสถานการณ์ ท่ามกลางการติดต่อทางธุรกิจ ท่ามกลางธุรกิจภายในบ้าน  เมื่อถึงเวลาทำการบูชา ท่านจะไม่ยอมให้ผ่านไป ท่านจะขอตัวจากคนอื่น ๆ ถ้าจำเป็น แต่จะไม่เคยแก้ตัวให้กับตนเอง แม้แต่ขณะเดินทาง ท่านจะอ่านบทบัญญัติจาก ศรีมัตภควัตกีตะ ดาด้าเชื่อในกีตะอย่างหนักแน่นและไม่กำกวม ในการกล่าวถึงความศรัทธาและการบูชา ลูกสะใภ้เขียนไว้ว่้า
มหาราชาลูกค้าผู้ร่ำรวยและเป็นผู้นำทางธุรกิจที่เขาดำเนินอยู่มาเยี่ยมท่านตรงกันกับเวลาที่ดาด้าจะทำการบูชา(Puja)  แต่ดาด้าจะไม่เลื่อนหรือทำอย่างรวบรัดในศาสนาพิธีเหล่านั้น มากกว่านั้น ท่านจะไม่ยอมประนีประนอมวิถีชีวิตความเป็นไป เช่น การกิน ตัวอย่างอาหารบริสุทธิ์ ณ ที่งานเลี้ยงอาหารค่ำ เหล้า บุหรี่ ไม่เคยได้รับอนุญาต แขกสำคัญไม่คุ้นเคยกับความเรียบง่ายเช่นนี้ และไม่เคยขาดความสุขที่ได้รับจากงานเลี้ยงทางโลก พวกเขาเคยหยอกล้อดาด้าว่างานของท่านช่างขาดซึ่งดุลยพินิจ ดาด้าจะตอบด้วยสายตาที่ยิ้มแย้มแวบหนึ่ง "แล้วเราควรจะทำลายศาสนาของเราเพียงเพื่อท่านหรือ" ท่านให้เราเพียงแค่กระดาษ (Paper Note) แต่เราให้ท่านกลับไปด้วย "เพชร" พวกเขจะพากันหัวเราะ เมื่อได้ฟังเช่นนั้น

ดาด้าชอบที่จะไปแสวงบุญ ท่านไปเยี่ยม Amarnath และ Kashi ท่านชอบที่จะเชื้อเชิญเหล่าสาธุ ซานยาสซี ที่เร่ร่อน ให้เป็นแขกค้างคืนที่บ้านท่าน ท่านมีความสุขที่ได้สนทนากับพวกเขาเกี่ยวกับความเข้าใจของพวกเขาทางด้านศาสนา บ่อยครั้งทีี่ดาด้าเต็มล้นกับชีวิต ท่านเป็นคนที่มีความสุข ท่านมีความศรัทธาสูงสุดต่อกูรู และเคยใช้เงินหลายพันรูปีเพื่อการเชิญพวกเขา ให้การต้อนรับและการยืดเวลาในการอยู่พัก ท่านให้ความสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อคำสั่งของกูรู ลูกสะใภ้จดจำเรื่องมากมายเกี่ยวกับสิ่งนี้

ในช่วงนั้น (ก่อนพระเจ้าจะลงมา) ดาด้ามีความเชื่อศรัทธาต่อกูรูของท่านอย่างใหญ่หลวง
ครั้งหนึ่ง กูรูมายังบ้านพร้อมกับสานุศิษย์กลุ่มใหญ่ ดาด้าต้อนรับพวกเขาทั้งหมดด้วยความรัก ท่านมีความรักและหวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความสุขของพวกเขา ท่านสั่งน้ำกุหลาบมาหลายกล่อง ฉีดไปทั่วห้องพักทั้งเช้าและเย็น รวมทั้งจุดธูปด้วย ท่านกังวลและเพื่อมิให้กูรูของท่านถูกรบกวนขณะที่นอนหลับ ไม่ให้มีแม้แต่สุนัขจรจัดที่จะมารบกวนการนอนหลับของกูรู ทำให้หลับไม่สนิท ดาด้าว่าจ้างคนมาเฝ้ายามเป็นพิเศษในขณะที่กูรูพักผ่อน ถึงแม้ระยะนี้ของปีไม่มีมะม่วง ท่านก็ไปหามาจนได้เพราะรู้ว่ากูรูชอบ ถึงแม้จะหายากเย็นปานใด ที่จะได้มะม่วงมาหนึ่งผล

ดาด้า เชื่อฟังแม้แต่คำสั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกูรูของท่าน ไม่ว่ในสถานการณ์ใด ๆ ครั้งหนึ่ง เป็นโอกาสในการตั้งชื่อของหลาน ซึ่งบุคคลสำคัญหลายคนได้ถูกเชิญไว้แล้ว ทันใดที่ดาด้าได้รับข่าวว่ากูรูของท่านต้องการท่านด่วนเพื่องานรับใช้และให้มาโดยด่วน  ท่านเรียกภรรยาของท่านจาโซด้าจิ มาสั่งให้แจ้งข่าวการยกเลิกและจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ด้วยเพราะท่านต้องไป จาโซด้าจิแทบไม่เชื่อ ท่านจะจากไปได้อย่างไรในโอกาสเช่นนี้ แล้วดาด้าพูดว่า การได้ยินคำสั่งจากกูรูก็เหมือนกับได้ยินคำพูดจากพระยายม ถ้าความตายมาถึงฉันคงไม่สามารถบอกให้ความตายรอสักครู่ เพราะวันนี้เป็นวันตั้งชื่อหลานของฉันและดาด้า ก็เข้าไปข้างใน

จาโซด้าเรียกทุกคนในครอบครัวให้มาช่วยกันโทรบอกเพื่อนและผู้ที่ได้รับเชิญ อธิบายว่า ดาด้าต้องไปนอกเมืองเนื่องจากมีเหตุสำคัญบางประการ และงานด่วนของกูรูท่านนั้นคืออะไรเล่าที่ปรากฏออกมา เขาต้องการให้ดาด้าให้เงินหนึ่งหมื่นรูปีกับลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งไปเล่นการพนันและเสียจนหมดตัว

เรื่องราวการทำกุศลมีอีกมากมาย ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ของการทำกุศลโดยไม่หวังผล ถึงแม้จะมีคู่แข่งคนสำคัญซึ่งอยู่ภายในครอบครัวเดียวกัน ลุงของท่านซึ่งมีอาชีพค้าขายงาช้าง ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการทำบุญกับคนจน ไม่มีการยึดติดกับเงินของตนเองเลย บ่อย ๆ ที่ดาด้าไปบ้านลุง Mulchand Arala และนั่งคู่กับลุงแจกเงินให้กับคนจนซึ่งเข้าแถวกันมาขอรับความช่วยเหลือ ในเรื่องของความมีใจบุญสุนทาน ท่านเป็นหุ้นส่วนกับลุงของท่านอย่างเต็มตัว

จิตใจของท่านมีความรักในศาสนา รักความชอบธรรม เต็มไปด้วยพลังและมีเหตุผล ไม่ว่าในโอกาสใด ๆ ไฟแห่งคุณธรรมภายในทุกการกระทำของท่านสามารถสัมผัสได้ เมื่อบุตรีและหลานสาวแต่งงาน ท่านจะจัดงานฉลองให้ เป็นงานที่จะต้องมีการมอบเสื้อผ้าและของใช้ภายในครัวเรือนให้กับคู่บ่าวสาว แต่ดาด้าให้ "เพชร" และอัญมณีอื่นที่สวยงามมีค่านับหลายหมื่นรูปีแก่พวกเขา และพร้อมกันกับคัมภีร์ศรีมัต ภควัต กีตะ ในกล่องเงินซึ่งถือว่าเป็นของขวัญพิเศษจากท่าน ซึ่งจะทำให้บ่าวสาวมีความศักดิ์สิทธิ์และความรักในชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุขจากชีวิตแต่งงาน ท่านจะเชิญกูรูของท่านมาด้วยในโอกาสเช่นนี้ และท่านถือโอกาสนี้เป็นการรวมกัน เพื่อพิธีทางศาสนาและการยกระดับจิตใจสูงขึ้นพร้อมกับงานแต่งงาน

ขณะที่ท่านกลายเป็นเศรษฐี เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงว่าร่ำรวยและมีสกุล เมื่อได้รับสถานภาพดังกล่าว มันเป็นที่คาดกันว่าลูกสาวของท่านจะต้องแต่งงานเข้าไปในสกุลที่มีชื่อเสียงเสมอกัน
ในทางตรงข้ามเมื่อลูกสาวของท่านชื่อ Puttu  จะแต่งงาน ท่านเลือกครูใหญ่หนุ่มซึ่งมาจากครอบครัวธรรมดา ซึ่งลูกสาวของท่านแสนจะสวยงาม ฉลาดเต็มไปด้วยสติปัญญา ถูกเลี้ยงขึ้นมาด้วยความสุขที่สมบูรณ์พร้อมและอุทิศตน ดาด้าสามารถที่จะเลือกชายหนุ่มที่เหมาะสมที่สุดในอินเดียเพื่อมาเป็นคู่ของลูกสาวท่าน แต่ตัวท่านกลับมีความนับถือ Bodhraj เขาเป็นคนเคร่งศาสนา Puttu เองก็มีปัญญาเช่นเดียวกับบิดา และเข้าใจถึงการได้ผู้ชายที่เคร่งศาสนามาเป็นสามี ความจริงครูใหญ่ท่านนี้ได้ฉายาว่า "ราชโยคี" จากชุมชน ขอบคุณต่อความรักที่ไม่เคยมีความเหน็ดเหนื่อยต่อการฝึกสมาธิ และนั่นคือสาเหตุที่ดาด้าเดินหน้าถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ท่านต้องการให้บุตรีของท่านมีบรรยากาศที่ดีต่อการบูชา หลังจากที่ไปจากบ้าน ดาด้าทราบมาว่าการมีเงินแต่ไม่มีความสงบเป็นเพียงการนำไปสู่ความหายนะ แต่ว่าบ้านที่เต็มไปด้วยความสงบสุขก็คือสวรรค์ถึงแม้จะไม่มีเงิน

ภายในครอบครัวก็เริ่มเอะอะเมื่อมีการประกาศ มันเป็นเรื่องโต้เถียงกันในทุก ๆ แห่งที่มีการชุมนุมว่า ทำไมดาด้าทำลายชื่อเสียงของครอบครัวด้วยการแต่งลูกสาวออกไปกับคนนอกเช่นนั้น คนที่ทำตัวเป็นเช่นซานยาสซีมากกว่าเป็นคนทางโลกเช่นนั้น ถึงแม้ว่าในตอนจบ ทุกคนจะเข้าใจว่าการตัดสินใจของดาด้านั้นดีที่สุด ภรรยาของท่านนับถือบูชาศรีกฤษณะอย่างสุดซึ้ง (กฤษณะคือเจ้าชายคนแรกของสัตยุค ชื่อของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นศรีนารายัญตอนแต่งงาน ฮินดูเชื่อว่าศรีกฤษณะคือพระเจ้า จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับอินเดียที่เขียนขึ้น 2,500 ปี หลังจากศรีกฤษณะเกิด ศรีกฤษณะนั้นสูงส่งอย่างแน่นอน เขาได้รับสภาพที่สูงส่งหลังจากที่ชาติก่อนที่จะเกิดมาเป็นกฤษณะนั้น เขาได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระเจ้าและบรรลุผลด้วยการได้รับชัยชนะเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้าและจิตใจของตน) 
สมาชิกภายในครอบครัวของดาด้าเป็นแบบอย่างที่สละตัวอย่างสูง การที่ครอบครัวมีทรัพย์สินมากมายมิได้ทำให้พวกเขาทำสิ่งไม่ดี ความจริงดาด้าไม่มีความต้องการแม้แต่น้อยที่จะใช้เงินทองเพื่อความสุขสบายใด ๆ 

การแต่งงานระหว่าง Puttu กับ Bodhraj ได้ถูกถ่ายทอดให้เราฟังโดยตลอดเหตุการณ์ โดย B.K.Manohar Indraji ปัจจุบันเป็นครูสอนอยู่ที่มธุบัน 
ฉันเห็นดาด้า หลายครั้ง บ้านหลังหนึ่งของดาด้าอยู่ใกล้กับบ้านของลูกชายคนหนึ่งของดาด้าชื่อนารายัญ ซึ่งเป็นเพื่อนกับน้องชายของฉัน เมื่อการแต่งงานถูกจัดขึ้น ฉันได้รับเชิญ และแน่นอนฉันไปร่วมแน่นอน สิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษคือไ่ม่มีเสียงตะโกนหรือสรรพสำเนียงทางโลกใด ๆ เลย เป็นความรู้สึกเกือบจะเป็นภาพที่ปรากฏเป็นการแต่งงานของเหล่าเทพ เปรียบดังบ่อแห่งความสงบท่ามกลางกลียุค ฉันรู้สึกประทับใจในภาพนั้นอย่างมาก ขณะนั้น ความคิดได้เกิดขึ้นว่าฉันไม่ชอบมนุษย์ในโลกที่อาศัยอยู่ทั่ว ๆ ไปเลย พวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาและทะนงตนเอง แต่ฉันชอบเป็นอย่างมากกับการอยู่อย่างบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความงาม เช่นเดียวกับครอบครัวของดาด้า

ความงดงามดูเหมือนดังเช่นภาพที่เคลื่อนไหวได้นั้นคือภาพของดาด้า ท่านมีร้านเพชรที่จาการ์ต้าและมีธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่บอมเบย์ ท่านมีีบ้านทั้งสองแห่ง รวมทั้งบ้านที่อยู่อาศัยที่ ไฮดราบัด ทั้ง 3 ที่ ๆ เขาอาศัยอย่างหัวหน้าครอบครัวที่หรูหราเช่นชายผู้มีอำนาจสูง ท่านมีความสุข

มันเป็นประเพณีในอินเดียสำหรับผู้ชายที่มีแนวโน้มทางศาสนาสูงเช่นดาด้า ที่จะเข้าป่าและปฏิบัติตนเช่นผู้สละละทิ้ง ถึงแม้ความรักที่ดาด้ามีต่อพระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง ท่านไม่เคยมีความคิดที่จะละทิ้งบ้านและแยกไปอยู่อย่างสันโดษเช่นฤาษี Vanprastha (ซึ่งพวกเขาจะใช้ชีวิตในปั้นปลายในป่า) ในที่สุดเมื่อดาด้า อายุ 60 ปี ภรรยาของท่านพูดว่า "ตอนนั้นเราควรจะไปหาที่ห่างไกลสักแห่งและอยู่อย่างฤาษี"

ดาด้าคิดทบทวน "เดี๋ยว" ท่านพูด ฉันได้หาเงินมาหลายแสนรูปี ให้ฉันหามันอีกสักเท่าตัวแล้วเราค่อยไปเป็นฤาษี ดาด้ามองเหตุอย่างชัดเจนต่อช่องทางที่จะทำเงินได้ ตามความคิดของท่านจะใช้เวลาหาเงินสัก 2 ถึง 4 ปี และเมื่อได้มาก็จะทำบุญอุทิศห้กับผู้ที่ต้องการ และจะไปใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในป่า "แต่" มันมีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า "มนุษย์เสนอ พระเจ้าจัดการ" "man proposes God Dispose" ทันทีทันใดบางสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดของดาด้า "ความผูกพันทางโลกเลือนหายไปจนหมดสิ้น" ท่านเริ่มรับประสบการณ์ที่สุดจะบรรยายได้ภายในใจ จุดนั้นเป็นต้นมาที่ท่านต้องการอยู่คนเดียว ใช้เวลาทั้งหมดไตร่ตรองและคิด

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 4

No comments:

Post a Comment