Monday, January 20, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 1

Part1 พาหนะของพระเจ้า



สังคมซินดิ
ณ ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มชนซินดิซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้เริ่มเสื่อมถอยลงจากระดับที่สูงส่ง การทะลักเข้ามาของพวกสอนศาสนาคริสต์ ทำให้มีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่และด้วยรูปแบบความคิดตามแบบยุโรป ทำให้คุณภาพของชีวิตเริ่มต่ำลง ๆ จนมองไม่เห็นทิศทาง

การดื่มการกินแต่เดิมเป็นอาหารบริสุทธิ์ (Sattvic) ผักสด อาหารจัดเตรียมขณะอยู่ในการคิดถึง และการกินก็อยู่ในการทรงจำเทพ และเป็นการรวมกลุ่มครอบครัว ค่อย ๆ เลื่อมและไม่บริสุทธิ์ (Tamopradhan) ผู้คนเริ่มกินเนื้อสัตว์ การกินไม่เลือกก็เข้ามาแทนที่ ความคิดที่ละเอียดอ่อนสูงส่งก็ถูกแทนที่ด้วยความไร้สติ กลายเป็นความประพฤติเยี่ยงสัตว์

ผู้คนทำการสักการะบูชาในรูปแบบภายนอก แต่ขาดสาระสำคัญที่แฝงความสูงค่าไป ความคิดของผู้คนถูกอัดแน่นไว้ด้วยความหิวเงิน กระหายต่อสถานะภาพทางสังคม การคดโกงคือหนทางของการค้าขาย ความโกรธระเบิดขึ้นในทุกขอบเขตของความสัมพันธ์ คำพูดของผู้คนที่เคยเต็มไปด้วยความเคร่งในศาสนาและในทางใจใฝ่ธรรมะก็เปลี่ยนเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความปรารถนนา ความเกลียดชังและความทะยานอยากทางโลกของพวกเขา ค่านิยมใหม่ ๆ ในการซื้อของที่ไร้ประโยชน์และแพงเพียงเพื่ออวดกัน การจัดงานฉลองที่ใหญ่โต หลาย ๆ อย่างเพื่อสนองกิเลสของตน

ความนิยมเหล่านี้ ได้กลืนกินสังคมดั้งเดิมของอินเดียโดยสิ้นเชิง สังคมที่เก่าแก่ที่ละเอียดอ่อน มั่นคง และล้ำลึกที่สุดในโลก นั่นคือนิมิตที่โลกกำลังจะถึงจุดประทุ โดยที่ไม่มีใครสังเกตมาก่อนขบวนการที่จะทำให้ความใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ใครจะกลับมาพาพวกเขากลับไปสู่หนทางที่ดีงาม ไม่ใช่กองทหารที่คอรัปชั่น พรรคการเมืองที่ไม่มีหลักการ หรือชาวอังกฤษผู้ควบคุมดูแลอยู่ ผู้ซึ่งฉกฉวยประโยชน์มากกว่าที่จะมายกระดับประชาชน หรือแม้แต่ราชวงศ์พื้นเมืองซึ่งติดกับอยู่กับประเพณีที่น่าหัวเราะเยาะมากกว่าที่จะไปสรรเสริญพวกเขา และก็คงไม่ใช่นักปฏิรุปสังคมซึ่งมีความจำกัด ผู้ซึ่งพยายามจะช่วยให้อินเดียได้อิสระภาพจากอังกฤษ เพื่อจะให้บรรลุผลแห่งอิสรภาพจากการคอรัปชั่นและกิเลส

และก็ยังมีผู้นำศาสนา พระ บัณฑิต นักเทศน์ต่างก็วุ่นวายอยู่กับการสะสมเงินด้วยการหลอกลวงประชาชน เขาไม่ได้ให้ความรู้ซึ่งสามารถทำให้เกิดความสงบขึ้นภายในจิตใจ หรือเกิดการประพฤติดีต่อผู้ที่ไปขอคำปรึกษาได้เลย เขาเป็นเพียงผู้อ่านคัมภีร์และนักจัดพิธีกรรมทางศาสนาที่โง่งมงาย หลายคนอ้างว่าตนเป็นเช่นพระเจ้า อ้างว่าตนเป็นผู้รอบรู้ และบอกว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแ่ห่ง และหลอกลวงผู้ที่หลงเชื่อง่าย ๆ ได้ คำสอนเช่นนี้ประสบความสำเร็จในการทำลายสติปัญญาของผู้คน ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นละทิ้งเป้าหมายที่สูงส่งแห่่งชีวิตของตน ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า เราจะเพียรพยายามไปเพื่ออะไร ทำไมต้องสมบูรณ์พร้อมถ้าชีวิตคือความฝันเท่านั้น ด้วยการสอนให้เกิดความคิดเช่นนี้ผลที่ตามมาก็คือ การทำชั่วทางศาสนา คือชีวิตของผู้คนได้หลุดไปจากเส้นทางเดินของชีวิต

ความสำเร็จภายนอก ผู้คนของสังคมซินดิทำงานหนัก ร่ำรวยขึ้น แต่ความสงบและระเบียบได้หายไปจากชีวิต ความสูงส่งซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาได้ถูกเหยียบย่ำอยู่ภายใต้เท้าของความก้าวหน้าที่หลอกลวง มีแต่ความอยากและการทนทุกข์มาแทนที่ความเยือกเย็น คุณภาพของชีวิตวัดกันด้วยวัตถุภายนอก ภาวะแวดล้อมของสัมคมกลายเป็นนรกแห่งกิเลส




ฐานะของสตรีถูกลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแต่งงานแล้ว แม่ถูกมองว่าเป็นคนรับใช้ในภายในบ้าน และเป็นเพียงเครื่องบำบัดความใคร่ของสามี แม้ว่าสามีจะขี้เมา กินเนื้อสัตว์ มัวเมาในกามรมณ์ กินปลา แต่ประเพณีที่ภรรยาจะต้องปฏิบัติคือ สามีคือพระเจ้า การหย่าร้างเป็นเพียงความฝัน

เพื่อเป็นการช่วยเสริมประเพณีนี้ ผู้หญิงถูกแยกออกจากการศึกษาเล่าเรียน ภรรยาต้องใช้ผ้าคลุมหน้า ถูกจำคุกอยู่ในบ้านของสามีชั่วชีวิต สิ่งที่ต้องทำคือ หุงหาอาหาร ทำความสะอาด ซักผ้า ให้กับสกุลที่เธอเข้าไปผูกชีวิตไว้ด้วย หญิงเหล่านี้ทนทุกข์ พวกเขารู้ว่าตนคือนักโทษ และผู้ชายคือผู้ถืือกุญแจทั้งหมดแห่งชีวิต

ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ที่จะเกี่ยวข้องกับศาสนา การเทศน์ หรือได้รับขนานนามว่าเป็น ซันยาสซี และคงอยู่ในความบริสุทธิ์ทางเพศ สำหรับพวกเขาไม่มีหนทางหนีจากการต้องคำสาปที่จะต้องแต่งงาน




ขณะนี้คือกลียุคก่อนกัลป์จะสมบูรณ์ ก่อนความสุขจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ มันได้คืบคลานลงไปสู่ความมืดมิดที่สุด เครื่องพันธนาการของดวงวิญญาณในทุก ๆ แห่งได้เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ความดุร้ายของสงครามโลก สงครามกลางเมืองและการกดขี่ การทำลายล้างเผ่าพันธุ์อย่างตั้งใจและเป็นระบบ การช่วงชิงความได้เปรียบทางกายภาพได้เกิดขึ้นดังมะเร็งร้ายบนโลกมนุษย์  แต่รากเง้าที่ฝังลึกในทุก ๆ ดวงวิญญาณ คือ มายา (Maya = Ignorance of Reality)  ได้เติบโตขึ้นอย่างดุร้ายอและมีลักษณะเป็นสมัยนิยม มันเป็นเครื่องพันธนาการภายในที่เขาไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงได้ การไม่มั่นคงที่ของสิ่งจากภายนอก ความรู้สึกด้อยค่า ความปรารถนาและความทุกข์ การกระทำที่เป็นไปตามความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ดวงวิญญาณจึงนำชีวิตของตนเองเข้าไปสู่ขบวนการการเห็นแก่ตัวมากขึ้น เต็มไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น ความโง่เขลามากกว่าที่เคยมีมา มนุษย์ทั้งโลกหลับใหลอยู่กับความขมขื่นของความโง่ ไม่สามารถเห็นแสงแห่งความรู้ นี่คือยุคมืดที่สุดของกัลป กลางคืนของ บราห์มา เที่ยงคืนแห่งประวัติศาสตร์ เงามืดที่ปกคลุมพระเจ้า

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 2

No comments:

Post a Comment