Saturday, November 16, 2013

คุณธรรม - ความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนา(Disinterest)


มันได้มีการอธิบายให้ลูก ๆ ว่า ความรู้และการกราบไหว้บูชานั้นแยกกัน แล้วก็มีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนา (Sakar 20/06/96)
ความพิเศษของอรชุนคือการคงอยู่อย่างสม่ำเสมอในสำนึกของการเป็นรูปของจุด และฉะนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้พิชิต อรชุนเป็นผู้ซึ่งพิชิตความผูกพันยึดติด และเป็นรูปธรรมของการคิดถึง อรชุนคือผู้ซึ่งฟังความรู้ของกีตะและไตร่ตรองมัน ดวงวิญญาณเช่นนี้เป็นผู้ไร้ร่าง และแม้แต่ขณะที่ยังมีชีวิตก็ได้เห็นว่าทุกสิ่งได้ตายไปแล้ว ใครจะเป็นเช่นอรชุนหรือ ผู้ที่มีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอย่างไม่มีขีดจำกัด (Avyakt 01/11/85)

การมีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาหมายถึงการมีความไม่ผูกพันยึดติด ผู้ที่มีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอันไม่มีขีดจำกัด ได้รับความรักจากบาบาอย่างสม่ำเสมอ และความรักนี้จะทำให้ดวงวิญญาณละวาง และไ้ด้ความรักจากบาบา ละวางและแล้วก็ทำงาน เป็นที่รู้กันว่าคือการสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอันไม่มีขีดจำกัด (Avyakt 27/11/87)

จงมีความเมตตาต่อผู้โง่เขลา ดวงวิญญาณผู้เศร้าโศกก็เป็นครอบครัวของลูก ควรจะมีความเมตตาจากหัวใจ
สำหรับความเพียรพยายามในอัตราที่รวดเร็วของครอบครัวบราห์มิน และสำหรับความก้าวหน้าของตัวเองด้วยก็จำเป็นต้องเป็นผู้เมตตาด้วย เมื่อลูกได้กลายเป็นผู้เมตตาก็มีความก้าวหน้าในตนเอง เพราะว่าดวงวิญญาณที่เมตตาอย่างสม่ำเสมอและเป็นธรรมชาติ มีทัศนคติของความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอันไม่มีขีดจำกัด ควรจะมีความเมตตาสำหรับตนเองที่ว่า "ฉันเป็นดวงวิญญาณผู้ซึ่งเป็นของพ่อผู้สูงสุดในผู้ที่สูง และมีเป้าหมายของการกลับมาทัดเทียมกับพ่อ" ถ้ายังมีความอ่อนแอใด ๆ ในธรรมชาติดั้งเดิมที่สูงส่ง และสันสการ์ของการเท่าเทียมพ่อ ควรจะมีเมตตาจากหัวใจ ความเมตตาจากหัวใจของลูกเองสามารถจะทำให้ลูกวางเฉยต่อความอ่อนแอ (Avyakt 09/12/93) 

Friday, November 15, 2013

คุณธรรม - ระเบียบวินัย(Discipline)



อะไรที่เป็นเครื่องหมายอีกอันหนึ่งของการมีโชคของการที่ได้แต่งงานแล้วอย่างสม่ำเสมอ
หนึ่งนั้นคือ "ตีลัค" 
และอีกหนึ่งนั้นคือ "กำไล"
นั่นคือกำไลของระเบียบวินัย
เราจะต้องไม่ถอดของสองสิ่งนี้ทิ้ง
เมื่อเราถอดกำไลของระเบียบวินัยออก
โชคของเราที่ได้รับการแต่งงานแล้วอย่างสม่ำเสมอก็จบลง
(Avyakt 29/09/69)

Thursday, November 14, 2013

คุณธรรม - เกียรติอันสูงส่ง(Dignity)



มองดูทุกสิ่งขณะอยู่ในความมั่นคงในเกียรติอันสูงส่งของลูก 
ฉันเป็นอัญมณีของความพอใจ 
ฉันเป็นดวงวิญญาณที่พอใจ 
นี่คือความสูงส่งแห่งเกียรติอันสูงส่งของยุคแห่งการบรรจบพบกัน
ดังนั้น จงอย่าได้โศกเศร้า แต่จงรักษาเกียรติอันสูงส่งของลูก
ลูกรู้ว่าลูกจะดำรงอยู่ในความมั่นคงของตัวลูกในเกียรติอันสูงส่งของลูกได้อย่างไร 
ลูกไม่รู้หรือ?? 
หรือลูกจะสนุกสนานในความโศกเศร้าล่ะ ??
ควรหรือที่ลูกจะมีความโศกเศร้าในบางครั้ง ??  
ดังนั้น จงรักษาความพิเศษของความพอใจในสำนึกของลูกในรูปที่ปรากฏขึ้นอย่างสม่ำเสมอ (Avyakt 03/04/94)

Wednesday, November 13, 2013

คุณธรรม - ความมุ่งมั่น(Determination)



ภายในความมั่นคงมีความมุ่งมั่น และที่ใดมีความมุ่งมั่น ความสำเร็จจะเป็นพวงมาลัยรอบคอ (Avyakt 09/12/93)
การมีความคิดมุ่งมั่นหมายถึง การมีความคิดที่เข้มข้น ดังนั้นจงอย่าได้เป็นเพียงผู้เพียรพยายาม แต่เป็นผู้เพียรพยายามที่เข้มข้น (Avyakt 18/01/94 กลุ่ม6)

จงมีความคิดมุ่งมั่นว่าลูกต้องจบสิ้นความอ่อนแอด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งอย่างแน่นอน อย่าได้แม้แต่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่ ลูกจะต้องขุดมันทิ้งเดี๋ยวนี้ เพราะว่าลูกไม่สามารถไว้วางใจทั้งตัวลูกเองและเวลา อย่าได้คิดว่าลูกจะทำสิ่งนี้ในอนาคต หรือนั่นมันจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่ สุภาษิตของลูกคือ : ถ้าไม่เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นจงทำอะไรก็ตามที่ลูกต้องทำเดี๋ยวนี้ (Avyakt 09/03/94)

ความพิเศษของบราห์มาบาบาก็คือ ท่านทำอะไรเมื่อท่านคิดทันที ท่านทำสิ่งที่ท่านพูดเพราะว่านี่คือความรู้ใหม่ เพราะท่านได้รับการต่อต้านเป็นอย่างมาก แต่ด้วยการมีสำนึกของความเคารพในตนเองของท่าน และด้วยสำนึกของการมีพ่อเป็นเพื่อน ด้วยอาวุธของความมุ่งมั่น และศรัทธา และด้วยอำนาจ ท่านก็ดำรงอยู่อย่างไม่สั่นคลอนอย่างสม่ำเสมอ และมั่นคงอยู่บนที่นั่งอันเป็นตำแหน่งของท่าน ดังนั้นเมื่อลูกอยู่ในตำแหน่ง ฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไรได้ การต่อต้านทำให้ลูกมั่นคงในตำแหน่ง มันไม่ได้มาทำให้ลูกไม่มั่นคง มันทำให้ลูกมั่นคง ข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติในการเป็นผู้รับชัยชนะคือ การพิสูจน์ของตัวลูกเองและงานรับใช้ในทั้งสี่ทิศ นั่นคือ เขาเหล่านั้นซึ่งเมื่อก่อนเคยพูดว่า "เหล่านี้คือผู้ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอันวุ่นวาย" บัดนี้เขาจะพูดว่า "พวกเขาจะแสดงความอัศจรรย์" ดังนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยการจบสิ้นการต่อต้านด้วยการใช้ตำแหน่งอันสูงส่ง (Avyakt 31/12/92)

บัพดาดาขอแสดงความยินดีกับลูก ๆ สำหรับความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอของพวกเขาโดยความคิดที่มุ่งมั่น เพราะว่าที่ใดมีความมุ่งมั่นความสำเร็จเป็นสิ่งแน่นอน นี่เป็นที่รู้กันว่าคือสัญลักษณ์ของการเป็นผู้ที่มีโชคอันสูงส่ง การไม่มีความอ่อนแอในความมุ่งมั่นอย่างสม่ำเสมอ ในการมีความคิดที่สูงส่งอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ที่สูงส่ง (Avyakt 28/02/88)

ลูกต้องมีความคิดมุ่งมั่นเหมือนพ่อบราห์มา นั่นคือ ลูกจะไม่เคยรู้สึกท้อแท้ ถ้าลูกมีความคิดมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นผู้พิชิตมายา มายาจะไม่ทำอะไรเลย (Avyakt 17/03/91)
ด้วยความกล้าหาญที่จะซึมซับความบริสุทธิ์ ลูกมีความคิดมุ่งมั่นว่า เราจะต้องกลับมาบริสุทธิ์ (Avyakt 22/11/87)

ลำแสงนั่นคือกระแสของการชุมนุมจะบรรลุผลอันยิ่งใหญ่ ลูกเพียงแต่ต้องการความมุ่งมั่นสำหรับสิ่งนี้  "ฉันจะต้องทำสิ่งนี้อย่างแน่นอน"  อิทธิพลของความมักง่ายของคนอื่นไม่ควรมากระทบลูก อิทธิพลของความมุ่งมั่นของลูกควรจะกระทบพวกเขา แล้วพลังของความมุ่งมั่นสูงส่ง หรือพลังของความมักง่ายสูงส่ง มันเป็นพลังของความมุ่งมั่นใช่ไหม แล้วบัพดาดาก็ได้ให้พรไว้แล้วว่า ไม่ว่าที่ใดที่มีความมุ่งมั่นที่นั่นจะมีความสำเร็จอย่างแน่นอน (Avyakt 01/02/94)

Tuesday, November 12, 2013

คุณธรรม - การละวาง(Detachment)



บัลลังก์ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของสภาวะที่เหมือนกับของบราห์มาของการเป็นรูปธรรมแห่งความรักสูงสุด และก็ยังละวางอย่างสูงสุด ดังนั้นลูกดวงวิญญาณบราห์มินจงทำตามพ่อ (บราห์มา) ดังนั้นลูกก็เหมือนกับบาบา กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ดอกบัว  สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณซึ่งละวางอย่างเต็มที่คือดวงวิญญาณที่จะได้รับความรักอย่างสูงสุดจากบาบาและครอบครัวทั้งหมด 
ละวางหมายความว่าละวางจากทั้งสี่ด้าน 
สิ่งแรก : คือละวางจากสำนึกของความเป็นเจ้าของของร่างกาย
สิ่งที่สอง : ละวางจากสัมพันธ์ทั้งหมดของร่างกาย ผ่านดริชตีของลูก ทัศนคติ และการกระทำของลูกในทุก ๆ ทาง ขณะที่เห็นความสัมพันธ์ทางร่างกาย ควรจะมีสภาวะของสำนึกแห่งการเป็นดวงวิญญาณโดยธรรมชาติ ดังนั้นการละวางหมายความว่าการละวางจากร่างกาย จากสัมพันธ์ทางร่างกายและสิ่งของที่สามารถถูกทำลายได้ของร่างกาย ถ้าสิ่งใดทำให้อวัยวะสัมผัสซุกซน นั่นคือ มันจะสร้างความปรารถนา มันหมายความว่าไม่มีการละวาง มันยังเป็นการง่ายที่จะมีการละวางจากความสัมพันธ์ แต่การละวางจากความต้องการของวัตถุทั้งหมด นั่นคือถูกดึงเข้าไปหาสิ่งเหล่านั้น ให้คงอยู่ในรูปที่สูงศักดิ์ในขณะที่กลับมาเป็นอิสระจากการดึงดูด ลูกเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่า รูปที่ชัดเจนของการดึงดูดคือความปรารถนา อย่างไรก็ตามรูปที่ละเอียดอ่อนของความปรารถนาคือ "ฉันชอบสิ่งนี้" มันไม่ได้มีความปรารถนาแต่ "ฉันเพียงแต่ชอบมัน" รูปที่ละเอียดอ่อนนี้ นำมาซึ่งรูปของความปรารถนา (lchcha) แทนที่จะเป็นความดี (Achcha) ดังนั้นควรจะมีการตรวจสอบที่ดีสำหรับสิ่งนี้
สิ่งที่สาม : ในขณะที่ลูกมีเครื่องมือทั้งหมด ลูกมีเครื่องมือมากกว่าที่ต้องการ ไม่มีสิ่งใดขาดแคลน แต่ขณะที่มีเครื่องมือเหล่านี้และใช้มัน สภาวะโยคะของลูกไม่ควรจะขึ้น ๆ ลง ๆ การเป็นโยคีและใช้มันเรียกว่า การละวาง ถ้าลูกไม่มีสิ่งใดลูกก็ไม่สามารถพูดได้ว่าละวาง ลูกควรจะสามารถใช้มันเพียงแค่เป็นเครื่องมือเท่านั้น ลูกไม่ควรใช้มันด้วยความปรารถนาใด ๆ หรือ เพราะว่าลูกชอบมัน ลูกจะต้องมีการตรวจสอบสิ่งนี้ให้แน่นอน ที่ใดมีความปรารถนา ไม่สำคัญว่าลูกทำความเพียรมากเท่าใด มันจะไม่ปล่อยให้ลูกลายเป็นคนดี
สภาวะของโยคีหมายถึง สภาวะที่ซึ่งละวาง แม้แต่ขณะที่กำลังใช้สิ่งของต่าง ๆ 
สิ่งที่สี่ : ก็คือการละวางจากสันสการ์เก่าและนิสัยเก่า มันได้พบว่าสันสการ์และนิสัยของร่างเก่านี้ขมขื่นมาก นี่ก็เป็นรูปของอุปสรรคที่ใหญ่ในการที่จะเป็นผู้พิชิตมายา บางครั้งบัพดาดาก็เห็นว่างูของนิสัยเก่าและสันสการ์เก่าจบสิ้นลง แต่ร่องรอยก็ยังคงอยู่ แล้วเมื่อเวลามาถึงมันก็หลอกลวงดวงวิญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า สันสการ์ที่ขมขื่นนี้ทำให้ดวงวิญญาณอยู่ภายใต้อิทธิพลของมายา ซึ่งมันทำให้ไม่คิดว่าบางสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งผิด อำนาจแห่งการเข้าใจจบสิ้น จงละวางจากสิ่งนี้ด้วย นี่ก็ต้องการการตรวจสอบอย่างดี เมื่ออำนาจของการตระหนักรู้ถึงความจริงจบลง ดวงวิญญาณจะต้องพูดโกหกเป็นพันครั้งเพื่อพิสูจน์การโกหกนั้น นั่นคือการที่คนตกอยู่ภายใต้มายาได้อย่างไร ดังนั้นการพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้องเป็นสัญลักษณ์ของการตกอยู่ภายใต้สันสการ์เก่าของลูก มันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำบางสิ่งให้ชัดเจนเพื่อความถูกต้อง แต่อีกสิ่งหนึ่งการที่จะต้องพิสูจน์มันด้วยความดื้อดึง ผู้ซึ่งพิสูจน์สิ่งนั้นด้วยความดื้อดึง ไม่สามารถที่จะเป็นรูปธรรมของความสำเร็จได้ ดังนั้นตรวจสอบให้ดีว่ามีสันสการ์เก่าใด ๆ หรือนิสัยเก่าหลงเหลือซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ Samja? (เข้าใจไหม) 
การที่จะละวางจากทั้งสี่สิ่งนี้หมายความว่า การละวางจากทั้งสี่ทิศทาง ดวงวิญญาณเช่นนี้เป็นที่รักของบาบาและของครอบครัว ดังนั้นลูกได้กลายเป็นผู้ซึ่งนั่งบนบัลลังก์ดอกบัวเช่นนี้หรือไม่ นี่คืออะไรที่หมายถึงการทำตามพ่อ บราห์มาบาบานั่งอยู่บนบัลลังก์ดอกบัว นี่เองที่ทำไมท่านจึงกลายเป็นลูกผู้ซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง ที่ได้รับความรักจากบาบา และจากบราห์มินในรูปที่มีตัวตน เช่นเดียวกับในรูปที่ละเอียดอ่อน แม้จนกระทั่งบัดนี้อะไรที่ปรากฏขึ้นจากหัวใจของบราห์มินทุก ๆ คน "บราห์มาบาบาของเรา" ลูกไม่มีความรู้สึกว่าลูกไม่เคยเห็นท่านในรูปที่มีตัวตน เพราะหัวใจของลูกได้พบท่าน ลูกได้พบท่านผ่านดวงตาของสติัปัญญา ลูกได้สัมผัสท่านผ่านทางดวงตาที่สูงส่ง นี่เองที่ทำไมบราห์มินทุก ๆ คนพูดจากหัวใจ "บราห์มาบาบาของฉัน" ดังนั้นนี่คือเครื่องหมายของความรัก การละวางจากทิศทางทั้งสี่ ทำให้ท่านเป็นที่รักของทั้งโลก ลูกมีประสบการณ์นี้ใช่หรือไม่ ดังนั้นด้วยวิธีนี้ จงกลายเป็นผู้ละวางจากทิศทางทั้งสี่ทั้งหมด และดังนั้นก็จะได้รับความรักจากทุกคน (Avyakt 25/10/87)

ไม่ว่าธรรมชาติจะผันแปรหรือแสดงเกมที่สวยงามให้ลูกดู ดวงวิญญาณผู้ซึ่งเป็นนายของธรรมชาติก็เฝ้าดูเกมทั้งสองนี้อย่างผู้เฝ้าดูที่ละวาง ลูกจะไม่สับสนด้วยเกมนั้น ลูกจะรู้สึกเป็นสุข ลูกจะไม่รู้สึกสับสน (Avyakt 16/03/92)

การที่จะกลายเป็นผู้ละวางจากร่างกายหมายถึง การตายทั้งที่มีชีวิตอยู่ เมื่อลูกตาย ทั้งโลกก็ตายไปแล้วสำหรับลูก นั่นหมายความว่าลูกได้ละทิ้งเพื่อนทั้งหมดและญาติทั้งหมดแล้ว (Sakar 10/04/96)

การมีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาหมายถึง การไม่มีความผูกพันและยึดติด ผู้ซึ่งมีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอันไม่มีขีดจำกัดจะได้รับความรักจากบาบาอย่างสม่ำเสมอ และความรักนั้นจะทำให้ดวงวิญญาณละวาง การได้รับความรักจากบาบา การละวาง และแล้วก็ทำงาน เป็นที่รู้กันว่ามีความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาอันไม่มีขีดจำกัด ถ้าลูกไม่ได้รับความรักจากบาบา ลูกก็ไม่สามารถกลายเป็นผู้ละวาง แต่จะถูกดึงไปสู่การผูกพันยึดติด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความรักจากบาบา แล้วก็ยังไปรักบุคคลหรือสิ่งของ การที่จะอยู่เหนือความดึงดูดหมายถึงการเป็นผู้ละวาง นี่หมายถึงเป็นสภาวะที่อยู่เหนืออิทธิพล ไม่ใช่สภาวะของการถูกอิทธิพลโดยการดึงดูดที่มีขีดจำกัด มันหมายความว่าดวงวิญญาณอยู่เหนืออิทธิพล ใช้สิ่งสร้างและเครื่องมือ แต่ใช้มันโดยปราศจากอิทธิพลครอบงำ (Avyakt 27/11/87)

ความหมายของการเป็นคาร์มาโยคีคือ "ดวงวิญญาณซึ่งปราศจากร่าง เป็นผู้ละวางจากบ่วงพันธะของร่างกาย ฉันมาใช้ร่าง เพียงเพื่อมาแสดงการกระทำ ฉันทำงานเสร็จสมบูรณ์และกลายเป็นผู้ละวางจากความสัมพันธ์ของกรรมนั้น"  ลูกอยู่ในสัมพันธ์แต่ลูกไม่ได้อยู่ในบ่วงพันธะ ดังนั้นนี่คืออะไร ลูกมาเพื่อแสดงการกระทำ และแล้วลูกก็กลายเป็นผู้ละวางและจากไป ลูกไม่ได้มากระทำภายใต้อิทธิพลของบ่วงพันธะ แต่ลูกทำให้อวัยวะเป็นผู้รับใช้ ลูกกลายเป็นคาร์มาโยคี และกระทำด้วยสิทธิ ลูกไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของการกระทำหรือประสาทสัมผัส ถ้าใครบางคนอยู่ใต้อิทธิพล แล้วดวงวิญญาณผู้ซึ่งอยู่ใต้อิทธิพลก็กลายเป็นผู้ท้อแท้ ดวงวิญญาณผู้เป็นนายไม่เคยกลายเป็นผู้ท้อแท้ต่อสิ่งใด ดวงวิญญาณนั้นเข้มแข็งด้วยการเคารพตัวเอง อะไรคือนัยสำคัญของการศึกษา นั่นคือความรู้ใช่ไหม ลูกจะต้องกลายเป็นคาร์มาทีทและกลับบ้าน แล้วลูกก็ต้องไปในอาณาจักรและเล่นบทบาทของผู้ปกครองของลูก นี่คือสาระของความรู้ ญาณและโยคะคือการมาและการไป ลูกก็มั่นคงอยู่ในการฝึกฝนนี้ทั้งวันทั้งคืน ในสติปัญญามีความสุขของการกลับบ้าน และแล้วก็ไปอยู่ในอาณาจักรใช่ไหม ทำให้ตัวลูกมั่นคงอยู่ในสภาวะไร้ร่างเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ และกลายเป็นคาร์มาโยคีเมื่อไรก็ตามที่ลูกต้องการ การฝึกฝนนี้ควรจะลึกมาก มันไม่ควรจะเป็นว่าลูกปรารถนาที่จะมีสภาวะไร้ร่าง แต่ด้วยบ่วงพันธะทางร่างกาย บ่วงพันธะของกรรม และบ่วงพันธะส่วนบุคคล บ่วงพันธะของสิ่งที่ครอบครอง บ่วงพันธะของธรรมชาติและสันสการ์ ดึงดูดลูกไปสู่พวกมัน ทำให้ลูกไม่สามารถเป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะไร้ร่าง
เช่นเดียวกัน การดึงของบ่วงพันธะใด ๆ จะดูดลูกไปสู่ตัวมัน บ่วงพันธะทำให้ดวงวิญญาณถูกผูกไว้ ดังนั้นบัพดาดาจะสอนบทเรียนนี้เสมอว่า :  จงมีอิสระไม่ถูกอิทธิพล เป็นอิสระและไม่มีอิทธิพลนั่นคือเป็นผู้ละวางและมีความรัก จะต้องมีการฝึกฝนสิ่งนี้เป็นระยะเวลานาน เพื่อที่จะนำลูกเข้าใกล้สภาพคาร์มาทีท บราห์มาบาบาได้ให้ประสบการณ์กับลูกของผลที่เกิดขึ้นทันทีของการฝึกฝนของท่านที่จะเป็นผู้ละวางและมีความรักในชีวิตทางร่าง ก่อนที่จะกลายเป็นคาร์มาทีท ลูกทั้งหมดได้แบ่งปันประสบการณ์สิ่งนี้ของพวกเขา ท่านอยู่อย่างละวางขณะที่กำลังฟัง ท่านละวางขณะที่ทำสิ่งต่าง ๆ และละวางขณะที่กำลังพูด ท่านไม่เคยหยุดทำงานรับใช้ ท่านไม่เคยหยุการกระทำใด ๆ และท่านรับใช้ลูก ๆ อย่างสมบูรณ์ด้วยความละวางจนวันสุดท้าย การละวางนำมาซึ่งประสบการณ์ของความสำเร็จที่ง่ายดายในทุก ๆ การกระทำ ลองปฏิบัติดูและเฝ้าดู เรียกใครก็ได้ พูดกับเขาสัก 1 ชั่วโมง และใช้ความเพียรพยายามที่จะทำให้เขาเข้าใจ ในทางตรงข้าม ขณะที่ฟัง พูดกับดวงวิญญาณอื่นแค่ 15 นาที มั่งคงตัวลูกอยู่ในสภาวะของการละวาง และส่งกระแสของการละวางไปให้ดวงวิญญาณอื่น และเฝ้าดูว่าอะไรจะเกิดขึ้ ความสำเร็จที่ลูกได้รับใน 15 นาทีนี้ จะไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ใน 1 ชั่วโมง บราห์มาบาบาฝึกฝนเช่นนี้และแสดงให้ลูกดู ดังนั้นลูกได้ยินไหมว่าลูกต้องทำอะไร กิน ดื่ม เล่น และทำงานรับใช้ แต่อย่าลืมการละวาง ลูกจะต้องทำงานรับใช้มากเท่าใด บัดนี้ให้แผ่กระแสทางดวงวิญญาณ กระแสของสภาวะของการมีสภาวะที่ไร้ร่าง กระแสที่ทรงอำนาจของการละวางและมีความรักไปในบรรยากาศ นี่คือวิธีการของการทำงานรับใช้ด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะรับใช้ผู้อื่น ถ้าลูกแม่นยำในวิธีการนี้ด้วยตัวลูกเอง ลูกจะบรรลุผลสำเร็จในงานรับใช้ การฝึกฝนแรกเริ่มของลูกก็คือ ทำให้ดวงวิญญาณกลายเป็นผู้ละวาง มันคือการละวาง มันคือการละวางแล้วมันจะเป็นการละวางจากร่างกาย มันเป็นเพียงความผูกพันยึดติดที่ไม่ยอมให้มีการละวาง ธรรมชาติเดิมแท้ของดวงวิญญาณคือการคงอยู่อย่างละวาง มันแยกกัน ร่างกายไม่ใช่ดวงวิญญาณและดวงวิญญาณก็ไม่ใช่ร่างกาย ทั้งสองสิ่งแยกจากกัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้รวมกันใช่หรือไม่ มันเป็นเพียงเพราะนิสัยของการผูกพันยึดติดได้ถูกปลูกฝังมา 63 ชาติ อะไรก็ตามที่มันเป็นของดั้งเดิมก็ยังคงสภาพดั้งเดิมของมันเสมอ (Avyakt 29/12/89)

สัญลักษณ์ของการคงอยู่อย่างละวางคือ การมีประสบการณ์ของความรักของพระเจ้าและลูกมีประสบการณ์ของความรักมากเท่าใด ลูกก็จะไม่สามารถแยกไปได้ ลูกจะเฝ้าแต่มีท่านเป็นเพื่อนอย่างสม่ำเสมอ ความรักคือเมื่อลูกอยู่ด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการที่จะมีประสบการณ์ของความรักของพระเจ้า คือประสบการณ์ของการมีพระเจ้าเป็นเพื่อนอย่างสม่ำเสมอ ลูกจะไม่เคยคิดว่าตัวลูกนั้นโดดเดี่ยวใช่ไหม พ่ออยู่กับลูก (Avyakt 31/12/93)

ถ้าลูกอาศัยอยู่ในบ้าน ลูกอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานรับใช้ อย่าได้คิดว่าลูกมีบ่วงพันธะแห่งกรรม ลูกมีกรรมที่จะต้องชำระสะสาง แต่ว่าลูกอยู่ที่นี่เพื่อทำงานรับใช้ เมื่อลูกถูกผูกอยู่ในงานรับใช้ บ่วงพันธะของกรรมก็จะจบสิ้น ถ้าลูกยังไม่มีความรู้สึกของงานรับใช้ บ่วงพันธะแห่งกรรมก็จะเฝ้าแต่ดึงลูก สัญลักษณ์ของบ่วงพันธะแห่งกรรม หรือสัญลักษณ์ของงานรับใช้คือ ถ้ามันเป็นบ่วงพันธะแห่งกรรมมันจะมีกระแสของความทุกข์ แต่ถ้าเป็นพันธะของงานรับใช้ มันจะไม่มีกระแสของความทุกข์แต่เป็นกระแสของความสุข ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่มีกระแสของความทุกข์ใด ๆ มา จงเข้าใจว่านั่นคือบ่วงพันธะแห่งกรรม และนั่นคือลูกยังไม่ได้เปลี่ยนบ่วงพันธะแห่งกรรมให้เป็นพันธะของงานรับใช้ ลูกเป็นผู้รับใช้โลก และดังนั้นไม่ว่าที่ใดก้ตามที่ลูกอยู่ในโลก ลูกอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานรับใช้ ลูกจำสิ่งนี้อย่างมั่นคงหรือบางครั้งลูกก็ติดกับอยู่ในบ่วงพันธะแห่งกรรม ผู้รับใช้จะไม่เคยติดกับ เขาจะคงอยู่ในความรักและละวาง ลูกเข้าใจว่าลูกจะต้องอยู่ในการละวาง ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์ใด ๆ มาอยู่ตรงหน้าของลูก ลูกจะต้องละวาง ณ เวลานั้น ลูกสามารถที่จะคงอยู่อย่างละวางจาก "ทางโลก" เมื่อไม่มีสถานการณ์ อย่างไรก็ตามในชีวิตทางดวงวิญญาณของลูกก็เช่นกัน จงอยู่อย่างละวางอย่างสม่ำเสมอ จงอย่าเป็นผู้ละวางแต่เพียงบางครั้ง แต่จงเป็นตลอดเวลา ผู้ซึ่งมีการละวางเพียงบางครั้งจะไ้ด้รับอาณาจักรเพียงบางครั้งเท่านั้น ถ้าลูกปรารถนาที่จะปกครองอาณาจักรตลอดเวลา แล้วลูกจะต้องคงอยู่ในการละวางตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ขีดเส้นใต้คำว่า "ตลอดเวลา" (Avyakt 31/12/93)

ณ เวลาที่เหมาะสมตามศรีมัทและตามสัญญาณจากดวงวิญญาณเครื่องมือ ใน 1 วินาที สติปัญญาควรจะกลายเป็นผู้ละวาง จากสภาพที่มีความรัก ในประเด็นนี้ลูกไม่สามารถกลายเป็นผู้ละวางอย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเช่นลูกได้กลายเป็นผู้ที่มีความรัก ลูกนั้นฉลาดในการกลายเป็นผู้ที่มีความรัก แต่ในการกลายเป็นผู้ละวางลูกใช้ความคิดถึงสองครั้งเกี่ยวกับสิ่งนี้ และลูกก็ต้องการความกล้าหาญ การกลายเป็นผู้ละวางหมายถึง การจากไปจากชายฝั่ง (Avyakt 13/12/90)

ขณะที่ลูกเดิน ขณะที่ลูกเคลื่อนไหว ตรวจสอบสิ่งนี้ : ฉันคือผู้ขับขี่ยานพาหนะ นั่นคือฉันมั่นคงอยู่ในสภาวะของการละวางและมีความรัก เป็นผู้ที่ทำให้ทุกสิ่งเคลื่อนไปใช่่ไหม ผู้ขับขี่ยานพาหนะโดยธรรมชาติแล้วเป็นผู้เฝ้าดู อะไรก็ตามที่ลูกทำ ลูกจะำทำมันหลังจากตรวจสอบและคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับมันเช่นผู้เฝ้าดู ลูกจะดูมัน ไตร่ตรองมันและแล้วก็ทำมัน ลูกจะำทำทั้งหมดนี้ในทุก ๆ สิ่ง และคงอยู่เหนืออิทธิพลใด ๆ นั่นคือลูกจะเป็นผู้ละวางจากผลกระทบของมายา (Avyakt 09/12/89)

วิธีที่ง่ายของการมีทัศนคติที่ถูกต้องของความสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนาคือ แม้แต่ขณะที่เข้ามามีการพูดคุยกับดวงวิญญาณ ขณะที่ใช้เครื่องอำนวยความสะดวก หรือขณะที่ได้รับโชคของการเป็นผู้รับหน้าที่สำคัญของการทำงานรับใช้ เมื่อเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับทุก ๆ คน ลูกควรจะมีความรักในระดับเดียวกันกับที่ลูกมีความละวาง ควรจะมีความสมดุลในสิ่งนี้ (Avyakt 05/12/94)




คุณธรรม - ความคิดสร้างสรร(Creativity)



ดวงวิญญาณเป็นที่รู้จักกันว่าผู้ซึ่งสามารถจะสร้างสรรได้มาก ถึงระดับที่สติปัญญาของเขาถ่อมตน มันเป็นสติปัญญานั่นเองที่สร้างสิ่งใหม่ (Avyakt 27/12/87)

Monday, November 11, 2013

คุณธรรม - ความกล้าหาญ(Courage)



ลูกมีความกล้ามากเท่าใด ลูกอย่าได้มีความท้อแท้ ลูกไม่เคยมีความท้อแท้ใช่ไหมลูก.... อดีตคืออดีต... อย่างไรก็ตามอย่าทำเหมือนเดิมในอนาคต ลูกจะต้องมีความมุ่งมั่นในความคิดเหมือนพ่อบราห์มา แล้วลูกจะไม่กลายเป็นผู้ที่มีความท้อแท้ ลูกต้องรักษาหัวใจของลูกให้มีความสุขอย่างสม่ำเสมอ ลูกมีความกล้าหาญอย่างมากเช่นนี้ในอนาคตใช่ไหมลูก... ลูกจะไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ถ้าแม้ว่ามายาจะพยายามทำให้ลูกเป็นเช่นนั้นใช่ไหม... ลูกจะทำอะไรถ้ามายามา ลูกจะกลายเป็นผู้พิชิตมายาใช่ไหมลูก.... ถ้าลูกมีความคิดมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นผู้พิชิตมายา มายาจะไม่ทำสิ่งใด  ๆ ให้มีสำนึกนี้เสมอ 
ไม่สำคัญว่ามายาจะมาในรูปที่ใหญ่เท่าใด มันไม่มีสิ่งใดใหม่ กี่ครั้งมาแล้วที่ลูกได้รับชัยชนะ (นับครั้งไม่ถ้วน) ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะกลายเป็นสิ่งนั้นอีกครั้งหนึ่ง มันกลายเป็นเช่นนั้นใช่ไหม.... ลูกจะไม่กลัวถ้ามายามาหาลูกในรูปที่ใหญ่ใช่ไหม ..ไม่...ลูกแน่ใจหรือ... ถ้าเธอมาในรูปที่ใหญ่เท่าภูเขาหิมาลัย...แล้วอะไร...(เราจะหาวิธี เราจะบิน) เราจะไม่หาหนทาง แต่เพียงแต่โบยบิน ลูกรู้วิธีที่จะบินอยู่ในสภาวะที่โบยบินใน 1 วินาทีหรือไม่... ลูกรู้หรือจะต้องใช้เวลา ภูเขาจะกลายเป็นอะไรสำหรับผู้ซึ่งมีสภาวะที่โบยบินใน 1 วินาที มันจะเป็นเหมือนกับผ้าขนสัตว์ ไม่ว่ารูปของมายาจะมาใหญ่เท่าใด ลูกจะต้องไม่กลัว... นั่นเป็นเพียงเสือกระดาษ ภูเขากระดาษ 
ดังนั้น ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยอำนาจเช่นนี้ ผู้ซึ่งทำตามพ่อบราห์มา จะเข้ามาใกล้และกลายเป็นผู้ทัดเทียม ดังนั้นลูกจะคิดถึงอะไร ทำตามพ่อในทุก ๆ ความคิด คำพูด และการกระทำของลูก สิ่งแรกตรวจสอบว่า ลูกกำลังทำตามพ่อในสิ่งนั้น ดังนั้น แล้วลูกจะได้รับเป้าหมายที่ลูกตั้งใจไว้อย่างแน่นอน ลูกได้แสดงความกล้าหาญที่ดี อย่างไรก็ตามลูกจะต้องไม่ทิ้งความกล้าหาญไว้ที่นี่ ลูกจะต้องนำมันกลับไปกับลู (Avyakt 17/03/91)

ก้าวหนึ่งของความกล้าหาญของลูก ๆ สามารถที่จะทำให้ลูกทุกคนได้รับความช่วยเหลือหลายล้านก้าวจากพ่อ ความกล้าหาญแรกที่ลูกได้ทำนั้นคือ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ด้วยความกล้าหาญของการซึมซับความบริสุทธิ์ ลูกมีความคิดที่มุ่งมั่นว่าพวกเราจะต้องกลับมาบริสุทธิ์
เมื่อลูกมีความกล้าหาญ ลูกสามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อมากเท่าที่ลูกต้องการ มันไม่ใช่เป็นการให้อย่างประหยัด ไม่ว่าบางคนจะเป็นลูกเพียง 1 ปี หรือเป็นลูกมา 50 ปี ไม่ว่าจะอุทิศตนหรือาศัยอยู่ในบ้านก็มีสิทธิเท่ากัน อย่างไรก็ตามมันได้รับโดยผ่านวิธีการที่ถูกต้องแม่นยำ ดังนั้น ลูกเข้าใจกฏของพระเจ้าหรือไม่ อย่างไรลูกก็มีความกล้าหาญอย่างดี ลูกได้มาถึงที่นี่ที่ไกลแสนไกล เพราะว่าลูกมีความกล้าหาญ ลูกมีความกล้าหาญที่จะเป็นของบาบาด้วย และนี่เองที่ทำไมลูกได้กลายเป็นของท่าน มีความแตกต่างระหว่างการดำเนินไปกับวิธีการของการมีความกล้าหาญอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นมีค่าต่อการช่วยเหลือ และได้รับความสำเร็จ ด้วยการใช้วิธีการเพียงบางครั้ง บรรลุเ้ป้าหมายของการกลายเป็นอันดับเลขหนึ่ง ด้วยการมีความกล้าหาญอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ ก้าว และเป็นผู้มีค่าต่อการรับความช่วยเหลือ เพียงบราห์มาผู้เดียวจะกลายเป็นอันดับหนึ่ง แต่จะมีจำนวนมากในพวกที่หนึ่ง นี่เองที่ทำไมจึงมีการพูดกันว่าให้กลายเป็นอันดับหนึ่ง ลูกเข้าใจไหม... ลูกสามารถมาในพวกที่หนึ่ง..ลูกทำได้ไหม.. นี่เองที่รู้กันว่าการกลายเป็นอันดับหนึ่ง (Avyakt 22/11/87)

ลูกไม่ควรสับสนเกี่ยวกับปัจจุบันหรืออนาคต ในความเป็นจริงสถานการณ์ไม่มีอะไรเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าของสภาวะดั้งเดิมของตน ไม่สำคัญว่าสภาพการณ์จะใหญ่เท่าใด เมื่อลูกอยู่เหนือภูเขา ภูเขาดูเหมือนจะเล็ก เมื่อความยากลำบากใด ๆ ที่ใหญ่เข้ามา ให้มีประสบการณ์ของสภาวะโบยบิน และความยากลำบากจะดูเหมือนกับของเล่น เป็นอะไรก็ตาม เป็นอย่างไรก็ตาม มันไม่มีอะไรเลยเมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้ที่มีสภาวะที่โบยบิน
ดังนั้น อะไรคือปีกทั้งสองของสภาพที่โบยบิน (ญาณและโยคะ) พร้อมกับญาณและโยคะ ก็คือความกล้าหาญกระตือรือร้นและจริงจัง ถ้าลูกมีความกล้าหาญ และเพราะความกล้าหาญนั้น ลูกสามารถทำอะไรก็ได้ที่ลูกต้องการ นี่เองที่ทำไมมีการจดจำกันว่า ที่ไหนมีความกล้าหาญ ลูกจะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อ ดังนั้น ลูกมีความกล้าหาญจริงจังและกระตือรือร้นหรือไม่ เพราะว่ามันจำเป็นที่จะต้องมีความจริงจังและกระตือรือร้นในการที่จะได้รับความสำเร็จในงานต่าง ๆ ถ้าไม่มีความจริงจังและกระตือรือร้น แล้วงานก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จ ทำไมหรือ ที่ไหนที่ไม่มีความจริงจังและกระตือรือร้น  มันจะมีความเหนื่อยหน่าย และผู้ซึ่งเหนื่อยหน่ายจะไม่ประสบความสำเร็จ ลูกจะได้รับประสบการณ์ของสภาวะโบยบินอย่างสม่ำเสมอ เพียงแต่บนพื้นฐานของความกล้าหาญ ความจริงจังและกระตือรือร้นเท่านั้น (Avyakt 25/11/93)

ผู้ซึ่งรักษาความกล้าหาญจะได้รับความช่วยเหลือ สิ่งแรกจะต้องมีความกล้าหาญของลูกและแล้วพ่อก็จะช่วย แต่ถ้าลูกสูญเสียความกล้าหาญ และแล้วคิดว่าลูกไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบาบา และบาบาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยในขณะที่มีความต้องการ ดังนั้น อย่าได้จำเพียงครึ่งประโยค บาบาเป็นผู้ช่วย แต่ช่วยใคร ลูกลืมครึ่งแรกของมัน และจำครึ่งหลัง และคิดว่าบาบาช่วยแต่เพียงมหาระตี และว่าท่านไม่ช่วยลูก ว่าท่านไม่เห็นแม้แต่ลูก ในความเป็นจริงมันเป็นลูกก่อน มหาระตีเป็นที่สอง อย่าได้ท้อแท้ เมื่อมีสำนึกของฉันแล้ว ไม่สำคัญว่าลูกจะพยายามที่จะแก้ปัญหามากเท่าใด มันจะกลายเป็นสับสนมากขึ้น ดังนั้น ลูกจะต้องไม่กลายเป็นอะไรในทุก ๆ สถานการณ์ ลูกจะต้องไม่เคยแม้แต่จะกลายเป็นผู้ท้อแท้ ลูกได้ทำสัญญาที่มั่นคงว่าลูกเป็นลูก ๆ ของพระเจ้า ใช่ไหมลูก... แม้แต่มายาก็ไม่สามารถทำให้ลูกเปลี่ยนแปลงจากสิ่งนี้ ลูกได้ทำสัญญาที่มั่นคง แล้วลูกก็มีศรัทธาว่าลูกเป็นลูกของพระเจ้า และถ้าแม้แต่ลูก ๆ ของพระเจ้าได้กลายเป็นผู้ท้อแท้ แล้วใครล่ะ...ที่จะเป็นคนที่มีหัวใจที่กล้าหาญ มันจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหรือ มันจะต้องเป็นลูกผู้ซึ่งเป็นสิ่งนี้ ดังนั้น แล้วลูกจะทำอะไร ดังนั้น จงกลับมาทรงอำนาจ และทำให้บทเรียนของ "ลูกเปิดเผยพ่อ" ให้มั่นคง อย่าได้อ่อนแอในสิ่งนี้ แต่จงทำให้บทเรียนนี้มั่นคงเป็นอย่างมาก ลูก ๆ ทั้งหมดเป็นผู้กล้าหาญใช่หรือไม่... ลูกมีความกล้าหาญเช่นนี้ใช่ไหม...
มีดวงวิญญาณมากมายที่ประสบกับความทุกข์เป็นอย่างมาก เพราะเหตุของความตึงเครียด แต่พวกเขาเพียงแต่ไม่มีความกล้าหาญใด ๆ ที่จะก้าวไปข้างหน้า ดังนั้น ลูกผู้เป็นนายผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจเฉียบขาด ควรจะให้ความกล้าหาญกับพวกเขา และพวกเขาจึงจะสามารถที่จะมา เมื่อบางคนไม่มีขา เขาได้รับขาไม้ และดังนั้นอย่างน้อยเขาก็จะสามารถที่จะเดิน ดังนั้น ลูกควรจะให้ขาแห่งความกล้าหาญ อย่าให้ขาที่ทำด้วยไม้ แต่ให้ขาของความกล้าหาญ พวกเขาได้มีประสบการณ์ของความทุกข์อย่างมากมาย และดังนั้น จงมีความเมตตาปราณี (Avyakt 18/01/96)

ลูกมีความฉลาดในการกลายเป็นผู้ที่มีความรัก แต่ในการกลายเป็นผู้ละวางลูกคิดมันถึงสองครั้ง และลูกก็ต้องการความกล้าหาญด้วย ลูกได้รักษาความกล้าหาญไว้ และลูกก็จะได้รับความช่วยเหลือจากบาบาในทุก ๆ ทางเสมอ ดังนั้น ลูกจึงมีประสบการณ์ของสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือจากบาบาโดยผ่านความกล้าหาญ และเฝ้าแต่จะโบยบินอย่างง่ายดายอย่างต่อเนื่อง บาบาให้การช่วยหลือ แต่ผู้ซึ่งต้องการความช่วยเหลือต้องรับมัน นายผู้ให้ให้ แต่ผู้รับก็รับมันไปตามแต่ความสามารถของพวกเขา ดังนั้นลูกจะต้องไม่เป็นผู้ซึ่งรับมันตามความสามารถของตนเอง แต่ลูกต้องเป็นผู้ซึ่งเต็มไปด้วยอำนาจทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ (Avyakt 13/12/90)

ผู้ที่ได้รับชัยชนะจะกระตุ้นความกล้าหาญในผู้อื่น เขาจะไม่พยายามทำให้ผู้อื่นดูเหมือนกล้าหาญน้อย เพราะว่าเพชรพลอยผู้พิชิตเป็นผู้ให้ เป็นนายผู้ช่วยเหลือเหมือนบาบาผู้ซึ่งยกระดับผู้อื่น ผู้ที่มีความศรัทธาในสติปัญญาจะอยู่อย่างห่างไกลจากสิ่งไร้สาระเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูด และการกระทำที่ไร้สาระ การถอยห่างไปจากความไร้สาระหมายถึงการเป็นผู้ได้รับชัยชนะ มันเป็นเพราะความไร้สาระนั่นเองที่มีบางเวลาที่พ่ายแพ้และบางเวลาได้รับชัยชนะ ถ้าความไร้สาระจบสิ้น การพ่ายแพ้ก็จบสิ้น การจบสิ้นความไร้สาระเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ (Avyakt 25/11/85)

กุมารหมายถึงผู้ซึ่งมีความกล้าหาญ และสามารถที่จะบรรลุอะไรก็ตามที่เขาเลือก ดังนั้น บัพดาดาจึงแนะนำลูกใหใช้วิธีการที่มีอยู่เพื่อที่จะได้รับความสำเร็จเสมอ ๆ กุมารหมายถึงโยคีที่สม่ำเสมอเพราะโลกกุมารเป็นโลกของการมีบาบาเพียงผู้เดียว มีแต่บาบาเป็นโลก และแล้วสติปัญญาก็ไม่สามารถไปที่อื่นใดยกเว้นโลกนี้ เมื่อมีเพียงหนึ่งเดียว แล้วมีการคิดถึงหนึ่งเดียวนี้เสมอ มันเป็นการง่ายมากที่จะคิดถึงเพียงหนึ่ง และผลก็คือลูกก็จะเป็นอิสระจากสิ่งอื่น ๆ มากมาย ทุกสิ่งได้หลอมรวมอยู่ภายในหนึ่งเดียว (Avyakt 10/04/84)

ความใหม่อะไรที่ลูกจะต้องนำมาในความสัมพันธ์และการติดต่อของลูก ปีนี้จงเป็นปีของการมีประสบการณ์ของสำนึกของการเป็นนายผู้ให้ ลูก ๆ ของผู้ให้ ดวงวิญญาณไหนก็ตามที่ลูกได้เข้าไปติดต่อและมีสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็นดวงวิญญาณบราห์มินหรือดวงวิญญาณธรรมดา พวกเขาควรจะมีประสบการณ์ของการบรรลุผลโดยผ่ายนายผู้ให้ พวกเขาอาจจะได้รับความกล้าหาญ อาจจะได้รับความจริงจังและกระตือรือร้น พวกเขาอาจได้รับความสงบหรืออำนาจ พวกเขาอาจได้รับความสุข หรือพวกเขาได้ค้นพบวิธีที่ง่ายที่จะทำให้พวกเขามีประสบการณ์ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นในประสบการณ์ของพวกเขา ลูกจะต้องให้บางสิ่งกับทุกดวงวิญญาณ ลูกจะต้องไม่รับเอา แต่ให้การรับนั้นหลอมละลายอยู่ในการให้ (Avyakt 31/12/90)

ลูกมีความกล้าหาญที่จะทำสัญญาไหม หรือลูกพยายามที่จะรักษาความกล้าหาญนั้นไว้  อะไรเป็นสัญลักษณ์ของลูก ๆ ผู้กล้าหาญ พวกเขาจะไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้ ถ้าลูกทุกคนกล้าหาญ แล้วจากวันนี้ลูกจะไม่มีประสบการณ์ของความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ผู้ที่ได้รับชัยชนะมาเป็นเวลานานจะกลายเป็นลูกปัดของพวงปะคำแห่งชัยชนะ ถ้าลูกปรารถนาที่จะถูกร้อยเข้าไปในพวงปะคำแห่งชัยชนะ ลูกจะต้องนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของการเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ลูกจะต้องตรวจสอบประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลง มันง่ายมาก ๆ (Avyakt 25/10/69)

จงให้ทุกคำพูดเต็มไปด้วยอำนาจและส่งผลต่อการให้ความกล้าหาญและความกระตือรือร้น และไม่มีสิ่งไร้สาระ เมื่อเป้าหมายและการกระทำกลายเป็นสิ่งเดียวกัน จะมีความทัดเทียมกับพ่อ (Avyakt 01/01/86)

อะไรเป็นก้าวแรกของความกล้าหาญที่บราห์มาบาบารับมาสำหรับสิ่งนี้ ก้าวแรกโดยผ่านสิ่งที่ท่านมีประสบการณ์ว่าท่านเองเป็นผู้ที่มีโชคหลายล้านเท่าจากตอนเริ่มต้น ก้าวแรกนั้นเป็นการอุทิศตน ในทุก ๆ กรณี ท่านอุทิศทุก ๆ สิ่ง ท่านไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งใด  ๆ ว่า "อะไรจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นอย่างไร" ภายใน 1 วินาทีตามหนทางอันสูงส่งของบาบา บาบาก็พูดมันออกมา ท่านให้สัญญา และทันทีที่บาบาให้สัญญาณเสร็จ บราห์มาบาบาลงมือทำและรับเอาขั้นตอนนั้น 
นี่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นก้าวแรกของความกล้าหาญ ท่านอุทิศร่างกายของท่าน ท่านทำให้จิตใจของท่านกลายเป็นรูปธรรมของความสำเร็จ โดยผ่านวิธีการของ มานมานาบาพ นี่เองที่ทำไมจิตใจ นั่นคือทุก ๆ ความคิดนำความสำเร็จมาให้ ท่านได้กลายเป็นผู้ไร้กังวล และอุทิศทรัพย์ของท่านโดยปราศจากความกังวลใด ๆ ถึงอนาคต ทำไมหรือ เพราะว่าท่านได้มีศรัทธาว่านี่ไม่ใช่การให้ แต่เป็นการรับหลายพันล้านเท่า เช่นเดียวกันท่านได้มอบอุทิศความสัมพันธ์ ท่านได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ทางโลกไปเป็นความสัมพันธ์ทางดวงวิญญาณ ท่านไม่ได้ทิ้งพวกเขา 
แต่ท่านนำประโยชน์มาสู่พวกเขา ท่านเปลี่ยนแปลงพวกเขา ท่านได้อุทิศสติปัญญาของสำนึกของความเป็นฉัน สติปัญญาของความหยิ่งยโส และนี่เองที่ทำไมด้วยจิตใจ ร่างกาย และสติปัญญาของท่าน ท่านดำรงอยู่ในความใสสะอาด เยือกเย็นและให้ความสุข ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นความยากเข้ามาโดยผ่านครอบครัวทางโลกของท่าน หรือดวงวิญญาณที่โง่เขลาในโลก 
ท่านไม่ได้หวั่นไหวด้วยความสงสัยแม้แต่ในรูปที่ละเอียดอ่อน หรือมีร่องรอยใด ๆ ของมันในรูปของความคิดหรือความฝัน ความอัศจรรย์ของบราห์มาคือความพิเศษของประเด็นนี้ บราห์มาเป็นตัวอย่างบนโลกเบื้องหน้าของลูก ๆ ทุกคน แต่ไม่มีตัวอย่างทางโลกเบื้องหน้าของบราห์มา ท่านเพียงแต่มีความศรัทธาที่ไม่ไหวหวั่น และการช่วยเหลือจากศรีมัทของบาบา (Avyakt 21/01/88)

ลูกเพียงแต่ได้รับความรักเช่นนี้ ณ เวลานี้ ระหว่างการเกิดของชาตินี้ ความรักของพระเจ้า ณ เวลานี้สร้างสรรค์รางวัลให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักหลายชาติเกิด อย่างไรก็ตาม บัดนี้เป็นเวลาของการบรรลุผลนั้น บัดนี้เป็นเวลาแห่งการเพาะหว่านเมล็ด มีความสำคัญเป็นอย่างมากของเวลานี้ ผู้ซึ่งได้รับความรักโดยผู้เดียว ด้วยหัวใจที่แท้จริง ดำรงอยู่ในการหลอมรวมในความรักอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครที่จะมีความกล้าหาญที่จะเข้าใกล้หรือต่อต้านดวงวิญญาณผู้ซึ่งหลอมรวมอยู่ในความรัก ถ้าลูกหลอมรวมอยู่ในความรัก ความดึงดูดของใครก็ไม่สามารถดึงดูดลูกได้ เหมือนกับพลังของวิทยาศาสตร์ซึ่งพามนุษย์ออกไปพ้นจากแรงดึงดูดของโลก เช่นเดียวกันสภาวะการหลอมรวมอยู่ในความรักพาลูกให้ไกลไปอย่างมากจากแรงดึงดูดทุกชนิด ถ้าลูกไม่หลอมรวมอยู่ในความรัก มันก็จะมีการขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะว่าถึงแม้ว่าจะมีความรัก ลูกก็ไม่ได้หลอมรวมไปในความรัก การช่วยเหลืออันสม่ำเสมอของบาบาทำให้ลูกมีความจริงจังและกระตือรือร้น พร้อมทั้งความกล้าหาญและพลังที่ไม่มีความเหนื่อยอ่อน เมื่อมีความจริงจังและกระตือรือร้น และไม่เหนื่อยอ่อนต่องาน งานนั้นจะจบลงอย่างไร มันจะจบลงอย่างประสบความสำเร็จหรือไม่ บาบาไม่ได้ทำงานด้วยมือ ท่านทำงานของการให้ความช่วยเหลือลูก ดังนั้นชีวิตของการเป็นคาร์มาโยคีเป็นชีวิตที่ทำงานด้วยพลังทั้งสอง
ที่ใดที่มีความกล้าหาญ ความกล้าหาญของพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่ความกล้าหาญของดวงวิญญาณธรรมดา ที่ใดมีความกล้าหาญของพระเจ้านี้ ก็มีการช่วยเหลือ ดวงวิญญาณที่ได้กลายมาเป็นเครื่องมือก็จะพัฒนาความกล้าหาญโดยอัตโนมัติ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมกับเพื่อนเช่นนี้ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ของการช่วยเหลือเช่นนี้ พวกเขามีความคิดอะไร ไม่มีอะไรใหม่ ชัยชนะได้รับการค้ำประกัน ความสำเร็จได้รับการค้ำประกัน นี่คือประสบการณ์ของคนรักที่แท้จริง (Avyakt 13/02/92)

ลูกกลายเป็นผู้ซึ่งมีค่าที่จะรับความช่วยเหลือจากบาบา เนื่องจากความกล้าหาญของลูก ลูกเอาชนะบ่วงพันธะหลาย ๆ ชนิดของมายา และได้ก้าวข้ามเส้นกั้นของประเพณีและระบบหลายชนิดและมาถึงที่นี่ ความกล้าหาญนี้ไม่ใช่เล็กน้อย วิธีหนึ่งเป็นการรักษาเพียงจุดเดียวในสติปัญญา และได้กลายเป็นตัวของจุด และให้ใช้จุดในการกระทำ ลูกควรจะเป็นตัวของจุดและเป็นจุดนั้น (Avyakt 25/02/91)

ลูกทั้งหมดอยู่ในหัวใจของบาบาใช่หรือไม่ ลูกไม่สามารถถูกแยกออกจากหัวใจ ไม่มีใครสามารถที่จะมีความกล้าหาญที่จะแยกลูกออกจากหัวใจของผู้ปลอบประโลมใจ ลูกแม้แต่ร้องเพลงว่า ท่านไม่สามารถแยกออกไป แม้แต่โลกทั้งโลกพยายามจะแยกลูก แม้กระนั้นลูกก็ไม่สามารถถูกแยกไป เพราะลูกเป็นเพียงหนึ่งผู้ซึ่งเป็นเพียงน้อยนิดจากหลายพันล้าน ผู้คนเหล่านั้นไม่มีอะไรเลยเมื่อเปรียบเทียบกับลูก นี่คือสัญลักษณ์ของการเป็นกลุ่มที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยการเห็นความก้าวหน้าของลูก ๆ แม้แต่บาบาก็ยอมสละตัวท่านเอง (Avyakt 18/02/94 กลุ่ม4)