การมีความสุขหมายความว่า ความสุขเป็นรูปที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่มีความสุขก็ต้องมีความไม่บริสุทธิ์บางสิ่งอยู่อย่างแน่นอน นั่นคือความคิดหรือการกระทำไม่ถูกต้อง และนี่เองที่ทำไมจึงไม่มีความสุข ความไม่บริสุทธิ์มิใช่แต่เพียงในรูปของกิเลสทั้งห้าอย่างเท่านั้น แต่สำหรับดวงวิญญาณที่สมบูรณ์ สำหรับดวงวิญญาณที่จะกลายเป็นเทพ การมีความไม่ถูกต้อง ไร้สาระ หรือคำพูดธรรมดา หรือการกระทำที่ธรรมดา ไม่ใช่ความบริสุทธิ์ที่สมบูรณ์ เพราะว่าลูกกำลังเข้าใกล้สภาวะสมบูรณ์พร้อมของลูก ควรจะมีการตรวจสอบและเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้ไม่มีเรื่องไร้สาระหรือการกระทำที่ธรรมดา ถ้ามีพลังเต็มและความคิดที่สูงส่ง คำพูดและการกระทำที่สูงส่งก็จะมีความสูงส่งอย่างสม่ำเสมอ จะมีประสบการณ์ของคลื่นของความสุขในโชคของลูก สื่งนี้ก็จะสัมผัสได้โดยผู้อื่นเช่นกัน
ลูกได้กลายมาเป็นบราห์มินที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ใช่ว่าจะต้องมีความยากลำบากในการทำความเพียร หรือต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ลูกได้กลายมาเป็นบราห์มิน เพื่อที่จะมีประสบการณ์ความสุขภายในทางดวงวิญญาณ และความสุขเหนือประสาทสัมผัส ซึ่งไม่สามารถมีได้ในเวลาอื่นใดในกัลป์
ไม่ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวหรือวัตถุสิ่งของ การบรรลุถึงความสุขบนพื้นฐานของสิ่งนี้มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันไม่ใช่ความสุขที่เป็นอมตะ ถ้าสิ่งเกื้อกูลเหล่านี้ไม่มั่นคง ความสุขก็ไม่มั่นคงเช่นกัน ลูกไม่ได้มาเป็นบราห์มินเพียงเพื่อความสุขเช่นนี้
งานรับใช้ที่แท้จริงจะให้ประสบการณ์ของสภาวะที่ไร้ขีดจำกัดเสมอ มันให้ประสบการณ์ของความสุขที่ไม่มีขีดจำกัด ถ้าไม่มีประสบการณ์เช่นนี้ ถ้างานรับใช้มีการเจือปน มันไม่ใช่งานรับใช้ที่แท้จริง จงมีเป้าหมายของการมีประสบการณ์ของความก้าวหน้าในตนเองอยู่เสมอ การได้รับสำหรับตนเอง ความพอใจและความยิ่งใหญ่ผ่านงานรับใช้ ที่ไหนที่มีความยิ่งใหญ่ของความพอใจ ก็จะมีประสบการณ์ของการได้บรรลุถึงความเป็นอมตะ การทำงานรับใช้หมายถึงการทำสวนดอกไม้ให้เบ่งบาน การทำงานรับใช้หมายถึงการมีประสบการณ์กับสวนดอกไม้ และไม่ติดกับอยู่ในดงแห่งหนามของป่าหนาม เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ขาดการบรรลุผล ความสับสนในความคิด ความไม่แน่นอน ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งหมดนี้คือหนาม การที่ไปให้พ้นจากหนามเหล่านี้ หมายถึง การมีประสบการณ์ของความสุข
สัญลักษณ์ของความสุขที่เป็นอมตะคือ คนนั้นได้รับพรของความสุขอย่างสม่ำเสมอ (อเวียก 13/01/86)
เมื่อลูกแสดงการกระทำที่สูงส่ง ลูกจะได้รับความสุขก่อน และถ้าหัวใจของลูกมีความสุข ทั้งโลกก็จะมีความสุข การมาเป็นบราห์มินของยุคแห่งการบรรจบพบกันหมายถึง ไม่มีชื่อหรือร่องรอยของความทุกข์ เพราะว่าลูกเป็นลูก ๆ ของผู้ประทานความสุข ดังนั้น ลูก ๆ ของผู้ประทานความสุขก็จะเป็นนายผู้ประทานความสุข จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่นายผู้ประทานความสุขจะประสบกับความทุกข์ใด ๆ ด้วยสติปัญญาของลูก ลูกก็ได้ถอยห่างจากดินแดนของความทุกข์ ตัวลูกเองคือตัวของความสุข แต่ขณะเดียวกัน ลูกก็เป็นนายผู้ประทานความสุข ผู้ให้ความสุขกับผู้อื่น ลูกเป็นผู้ให้ความสุขกับผู้อื่น หรือลูกเพียงแต่เก็บความสุขไว้กับตนเองเท่านั้น ลูกคือผู้ประทาน อะไรก็ตามที่เป็นงานของพ่อก็เป็นงานของลูก ๆ เช่นกัน บาบาเฝ้าแต่ให้ความสุขกับทุก ๆ ดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ (อเวียก 25/01/94)
บัดนี้ ลูกสามารถเข้าใจว่าลูกได้ออกห่างมาจากปลักตมของมายาไกลเท่าไรแล้ว ยิ่งไกลเท่าใด ที่ลูกอยู่ห่างได้ ลูกก็จะมีความสุขมากขึ้นตามนั้น (ซาคาร์ 27/06/96)
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าบางคนกำลังจะตาย ความสุขของลูกก็ไม่ควรจะลดลง แม้แต่ถ้าลูกจะตาย ความสุขของลูกก็ไม่ควรจะหายไป มันไม่มีความหมายหรอก ถ้าร่างกายจะจากไป เพราะลูกได้รับการค้ำประกันว่า ถ้าลูกไปด้วยความสุข ลูกไปเพื่อให้ความสุขกับคนอื่น ๆ มากมาย ดังนั้นมันเป็นสิ่งแน่นอนว่า แม้แต่ถ้าลูกจากร่างของลูก ความสุขของลูกก็ไม่ควรจางหาย ชีวิตบราห์มิน หมายถึงชีวิตของความสุข ถ้าลูกเป็นบราห์มินและไม่มีความสุข มันก็จะไม่ใช่ชีวิตของบราห์มิน
ไม่ว่าลูกจะอาศัยอยู่ที่ใด ความสุขของลูกก็จะไม่สามารถสูญหายไป มันเป็นไปไม่ได้ ลูกจะพูดสิ่งนี้ด้วยความซาบซึ้งเช่นนี้
ลูกรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ความสุขจะหนีหายไปจากชีวิตบราห์มิน ดังนั้น ใบหน้าของแต่ละคนควรจะร่าเริงและเปล่งประกายด้วยความสุขของโชค (อเวียก 16/12/93)
ถ้าลูกให้ความสุข ลูกก็จะได้รับความสุข (ซาคาร์ 21/05/96)
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีด้วยการรับประทานเครื่องบำรุงแห่งความสุข (อเวียก 07/11/89)
เมื่อความสิ้นหวังเปลี่ยนไปเป็นความหวัง ก็มีความสุข (อเวียก 10/11/87)
เรามีความพอใจและความสุข เพราะว่าเรารู้ว่าบาปของเราจะถูกทำลายไปโดยการคิดถึงพ่อ บัดนี้พวกเราก็ประกาศสิทธิในมรดกของความบริสุทธิ์ ความสงบ และความสุขจากพ่อ และดังนั้น เราควรจะมีความสุขนั้น นี่คือดินแดนของความทุกข์ มันไม่สามารถมีความสุขใด ๆ ณ ที่นี่ (ซาคาร์ 27/06/96)
ไม่มีความสุขใด ๆ ณ ที่นี่ จะมีความสุขได้แต่เพียงในดินแดนที่บริสุทธิ์ (ซาคาร์ 01/06/96)
ไม่ว่าลูกจะยิ่งใหญ่และถ่อมตนหรือไม่ สัญลักษณ์ของมันก็คือ ผู้ที่มีความถ่อมตนจะให้ความสุขกับทุกคน ที่ใดก็ตามที่พวกเขาไป อะไรก็ตามที่พวกเขาทำ มันจะเป็นสิ่งซึ่งให้ความสุข ถ้ามีความถ่อมตนน้อย ลูกก็จะไม่สามารถให้ความสุขอย่างสม่ำเสมอ (อเวียก 25/11/93 กลุ่ม 2)
ความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ คือกระจกส่องความศรัทธา ศรัทธานั้นจะไม่เพียงแต่แค่ใช้สติปัญญาเท่านั้น ดวงวิญญาณจะสามารถมีประสบการณ์กับมันได้ในความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณที่ชัดเจนในทุก ๆ ย่างก้าวของการกระทำ
ศรัทธาในสติปัญญาหมายถึง ความซาบซึ้งต่อความสุขในชีวิต ดวงวิญญาณผู้ซึ่งมีความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ จะเต็มไปด้วยความสุขในทุก ๆ ความคิดอย่างสม่ำเสมอ จะมีประสบการณ์นี้ในทั้ง 3 สิ่ง ความคิด คำพูด และการกระทำ ความซาบซึ้งจะเห็นได้จากประกายของความสุขบนใบหน้าของพวกเขา มันจะเห็นได้ในความประพฤติของพวกเขา เครื่องพิสูจน์ความศรัทธาคือความซาบซึ้ง และเครื่องพิสูจน์ความซาบซึ้งคือความสุข
รายละเอียดของรูปแบบของความซาบซึ้งมีกี่รูปแบบนั้นยาวมาก ในสาระแหล่งแรกของการซาบซึ้งกับความสุขนั้นคือ รูปของการเป็นดวงวิญญาณที่ปราศจากร่าง ลูกเข้าใจรายละเอียดของสิ่งนี้ไหม ทุก ๆ คนเป็นดวงวิญญาณ แต่ความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณจะมีประสบการณ์ได้ เมื่อลูกรักษาสำนึกว่าลูกเป็นดวงวิญญาณอย่างไหน ความซาบซึ้งที่สองคือ การมีสำนึกของชีวิตที่พิเศษของยุคแห่งการบรรจบพบกัน ไตรตรองเกี่ยวกับสิ่งนี้ในรายละเอียด ชีวิตคืออะไร ณ ปัจจุบันนี้ สิ่งที่สาม ความซาบซึ้งของสภาวะนางฟ้า (ร่างแสง) ไตร่ตรองเกี่ยวกับรายละเอียดของสิ่งนี้ อะไรเป็นความหมายของนางฟ้า และสี่คือ ความซาบซึ้งต่ออนาคต ทั้งสี่ชนิดของความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณอันใดอันหนึ่ง ก็สามารถจะทำให้ลูกร่ายรำอยู่ในความสุข
การมีศรัทธาแต่ไม่มีความสุข อะไรคือเหตุผล เหตุผลคือไม่มีความซาบซึ้ง ความซาบซึ้งทำให้ลูกลืมสันสการ์เก่าและโลกเก่า ชีวิตของการทำความเพียรนี้มีสองสิ่งที่มาเป็นอุปสรรค บางครั้งโลกเก่า บางครั้งสันสการ์ ความสัมพันธ์ของร่างกายและการครอบครองของร่างกาย รวมอยู่ในนี้ประเด็นของโลก และพร้อมกับโลกและสันสการ์เก่าที่มาเป็นอุปสรรค บางครั้งก็มาอย่างรุนแรง โลกอาจจะถูกลืมได้ แต่สันสการ์เก่าไม่อาจลืมเลือน วิธีที่จะเปลี่ยนแปลงสันสการ์ คือ การเป็นรูปธรรมของความซาบซึ้งทั้ง 4 ชนิดนี้ในรูปที่มีตัวตน อย่าได้เพียงแต่มีในความคิด แต่จงทำมันในรูปที่มีตัวตน และแล้วก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าสันสการ์ยังไม่เปลี่ยน สติปัญญามีมันเป็นเพียงแค่ความรู้เท่านั้น และมีแม้แต่ความซาบซึ้งบางอย่าง แต่แล้วสันสการ์เก่าก็ปรากฏขึ้น และลูกใช้ถ้อยคำอะไร? ลูกพูดว่า "ฉันเข้าใจทุกสิ่ง ฉันเข้าใจด้วยว่าฉันต้องเปลี่ยน" แต่มันจะต้องไม่เพียงแต่อยู่ในระดับของความเข้าใจ มันจะต้องนำมาสู่การกระทำ นั่นคือ ชีวิต นี่คืออะไรที่หมายถึง การนำมันมาสู่รูปที่มีตัวตน
ใครก็ตามที่มองดูที่หน้าผากของลูก ควรจะเห็นทัศนคติของความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณบนหน้าผาก และไม่ว่าลูกจะพูดหรือไม่ มันคือสำนึกของลูกที่กระจายกระแสเข้าสู่บรรยากาศ ทัศนคติของลูกควรจะต้องดลใจผู้อื่น ให้สัมผัสกับประสบการณ์ของบรรยากาศของความสุขและกระแสของความสุข ที่คือสภาวะของความมั่นคงในความซาบซึ้ง จากดริชตีของลูก จากรอยยิ้มบนริมฝีปากคำพูด ให้มีประสบการณ์ของการปฏิบัติ รูปที่มีตัวตนของความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ แล้วมันก็จะมีการพูดกันว่า นี่คือดวงวิญญาณที่ได้รับชัยชนะ ด้วยศรัทธาในสติปัญญาและการรักษาความซาบซึ้ง อย่าได้แฝงตัวในสิ่งนี้ ผู้ที่มีความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณจะไม่สามารถซ่อนเร้นประกายทางดวงวิญญาณนี้ ประกายจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากรูปที่เห็นได้ และกระแสของพวกเขาก็จะดึงดูดผู้อื่นโดยอัตโนมัติ กระแสของผู้ที่อยู่ในความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ จะรับใช้เช่นร่มแห่งการปกป้องสำหรับตนเองและผู้อื่น สิ่งแรกจงเปิดเผยตัวลูกเอง แล้วลูกก็จะสามารถเปิดเผยบาบา เพราะว่าโดยการผ่านลูกนั่นแหละที่พ่อจะถูกเปิดเผย (อเวียก 22/11/85)
ความใหม่ในการกระทำนั่นคือ ทุก ๆ การกระทำควรจะให้ประสบการณ์ของการบรรลุผลสำหรับตนเองและผู้อื่น ควรจะมีประสบการณ์ของผลทันที เหมือนกันกับการสะสมผลของกรรมของอนาคต ประสบการณ์ของผลทันที คือความสุขที่สม่ำเสมอ ความสุขและความพอใจ (อเวียก 31/12/90)
จากหนังสือ "55 คุณธรรมดั้งเดิมของดวงวิญญาณ" (The original virtues of the soul) ถอดความโดย BK.ทรงยศ เปี่ยมใจ
No comments:
Post a Comment