Monday, March 31, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 3 # 1
ชีวิตในท้องพระโรงของพระเจ้า
เกือบ ๆ 300 ชีวิตทั้งลูกชายและลูกสาวของสถาบันนี้ซึ่งอยู่รวมกันในอาคาร 5 หลัง พวกเขาเป็นบุคคลที่มาจากพื้นฐานต่าง ๆ อายุ วรรณะ เศรษฐกิจ และลำดับชั้นของเศรษฐกิจด้วยความหลากหลายของดวงวิญญาณเช่นนี้ที่มาอาศัยอยู่ด้วยกัน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ในโลกภายนอก แม้แต่ครอบครัวซึ่งมี 3-4 คน ก็เป็นการยากที่จะมีการจัดการให้อยู่ร่วมกันด้วยความสงบ แต่ลูกของบาบาเจริญเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความขัดแย้ง หรือการวิวาท
สมาชิกของแอนตี้ปาร์ตี้พยายามบอกตัวเองว่า มันจะอาศัยเวลาเท่านั้นก่อนที่การแตกแยกจะปรากฏขึ้นในกลุ่ม แต่พวกเขาคาดการณ์ผิด แม้แต่เมื่อเงินขาดมือ ความเหนียวแน่นของศรัทธาระหว่างลูก ๆ และพ่อไม่เคยขาด กลุ่มสามารถรอดพ้นจากพายุทั้งหลาย เพราะว่ามันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ หรือมันไม่ได้คงอยู่สำหรับมนุษย์คนใดเป็นที่สุด สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในร่างบุคคลได้ก่อตั้งสถาบันนี้ และพลังอำนาจของท่านก็ปกป้องคุ้มครองสถาบันอยู่ ภายใต้รัศมีแห่งความรักของชิพบาบา ลูก ๆ ของท่านดำเนินการชำระล้างสันสการ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์บุคลิกภาพเช่นเพชรเม็ดงามสำหรับตัวพวกเขาเอง บาบาและมาม่าได้แจกจ่ายความกระตือรือร้นอย่างสม่ำเสมอ ความกระตือรือร้นที่ไม่มีผู้ใดจะสั่นคลอนได้ การชี้แนะที่ชัดเจน และ ตัวอย่างจากชีวิตจริงของพวกเขาที่แน่วแน่มั่นคง
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 2
Wednesday, March 26, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 31
การแสวงบุญสู่บ้านเกิด
เหล่าซิสเตอร์ที่อยู่ในชุดส่าหรีสีขาว ด้วยใบหน้าที่เปล่งประกายออกจากการาจี กลับคืนสู่ไฮดราบัด นำข่าวสารของพระเจ้าไปกับพวกเขา ทุกคนแยกย้ายไปยังครอบครัวที่ให้กำเนิดแก่พวกเขา
6 ปี เป็นเวลายาวนานที่มีการจากไป ไม่ได้มีการเขียนจดหมายกลับไปทางบ้านยกเว้นบางโอกาสที่ต้องการอธิบายคำสอนของบาบาบางอย่าง ตอนนี้เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขาไม่ได้บอกกล่าวครอบครัวของพวกเขาก่อนเป็นการล่วงหน้าเลย
ญาติ ๆ ส่วนมากคิดว่าเด็กหญิงเหล่านี้จะไม่ปรารถนาที่จะกลับมาอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเหล่า ชัคตี พวกเขาตกตะลึง
มโนฮ่าอินทราจี เป็นซิสเตอร์คนหนึ่งที่น้องสาวคนเล็กสุดเห็นเธอเป็นคนแรก ขณะที่เธอใกล้จะถึงบ้าน น้องสาววิ่งเข้าไปข้างในบอกกับทุกคนในบ้าน
"คนนั้นคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนนี้" เธอตะโกนบอก
"คนที่เคยไปอยู่โอมมันดาลี คนที่หนีไปกำลังมา"
น้องสาวคนเล็กจำชื่อเธอไม่ได้ เพราะว่าขณะนั้นเธอเล็กเกินไปที่จะจดจำ เมื่อมโนฮ่าอินทราจากไป
ครอบครัวทั้งหมดไม่เชื่อ ทันใดนั้นทั้งบ้านก็เกิดความโกลาหล แม่ผู้ซึ่งมีชื่อว่า "ลักษมี" ออกมาจากครัว เมื่อเธอได้ยินว่าใครผู้ที่กำลังเดินเข้ามา เธอวิ่งออกไปเพื่อพบกับลูกสาวของเธอ สายใยแห่งความรักยังทำหน้าที่อย่างลึกยิ่ง
ทั้งคู่มาพบกันที่บันไดของระเบียง ตาของแม่เปิดกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอมีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะกอดลูกสาว ดึงเข้ามาไว้ในอ้อมอก แต่ก็ต้องระงับไว้ "ฉันยืนอยู่ในความสงบ" มโนฮ่าย้อนระลึก "อย่างน้อย 1 นาทีที่ผ่านไป น้ำตาก็ไหลรินมาจากตาทั้งคู่ของแม่ ฉันยังคงดำรงอยู่ในความสงบ"
"ท่านรู้ไหมว่าใครกำลังยืนอยู่ที่ประตูบ้านของท่าน" มโนฮ่าถามลักษมี "ท่านยังจำเราได้ใช่ไหม เราเป็นพลังของชีว่า - ชีว่าชัคตี ฉันได้กลายเป็นลูกสาวของบราห์มา ฉันไม่ได้เป็นลูกสาวของท่านอีกต่อไป แต่เราเป็นพี่น้อง เราทั้งคู่เป็นลูกของพระเจ้าสูงสุด"
"พระเจ้าได้ให้ข่าวสารนี้กับเราและให้เรานำมาบอกกับลูก ๆ คนอื่นของท่าน ในช่วงเวลาสั้น ๆ ยุคเหล็กของโลกนี้จะถูกทำลาย และการจัดระเบียบของสวรรค์ จะถูกก่อตั้้งขึ้น"
"ทุกวันนี้มนุษยชาติทนทุกข์ทรมาน เพราะการกระทำที่เลวร้าย และความคิดที่ไม่บริสุทธิ์ ณ เวลานี้เป็นเวลาที่จะหารายได้สำหรับการเกิดใหม่ในดินแดนของความสุข โครงการทำความเพียรพยายามภายในเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ท่านจะเดินไปบนถนนที่นำท่านไปสู่สวรรค์หรือไม่???
แม่ของมโนฮ่าตกตะลึง ขณะนี้สมาชิกของครอบครัวที่เหลือทั้งหมดได้มายืนที่ปากประตูและรับฟังอยู่ด้วย พวกเขาตกใจกลัวต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในบุตรสาวคนนี้ เธอได้กลับมาเยี่ยงโยคีนีเทวีแห่งความรู้ ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจทางดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ทั้งครอบครัวรู้สึกได้ถึงสัจจะที่อยู่ในคำพูด ดวงวิญญาณที่หลับไหลได้ถูกปลุกขึ้นทันที
"จ๊ะ เราจะมาในโลกแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน" แม่ของเธอพูด น้ำตาแห่งความรักได้ไหลรินออกจากดวงตาทั้งคู่ของผู้เป็นแม่ "ลูกต้องพาแม่ไปกับลูก"
"แม่พาฉันเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ " มโนฮ่าย้อนระลึก "เธอเดินไปข้างหน้า ฉันเดินตามเธอไป แม่สังเกตกริยาในการเดินของฉันโดยหันกลับมามอง แล้วเธอก็รู้สึกประหลาดใจ เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีราชนิกูลมาที่บ้าน เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อจะหาที่ให้ฉันนั่ง เธอปูผ้าคลุมเตียงลง แล้วพูดว่านั่งที่นี่ และเธอก็เอาหมอนอิงมาวางบนเก้าอี้ แล้วพูดว่านั่งที่นี่ แต่ทุกครั้งเธอก็ไตร่ตรองว่าที่นั่งตรงนี้มันไม่ดีพอสำหรับลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็นั่งลงบนพื้น และเริ่มต้นแสดงตัวตนของฉันในรูปของดวงวิญญาณ"
"ภายใน 2-3 นาที กลุ่มญาติ ๆ และผู้คนจากบ้านใกล้เรือนเคียงได้มาล้อมรอบตัวฉัน ฉันพูดกับพวกเขา 1 ชั่วโมง ผลกระทบที่ล้ำลึกสามารถรู้สึกได้ สัจจะที่ล้ำลึกของบาบาสะท้อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ในตอนสุดท้ายพวกเขากระตือรือร้นที่จะฟังมากขึ้น"
"ฉันอยู่กับพวกเขาหลายวัน ช่วงเวลานั้นเพื่อนบ้านหลายคน ญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ได้มาและฟังความรู้ บรรยากาศเป็นเช่นสัตสัง พวกเขาถามคำถาม คำตอบที่พวกเขาได้รับก็ค่อย ๆ กระชับเข้ามารวมกัน และฟังดูเป็นเหตุผลต่อพวกเขา ด้วยการฝึกโยคะ จิตใจของพวกเขากระจ่างชัดขึ้น ความคิดผิด ๆ ที่ผู้คนสร้างขึ้นเกี่ยวกับโอมมันดาลีก็สลายไป"
"มีหลายคนที่กลับมาเป็นการส่วนตัวที่จะศึกษาต่อไปให้ล้ำลึกในความรู้และการทำสมาธิ พวกเขาได้ประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยพลัง ฉันรักษาสติปัญญาของฉันให้เชื่อมต่อกับพระเจ้าขณะที่พูดกับพวกเขา และดังนั้นฉันก็ประสบความสำเร็จในการเปิดล็อคสำนึกของพวกเขา ฉันระมัดระวังเป็นอย่างมากต่อการกินเพียงผลไม้ และไม่ยอมรับเงินใด ๆ จากผู้ใดทั้งสิ้น
วันหนึ่งหลังจากที่พิจารณาความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวตัวเองอย่างลึกซึ้ง และคุณภาพของความรู้ แม่ของมโนฮ่าพูดว่า "ฉันจะไปที่สถาบันกับเธอด้วย ฉันจะไปดูอาศรมของเธอ และ ฟังความรู้จากบาบา และฉันหวังว่าจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์"
มโนฮ่ารู้สึกประหลาดใจและมีความสุข นี่เป็นบุคคลเดิมที่เคยต่อต้านและไม่ยอมให้เธอไปสัตสังของบาบา บัดนี้เธอตื่นเต้นที่จะมาร่วมกับกลุ่ม มาฟังความรู้และเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่อยู่บนถนนแม่ของเธอแสดงความปรารถนา "ฉันได้ทำการกราบไหว้ร้องขอมาอย่างมาก แต่ฉันไม่ได้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตัวเอง เธอจะช่วยฉันให้ได้รับนิมิตของพระเจ้าได้ไหม? ฉันได้ฟังมาว่าในสถาบันของเธอ ผู้คนได้รับการเปิดเผยเช่นนี้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับประสบการณ์เช่นนี้ ฉันก็จะไม่สามารถที่จะมีศรัทธาและความเชื่อถือได้"
มโนฮ่าตอบว่า "ไม่มีดวงวิญญาณใดสามารถทำให้ท่านตระหนักรู้ในพระเจ้า นอกจากตัวพระเจ้าเอง ท่านเป็นผู้ประทานสติปัญญาที่สูงส่งเพียงผู้เดียว ถ้ามันเป็นความปราถนาที่ท่านมีอยู่ ว่าสิ่งนั้นควรจะเกิดขึ้น แล้วมันก็จะเกิดขึ้น ถ้าท่านได้ทำการบูชาที่สูงเช่นนั้นในชาติก่อนมาแล้ว หรือท่านได้มีการกระทำที่สูงส่ง หรือถ้าธรรมชาติของท่านเป็นเช่นนั้น แล่้วท่านก็จะได้รับนิมิตที่สูงส่งอย่างแน่นอน"
พวกเขามาถึงมหาวิทยาลัยของพระเจ้า และ 2 วันให้หลัง ลักษมีก็มีประสบการณ์ที่ล้ำลึกเกี่ยวกับการตระหนักรู้ ครูคนหนึ่งเป็นโยคีที่ยิ่งใหญ่ ชื่อ Dhyani ได้สอนความรู้ทางดวงวิญญาณบทที่ 1 กับเธอจนจบ "ท่านเป็นดวงวิญญาณที่เป็นอมตะ และไม่สามารถทำลายได้ ท่านไม่ใช่ร่าง จงลืมร่างกายเนื้อนี้ มันเป็นเพราะว่าด้วยสำนึกของความเป็นร่างกายนี้เกิดขึ้น จิตใจที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็มีอำนาจเหนือท่าน ถ้าท่านเพียงแต่ทิ้งนิสัยทางจิตใจของความไม่มั่นคงเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง ท่านก็จะได้ไปเกิดในยุคทอง ด้วยการอธิบายเช่นนี้ Dhyani ถามว่า "ร่างกายของท่านชื่ออะไร"
"ร่างกายของฉันชื่อ ลักษมี"
"โอ้ ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นลักษมีที่แท้จริง แต่ต่อมาเธอก็ลืมรูปที่แท้จริงของเธอ บัดนี้นั้น เป็นเวลาที่เธอจะต้องกลับมาเป็นลักษมีที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง จงตื่นขึ้น ณ บัดนี้ รู้จักตัวตนของเธอ และจงกลายเป็นลักษมีที่แท้จริง"
จากการได้ยินคำพูดที่เต็มในด้วยพลังอำนาจ หญิงผู้นั้นมีประสบการณ์การไหลบ่าของพลังอำนาจที่ประหลาด เธอบรรลุถึงสภาพไร้ร่าง ขณะที่นิ่งอยู่ในสภาพที่ปิติสุขนั้น เธอได้รับการเปิดเผยที่สูงส่ง เป็นผลของการทำการกราบไหว้บูชาจากการเกิดเมื่อชาติก่อน
ลักษมีเห็นปราสาททองคำอยู่บนพื้นผิวของทะเล มีท้องพระโรงที่รุ่งโรจน์อยู่ภายใน และที่นั่งอยู่ภายใน และที่นั่งบนบัลลังก์กษัตริย์เป็นลักษมีและนารายัญ ทั้งคู่มีความงามที่สามรถทำให้คนลุ่มหลง
ขณะที่เธอกำลังเล่าประสบการณ์ หลังจากนั้นแม่ของมโนฮ่าพูดว่า "ความคิดของฉันบอกตัวเองว่า ฉันควรจะเข้าไปในท้องพระโรง แต่ฉันไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเช่นนั้น เพราะฉันรู้สึกว่าฉันไม่บริสุทธิ์และไม่มั่นคง"
ขอบคุณสำหรับนิมิตนี้ เธอได้เพิ่มศรัทธาในคำสอนของบาบา หลังจาก 1 สัปดาห์ที่อยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยของพระเจ้ และเธอก็แสดงความในใจปราถนาที่จะอยู่ที่นั่นตลอดขั่วชีวิตของเธอ บรรยากาศที่นี่เป็นบรรยากาศที่บริสุทธิ์อย่างวิจิตรบรรจงเป็นอย่างมาก ฉันมีความสงบในจิตใจอย่างเหลือคณา แต่บาบาก็ไม่ได้อนุญาตให้เธออยู่นานกว่านั้น
มโนฮ่าไปพบบาบาแล้วถามว่า ทำไม "ลูกถูกข่มขู่และถูกขับไล่ออกจากบ้าน" บาบาตอบ "ถ้าไม่เช่นนั้น แล้วทำไมลูกถึงต้องจากมา ลูกยังเด็กและต้องพึ่งพาพวกเขา ผู้คนเหล่านั้นไม่อนุญาตให้ลูกอาศัยอยู่อย่างที่ลูกต้องการ และนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมลูกจึงต้องมาที่นี่ แต่แม่ของลูกนั้นแก่กว่า เธอมีบ้านของเธอเอง เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอชอบ ดังนั้นบอกเธอว่าหลังจากกลับไปบ้าน เธอสามารถให้ความรู้กับผู้อื่น และทำบ้านให้เป็นอาศรม"
ได้ฟังคำอธิบายเช่นนี้ แม่ของเธอกลับบ้านพร้อมกับการตัดสินใจที่มุ่งมั่นว่าจะทำบ้านของเธอให้มีบรรยากาศที่สูงส่ง
เรื่องจริงเช่นนี้สามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวของลูกบาบาหลายๆ คน มันเป็นช่วงเวลาของการเปิดเผย บาบาได้ให้นิมิตของท่านออกไปทั้งหมด
และดังนั้นสมาชิกของนักศึกษาของพระเจ้าได้เพิ่มขึ้น ๆ และสถานภาพภายในนั้นได้สูงขึ้น ๆ
อ่านต่อ >>> ตอนที่ 3 # 1
Saturday, March 22, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 30
เริ่มงานรับใช้โลก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ผู้ที่มีรูปเป็นแสง พ่อผู้เป็นพระเจ้า ชีว่า ลงมาจากอาณาจักรของแสงอย่างสม่ำเสมอทุกวัน มายังโลกที่มีตัวตน ท่านมาเข้าร่างของบราห์มา บาบา และพูดผ่านปากของ บราห์มา แสดงสัจจะที่ลึกยิ่งขึ้นให้กับดวงวิญญาณที่มีโชคพอที่จะจำท่านได้ ท่านกระตุ้นพวกเขาให้สำนึกว่าตัวพวกเขาคือดวงวิญญาณ ท่านอธิบายว่าทำอย่างไรที่จะได้สภาพเอนเจิ้ล (angel - สภาพดวงวิญญาณในร่างแสง) ที่ล้ำค่าของเรากลับคืนมา
แต่พระเจ้าไม่ได้ลงมายังโลกเพียงเพื่อยกระดับมนุษย์เพียงจำนวนน้อย ในดินแดนที่ห่างไกลของอินเดีย ท่านมาเพื่อมนุษย์ทั้งโลก และดังนั้นเมื่อลูกคนแรกของท่านแข็งแรงพอ ท่านก็เริ่มส่งพวกเขาออกไปถ่ายทอดคำพูดให้กับคนอื่น ในที่สุด ข่าวของพระเจ้าก็ได้ออกไปสู่ชาวโลกอย่างทั่วถึง เพราะดวงวิญญาณทุกดวงคือลูกของพระเจ้า และสมควรได้รับโอกาสที่จะมารับเอามรดกของพวกเขา
แน่นอน มีมากมายที่ปฏิเสธสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ เพราะว่าพระเจ้าผู้พร้อมสรรพไปด้วยพลังอำนาจ เลือกที่จะใช้ร่างของบุคคลธรรมดา แทนที่จะใช้ร่างประธานาธิบดีหรือกษัตริย์ หรือแม้แต่เซนต์หรือ กูรู ผู้ซึ่งมีสติปัญญาที่อ่อนแอก็คิดว่าบราห์มาบาบา เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันตัวจริง พวกเขามีความเชื่อว่าท่านคือกูรูของบราห์มากุมารี เพราะว่าชิพบาบานั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ พวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าท่านดำรงอยู่จริง ถึงอย่างไรก็ตามในความเป็นจริงนั้น ท่านพูดกับมวลมนุษยชาติโดยตรงทุกวันด้วยคำพูดที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ บทกวีที่สง่าผ่าเผยและสัจจะ ซึ่งไม่มีมนุษย์ใด ๆ สามารถที่จะมาเทียบกับความสามารถในการถ่ายทอดของท่านได้
ในความโง่เขลา พวกเขาพรั่งพรูการด่าทอมายังบราห์มาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม งานของพระเจ้าคงดำเนินต่อไปอย่างสอดคล้องกับแผนที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และบัดนี้ ลูกๆ ของบาบาก็เข้ามามีส่วนรับผิดชอบที่สำคัญกว่าที่เคยเป็นมา เพราะพวกเขากระตือรือร้นที่จะก่อตั้งสวรรค์ และแล้วก็ไปอาศัยอยู่ที่นั่น ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยปิติสุขชีวิตแล้วชีวิตเล่า งานวันนี้ขยายตัวออกไปหลังจากที่สถาบันได้ก่อตั้งได้ 5 - 6 ปี
วันหนึ่ง ชิพบาบา พูดผ่านปากบราห์มา ถึงแม่และซิสเตอร์ผู้ที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้น "บัดนี้ลูกมีวุฒิภาวะ และลูกก็มีพลังอำนาจของพระเจ้าอยู่ในตัวลูกอย่างเต็มเปี่ยม ลูกจะต้องกลับไปยังพ่อแม่ทางกายและญาติ ๆ และ เขาเหล่านั้นผู้ซึ่งเคยทำร้ายลูกมาก่อน แล้วลูกต้องแก้ไขบ่วงพันธะที่ลูกมีต่อพวกเขา ลูกรู้ถึงสุภาษิตที่ว่าการสร้างบุญนั้นเริ่มต้นจากบ้านของเรา"
บาบาให้คำแนะนำ เมื่อลูกออกไปทำงานรับใช้ต่อญาติ ๆ ทางโลกจะต้องมีข้อระมัดระวัง 6 ประการคือ
1. สภาวะทางดวงวิญญาณของลูกจะต้องสมบูรณ์ ลูกจะต้องสร้างตัวเองให้อยู่ในสำนึกแห่งความเป็นดวงวิญญาณ ดังนั้น ผู้อื่นอาจจะได้รับประสบการณ์ที่สูงส่ง อย่าสร้างภาพลวงตาว่าเราเป็นลูกหรือพี่น้องกับพวกเขา พวกเขาต้องเข้าใจว่านั่นคือ ชัคตี เอนเจิ้ลที่เต็มเปี่ยมด้วยบุญญาธิการ กำลังยืนอยู่หน้าพวกเขา
2. ลูกจะต้องปรากฏให้เห็นว่า เป็นที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ซึ่งพวกเขาจะไม่กล้าเข้ามากอดลูกด้วยความยืดติด
3. ลูกสามารถที่จะรับประทานผลไม้ หรือ นม หรือ อาหารบริสุทธิ์ อย่ารับสิ่งอื่นใดอีก เป็นอันขาด
4. เพราะว่าลูกเป็นลูกของพระเจ้า ลูกไม่สามารถรับเงินจากพวกเขาเด็ดขาด อาหารและเงินของคนอื่นมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อจิตใจของเรา
5. ด้วยการให้พวกเขาถึงความรู้ที่สูงสุด ลูกจะต้องเปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตให้กับพวกเขา และกระตุ้นพวกเขาให้เกิดความปราถนาที่สูงที่จะดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และการคงอยู่ที่สูงส่ง โดยทำให้พวกเขาตระหนักรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของชีวิตของเขาเอง
6. อยู่ในสภาวะสำนึกที่เข้มข้นของการคิดถึงพระเจ้า ขณะที่่ให้คำแนะนำ ซึ่งเป็นคำสอนของท่าน และพวกเขาจะเกิดความยำเกรง และอยากที่จะรู้มากขึ้น และเพื่อที่จะมีประสบการณ์ของความปิติสุขและพลังที่พวกเรามี แล้วพวกเขาก็จะตามมายังสัตสังด้วย
อ่านต่อ อดิเทพ ตอนที่ 2 # 31
Friday, March 21, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 29
ลอบสังหารบราห์มา
ยักย่า (สถาบัน) ไฟบูชายัญ ที่ซึ่งม้า นั่นคือสำนึกแห่งความเป็นร่างถูกสังเวย ได้เติบโตขึ้นกว่าเดิมและมีชื่อเสียง โอมราเด้ เป็นผู้บริหารสถาบันพัฒนาคุณสมบัติที่สูงส่งของเธอขึ้นไปสู่จุดสูงสุด และได้นำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน เธอเป็นเช่นกระจกที่สมบูรณ์พร้อม สะท้อนให้เห็นดวงวิญญาณทุกดวงในสภาวะสุดท้าย และถึงแม้ว่าใครบางคนได้กระทำการบางอย่างผิดพลาด มาม่าดูเหมือนกับจะไม่ได้สังเกต "ความผิดเพียงครั้งเดียวไม่สามารถนำมาตัดสินผู้อื่น" เธอพูดอย่างง่าย ๆ "ความรู้สึกรำคาญเป็นสิ่งผิด แล้วฉันจะทำมันได้อย่างไร"
ในบางโอกาส บางดวงวิญญาณก็ยึดติดกับความกังวลเกี่ยวกับความผิดพลาด ข้อบกพร่องของตัวเขาเอง "นี่เป็นสำนึกของความเป็นร่าง"
มาม่าพูด "ไม่ต้องกังวล เพียงแต่เฝ้าสังเกตความผิดและแล้วก็ขจัดมัน และแทนที่ความผิดพลาดด้วยคุณธรรม อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น"
เธอกล่าวซ้ำ "ยกเว้นบาบา เช่นนี้จะทำให้เราก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยปราศจากความเหงาหงอยเศร้าสร้อย หรือความหยิ่งยโสโอหัง"
คุณสมบัติหลักของมาม่า คือการตรวจสอบภายในตนเอง เธอยึดถือคำพูดของชีพบาบาอย่างจริงจัง "กลับเข้าสู่ภายในและพ่อจะเผาบาปให้เธอ
มาม่าได้รับชื่อที่น่ารักมากมายระหว่างช่วงเวลาที่เธอดูแลอยู่ที่มหาวิทยาลัยของพระเจ้า
ชีพบาบาประกาศด้วยตัวท่านเองว่าเธอคือ สรัสวตีตัวจริง เทวีแห่งความรู้ แม่ของชาวโลก คนอื่น ๆ เรียกเธอว่า แม่ของสถาบัน แต่ชื่อที่ซึ่งติดปากและเป็นสิ่งซึ่งแสดงความรักและเชื่อมั่นอย่างสูงสุดคือ "มาม่า"
บุคลิกภาพของบราห์มา บาบา และ มาม่า นั้นบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่จะต่อต้านได้โดยตรง แต่แรงต้านของแอนตี้ปาร์ตี้ก็ยังมีอาการคุกรุ่นด้วยความโกรธ พวกเขาได้กุเรื่องสุดท้ายฉากที่ร้ายกาจ ที่ซึ่งจะจบสิ้นการทำงานของสถาบันโดยสิ้นเชิง แผนของพวกเขาคือ ลอบสังหารบราห์มาบาบา !!!!
คณะกรรมการของแอนตี้ปาร์ตี้ได้ออกไปยังเขตแดนของเทือกเขาอินเดีย เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่สุดและกระหายเลือดที่สุดในการลอบสังหารที่เขาจะสามารถค้นหาได้ ชื่อหนึ่งที่พวกเขาได้ยินบ่อยมากจากกลุ่มใต้ดินที่พวกเขาติดต่อ นั่นคือนักรบตามตำนาน จอมโจรชาวซิกส์ของชนเผ่าซึ่งอยู่ห่างไกล ซึ่งถูกประกาศจับต้องการตัวในข้อหาฆาตกรรมในหลายรัฐ พวกเขาได้พบจอมโจรผู้นี้ หลังจากได้ใช้ความเพียรพยายามอย่างหนัก ชายผู้นี้ดำทะมึนผอมสูงด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ชั่วชีวิตของการเดินเท้าเปล่าในทุก ๆ ฤดูกาลตลอดในที่ราบสูงหิมาลายัน ต่อสู้ด้วยมีด ดาบ และหอกที่ทำด้วยมือ เขานุ่งกางเกงขาสั้นแบบแขก มีผ้าโพกศีรษะ และมีดาบยาวที่ส่งประกายวูบวาบที่แขวนอยู่ที่เอวของเขา
สมาชิกของแอนตี้ปาร์ตี้ได้เสนอเงื่อนไขกับเขาและโจรร้ายก็รับข้อตกลง โจรนั้นกลับมาการาจีพร้อมพวกเขา ณ ที่นั่น พวกเขาเอาภาพของบราห์มา บาบา มาให้โจรดู พวกเขาวาดแผนที่ภายในบ้านที่บาบาอยู่ และค่อย ๆ บรรจงวงกลมสีแดง ห้องซึ่งพวกเขารู้ว่าบาบาอาศัยอยู่ ณ ที่นั่นให้โจรร้ายดู โจรร้ายจะต้องแหวกวงล้อมเข้าไป แล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องบาบาเพื่อทำงานที่ชั่วร้ายของเขา และนำบางสิ่งซึ่งเด่นชัดว่างานของเขาได้สำเร็จลงจริง ไปยัดจุดนัดพบที่จัดเตรียมไว้ก่อน และเขาก็จะได้รับค่าจ้าง ณ ที่นั้น แล้วจะมีรถพาเขาไปส่งยังเชิงเขา ซึ่งเป็นอาณาเขตของโจรร้าย จอมโจรยิ้มอย่างปราศจากอารมณ์ เขากลับไปยังที่นอนเพื่อไปลับมีดโค้งยาว ซึ่งเป็นอาวุธดาบที่ใช้ฆ่ามนุษย์ของเขา เขาจะรอจนถึงคืนที่มืด ปราศจากดวงจันทร์เพื่อลงมือปฏิบัติการ
มหาวิทยาลัยของพระเจ้าได้มีการตระเตรียมการป้องกันผู้บุกรุกที่ไม่ต้องการซึ่งจะล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตมาเป็นเวลานานแล้ว มีบราเดอร์ผู้ซึ่งเดินเวรกลางคืนในอาณาบริเวณของประตูและก็ยังมีผู้เฝ้ายามอยู่บนชั้นสองด้วยเป็นการเพิ่มเติม บาบาจะหาเวลาอยู่แต่ผู้เดียวยากมาก ปกติบาบาจะบอกให้เขียนจดหมายตามคำบอกในเวลากลางคืน ดังนั้นเพื่อว่าอย่างน้อยที่สุดต้องมีซิสเตอร์คนหนึ่งอยู่ช่วยท่านที่โต๊ะทำงาน
แต่คืนหนึ่ง เหตุการณ์ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ ได้เกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ ทำให้การรักษาความปลอดภัยของสถาบันค่อย ๆ ลดลง รถของโรงเรียนคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยยางที่แบน และบราเดอร์ที่เฝ้ายามก็ไปยังเพิงพัก เพื่อช่วยถอดมาซ่อม ซิสเตอร์ที่ประจำอยู่ที่ประตูก็ถูกเรียกไปทำบางสิ่งในครัว คนที่อยู่บนชั้นสองก็ลงมารับอาหารค่ำสำหรับบาบา ซึ่งในเย็นวันนั้นท่านอยู่คนเดียวในห้องทำงานของท่าน
มันเป็นคืนนั้น ซึ่งแม้แต่แสงดาวก็ไม่สามารถทะลุผ่านเมฆมืดนั้นเองที่โจรร้ายเลือกที่จะโจมตี เขามาถึงในขณะที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ เขาเดินตัดสนามหญ้า แอบเปิดหน้าต่างด้านหน้าและลอบเข้าไปข้างในอย่างเงียบเชียบ จอมโจรปรับตัวเองเข้ากับสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว หาบันไดทางขึ้น เขากระหืดกระหอบขึ้นไปบนชั้นสอง ที่นั่นเขาเคลื่อนไปทางขวา เผชิญหน้ากับประตูห้องของบาบา ดาบอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว เขาบิดลูกบิดและก้าวยาว ๆ เข้าไปข้างในอย่างดุร้าย เพื่อฆ่าบุคคลที่เขาค้นหา
บราห์มาบาบา เงยหน้าขึ้นจากกระดาษของท่าน ที่ท่านกำลังเตรียมประเด็นเกี่ยวกับพลังของความบริสุทธิ์ที่จะรวมเข้าไปในหนังสือใหม่ของความรู้ของพระเจ้า ท่านกำลังรวบรวมประเด็นที่กรองมาจากการอภิปรายในตอนเช้าโดยชีพบาบา เมื่อท่านเห็นผู้มาเยือนที่ไม่ได้ประกาศนามของท่าน บาบาเข้าใจทุกสิ่งทันทีทันใด แต่บาบาก็มิได้มีปฏิกริยา ท่านไม่รู้สึกกลัว ไม่แม้แต่จะมีการเคลื่อนไหวใด ๆ ปรากฏขึ้นในร่างกายของท่านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
บราห์มาบาบาเป็นผู้ที่อุทิศตนอย่างสมบูรณ์พร้อมให้พระเจ้า ซึ่งท่านไม่ได้ห่วงใยกับความผาสุกของร่างกายของท่านแม้แต่น้อยนิด ถ้าชีพบาบาปรารถนาที่จะใช้ร่างที่เก่าแก่และชราภาพนี้ต่อไปเพื่อเป็นเครื่องมือของท่าน ท่านให้เหตุผล แล้วท่านจะเห็นว่าพาหนะนี้จะสามารถคงอยู่ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของชิพบาบา ไม่ใช่ของฉัน และด้วยความคิดเช่นนั้น บาบามองดูโจรร้าย จอมโจรซิกส์ด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยบุญญาธิการ และเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม ท่านยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สูงส่ง
แต่จอมโจรไม่ได้ยิ้มตอบ ตามความเป็นจริงเขาไม่ได้เห็นแม้แต่ว่าบาบานั่งอยู่ตรงหน้าของเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะห่างกันเพียง 5 ฟุต ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง โจรร้ายก็ถูกครอบคลุมไว้ด้วยอิทธิพลของแสงทอง
ด้วยแสงที่ไม่มีบนโลก ทำให้โจรร้ายมองอะไรไม่เห็น และสะเปะสะปะไป ความตั้งใจที่จะทำลายเริ่มอ่อนลง คลื่นของความปิติสุขมีพลังอำนาจครอบคลุมเหนือเขา เขาสูญสิ้นความรู้สึกทางร่างกายของเขาทั้งหมด เขาล้มลงและเขารู้สึกว่าเขาได้ตายและขึ้นไปสู่ดินแดนนิพพาน ความทรงจำอันเป็นจุดประสงค์ดั้งเดิมของเขาได้ถูกชำระไป ดาบได้หล่นลงจากมือของเขา
ซิกส์ซึ่งเต็มไปด้วยความงุนงง คลำหาทางออกจากห้องไปยังห้องโถงด้วยความรู้สึกที่ถูกชำระล้างใหม่ ในที่สุดซิสเตอร์ก็กลับมาพร้อมกับอาหารค่ำของบาบาและพบผู้บุกรุก เธอส่งสัญญาณเตือน โจรร้ายถูกนำมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว แต่บาบาได้กำชับพวกเขาให้ดูแลโจรร้ายดี ๆ นักรบที่ป่าเถื่อนได้รับข้อมูลว่าเขาได้มาถึง ณ ที่อยู่ของพระเจ้า และที่นั่นเขาสามารถที่จะสำนึกผิดต่อบาปในอดีตที่เขาได้ทำด้วยการใช้ชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์ โจรซิกส์นั้นมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ เขายิ้มอย่างเปิดเผยเหมือนเด็ก ๆ พวกเขาให้อาหารกับโจรแล้วส่งเขากลับออกไป พร้อมกับคำแนะนำให้คิดถึงพระเจ้า และสาวเท้าก้าวออกไปยังทิศทางภูเขาซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา
วันรุ่งขึ้น เมื่อแอนตี้ปาร์ตี้รับรู้ว่าอะไรได้เกิดขึ้น พวกเขาก็รับรู้อย่างไม่เชื่อ และพวกเขาก็ไม่ได้ทำความเพียรพยายามที่จะกระทำการเช่นนั้นอีกต่อไป
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 30
Wednesday, March 5, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 28
การศึกษาที่สูงสุดในโลก
ขณะที่เหตุการณ์ในการาจีสงบลงอีกครั้งหนึ่ง งานของมหาวิทยาลัยทางจิตก็ก้าวหน้าต่อไปอย่างเต็มที่ บาบาก็สอนความรู้ให้กับลูก ๆ ในครอบครัวของท่านที่กำลังเจริญเติบโต ด้วยความรู้สึกที่ลึกกว่าแต่ก่อน สอนโดยใช้ตัวอย่างมากกว่าการใช้กฏและคำสอน และด้วยพลังอำนาจของโยคะ ดวงวิญญาณผู้ซึ่งมีศรัทธาในพระเจ้าก็ก้าวหน้าไปอย่างเห็นได้ชัด เข้าถึงความั่นคงของความคิดในทุก ๆ สถานการณ์ ซึ่งทั้งโลกเป็นเช่นเครื่องมือสำหรับทดสอบ ที่นี่เป็นสัจจะที่ไม่สามารถคัดค้านได้ และความยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถจะจินตนาการถึงของเพชรพลอยแห่งความรู้ที่ไม่มีวันเสื่อมสลายของพระเจ้า
"ลูก ๆ ได้เข้าสู่สภาพของการมีชีวิตอยู่เหมือนกับได้ตายไปแล้ว" บาบาสอนพวกเรา นี่คือบทแรกของหนทางแห่งการก้าวหน้า ญาติ ๆ ทางโลกของลูกให้ตัดความสัมพันธ์กับลูกทั้งหมด ลูกได้ตายไปแล้วจากพวกเขา เมื่อดวงวิญญาณกลับมาเกิดใหม่หลังจากตายไปแล้ว เราก็จะไม่คิดถึงฉากหรือความสัมพันธ์ของชีวิตที่ผ่านมาของเรา เช่นเดียวกัน แม้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ในร่างเดิมนี้ เราก็ได้ตายไปแล้วจากความผูกพันทางโลก ณ ที่นี้ลูกก็ได้เกิดชาติใหม่แล้ว"
"ดังนั้น อย่าจดจำความสัาพันธ์เก่า บัดนี้ลูกได้รับการคุ้มภัยจากพระเจ้า ลูกเป็นลูกโดยตรงของพระเจ้า ดังนั้นคิดถึงแต่ท่านเท่านั้น ลูกเป็นผู้มีกำเนิด 2 ครั้ง ลูกเป็นบราห์มิน ผู้ที่เกิดจากปากของบราห์มา ดังนั้นสติปัญญาควรจะมีสายใยกับท่านเพียงผู้เดียว ถ้าความผูกพันกับผู้อื่นยังมีอยู่ ลูกจะไม่สามารถประกาศสิทธิความชอบธรรมจากพระเจ้าของลูกได้ อิสรภาพอันสูงสุดในสวรรค์อันสูงส่ง ก็ยังอยู่สุดเอื้อมที่ลูกจะไขว่คว้า
พ่อแม่เริ่มเรียนรู้ที่จะมองลูก ๆ เป็นเช่นพี่น้อง เด็ก ๆ ตัดการยึดติดกับพ่อแม่ทางร่างกายและเชื่อมสายใยกับชิพบาบาเพียงผู้เดียว แม้แต่ผู้ชายก็มองผู้หญิงเป็นเช่นพี่น้องผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เพราะทุกคนเป็นเพียงดวงวิญญาณ เพราะเขาจะได้รับพาหนะชนิดหนึ่งหลังจากที่มีพาหนะอย่างอื่น (ชีวิตหนึ่งอาจจะเป็นชาย และต่อไปก็เป็นหญิง) ด้วยการมองอย่างพี่น้องเพศชายสิ่งดึงดูดทางเพศก็ถูกควบคุม และจิตใจก็เป็นอิสระทีจะพักอยู่กับพระเจ้า
แน่นอนสำหรับบางคน สงครามนี้ลำบากมากกว่า บาบาก็ยังให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง
"ลูก ๆ " ท่านพูด
"สิ่งแรกลูกจะต้องมีชัยชนะเหนือประสาทสัมผัสแห่งอวัยวะของลูก หลายครั้งความคิดที่ไม่สะอาดหรือไม่ดีจะปรากฏขึ้นในจิตใจ เนื่องจากแนวโน้มเก่า (สันสการ์) ลูกจะต้องทำให้มันบริสุทธิ์โดยผ่านความรู้และโยคะ แต่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การกระทำที่ไม่ดีลูกไม่ควรจะกระทำอีก ถ้าลูกทำสิ่งใด ๆ ซึ่งไปต่อต้านกับความรู้ ลูกก็จะทุกข์ทรมานจากการลงโทษเป็นร้อยเท่า ก่อนหน้านี้ลูกยังไม่รู้ แตบัดนี้ลูกรู้จักตัวตนทีี่แท้จริงและภาวะที่แท้จริงของลูก ลูกมีเป้าหมายและการเพียรพยายามที่แท้จริง ดังนั้นทั้งผลรางวัลและการเสี่ยงภัยย่อมใหญ่กว่าเดิม
"อย่ามองผู้คนอื่นด้วยสายตาที่สกปรกชั่วร้าย อย่าพูดโกหก อย่าฟังเรื่องราวของมาร ทำงานโดยไม่ยึดติด และสร้างตัวลูกเองขึ้นมาด้วยการคิดถึงพระเจ้า กินแต่อาหารบริสุทธิ์ และมีใบหน้าที่ยิ้มละมัยอยู่เสมอ และด้วยจิตใจที่มีความพอใจ"
บาบาสอนเราให้เรามีชีวิตที่สูงศักดิ์ในทุก ๆ ประเด็น นี่เป็นการฝึกปฏิบัติที่แยกเราจากศาสนาธรรมดา ๆ เราไม่ได้กราบไหว้และร้องของพระเจ้า แต่เรากลับเป็นผู้เรียนเพื่อที่จะกลายเป็นผู้ที่มีคุณค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา บาบาเตือนเราว่า "ศาสนา" "คืออำนาจ" แล้ววันหนึ่งพลังอำนาจภายในของพวกเรา พลังอำนาจแห่งควมสงบนิ่ง จะเอาชนะพลังอำนาจภายนอก พลังอำนาจของวิทยาศาสตร์ แล้วเราก็จะปกครองโลกในความสงบ ความสุข และความรุ่งเรืองร่ำรวยที่ไม่มีขีดจำกัด เวลาที่ว่านั้น บัดนี้ได้ใกล้เข้ามาแล้ว ใคร ๆ ก็สามารถรับรู้ด้วยความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีส่วนใดของชีวิตที่ถูกจำกัดต่อความปรารถนาเพื่อการชำระให้บริสุทธิ์ และบาบาไดสอนเกี่ยวกับแต่ละการกระทำ ยกตัวอย่างเช่นการนอน บาบาได้ซึมซับไปในตัวเราเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้ความฝันของเราบริสุทธิ์ และหลับอยู่ในการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ด้วยการนั่งอยู่ในสมาธิ และคิดถึงบาบาก่อนนอน
หลายครั้งบาบาจะไปเยี่ยมบังกาโลตอนตีสอง เมื่อลูก ๆ ของสถาบันกำลังนอนหลับ และท่านจะชี้ให้พวกเราซึ่งไปกับท่านดูใบหน้าของผู้ที่กำลังหลับ "ดูจากใบหน้าเราสามารถพูดได้ว่าคนนี้ได้หลับหลังจากที่คิดถึงพ่อชิพบาบา การนอนของพวกเขาบริสุทธิ์ แต่ให้ดูใบหน้าผู้ซึ่งนอนอย่างไม่ได้สติในสภาพของทโมนิทรา ชิ"
ด้วยการสอนเราถึงวิธีที่จะควบคุมประสาทสัมผัส และวิธีที่จะอยู่เหนือการยึดติดต่อวัตถุและนิสัยที่ไม่ดี บาบาสามารถที่จะทำให้เราบรรลุถึงการชำระล้างของจิตใจอย่างรวดเร็ว
"ถ้าการตัดสินใจของเราไม่บริสุทธิ์" บาบาสอนพวกเรา "การกระทำที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้นผ่านการกระทำของอวัยวะ ดังนั้นทำจิตใจให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์พร้อม ยิ่งลูกอยู่ในการคิดถึงพระเจ้ามาก และดื่มด่ำอยู่ในสภาวะที่เต็มไปด้วยความรักและคิดถึง จิตใจหรือความคิดที่จะกลับมาบริสุทธิ์มากขึ้น ๆ ตามนั้น"
"ถ้าก่อนที่การทำลายล้างโลกจะมาถึง แล้วลูกยังไม่ได้ทำจิตใจของลูกให้สะอาดอย่างสมบูรณ์พร้อม แล้วลูกก็จะไม่ได้มาในยุคทอง (ระยะเวลาของสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นสภาพบนโลกนี้) ลูกก็จะเกิดในยุคเงินแทน บัดนี้ในยุคปัจจุบันของการที่จะกลายเป็นมนุษย์ที่สามารถจะกลับมาสูงสุดได้ เป็นผู้ควงกงจักรของวงจรของการหยั่งรู้ในตนเอง ยึดไว้ให้ดีเกี่ยวกับวงจร ดังนั้นแนวโน้มที่ไม่ดีดั้งเดิมของลูกก็จะถูกทำลายไป
บาบาเป็นแหล่งผู้ให้การกระตุ้นและปัญญาหยั่งรู้ต่อผู้ที่อาศัยในสถาบันอย่างสม่ำเสมอ ท่านสอนความลับที่ละเอียดอ่อนที่สุด ว่าจะปลุกคุณสมบัติที่สูงส่งภายในตนเองได้อย่างไร อย่างเช่นการตรวจสอบภายใน ความเบาสบายภายในจิตใจ ความสมดุลย์ ความอดทน ความถ่อมตน ความอดกลั้น ความบากบั่น อุตสาหะ และพลังมุ่งมั่น พลังที่สูงส่งและความสุขได้ไหลผ่านทุกคน เหมือนกระแสไฟฟ้าที่มีชีวิต และเราก็ได้รวบรวมและสะสมพลังอำนาจที่วิเศษเพิ่มขึ้น ทุก ๆ วัน ด้วยทุกขณะของการอยู่ในสมาธิ
บาบาและโอมราเด้ ผู้ซึ่งเราเรียกด้วยความรัก ว่าเป็น พ่อและแม่ของสถาบันให้จัดเตรียมเกี่ยวกับอาหารและที่พักให้กับบราห์มินผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างสมบูรณ์พร้อม ทุกความต้องการได้รับการสนองตอบ ลูกของบาบาได้รับประสบการณ์ของความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาจะได้รับในสวรรค์ เพราะว่าพวกเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยตรงจากพระเจ้าด้วยตัวพระเจ้าเอง
ความรักของท่านที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวนั้นไม่อาจจะอรรถาธิบายได้ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะสามารถมาวัดหรือเทียบได้
ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในสถาบัน ได้รับรางวัลเป็นโอกาสทองที่สูงส่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ในอดีตมีดวงวิญญาณเพียงเล็กน้อยที่ได้โอกาสใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างของพระเยซูคริสต์ และมีบางคนที่ได้เดินทางไปทั่วอินเดียเคียงข้างกับพระพุทธเจ้า และอีกหลาย ๆ คนก็มีโอกาสที่จะรู้จักดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ และสูงส่งอื่น ๆ ของโลกละครที่ยิ่งใหญ่นี้ จากอับบราฮัมไปถึงกูรูอีกหลาย ๆคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน
แต่ที่นี้ในโอมมันดาลี ดวงวิญญาณที่โชคดีที่สุดเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นมาโดยมีพระเจ้าเป็นเช่นพ่อของพวกเขา ชิพบาบาไม่ได้เล่นเพียงบทบาทเดียวแต่เล่นถึง 3 บทบาทกับพวกเขา และจนกระทั่งวันนี้ ท่านก็ยังเป็นเช่นนั้น ท่านเป็นพ่อ ครูและสัตกูรู เป็นผู้ให้ความรู้ทางดวงวิญญาณที่สมบูรณ์ ชีว่าและบราห์มา เป็นพ่อทั้งสองของพวกเขา ทั้งสองได้มีความรักและให้การชี้แนะ และมีเพียงผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้ (แน่นอน แม้แต่วันนี้ บราห์มา และชีว่า ได้ลงมาจากโลกที่ละเอียดอ่อน
เพื่อที่จะตอบแทนต่อความรักของพวกเรา และเมื่อเรามีการชุมนุมที่พิเศษ พ่อทั้งสองก็จะมาร่วมด้วย และการชุมนุมที่เป็นพรสูงสุดนี้ก็เปิดไว้สำหรับทุกคนที่ดำเนินตามหนทางของความบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าบัดนี้เวลาของการเยี่ยมเยือนในรูปที่มีตัวตนใกล้จะจบสิ้น เวลานี้มันเป็นเวลาที่พวกเราผู้ซึ่งต้องขึ้นไปบนดินแดนที่ละเอียดอ่อน สำหรับการนัดพบที่เป็นสิริมงคลนี้)
บาบา พาลูก ๆ ไปยังชายหาดบ่อย ๆ พวกเรามีการสังสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ณ ที่นั่น พวกเขาคิดค้นเกมส์ใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ ถ้าคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ บาบาจะต้องใส่ใจที่จะต้องให้ยารักษาพวกเขาอย่างถูกต้อง บาบาเล่นบทบาทเป็นแม่ที่ดีเท่าบทบาทที่เป็นพ่อ อย่างเช่นผู้ที่กราบไหว้ร้องขอ ร้องรำด้วยความหลงไหล โอ ! พระเจ้าท่านเป็นแม่และพ่อของพวกเรา และพวกเรามีความสุขที่จะขอบคุณต่อความเมตตาของท่าน สัจจะของเพลงโบราณนี้ ในที่สุดก็ได้รับประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยม มนุษย์ที่โชคดีที่สุดบนดาวนพเคราะห์โลกใบนี้
บาบา พาลูก ๆ ไปยังชายหาดบ่อย ๆ พวกเรามีการสังสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ณ ที่นั่น พวกเขาคิดค้นเกมส์ใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ ถ้าคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ บาบาจะต้องใส่ใจที่จะต้องให้ยารักษาพวกเขาอย่างถูกต้อง บาบาเล่นบทบาทเป็นแม่ที่ดีเท่าบทบาทที่เป็นพ่อ อย่างเช่นผู้ที่กราบไหว้ร้องขอ ร้องรำด้วยความหลงไหล โอ ! พระเจ้าท่านเป็นแม่และพ่อของพวกเรา และพวกเรามีความสุขที่จะขอบคุณต่อความเมตตาของท่าน สัจจะของเพลงโบราณนี้ ในที่สุดก็ได้รับประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยม มนุษย์ที่โชคดีที่สุดบนดาวนพเคราะห์โลกใบนี้
โอ้เพื่อนของฉัน ตั้งแต่ฉันได้มา
ยังชายหาดแห่งมหาสมุทรแห่งควาสงบ
สายลมแห่งความรักและความสุขได้พัดมาอย่างสม่ำเสมอ
โอ้เพื่อนของฉัน ตั้งแต่ฉันได้มา
ยังประตูรั้วของโอมมันดาลี
ฉันมีเพียงท่านพระเจ้าผู้เป็นที่รักเพียงผู้เดียว
เท่านั้นที่เป็นเพื่อน
บัดนี้ความมั่งคั่งใดที่ฉันได้รับ ?
ฉันได้รับมนตราลับ เพื่อควบคุมความคิดของฉัน
และชั่วขณะนั้นฉันได้กลายเป็นนายผู้ปกครอง
ฉันได้รับดวงตาของนิมิต และขณะนั้น
ฉันก็ถูกนำพาขึ้นสวรรค์
ฮ้า เพื่อนของฉัน ฉันได้เริงร่าเต้นรำกับกฤษณะ
ฉันได้รับความสุขซึ่งเป็นโลกที่หายากที่สุด
บัดนี้ ความสุขที่หลอกลวง ความทุกข์ที่หลอกลวงได้จากฉันไปแล้ว
และเหลือแต่เพียงความหวานชื่นและความสมดุลย์
ของความสงบสุขของจิตใจเท่านั้น
น้ำทิพย์แห่งความรู้ได้ให้ชีวิตใหม่
ทุก ๆ ขณะใครเล่าจะสามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากน้ำทิพย์
โอ้เพื่อน ฉันได้ถูกขายไป
ให้อยู่ในมือของพระเจ้า
ฉันได้กลายเป็นของท่านเพียงผู้เดียว
ร่างกายและจิตนี้เป็นของท่าน ไม่ใช่ของฉัน
อ้า ตั้งแต่วันที่ฉันได้พบโอมมันดาลี
ฉันได้ตายไปแล้วจากความสุขของโลกนี้
และฉันได้กลับฟื้นคืนชีพ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฉันเป็นช่วงขณะของความสุขของฉัน
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 29
Monday, March 3, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 27
ศาลสถิตยุติธรรม
ขณะที่พ่อแม่ซึ่งนำลูกสาวของตนกลับบ้าน ด้วยการบีบบังคับ หรือศาลสั่งก็ตาม ก็เริ่มที่จะยกโทษให้กับลูก ๆ พวกเขาเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถทำให้เด็กหญิงเหล่านี้ยอมรับสิ่งซึ่งพวกเขาใช้เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกินเนื้อสัตว์หรือเสื้อผ้าแพง ๆ หรือภาพยนตร์หรือการแต่งงาน เด็กหญิงเหล่านี้เพียงแต่คงอยู่ในการคิดถึงพระเจ้า และปฏิเสธที่จะให้การร่วมมือต่อการกระทำใด ๆ ที่ไร้ประโยชน์และไม่บริสุทธิ์
ที่แย่ที่สุด คือพ่อแม่จะหมดสนุกกับความสุขที่มาจากกิเลสถ้าเด็กหญิงเหล่านี้อยู่ร่วมด้วย แต่มันก็ยังไม่ใช่ความรู้สึกผิดมากเท่ากับความรักที่ได้รับชัยชนะในที่สุด พวกเขาถามตัวเอง ว่าทำไมพวกเขาต้องตัดสิทธิลูกของตนเอง ที่ลูก ๆ จะได้รับการศึกษาทางดวงวิญญาณที่ดีที่สุดเช่นนั้น ตราบเท่าที่เด็ก ๆ ตัดสินใจตั้งใจจะเลือกหนทางด้านนี้ ดังนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ ทยอยกันให้อนุญาตที่จะกลับไปยังสถาบันของพ่อ
บาบาต้อนรับพวกเขากลับบ้าน และเลี้ยงดูพวกเขาโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทน ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ใช่พ่อของเด็กเหล่านั้น เด็กที่โชคดีเหล่านี้มีพ่อ 3 คน 1. พ่อทางร่างกาย 2.พ่อทางดวงวิญญาณ "บราห์มา" และ 3. พ่อสูงสุด ชิพบาบา
แม้แต่บัดนี้ผู้นำของ แอนตี้ปาร์ตี้ ก็ยังดำเนินกิจการที่ชั่วร้ายของพวกเขาอยู่ วันหนึ่งพวกเขาเริ่มรณรงค์ แรงกดดันชนิดใหม่ กลยุทธ์ที่ชั่วร้ายกว่าที่เคยเป็นมา พวกเขาโทรศัพท์ไปถึงแม่ของเด็ก ๆ ผู้ซึ่งไปอาศัยอยู่กับบาบา และบอกพวกเขาถึงเรื่องโกหกที่เป็นเรื่องราวที่น่าขยะแขยงเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยทางดวงวิญญาณ เรื่องหนึ่งที่ชั่วร้ายที่สุด เหล่าแม่ที่ถูกหลอกลวงได้ง่ายก็เริ่มกลัว และกังวลเกี่ยวกับบทบาทของลูกสาวของพวกเขา ส่วนคนผู้ซึ่งไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ ผู้ใส่ร้ายป้ายสีก็ข่มขู่พวกเขาให้ยินยอมและบอกพวกเขาว่าถ้าไม่ยินยอมจะถูกขับออกจากวรรณะ อาจจะถูกทำร้ายร่างกาย หรือธุรกิจของครอบครัวอาจจะพังพินาศ
แม่เหล่านั้นถูกบอกให้เรียกเด็ก ๆ กลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง "แต่พวกเราได้ให้อนุญาต ในรูปแบบลายลักษณ์อักษรพวกผู้เป็นแม่ตอบ พวกเขาสามารถหาจดหมายได้จากศาล"
พวกแอนตี้ปาร์ตี้ ผู้มาเยือนตอบ "เรามีแผนอื่นในสมองอีก" และถ้าท่านไม่ทำตามที่เราพูด พวกท่านจะต้องรับความทุกข์แน่ ๆ การข่มขู่นั้นได้ผล
อีก 2-3 วันต่อมา พวกเขาพาเหล่า แม่ ไปยังการาจี และปล่อยพวกเขาไว้ที่ประตูบ้านของชีว่ารัตนาโมตาจี ผู้ร่ำรวยและมีชื่อเสียง เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการนับถืออย่างสูงในเมืองนั้น แม่ถูกสั่งให้นั่งอยู่ที่หน้าประตูรั้วและเริ่มอดอาหารประท้วงจนกว่าเขาจะรับปากก็ว่าจะช่วยพวกเธอช่วยเหลือลูก ๆ ของเพวกเธอ
ชีว่ารัตนาจีผู้สูงอายุ โมโหเมื่อได้ยินว่าอะไรเกิดขึ้นอยู่นอกประตูรั้ว เขาเรียกแม่ เหล่านั้นเข้ามาข้างใน และบอกให้เธอเล่าเรื่อง พวกเธอแสดงความถ่อมตน และถูกบอกบทโดยสมาชิกแอนตี้ปาร์ตี้ ผู้ซึ่งมากับพวกเขา พวกเขาเล่าเรื่องโกหกเกี่ยวกับโอมมันดาลี และพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างไรจากชีว่ารัตนา ในการนำลูก ๆ ของพวกเขากลับมา ท่านพอที่จะเรียกดาด้ามา และบอกให้เขาสั่งเด็ก ๆ กลับได้หรือไม่
ชีว่ารัตนาจี เชื่อเรื่องราวของแม่เหล่านั้น เขาโทรศัพท์ไปถึงดาด้าทันที ดาด้ามีท่าทีเป็นมิตรเป็นอย่างมาก และสัญญาว่าจะส่งเด็กหญิงเหล่านั้นไปให้เดี๋ยวนี้
"เราไปเพราะบาบาบอกให้เราไป" เป็นการย้อนรำลึกของบราห์มากุมารี มโนฮ่าอินทรา ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้นำของมหาวิทยาลัยของพระเจ้า แต่ขณะนั้นเป็นเพียงเด็กหญิงเล็ก ๆ "เราเห็นบ้านของชีว่ารัตนาเหมือนกับราชวัง เมื่อเขามองมาที่เรา ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ เขาไม่ได้ถามคำถามเราเลยเพียงแต่ออกคำสั่งให้เรากลับไปยังบ้านของแม่เรา"
เมื่อคนอื่นเข้ามารวมกันในห้องโถงเขาก็ชี้นิ้วไปยัง B.K. น้อย ๆ "เด็กเหล่านี้ก่อกวนแม่ของพวกเขา" เขากล่าวหาและชี้มายังพวกเด็ก ๆ อย่างน่ากลัว
"เรามีความรู้สึกเหมือนกับว่าปีศาจเอาก้อนหินมาทุ่มเข้าใส่เรา" มโนฮ่าดาดี้ระลึกถึง "ด้วยการเห็นความโกรธของพวกเขา เราก็เดินกลับไปนั่งที่รถ แต่ ณ ขณะนั้น มีเสียงพูดอย่างชัดเจนในดวงวิญญาณของเรา "โอ้ ชัคตีของพระเจ้า ไม่ต้องหวาดกลัวต่อผู้คนเหล่านี้ จงให้ความรู้ของพระเจ้าแก่พวกเขา เจ้าคือเครื่องมือสำหรับไถ่ชีวิตของพวกเขา"
ดังนั้น B.K. น้อยทั้งหมดเดินกลับเข้าไปข้างใน และเผชิญกับชีว่ารัตนาโมตาจี "เราต้องการพูด" นั่นคือคำกล่าวของ B.K. น้อย มโนฮ่าอินทรา
"จะพูดเกี่ยวกับอะไรอีกเล่า" เสียงตอบของเขาแหบแห้ง
"บาบาจี, ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังจะส่งเราไปที่ไหน" มโนฮ่าอินทราถามเขา
"ฉันปรารถนาจะให้ท่านรู้ว่าเรามีชีวิตเช่นไรขณะที่เรามีชีวิตอยู่ที่นี่ที่โอมมันดาลี และทำไมเราจึงไม่พร้อมที่จะกลับบ้าน เราอยากได้สิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวจากท่าน และท่านควรจะรู้สึกพอใจ เราไม่ต้องการหรือปรารถนาไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เพชรพลอย หรือความร่ำรวยใด ๆ ในโลกนี้ เราปรารถนาแต่เพียงจะใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์และสูงส่ง ญาติ ๆ ของเราเหล่านี้ขัดขวางเราในการที่จะเข้าร่วมในสัตสังที่โอมมันดาลี พวกเขาเป็นอุปสรรคต่อความบริสุทธฺ์อย่างแท้จริงซึ่งเป็นแก่นแท้ของการศึกษาทางดวงวิญญาณ แทนที่จะส่งเสริมพวกเราให้ได้บรรลุเป้าหมายของชีวิตที่สูงเช่นนี้ พวกเขาก่อกวนเราทุกย่างก้าว"
"เมื่อพวกเขาพาเราไปจากที่นี่ พวกเขาจะทุบตีเราอย่างไร้ความปราณี และผู้ใหญ่อื่น ๆ ก็จะเข้าร่วมสังฆกรรมนี้ด้วย มันได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากจนไม่อาจทนทานได้ แล้วท่านสามารถที่จะทบรับได้หรือไม่ว่าท่านคือสาเหตุของการทำร้ายเช่นนั้นต่อพวกเรา ด้วยการส่งพวกเรากลับไปอยู่ในอุ้งมือมารของพวกเขา เราไม่เคยทำสิ่งใด ๆ เลยที่ให้โทษกับท่าน บาบาจี ท่านไม่รู้หรอกว่าพวกเขาบังคับให้พวกเรากินอาหารที่สกปรก พวกเขาบังคับข่มขู่เราแล้วพาเราไปดูภาพยนตร์ที่ลามก พวกเขาทำทุกสิ่งเพื่อให้จิตใจของพวกเราล่มสลาย เมื่อเรานิ่งอยู่ด้วยความสงบในการทำสมาธิถึงพระเจ้า พวกเขาก็ผลักหัวเรา หรือไม่ก็กระชากผม"
ในขณะที่ โมตาจี ฟัง ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเด็กหญิงเหล่านี้ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในจิตใจของเขา "เอาหละ" เขาขัดจังหวะ "ฉันต้องการถามคำถามเธอหนึ่งคำถาม ฉันได้ยินมาว่า พวกเธอพูดว่า ไม่มีการแต่งงาน เป็นความจริงหรือเปล่า ?
ซิสเตอร์มโนฮ่าสั่นศีรษะแล้วยิ้ม "บาบาจี มันไม่ใช่อย่างนั้น เราไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงาน แม้แต่รามยังแต่งงาน ศรีกฤษณะก็แต่งงานด้วยเช่นกัน บาบาจี มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เราไม่ต้องการแต่งงานกับบุคคลซึ่งเต็มไปด้วยราคะ เราปรารถนาที่จะแต่งงานกับบุคคลผู้ซึ่งได้ "หักคันธนู" (หมายถึงผู้ที่ได้บรรลุถึงสภาพการตระหนักรู้ในตนเอง) และผู้ซึ่งเข้าถึงสภาพที่เป็นนายเหนือประสาทสัมผัสแห่งอวัยวะของพวกเขา โมตาจีประหลาดใจและขัดแจ้งด้วยการตอบเช่นนี้ "คันธนูอะไร มันคือคันธนูของการสำนึกรู้ในตนเองหรือ" เขาถาม
"ใช่ค่ะท่าน" เธอผงกศีรษะ
ได้ยินเช่นนี้หน้าของเขาเปล่งประกายขึ้นทันใด เขารู้สึกมีความสุขต่อสิ่งที่ได้ยินเหมือนกับว่าเขาเข้าใจอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่สักการะบูชาพระเจ้าเหล่านี้ นั่นไม่ใช่เป็นเพียงการเล่นเกมของพวกเด็ก ๆ มันไม่ใช่สิ่งผิด พวกเขาใช้ชีวิตสูงส่งอย่างแท้จริง เท่าที่บุคคลสามารถจะปรารถนาได้
"ฉันเข้าใจแล้ว" เขาพูด "ความคิดของพวกเธอสูงค่าที่สุด และความปรารถนาที่เธอต้องการความจริงแล้วยิ่งใหญ่ ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้พบกับเด็กหญิงเช่นนี้ ด้วยความคิดและบุคลิกภาพที่สูงส่งอย่างแท้จริง พวกเธอคือเทวีที่แท้จริง เอาหละ! ฉันเข้าใจความจริงแล้ว ต่อไปนี้ความโหดร้ายที่ทำให้พวกเธอได้รับความทุกข์นั้นจะไม่เกิดกับพวกเธออีก ตอนนี้ไม่ต้องกลััวแล้ว
และแล้วโมตาจี ที่หันหน้ามายังแม่ ๆ "พวกเธอน่ะ โชคดีมากนะที่มีลูกสาวเป็นโยคีที่เต็มไปด้วยความสงบเช่นนี้ พวกเธอได้ตีดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์เช่นนี้จริงหรือ เธอบังคับข่มขืนจิตใจให้พวกเธอกินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ด้วยหรือ พวกเธอเป็นลูกสาวที่สูงส่งและบริสุทธิ์ พวกเธอเป็นเทวีที่จุติลงมา ต่อไปนี้ระวังให้ดี อย่าทำร้ายพวกเธออีก พาเด็ก ๆ กลับไปบ้านพร้อมกับพวกเธอได้แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเด็ก ๆ ต้องการไปที่สัตสัง พวกเธอต้องอนุญาตเด็ก ๆ เหล่านี้"
แม่พวกนั้นยืนขึ้นด้วยความกลัว กลัวว่าเด็กจะบอกโมตาจีว่า พวกหล่อนได้ให้การอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเด็ก ๆ แล้ว และเธอก็ยังมาพูดโกหกกับเขา และบอกโมตาจีว่า เด็ก ๆ ได้หนีออกจากบ้านแต่เด็ก ๆ ก็ยังเฉย เด็ก ๆ ไม่ได้เปิดเผยสภาวะการณ์ที่แท้จริง ถึงแม้ว่าเด็ก ๆ สามารถทำได้
B.K.น้อยทั้งหมด เดินทางกลับไปยังไฮดราบัด ไปยังครอบครัวเดิมของพวกเธอ แต่เหตุการณ์มิได้เป็นดังก่อนแล้ว พวกเธอได้เพิ่มอำนาจภายในซึ่งมนุษย์เหล่านั้นไม่สามารถที่จะมาต่อต้านได้อีกต่อไป พวกเธอรักษารูปแบบของอาหารและหลักการอื่น ๆ ของพวกเธอไว้ และใช้เวลาที่มีอยู่ในการให้ความรู้กับญาติ ๆ เพื่อนและเพื่อนบ้าน พวกเธอสอนวิธีทำสมาธิใหม่ด้วยและมีหลายคนที่ได้รับประสบการณ์ที่เหนือธรรมดา เด็ก ๆ ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในงานบ้านและพวกเธอก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ทางบ้านจะตำหนิได้เลย พวกเขาทั้งหมดเกรงกลัวต่อเด็ก ๆ ท้ายที่สุด พวกเขาก็ให้ตั๋วแก่เด็ก ๆ กลับการาจี ไปมหาวิทยาลัยของพระเจ้า ที่บ่วงพันธะของกรรมเก่าได้ถูกตัดออกอย่างสิ้นเชิง
ในการที่จะแก้ไขรอยประทับผิด ๆ ในจิตใจของผู้คน เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของพระเจ้าซึ่งเป็นเรื่องราวที่นักใส่ร้ายป้ายสีกระทำขึ้นและแพร่กระจายไปและเพื่อจะให้ความรู้ต่อสาธารณะว่าความจริงแล้วมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างฉากที่เกิดขึ้นในศาลสถิตยุติธรรม หนังสือได้ถูกตีพิมพ์ใช้ชื่อว่า "นี่หรือคือความยุติธรรม" หนังสือได้เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์อย่างละเอียดพร้อมกับความรู้พื้นฐานของพระเจ้าที่เปิดเผยความรู้ เพื่อว่าจะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะสามารถพูดได้ว่าเขาไม่ได้รับการบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมด
หนังสือพร้อมกับบทความสำคัญอื่น ๆ ได้ถูกแจกจ่ายไปยังผู้คนที่มีอิทธิพลนับร้อย เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่มีคติต่อต้านโอมมันดาลีอันเนื่องมาจากรากฐานของทะเลแห่งความชั่วร้ายของข่าวลือ แต่นั่นก็ไม่ได้ง่ายที่จะเอาชนะรอยประทับที่มีอยู่ในจิตใจของผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาตกอยู่ในความหวาดกลัวและความเชื่อผีสางโชคลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายตรงข้าม ไม่ยอมหยุดที่จะก่อกวนบรรยากาศด้วยการโกหก อินเดียถึงกาลเวลาแห่งความมืดสนิทอย่างแท้จริงในช่วงเวลานั้น มันลึกเท่าไรแล้วที่ดินแดนอันเก่าแก่ได้ตกลงมาจากความสูงที่เคยอยู่อย่างบริสุทธิ์ และรุ่งโรจน์ร่ำรวยในวันของกฤษณะ
และวันนี้ แน่นอน โลกทั้งโลกจมดิ่งอยู่ในความมืดสนิท ถึงแม้ว่าข่าวสารของพระเจ้าจะแพร่กระจายไปอย่างลับ ๆ ไปยังลูก ๆ ของท่านในทุก ๆ ประเทศบนพื้นโลก เหมือนอย่างที่มีคำพูดใน ภควัต กีตะ ต้นกำเนิดของคัมภีร์ทั้งมวล "เมื่อใดก็ตามที่ไม่มีศาสนาและความชอบธรรม หลงเหลืออยู่ในภารัต (อินเดีย) พ่อจะอวตารลงมา เพื่อการก่อตั้งศาสนาที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง"
และดังนั้น พระเจ้าก็ได้ปรากฏขึ้นบนละครโลก โดยไม่มีผู้ใดสังเกตรู้แม้ว่าท่านจะได้อธิบายอย่างชัดเจนถึงรูปลักษณะและภารกิจของท่านเพราะว่าท่านได้ลงมาในร่างที่ธรรมดา และเพราะว่าท่านไม่เคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ทางวัตถุใด ๆ มีเพียงน้อยนิดจากหลายพันล้านที่จดจำท่านได้ แต่ในเวลาสุดท้าย เมื่อสัจจะจากคำพูด และจากงานของท่านปรากฏขึ้นกับผู้คนทั้งหมด แล้วมันก็จะมีความสำนึกผิดอย่างใหญ่หลวงจากผู้คนซึ่งต่อต้านหรือเมินเฉยต่อท่าน แม้ว่าจะมีปิติสุขสำหรับผู้ช่วยงานที่สูงส่งของท่าน พี่น้องที่เป็นที่รักยิ่งทั้งหลาย บทบาทใดเล่าที่ท่านจะเลือกสำหรับตัวท่าน ?
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 28
Sunday, March 2, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 26
ศาลสถิตยุติธรรม
วาสวามีเป็นผู้ที่สักการะกฤษณะอย่างจริงจัง เขามีจุดประสงค์ที่ดี และเขามีความเชื่อในกีตะอย่างมาก กลุ่มคนเหล่านั้นได้นำความคิดที่ผิด ๆ เกี่ยวกับโอมมันดาลีมาหลอกเขา แต่ถ้าเขาได้มาเพียงครั้งเดียว มาพบดาด้าและมาฟังดาด้าอธิบายเป้าหมาย และหลักการของท่าน เขาจะไม่มีวันร่วมกลุ่มพวกล้อมต่อต้านมหาวิทยาลัยทางจิต เขาจะต้องพอใจอย่างสูงสุดในงานของบาบา
แต่ตอนนี้ถูกจับกุมเพราะการที่เขามาร่วมล้อม บรรยากาศได้กลายเป็นความเกลียดชังเพิ่มขึ้น กลุ่มแอนตี้ได้ฉวยโอกาสด้วยการกระพือพายุแห่งความโกรธให้สูงขึ้น พวกเขาได้เพิ่มความกดดันให้กับรัฐบาลซินดิ ให้ออกประกาศคำสั่งต่อต้านการกระทำของโอมมันดาลีว่าผิด ข้าราชการฮินดูก็ยินยอมต่อการกดดัน และเริ่มที่จะเข้าไปข่มขู่พวกมุสลิมให้เข้ามาร่วมมือ พวกฮินดูประกาศว่าถ้าไม่มีคำสั่งพวกเขาจะลาออก ถ้าพวกเขาลาออกรัฐบาลจะล้ม
แต่รัฐมนตรีตอบโต้ด้วยความกล้าหาญในการอภิปรายในรัฐสภา เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา สมาชิกซึ่งเป็นชาวฮินดู ได้ยื่นข้อเสนอว่าพวกเขาจะลาออก แต่เราจะไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันและข่มขู่เช่นนั้น ทุกคนมีสิทธิถูกต้องตามกฏหมายที่จะสักการะบูชาต่อพระเจ้าตามที่พวกเขามีความเชื่อ ภายใต้กฏหมายอะไรที่จะไปสั่งห้ามโอมมันดาลีรึ ??
เขาเตือนผู้ที่ฟังเขาว่าการเคลื่อนไหวทางดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ในอดีตนั้นเริ่มต้นด้วยคนเพียงไม่กี่คนเสมอ และนั่นแหละคือผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะถูกกระทำทารุณบ่อย ๆ เหมือนเช่นในกรณีของดาด้า ซึ่งกำลังเป็นอยู่ขณะนี้ รัฐมนตรีพูดอย่างชัดเจน ว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาเรียกร้องอย่างถูกต้องตามกฏหมายเกี่ยวกับดาด้าก็ได้รับแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันเป็นความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ของพวกแอนตี้ โอมมันดาลี ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามก็ควรที่จะถูกสั่งห้าม การกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ได้แสดงเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.1939 ในรัฐสภาของซินดิ
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเมื่อเขาเห็นว่า คณะรัฐมนตรีได้มีความแตกแยกในประเด็นนี้ความกล้าหาญแต่เดิมที่ถูกสั่นคลอน และเขาก็ต้องประนีประนอม รัฐบาลก็แต่งตั้งศาลเพื่อไต่สวนความจริง
เมื่อคณะกรรมการศาลปรากฏรายชื่อออกมาแล้วความจริงของสถานการณ์ของความยุติธรรมบนโลกก็ปรากฏชัดเจน มีแต่เพื่อนของพวกแอนตี้ปาร์ตี้ทั้งหมดปรากฏในรายชื่อ
สมาชิกคนหนึ่งเป็นประธานของหนังสือพิมพ์ซินดิออฟเสริฟเวอร์ เข้าข้างกลุ่มแอนตี้ตั้งแต่เริ่มต้น คนอื่น ๆ ก็มีความใกล้ชิดเหมือน ๆ กัน ลูก ๆ ของบาบา อุทธรณ์ขอให้แต่งตั้งคณะลูกขุนที่เป็นกลางเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดผลดีพวกเขาพยายามขอเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่มีความสงบขึ้นภายในท้องถิ่นก่อนที่การดำเนินการไต่สวนจะเริ่ม และกฏข้อที่ 166 ที่จะนำมาใช้บังคับควรจะถอนออกไป เพื่อที่ทางสมาชิกกลุ่มโอมมันดาลีจะได้ปรึกษาระหว่างกันและสามารถปรึกษาทนายความได้
ลูก ๆ ของบาบาร้องขอความเป็นธรรมให้ทนายเข้าไปรับฟังด้วยขณะไต่สวน เพราะซิสเตอร์ทุก ๆ คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับกฏหมาย และระเบียบวิธีการดำเนินการ พวกเขายังร้องขอให้ทางศาลสถิตยุติธรรมให้อำนาจในการที่พวกเขาจะเรียกพยานมายืนยันด้วย พวกซิสเตอร์ยังได้รับคำแนะนำถ้าจะเป็นการถูกต้องทางศาลสถิตยุติธรรมจะต้องแจ้งให้ทราบถึงวิธีการที่จะใช้ไต่สวนและหัวข้อที่จะไต่สวน
แต่รัฐบาลมิได้ ใส่ใจต่อการร้องขอที่ทางโอมมันดาลี แนะนำ ทั้งหมดถูกปฏิเสธ ซิสเตอร์ทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้จ้างทนาย บรรยากาศที่มีการกดขี่อย่างมากถูกสร้างขึ้น ตัวแทนจากโอมมันดาลีไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่ที่จะพูดกันในระหว่างพิจารณาคดี ดังนั้นในตอนท้าย โอมมันดาลี จึงไม่ค่อยไปศาลเมื่อทางศาลเรียกไปประชุมพิจารณาคดี
สมาชิกโอมมันดาลีหลายคนได้เขียนถึงศาลเป็นการส่วนตัวว่าพวกเธอต้องการมาและอธิบายความคิดและการกระทำซึ่งทางกลุ่มดำเนินการอยู่เป็นการส่วนตัว แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในครอบครัวที่มีเกียรติ แต่ก็ไม่มีใครถูกเรียกไปสอบสวนในฐานะพยาน
ในที่สุดโดยปราศจากการฟังทุกสิ่งจากโอมมันดาลี หรือได้รับหลักฐานจากเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งช่วยเหลือในงานของโอมมันดาลี ศาลก็ทำการตัดสินคดีโดยไม่มีคู่กรณี (ex paste) สมาชิกของโอมมันดาลีจะไม่ได้รับการอนุญาตให้อาศัยอยู่ร่วมกัน ศาลเสนอแนะให้สมาชิกทั้งหมดได้รับการบังคับคดีให้อยู่แยกจากกันทันที
อย่างแน่นอน มันเป็นการตัดสินใจที่ประหลาด ซึ่งสาเหตุของความวุ่นวายของรัฐบาลซึ่งไม่ได้เตรียมมาก่อน คำเสนอแนะเป็นสิ่งประหลาดไม่เพียงแต่เพราะว่า สมาชิกของโอมมันดาลีเหมือนกับครอบครัวที่มีสายใยที่เหนียวแน่นและใหญ่โต ซึ่งผูกมัดกันไว้ด้วยรากฐานแห่งความรักซึ่งไม่สามารถจะทำลายลงได้ แต่เพราะว่าโอมมันดาลี ประกอบไปด้วยทุกชนชั้น ในขณะเดียวกันแต่ละบุคคลก็ไม่ได้ยึดอดีตซึ่งกันและกัน หลายครอบครัวมากันเป็นกลุ่มทุก ๆ วันที่สัตสัง มันสมควรหรือที่ครอบครัวเหล่านี้จะถูกบังคับให้กระจัดกระจายไป สมควรหรือที่ภรรยาจะถูกแยกออกจากสามี ลูกชายจะถูกแยกจากพ่อแม่ ศาลสถิตยุติธรรมมิได้ใส่ใจกับความเป็นจริงของมนุษย์กลุ่มนี้ และมันเป็นที่แน่ชัดที่มีอคติต่อต้าน แม้แต่สิทธิขั้นพื้นฐานของเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มโอมมันดาลี
แม้แต่หนังสือพิมพ์ก็ลงมาวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับความคิดเห็นของศาล ผู้มีการศึกษาหลายคนเขียนจดหมายไปยังบรรณาธิการคัดค้านการตัดสินที่ไม่มีความเป็นธรรม "ทุกคนควรจะมีอิสรภาพในการนับถือศาสนา" เริ่มด้วยจดหมายฉบับแรกโดยคนสำคัญของท้องถิ่น จดหมายถูกส่งไปยังนายกเทศมนตรี มันเป็นการถกเถียงถึงข้อกฏหมายซึ่งโอมมันดาลีถูกสั่งให้สลายกลุ่ม และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากฏหมายนั้นเป็นวิธีการที่จะใช้กับกลุ่มที่ทำลายทางด้านการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่สร้างปัญหา มันไม่ได้เกี่ยวข้องและสามารถนำมาใช้ได้กับสถาบันทางดวงวิญญาณ เช่น โอมมันดาลี เห็นชัดเจนว่าสมาชิกขององค์กรนี้เป็นผู้ที่ัรักความสงบและมีใจฝักใฝ่ในศาสนาและปฏิรูปสังคม "พวกเราควรจะได้รับการสนับสนุนไม่ใช่ไปสั่งยุบ จดหมายสรุปไว้อย่างนั้น แต่เราจะหาความเที่ยงธรรมในโลก ณ เวลานี้ได้ที่ไหน ไม่เพียงแต่ไม่เอาใจใส่ต่อความคิดเห็นของศาลสูง นักการเมืองที่หวาดกลัว บีบบังคับสัตสังของพระเจ้า เพื่อจะรักษาไว้ซึ่ง คณะรัฐมนตรีของพวกเขา
โอมมันดาลี ไม่ได้รับการบอกกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล พวกเขาปฏิเสธสำเนาของการพิจารณาคดี หรือแม้แต่บทสรุป พวกเขาไม่รู้เลยว่าใครถูกเรียกไปเป็นพยานหรือว่าอะไรที่พวกเขาให้การ และมากกว่านั้นไม่ได้มีการให้เหตุผลใด ๆ ว่าทำไมการตัดสินถึงได้ออกมาในรูปแบบนั้น และบนฐานของอะไรที่กล่าวหาหรืออะไรคือบทพิสูจน์ สรุปแล้วความยุติธรรมได้ถูกทำลายลงแล้ว
เมื่อพายุลูกแรกได้ผ่านไป แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นด้วยตัวของมันเอง หัวหน้าคณะรัฐมนตรีกำลังทำอะไรก็ตามซึ่งเขาต้องทำตามเพื่อปลอบขวัญพลังของกลุ่มแอนตี้โอมมันดาลีได้แนะนำโอมมันดาลีอย่างไม่เป็นทางการว่าพวกเขาสามารถที่จะรักษาบังกาโลไว้ 4-5 หลัง โดยตั้งอยู่เรียงรายกันไป และถ้าเขาสามารถรักษารูปแบบที่ไม่เด่นชัด พวกเขาก็สามารถที่จะดำเนินกิจการของสัตสังต่อไปได้ และแรงกดดันก็จะเงีบบสงบลงในไม่ช้า รัฐมนตรีปลอบใจพวกเขา และรัฐบาลก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะกระทำการใด ๆ ที่จะต่อต้านโอมมันดาลี
พ่อทำเพื่อให้ลูกพอใจ ดังนั้นทุกสิ่งจึงเป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนา มหาวิทยาลัยของพระเจ้าถูกตั้งขึ้นเพื่อทำงานอีกครั้งหนึ่งและชิพบาบาก็ลงมาในร่างของสื่ออย่างต่อเนื่องทุกวัน เพื่อมามอบความรู้สูงสุดให้ลูก ๆ ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น แม้แต่รถที่พาเด็ก ๆ ไปชายหาดคลิฟตั้นในตอนเช้าก็ดำเนินกิจการไปเหมือนเช่นเคย พวกเขาเดินอยู่ในความปิติที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเงียบสงัด ในรุ่งอรุณของโลก ณ ชายฝั่งของมหาสมุทรของความรัก ใครล่ะที่จะสามารถต่อต้านกับบุญญาธิการของพระเจ้า และคาดหวังว่าจะได้ชัยชนะ
ผู้คนของกลุ่มแอนตี้โอมมันดาลี ซึ่งได้ขึ้นมาการาจี จากไฮดราบัด เพื่อการทำลายล้างโอมมันดาลีก็ยังไม่ยอมละเลิก พวกเขาก่อกวนสร้างปัญหาทุกประเภทที่พวกเขาทำได้ แต่พวกเขาก็ทำได้ดีที่สุดด้วยการใช้อำนาจศาล และมันก็ไม่ประสานกับงานของพระเจ้า ตอนนี้พลังของพวกเขาก็อ่อนลง พวกเขาเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถจะหยุดยั้งคนเหล่านี้ และลูกของบาบา ซึ่งเต็มไปด้วยความรักที่มั่นคงต่อความรู้ ต่อความบริสุทธิ์ และต่องานรับใช้ที่จะยกระดับโลก การต่อต้านก็อ่อนกำลังลง และทีละคนสองคนก็ค่อยกลับไปยังไฮดราบัด
พวกเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จใด ๆ เลย นอกจากเสียเวลาและเงิน และเกลียดชังพระเจ้า ความโกรธที่พวกเขาได้ระบายใส่ลูก ๆ ของบาบา ได้สะท้อนกลับมาที่พวกเขาเป็นพัน ๆ เท่าในรูปแบบของความหงอยเหงา เศร้าซึม ความกังวล รู้สึกผิด และแม้แต่ความป่วยทางร่างกาย ผลของกรรมที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ ตามมาอีกมากมายเช่นกัน
แต่พวกเขาก็ยังหวังว่าวันหนึ่งเงินของดาด้าก็จะต้องหมดลง คงจะไม่สามารถใช้จ่ายไปได้นานเท่าไร และใช้จ่ายได้ตลอดเพื่อดูแลเลี้ยงดูพวกผู้หญิงและเด็ก ๆ พวกเขาบอกกันและกันว่า "และแล้วผู้คนทั้งหมดจะต้องคลานกลับมาอย่างละอายใจ ยังบ้านที่พวกเขาเคยอาศัย" ทัศนคติเหล่านี้แสดงถึงความโง่เขลาที่ยังมีอิทธิพลอยู่ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่า โอมมันดาลีไม่ได้ถูกก่อตั้งหรือดำเนินการโดยมนุษย์ คนที่ไม่ใช่กลุ่มสถานที่กระทำการกราบไหว้และร้องขอ เช่น ที่อื่น ๆ หรือเป็นสถาบันทางศาสนา นี่เป็นมหาวิทยาลัยโลกซึ่งมีพระเจ้าเป็นเจ้าของผู้จัดการ ก่อตั้งโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวท่านเอง และสำหรับพ่อผู้ทรงไว้ด้วยบุญฤทธิ์ เงินทองจะเป็นอุปสรรคกับท่านได้หรือ ? แม้แต่ความคิดก็ผิดปกติแล้ว
การต่อต้านก็ยังปักหลักอยู่บนฐานของความหวังว่า เงินทุนของโอมมันดาลีจะหมดลงและพวกเขาก็พยายามทำให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว พวกเขาเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์แนะนำว่าไม่ควรอุทิศเงินช่วยเหลือองค์กรนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าโอมมันดาลีไม่เคยขอเงินจากใคร ๆ ทั้งสิ้น งานของพระเจ้ามีพื้นฐานอยู่บนการอุทิศตน อยู่บนโยคะและบนความศรัทธา แล้วการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะมีผลกระทบได้อย่างไร ตอนนี้งานของโอมมันดาลีขยายตัวต่อไปอย่างราบรื่น
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 27
Saturday, March 1, 2014
อดิเทพ ตอนที่ 2 # 25
สาธุผู้หูเบา
ลูก ๆ ของบาบาเบิกบานเหมือนกับดอกไม้ทางจิต พวกเขาออกไปข้างนอกอย่างมีความสุขในการจู่โจมครั้งแรกในการทำงานรับใช้ของพระเจ้า ศัตรูของโอมมันดาลี ก็ยังไม่ยอมยุติในความผิดหวังของพวกเขา พวกเขารู้สึกว่าจะต้องใช้เล่ห์กระเท่ป้องกันมิให้ข่าวของบาบา แพร่กระจาย พวกเขาประสบความสำเร็จในการทำให้สาธุคนหนึ่งชื่อว่า วาสสวามีกลัว และเขานี่เองก็ถูกดึงเข้าไปในกลุ่มแอนตี้ปาร์ตี้ มันเป็นกลยุทธ์ซึ่งพวกเขามีความชำนาญ นี่คือเรื่องราว...
มันเกิดขึ้นในการาจี ที.แอล.วาสวามี เป็นสาธุผู้มีชื่อเสียง เขาได้เปิดโรงเรียนชื่อว่า "พยานของมีล่า" ที่นั่นเขาได้เปิดสัตสังเป็นกิจวัตร เขาได้ถูกทาบทามในหลาย ๆ โอกาส โดยสมาชิกของกลุ่มแอนตี้ปาร์ตี้ ผู้ซึ่งแพร่กระจายการกล่าวหาที่เป็นเท็จ เกี่ยวกับโอมมันดาลี สาธุวาสวามี เชื่อในคำกล่าวหา เพราะเขาไม่เคยรับรายงานจากคนอื่น ๆ และเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งประฌามโอมมันดาลีก็เป็นผู้คนที่น่านับถือ การพูดใส่ร้ายป้ายสีจะได้ผล สาธุตกลงที่จะร่วมขบวนการล้อมกรอบลูก ๆ ของบาบา
วันหนึ่ง บาบาบอกโกปี้ ที่เต็มไปด้วยศรัทธาคนหนึ่งของท่าน ซิสเตอร์จันทรามณีจิ ให้ไปเยี่ยมสาธุและพูดคุยเกี่ยวกับมุมมองทางดวงวิญญาณของเรา เธอไปที่นั่นพร้อมด้วยคนอื่น ๆ และเชื้อเชิญสาธุ กรุณามาเยี่ยมโอมมันดาลีด้วยตัวท่านเอง ก่อนที่จะมาล้อมกรอบต่อต้านพวกเรา
"ถามประสบการณ์จากเขาเหล่านั้นผู้ที่มายังสัตสัง" ซิสเตอร์แนะนำวาสวามี "อย่าตัดสินเราบนฐานของการที่มีคนบอกท่านด้วยความมีอคติ นั้นจะเป็นการผิดที่จะทำเอะอะโดยไม่รู้ความจริง"
เขาฟังอย่างระมัดระวัง เขายอมรับว่า ซิสเตอร์พูดถูก เขามีความประทับใจต่อสาวน้อยเหล่านี้ผู้ซึ่งพูดอย่างตรงไปตรงมา และด้วยความมั่นใจ ผู้ซึ่งมีความประพฤติซึ่งแสดงออกถึงการได้รับการฝึกฝน ซึ่งสามารถจะถูกขนานนามว่า ศาสนาในสำนึกดั้งเดิมสตรีเหล่านี้ทำตามคุณธรรม หนทางของศีลธรรม แต่อะไรล่ะเป็นความเชื่อของพวกเธอ ? สาธุตั้งคำถามต่อซิสเตอร์จันทรามณีเกี่ยวกับความรู้ของพระเจ้า
เธออธิบายอย่างชดเจนหลายจุด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ลี้ลับของชาวฮินดู กุญแจของคัมภีร์ได้ถูกทำให้ปรากฏขึ้น ความมีเหตุมีผล ภาพที่สมบูรณ์ของความจริงปรากฏจากคัมภีร์พระเวทย์ที่มีความสับสนและไม่สามารถตีความออก วาสวามีรู้สึกตกตะลึง
แล้วซิสเตอร์คนอื่น ๆ ก็พูดถึงประสบการณ์ของพวกเธอที่ โอมมันดาลี เกี่ยวกับนิมิตและความเข้าถึงซึ่งสัจจะและการบรรลุถึงซึ่งความบริสุทธิ์ พวกเธออธิบายเป้าหมายที่สูงของความรู้ซึ่งพระเจ้าได้ลงมาเปิดเผย และโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไร อันเนื่องมาจากการกระทำที่สูงสุดที่ท่านทำ
สาธุรู้สึกมีความสุขมาก ความจริงสาธุท่านนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเมื่อซิสเตอร์เหล่านั้นเชื้อเชิญเขาในนามของบาบา ให้ไปเยี่ยมโอมมันดาลีในโอกาสหน้าซึ่งท่านก็ดีใจอย่างยิ่งและลุกขึ้นทันที และพูดว่า "ตกลง ฉันจะไปกับพวกเธอเดี๋ยวนี้เลย"
เขาเตรียมพร้อมที่จะไปกับซิสเตอร์ทั้งหมดด้วยพาหนะของพวกเธอและเพียงแต่หยุดบอก พวกลูกศิษย์ว่าตนจะไปที่ใด แต่ลูกศิษย์บางคนสนิทกับพวก "แอนตี้" พวกเขาคัดค้านทันที แต่ถึงอย่างไรสาธุก็ยังเดินกลับมายังรถ ซึ่งซิสเตอร์ทั้งหมดกำลังรอเขาอยู่
พวกลูกศิษย์ของเขาก่อความวุ่นวายขึ้นทันที พวกเขาล้อมรถไว้ก่อนที่รถจะสามารถออกจากประตูรั้ว พวกเราจะไม่ยอมให้ท่านไป พวกเขาตะโกนใส่สาธุราวกับว่าเขาคือลูกศิษย์ มากกว่าเป็นครู
ไปต้องตกใจ เขากล่าวอย่างนุ่มนวล ฉันจะกลับมาใน 1 ชั่วโมง
แต่ลูกศิษย์กลัวว่าถ้าปล่อยให้วาสวามีไปยังโอมมันดาลี เขาจะตกใจกลัวบาบา และเขาจะอยู่ที่นั่นร่วมในสัตสังของบาบา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา ? เขารู้สึกว่าสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤต พวกเขาไม่ยอมเปิดทางให้รถผ่าน ในที่สุดลูกศิษย์ก็ประสบความสำเร็จในการทำให้วาสวามีเปลี่ยนความคิด เขาลงจากรถไปปลอบโยนลูกศิษย์ของเขา ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้านเขาพูดกับซิสเตอร์ทั้งหมด "บอกดาด้าว่า ฉันอยากจะพบท่านมาก แต่ฉันไม่สามรถจะมาได้ตอนนี้ ฉันจะมาแน่นอนในวันอื่น เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ลูกศิษย์ของพวกเขาร่วมด้วยนักธุรกิจของแอนตี้ปาร์ตี้ เริ่มต้นปั่นหัวเขาทันที และในไม่ช้าความสงสัยเกี่ยวกับ โอมมันดาลีที่มีอยู่เดิมก็กลับคืนมาอีกครั้ง เขาเริ่มเชื่ออีกครั้งกับการโกหกซึ่งเขาได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับสถาบันของพระเจ้า เขาได้ลืมไปโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับความสุขที่เขาได้รับความรู้สึกในขณะที่บราห์มากุมารีมาเยี่ยมและรับรู้ถึงเป้าหมายที่สูงสุดและความรู้ที่น่าอัศจรรย์ไม่เหมือนใครของพวกเธอ
สาธุวาสวามีเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่เขาเป็นคนอ่อนเอ มิตรเทียมของเขาได้ปั่นหัวเขาไปถึงขั้นที่ว่า สัปดาห์ต่อมาเขาเข้าร่วมในกลุ่มฝูงชน ผู้ซึ่งมาโจมตีโอมมันดาลี หลายพันคนได้มารวมตัวกันด้านนอก โอมนิเวาส (อาคารหลัก) ผุู้สนับสนุนได้เล่าเรื่องใส่ร้าย กระตุ้นฝูงชนให้มีให้มีความบ้าคลั่ง พวกเขาถาโถมเหมือนกับสัตว์ที่บ้าคลั่งเข้าทำลายทรัพย์สิน ถอนต้นไม้ในสวน ทุบหน้าต่าง และใช้แม้แต่ตะลุมพุกมาทุบผนังบ้าน ขณะที่พวกเขาทุบผนังเข้ามาเป็นรู ตำรวจก็มาดึง และขับไล่พวกเขาไป หลายคนถูกจับรวมทั้งวาสวามี ตำรวจพาพวกเขาขึ้นรถแวนไป
อ่านต่อ อดิเทพ >>>> ตอนที่ 2 # 26
Subscribe to:
Posts (Atom)