Wednesday, March 26, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 31


ารแสวงบุญสู่บ้านเกิด
เหล่าซิสเตอร์ที่อยู่ในชุดส่าหรีสีขาว ด้วยใบหน้าที่เปล่งประกายออกจากการาจี กลับคืนสู่ไฮดราบัด นำข่าวสารของพระเจ้าไปกับพวกเขา ทุกคนแยกย้ายไปยังครอบครัวที่ให้กำเนิดแก่พวกเขา

6 ปี เป็นเวลายาวนานที่มีการจากไป ไม่ได้มีการเขียนจดหมายกลับไปทางบ้านยกเว้นบางโอกาสที่ต้องการอธิบายคำสอนของบาบาบางอย่าง ตอนนี้เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขาไม่ได้บอกกล่าวครอบครัวของพวกเขาก่อนเป็นการล่วงหน้าเลย

ญาติ ๆ ส่วนมากคิดว่าเด็กหญิงเหล่านี้จะไม่ปรารถนาที่จะกลับมาอีกแล้ว  ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเหล่า ชัคตี พวกเขาตกตะลึง

มโนฮ่าอินทราจี  เป็นซิสเตอร์คนหนึ่งที่น้องสาวคนเล็กสุดเห็นเธอเป็นคนแรก ขณะที่เธอใกล้จะถึงบ้าน  น้องสาววิ่งเข้าไปข้างในบอกกับทุกคนในบ้าน  
"คนนั้นคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนนี้"  เธอตะโกนบอก  
"คนที่เคยไปอยู่โอมมันดาลี คนที่หนีไปกำลังมา"  
น้องสาวคนเล็กจำชื่อเธอไม่ได้  เพราะว่าขณะนั้นเธอเล็กเกินไปที่จะจดจำ เมื่อมโนฮ่าอินทราจากไป

ครอบครัวทั้งหมดไม่เชื่อ ทันใดนั้นทั้งบ้านก็เกิดความโกลาหล แม่ผู้ซึ่งมีชื่อว่า "ลักษมี"  ออกมาจากครัว เมื่อเธอได้ยินว่าใครผู้ที่กำลังเดินเข้ามา  เธอวิ่งออกไปเพื่อพบกับลูกสาวของเธอ สายใยแห่งความรักยังทำหน้าที่อย่างลึกยิ่ง

ทั้งคู่มาพบกันที่บันไดของระเบียง ตาของแม่เปิดกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอมีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะกอดลูกสาว ดึงเข้ามาไว้ในอ้อมอก แต่ก็ต้องระงับไว้  "ฉันยืนอยู่ในความสงบ"  มโนฮ่าย้อนระลึก  "อย่างน้อย 1 นาทีที่ผ่านไป น้ำตาก็ไหลรินมาจากตาทั้งคู่ของแม่ ฉันยังคงดำรงอยู่ในความสงบ"

"ท่านรู้ไหมว่าใครกำลังยืนอยู่ที่ประตูบ้านของท่าน"  มโนฮ่าถามลักษมี  "ท่านยังจำเราได้ใช่ไหม  เราเป็นพลังของชีว่า - ชีว่าชัคตี  ฉันได้กลายเป็นลูกสาวของบราห์มา  ฉันไม่ได้เป็นลูกสาวของท่านอีกต่อไป  แต่เราเป็นพี่น้อง เราทั้งคู่เป็นลูกของพระเจ้าสูงสุด"

"พระเจ้าได้ให้ข่าวสารนี้กับเราและให้เรานำมาบอกกับลูก ๆ คนอื่นของท่าน  ในช่วงเวลาสั้น ๆ ยุคเหล็กของโลกนี้จะถูกทำลาย  และการจัดระเบียบของสวรรค์ จะถูกก่อตั้้งขึ้น"

"ทุกวันนี้มนุษยชาติทนทุกข์ทรมาน  เพราะการกระทำที่เลวร้าย  และความคิดที่ไม่บริสุทธิ์  ณ เวลานี้เป็นเวลาที่จะหารายได้สำหรับการเกิดใหม่ในดินแดนของความสุข  โครงการทำความเพียรพยายามภายในเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ท่านจะเดินไปบนถนนที่นำท่านไปสู่สวรรค์หรือไม่???

แม่ของมโนฮ่าตกตะลึง ขณะนี้สมาชิกของครอบครัวที่เหลือทั้งหมดได้มายืนที่ปากประตูและรับฟังอยู่ด้วย  พวกเขาตกใจกลัวต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในบุตรสาวคนนี้ เธอได้กลับมาเยี่ยงโยคีนีเทวีแห่งความรู้  ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจทางดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่  ทั้งครอบครัวรู้สึกได้ถึงสัจจะที่อยู่ในคำพูด  ดวงวิญญาณที่หลับไหลได้ถูกปลุกขึ้นทันที

"จ๊ะ  เราจะมาในโลกแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน"  แม่ของเธอพูด น้ำตาแห่งความรักได้ไหลรินออกจากดวงตาทั้งคู่ของผู้เป็นแม่  "ลูกต้องพาแม่ไปกับลูก"

"แม่พาฉันเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ " มโนฮ่าย้อนระลึก  "เธอเดินไปข้างหน้า  ฉันเดินตามเธอไป แม่สังเกตกริยาในการเดินของฉันโดยหันกลับมามอง  แล้วเธอก็รู้สึกประหลาดใจ  เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีราชนิกูลมาที่บ้าน  เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อจะหาที่ให้ฉันนั่ง  เธอปูผ้าคลุมเตียงลง แล้วพูดว่านั่งที่นี่  และเธอก็เอาหมอนอิงมาวางบนเก้าอี้  แล้วพูดว่านั่งที่นี่ แต่ทุกครั้งเธอก็ไตร่ตรองว่าที่นั่งตรงนี้มันไม่ดีพอสำหรับลูกสาวของเธอ  แต่ฉันก็นั่งลงบนพื้น และเริ่มต้นแสดงตัวตนของฉันในรูปของดวงวิญญาณ"

"ภายใน 2-3 นาที  กลุ่มญาติ ๆ และผู้คนจากบ้านใกล้เรือนเคียงได้มาล้อมรอบตัวฉัน ฉันพูดกับพวกเขา 1 ชั่วโมง  ผลกระทบที่ล้ำลึกสามารถรู้สึกได้ สัจจะที่ล้ำลึกของบาบาสะท้อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของความเป็นมนุษย์ของพวกเขา  ในตอนสุดท้ายพวกเขากระตือรือร้นที่จะฟังมากขึ้น"

"ฉันอยู่กับพวกเขาหลายวัน  ช่วงเวลานั้นเพื่อนบ้านหลายคน  ญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ได้มาและฟังความรู้  บรรยากาศเป็นเช่นสัตสัง  พวกเขาถามคำถาม คำตอบที่พวกเขาได้รับก็ค่อย ๆ กระชับเข้ามารวมกัน  และฟังดูเป็นเหตุผลต่อพวกเขา ด้วยการฝึกโยคะ จิตใจของพวกเขากระจ่างชัดขึ้น ความคิดผิด ๆ ที่ผู้คนสร้างขึ้นเกี่ยวกับโอมมันดาลีก็สลายไป"

"มีหลายคนที่กลับมาเป็นการส่วนตัวที่จะศึกษาต่อไปให้ล้ำลึกในความรู้และการทำสมาธิ พวกเขาได้ประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยพลัง  ฉันรักษาสติปัญญาของฉันให้เชื่อมต่อกับพระเจ้าขณะที่พูดกับพวกเขา  และดังนั้นฉันก็ประสบความสำเร็จในการเปิดล็อคสำนึกของพวกเขา ฉันระมัดระวังเป็นอย่างมากต่อการกินเพียงผลไม้  และไม่ยอมรับเงินใด ๆ จากผู้ใดทั้งสิ้น

วันหนึ่งหลังจากที่พิจารณาความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวตัวเองอย่างลึกซึ้ง และคุณภาพของความรู้ แม่ของมโนฮ่าพูดว่า  "ฉันจะไปที่สถาบันกับเธอด้วย  ฉันจะไปดูอาศรมของเธอ และ ฟังความรู้จากบาบา และฉันหวังว่าจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์"

มโนฮ่ารู้สึกประหลาดใจและมีความสุข  นี่เป็นบุคคลเดิมที่เคยต่อต้านและไม่ยอมให้เธอไปสัตสังของบาบา  บัดนี้เธอตื่นเต้นที่จะมาร่วมกับกลุ่ม  มาฟังความรู้และเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่อยู่บนถนนแม่ของเธอแสดงความปรารถนา "ฉันได้ทำการกราบไหว้ร้องขอมาอย่างมาก แต่ฉันไม่ได้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตัวเอง  เธอจะช่วยฉันให้ได้รับนิมิตของพระเจ้าได้ไหม? ฉันได้ฟังมาว่าในสถาบันของเธอ  ผู้คนได้รับการเปิดเผยเช่นนี้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับประสบการณ์เช่นนี้ ฉันก็จะไม่สามารถที่จะมีศรัทธาและความเชื่อถือได้"

มโนฮ่าตอบว่า "ไม่มีดวงวิญญาณใดสามารถทำให้ท่านตระหนักรู้ในพระเจ้า  นอกจากตัวพระเจ้าเอง  ท่านเป็นผู้ประทานสติปัญญาที่สูงส่งเพียงผู้เดียว  ถ้ามันเป็นความปราถนาที่ท่านมีอยู่ ว่าสิ่งนั้นควรจะเกิดขึ้น  แล้วมันก็จะเกิดขึ้น  ถ้าท่านได้ทำการบูชาที่สูงเช่นนั้นในชาติก่อนมาแล้ว  หรือท่านได้มีการกระทำที่สูงส่ง  หรือถ้าธรรมชาติของท่านเป็นเช่นนั้น  แล่้วท่านก็จะได้รับนิมิตที่สูงส่งอย่างแน่นอน"

พวกเขามาถึงมหาวิทยาลัยของพระเจ้า และ 2 วันให้หลัง ลักษมีก็มีประสบการณ์ที่ล้ำลึกเกี่ยวกับการตระหนักรู้   ครูคนหนึ่งเป็นโยคีที่ยิ่งใหญ่ ชื่อ Dhyani  ได้สอนความรู้ทางดวงวิญญาณบทที่ 1 กับเธอจนจบ  "ท่านเป็นดวงวิญญาณที่เป็นอมตะ  และไม่สามารถทำลายได้  ท่านไม่ใช่ร่าง จงลืมร่างกายเนื้อนี้  มันเป็นเพราะว่าด้วยสำนึกของความเป็นร่างกายนี้เกิดขึ้น จิตใจที่ขึ้น ๆ ลง ๆ   ก็มีอำนาจเหนือท่าน   ถ้าท่านเพียงแต่ทิ้งนิสัยทางจิตใจของความไม่มั่นคงเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง ท่านก็จะได้ไปเกิดในยุคทอง  ด้วยการอธิบายเช่นนี้ Dhyani  ถามว่า "ร่างกายของท่านชื่ออะไร"

"ร่างกายของฉันชื่อ  ลักษมี"

"โอ้  ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นลักษมีที่แท้จริง  แต่ต่อมาเธอก็ลืมรูปที่แท้จริงของเธอ บัดนี้นั้น เป็นเวลาที่เธอจะต้องกลับมาเป็นลักษมีที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง จงตื่นขึ้น ณ บัดนี้  รู้จักตัวตนของเธอ และจงกลายเป็นลักษมีที่แท้จริง"

จากการได้ยินคำพูดที่เต็มในด้วยพลังอำนาจ  หญิงผู้นั้นมีประสบการณ์การไหลบ่าของพลังอำนาจที่ประหลาด เธอบรรลุถึงสภาพไร้ร่าง  ขณะที่นิ่งอยู่ในสภาพที่ปิติสุขนั้น  เธอได้รับการเปิดเผยที่สูงส่ง เป็นผลของการทำการกราบไหว้บูชาจากการเกิดเมื่อชาติก่อน

ลักษมีเห็นปราสาททองคำอยู่บนพื้นผิวของทะเล  มีท้องพระโรงที่รุ่งโรจน์อยู่ภายใน และที่นั่งอยู่ภายใน  และที่นั่งบนบัลลังก์กษัตริย์เป็นลักษมีและนารายัญ  ทั้งคู่มีความงามที่สามรถทำให้คนลุ่มหลง

ขณะที่เธอกำลังเล่าประสบการณ์ หลังจากนั้นแม่ของมโนฮ่าพูดว่า  "ความคิดของฉันบอกตัวเองว่า ฉันควรจะเข้าไปในท้องพระโรง  แต่ฉันไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเช่นนั้น เพราะฉันรู้สึกว่าฉันไม่บริสุทธิ์และไม่มั่นคง"

ขอบคุณสำหรับนิมิตนี้  เธอได้เพิ่มศรัทธาในคำสอนของบาบา หลังจาก 1 สัปดาห์ที่อยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยของพระเจ้ และเธอก็แสดงความในใจปราถนาที่จะอยู่ที่นั่นตลอดขั่วชีวิตของเธอ  บรรยากาศที่นี่เป็นบรรยากาศที่บริสุทธิ์อย่างวิจิตรบรรจงเป็นอย่างมาก  ฉันมีความสงบในจิตใจอย่างเหลือคณา แต่บาบาก็ไม่ได้อนุญาตให้เธออยู่นานกว่านั้น

มโนฮ่าไปพบบาบาแล้วถามว่า ทำไม  "ลูกถูกข่มขู่และถูกขับไล่ออกจากบ้าน"  บาบาตอบ "ถ้าไม่เช่นนั้น แล้วทำไมลูกถึงต้องจากมา  ลูกยังเด็กและต้องพึ่งพาพวกเขา ผู้คนเหล่านั้นไม่อนุญาตให้ลูกอาศัยอยู่อย่างที่ลูกต้องการ  และนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมลูกจึงต้องมาที่นี่ แต่แม่ของลูกนั้นแก่กว่า เธอมีบ้านของเธอเอง เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอชอบ  ดังนั้นบอกเธอว่าหลังจากกลับไปบ้าน เธอสามารถให้ความรู้กับผู้อื่น และทำบ้านให้เป็นอาศรม"

ได้ฟังคำอธิบายเช่นนี้ แม่ของเธอกลับบ้านพร้อมกับการตัดสินใจที่มุ่งมั่นว่าจะทำบ้านของเธอให้มีบรรยากาศที่สูงส่ง
เรื่องจริงเช่นนี้สามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวของลูกบาบาหลายๆ คน มันเป็นช่วงเวลาของการเปิดเผย  บาบาได้ให้นิมิตของท่านออกไปทั้งหมด
และดังนั้นสมาชิกของนักศึกษาของพระเจ้าได้เพิ่มขึ้น ๆ และสถานภาพภายในนั้นได้สูงขึ้น ๆ

อ่านต่อ  >>>  ตอนที่ 3 # 1

No comments:

Post a Comment