Monday, August 19, 2013

คุณธรรม - องอาจ(Bravery)



ชัคตีเป็นที่รู้จักกันว่าเขาคือผู้ที่ขี่อยู่บนปีศาจ นั่นคือเขาผู้ซึ่งขี่อยู่บนสันสการ์ปีศาจ และดังนั้นชัคตีทั้งหมดองอาจใช่หรือไม่ ? (Avyakt 10/01/94)
ลูก ๆ ผู้ซึ่งดำรงมั่นคงอยู่ในการทำงานรับใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน คือผู้องอาจ (Avyakt 10/04/96)

Wednesday, August 7, 2013

คุณธรรม - ผู้ให้คุณประโยชน์(Benefactor)


ทุกคนรู้ที่จะเข้ากันได้ดีกับผู้ที่ไปได้ดีกับเขา อย่างไรก็ตามจงเปลี่ยนผู้ซึ่งมีทัศนคติของการให้โทษด้วยทัศนคติของการนำมาซึ่งประโยชน์ของลูก นั้นคือให้อภัยพวกเขา ลูกอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขา แต่ลูกสามารถที่จะให้อภัยพวกเขา ทำได้ไหม ลูกเป็นนายแห่งมหาสมุทรแห่งการให้อภัย ใช่ไหมลูก การให้อภัยของลูกจะกลายเป็นคำสอนสำหรับดวงวิญญาณนั้น ทุกวันนี้ไม่มีใครยอมรับเมื่อลูกสอนเขาด้วยคำพูด ทำเช่นนี้แล้วมันจะกลายเป็นการสอนสำหรับพวกเขา การให้อภัยหมายถึงการให้พรของความปรารถนาดีกับพวกเขา นี่คือวิธีการของการให้คำสอน (Avyakt13/02/91)

กระแสของความปรารถนาดีของลูกทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและทัศนคติของเพชรพลอยของความกังวลอย่างง่ายดาย

ดังนั้น ลูกผู้เ็ป็นเพชรพลอย ดวงวิญญาณผู้ซึ่งปรารถนาดีต่อทุกคน ได้รับความรักอย่างสูงสุดจากโลก เมื่อใดที่พวกเขามามีการติดต่อ พวกเขาจะไ้ด้รับประสบการณ์ว่าไม่มีใครอื่นที่เห็นได้ในโลกนี้ที่มีความปรารถนาดีกับผู้อื่นเช่นนี้ การมีความคิดบริสุทธิ์เป็นพื้นฐานพิเศษที่จะกลายเป็นผู้ซึ่งมีความปราถนาดีต่อผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นผู้ซึ่งจบสิ้นความไร้สาระของผู้อื่น และก็จบสิ้นความคิดไร้สาระที่พวกเขามีกับผู้อื่นด้วย 

เมื่อมีความคิดบริสุทธิ์ ความกังวลก็จบสิ้นโดยอัตโนมัติ เพียงแต่การช่วยเหลือเหมือนกับฟางเส้นเดียวที่ทำให้หัวใจของผู้ที่กำลังจะจมน้ำมีความสุข มันให้ความหวังกับเขา เช่นเดียวกัน สภาวะของลูกที่มีความปรารถนาดีจะให้ประสบการณ์ของความหวังกับพวกเขา สภาวะของลูกจะให้ประสบการณ์ของการค้ำจุนกับพวกเขา (Avyakt10/11/87)

เวลานี้คือยุคแห่งการบรรจบพบกัน ถูกเรียกว่าเป็นยุคที่ให้ประโยชน์ นี่เป็นยุคที่ให้ประโยชน์และลูกดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่ให้คุณประโยชน์ ดังนั้น ลูกจดจำตัวลูกเองด้วยความเคารพตนเองของการเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์หรือไม่ ภาระกิจสำคัญ ณ ยุคแห่งการบรรจบพบกันเป็นการนำเสนอคุณประโยชน์ สิ่งแรกจะต้องมีประโยชน์สำหรับตัวเอง และพร้อมกันนั้นก็มีประโยชน์สำหรับผู้อื่น ดังนั้นลูกมีประสบการณ์ในตัวลูกเองถึงพลังอำนาจที่นำมาซึ่งประโยชน์หรือไม่ ลูกไม่ได้ถูกกระทบโดยอิทธิพลของบรรยากาศใช่ไหม บรรยากาศภายในโลกเป็นบรรยากาศที่สร้างอันตรายและการสูญเสีย ขณะที่บรรยากาศของลูกเป็นการนำมาซึ่งประโยชน์ ดังนั้น บรรยากาศที่เป็นอันตรายและการสูญเสียมีพลังอำนาจมากกว่า หรือบรรยากาศของการนำมาซึ่งประโยชน์มีพลังอำนาจมากกว่า ดังนั้น บรรยากาศของผู้อื่นไม่สามารถจะมีอิทธิพลกับลูก เขาเป็นผู้อ่อนแอ ขณะที่ลูกเต็มไปด้วยพลัง ผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจได้รับชัยชนะเหนือผู้ที่อ่อนแอ ผู้ที่อ่อนแอจะไม่มีชัยชนะเหนือผู้ที่ทรงพลังอำนาจ ไม่สำคัญว่าบรรยากาศมันจะไม่บริสุทธิ์เท่าใด ลูกเป็นเพื่อนของพ่อผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจเฉียบขาด ทีใดมีพระเจ้าก็มีชัยชนะ ดังนั้นลูกคือผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ ลูกได้ประกาศท้าทายว่าลูกเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก เป็นยุคแห่งการให้ประโยชน์ ลูกดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ และพ่อก็เป็นผู้ให้คุณประโยชน์ด้วย ดังนั้น จึงมีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก ลูกมีพลังอำนาจของเวลา ลูกมีพลังอำนาจของตัวลูกเอง และลูกก็มีพลังอำนาจของพ่อด้วย ดังนั้น เพียงแต่จดจำว่า สำหรับชาวโลกมันเป็นเวลาของอันตรายและการสูญเสีย ขณะที่สำหรับลูก มันเป็นเวลาของการให้ประโยชน์ ชาวโลกสามารถเห็นเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้น แต่สำหรับลูกแล้วพร้อมกับการทำลายล้าง ลูกก็จะมีการก่อตั้งอยู่ตรงหน้าของลูก จงมีความคิดที่สูงส่งปรากฏขึ้นคงอยู่ในหัวใจเสมอ ๆ ว่า การก่อตั้งนั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นจงจดจำตัวเองและเวลาอย่างสม่ำเสมอ ตัวเองเป็นผู้ให้ประโยชน์ และเวลาก็ให้ประโยชน์เช่นกัน ด้วยการตระหนักรู้นี้ ลูกก็จะอยู่อย่างผู้พิชิตมายาและธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ มันไม่ควรที่จะเป็นการขึ้น ๆ ลง ๆ แม้แต่น้อย ลูกควรจะเป็นผู้ที่ไม่สามารถจะถูกเขย่า ไม่โยกคลอน และมั่นคง ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกขึ้น ๆ ลง ๆ จากศรัทธานี้ (Avyakt 02/12/96 กลุ่ม6)

มีประโยชน์ไม่ว่าที่ใดที่มีการรับใช้อย่างที่เป็นกลุ่ม เมื่อลูกทำไป ขณะที่เห็นสันสการ์ของคนอื่นด้วยสายตาที่เมตตาและไม่เก็บสันสการ์ของพวกเขาไว้ตรงหน้าลูก (Avyakt 09/12/75)

ลูกทั้งหมดมีประสบการณ์ว่าตัวลูกเองเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก เป็นลูกของพ่อผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกหรือไม่ อะไรเป็นความพิเศษของดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก ดวงวิญญาณผู้นำมาซึ่งประโยชน์ต่อโลกทั้งหมด จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยสมบัติทั้งหมด ดังนั้น ลูกมีสมบัติทั้งหมดอย่างมากล้นหรือไม่ ลูกมีสมบัติมากเท่าไร ลูกมีสมบัติมากมายใช่หรือไม่ มีเพียงแต่ดวงวิญญาณผู้มีสมบัติทั้งหมดอย่างเหลือล้นเท่านั้นที่จะสามารถที่จะให้สมบัติกับผู้อื่นได้ ถ้าลูกมีสมบัติของความรู้ ควรจะเป็นความรู้ที่สมบูรณ์ เพียงแต่เมื่อไม่มีอะไรขาดไปเลย ลูกจึงจะถูกเรียกว่าผู้เปี่ยมล้น ดวงวิญญาณที่ให้คุณประโยชน์ต่อโลก จะคงอยู่อย่างไม่ว่างเว้นในงานรับใช้ทุก ๆ ขณะสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของพวกเขา ในคำพูดของพวกเขา ในการกระทำของพวกเขา หรือ ในการติดต่อและสัมพันธ์ของพวกเขา (Avyakt18/02/94 กลุ่ม1)
  

Tuesday, August 6, 2013

คุณธรรม - การปรับตัว(Adaptability)


อะไรคือภาพลักษณ์ของสภาวะสมบูรณ์พร้อมแห่งยุคบรรจบพบกัน อะไรคือความพิเศษของร่างแสง สิ่งหนึ่งคือความเบาสบายอย่างเต็มเปี่ยม เพราะว่าความเบาสบายนั้น พวกเขาสามารถปรับสภาพของพวกเขาไปตามสภาวะแวดล้อม ผู้ซึ่งมีความหนักหน่วงไม่สามารถปรับตัวพวกเขาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใด ๆ ได้ ดังนั้นความพิเศษหลักของร่างแสงก็คือ พวกเขาสามารถคงอยู่ในความเบาสบายในทุก ๆ รูปแบบ พวกเขาเบาสบายในความคิด เบาสบายในคำพูด เบาสบายในการกระทำ และเบาสบายในความสัมพันธ์ ถ้ามีความเบาสบายในสี่ประเด็นนี้แล้ว นั่นก็คือสภาวะของร่างแสง ดังนั้นจงตรวจสอบดูว่ามีความเบาสบายในระดับใดในสี่ประเด็นนี้ ผู้ซึ่งเบาสบายจะสามารถรู้สันสการ์ของดวงวิญญาณใดก็ตามใน 1 วินาที พวกเขาสามารถที่จะตัดสินใจใน 1 วินาทีเกี่ยวกับสถานการณ์อะไรก็ตามจะมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา นี่เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นร่างแสง เมื่อคุณธรรมทั้งหมดนี้สามารถเห็นได้ในทางปฏิบัติของลูก แล้วก็จะเข้าใจว่าสภาวะที่สมบูรณ์พร้อมของลูกอยู่เบื้องหน้า (Avyakt 25/12/69)
การหลอมตัวเองหมายถึงการกลายเป็นทองแท้ การหลอมผู้อื่นหมายถึงเป็นทองผสม(Avyakt01/02/80)

นิสัยของลูกควรจะเป็นเช่นว่า ลูกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนต่อทุกสิ่ง พลังของการปรับเปลี่ยนจะทำให้ลูกเป็นผู้พิชิตสม่ำเสมอ ลูกเห็นพ่อบราห์มา : กับเด็ก ๆ ท่านจะกลายเป็นเด็กและปรับเปลี่ยนตัวท่าน ท่านจะกลายเป็นผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่และปรับเปลี่ยนตัวท่าน ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตที่ขาดแคลนหรือชีวิตที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ลูกควรที่จะสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวลูกกับทั้งสองสิ่งด้วยความสุข ไม่ใช่หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน ลูกไม่มีความสุขที่นี่ 
แต่แทนที่จะมีประสบการณ์ของความสุข ลูกเริ่มคิดเกี่ยวกับมันเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น มันเกิดขึ้นได้อย่างไร" ผู้ซึ่งคิดมากจะต้องใช้เวลาที่จะมีประสบการณ์ของความพอใจของการปรับเปลี่ยนตัวเอง ตรวจสอบตัวลูกเอง : ไม่ว่าสถานการณ์อะไรจะเป็นอะไร ไม่ว่ามันจะดีหรือมันทำให้ลูก ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวลูกเองทุก ๆ ขณะ กับทุก ๆ สถานการณ์หรือไม่ 
ลูกต่างชาติชอบที่จะอยู่ตามลำพัง และพวกเขาก็ชอบที่จะมีเพื่อนเป็นอย่างมากด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าลูกจะอยู่โดยมีบางคนเป็นเพื่อนหรืออยู่คนเดียว ชีวิตบราห์มินมันสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทั้งสองกรณี มันไม่ควรจะเป็นว่าในการชุมนุมลูกรู้สึกหนักหัวและพูดว่า "ไม่ ฉันชอบที่จะอยู่ตามลำพัง ฉันไม่ชอบความวุ่นวายนี้ ฉันต้องการอยู่คนเดียว" 
จิตใจสามารถที่จะอยู่ตามลำพัง นั่นคือจากการมองออกไปภายนอกเพียงแต่กลับเข้ามาภายใน แค่นี้ก็คือการสันโดษ บางคนพูดว่าเขาต้องการห้องเป็นการส่วนตัว เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับใคร ๆ ได้ แม้แต่ถ้าลูกได้รับห้องสำหรับตัวเองและนอนหลับด้วยความพอใจ และแม้แต่ถ้าลูกจะต้องนอนในห้องเดิมกับอีก 10 คน ก็จงหลับด้วยความพอใจ แล้วลูกต่างชาติสามารถที่จะนอนกับคนอื่นอีก 10 คนในห้องเดียวกันหรือไม่ มักยากไหม ลูกนอนได้ไหม (ฮา จี) อัชชา ปีหน้า 20 คนจะถูกรวมอยู่ในห้องเดียวกัน

เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อมีแม้แต่เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ถูกรบกวน นี่ถูกเรียกว่าสภาวะที่เปราะบาง ธรรมชาติที่เปราะบาง ดังนั้นลูกไม่ควรที่จะมีธรรมชาติที่เปราะบาง ลูกควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตัวลูกเองตามกาลเวลา 
การฝึกฝนนี้จะเป็นประโยชน์กับลูกอย่างมากในเวลาสุดท้าย เพราะว่าสถานการณ์จะไม่คงที่เหมือนเดิม ๆ และกระดาษสอบสุดท้ายของลูกจะเกิดขึ้น ระหว่างเวลาที่เปราะบางเป็นอย่างมาก มันจะไม่เกิดขึ้นระหว่างเวลาที่สุขสบาย มันจะเกิดขึ้นระหว่างเวลาที่คับขัน ถึงขั้นที่ว่าลูกต้องมีพลังอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองบัดนี้ ถึงขั้นที่ว่าลูกจะสามารถผ่านไปอย่างมีเกียรติ 
กระดาษข้อสอบจะไม่ใช้เวลานาน มันจะใช้เวลาที่สั้นมาก แต่ลูกจำต้องทำข้อสอบในสภาวะที่คับขัน ซึ่งมันจะเป็นไปทั้งสี่ทิศ ดังนั้นทำตัวลูกเองให้ทรงพลังอำนาจในลักษณะนิสัยของตัวลูกเองด้วย "ฉันจะสามารถทำอะไรได้หรือ ลักษณะของฉันเป็นอย่างนี้ นิสัยของฉันเป็นอย่างนี้" มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ นี่ที่รู้กันว่าเป็นลักษณะที่อ่อนแอ (Avyakt26/02/95)

แม้แต่ถ้าวัตถุธาตุทั้งห้า หรือแม้แต่ดวงวิญญาณหลายดวงต่อต้าน พวกเขาจะต่อต้านลูก แต่เพราะลูกมีศรัทธาที่มั่นคง ลูกจะสามารถเผชิญกับการต่อต้านของพวกเขา ด้วยอำนาจของการปรับตัว (Avyakt31/12/96)

ผู้ซึ่งมีลักษณะที่ง่าย ๆ สามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปหลายรูป ลูกสามารถทำสิ่งที่อ่อนนิ่มเป็นรูปร่างใดก็ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าลูกจะกลายเป็นทอง บัดนี้ลูกจะต้องหลอมทองนั้นในไฟ เพื่อว่ามันจะสามารถทำเป็นรูปได้ เพราะความอ่อนแอในสิ่งนี้ ก็ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในงานรับใช้ 
ลูกได้มายัง บัทติ (Bhatti - การร่วมทำสมาธิอย่างเข้มข้น) เพื่อที่จะเรียนรู้ เพื่อเปลี่ยนรูปตัวลูกเอง พลังที่จะขึ้นรูปใหม่เป็นสิ่งหนึ่ง และอีกสิ่งหนึ่งคืออำนาจที่จะหยุด เวลามากเท่าไรที่ลูกควรจะใช้ในการเปลี่ยนรูปใหม่ให้ตัวลูกเอง ถึงแม้ว่าลูกรู้ว่าจะเปลี่ยนรูปใหม่อย่างไร 
บางครั้งลูกก็ใช้เวลานาน ลูกจะต้องมีความคิดเช่นนี้ว่าลูกไม่ได้ใช้เวลานาน ขณะที่ลูกมีความคิด มันควรจะได้รับรูปในทางปฏิบัติได้ ลูกจะต้องทำรูปให้ปรากฏ Bhatti ในสภาวะเช่นนี้ แต่ละความคิดและคำพูดของลูกก็จะปรากฏในทางปฏิบัติ (Avyakt06/12/69)

ผู้ซึ่งมีสติปัญญาที่ละเอียดอ่อน สามารถจะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองในทุก ๆ สถานการณ์ พวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองไปตามสถานการณ์ พวกเขาจะมีความกล้าหาญในการจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง พวกเขาไม่เคยสับสน แต่พวกเขาจะเจาะลึกเข้าไปในสถานการณ์อะไรก็ตาม และเคลื่อนไหวไปตามความเหมาะสม เพียงแต่เมื่อลูกเบาสบาย ลูกจึงจะสามารถเปลี่ยนรูปตัวลูกเอง 

มีเพียงบางสิ่งเมื่อมันร้อนและอ่อนที่มันสามารถจะเปลี่ยนรูปได้ ถ้าอันใดอันหนึ่งขาดหายไปมันก็จะไม่เปลี่ยนรูป ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ถ้ามันถูกทำให้ร้อนและถูกทำให้อ่อน มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนรูปได้ อะไรเป็นความร้อนและความอ่อน ณ ที่นี้ ความอ่อนคือความถ่อมตน และความร้อนเป็นรูปของพลังอำนาจ ความถ่อมตนหมายถึงรูปของความรัก ผู้ซึ่งมีความรักให้กับทุก ๆ ดวงวิญญาณจะสามารถคงอยู่ในความถ่อมตน ถ้าไม่มีความรัก พวกเขาก็จะไม่สามารถกลายเป็นผู้ที่มีความเมตตา หรือไม่สามารถที่จะเป็นผู้ที่ถ่อมตน นี่เองที่ทำไมถึงต้องมีความถ่อมตนและรูปของพลังอำนาจ 

นั่นคือไปถึงขีดที่ลูกมีความถ่อมตน ควรจะมีความรู้สึกของการเป็นนาย ควรจะเป็นความรู้สึกของการเป็นนายนในรูปของพลังอำนาจ และในความถ่อมตน ควรจะมีคุณธรรมของงานรับใช้ ควรจะเป็นงานรับใช้และความรู้สึกของการเป็นนายด้วย ลูกควรจะเป็นผู้รับใช้และมีความซาบซึ้งของการเป็นนายของโลกด้วย เมื่อลูกมีทั้งสองสิ่งนี้ คือความอ่อนและความร้อน ลูกจะสามารถเปลี่ยนรูปตัวลูกเองในทุก ๆ กรณี ลูกทุกคนจะต้องตรวจสอบว่า สติปัญญานั้นมีสมดุลเสมอกับความร้อนและความอ่อน บางครั้งความถ่อมตนจนเกินไปเป็นสาเหตุของความเสียหาย และบางครั้งความรู้สึกเป็นนายเกินขอบเขตก็ก่อให้เกิดความเสียหาย นี่เองที่ทำไมจึงควรมีความสมดุลของทั้งสอง มันจะมีความยิ่งใหญ่อย่างมาก เมื่อมีความเท่าเทียมกัน (Avyakt20/12/69)

สร้างแบบพิมพ์สำหรับอนาคตอันสูงส่งในดวงวิญญาณผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัว นี่เป็นการให้บริการระดับทองคำสำหรับการเฉลิมฉลอง 50 ปี จงมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นทองคำแท้ ด้วยการทำรูปตัวลูกเองให้เหมาะสมกับทุก ๆ งาน (Avyakt30/12/85)

พลังอำนาจพิเศษอะไรที่ลูกต้องการที่จะทำให้การชุมนุมของลูกเต็มไปด้วยพลังอำนาจและการเป็นหนึ่ง โดยที่ความคิดไร้ประโยชน์ทั้งหมดจะจบสิ้น สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องการศรัทธาและพลังอำนาจของการปรับตัว สายใยที่เชื่อมการชุมนุมคือความศรัทธา แม้แต่ถ้าใครบางคนได้ทำบางสิ่งไม่ถูกต้อง อะไรก็ตามที่เขาทำตามสันสการ์ของเขา และ ณ เวลานั้นมีความสำคัญสำหรับการชุมนุม มีประโยชน์ไม่ว่าที่ไหนมีการทำงานรับใช้ที่เป็นกลุ่ม เมื่อลูกกำลังทำงานในขณะที่เห็นสันสการ์ของคนอื่นด้วยการมองที่เต็มไปด้วยความเมตตา และไม่เก็บสันสการ์ของพวกเขาไว้เบื้องหน้าลูก เพียงแต่เมื่อการชุมนุมมีความศรัทธาเช่นนี้ในกันและกัน จึงจะสามารถมีความสำเร็จ ลูกไม่ควรจะมีความคิดไร้สาระล่วงหน้า 

บางดวงวิญญาณแม้แต่จะสามารถตระหนักรู้ถึงความผิดของตัวเขาเอง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่กระจายความผิดนั้นไปสู่ผู้อื่น แต่พวกเขาก็จะหลอมละลายมันไปในตัวเขา ถ้าผู้อื่นจะกระจายเรื่องราวของความผิดนั้นของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ชอบมัน ในทำนองเดียวกันลูกควรจะคิดว่า ความผิดของผู้อื่นเป็นของลูกเอง และไม่ถ่ายทอดมันไปยังผู้อื่น ลูกไม่ควรจะสร้างความคิดไร้ประโยชน์ แต่ควรปรับเข้ากับความผิดของพวกเขาแทน ควรจะมีศรัทธามากเช่นนั้นในกันและกัน ลูกควรจะสามารถทำให้ทุกสิ่งถูกต้องด้วยอำนาจของความรัก ด้วยการมีศรัทธาทั้งสองชนิดนี้ ลูกควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับกันและกัน เพียงเท่านี้ก็จะมีความสำเร็จในการชุมนุม สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องการอำนาจในการปรับเปลี่ยนในระดับที่มากกว่า ลูกจะต้องสลายความคิดที่ไร้ประโยชน์ จะต้องไม่เปรียบเทียบสันสการ์ในอดีตกับของปัจจุบัน นั่นคืออย่าทำให้อดีตเป็นปัจจุบันของลูก 

นั่นคือเมื่อลูกปนปัจจุบันกับอดีต ลูกก็จะสร้างแถวยาวของความคิดไร้ค่า และนานเท่านานที่มีแถวยาวของความคิดไร้ค่านี้ มันก็จะไม่มีความมั่นคงของสภาวะเป็นหนึ่งภายในการชุมนุม การที่คิดว่าความผิดของคนอื่นเป็นของตัวลูกคือการเพิ่มพลังอำนาจให้กับชุมนุม นี่มันจะเกิดขึ้นเมื่อลูกมีศรัทธาในกันและกัน ศรัทธาที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและการนำมาซึ่งประโยชน์ เหมือนอย่างเช่นความสำเร็จของดวงวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่จดจำ เช่นเดียวกันทุก ๆ คนภายในการชุมนุมของลูกควรจะมีความคิดเดียวกัน เพราะว่ามันไม่มีพลังอำนาจของการรวมความคิดในรูปแบบของการสะสมทุก ๆ ความเสียหาย 

เพียงแต่เพราะพลังอำนาจได้เสียหายไปอย่างไร้ค่า เช่นเดียวกันผลก็จะไม่ดี และดังนั้น ลูกต้องการพลังของการปรับตัวอย่างแน่นอน อะไรก็ตามที่ลูกเห็นหรือได้ยิน ละลายมันทิ้งอย่างสิ้นเชิง ภายในตัวลูกเอง และแล้วจงมีสายตาที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณและความรู้สึกให้คุณประโยชน์ สำหรับผู้ซึ่งไม่มีความรู้ ลูกพูดว่าลูกจะต้องยกระดับผู้ซึ่งประฌามลูก  เช่นกันภายในการชุมนุมลูกจะต้องมีความเมตตาต่อกันและกัน ณ เวลาปัจจุบันลูกมีความเมตตาไม่มาก  และการฝึกฝนเป็นสภาวะของสำนึกว่าเป็นดวงวิญญาณก็ขาดหายไป

เมื่อความรู้นั้นสูงส่งมากและลูกก็มีสภาวะที่เต็มไปด้วยอำนาจ ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ลูกจะต้องไม่ใช้พลังอำนาจไปต่อต้านภายในชุมนุมของบราห์มิน ลูกจะต้องใช้พลังอำนาจไปต่อต้าน เมื่ออยู่ตรงหน้ามายา เมื่อลูกใช้พลังอำนานจไปต่อต้านภายในครอบครัว การชุมนุมจะไม่กลายเป็นชุมนุมที่ทรงพลังอำนาจ แม้ว่าถ้าลูกไม่ชอบบางสิ่ง ลูกก็ควรที่จะมีความเคารพซึ่งกันและกัน ลูกไม่ควรที่จะหยุดความคิดหรือคำพูดของใครบางคน ณ เวลานั้น ดังนั้น บัดนี้ลูกต้องซึมซับพลังอำนาจของการปรับตัว (Avyakt 09/12/75)


Monday, August 5, 2013

คุณธรรม - ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)


ถ้ามีความสำเร็จสำหรับตัวเองแต่ไม่มีสำหรับผู้อื่น นั่นไม่ใช่การรับใช้ที่ถูกต้องแม่นยำ ถ้าผู้อื่นประสบความสำเร็จ แต่ตนเองไม่ได้รับความสำเร็จมันก็ไม่ใช่การรับใช้ที่ถูกต้องแม่นยำด้วยเช่นกัน (Avyakt 08/04/92)

จิตใจ สติปัญญา หัวใจ และร่างกาย สี่สิ่งนี้ควรจะอยู่พร้อมกับพ่อในสภาวะที่ทัดเทียมกับพ่อ นี่เป็นความอุตสาหะทางดวงวิญญาณที่ถูกต้องแม่นยำ (Avyakt 22/03/90)

คุณธรรมของความบริสุทธิ์นำมาซึ่งความคิด คำพูด การกระทำ และความฝันที่ถูกต้องแม่นยำโดยอัตโนมัติ อะไรคือความหมายของความถูกต้องแม่นยำ สิ่งแรกความถูกต้องแม่นยำ หมายถึง ยุคตี-ยุทธ (Yukti-Yukt การใช้ยุทธวิธีที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง) สิ่งที่สอง ความถูกต้องแม่นยำหมายถึง มันจะมีนัยสำคัญในทุก ๆ ความคิด นัยสำคัญของความถูกต้อง มันจะไม่เป็นโดยปราศจากนัยสำคัญ คำพูดจะไม่พูดหรือจะไม่ปรากฏออกมา อย่างเช่น "ทำไปอย่างนั้นเอง มันเพียงแต่เกิดขึ้น" ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์เช่นนี้จะมีความถูกต้องแม่นยำอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ การกระทำ นั่นคือทุก ๆ การกระทำของตารางเวลาประจำวัน ดวงวิญญาณเต็มไปด้วยความรู้ ดังนั้นทุกการกระทำตามตารางเวลาประจำวันนั้นได้รับการบูชา มีการให้นิมิตจากการกระทำที่มีผลโดยตรงของพวกเขาทั้งหมด ตั้งแต่เวลาที่พวกเขาตื่นขึ้น ไปจนถึงเวลาที่พวกเขาเข้านอน ถ้าการกระทำไม่ได้แสดงอย่างถูกต้องแม่นยำ หรืออย่างสม่ำเสมอตามตารางเวลา การบูชาของพวกเขาก็จะไม่สม่ำเสมอด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำตามตารางเวลาของการตื่นขึ้น ณ อมฤตเวลาในเวลาที่ถูกต้องแม่นยำ และแล้วผู้ที่บูชาเขาก็จะไม่สม่ำเสมอในการบูชากราบไหว้เขาอย่างถูกต้องแม่นยำ ผู้บูชากราบไหว้จะไม่ตื่นขึ้นมากราบไหว้พวกเขาให้ตรงเวลาด้วยเช่นกัน พวกเขาจะบูชาเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาอยากจะทำ หรือถ้าดวงวิญญาณไม่ได้มีประสบการณ์ในสภาวะของการตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ ถ้าพวกเขานั่งอยู่ในโยคะอย่างท้อแท้สิ้นหวัง บางครั้งเกียจคร้าน บางครั้งตื่นตัว และแล้วผู้บูชากราบไหว้ก็จะบูชาเขาด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง หรือด้วยความเกียจคร้าน จะไม่ถูกต้องแม่นยำในวิธีการ ด้วยวิธีนี้ มันมีอิทธิพลกับทุก ๆ การกระทำของตารางเวลาที่จะกลายเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การบูชา ลูกเข้าใจไหม ไม่ก้าวหน้าไปในหนทางที่ถูกต้องแม่นยำหรือไม่สม่ำเสมอในการทำตามตารางเวลา ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นร่องรอยของความไม่บริสุทธิ์เพราะว่าความเกียจคร้านเป็นกิเลส เป็นเช่นการขาดความระมัดระวัง การกระทำที่ไม่ถูกต้องแม่นยำเป็นกิเลส ดังนั้นเป็นร่องรอยของความไม่บริสุทธิ์ใช่หรือไม่ ด้วยเหตุผลนี้ สถานภาพของการเป็นผู้มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาก็เป็นไปตามลำดับ ดังนั้น อะไรคือรากฐานความบริสุทธิ์ (Avyakt 17/10/87)

เมื่อลูกได้มีการติดต่อกับใครบางคน ถ้าลูกไม่ได้แยกแยะความรู้สึกและอารมณ์ของพวกเขาหรือถ้าหลังจากแยกแยะ ลูกไม่ได้ทำการตัดสินใจอย่างถูกต้องแม่นยำ แล้วลูกก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จในงานใด ๆ ลูกจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้คน แล้วลูกก็ต้องเอาชนะสถานการณ์ด้วย ทั้งสองสิ่งนี้จะต้องเผชิญในชีวิต

นานเท่าไรที่มีการสะสมความสำเร็จ และชัดเจนแค่ไหนที่รายละเอียดของวิธีการที่ใช้ได้ถูกสะสมไว้ในวิธีที่ถูกต้องแม่นยำ พื้นฐานของวิธีการของลูกคือทัศนคติที่สูงส่ง ถ้าทัศนคติของลูกสูงส่ง วิธีการของลูกก็ถูกต้องแม่นยำ ถ้าวิธีการถูกต้องแม่นยำผลก็คือความสำเร็จ และดังนั้นเมล็ดของวิธีการและความสำเร็จคือทัศนคติ (Avyakt 06/12/87)

ไม่มีสิ่งใดถูกต้องแม่นยำในคัมภีร์ใด ๆ เพียงเมื่อพ่อได้มาเท่านั้น ท่านจึงสามารถให้ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำแก่ลูก (Sakar 18/04/96)

ความศรัทธาที่ถูกต้องแม่นยำคือ บัดนี้ฉันได้กลายเป็นของพ่อดวงวิญญาณสูงสุด และฉันจดจำได้ ยอมรับ และทำตาม ให้สำนึกว่าฉันเองเป็นดวงวิญญาณ และรู้จักพ่ออย่างที่ท่านเป็น นี่คือศรัทธาที่ถูกต้องแม่นยำ (Avyakt 04/12/95)

Monday, July 29, 2013

ละครนั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม


นี่คืองบดุลของบัญชีที่สวยงามมากในหมู่ดวงวิญญาณในละคร บนพื้นฐานของกรรมของพวกเขาและผลของมัน บนพื้นฐานของความเพียรและโชคของมัน ละครนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
เกมนั้นประกอบด้วยความสุขและความทุกข์ แต่บัญชีของความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นมีพื้นฐานอยู่บนกรรมของเขาเอง เขาเข้าใจความยุติธรรมของละครเมื่อเขาเข้าใจความล้ำลึกของกฏและหลักการของกรรม

-กฏแห่งกรรมและผลของมัน ความสุขและความทุกข์ใช้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างทัดเทียมกัน

-ทุก ๆ ดวงวิญญาณประสบกับความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาของเขาและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นความทุกข์ ในตอนจบทุก ๆ คนจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท (ความสุข - ความทุกข์ = 0) และแล้วก็กลับบ้าน

-ละครนั้นเป็นเกมของชัยชนะและความพ่ายแพ้และยุคบรรจบพบกันเป็นเวลาของชัยชนะสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ แต่ทุก ๆ ดวงวิญญาณเข้าไปสู่ยุคบรรจบพบกันในเวลาของเขาเอง ตามบทบาทของเขาในละคร บัดนี้เป็นเวลาสำหรับชัยชนะของพวกเรา ดังนั้นการสนุกสนานเพลิดเพลินกับชัยชนะ ณ เวลาแห่งชัยชนะนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาด

-ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ นั่นคือในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง เราจะดูละครด้วยความรู้สึกและทัศนคติที่เป็นกลาง เราสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงได้ในความสุขและความทุกข์ ชัยชนะและพ่ายแพ้ คำสรรเสริญและคำประฌาม ความเคารพหรือการสบประมาท ในขณะที่อยู่ในสำนึกที่เป็นร่าง เราจะไม่สามารถอยู่อย่างละวางได้ และดังนั้นเราก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโดดเด่นและความตกต่ำของละครและโซ่นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนจบ

-แต่ละดวงวิญญาณเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและมีสิทธิ์ในมรดกของพ่อ ทั้งหมดได้รับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตตามบทบาทของพวกเขา

-ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความรู้เกี่ยวกับละครและดังนั้นทั้งหมดจึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts) และเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts) ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อการบรรลุผลของความรู้ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับบทบาทของพวกเขาในละคร (Every one has an equal right to the attainment of knowledge independent of their part in the drama)

-การมีความรู้เกี่ยวกับละคร เราสามารถรู้ถึงบทบาทของทุกดวงวิญญาณและดังนั้นจึงรักษาความสมดุลของความรู้สึกที่มีต่อทุกคนและการให้คุณประโยชน์ต่อโลกก็แฝงอยู่ในนั้น

- ในละครทางโลกถ้าพระราชาได้รับบทบาทให้แสดงเป็นคนจน เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนจนหรือ? และถ้าคนจนได้เล่นบทเป็นพระราชา เขาจะรู้สึกว่าเขาเองเป็นพระราชาหรือ? คำสรรเสริญจะมีให้แก่ผู้ที่แสดงบทบาทของเขาไ้ด้อย่างถูกต้อง (ตามบทที่เขียนไว้และตามการกำกับของผู้กำกับละครนั้น) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทของการเป็นพระราชาหรือเป็นคนจน และในละครคนจนบางคนสามารถเล่นบทเป็นคนรวยและคนรวยบางคนอาจจะเล่นบทเป็นคนยากจน แต่เบื้องหลังฉากของละครนี้เราืทั้งหมดเป็นนักแสดง เป็นลูกรักของพ่อสูงสุด ลูก ๆ ทุกคนรักพ่อของพวกเขาและพ่อก็รักลูก ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน

-เราจะรู้สึกถึงความยุติธรรมและความสนุกสนานของละครก็ต่อเมื่อเราเป็นผู้ละวางจากร่างและโลกทางร่างได้ 100% แต่สำหรับสิ่งนั้นความบริสุทธิ์ 100% เป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ 100% และเล่นบทบาทของท่าน ท่านมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณตลอดกาลเพราะว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ตลอดกาล (ท่านคงอยู่อย่างละวางจากร่างของบราห์มาและจากความเจ็บป่วยและความทุกข์ของดาดี้กูลซาร์ด้วยเช่นกัน) เราควรจะทำความเพียรเพื่อที่จะอยู่อย่างละวางเช่นเดียวกัน ทุกดวงวิญญาณต้องทำความเพียรของตนเองและละครจะช่วยให้ดวงวิญญาณทำความเพียรด้วยเช่นกัน

-ไม่ว่าบทบาทของใครจะเป็นอะไร ดวงวิญญาณก็รักบทบาทนั้นและถูกดึงโดยบทบาทนั้นและมีความสุขในการเล่นบทนั้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งความสงบเป็นระยะเวลาอันยาวนานในขณะที่ละครดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะต้องการความสงบและก็จะทำความเพียรเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของยุคทองจะต้องการการหลุดพ้นในชีวิตและจะทำความเพียรเพื่อให้ได้รับสิ่งนั้น

-ความสนใจของนักแสดงทุกคนควรจะอยู่ที่บทบาทของตนเอง ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคตหรือความสนใจของเขาถูกดึงไปยังบทบาทของดวงวิญญาณอื่น เขาก็ทำให้บทบาทของเขาเสีย เขาจะต้องสนใจต่อการบรรลุผลของเขาเองเพื่อที่จะได้รับประโยชน์

-ถ้าเราดูฉากที่แตกต่างของละครด้วยความสนใจในบางสิ่งบางอย่างเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่า แม้ว่าดวงวิญญาณอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจากร่างไป นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาต้องการที่จะเล่นบทนั้นมากกว่าถึงแม้ว่าเขาอาจจะยากจนหรือเจ็บป่วย

-ในละครทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้วและจะซ้ำรอยในเวลาของมันเอง กฏแห่งกรรม ความเพียรและโชคของมัน ใช้ได้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
"ไม่มีใครสามารถถูกปลดปล่อยออกไปจากการเล่นบทบาทของเขาได้ ทุกคนจะต้องมาตามละคร เขาจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์ในปริมาณที่เท่ากัน" SM 21/09/98 revised

ทุก ๆ เหตุการณ์ของละครนั้นยุติธรรมและให้ประโยชน์ ในผู้ที่ไม่มีความรู้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคลและไม่ให้คุณประโยชน์ ละครนั้นทำขึ้นมาอย่างถูกต้องแม่นยำและมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่มีชีิวิตเล่นบทบาทของพวกเขาเองซ้ำรอยเดิม ณ เวลาของพวกเขา และตามเวลาสิ่งที่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่มีชีวิต อย่างเป็นอัตโนมัติ แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลของกรรมของเขาโดยธรรมชาติในเวลาที่ถูกต้อง
แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลตามกรรมและตามความเพียรอย่างแน่นอน
ทุกดวงวิญญาณได้ชาติเกิดตามธรรมชาติและสันสการ์ของเขา
การลืมเป็นพื้นฐานสำคัญในละครนี้ มันสร้างความรู้สึกว่าทุกฉากนั้นใหม่และน่าสนใจ มีกลไกหลัก 5 ประการที่ทำให้เขาลืมคือ
1. การลืมเพราะเวลาที่ผ่านไป
2. การลืมหลังการนอนหลับ
3. การลืมหลังความตาย
4. การลืมผ่านโยคะ
5. เมื่อวงจรสิ้นสุดลงดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลับบ้านพวกเขาลืมทุก ๆ สิ่งอย่างสิ้นเชิง

วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของการลืมสามารถเห็นได้จากการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในบางกรณีของความผิดปกติทางจิตใจ การลืมเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างสามารถให้ความรู้สึกสดชื่นและพอใจแก่ดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยรู้สึกว่าผู้ใดทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าประสบกับการสูญเสียมันเป็นเพราะว่าเราเองนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

"แม้แต่ความทุกข์ทรมานของกรรมก็สามารถเห็นได้ว่ามีประโยชน์เพราะว่ามันชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และสะสางบัญชีกรรมและก็ทำให้ดวงวิญญาณเบาสบาย อย่าได้รู้สึกประหลาดใจในละคร บ้านถูกสร้างขึ้นมาและจะพังทลายไปอีกครั้งและมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น จงเข้าใจในละครนี้" SM 01/04/72

"ถ้าลูกจำไว้ว่า "wah drama wah" "วา ละคร วา" ลูกจะมีความสุขอยู่เสมอและผ่านลูก งานรับใช้มากมายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" ABD 01/01/79

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละคร มีประโยชน์ รายได้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางคือตำแหน่งของการได้รับคำสรรเสริญ แล้วความเศร้าโศกของลูกจะจบสิ้นลง ลูกจะเศร้าโศกได้อย่างไรในเมื่อลูกนั้นเป็นตรีกาลดาร์ชิ เป็นลูก ๆ ของพ่อที่เต็มไปด้วยความรู้ ABD 07/03/81

อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดีมาก อะไรที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดีกว่าและอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นดีที่สุด ผู้ที่ไม่เข้าใจละครจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่มันเป็นหลักการที่แสนหวานเป็นอย่างมากของละคร ความทุกข์นั้นเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ของความสุข ในละครนี้มีบทที่สำคัญเท่าเทียมกันสำหรับความทุกข์และความสุข จงตระหนักรู้ในความจริงนี้และทำให้ผู้อื่นตระหนักรู้ถึงความสุขนี้

สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

1. มีสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ
2. สภาวะของการเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ
3. มีดริสตี (สายตา) ที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
4. เป็นผู้ที่ปราศจากความกลัวและเป็นอิสระจากความเกลียดชัง
5. มีดริสตี (สายตา) และทัศนคติที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
6. เป็นผู้ที่เบิกบานแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ
7. ประสบกับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
8. มีความสมดุลในการสูญเสียและได้ประโยชน์ คำสรรเสริญและการประฌาม
9. มีโยคยุทธ (มีโยคะที่ถูกต้อง)อย่างสม่ำเสมอ
10.เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ

Sweetness Around

Thought for the day

To speak from the heart
 means to spread 
sweetness around.
When speaking to others we usually speak from our head, or intellect. Words spoken from the head rarely touch the hearts of others. This means they don't create any impact and are soon forgotten. The solution lies in touching the hearts of others when we speak or do that and to speak with our heart as well as our head and fill words with love. When we communicate with others and our words spread sweetness around.

Sunday, July 28, 2013

ความเข้าใจความรู้เรื่องละคร



ทุก ๆ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่ไม่มีวันสูญสลายของตนเองและได้รับผลตามกรรมนั้น ๆ และเราต้องดูละคร ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและทำให้การกระทำของเราสูงส่ง อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอะไรก็ตามที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ด้วยการรู้สิ่งนี้ ดวงวิญญาณก็สามารถคงอยู่อย่างมีความสุขและจะไม่มีที่เหลือให้กับความทุกข์ ความไม่สงบ ความโกรธ ความกลัว ความริษยาและความวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้คือกิเลสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความไม่รู้
ความบริสุทธิ์คือชีวิต ความบริสุทธิ์หมายถึงสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ เมื่อมีความบริสุทธิ์ ก็มีการถือพรหมจรรย์อย่างเป็นธรรมชาติ และลูกก็จะได้รับสิ่งที่สำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ต้องการ 
ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์จะมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ สภาวะของเขาจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักความปรารถนาทั้งหมด เขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดวงวิญญาณทั้งหมด ในเวลาที่ถูกต้องเขาจะมีความคิดที่ถูกต้องอย่างเป็นอัตโนมัติในการที่จะทำสิ่งใด และดังนั้นเขาจะไม่เคยมีความคิดที่ไร้ประโยชน์

หน้าที่ของพวกเราคือการทำความเพียรที่จะคงอยู่ในสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ และเราไม่มีความคาดหวังใด ๆ เกี่ยวกับฉากของละคร เราเข้าใจว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว หน้าที่ของเราคือคงอยู่อย่างปราศจากความกลัวและปราศจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ ปราศจากกิเลสและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

การคงอยู่ในความสุขในขณะที่เป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและอยู่ในการเป็นเพื่อนของพ่อสูงสุดคือหน้าที่ที่สูงส่งที่สุดในชีวิตของการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้

เนื่องจากนี่คือละครและไม่มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นของฉัน จึงไม่มีเหตุผลที่แท้จริงที่จะมีความผูกพันยึดติด มีความเป็น "ฉัน" และความเป็น"ของฉัน" มีความโกรธ มีความเกลียดชัง หรือมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ คงอยู่ในสภาวะดั้งเดิม(เป็นดวงวิญญาณ)ของลูก เป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์และประสบกับความสงบสูงสุด

ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่สูงส่งอันแสนมหัศจรรย์ ละครนี้ไม่ใช่สติรู้ผิดรู้ชอบ(Conscient) แต่หลักการและกฏของมันนั้นเต็มไปด้วยความจริงที่ยุติธรรมและให้ประโยชน์ และกฏและหลักการนั้นกำลังทำงาน ไม่ว่าเราจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม เช่นที่ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นยุติธรรม ให้ประโยชน์ และมีความรู้สึกที่เท่าเทียมกันต่อดวงวิญญาณทั้งหมด ในทำนองเดียวกันละครก็ยุติธรรม ให้ประโยชน์ และปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นดี ความลับของละครนี้สามารถเข้าใจได้ในยุคบรรจบพบกันเท่านั้น