ความรู้พื้นฐาน
ในตอนแรกเราได้วิเคราห์เกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องธรรมชาติของดวงวิญญาณ ต่อไปนี้เราจะพิจารณาเกี่ยวกับธรรมชาติของดวงวิญญาณสูงสุดคือ พระเจ้า มนุษย์มีความอยากอย่างเป็นธรรมชาติ ที่จะรู้จักพระเจ้า เมื่อใดก็ตามที่มีความทุกข์โศก มนุษย์ก็จะมีสัญชาตญาณของการคิดถึงพระเจ้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักรูปและคุณลักษณะของพระเจ้าอย่างถูกต้อง ในความเป็นจริง พระเจ้าอยู่เหนือการรับรู้ของอวัยวะสัมผัส แต่จะสามารถรู้ได้โดยผ่านกระบวนการของสติปัญญาที่ละเอียดอ่อนเท่านั้น สำหรับผู้ที่ปรารถนาที่จะเรียน ราชโยคะ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจถึงธรรมชาติที่ถูกต้องอย่างแท้จริงเกี่ยวกับ ชื่อที่สูงส่ง, รูป, ที่อยู่, พฤติกรรมและความสัมพันธ์ของพระเจ้าที่มีกับดวงวิญญาณทั้งหลาย
พระเจ้าเดียว...แต่มีหลายแนวคิด
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าพระเจ้ามีเพียงหนึ่ง แต่ก็ยังมีความเชื่อมากมายที่ยังขัดแย้งกันอยู่ เกี่ยวกับรูปและธรรมชาติของพระเจ้า
ส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่ปรากฏอยู่คือ ธรรมชาติคือพระเจ้า, หรือกฤษณะ, ศรีราม, พระคริสต์ และคนอื่นๆ คือพระเจ้า เป็นพระเจ้าที่มาเกิด และ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เป็นพระเจ้า, พระเจ้าและดวงวิญญาณแต่ละดวงรวมกันเป็นหนึ่ง "บราห์ม" คือพระเจ้า, พระเจ้าไม่มีรูป, สิ่งสร้างทั้งหมดเป็นรูปอันหลากหลายของพระเจ้า, ที่อยู่ของพระเจ้านั้นอยู่ในสวรรค์, พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฯลฯ
ความจริงก็คือ ความหลากหลายอย่างมากมายของความคิดเกี่ยวกับพระเจ้านี้เป็นสาเหตุของความสับสนและทำให้ผู้คนทั้งหลายคิดว่าพระเจ้าเป็นสิ่งสร้าง ซึ่งเกิดจากจินตนาการของมนุษย์เอง และดังนั้น...พวกเขาจึงสงสัยว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือ !!
ความรู้เป็นสาระสำคัญสำหรับการคิดถึง
ความเป็นจริงก็คือ มีแนวคิดที่แตกแยกหลายอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า แสดงว่ามนุษย์ไม่ได้มีความรู้ที่ถูกต้องเลยเกี่ยวกับพระเจ้า นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งด้วยว่า ทำไมผู้คนทั้งหมดที่คิดถึง บูชาหรือกราบไหว้้พระเจ้าโดยทั่วไปต่างพูดว่า พวกเขาไม่สามารถเพ่งรวมความคิดของพวกเขาไปยังพระเจ้าได้
ตัวอย่างอาจจะทำให้เห็นภาพที่ชัดเจน หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่หมั้นไม่สามารถคิดถึงผู้ที่จะมาเป็นสามีของเธอได้ เพราะว่าเธอไม่สามารถสร้างความคิดใด ๆ เกี่ยวกับหน้าตา ชื่อ ที่อยู่และอาชีพ ฯลฯ ของฝ่ายชายได้ อย่างไรก็ตาม...... หลังจากที่มีการหมั้น เธอก็สามารถคิดถึงคู่หมั้นของเธอได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าลักษณะของเขานั้นเธอได้เห็นและรู้จักแล้ว
เช่นเดียวกัน..... โยคะหรือการคิดถึงพระเจ้า จะได้ผลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อผู้ที่ปราถนาที่จะเรียนรู้ ได้รับความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้าแล้วเท่านั้น
พระเจ้ามีเพียงหนึ่ง แนวคิดที่แท้จริงของพระเจ้าก็สามารถมีเพียงหนึ่งเดียว
เป็นเพราะการไม่มีความรู้ที่แท้จริงเำีกี่ยวกับพระเจ้านั้นเอง ดังนั้นความศรัทธาที่เบี่ยงเบนจึงได้ปรากฏขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติที่แท้จริงของพระเจ้่าจะสามารถเปิดเผยโดยพระเจ้าเองเท่านั้น เมื่อท่านลงมาใช้ร่างของมนุษย์ในโลก ไม่มีมนุษย์ใดสามารถเล่นบทบาทการเปิดเผยที่สูงส่งนี้ได้ ในหัวข้อต่อไปจะให้ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า ตามที่ท่านเปิดเผยตัวท่านเองโดยผ่านเครื่องมือที่เป็นร่างมนุษย์ของท่านประชาปิตาบราห์มา คำถามจะถูกหยิบยกขึ้นมาว่า พระเจ้าได้เปิดเผยความรู้นี้อย่างไร ? ประเด็นดังกกล่าวนี้จะได้อธิบายต่อไป
รูปและชื่อที่สูงส่ง
พระเจ้าเปิดเผยว่า "ฉันคือผู้ที่ไร้ร่าง" (NIRAKAR)
ผู้คนมากมายเข้าใจผิดต่อคำว่า "นิรกา" (Nirakar) โดยตีความหมายว่าท่านไม่มีรูป แต่ในความเป็นเจริง สิ่งใดก็ตามที่มีอยู่จะต้องมีรูป คุณลักษณะหรือคุณภาพนั้นไม่มีรูปได้ แต่แก่นซึ่งเป็นแหล่งที่มีคุณลักษณะหรือคุณภาพนี้... ไม่มีรูปไม่ได้ ! อย่างไรก็ตามรูปนั้นอาจจะละเอียดได้ ตัวอย่างเช่น กลิ่นหอมไม่มีรูป แต่ดอกไม้หรือวัีตถุใด ๆ ก็ตามซึ่งส่งกลิ่นนั้นฟุ้งออกมาจะต้องมีรูปใดรูปหนึ่ง
คุณลักษณะของพระเจ้า เช่น ความรัก ความสงบ ความปิติ และความรู้ ไม่มีรูป หากแต่ พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของและุเป็นแหล่งกำเนิดของคุณสมบัติทั้งหมดเหล่านั้นจะต้องมีรูป ถ้าพระเจ้าไม่มีรูป ราชโยคะ ก็จะสูญเสียความหมายทั้งหมดไป เพราะว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการคิดถึงสิ่งซึ่งไม่มีรูป มิฉะนั้นผู้บูชากราบไหว้ก็คงจะไม่สวดอ้อนวอนต่อท่านเพื่อให้ท่านประทานนิมิต (DARSHAN) เป็นรูปของท่านแก่พวกเขา
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าซึ่งปราศจากร่าง แต่ไม่ปราศจากรูป ซึ่งหมายความว่าท่านต้องมีรูป
รูปของพระเจ้านั้นละเอียดที่สุด
พระเจ้ามีรูปอย่างแน่นอน รูปของท่านแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากรูปละเอียดและรูปที่เป็นร่างใด ๆ อย่างที่เรารู้จักกันว่า NIRAKAR (ปราศจากร่าง) เป็นคำที่เกี่ยวข้องกัน พระเจ้าปราศจากร่างในการเปรียบเทียบกับวัตถุสิ่งของซึ่งมีรูปหยาบและละเอียด NIRAKAR หมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ปราศจากตัวตน ที่ซึ่งไม่มีสสารใด ๆ คงอยู่ มีเพียงดวงวิญญาณอาศัยอยู่ พระเจ้าเป็นดวงวิญญาณสูงสุด (พารามอาตมา) แม้แต่ดวงวิญญาณมนุษย์ทั้งหลายก็ปราศจากร่าง (NIRAKAR) อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าดวงวิญญาณไม่มีรูป
ดวงวิญญาณของมนุษย์แต่ละดวงมีแก่นของตนเองซึ่งเป็นอมตะและไม่สามารถทำลายได้ ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยการยกตัวอย่าง สมมุติว่าอุบัติเหตุที่รุนแรงเกิดขึ้น มีคนตายหลายคนในเวลาเดียวกัน แต่ละคนก็ออกจากร่างไปเกิดใหม่ตามสันสการ์ของแต่ละบุคคล.... แต่ละดวงวิญญาณได้มีการรักษารูปและแก่นสาระที่พิเศษของตนเองไว้
ที่ว่าดวงวิญญาณเป็นจุดของแสงและพลังที่ส่องประกาย ดวงวิญญาณสูงสุดก็เป็นเช่นเดียวกัน รูปนี้ละเอียดที่สุด สามารถเห็นได้โดยการได้รับนิมิตที่สูงส่งเท่านั้น ซึ่งรูปของพระเจ้าปรากฏเป็นจุดของแสงที่ส่งประกายสีแดงทองรูปไข่วงรีรอบ ๆ ตัวท่าน เมื่อเปลวไฟได้ถูกจุดขึ้น มันก็จะเกิดเป็นรูปไข่ รูปของพระเจ้าและรัศมีก็เป็นเหมือนเช่นเปลวไฟรูปไข่ "ชีว่า-ลิงก้า (Shiva Linga)
ในวัดที่ประเทศอินเดียก็มีสัญลักษณ์รูปไข่วงรีของดวงวิญญาณสูงสุด คำว่า LINGA หมายถึงสัญลักษณ์ ในวัดชีว่าหลาย ๆ แห่งมีหินรูปไข่อันเล็ก ๆ มากมายถูกวางไว้ข้าง ๆ ชีว่าลิงก้า หินเหล่านี้เรียกว่า ซาลิเเกรม ซึ่งเป็นตัวแ่ทนของดวงวิญญาณต่าง ๆ
ในความเป็นจริง ไม่มีความแตกต่างในขนาดของดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด ทั้งสองเป็นจุดแห่งแสงมีความแตกต่างในความเข้มของแสงและพลังเท่านั้น เหมือนอย่างเช่น รูปปั้นสักการะของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ โดยทั่วไปมักจะมีขนาดใหญ่ ชีวา ลิงก้า ก็เป็นรูปของพระเจ้าที่มีการขยายให้ใหญ่ด้วยจุดประสงค์ของการบูชาเคารพรูปไข่ขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นการง่ายต่อการจำสำหรับผู้บูชากราบไหว้่ เพราะมันจะเป็นการยากที่จะบูชาจุดซึ่งเล็กมาก ความแตกต่างที่เด่นชัดอันหนึ่งของดวงวิญญาณสูงสุดกับดวงวิญญาณ็อื่น ๆ ก็คือ ท่านไม่เคยเข้าไปสู่วงจรของการเกิดและการตาย ผลที่ตามมาคือ ท่านไม่เคยตกอยู่ภายใต้การหลอกลวงการตกต่ำหรือการเลื่อมถอยลง
ชื่อของพระเจ้าที่เป็นอมตะ
ชื่อของพระเจ้านั้นมีความพิเศษกล่าวคือ เมื่อดวงวิญญาณมนุษย์ดวงหนึ่งลงมารับร่าง มันเป็นร่างนั้นที่มีชื่อแ่ต่ไม่ใช่ดวงวิญญาณ ชื่อของร่างมนุษย์ที่ดวงวิญญาณลงมารับนั้น เปลี่ยนไปชาติแล้วชาติเล่า ดวงวิญญาณสูงสุดไม่เคยเกิดเหมือนดวงวิญญาณมนุษย์ ท่านไม่มีร่างเป็นของท่านเองและไม่มีชื่อของร่างด้วย ชื่อของพระเจ้าเป็นอมตะ ชื่อที่ได้มาสืบเนื่องจากคุณสมบัติและการกระทำที่สูงส่งของท่าน ผู้คนคิดถึงท่านและตั้งชื่อท่านจากคุณสมบัีติที่แตกต่างไป ตามภาษาที่แตกต่างกัน ซึ่ง พระเจ้าได้เปิดเผยชื่อของท่าเองว่า ท่านชื่อ ชีว่า (SHIVA) ชีว่า หมายถึงผู้ให้คุณประโยชน์ พระเจ้าถูกเรียกว่า ชีว่า เพราะว่าท่านเป็นผู้ให้คุณประโยชน์กับดวงวิญญาณทั้งหมด ประทานความสงบและความปิติแก่พวกเขา ชื่อ ชีว่า อ้างอิงถึงพระเจ้าผู้ปราศจากร่าง ไม่ใช่ ชางก้า (Shankar) ผู้ซึ่งเป็นเทพละเอียดและเป็นสัญลักษณ์ของภาะกิจของการทำลายล้างโลกเก่า
จาก หนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK. เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ
No comments:
Post a Comment