Wednesday, April 24, 2013

สถานที่อยู่ของดวงวิญญาณ

สถานที่อยู่ของดวงวิญญาณในร่างกาย



ดวงวิญญาณนั้นเป็นจุดของแสงและพลังอำนาจที่ละเอียดอ่อนมาก ที่อาศัยอยู่ในกึ่งกลางของกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว บางคัมภีร์อธิบายว่ามันเป็นเช่นดวงดาวซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ที่ส่องแสงอยู่กึ่งกลางหน้าผาก เพื่อเป็นการเตือนถึงความจริงนี้ ประเพณีของการแต้มจุดสีแดง เรียกว่า "ตีลัค" (Tilak) หรือ "บินดิ" (Bindi) ที่จุดพิเศษเฉพาะบนหน้าผากก็พบเห็นได้โดยทั่วไปของคนอินเดีย






จะสังเกตพบว่า อวัยวะสำคัญของร่างกายที่ซึ่งดวงวิญญาณใช้ปฏิบัติงาน เช่น สมอง ลูกตา หู จมูก ปาก ทั้งหมดตั้งอยู่ใกล้กับที่นั่งของดวงวิญญาณและแสดงให้ปรากฏถึงความเป็นลักษณะเฉพาะคนโดยผ่านใบหน้าของเขา ไม่มีคนสองคนที่มีหน้าเหมือนกันอย่างแท้จริง เนื่องจากดวงวิญญาณของพวกเขามีสันสการ์ที่แตกต่างกัน คนบางกลุ่มคิดว่าที่อยู่ของดวงวิญญาณนั้นอยู่ที่หัวใจ นี่เป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งได้หยั่งรากลึกเนื่องจากความไม่รู้เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหัวใจและจิตใจ 

เป็นเพราะว่าคำว่า "หัวใจ" นำมาใช้ในความหมายใกล้เคียงกันกับคำว่า "จิตใจ" แต่ทว่าใช้อย่างผิด ๆ เหมือนวลีที่ว่า "ความกรุณา" คือ "หัวใจที่สูงส่ง... หัวใจทองคำ" "คุณภาพของสติปัญญาและหัวใจ" ฯลฯ ที่ได้ใช้กันมา ตามความเป็นจริงคุณลักษณะ  เช่น ความกรุณา ความสูงส่ง ฯลฯ นั้นเป็นคุณลักษณะของดวงวิญญาณ ซึ่งสะท้อนออกมาโดยผ่านกระบวนการของความคิดและกระบวนการของสติปัญญา(การตัดสิน)

ดังนั้น การคิดว่าหัวใจเป็นที่ตั้งอยู่ของคุณลักษณะเช่นนี้เป็นความเข้าใจผิด หัวใจเป็นเพียงอวัยวะทางร่างกาย ซึ่งควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย การหายใจจะหยุดเมื่อหัวใจหยุดทำงาน การหายใจเป็นเพียงกระบวนการทางสรีระศาสตร์ที่เป็นอัตโนมัติ เพื่อรับเอาออกซิเจน ซึ่งจำเป็นสำหรับการหล่อเลี้ยงร่างกายตราบเท่าที่ดวงวิญญาณยังอาศัยอยู่ภายใน ดังนั้น การหายใจไม่ได้ดำรงความเป็นชีวิตด้วยตัวของมันเอง แต่เป็นเพียงกระบวนการหล่อเลี้ยงชีิวิต

ดวงวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่มีร่าง ไม่สามารถเห็นด้วยตาของกายเนื้อ แต่สามารถรับรู้ได้ด้วยดวงตาที่สูงส่ง (เรียกว่า "ดวงตาที่สาม" เป็นความรู้) ในการเข้า "ฌาน" ในสภาวะของ ราชโยคะ



สถานที่อยู่ดั้งเดิม



 

โลกวิญญาณ
โลกวิญญาณ เป็นที่อยู่ที่แท้จริงซึ่งดวงวิญญาณจากมา เพื่อลงมาเล่นบทบาทในบทของตนในโลกที่มีตัวตน เรียกว่า "ปรโลก" หรือ "พารามธรรม" (ที่อยู่อาศัยสูงสุด) ถูกเรียกว่า โลกที่ปราศจากร่าง หรือ โลกวิญญาณ ด้วย เป็นอาณาเขตสูงสุด ตั้งอยู่ไกลโพ้นที่ปราศจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ในความเป็นจริงไกลพ้นไปจากทุกสิ่ง ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาแม้จะมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ ช่วย 

ในโลกวิญญาณนี้เอง ที่ดวงวิญญาณทั้งหมดอาศัยอยู่ก่อนที่จะจากมาเล่นบทบาทในละครบนโลกของพวกเขา ซึ่งเมื่อมีใครตายก็มักจะพูดกันว่าไปสู่ปรโลก จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ความจริงว่า "ปรโลก" หรือ "พารามธรรม" เป็นที่อยู่อาศัยของดวงวิญญาณทั้งหมด 

พารามธรรม คือที่ทีแผ่ซ่านไปด้วยธาตุที่หก ซึ่งเป็นแสงไม่มีชีวิตละเอียดอ่อนเป็นสีแดงทองเลือดนก ซึ่งมีประกายเจิดจ้าและถูกเรียกว่า "บราห์ม" ด้วยเหตุนี้เองจึงถูกเรียกว่า "บราห์มโลก" (โลกที่มีธาตุ "บราห์ม") ธาตุ "บราห์ม" นั้นแตกต่างจาก "บราห์มา" และก็แตกต่างจากพระเจ้าด้วย 

ดวงวิญญาณที่อยู่ในโลกวิญญาณถูกกำหนดแบ่งแยกไว้เป็นกลุ่มอย่างดีและลงมายังโลกตามลำดับอย่างแน่นอนและมีระเบียบ ที่จุดสูงสุดของโครงสร้างของกลุ่มดวงวิญญาณ คือ ดวงวิญญาณสูงสุด ตัวท่านเองคือพระเจ้าผู้เป้นพ่อ ผู้ซึ่งรู้จักกันในชื่อหลากหลาย เช่น ขีว่า ยะโฮวา อัลล่าห์ และ อื่น ๆ ชื่อของที่อยู่ที่แท้จริงของดวงวิญญาณ คือ ปรโลก หรือ โลกวิญญาณ นั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามันคือบ้านของดวงวิญญาณทั้งหมดด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นคงจะไม่ถูกเรียกว่า โลก โลกหนึ่งด้วย

ในพารามธรรมนั้นไม่มีสสารวัตถุที่หยาบ เมื่อไม่มีสสารก็ไม่มีการกระทำใด ๆ ทุกชนิด ดวงวิญญาณอยู่ในสภาวะนิ่งสงบอยู่ชั่วคราว หรือ สภาพที่พักผ่อนอยู่ ความปิติ ความสุข และอารมณ์อื่น ๆ ก็ไม่ปรากฏอยู่เช่นกัน ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าอะไรก็ตาม เป็นที่รู้จักกันในบามของ "โลกแห่งความเงียบ" ด้วยเช่นกัน (สันติธรรม) ณ ที่นี่ ดวงวิญญาณอยู่ในสภาวะของ "มุคตี" สภาวะของการปลดปล่อยในเป็นอิสระ หรือ เรียกว่า "สภาวะหลุดพ้น" หรือ "กู้ให้กลับคืนมาให้ดีเช่นเดิม" ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า "มุคตีธรรม" (โลกของการหลุดพ้น) ด้วย

ดวงวิญญาณของมนุษย์ทุกดวงอยู่ในสภาวะของความสงบและปลดปล่อยให้เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ในบ้านเกิดดั้งเดิมของตน คือ พารามธรรม และนี่เองที่ดวงวิญญาณมนุษย์ทุก ๆ ดวงบนโลกที่มีตัวตนนี้ ปราถนาจะได้ความสงบซึ่งเป็นคุณสมบัติดั้งเดิมของตน






อาณาเขตละเอียดอ่อน (Subtle World)
ใต้พารามธรรมนั้นคือ โลกละเอียดอ่อน ที่ซึ่งมีเทพละเอียดทั้งสาม คือ บรา์ห์มา วิษณุ และชางก้า อาศัยอยู่ในอาณาเขตละเอียดอ่อนของตน เทพเหล่านี้ไม่มีร่างที่เป็นกายเนื้อเหมือนพวกเราแต่เป็นกายละเอียด ร่างที่มีแสงสว่างหรือกายทิพย์ โลกนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นโลกแห่งการเคลื่อนไหว ณ ที่นี่เทพที่มีร่างละเอียดมีการกระทำและสนทนาโดยไม่ได้ใช้เสียงเหมือนกับนักแสดงที่แสดงในภาพยนต์ใบ้ มีเพียงแต่การเคลื่อนไหวไม่มีเสียง โลกนี้สามารถเห็นได้ด้วยดวงตาที่สามเท่านั้น

โลกวัตถุ
ส่วนล่างสุดของภาพจะแสดงให้เห็นโลกที่มีตัวตนของมนุษย์ ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ โลกที่เป็น สนามของการกระทำ (Karma Kshetra) ที่ซึ่งดวงวิญญาณใช้ร่างที่เป็นวัตถุธาตุของกระดูกและเลือดเนื้อเป็นเครื่องมือเพื่อเล่นบทบาทของตน ในโลกนี้มีทั้งการเคลื่อนไหวและการใช้เสียง มันถูกเรียกว่า โลกแห่งคำพูด ชีวิตที่ดวงวิญญาณใช้ในโลกนี้ จะสุขหรือทุกข์ขึ้นอยู่กับการกระทำในอดีตและการกระทำในปัจจุบัน หลักการคือ ท่านปลูกอะไร ท่านก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น จะใช้เป็นกฏในโลกนี้ ที่นี่ดวงวิญญาณมีประสบการณ์ของความสุขและความทุกข์ ความพอใจ และความเจ็บปวดโดยผ่านร่างกายที่เป็นวัตถุธาตุนี้


สามโลก กล่าวคือ โลกวัตถุ อาณาเขตละเอียดอ่อนและ โลกที่ปราศจากร่าง (เราอาจเรียกสามโลกนี้ว่า Talkie Movie และ Silent ตามลำดับ) รวมทั้งหมดก่อตั้งเป็นจักรวาล หรือ ตรีโลก



จาก หนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK. เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ





No comments:

Post a Comment