Tuesday, April 23, 2013

การทำงานของดวงวิญญาณ





ดวงวิญญาณมีระบบการทำงานเรียกว่า จิตใจ สติปัญญา และ สันสการ์(แนวโน้มหรือรอยประทับหรือพลังที่ซ่อนเร้น) ปัจจุบันมนุษย์ไม่ใส่ใจที่จะรู้ถึงความแตกต่างระหว่างจิตใจและวัตถุ ดังนั้นในการตอบคำถามว่า "จิตใจคืออะไร" (What is mind??)  เขาตอบทันทีว่า "มันมีความสำคัญอะไรนักหรือ?" (What does it matter??) และเมื่อมีการถามว่า "อะไรสำคัญ" (What is matter??) ก็มีคำตอบสั้น ๆ ว่า "ไม่เป็นไร" (Never mind) เขาแทบไม่รู้เลยว่าทัศนคติทั้งหมดต่อชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่ถูกต้องของสองสิ่งที่มีผลต่อกันนั่นคือ จิตใจ และ วัตถุ (Mind & Matter)

องค์ประกอบและหน้าที่ของดวงวิญญาณ
"จิตใจ" เป็นขบวนการของดวงวิญญาณที่ทำหน้าที่คิด จิตใจนั่นเองที่คนใช้ในการสร้างภาพ คิด และสร้างสรรค์ความคิด ความคิดทั้งหมดเกิดขึ้นในจิตใจ กระบวนการความคิดมีพื้นฐานอยู่บนความปรารถนา แรงกระตุ้น และ ความรู้สึกทั้งหมด ความเร็วของจิตใจเร็วที่สุดจนไม่มีอะไรเทียบได้ มันสามารถไปถึงทุกแห่งหนได้ในทุก ๆ เวลา... เพียงแต่คิด (หรือเรียกว่าการโลดแล่นท่องไปในจินตนาการ) ก็สามารถจะพาคน ๆ หนึ่ง กลับไปยังอดีตที่นานแสนนาน หรือ สถานที่ที่ไกลที่สุดโดยไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย....





ความคิดเป็นพลังที่ละเอียดอ่อน ความคิดอยู่เหนือเครื่องกีดขวางของเวลาและระยะทาง ไม่ถึงหนึ่งวินาทีจิตใจก็สามารถไปยังอดีตหรือนาคต รับความรู้สึกนั้นอีกครั้งหนึ่งและรับประสบการณ์เหมือนที่เคยมี ณ ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุขตามแต่กรณีที่เคยเป็น เพียงแต่เขานั่งอยู่ในห้อง มนุษย์สามารถคิดถึงดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสงที่มันจะเดินทางจากดวงอาทิตย์มาถึงเขาได้ จิตใจนั้นแตกต่างจากหัวใจ ซึ่งเป็นอวัยวะของร่างกาย ซึ่งหล่อเลี้ยงให้เลือดเกิดการหมุนเวียน จิตใจไม่ใช่อวัยวะทางกายแต่เป็นหน่วยงานของดวงวิญญาณ

"สติปัญญา" เป็นขบวนการซึ่งแสดงเหตุผลและการแยกแยะของดวงวิญญาณ.... มันรับรู้ เ้ข้าใจ แสดงเหตุผล แยกแยะและตัดสิน สติปัญญานั้นจะต้องทำความเข้าใจว่ามันแตกต่างจากมันสมองซึ่งเป็นอวัยวะของร่างกาย มันสมองเป็นตัวเชื่อมของประสาททั้งหมดและรับใช้ในฐานะที่เป็นแผงควบคุมของดวงวิญญาณที่จะเป็นตัวนำในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย....สติปัญญาไม่ใช่อวัยวะของร่างกาย แต่เป็นขบวนการตัดสินของดวงวิญญาณ

"สันสการ์" เป็นขบวนการรับรอยประทับที่การกระทำนั้นได้เสร็จสิ้นไปแล้วและทิ้งรอยไว้บนดวงวิญญาณ มันสร้างแนวโน้ม อารมณ์ ความรู้สึก ลักษณะเฉพาะบุคคล นิสัย ความคิดของดวงวิญญาณขึ้นอยู่กับสันสการ์ สันสการ์เป็นตัวกำหนดลักษณะความเป็นบุคคลของแต่ละคนทั้งหมดไว้ด้วย

จิตใจ สติปัญญา และ สันสการ์ ไม่ได้แยกห่างจากดวงวิญญาณ
กระบวนการทั้ง 3 ของดวงวิญญาณมีชื่อว่า จิตใจ สติปัญญา และสันสการ์ ไม่ได้แยกจากดวงวิญญาณ นี่เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมของดวงวิญญาณ เป็นมรดกและพลังอำนาจที่กระทำการ ซึ่งทำให้มันมีชีวิตและกลายเป็นสิ่งที่มีความนึกคิด แตกต่างจากสสาร ซึ่งไม่มีความนึกคิด การทำงานของความปราถนา การพิจารณา การตัดสินและการมีประสบการณ์ไม่สามารถทำได้โดยธาตุธรรมชาติที่ไม่มีความรู้สึกซึ่งประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างกายมนุษย์

ดังนั้น ความคิดและสติปัญญา ซึ่งแสดงการทำงานนี้ ไม่ใช่อวัยวะของร่างกาย ความคิดและการเข้าใจว่า "ฉันเป็นดวงวิญญาณ" ก็แสดงด้วยความคิดและสติปัญญา นั่นคือ พลังอำนาจของความคิด ความเข้าใจหรือประสบการณ์ เป็นบทบาทที่สมบูรณ์ทั้งหมดของดวงวิญญาณ ถ้าทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุ มันก็ไม่สามารถที่จะคิดว่า "ฉันเป็นดวงวิญญาณ" สันสการ์นั้นจะถูกนำไปพร้อมกับดวงวิญญาณ จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง

ตามความเป็นจริง ดวงวิญญาณได้รับสถานภาพในชาติใหม่ที่เกิดจากผลที่ทำไว้ในชาติเกิดที่แล้วมา นี่เป็นเครื่องแสดงว่าสันสการ์ก็ไม่ใช่วัตถุหรือร่างกาย แต่เป็นกระบวนการของดวงวิญญาณ ซึ่งมีอำนาจกำหนดขอบเขตช่วงเวลาและความยาวนานเกี่ยวกับการกระทำในชาติใหม่

เหมือนอย่างเช่นกระแสไฟฟ้า เป็นพลังงานที่ไม่มีความรู้สึก แสดงการกระทำเป็นแสงสว่าง เป็นความร้อน ความเย็นและการเคลื่อนไหว ดวงวิญญาณมีพลังงาน มีความรู้สึก แสดงการกระทำต่าง ๆ เป็นความปรารถนา ความคิด ประสบการณ์ (ขบวนการนี้เรียกว่า จิตใจ) รวมทั้งพิจารณาแยกแยะ และตัดสิน (ขบวนการนี้เรียกว่า "สติปัญญา")

กระบวนการของความคิด
บนพื้นฐานของสันสการ์ ก็เกิดความคิด ความคิดมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปสู่การกระทำ เมื่อความคิดเกิดขึ้นมีทางเป็นไปได้ 4 อย่างคือ
1. ความคิดที่ดีซึ่งอาจจะนำไปสู่การกระทำ
2. ความคิดที่ดีที่ไม่ได้นำไปสู่การกระทำ
3. ความคิดที่ไม่ดีที่อาจจะนำไปสู่การกระทำ
4. ความคิดที่ไม่ดีที่อาจจะไม่นำไปสู่การกระทำ
แต่ละชนิดจะนำไปสู่การกระทำหรือไม่นำไปสู่การกระทำขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สติปัญญาจะเข้ามาทำหน้าที่ดำเนินการและตัดสินใจ สถานการณ์ที่ทำไปจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของดวงวิญญาณ มาตรฐานนั้นหรือรอยประทับนั้นเป็นที่รู้กันในนามของ "สันสการ์" สันสการ์นี้ก็จะกลายเป็นบ่อเกิดของความคิดที่จะตามมา และ เป็นวงจรที่เริ่มหมุนไป

ทำไมนิสัยจึงเปลี่ยนได้ยาก??
รูปแบบของสันสการ์เปรียบได้กับการขุดหลุม ยิ่งเราขุดมากเท่าใดหลุมก็จะลึกมากเท่านั้น การกระทำเมื่อถูกทำซ้ำ ๆ หลายครั้ง ก็จะกลายเป็นนิสัยหรือธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของสันสการ์ ยิ่งเรามีความหมกมุ่นอยู่กับนิสัยใดเป็นพิเศษ นิสัยนั้นจะมีกำลังที่เข้มแข็งและกลายเป็นสันสการ์ที่ลงรากลึก 
ผู้คนพบกับความยากลำบากที่จะเลิกนิสัย การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เล่นการพนัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ได้ฝังรากลึกในดวงวิญญาณ นิสัยของชีวิตนี้ก็จะเป็นนิสัยของชีวิตหน้า ในการเกิดครั้งต่อไป นิสัยของชีวิตที่ผ่านมาก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ

รูปแบบวงจรของกระบวนการความคิด
การส่งผลต่อกันและกันของความคิด การกระทำและสันสการ์เป็นไปตามรูปแบบของวงจร ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่กิเลสคืบคลานเข้ามา สันสการ์ของดวงวิญญาณก็จะกลายเป็นสันสการ์ที่มีกิเลสและความมีกิเลสก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลของการสะสมด้วยวงจรอันเป็นธรรมชาติของกระบวนการความคิด แม้แต่สติปัญญา ก็ยอมจำนนต่อพลังอำนาจของสันสการ์ ทั้งที่มีสติปัญญา รู้คิด.... มนุษย์ก็ยังกระทำความผิด
ดังนั้น สติปัญญาก็ไม่สามารถที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในสันสการ์ของดวงวิญญาณได้ การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถบรรลุความสำเร็จโดยผ่าน "ราชโยคะ" ซึ่งชำระล้างและเพิ่มกำลังให้กับสติปัญญา



จาก หนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK. เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ

No comments:

Post a Comment