กลับสู่ภารัต
2-3 ปีผ่านไป ตั้งแต่ญาติ ๆ ของสมาชิกของสถาบันได้ลี้ภัยจากปากีสถานไปสู่อินเดีย เขาไม่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับโอมมันดาลีและเคยได้ฟังมาว่า มหาวิทยาลัยของพระเจ้าได้ถูกปิดลงโดยพวกมุสลิม และสมาชิกทั้งหมดได้กระจัดกระจายไป
เมื่อพวกเขาได้รู้ภายหลังว่าโอมมันดาลียังคงอยู่ในปากีสถาน พวกเขาเขียนจดหมายขอร้องให้นำสถาบันกลับไปยังอินเดีย พวกเขาเกรงว่าบางทีมุสลิมชาวปากีสถานจะโจมตีสถาบัน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกมุสลิมกลับปกป้องสถาบัน พวกเขาเห็นว่ามันป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ ญาติ ๆ บางคนของลูก ๆ ของสถาบันก็ยืนยันที่จะเชื้อเชิญให้การชุมนุมทางดวงวิญญาณได้กลับไปยังอินเดีย แล้ววันหนึ่ง ชิพบาบาก็ได้พูดผ่านบราห์มาบาบา และต่อมาภายหลังก็ผ่านลูกสาวผู้นำสาร ออกคำสั่งว่าบัดนี้ สถาบันควรจะย้ายกลับไปอินเดีย เพราะว่าผู้คนชาวอินเดียเป็นผู้ที่จะสามารถได้รับประโยชน์สูงสุดจากความรู้ของพระเจ้า บาบาได้บอกเราว่าจะมีสนามแห่งการทำงานรับใช้ที่ใหญ่กว่า ณ ที่นั่น และก็ยังท้าทายมากกว่าอีกด้วย
ในที่สุดในปี ค.ศ.1950 ลูก ๆ ก็เตรียมตัวจากการาจี เมื่อมุสลิมของสังคมชาวซินดิได้ยินข่าวพวกเขาก็พยายามที่จะขอร้องให้อยู่ต่อ "เราจะให้เครื่องอำนวยความสะดวกสบายที่ดีกว่าแก่พวกท่าน" พวกเขาพูดว่า "พวกท่านจะไม่ต้องรับประสบการณ์ของความไม่มีความสุขใด ๆ ที่นี่ แล้วท่านจะจากที่นี่ไปทำไม มันจะไม่มีการกระทำที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ในประเทศนี้้ เราจะดูแลพวกท่านทั้งหมดในทุก ๆ เรื่อง ท่านเป็นของพระเจ้า ท่านไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองของฮินดูหรือมุสลิม"
แต่ลูก ๆ ของสถาบันได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้เดินทางไปยังอินเดีย ดังนั้น พวกเขาจึงจัดการสำหรับการเดินทางด้วยเรือกลไฟจากการาจีไปยัง Okha พวกเขาได้ขายอาคารที่่ใช้อาศัยอยู่ทั้งหมด คนสำคัญ ๆ ก็ยังพยายามที่จะยับยั้งพวกเขาไม่ให้จากไป Allah Bakhaji และ Bulam Hussainji (อดีตหัวหน้าคณะรัฐมนตรี) และอีกหลาย ๆ คนได้มาด้วยตนเองและพวกเขาก็พอใจในความรู้ "พวกเขาพูดว่า "พวกท่านอยู่ที่นี่เถิด เราทุกคนจะช่วยทาน" แต่ลูก ๆ บอกพวกเขาว่า นี่เป็นคำสั่งของพระเจ้า เราจะต้องเดินทางกลับอินเดียเพื่อทำงานรับใช้
มีสมาชิกของสถาบัน 400 คนในวันนั้น เมื่อกระเป๋าสัมภาระถูกกองไว้ที่ท่าเรือการาจี ฝูงชนก็มารวมตัวกัน มุสลิมและปาทานช่วยโยคีที่อยู่ในชุดขาวทั้ง 400 คน ขนลงเรือ ผู้คนพื้นบ้านมีความรู้สึกเหมือนกับว่าญาติสนิทของพวกเขากำลังจะจากไป ทุกคนรู้สึกเศร้าสร้อย ผู้คนชาวปากีสถานผู้มากล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายได้นำดอกไม้มาโปรยใส่สมาชิกของสถาบันราวกับสายฝนซึ่งโปรยปรายลงมา สมาชิกของสถาบันก็ตอบสนองด้วยสายฝนของดอกไม้ของพวกเขาเอง โปรยปรายไปยังผู้คนที่น่ารัก ผู้ซึ่งเฝ้าดูขณะที่เรือค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่า
มันเป็นฉากที่ทำร้ายจิตใจ แต่เหล่าโยคีรู้สึกเหมือนกับฝูงหงส์ที่กำลังบินจากไป ไปสู่ฤดูกาลใหม่ บราห์มินคนหนึ่งพูดว่า เรือไฟลำนี้เป็นเรือแห่งสัจจะ และพวกเขากำลังข้ามมหาสมุทรของโลก ในระหว่างการเดินทาง กัปตันและคนอื่น ๆ ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี พวกเขาพูดอยู่เสมอว่า "พวกเราสามารถจะให้บริการอะไรกับท่านได้ โปรดบอกพวกเรา" ชั้นเรียนทางดวงวิญญาณก็คงดำเนินไปตามตารางสอน ขลุ่ยแห่งความรู้ก็ยังคงบรรเลงเช่นทุกวัน แม้แต่กัปตันก็ฉวยโอกาสอันนี้ด้วย
อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 11
No comments:
Post a Comment