Wednesday, August 21, 2013

คุณธรรม - ความไร้กังวล(Carefree)


ลูกไร้กังวลเพราะว่าสิทธิที่เป็นอมตะถูกกำหนดไว้แล้ว ที่ไหนที่บางสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว ลูกคงอยู่อย่างไร้กังวล เมื่อบางสิ่งไม่ได้ถูกกำหนด แล้วก็จะมีความกังวลของความไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าลูกได้ให้ทุกสิ่งต่อพ่อแล้ว ลูกก็จะอยู่อย่างไร้กังวล (Avyakt 01/02/94)

เช่นที่สัญลักษณ์ของการมีศรัทธาในสติปัญญาเป็นเครื่องค้ำประกันแห่งชัยชนะ เช่นกันดวงวิญญาณเช่นนั้นจะเป็นผู้ไร้กังวล พวกเขาไม่สามารถมีความคิดไร้ประโยชน์ชนิดใด ๆ ได้เลย นอกจากมีความคิดที่บริสุทธิ์ จะไม่มีชื่อและร่องรอยของความคิดที่ไร้ประโยชน์ทุก ๆ ชนิด มันจะไม่เป็นเช่นว่าความคิดไร้ประโยชน์มาและความคิดเหล่านี้จะต้องถูกขับไล่ออกไป ไม่มีเรื่องไร้สาระสามารถเข้ามาถึงเขาผู้ซึ่งมีศรัทธาในสติปัญญา ที่จริงแล้วอะไรคือความคิดที่ไร้ประโยชน์ "อย่างไร ทำไม อะไร ฯลฯ" เหล่านี้คือความคิดไร้ประโยชน์ที่ถูกสร้างขึ้น ถ้าลูกมีความเชื่ออันไม่สามารถสั่นคลอนได้ในละคร ถ้าลูกเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้และทรงพลังอำนาจ แล้วความคิดไร้สาระจะมีความกล้าหาญใด ๆ ที่จะทำให้ลูกขึ้น ๆ ลง ๆ หรือ จงมีประสบการณ์ของเครื่องหมายของความมีศรัทธา นั่นคือสภาพไร้กังว"มันจะเกิดขึ้นหรือ ? มันจะไม่เกิดขึ้นหรือ ? อะไรจะเกิดขึ้น ? เรากำลังทำอยู่แต่เราควรจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น" ลูกจะเรียกสิ่งนี้ว่าความไร้กังวลหรือ แล้วเมื่อลูกไม่สามารถที่จะทำสิ่งใด ลูกจะทำอะไรต่อหน้าพ่อหรือ ลูกจะต่อว่า และขอร้องโดยพูดว่า "ท่านคือผู้ช่วยเหลือของเรา ท่านเป็นผู้ปกป้องเรา ท่านเป็นอย่างนี้ ท่านเป็นอย่างนี้"  การขอหมายถึงการเสียสิทธิของลูก ผู้ซึ่งมีสิทธิทุกอย่างจะไม่เคยขอแล้วพูดว่า "ทำอย่างนี้ หรือ ขอให้สิ่งนี้เกิดขึ้น" การมีสติปัญญาที่มีศรัทธาหมายถึงการเป็นผู้ไร้กังวล เพียงเมื่อลูกเป็นผู้ไร้กังวลเท่านั้นที่ ขณะสุดท้ายที่ลูกพูดถึงจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย มิฉะนั้น ความคิดที่ไร้สาระก็จะเข้ามาในหัวของลูก ในรูปของวิญญาณปีศาจร้ายและอสูรแห่งความตาย ไม่มีอสูรแห่งความตายอื่นใดมา แต่ความคิดที่ไร้สาระเหล่านี้และความอ่อนแอของลูกมาในรูปของอสูรแห่งความตาย

ไม่สำคัญว่าอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าถ้าทั้งโลกจะเกลียดลูก ลูกผู้ซึ่งเป็นนายมหาสมุทรแห่งความรักจะไม่กังวลกับชาวโลก ลูกเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล ลูกจะไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งใดเลย ลูกจะได้รับอะไรก็ตามที่ลูกกังวลเกี่ยวกับมัน ลูกจะได้รับมันใช่ไหม บัดนี้ ลูกเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลจากสิ่งไร้ค่าเหล่านี้ จงใส่ใจเกี่ยวกับการตรวจสอบตนเอง จงใส่ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่บัดนี้จงกลายเป็นผู้ไร้กังวลจากสิ่งไร้ค่าประโยชน์ ลูกทำสิ่งนี้ได้ไหม หรือเมื่อลูกกลับบ้านจะมีความรู้สึกอื่นของความรัก เมื่อลูกหรือหลานหรือเหลนรู้สึกโกรธเล็กน้อยหรือสร้างความปั่นป่วนหรือไม่ เมื่อลูกไปทำงานหรือไม่ ทำธุรกิจ ถ้าลูกมีผู้รับใช้เช่นนั้น  ถ้าลูกมีบรรยากาศเช่นนั้น ลูกจะต้องยังคงดำรงอยู่เช่นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ อย่าให้มีความไร้กังวลในเรื่องของการเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่เป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลในเรื่องของสิ่งไร้สาระ บางคนนำมันไปใช้ผิด ๆ เมื่อมันเป็นเรื่องของกฏระเบียบ พวกเขาพูดว่า "บัพดาดาได้พูดไ้ว้ว่า : จงกลายเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล" อย่างไรก็ตาม อย่าได้กลายเป็นผู้ไร้กังวลในกฏระเบียบ (Avyakt 09/01/95)

ผู้ที่มีหัวใจที่พอใจดำรงอยู่ในความพอใจ เพราะว่าเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้เกี่ยวกับละครและไม่เคยถามคำถาม คำถามอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตนเองและผู้อื่น ตัวลูกเองจะได้รับคำตอบก่อน บาบาได้บอกลูกมาก่อนแล้ว หรือท่านไม่ได้บอก ไม่ให้ถาม อะไร ทำไม แต่ให้ใส่จุด เปลี่ยนสิ่งนั้นซึ่งเป็นรายละเอียดใน 1 วินาที ไปสู่สาระให้อีก 1 วินาที ผู้ซึ่งพอใจถึงระดับนี้ ก็จะคงอยู่ในความไร้กังวลเสมอ ๆ (Avyakt 17/0397)

ผู้ซึ่งควงกงจักรแห่งสำนึกรู้ในตนเองเป็นผู้ซึ่งคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากการควงของความโศกเศร้า และเป็นผู้ที่ปลดปล่อยผู้อื่น พวกเขาไม่ใช้ผู้ซึ่งมาอยู่ใต้อิทธิพล แต่เป็นผู้ซึ่งแสดงการกระทำผ่านประสาทสัมผัสด้วยสิทธิของผู้เป็นนาย พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ถูกหลอกลวง แต่เป็นผู้ปลดปล่อยผู้อื่นจากการหลอกลวง (Avyakt 29/12/89)

การชุมนุมของพระราชาเป็นการชุมนุมที่พิเศษสูงสุดในตลอดทั่งกัลป์ ได้เคยมีพระราชามากมาย แต่นี่เป็นการชุมนุมพิเศษของกษัตริย์ผู้ไร้กังวล เกิดขึ้นในยุคแห่งการบรรจบพบกันเท่านั้น การชุมนุมของกษัตริย์ผู้ไร้กังวลนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าแม้แต่การชุมนุมของกษัตริย์ในยุคทอง ทำไมหรือ ที่นั่นไม่มีความรู้ของความแตกต่างระหว่างความกังวลกับความซาบซึ้ง พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับคำว่า "กังวล" แต่บัดนี้ขณะที่ทั้งโลกกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งหรือ ฯลฯ  เริ่มจากเวลาที่เขาตื่นขึ้น เขาจะมีความกังวลบางอย่างไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเขา งานและธุรกิจเกี่ยวกับโลก เพื่อน และความสัมพันธ์ ลูกทั้งหมดเริ่มวันด้วยการเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ณ อมฤตเวลา และก็ทำงานของลูกให้สำเร็จเช่นพระราชาผู้ไร้กังวล เช่นพระราชาผู้ไร้กังวล ลูกนอนหลับอยู่ในการพักผ่อนที่แสนสบาย การหลับของลูกเต็มไปด้วยความสงบและความสุข ลูกได้กลายเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลเช่นนี้ใช่ไหม.

ถ้าลูกได้มอบความรับผิดชอบไปให้พ่อ ลูกก็จะกลายเป็นผู้ไร้กังวล มีความกังวลเมื่อลูกคิดว่าตัวลูกคือผู้รับผิดชอบ "ความรับผิดชอบเป็นของบาบา และฉันเป็นเครื่องมือผู้รับใช้ ฉันเป็นคาร์มาโยคีผู้เป็นเครื่องมือ บาบาเป็นคารันคาราวันฮา (ผู้ซึ่งทำงานโดยตรงและผ่านผู้อื่นและผู้ซึ่งดลใจผู้อื่น) ฉันเป็นเครื่องมือผู้ซึ่งลงมือทำ" ถ้าสำนึกนี้ถูกรักษาไว้อย่างสม่ำเสมอ แล้วลูกก็จะเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลอย่างสม่ำเสมอโดยอัตโนมัติ ถ้าแม้แต่มีความผิดพลาดลูกรับเอาภาระมาเป็นของลูก ซึ่งเป็นทัศตคติที่ไร้ประโยชน์แล้ว แทนที่จะเป็นมงกุฏ มันก็จะมีความกังวลหลายตะกร้าอยู่บนศีรษะของลุก ถ้าลูกไม่เป็นเช่นนั้นแล้วลูกก็เป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ที่มีมงกุฏแห่งแสงอย่างสม่ำเสมอ มีเพียงแต่บาบาแล้วตัวลูกเท่านั้นไม่มีบุคลลที่สาม ประสบการณ์นี้ทำให้ลูกเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลอย่างง่ายดาย ดังนั้นลูกเป็นใคร ลูกเป็นผู้ที่มีมงกุฏหรือตะกร้าบนศีระษะของลูก

มีความแตกต่างระหว่างรับเอาตะกร้ามาไว้บนศีรษะและการสวมมงกุฏ ถ้ามีใครบางคนซึ่งสวมมงกุฏมายืนต่อหน้าลูก และอีกคนหนึ่งมีตระกร้าหลายใบบนศีรษะของเขา ลูกจะชอบคนไหน คนที่สวมมงกุฏหรือคนที่มีตระกร้า บาบามาเพื่อเอาตะกร้าของภาระนับจำนวนไม่ถ้วนออกไปแล้วทำให้ลูกเบาสบาย ลูกกลายเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล นั่นคือเป็นแสงและเบาสบายอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นลูกเป็นแสงและเบาสบายหรือไม่ (Avyakt 10/03/86)

ความซาบซึ้งหมายถึงความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ ผู้ซึ่งมีความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ ไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งใด ๆ  พวกเขากลายเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล บัดนี้ พวกเขาได้กลายเป็นจักรพรรดิ และพวกเขาก็ประกาศสิทธิในอาาณาจักรในอนาคตด้วย ใครก็ตามผู้มีความกังวลใด ๆ ไม่สามารถมีประสบการณ์ของความสุขของการเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ลูกจะมีอาณาจักรของโลก 21 ชาติ แต่ลูกจะได้รับอาณาจักรที่ไร้กังวลนี้พร้อมกับบัลลังก์หัวใจเพียงหนึ่งชาติระหว่างยุคนี้เท่านั้น (Avyakt 25/12/89)

เมื่อพ่ออยู่กับลูก ลูกก็เป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล ลูกได้ให้ความกังวลทั้งหมดกับพ่อใช่ไหมลูก ลูกเฉลียวฉลาดในการให้สิ่งเหล่านั้นใช่ไหม หรือลูกมีความเฉลียวฉลาดที่จะดูแลพวกมัน ลูกฉลาดที่จะให้และฉลาดที่จะรับด้วย บางครั้งลูกพูดโดยเข้าใจผิดว่าความคิดของลูกมีความเศร้าเล็กน้อย มันเป็นของลูกจริง ๆ หรือ หรือมันได้กลายมาเป็น "ของลูก" หรือมันเป็นของลูกตลอด ณ เวลานั้น "จิตใจของฉันไม่ชอบมัน จิตใจของฉันไม่ได้คิดสิ่งนี้" คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่เป็นขยะ

การพูดว่ามันเป็นของฉันหมายถึงการตกไปในความลำบาก ดังนั้นลูกได้ให้ความคิดของลูกไปแล้ว หรือเก็บมันไว้กับตัวเอง หรือบางครั้งลูกนำมันกลับมาอีก อะไรเป็นภาษาของบราห์มิน ของฉัน หรือ ของท่าน ดังนั้น แล้วทำไมลูกยังต้องคิด นี่ไม่ได้เป็นภาษาในศัพท์ โดยการพูดว่ามันเป็นของลูก ลูกทำให้มันสกปรก ลูกได้ให้ความคิดของลูก ลูกได้ให้ร่างกายของลูก ลูกได้ให้ทรัพย์ของลูก ลูกเป็นผู้ดูแลและดังนั้นมันไม่ได้เป็นของลูก ลูกเป็นผู้ดูแลหรือเป็นผู้ครองเรือน การเป็นผู้ครองเรือนหมายถึง การมีสำนึกของการเป็น "ของฉัน" และการเป็นผู้ดูแลหมายถึงการมีสำนึกว่ามันเป็นของท่าน ดังนั้นลูกมีความเชื่อเช่นนี้ในตัวลูกหรือไม่ (Avyakt 18/02/94 กลุ่ม4)

No comments:

Post a Comment