Wednesday, August 28, 2013
คุณธรรม - ความร่าเริง(Cheerfulness)
เมื่อมีความจริงดวงวิญญาณก็ร่ายรำอย่างต่อเนื่อง ดวงวิญญาณที่แท้จริงจะร่ายรำในความสุขอย่างสม่ำเสมอ ความสุขของพวกเขาจะไม่น้อยลง ในบางครั้งหรือบางครั้งจะมากขึ้น วันแล้ววันเล่าทุกนาที ความสุขของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัญลักษณ์ของความสูงส่งคือการร่ายรำอยู่ในความสุขอย่างสม่ำเสมอ ลูกพูดถึงหัวใจและรุปร่างหน้าตา และแล้วดังนั้นความหมายของความสูงศักดิ์ก็คือลูกจะร่าเริงอยู่ในหัวใจและในท่าทางของลูกด้วยอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ความร่าเริงภายนอก แต่เป็นความร่าเิริงแม้แต่ในหัวใจของลูก หัวใจที่ร่าเริงและใบหน้าที่สดใส ทั้งสองควรจะอยู่ในความร่าเริง (Avyakt 11/12/91)
ถ้าบางคนได้รับความสำเร็จในทุกสิ่ง ไม่มีความสำเร็จแม้แต่สิ่งเดียวที่ขาดหายไป และแล้วความพิเศษอะไรที่จะเห็นได้ในใบหน้าและการกระทำของเขา ความร่าเริงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บางคนผู้ซึ่งได้รับความสำเร็จทั้งหมดไม่สามารถที่จะทำให้ความร่าเริงของเขาหายไป ไม่ว่าที่ไหนที่มีความเศร้า ตรวจสอบดูซิว่าลูกได้มีประสบการณ์ของการขาดหายไปของการบรรลุผลหรือลูกมีการบรรลุผลทั้งหมด ตรวจสอบดูซิว่า ประสบการณ์ของการบรรลุผลขาดหายไปหรือไม่ ลูกได้รับการบรรลุผลหรือไม่ ลูกมีความสำเร็จในทุกสิ่งหรือไม่ (Avyakt 22/12/95)
การอุทิศตัวหมายถึงการคิดถึงทุกลมหายใจ ลูกไม่ควรลืมบาบาแม้แต่ลมหายใจเดียว ทุกลมหายใจควรอยู่ในการคิดถึง และดังนั้น อะไรจะเป็นสัญลักษณ์ของผู้ซึ่งทำเช่นนี้ อะไรจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หน้าของเขาจะเป็นอะไร ลูกรู้ไหม (ความร่าเริง) มันจะมีสิ่งอื่นที่แตกต่างไปจากความร่าเริงไหม ความอดทนของคนมีขีดถึงระดับใดก็ตาม อำนาจของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามนั้น ผู้ซึ่งคงอยู่ในการคิดถึงในทุกลมหายใจของพวกเขา จะต้องมีคุณธรรมของความอดทนอย่างแน่นอน และเพราะว่าการเป็นผู้ที่อดทน ความร่าเริงและอำนาจของพวกเขาจะปรากฏให้เห็น จะไม่มีสัญลักษณ์ของความอ่อนแอใด ๆ บนใบหน้าของพวกเขา บางครั้งคำพูดก็จะปรากฏจากปากของลูก "ฉันจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น" คำพูดที่อ่อนแอเหล่านั้นไม่ควรจะปรากฏขึ้น มันจะมาในความคิดก่อน แล้วมันก็จะปรากฏขึ้นเป็นคำพูด แต่มันไม่ควรจะเข้ามาในจิตใจ มานมานาบาพ และ มานฮาจีบาพ (Avyakt 25/01/69)
โชคของความคิดนั่นคือมันจะคงอยู่อย่างร่าเริงเสมอ สัญลักษณ์ของการได้รับโชคคือการคงอยู่ในความร่าเริง ผู้ซึ่งมีความเปี่ยมล้นจิตใจก็คงอยู่ในความร่าเริงอย่างสม่ำเสมอ บุคคลซึ่งมีโชคในจิตใจเป็นผู้ที่ไม่รู้เรื่องต่อความปราถนาทั้งหมด พวกเขามีสภาวะของความไม่รู้นี้ (Avyakt 19/11/89)
เทพเป็นผู้ที่ร่าเริงและให้ความบันเทิงด้วย อย่างไรก็ตามอาณาจักรนั้นใหญ่มาก ทุกคนไม่สามารถที่จะร่าเริงในขีดระดับเดียวกัน แล้วแม้แต่เด็ก ๆ บางคนก็ให้ความรื่นเริงเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน ใครที่สามารถจะร่าเริง ผู้ซึ่งอยู่ในความสุขเสมอ ผู้ซึ่งมีคุณธรรมที่สูงส่ง เพราะว่าพ่อเป็นผู้ร่าเริงและให้ความบันเทิง เหล่าเทพที่ท่านสร้างขึ้นก็เป็นผู้ที่ร่าเริงและให้ความบันเทิงด้วย ลูกควรจะมีคุณธรรมของความสม่ำเสมอในการคงอยู่ในความร่าเริงเสมอ ๆ มากเท่าที่จะเป็นไปได้ คงอยู่ในความร่าเริง ลูกสามารถที่จะคงอยู่อย่างร่าเริงเสมอ เมื่อลูกอยู่ในการคิดถึงบาบา อัลฟา (Alpha) แล้วลูกก็จะสามารถที่จะจดจำเบต้า (Beta - สวรรค์) และโดยวิธีนั้นลูกก็จะกลับมาร่าเริงมากขึ้นอีก (Sakar 11/04/96)
จดจำเพียงสองคำ คำแรก ลูกต้องกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ดึงดูด สอง ลูกต้องคงอยู่ในความร่าเริง มันเป็นดวงวิญญาณนั่นเองที่ดึงดูด ลูกจะสามารถดึงดูดผู้อื่นได้ด้วยสภาวะทางดวงวิญญาณ ถ้าลูกซึมซับสองประเด็นนี้ แล้วลูกก็จะเป็นผู้มีชัยชนะอย่างแน่นอน (Avyakt 25/10/69)
ขอให้ลูกเป็นรูปธรรมของความรู้ซึ่งคงอยู่อย่างร่าเริงอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยให้สันสการ์ดั้งเิดิมของลูกปรากฏขึ้น ลูก ๆ ที่ไตร่ตรองความรู้และกลายเป็นรูปธรรมของความรู้จะคงอยู่ในความร่าเริงอย่างสม่ำเสมอ การดำรงอยู่ในความร่าเริงอย่างสม่ำเสมอเป็นสันสการ์ดั้งเดิมของชีวิตบราห์มิน คุณธรรมที่สูงส่งเป็นสมบัติของลูก และข้อบกพร่องเป็นสมบัติของมายา ซึ่งลูกได้รับเข้ามาในตัวลูกเอง เป็นผลโดยตรงจากอิทธิพลของเพื่อนที่ไม่ดี บัดนี้จงหันหลังให้พวกเขา และจงเริ่มต้นตัวลูกในหนทางของผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจเฉียบขาด แล้วลูกก็จะคงอยู่ในความร่าเริงอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็จะไม่มีปีศาจหรือสันสการ์ที่ไร้ประโยชน์ที่จะกล้ามาอยู่ต่อหน้าลูก (Sakar 18/06/96)
เพื่อที่จะกลายเป็นผู้ที่มีความดึงดูด ลูกก็จะกลายเป็นผู้ที่ร่าเริงด้วย เป็นผู้ที่ร่าเริงหมายถึงการโล้อยู่ในความสุขเหนือประสาทสัมผัส ลูกจะต้องคงอยู่ในความร่าเริงด้วยการไตร่ตรองความรู้ เพื่อให้มีประสบการณ์สภาพที่ละเอียดอ่อน และการโล้อยู่ในความสุขเหนือประสาทสัมผัสถูกเรียกว่าการคงอยู่ในความร่าเริง ลูกจะต้องคงอยู่ในความร่าเริงทั้งในจิตใจและร่างกาย ผู้ซึ่งคงอยู่อย่างร่าเริงในแบบนี้ก็จะดึงดูดผู้อื่น (Avyakt 17/11/69)
Tuesday, August 27, 2013
คุณธรรม - ใจบุญ(Charity)
ตปาเซีย หมายถึงการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นยอมรับความทุกข์ที่พวกเขาให้ลูกในรูปแบบของความสุข นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง เพียงเท่านั้น ลูกก็จะถูกเรียกว่า ตปาสวี ให้คิดว่าการกล่าวร้ายร้ายให้โทษเป็นคำสรรเสริญ แล้วลูกจะถูกเรียกว่าเป็นดวงวิญญาณที่ใจบุญ แม่ของชาวโลกเน้นความสำคัญของบทเรียนนี้กับลูก ๆ ทั้งหมดเสมอ
จงมองดูดวงวิญญาณผู้ซึ่งกล่าวร้ายลูกหรือให้ความทุกข์กับลูกด้วยสายตาของการเป็นรูปธรรมแห่งความเมตตา อย่าได้มองพวกเขาด้วยสายตาแห่งการประฌาม พวกเขาอาจจะประฌามลูก แต่ลูกต้องมอบดอกไม้ให้กับพวกเขา แล้วลูกจะถูกเรียกว่าเป็นดวงวิญญาณที่ใจบุญ
โอบกอดผู้ซึ่งประฌามไว้ด้วยหัวใจของลูก อย่าโอบกอดพวกเขาด้วยการเสแสร้ง แต่ด้วยหัวใจของลูก ดังนั้น นี่คือประเด็นซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการที่ลูกจะสามารถสะสมบัญชีของความใจบุญ "ฉันจะต้องไม่ให้ความทุกข์ แต่ฉันก็ต้องไม่รับเอาความทุกข์ด้วยเช่นกัน" เพราะมันไม่มีอะไรดีเลย แล้วทำไมลูกจะต้องรับมัน ทำไมลูกจะต้องสะสมขยะล่ะ เมื่อลูกรับความทุกข์ลูกก็สะสมขยะ เราสะสมอะไรในขยะ ? เชื้อโรคในรูปของร่องรอยของบาป ลูกจะต้องไม่ทำบาปที่ใหญ่ บัดนี้เหลือแต่เพียงร่องรอยของบาป อย่างไรก็ตาม มันไม่ควรจะเหลือแม้แต่ร่องรอย (Avyakt 10/04/91)
Wednesday, August 21, 2013
คุณธรรม - ความไร้กังวล(Carefree)
ลูกไร้กังวลเพราะว่าสิทธิที่เป็นอมตะถูกกำหนดไว้แล้ว ที่ไหนที่บางสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว ลูกคงอยู่อย่างไร้กังวล เมื่อบางสิ่งไม่ได้ถูกกำหนด แล้วก็จะมีความกังวลของความไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าลูกได้ให้ทุกสิ่งต่อพ่อแล้ว ลูกก็จะอยู่อย่างไร้กังวล (Avyakt 01/02/94)
เช่นที่สัญลักษณ์ของการมีศรัทธาในสติปัญญาเป็นเครื่องค้ำประกันแห่งชัยชนะ เช่นกันดวงวิญญาณเช่นนั้นจะเป็นผู้ไร้กังวล พวกเขาไม่สามารถมีความคิดไร้ประโยชน์ชนิดใด ๆ ได้เลย นอกจากมีความคิดที่บริสุทธิ์ จะไม่มีชื่อและร่องรอยของความคิดที่ไร้ประโยชน์ทุก ๆ ชนิด มันจะไม่เป็นเช่นว่าความคิดไร้ประโยชน์มาและความคิดเหล่านี้จะต้องถูกขับไล่ออกไป ไม่มีเรื่องไร้สาระสามารถเข้ามาถึงเขาผู้ซึ่งมีศรัทธาในสติปัญญา ที่จริงแล้วอะไรคือความคิดที่ไร้ประโยชน์ "อย่างไร ทำไม อะไร ฯลฯ" เหล่านี้คือความคิดไร้ประโยชน์ที่ถูกสร้างขึ้น ถ้าลูกมีความเชื่ออันไม่สามารถสั่นคลอนได้ในละคร ถ้าลูกเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้และทรงพลังอำนาจ แล้วความคิดไร้สาระจะมีความกล้าหาญใด ๆ ที่จะทำให้ลูกขึ้น ๆ ลง ๆ หรือ จงมีประสบการณ์ของเครื่องหมายของความมีศรัทธา นั่นคือสภาพไร้กังวล "มันจะเกิดขึ้นหรือ ? มันจะไม่เกิดขึ้นหรือ ? อะไรจะเกิดขึ้น ? เรากำลังทำอยู่แต่เราควรจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น" ลูกจะเรียกสิ่งนี้ว่าความไร้กังวลหรือ แล้วเมื่อลูกไม่สามารถที่จะทำสิ่งใด ลูกจะทำอะไรต่อหน้าพ่อหรือ ลูกจะต่อว่า และขอร้องโดยพูดว่า "ท่านคือผู้ช่วยเหลือของเรา ท่านเป็นผู้ปกป้องเรา ท่านเป็นอย่างนี้ ท่านเป็นอย่างนี้" การขอหมายถึงการเสียสิทธิของลูก ผู้ซึ่งมีสิทธิทุกอย่างจะไม่เคยขอแล้วพูดว่า "ทำอย่างนี้ หรือ ขอให้สิ่งนี้เกิดขึ้น" การมีสติปัญญาที่มีศรัทธาหมายถึงการเป็นผู้ไร้กังวล เพียงเมื่อลูกเป็นผู้ไร้กังวลเท่านั้นที่ ขณะสุดท้ายที่ลูกพูดถึงจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย มิฉะนั้น ความคิดที่ไร้สาระก็จะเข้ามาในหัวของลูก ในรูปของวิญญาณปีศาจร้ายและอสูรแห่งความตาย ไม่มีอสูรแห่งความตายอื่นใดมา แต่ความคิดที่ไร้สาระเหล่านี้และความอ่อนแอของลูกมาในรูปของอสูรแห่งความตาย
ไม่สำคัญว่าอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าถ้าทั้งโลกจะเกลียดลูก ลูกผู้ซึ่งเป็นนายมหาสมุทรแห่งความรักจะไม่กังวลกับชาวโลก ลูกเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล ลูกจะไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งใดเลย ลูกจะได้รับอะไรก็ตามที่ลูกกังวลเกี่ยวกับมัน ลูกจะได้รับมันใช่ไหม บัดนี้ ลูกเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลจากสิ่งไร้ค่าเหล่านี้ จงใส่ใจเกี่ยวกับการตรวจสอบตนเอง จงใส่ใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่บัดนี้จงกลายเป็นผู้ไร้กังวลจากสิ่งไร้ค่าประโยชน์ ลูกทำสิ่งนี้ได้ไหม หรือเมื่อลูกกลับบ้านจะมีความรู้สึกอื่นของความรัก เมื่อลูกหรือหลานหรือเหลนรู้สึกโกรธเล็กน้อยหรือสร้างความปั่นป่วนหรือไม่ เมื่อลูกไปทำงานหรือไม่ ทำธุรกิจ ถ้าลูกมีผู้รับใช้เช่นนั้น ถ้าลูกมีบรรยากาศเช่นนั้น ลูกจะต้องยังคงดำรงอยู่เช่นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ อย่าให้มีความไร้กังวลในเรื่องของการเป็นผู้ทรงอำนาจ แต่เป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวลในเรื่องของสิ่งไร้สาระ บางคนนำมันไปใช้ผิด ๆ เมื่อมันเป็นเรื่องของกฏระเบียบ พวกเขาพูดว่า "บัพดาดาได้พูดไ้ว้ว่า : จงกลายเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล" อย่างไรก็ตาม อย่าได้กลายเป็นผู้ไร้กังวลในกฏระเบียบ (Avyakt 09/01/95)
ผู้ที่มีหัวใจที่พอใจดำรงอยู่ในความพอใจ เพราะว่าเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้เกี่ยวกับละครและไม่เคยถามคำถาม คำถามอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตนเองและผู้อื่น ตัวลูกเองจะได้รับคำตอบก่อน บาบาได้บอกลูกมาก่อนแล้ว หรือท่านไม่ได้บอก ไม่ให้ถาม อะไร ทำไม แต่ให้ใส่จุด เปลี่ยนสิ่งนั้นซึ่งเป็นรายละเอียดใน 1 วินาที ไปสู่สาระให้อีก 1 วินาที ผู้ซึ่งพอใจถึงระดับนี้ ก็จะคงอยู่ในความไร้กังวลเสมอ ๆ (Avyakt 17/0397)
ผู้ซึ่งควงกงจักรแห่งสำนึกรู้ในตนเองเป็นผู้ซึ่งคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากการควงของความโศกเศร้า และเป็นผู้ที่ปลดปล่อยผู้อื่น พวกเขาไม่ใช้ผู้ซึ่งมาอยู่ใต้อิทธิพล แต่เป็นผู้ซึ่งแสดงการกระทำผ่านประสาทสัมผัสด้วยสิทธิของผู้เป็นนาย พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ถูกหลอกลวง แต่เป็นผู้ปลดปล่อยผู้อื่นจากการหลอกลวง (Avyakt 29/12/89)
การชุมนุมของพระราชาเป็นการชุมนุมที่พิเศษสูงสุดในตลอดทั่งกัลป์ ได้เคยมีพระราชามากมาย แต่นี่เป็นการชุมนุมพิเศษของกษัตริย์ผู้ไร้กังวล เกิดขึ้นในยุคแห่งการบรรจบพบกันเท่านั้น การชุมนุมของกษัตริย์ผู้ไร้กังวลนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าแม้แต่การชุมนุมของกษัตริย์ในยุคทอง ทำไมหรือ ที่นั่นไม่มีความรู้ของความแตกต่างระหว่างความกังวลกับความซาบซึ้ง พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับคำว่า "กังวล" แต่บัดนี้ขณะที่ทั้งโลกกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งหรือ ฯลฯ เริ่มจากเวลาที่เขาตื่นขึ้น เขาจะมีความกังวลบางอย่างไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเขา งานและธุรกิจเกี่ยวกับโลก เพื่อน และความสัมพันธ์ ลูกทั้งหมดเริ่มวันด้วยการเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ณ อมฤตเวลา และก็ทำงานของลูกให้สำเร็จเช่นพระราชาผู้ไร้กังวล เช่นพระราชาผู้ไร้กังวล ลูกนอนหลับอยู่ในการพักผ่อนที่แสนสบาย การหลับของลูกเต็มไปด้วยความสงบและความสุข ลูกได้กลายเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลเช่นนี้ใช่ไหม.
ถ้าลูกได้มอบความรับผิดชอบไปให้พ่อ ลูกก็จะกลายเป็นผู้ไร้กังวล มีความกังวลเมื่อลูกคิดว่าตัวลูกคือผู้รับผิดชอบ "ความรับผิดชอบเป็นของบาบา และฉันเป็นเครื่องมือผู้รับใช้ ฉันเป็นคาร์มาโยคีผู้เป็นเครื่องมือ บาบาเป็นคารันคาราวันฮา (ผู้ซึ่งทำงานโดยตรงและผ่านผู้อื่นและผู้ซึ่งดลใจผู้อื่น) ฉันเป็นเครื่องมือผู้ซึ่งลงมือทำ" ถ้าสำนึกนี้ถูกรักษาไว้อย่างสม่ำเสมอ แล้วลูกก็จะเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลอย่างสม่ำเสมอโดยอัตโนมัติ ถ้าแม้แต่มีความผิดพลาดลูกรับเอาภาระมาเป็นของลูก ซึ่งเป็นทัศตคติที่ไร้ประโยชน์แล้ว แทนที่จะเป็นมงกุฏ มันก็จะมีความกังวลหลายตะกร้าอยู่บนศีรษะของลุก ถ้าลูกไม่เป็นเช่นนั้นแล้วลูกก็เป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ที่มีมงกุฏแห่งแสงอย่างสม่ำเสมอ มีเพียงแต่บาบาแล้วตัวลูกเท่านั้นไม่มีบุคลลที่สาม ประสบการณ์นี้ทำให้ลูกเป็นพระราชาผู้ไร้กังวลอย่างง่ายดาย ดังนั้นลูกเป็นใคร ลูกเป็นผู้ที่มีมงกุฏหรือตะกร้าบนศีระษะของลูก
มีความแตกต่างระหว่างรับเอาตะกร้ามาไว้บนศีรษะและการสวมมงกุฏ ถ้ามีใครบางคนซึ่งสวมมงกุฏมายืนต่อหน้าลูก และอีกคนหนึ่งมีตระกร้าหลายใบบนศีรษะของเขา ลูกจะชอบคนไหน คนที่สวมมงกุฏหรือคนที่มีตระกร้า บาบามาเพื่อเอาตะกร้าของภาระนับจำนวนไม่ถ้วนออกไปแล้วทำให้ลูกเบาสบาย ลูกกลายเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล นั่นคือเป็นแสงและเบาสบายอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นลูกเป็นแสงและเบาสบายหรือไม่ (Avyakt 10/03/86)
ความซาบซึ้งหมายถึงความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ ผู้ซึ่งมีความซาบซึ้งทางดวงวิญญาณ ไม่กังวลเกี่ยวกับสิ่งใด ๆ พวกเขากลายเป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล บัดนี้ พวกเขาได้กลายเป็นจักรพรรดิ และพวกเขาก็ประกาศสิทธิในอาาณาจักรในอนาคตด้วย ใครก็ตามผู้มีความกังวลใด ๆ ไม่สามารถมีประสบการณ์ของความสุขของการเป็นพระราชาผู้ไร้กังวล ลูกจะมีอาณาจักรของโลก 21 ชาติ แต่ลูกจะได้รับอาณาจักรที่ไร้กังวลนี้พร้อมกับบัลลังก์หัวใจเพียงหนึ่งชาติระหว่างยุคนี้เท่านั้น (Avyakt 25/12/89)
เมื่อพ่ออยู่กับลูก ลูกก็เป็นจักรพรรดิผู้ไร้กังวล ลูกได้ให้ความกังวลทั้งหมดกับพ่อใช่ไหมลูก ลูกเฉลียวฉลาดในการให้สิ่งเหล่านั้นใช่ไหม หรือลูกมีความเฉลียวฉลาดที่จะดูแลพวกมัน ลูกฉลาดที่จะให้และฉลาดที่จะรับด้วย บางครั้งลูกพูดโดยเข้าใจผิดว่าความคิดของลูกมีความเศร้าเล็กน้อย มันเป็นของลูกจริง ๆ หรือ หรือมันได้กลายมาเป็น "ของลูก" หรือมันเป็นของลูกตลอด ณ เวลานั้น "จิตใจของฉันไม่ชอบมัน จิตใจของฉันไม่ได้คิดสิ่งนี้" คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่เป็นขยะ
การพูดว่ามันเป็นของฉันหมายถึงการตกไปในความลำบาก ดังนั้นลูกได้ให้ความคิดของลูกไปแล้ว หรือเก็บมันไว้กับตัวเอง หรือบางครั้งลูกนำมันกลับมาอีก อะไรเป็นภาษาของบราห์มิน ของฉัน หรือ ของท่าน ดังนั้น แล้วทำไมลูกยังต้องคิด นี่ไม่ได้เป็นภาษาในศัพท์ โดยการพูดว่ามันเป็นของลูก ลูกทำให้มันสกปรก ลูกได้ให้ความคิดของลูก ลูกได้ให้ร่างกายของลูก ลูกได้ให้ทรัพย์ของลูก ลูกเป็นผู้ดูแลและดังนั้นมันไม่ได้เป็นของลูก ลูกเป็นผู้ดูแลหรือเป็นผู้ครองเรือน การเป็นผู้ครองเรือนหมายถึง การมีสำนึกของการเป็น "ของฉัน" และการเป็นผู้ดูแลหมายถึงการมีสำนึกว่ามันเป็นของท่าน ดังนั้นลูกมีความเชื่อเช่นนี้ในตัวลูกหรือไม่ (Avyakt 18/02/94 กลุ่ม4)
Monday, August 19, 2013
คุณธรรม - องอาจ(Bravery)
ชัคตีเป็นที่รู้จักกันว่าเขาคือผู้ที่ขี่อยู่บนปีศาจ นั่นคือเขาผู้ซึ่งขี่อยู่บนสันสการ์ปีศาจ และดังนั้นชัคตีทั้งหมดองอาจใช่หรือไม่ ? (Avyakt 10/01/94)
ลูก ๆ ผู้ซึ่งดำรงมั่นคงอยู่ในการทำงานรับใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน คือผู้องอาจ (Avyakt 10/04/96)
Wednesday, August 7, 2013
คุณธรรม - ผู้ให้คุณประโยชน์(Benefactor)
ทุกคนรู้ที่จะเข้ากันได้ดีกับผู้ที่ไปได้ดีกับเขา อย่างไรก็ตามจงเปลี่ยนผู้ซึ่งมีทัศนคติของการให้โทษด้วยทัศนคติของการนำมาซึ่งประโยชน์ของลูก นั้นคือให้อภัยพวกเขา ลูกอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพวกเขา แต่ลูกสามารถที่จะให้อภัยพวกเขา ทำได้ไหม ลูกเป็นนายแห่งมหาสมุทรแห่งการให้อภัย ใช่ไหมลูก การให้อภัยของลูกจะกลายเป็นคำสอนสำหรับดวงวิญญาณนั้น ทุกวันนี้ไม่มีใครยอมรับเมื่อลูกสอนเขาด้วยคำพูด ทำเช่นนี้แล้วมันจะกลายเป็นการสอนสำหรับพวกเขา การให้อภัยหมายถึงการให้พรของความปรารถนาดีกับพวกเขา นี่คือวิธีการของการให้คำสอน (Avyakt13/02/91)
กระแสของความปรารถนาดีของลูกทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและทัศนคติของเพชรพลอยของความกังวลอย่างง่ายดาย
ดังนั้น ลูกผู้เ็ป็นเพชรพลอย ดวงวิญญาณผู้ซึ่งปรารถนาดีต่อทุกคน ได้รับความรักอย่างสูงสุดจากโลก เมื่อใดที่พวกเขามามีการติดต่อ พวกเขาจะไ้ด้รับประสบการณ์ว่าไม่มีใครอื่นที่เห็นได้ในโลกนี้ที่มีความปรารถนาดีกับผู้อื่นเช่นนี้ การมีความคิดบริสุทธิ์เป็นพื้นฐานพิเศษที่จะกลายเป็นผู้ซึ่งมีความปราถนาดีต่อผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นผู้ซึ่งจบสิ้นความไร้สาระของผู้อื่น และก็จบสิ้นความคิดไร้สาระที่พวกเขามีกับผู้อื่นด้วย
เมื่อมีความคิดบริสุทธิ์ ความกังวลก็จบสิ้นโดยอัตโนมัติ เพียงแต่การช่วยเหลือเหมือนกับฟางเส้นเดียวที่ทำให้หัวใจของผู้ที่กำลังจะจมน้ำมีความสุข มันให้ความหวังกับเขา เช่นเดียวกัน สภาวะของลูกที่มีความปรารถนาดีจะให้ประสบการณ์ของความหวังกับพวกเขา สภาวะของลูกจะให้ประสบการณ์ของการค้ำจุนกับพวกเขา (Avyakt10/11/87)
เวลานี้คือยุคแห่งการบรรจบพบกัน ถูกเรียกว่าเป็นยุคที่ให้ประโยชน์ นี่เป็นยุคที่ให้ประโยชน์และลูกดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่ให้คุณประโยชน์ ดังนั้น ลูกจดจำตัวลูกเองด้วยความเคารพตนเองของการเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์หรือไม่ ภาระกิจสำคัญ ณ ยุคแห่งการบรรจบพบกันเป็นการนำเสนอคุณประโยชน์ สิ่งแรกจะต้องมีประโยชน์สำหรับตัวเอง และพร้อมกันนั้นก็มีประโยชน์สำหรับผู้อื่น ดังนั้นลูกมีประสบการณ์ในตัวลูกเองถึงพลังอำนาจที่นำมาซึ่งประโยชน์หรือไม่ ลูกไม่ได้ถูกกระทบโดยอิทธิพลของบรรยากาศใช่ไหม บรรยากาศภายในโลกเป็นบรรยากาศที่สร้างอันตรายและการสูญเสีย ขณะที่บรรยากาศของลูกเป็นการนำมาซึ่งประโยชน์ ดังนั้น บรรยากาศที่เป็นอันตรายและการสูญเสียมีพลังอำนาจมากกว่า หรือบรรยากาศของการนำมาซึ่งประโยชน์มีพลังอำนาจมากกว่า ดังนั้น บรรยากาศของผู้อื่นไม่สามารถจะมีอิทธิพลกับลูก เขาเป็นผู้อ่อนแอ ขณะที่ลูกเต็มไปด้วยพลัง ผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจได้รับชัยชนะเหนือผู้ที่อ่อนแอ ผู้ที่อ่อนแอจะไม่มีชัยชนะเหนือผู้ที่ทรงพลังอำนาจ ไม่สำคัญว่าบรรยากาศมันจะไม่บริสุทธิ์เท่าใด ลูกเป็นเพื่อนของพ่อผู้ทรงฤทธิ์ผู้มีสิทธิและอำนาจเฉียบขาด ทีใดมีพระเจ้าก็มีชัยชนะ ดังนั้นลูกคือผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ ลูกได้ประกาศท้าทายว่าลูกเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก เป็นยุคแห่งการให้ประโยชน์ ลูกดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ และพ่อก็เป็นผู้ให้คุณประโยชน์ด้วย ดังนั้น จึงมีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก ลูกมีพลังอำนาจของเวลา ลูกมีพลังอำนาจของตัวลูกเอง และลูกก็มีพลังอำนาจของพ่อด้วย ดังนั้น เพียงแต่จดจำว่า สำหรับชาวโลกมันเป็นเวลาของอันตรายและการสูญเสีย ขณะที่สำหรับลูก มันเป็นเวลาของการให้ประโยชน์ ชาวโลกสามารถเห็นเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้น แต่สำหรับลูกแล้วพร้อมกับการทำลายล้าง ลูกก็จะมีการก่อตั้งอยู่ตรงหน้าของลูก จงมีความคิดที่สูงส่งปรากฏขึ้นคงอยู่ในหัวใจเสมอ ๆ ว่า การก่อตั้งนั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นจงจดจำตัวเองและเวลาอย่างสม่ำเสมอ ตัวเองเป็นผู้ให้ประโยชน์ และเวลาก็ให้ประโยชน์เช่นกัน ด้วยการตระหนักรู้นี้ ลูกก็จะอยู่อย่างผู้พิชิตมายาและธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ มันไม่ควรที่จะเป็นการขึ้น ๆ ลง ๆ แม้แต่น้อย ลูกควรจะเป็นผู้ที่ไม่สามารถจะถูกเขย่า ไม่โยกคลอน และมั่นคง ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกขึ้น ๆ ลง ๆ จากศรัทธานี้ (Avyakt 02/12/96 กลุ่ม6)
มีประโยชน์ไม่ว่าที่ใดที่มีการรับใช้อย่างที่เป็นกลุ่ม เมื่อลูกทำไป ขณะที่เห็นสันสการ์ของคนอื่นด้วยสายตาที่เมตตาและไม่เก็บสันสการ์ของพวกเขาไว้ตรงหน้าลูก (Avyakt 09/12/75)
ลูกทั้งหมดมีประสบการณ์ว่าตัวลูกเองเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก เป็นลูกของพ่อผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกหรือไม่ อะไรเป็นความพิเศษของดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก ดวงวิญญาณผู้นำมาซึ่งประโยชน์ต่อโลกทั้งหมด จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยสมบัติทั้งหมด ดังนั้น ลูกมีสมบัติทั้งหมดอย่างมากล้นหรือไม่ ลูกมีสมบัติมากเท่าไร ลูกมีสมบัติมากมายใช่หรือไม่ มีเพียงแต่ดวงวิญญาณผู้มีสมบัติทั้งหมดอย่างเหลือล้นเท่านั้นที่จะสามารถที่จะให้สมบัติกับผู้อื่นได้ ถ้าลูกมีสมบัติของความรู้ ควรจะเป็นความรู้ที่สมบูรณ์ เพียงแต่เมื่อไม่มีอะไรขาดไปเลย ลูกจึงจะถูกเรียกว่าผู้เปี่ยมล้น ดวงวิญญาณที่ให้คุณประโยชน์ต่อโลก จะคงอยู่อย่างไม่ว่างเว้นในงานรับใช้ทุก ๆ ขณะสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของพวกเขา ในคำพูดของพวกเขา ในการกระทำของพวกเขา หรือ ในการติดต่อและสัมพันธ์ของพวกเขา (Avyakt18/02/94 กลุ่ม1)
Tuesday, August 6, 2013
คุณธรรม - การปรับตัว(Adaptability)
อะไรคือภาพลักษณ์ของสภาวะสมบูรณ์พร้อมแห่งยุคบรรจบพบกัน อะไรคือความพิเศษของร่างแสง สิ่งหนึ่งคือความเบาสบายอย่างเต็มเปี่ยม เพราะว่าความเบาสบายนั้น พวกเขาสามารถปรับสภาพของพวกเขาไปตามสภาวะแวดล้อม ผู้ซึ่งมีความหนักหน่วงไม่สามารถปรับตัวพวกเขาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใด ๆ ได้ ดังนั้นความพิเศษหลักของร่างแสงก็คือ พวกเขาสามารถคงอยู่ในความเบาสบายในทุก ๆ รูปแบบ พวกเขาเบาสบายในความคิด เบาสบายในคำพูด เบาสบายในการกระทำ และเบาสบายในความสัมพันธ์ ถ้ามีความเบาสบายในสี่ประเด็นนี้แล้ว นั่นก็คือสภาวะของร่างแสง ดังนั้นจงตรวจสอบดูว่ามีความเบาสบายในระดับใดในสี่ประเด็นนี้ ผู้ซึ่งเบาสบายจะสามารถรู้สันสการ์ของดวงวิญญาณใดก็ตามใน 1 วินาที พวกเขาสามารถที่จะตัดสินใจใน 1 วินาทีเกี่ยวกับสถานการณ์อะไรก็ตามจะมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา นี่เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นร่างแสง เมื่อคุณธรรมทั้งหมดนี้สามารถเห็นได้ในทางปฏิบัติของลูก แล้วก็จะเข้าใจว่าสภาวะที่สมบูรณ์พร้อมของลูกอยู่เบื้องหน้า (Avyakt 25/12/69)
การหลอมตัวเองหมายถึงการกลายเป็นทองแท้ การหลอมผู้อื่นหมายถึงเป็นทองผสม(Avyakt01/02/80)
นิสัยของลูกควรจะเป็นเช่นว่า ลูกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนต่อทุกสิ่ง พลังของการปรับเปลี่ยนจะทำให้ลูกเป็นผู้พิชิตสม่ำเสมอ ลูกเห็นพ่อบราห์มา : กับเด็ก ๆ ท่านจะกลายเป็นเด็กและปรับเปลี่ยนตัวท่าน ท่านจะกลายเป็นผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่และปรับเปลี่ยนตัวท่าน ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตที่ขาดแคลนหรือชีวิตที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ลูกควรที่จะสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวลูกกับทั้งสองสิ่งด้วยความสุข ไม่ใช่หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน ลูกไม่มีความสุขที่นี่
แต่แทนที่จะมีประสบการณ์ของความสุข ลูกเริ่มคิดเกี่ยวกับมันเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น มันเกิดขึ้นได้อย่างไร" ผู้ซึ่งคิดมากจะต้องใช้เวลาที่จะมีประสบการณ์ของความพอใจของการปรับเปลี่ยนตัวเอง ตรวจสอบตัวลูกเอง : ไม่ว่าสถานการณ์อะไรจะเป็นอะไร ไม่ว่ามันจะดีหรือมันทำให้ลูก ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวลูกเองทุก ๆ ขณะ กับทุก ๆ สถานการณ์หรือไม่
ลูกต่างชาติชอบที่จะอยู่ตามลำพัง และพวกเขาก็ชอบที่จะมีเพื่อนเป็นอย่างมากด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าลูกจะอยู่โดยมีบางคนเป็นเพื่อนหรืออยู่คนเดียว ชีวิตบราห์มินมันสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทั้งสองกรณี มันไม่ควรจะเป็นว่าในการชุมนุมลูกรู้สึกหนักหัวและพูดว่า "ไม่ ฉันชอบที่จะอยู่ตามลำพัง ฉันไม่ชอบความวุ่นวายนี้ ฉันต้องการอยู่คนเดียว"
จิตใจสามารถที่จะอยู่ตามลำพัง นั่นคือจากการมองออกไปภายนอกเพียงแต่กลับเข้ามาภายใน แค่นี้ก็คือการสันโดษ บางคนพูดว่าเขาต้องการห้องเป็นการส่วนตัว เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับใคร ๆ ได้ แม้แต่ถ้าลูกได้รับห้องสำหรับตัวเองและนอนหลับด้วยความพอใจ และแม้แต่ถ้าลูกจะต้องนอนในห้องเดิมกับอีก 10 คน ก็จงหลับด้วยความพอใจ แล้วลูกต่างชาติสามารถที่จะนอนกับคนอื่นอีก 10 คนในห้องเดียวกันหรือไม่ มักยากไหม ลูกนอนได้ไหม (ฮา จี) อัชชา ปีหน้า 20 คนจะถูกรวมอยู่ในห้องเดียวกัน
เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อมีแม้แต่เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ถูกรบกวน นี่ถูกเรียกว่าสภาวะที่เปราะบาง ธรรมชาติที่เปราะบาง ดังนั้นลูกไม่ควรที่จะมีธรรมชาติที่เปราะบาง ลูกควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตัวลูกเองตามกาลเวลา
เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อมีแม้แต่เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็ถูกรบกวน นี่ถูกเรียกว่าสภาวะที่เปราะบาง ธรรมชาติที่เปราะบาง ดังนั้นลูกไม่ควรที่จะมีธรรมชาติที่เปราะบาง ลูกควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตัวลูกเองตามกาลเวลา
การฝึกฝนนี้จะเป็นประโยชน์กับลูกอย่างมากในเวลาสุดท้าย เพราะว่าสถานการณ์จะไม่คงที่เหมือนเดิม ๆ และกระดาษสอบสุดท้ายของลูกจะเกิดขึ้น ระหว่างเวลาที่เปราะบางเป็นอย่างมาก มันจะไม่เกิดขึ้นระหว่างเวลาที่สุขสบาย มันจะเกิดขึ้นระหว่างเวลาที่คับขัน ถึงขั้นที่ว่าลูกต้องมีพลังอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองบัดนี้ ถึงขั้นที่ว่าลูกจะสามารถผ่านไปอย่างมีเกียรติ
กระดาษข้อสอบจะไม่ใช้เวลานาน มันจะใช้เวลาที่สั้นมาก แต่ลูกจำต้องทำข้อสอบในสภาวะที่คับขัน ซึ่งมันจะเป็นไปทั้งสี่ทิศ ดังนั้นทำตัวลูกเองให้ทรงพลังอำนาจในลักษณะนิสัยของตัวลูกเองด้วย "ฉันจะสามารถทำอะไรได้หรือ ลักษณะของฉันเป็นอย่างนี้ นิสัยของฉันเป็นอย่างนี้" มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ นี่ที่รู้กันว่าเป็นลักษณะที่อ่อนแอ (Avyakt26/02/95)
แม้แต่ถ้าวัตถุธาตุทั้งห้า หรือแม้แต่ดวงวิญญาณหลายดวงต่อต้าน พวกเขาจะต่อต้านลูก แต่เพราะลูกมีศรัทธาที่มั่นคง ลูกจะสามารถเผชิญกับการต่อต้านของพวกเขา ด้วยอำนาจของการปรับตัว (Avyakt31/12/96)
ผู้ซึ่งมีลักษณะที่ง่าย ๆ สามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปหลายรูป ลูกสามารถทำสิ่งที่อ่อนนิ่มเป็นรูปร่างใดก็ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าลูกจะกลายเป็นทอง บัดนี้ลูกจะต้องหลอมทองนั้นในไฟ เพื่อว่ามันจะสามารถทำเป็นรูปได้ เพราะความอ่อนแอในสิ่งนี้ ก็ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในงานรับใช้
แม้แต่ถ้าวัตถุธาตุทั้งห้า หรือแม้แต่ดวงวิญญาณหลายดวงต่อต้าน พวกเขาจะต่อต้านลูก แต่เพราะลูกมีศรัทธาที่มั่นคง ลูกจะสามารถเผชิญกับการต่อต้านของพวกเขา ด้วยอำนาจของการปรับตัว (Avyakt31/12/96)
ผู้ซึ่งมีลักษณะที่ง่าย ๆ สามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปหลายรูป ลูกสามารถทำสิ่งที่อ่อนนิ่มเป็นรูปร่างใดก็ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าลูกจะกลายเป็นทอง บัดนี้ลูกจะต้องหลอมทองนั้นในไฟ เพื่อว่ามันจะสามารถทำเป็นรูปได้ เพราะความอ่อนแอในสิ่งนี้ ก็ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในงานรับใช้
ลูกได้มายัง บัทติ (Bhatti - การร่วมทำสมาธิอย่างเข้มข้น) เพื่อที่จะเรียนรู้ เพื่อเปลี่ยนรูปตัวลูกเอง พลังที่จะขึ้นรูปใหม่เป็นสิ่งหนึ่ง และอีกสิ่งหนึ่งคืออำนาจที่จะหยุด เวลามากเท่าไรที่ลูกควรจะใช้ในการเปลี่ยนรูปใหม่ให้ตัวลูกเอง ถึงแม้ว่าลูกรู้ว่าจะเปลี่ยนรูปใหม่อย่างไร
บางครั้งลูกก็ใช้เวลานาน ลูกจะต้องมีความคิดเช่นนี้ว่าลูกไม่ได้ใช้เวลานาน ขณะที่ลูกมีความคิด มันควรจะได้รับรูปในทางปฏิบัติได้ ลูกจะต้องทำรูปให้ปรากฏ Bhatti ในสภาวะเช่นนี้ แต่ละความคิดและคำพูดของลูกก็จะปรากฏในทางปฏิบัติ (Avyakt06/12/69)
ผู้ซึ่งมีสติปัญญาที่ละเอียดอ่อน สามารถจะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองในทุก ๆ สถานการณ์ พวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองไปตามสถานการณ์ พวกเขาจะมีความกล้าหาญในการจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง พวกเขาไม่เคยสับสน แต่พวกเขาจะเจาะลึกเข้าไปในสถานการณ์อะไรก็ตาม และเคลื่อนไหวไปตามความเหมาะสม เพียงแต่เมื่อลูกเบาสบาย ลูกจึงจะสามารถเปลี่ยนรูปตัวลูกเอง
ผู้ซึ่งมีสติปัญญาที่ละเอียดอ่อน สามารถจะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองในทุก ๆ สถานการณ์ พวกเขาสามารถที่จะเปลี่ยนรูปตัวเขาเองไปตามสถานการณ์ พวกเขาจะมีความกล้าหาญในการจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง พวกเขาไม่เคยสับสน แต่พวกเขาจะเจาะลึกเข้าไปในสถานการณ์อะไรก็ตาม และเคลื่อนไหวไปตามความเหมาะสม เพียงแต่เมื่อลูกเบาสบาย ลูกจึงจะสามารถเปลี่ยนรูปตัวลูกเอง
มีเพียงบางสิ่งเมื่อมันร้อนและอ่อนที่มันสามารถจะเปลี่ยนรูปได้ ถ้าอันใดอันหนึ่งขาดหายไปมันก็จะไม่เปลี่ยนรูป ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ถ้ามันถูกทำให้ร้อนและถูกทำให้อ่อน มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนรูปได้ อะไรเป็นความร้อนและความอ่อน ณ ที่นี้ ความอ่อนคือความถ่อมตน และความร้อนเป็นรูปของพลังอำนาจ ความถ่อมตนหมายถึงรูปของความรัก ผู้ซึ่งมีความรักให้กับทุก ๆ ดวงวิญญาณจะสามารถคงอยู่ในความถ่อมตน ถ้าไม่มีความรัก พวกเขาก็จะไม่สามารถกลายเป็นผู้ที่มีความเมตตา หรือไม่สามารถที่จะเป็นผู้ที่ถ่อมตน นี่เองที่ทำไมถึงต้องมีความถ่อมตนและรูปของพลังอำนาจ
นั่นคือไปถึงขีดที่ลูกมีความถ่อมตน ควรจะมีความรู้สึกของการเป็นนาย ควรจะเป็นความรู้สึกของการเป็นนายนในรูปของพลังอำนาจ และในความถ่อมตน ควรจะมีคุณธรรมของงานรับใช้ ควรจะเป็นงานรับใช้และความรู้สึกของการเป็นนายด้วย ลูกควรจะเป็นผู้รับใช้และมีความซาบซึ้งของการเป็นนายของโลกด้วย เมื่อลูกมีทั้งสองสิ่งนี้ คือความอ่อนและความร้อน ลูกจะสามารถเปลี่ยนรูปตัวลูกเองในทุก ๆ กรณี ลูกทุกคนจะต้องตรวจสอบว่า สติปัญญานั้นมีสมดุลเสมอกับความร้อนและความอ่อน บางครั้งความถ่อมตนจนเกินไปเป็นสาเหตุของความเสียหาย และบางครั้งความรู้สึกเป็นนายเกินขอบเขตก็ก่อให้เกิดความเสียหาย นี่เองที่ทำไมจึงควรมีความสมดุลของทั้งสอง มันจะมีความยิ่งใหญ่อย่างมาก เมื่อมีความเท่าเทียมกัน (Avyakt20/12/69)
สร้างแบบพิมพ์สำหรับอนาคตอันสูงส่งในดวงวิญญาณผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัว นี่เป็นการให้บริการระดับทองคำสำหรับการเฉลิมฉลอง 50 ปี จงมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นทองคำแท้ ด้วยการทำรูปตัวลูกเองให้เหมาะสมกับทุก ๆ งาน (Avyakt30/12/85)
พลังอำนาจพิเศษอะไรที่ลูกต้องการที่จะทำให้การชุมนุมของลูกเต็มไปด้วยพลังอำนาจและการเป็นหนึ่ง โดยที่ความคิดไร้ประโยชน์ทั้งหมดจะจบสิ้น สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องการศรัทธาและพลังอำนาจของการปรับตัว สายใยที่เชื่อมการชุมนุมคือความศรัทธา แม้แต่ถ้าใครบางคนได้ทำบางสิ่งไม่ถูกต้อง อะไรก็ตามที่เขาทำตามสันสการ์ของเขา และ ณ เวลานั้นมีความสำคัญสำหรับการชุมนุม มีประโยชน์ไม่ว่าที่ไหนมีการทำงานรับใช้ที่เป็นกลุ่ม เมื่อลูกกำลังทำงานในขณะที่เห็นสันสการ์ของคนอื่นด้วยการมองที่เต็มไปด้วยความเมตตา และไม่เก็บสันสการ์ของพวกเขาไว้เบื้องหน้าลูก เพียงแต่เมื่อการชุมนุมมีความศรัทธาเช่นนี้ในกันและกัน จึงจะสามารถมีความสำเร็จ ลูกไม่ควรจะมีความคิดไร้สาระล่วงหน้า
สร้างแบบพิมพ์สำหรับอนาคตอันสูงส่งในดวงวิญญาณผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัว นี่เป็นการให้บริการระดับทองคำสำหรับการเฉลิมฉลอง 50 ปี จงมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นทองคำแท้ ด้วยการทำรูปตัวลูกเองให้เหมาะสมกับทุก ๆ งาน (Avyakt30/12/85)
พลังอำนาจพิเศษอะไรที่ลูกต้องการที่จะทำให้การชุมนุมของลูกเต็มไปด้วยพลังอำนาจและการเป็นหนึ่ง โดยที่ความคิดไร้ประโยชน์ทั้งหมดจะจบสิ้น สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องการศรัทธาและพลังอำนาจของการปรับตัว สายใยที่เชื่อมการชุมนุมคือความศรัทธา แม้แต่ถ้าใครบางคนได้ทำบางสิ่งไม่ถูกต้อง อะไรก็ตามที่เขาทำตามสันสการ์ของเขา และ ณ เวลานั้นมีความสำคัญสำหรับการชุมนุม มีประโยชน์ไม่ว่าที่ไหนมีการทำงานรับใช้ที่เป็นกลุ่ม เมื่อลูกกำลังทำงานในขณะที่เห็นสันสการ์ของคนอื่นด้วยการมองที่เต็มไปด้วยความเมตตา และไม่เก็บสันสการ์ของพวกเขาไว้เบื้องหน้าลูก เพียงแต่เมื่อการชุมนุมมีความศรัทธาเช่นนี้ในกันและกัน จึงจะสามารถมีความสำเร็จ ลูกไม่ควรจะมีความคิดไร้สาระล่วงหน้า
บางดวงวิญญาณแม้แต่จะสามารถตระหนักรู้ถึงความผิดของตัวเขาเอง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่กระจายความผิดนั้นไปสู่ผู้อื่น แต่พวกเขาก็จะหลอมละลายมันไปในตัวเขา ถ้าผู้อื่นจะกระจายเรื่องราวของความผิดนั้นของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ชอบมัน ในทำนองเดียวกันลูกควรจะคิดว่า ความผิดของผู้อื่นเป็นของลูกเอง และไม่ถ่ายทอดมันไปยังผู้อื่น ลูกไม่ควรจะสร้างความคิดไร้ประโยชน์ แต่ควรปรับเข้ากับความผิดของพวกเขาแทน ควรจะมีศรัทธามากเช่นนั้นในกันและกัน ลูกควรจะสามารถทำให้ทุกสิ่งถูกต้องด้วยอำนาจของความรัก ด้วยการมีศรัทธาทั้งสองชนิดนี้ ลูกควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับกันและกัน เพียงเท่านี้ก็จะมีความสำเร็จในการชุมนุม สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องการอำนาจในการปรับเปลี่ยนในระดับที่มากกว่า ลูกจะต้องสลายความคิดที่ไร้ประโยชน์ จะต้องไม่เปรียบเทียบสันสการ์ในอดีตกับของปัจจุบัน นั่นคืออย่าทำให้อดีตเป็นปัจจุบันของลูก
นั่นคือเมื่อลูกปนปัจจุบันกับอดีต ลูกก็จะสร้างแถวยาวของความคิดไร้ค่า และนานเท่านานที่มีแถวยาวของความคิดไร้ค่านี้ มันก็จะไม่มีความมั่นคงของสภาวะเป็นหนึ่งภายในการชุมนุม การที่คิดว่าความผิดของคนอื่นเป็นของตัวลูกคือการเพิ่มพลังอำนาจให้กับชุมนุม นี่มันจะเกิดขึ้นเมื่อลูกมีศรัทธาในกันและกัน ศรัทธาที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและการนำมาซึ่งประโยชน์ เหมือนอย่างเช่นความสำเร็จของดวงวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่จดจำ เช่นเดียวกันทุก ๆ คนภายในการชุมนุมของลูกควรจะมีความคิดเดียวกัน เพราะว่ามันไม่มีพลังอำนาจของการรวมความคิดในรูปแบบของการสะสมทุก ๆ ความเสียหาย
เพียงแต่เพราะพลังอำนาจได้เสียหายไปอย่างไร้ค่า เช่นเดียวกันผลก็จะไม่ดี และดังนั้น ลูกต้องการพลังของการปรับตัวอย่างแน่นอน อะไรก็ตามที่ลูกเห็นหรือได้ยิน ละลายมันทิ้งอย่างสิ้นเชิง ภายในตัวลูกเอง และแล้วจงมีสายตาที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณและความรู้สึกให้คุณประโยชน์ สำหรับผู้ซึ่งไม่มีความรู้ ลูกพูดว่าลูกจะต้องยกระดับผู้ซึ่งประฌามลูก เช่นกันภายในการชุมนุมลูกจะต้องมีความเมตตาต่อกันและกัน ณ เวลาปัจจุบันลูกมีความเมตตาไม่มาก และการฝึกฝนเป็นสภาวะของสำนึกว่าเป็นดวงวิญญาณก็ขาดหายไป
เมื่อความรู้นั้นสูงส่งมากและลูกก็มีสภาวะที่เต็มไปด้วยอำนาจ ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ลูกจะต้องไม่ใช้พลังอำนาจไปต่อต้านภายในชุมนุมของบราห์มิน ลูกจะต้องใช้พลังอำนาจไปต่อต้าน เมื่ออยู่ตรงหน้ามายา เมื่อลูกใช้พลังอำนานจไปต่อต้านภายในครอบครัว การชุมนุมจะไม่กลายเป็นชุมนุมที่ทรงพลังอำนาจ แม้ว่าถ้าลูกไม่ชอบบางสิ่ง ลูกก็ควรที่จะมีความเคารพซึ่งกันและกัน ลูกไม่ควรที่จะหยุดความคิดหรือคำพูดของใครบางคน ณ เวลานั้น ดังนั้น บัดนี้ลูกต้องซึมซับพลังอำนาจของการปรับตัว (Avyakt 09/12/75)
เมื่อความรู้นั้นสูงส่งมากและลูกก็มีสภาวะที่เต็มไปด้วยอำนาจ ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ลูกจะต้องไม่ใช้พลังอำนาจไปต่อต้านภายในชุมนุมของบราห์มิน ลูกจะต้องใช้พลังอำนาจไปต่อต้าน เมื่ออยู่ตรงหน้ามายา เมื่อลูกใช้พลังอำนานจไปต่อต้านภายในครอบครัว การชุมนุมจะไม่กลายเป็นชุมนุมที่ทรงพลังอำนาจ แม้ว่าถ้าลูกไม่ชอบบางสิ่ง ลูกก็ควรที่จะมีความเคารพซึ่งกันและกัน ลูกไม่ควรที่จะหยุดความคิดหรือคำพูดของใครบางคน ณ เวลานั้น ดังนั้น บัดนี้ลูกต้องซึมซับพลังอำนาจของการปรับตัว (Avyakt 09/12/75)
Monday, August 5, 2013
คุณธรรม - ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)
ถ้ามีความสำเร็จสำหรับตัวเองแต่ไม่มีสำหรับผู้อื่น นั่นไม่ใช่การรับใช้ที่ถูกต้องแม่นยำ ถ้าผู้อื่นประสบความสำเร็จ แต่ตนเองไม่ได้รับความสำเร็จมันก็ไม่ใช่การรับใช้ที่ถูกต้องแม่นยำด้วยเช่นกัน (Avyakt 08/04/92)
จิตใจ สติปัญญา หัวใจ และร่างกาย สี่สิ่งนี้ควรจะอยู่พร้อมกับพ่อในสภาวะที่ทัดเทียมกับพ่อ นี่เป็นความอุตสาหะทางดวงวิญญาณที่ถูกต้องแม่นยำ (Avyakt 22/03/90)
คุณธรรมของความบริสุทธิ์นำมาซึ่งความคิด คำพูด การกระทำ และความฝันที่ถูกต้องแม่นยำโดยอัตโนมัติ อะไรคือความหมายของความถูกต้องแม่นยำ สิ่งแรกความถูกต้องแม่นยำ หมายถึง ยุคตี-ยุทธ (Yukti-Yukt การใช้ยุทธวิธีที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง) สิ่งที่สอง ความถูกต้องแม่นยำหมายถึง มันจะมีนัยสำคัญในทุก ๆ ความคิด นัยสำคัญของความถูกต้อง มันจะไม่เป็นโดยปราศจากนัยสำคัญ คำพูดจะไม่พูดหรือจะไม่ปรากฏออกมา อย่างเช่น "ทำไปอย่างนั้นเอง มันเพียงแต่เกิดขึ้น" ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์เช่นนี้จะมีความถูกต้องแม่นยำอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ การกระทำ นั่นคือทุก ๆ การกระทำของตารางเวลาประจำวัน ดวงวิญญาณเต็มไปด้วยความรู้ ดังนั้นทุกการกระทำตามตารางเวลาประจำวันนั้นได้รับการบูชา มีการให้นิมิตจากการกระทำที่มีผลโดยตรงของพวกเขาทั้งหมด ตั้งแต่เวลาที่พวกเขาตื่นขึ้น ไปจนถึงเวลาที่พวกเขาเข้านอน ถ้าการกระทำไม่ได้แสดงอย่างถูกต้องแม่นยำ หรืออย่างสม่ำเสมอตามตารางเวลา การบูชาของพวกเขาก็จะไม่สม่ำเสมอด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำตามตารางเวลาของการตื่นขึ้น ณ อมฤตเวลาในเวลาที่ถูกต้องแม่นยำ และแล้วผู้ที่บูชาเขาก็จะไม่สม่ำเสมอในการบูชากราบไหว้เขาอย่างถูกต้องแม่นยำ ผู้บูชากราบไหว้จะไม่ตื่นขึ้นมากราบไหว้พวกเขาให้ตรงเวลาด้วยเช่นกัน พวกเขาจะบูชาเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาอยากจะทำ หรือถ้าดวงวิญญาณไม่ได้มีประสบการณ์ในสภาวะของการตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ ถ้าพวกเขานั่งอยู่ในโยคะอย่างท้อแท้สิ้นหวัง บางครั้งเกียจคร้าน บางครั้งตื่นตัว และแล้วผู้บูชากราบไหว้ก็จะบูชาเขาด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง หรือด้วยความเกียจคร้าน จะไม่ถูกต้องแม่นยำในวิธีการ ด้วยวิธีนี้ มันมีอิทธิพลกับทุก ๆ การกระทำของตารางเวลาที่จะกลายเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การบูชา ลูกเข้าใจไหม ไม่ก้าวหน้าไปในหนทางที่ถูกต้องแม่นยำหรือไม่สม่ำเสมอในการทำตามตารางเวลา ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นร่องรอยของความไม่บริสุทธิ์เพราะว่าความเกียจคร้านเป็นกิเลส เป็นเช่นการขาดความระมัดระวัง การกระทำที่ไม่ถูกต้องแม่นยำเป็นกิเลส ดังนั้นเป็นร่องรอยของความไม่บริสุทธิ์ใช่หรือไม่ ด้วยเหตุผลนี้ สถานภาพของการเป็นผู้มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาก็เป็นไปตามลำดับ ดังนั้น อะไรคือรากฐานความบริสุทธิ์ (Avyakt 17/10/87)
เมื่อลูกได้มีการติดต่อกับใครบางคน ถ้าลูกไม่ได้แยกแยะความรู้สึกและอารมณ์ของพวกเขาหรือถ้าหลังจากแยกแยะ ลูกไม่ได้ทำการตัดสินใจอย่างถูกต้องแม่นยำ แล้วลูกก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จในงานใด ๆ ลูกจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้คน แล้วลูกก็ต้องเอาชนะสถานการณ์ด้วย ทั้งสองสิ่งนี้จะต้องเผชิญในชีวิต
นานเท่าไรที่มีการสะสมความสำเร็จ และชัดเจนแค่ไหนที่รายละเอียดของวิธีการที่ใช้ได้ถูกสะสมไว้ในวิธีที่ถูกต้องแม่นยำ พื้นฐานของวิธีการของลูกคือทัศนคติที่สูงส่ง ถ้าทัศนคติของลูกสูงส่ง วิธีการของลูกก็ถูกต้องแม่นยำ ถ้าวิธีการถูกต้องแม่นยำผลก็คือความสำเร็จ และดังนั้นเมล็ดของวิธีการและความสำเร็จคือทัศนคติ (Avyakt 06/12/87)
ไม่มีสิ่งใดถูกต้องแม่นยำในคัมภีร์ใด ๆ เพียงเมื่อพ่อได้มาเท่านั้น ท่านจึงสามารถให้ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำแก่ลูก (Sakar 18/04/96)
ความศรัทธาที่ถูกต้องแม่นยำคือ บัดนี้ฉันได้กลายเป็นของพ่อดวงวิญญาณสูงสุด และฉันจดจำได้ ยอมรับ และทำตาม ให้สำนึกว่าฉันเองเป็นดวงวิญญาณ และรู้จักพ่ออย่างที่ท่านเป็น นี่คือศรัทธาที่ถูกต้องแม่นยำ (Avyakt 04/12/95)
Subscribe to:
Posts (Atom)