Saturday, March 25, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 1

บทที่ 4 วันของลูกสาว



สี่ชีวิตในหนึ่งร่าง

“ฉันเกิดสี่ครั้งในชีวิตนี้” ซิลเตอร์ซันเดอริจิ (Sister Sunderiji) ได้เขียนไว้

“ชีวิตหนึ่งคือการเกิดธรรมดา ที่ทุก ๆ คนมีประสบการณ์เช่นกัน หลังจากนั้น พ่อแม่ของฉันก็เลี้ยงดูให้ฉันเติบโต เมือฉันอายุมากขึ้นและแต่งงาน วันนี้มันเป็นการเกิดครั้งที่สอง เพราะว่าสำหรับผู้หญิง การแต่งงาน หมายถึงการตัดขาดจากชีวิตเก่า มีข้อผูกมัดอันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน บรรยากาศ ภาระ ทุก ๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปหมด วันที่เป็นอิสระสำหรับหญิงสาว และไม่ขึ้นกับใคร และ วันแห่งบริสุทธิ์ ได้มาถึงจุดสุดท้าย ชีวิตที่ต้องยอมเต็มไปด้วย ความกังวล และความรับผิดชอบเริ่มขึ้น เธอต้องละเลิกหลายสิ่ง ตามปกติผู้หญิงทุกคน จะผ่านการเกิดทั้งสองนี้ แต่นอกจากการเกิดทั้งสองแล้ว ฉันได้ผ่านการเกิดอีก 2 ครั้ง
ครั้งแรก ฉันได้เกิดใหม่ในความรู้ของพระเจ้า บาบาเป็นเพียงผู้ที่ฉันผูกพันอยู่ด้วยเท่านั้น หลังจากที่เกิด “ฉันไม่มีใครอื่นอีกเลย นอกจากพระเจ้า สามีผู้สูงสุดของฉัน ซึ่งอยู่ในความทรงจำของฉัน”

นี่คือการใกล้ของสันสการ์เก่า ด้วยการซึมซับ คุณธรรมและความบริสุทธิ์ และวิถีทางใหม่ ในการเกี่ยวข้องกับผู้ชาย มันช่างยากเสียจริง ๆ ในโลกเรา ก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ต่อไป และเราจะต้องลืมไปให้หมด นี้ไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยที่จะทำให้สำเร็จได้ มันถูกตั้งชื่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ตายทั้งที่มีชีวิต” สันสการ์แข็งขึ้นหลังจาก ผ่านชีวิตมาหลายชีวิต บัดนี้ ถึงเวลาที่จะต้องถอนราก ออกจากดวงวิญญาณในหนึ่งวินาที ใช่... มันยากลำบากอย่างมากทีเดียว แต่ความรู้สึกของความสะอาด และความสูงส่งที่ยิ่งใหญ่ ทำให้มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง บราห์มินทุก ๆ คน มีประสบการณ์ กับชีวิตนี้ที่มีความสุขเหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัส แต่การเกิดครั้งที่สี่นั้น มีน้อยคนนักที่จะได้เกิดเช่นนี้

มันเป็นประสบการณ์ที่สูงส่งอย่างแท้จริง พระเจ้าได้ประทานสติปัญญาที่แจ่มชัด ผู้สร้างแห่งนิมิตที่สูงส่ง ได้ผลักฉันเข้าไปอยู่ในอนาคต ในยุคทอง
“วันหนึ่ง ชีพบาบา บอกพวกเรา ให้อยู่แต่เพียงในห้องของพวกเราสองสามวัน ให้กินแต่ผลไม้และนมเท่านั้น ไม่ให้พูดกับผู้ใดเลย และให้อยู่ในโยคะ ที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่อง ฉันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่จะทำตามนั้น เพราะว่า ความปิติสุขของการอยู่ในสมาธิ คือ ความสุขที่ยิ่งใหญ่ของฉัน”

“ดังนั้น ฉันจึงนั่งอยู่ และเผชิญหน้ากับพระอาทิตย์แห่งความรู้ และฉันก็ผลิดอกบาน เช่นดอกทานตะวัน ฉันไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่คิดถึงพระเจ้า ท่านได้กลายมาเป็นทั้งชีวิตของฉัน สันสการ์ทั้งหมดของฉัน จมหายไปในการคิดถึงนี้ ฉันได้ลืมเลือนโลกทั้งโลก ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันลืมแม้แต่ชื่อของตนเองอย่างสิ้นเชิง อายุ รูปร่างหน้าตา ฉันจำคนอื่นไม่ได้เลย มีเพียงแต่พระเจ้า เท่านั้น และแล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น”

“ฉันมีประสบการณ์ ของการเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ของครอบครัวแห่งราชนิกูลของโลกยุคทองในอนาคต ฉันเข้าใจภาษาพูดที่นั่น ซึ่งแตกต่างจากภาษา ที่มีบนโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ฉันเป็นดวงวิญญาณที่มีความบริสุทธิ์อย่างงดงามวิจิตร ฉันไม่รู้จัก แม้แต่ความหมายของคำว่า “ปรารถนา” ความโกรธและความโลภก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ความบริสุทธิ์สูงสุดเช่นนี้ กระจายออกมาจากดวงวิญญาณทุกดวงในโลกนั้น”

ดวงตาของฉันยังคงเป็นเช่นเดิม แต่จิตใจซึ่งดวงวิญญาณมองผ่านมานั้นเปลี่ยนไป ในระหว่างช่วงเวลานี้ ฉันมองทุกคนด้วยนิมิตที่สูงส่ง พระเจ้า ผู้ที่ล่วงรู้กาลเวลาทั้ง 3 ให้ฉันได้มีพลังในช่วงสั้น ๆ ในฉันเห็นพี่น้องชาย-หญิง ของสถาบันที่อยู่ในรูปในอนาคตของพวกเขาแห่งอาณาจักรเทพ ฉันรู้จักชื่อและสถานภาพของพวกเขา เมื่อเขาถามฉันว่าฉันเป็นใคร ฉันบอกชื่อที่สูงส่งของฉัน ทำให้พวกเขารู้ว่า ฉันเป็นเจ้าหญิงของโลกในอนาคต และฉันบอกพวกเขาถึงที่อยู่และอายุ
ฉันบอกพวกเขาว่า กษัตริย์ คือใคร และบอกพวกเขาเกี่ยวกับอาณาจักร และเมื่อพวกเขาถามเกี่ยวกับตัวเขา ฉันได้อธิบายรูปร่างที่ปรากฏต่อฉันว่า พวกเขาเป็นเจ้าชาย คนรับใช้ หรือ เป็นเพื่อน เป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ที่ฉันรักษาสำนึกนี้ไว้

“ระหว่างเวลานั้น ฉันกินน้อยมาก เช่นเดียวกับเจ้าหญิงที่สูงส่ง ที่ฉันได้กลายเป็น ฉันกินนมเพียง 2-3 ช้อน ต่อวันเท่านั้น ทุกคนประหลาดใจว่า ฉันมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร กับอาหารที่น้อยนิด แต่ฉันก็ไม่ประสบกับปัญหาในด้านความสามารถหรือพลังเลย”

“ระหว่างเวลานั้น ญาติทางโลกได้มาเยี่ยมฉัน แต่ฉันจำพวกเขาไม่ได้เลย เมื่อฉากแห่งการละเล่นนี้ได้จบลงแล้ว หลังจากนั้นหลายวัน ฉันจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง และชื่อของบราห์มินคนอื่น ๆ หรือพวกญาติ ๆ พวกเขาจะต้องเริ่มสอนฉันใหม่หมด เกี่ยวกับตัวฉันเอง และชีวิตปัจจุบัน ในที่สุด ความจำของฉันก็กลับมา ในขณะที่ผลของนิมิตที่สูงส่ง ค่อย ๆ จางไป ฉันก็เริ่มระลึกถึงความสัมพันธ์ที่มี กับรูปปัจจุบันมากขึ้น เมื่อพวกเขาบอกว่า หนึ่งเดือนครึ่ง ที่ฉันเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ ฉันไม่สามารถระลึกได้แม้แต่ความคิดเดียว หรือแม้แต่จะคิดวาดภาพ ว่าฉันได้เห็นอะไร ฉันเพียงรู้ว่า ช่วงเวลาหนึ่ง ฉันได้หลงอยู่ในที่บางแห่ง ที่ๆ ฉันหายไป ฉันไม่รู้จัก นี่คือชีวิตที่ฉันนับว่าเป็นชีวิตที่สี่ ที่ประหลาดมาก ซึ่งฉันมีชีวิตอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยความอนุเคราะห์จากพลังอันสูงส่งของพ่อผู้สูงสุด และด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงใหม่ ได้เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน”

หลังจากเกิดครั้งที่ 4 หลังจากอาศัยอยู่ยาวนานมาก กับบรรยากาศที่บริสุทธิ์ของมธุบัน ฉันไม่ได้เตรียมตัวพบกับโลกที่เหมือนนรก ซึ่งยังคงมีอยู่ข้างนอกประตูรั้วของมธุบัน มันเป็นสิ่งประหลาดอย่างมาก ที่ได้เห็นผู้คนของโลกนี้ ที่เต็มไปด้วยสำนึกของความเป็นร่าง ฉันเห็นชัดเจนจากใบหน้าของพวกเขา ที่เต็มไปด้วยความสับสน และความทุกข์

ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟ ฉันดูผู้คนที่ผ่านไปมา ฉันเข้าใจถึงความเป็นพิษ และความตกต่ำที่โลกได้เคลื่อนไป ฉันต้องการแต่เพียงที่จะกลับไปยังตักของบาบา มันจะไม่ดีกว่าหรือ ฉันครุ่นคิดว่า ถ้าอยู่ในสถาบันและไม่ต้องมีประสบการณ์ของความไม่บริสุทธิ์ คงจะดีกว่าหรือไม่? แต่ฉันรู้ว่า เราต้องการออกมาเพื่องานรับใช้

เหมือนสุภาษิตเขียนไว้ โอ พระเจ้า ดูซิ สถานการณ์ของโลกได้ตกต่ำลงไปเช่นไรแล้ว ท่านได้สร้างพระอาทิตย์ พระจันทร์ ท้องฟ้า และสิ่งอื่นอีกมากมาย แต่ผู้คนที่ท่านสร้างขึ้นมา ดูซิ ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร เขาเปลี่ยนไปอย่างไร เขาดูประหลาดแค่ไหน เชาได้ขายความเคารพในตนเอง เพื่อความสุขเพียงเล็กน้อย บัดนี้ เขารู้จักแต่การโกง ผู้เคารพบูชารามและสาวกของอับบราฮัม ห่อหุ้มอำพรางตนเองด้วยการเสแสร้ง พวกเขาได้มืดบอดเสียแล้ว กลยุทธ์ที่ดำมืด ได้ดูดชีวิตไปจนหมดสิ้นจากอินเดีย ภารัต คือ ป่าช้า

โอ พระเจ้า ดูซิ ว่ามนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงไปถึงที่ใดแล้ว ถ้าพวกเรามิได้ทะเลาะกันเอง ถ้าเราไม่ได้ทำสงคราม แล้วละครของสิ่งสร้างที่สูงส่งนี้ ก็จะไม่มาถึงจุดพังทะลายของวันนี้ ถ้าเรามิได้ทะเลาะกัน ผู้คนมากมายก็คงจะไม่ปราศจากที่อยู่อาศัย และเด็ก ๆ มากมายก็คงจะไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า โอ พระเจ้า ดูซิ มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร โอ พระเจ้า ดูซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งสร้างที่น่ารักของท่าน เราได้กลายเป็นมนุษย์เช่นไรไปแล้วหรือ?

No comments:

Post a Comment