Thursday, March 23, 2017

อดิทพ ตอนที่ 3 # 17


น้องสาวที่รัก

พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ฉันได้ส่งคำบรรยายเกี่ยวกับการสำนึกรู้ในตนเองมาให้ท่าน หญิงและชายจำนวนมากที่นี่ ได้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตนเอง และนิมิตที่สูงส่ง พวกเขาได้เห็นว่าในเวลาอันใกล้ที่จะถึงนี้ความหายนะอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึงโลก ณ เวลานั้นมีเพียงผู้ซึ่งสามารถสร้างตนให้อยู่ในสภาวะสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถที่จะทนต่อการทำลายล้าง และทำให้ตัวเองปลอดภัยได้



พลังทางดวงวิญญาณนั้นสูงกว่าพลังทางวิทยาศาสตร์ หรือพลังทางวัตถุธาตุใด ๆ และมันสามารถที่จะบรรลุถึงการเอาชนะเหนือพลังเหล่านั้น ระหว่างสงครามโลกซึ่งกำลังจะมาถึง ความโศกเศร้าที่ยิ่งใหญ่จะปกคลุมอยู่เหนือพวกเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งไม่ได้ทำความเพียรพยายาม ให้เกิดการหยั่งรู้ทางดวงวิญญาณ
ขอให้ท่านเก็บข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ และสำนึกว่าอิสรภาพอันสูงส่งของเรา กำลังมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้

ด้วยการต่อต้านกองทัพอหิงสาของเรา ผู้ึคนทำการถกเถียงเกี่ยวกับพวกเราเป็นอย่างมาก น้องสาวที่รัก ท่านต้องทำความเพียรพยายามเพื่อให้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตนเอง และบรรลุถึงอิสรภาพที่สูงส่งจากโลกทั้งหมดด้วย

ด้วยวิธีการเช่นนี้ บาบาได้ส่งสารไปรอบโลก: การเข้าใจดวงวิญญาณและอยู่อย่างบริสุทธิ์ ท่านเคยให้ความสนใจเป็นพิเศษแต่แม่ เพราะว่า ท่านพูดว่ามันมีความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวงที่กระทำต่อผู้เป็นแม่ พวกเขาเป็นภาพลักษณ์ของการทนทุกข์ทรมานเสมอ เมื่อผู้หญิงแต่งงานและไปอยู่ทางบ้านของพ่อสามี มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็น และได้ไปเกิดใหม่อีกชาติหนึ่ง เธอลืมความสัมพันธ์เก่า และเข้าไปรวมและร่วมกับครอบครัวใหม่ เธอต้องทำทุกสิ่งไม่ว่าสามีหรือผู้ที่อยู่ฝ่ายสามีบอกให้เธอทำ

เช่นเดียวกัน เพื่อการซึมซับความรู้ของพระเจ้า มนุษย์จะต้องตายไป แล้วจากชีวิตเดิมของเขาและเกิดใหม่ เขาจะต้องกลายเป็นผู้หลอมรวมกับพระเจ้าเพียงเท่านั้น และกระทำแต่เพียงสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา ดังนั้น มันจึงเป็นการง่ายมากสำหรับเด็กหญิง และแม่ที่จะรับความรู้ เพราะว่า พวกเธอไม่มีความทะนงเรื่องทรัพย์สินและสถานภาพ พวกเธอเคยถูกสั่งสอนให้ตัดสัมพันธ์ จากครอบครัวหนึ่ง และเข้าร่วมกับอีกครอบครัวหนึ่ง

บาบาเคยพุดเสมอ ๆ ว่า สังคมและศาสนาแห่งการสละละทิ้ง ได้กำหนดสถานภาพของผู้หญิงไว้ต่ำมาก พวกเขาบังคับเธอให้ปกปิดใบหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมหน้า พวกผู้ชายคิดว่า ผู้หญิงเป็นสิ่งสร้างชนิดที่ต่ำกว่า และพวกผู้ชายก็สามาาถจะทุบตีภรรยาของเขา และขับไล่เธอออกจากบ้านได้ ถ้าเขาปรารถนา และเขายังแต่งงานใหม่่ได้ด้วย ขณะที่ผู้หญิงทำไม่่ได้ หญิงหม้ายเป็นจำนวนมากน่าสงสารอย่างยิ่ง ในอดีต นานแล้วผู้หญิงถูกบังคับให้เผาตัวตายทั้งเป็นบนกองไฟที่เผาศพสามีของเธอ ซานยาสซีจากบ้านของพวกเขา ทำให้ภรรยาเป็นม่าย และสอนว่าสามีคือพระเจ้าของภรรยา ดังนั้น บาบาจึงกระตือรือร้นที่จะยกระดับสถานภาพของสตรีเพศ บาบาได้เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีรัฐ กูวาเลอ (Guwallor) ชื่อว่า ราฮี ราชาวดี (Rahi Rajawade) ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของสภาสตรีแห่งอินเดีย

เพื่อนรัก
สามีถูกกำหนดว่าเป็นกูรูและพระเจ้าของภรรยา แค่มีเพียงผู้ซึ่งปราศจากกิเลสและตัณหา และเป็นผู้บริสุทธิ์สมบูรณ์เท่านั้นที่สามารถถูกเรียกว่าพระเจ้า ผู้ชายทุกวันนี้ปราศจากกิเลสตัณหาหรือไม่ พวกบริสุทธิ์หรือไม่ กูรูคือผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้ที่ทำให้บุคคลตระหนักรู้ตนเองและสิ่งสูงสุด แต่ผู้ชายทุกวันนี้ ติดกับอยู่ในความหยิ่งทะนงของร่างกาย ดังนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ชาย ณ วันนี้ ไม่ควรแก่การได้รับขนานนามว่า กูรู หรือพระเจ้าเลย ท่านผู้เป็นแม่ มันเป็นพลังที่อยู่ในตัวท่าน ที่จะทำให้ท่านกลับกลายเป็นเช่นเทวีลักษมี และทำให้สังคมมนุษย์ ได้ลิ้มรสน้ำอมฤตแห่งความรู้ ที่เต็มไปด้วยความปิติสุข เพื่อนผู้เป็นที่รัก จงตื่นขึ้น รู้จักตัวของท่านเอง มิฉะนั้นแล้ว ท่านก็จะเอาชีวิตของท่านทั้งชีวิตโยนทิ้งลงไปในคูน้ำครำ

ในการประชุมศาสนานานาชาติ ที่จัดขึ้นในกรุงโคลัมโบ ปี ค.ศ.1939 ตัวแทนจากศาสนาทั้งหมดได้เข้าร่วม หัวข้อของการประชุมคือ จะสร้างความสงบขึ้นในโลกได้อย่างไร บาบาได้โทรเลขไปยังผู้นำศาสนาที่ได้มายังที่นั้น และได้ส่งจดหมายไปด้วย 1 ฉบับ (จดหมายเขียนขึ้นวันที่ 1 สิงหาคม 1939 และส่งไปวันเดียวกัน) บางส่วนมีใจความดังนี้

"ตราบเท่าที่ทุกคนในโลกยังไม่รู้้จักตนเองว่าเขาคือดวงวิญญาณ และไม่ได้ประพฤติในสำนึกว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก่อตั้งความสงบในโลกได้ ในความเป็นจริงมีเพียงศาสนาเดียว และศาสนานั้นเป็นศาสนาของดวงวิญญาณ ศาสนาของดวงวิญญาณคือ ความบริสุทธิ์และความสงบ เป็นเพราะว่ามีหลายศาสนาเวลานี้ จึงมีการทะเลาะกันอย่างมาก ตราบเท่าที่มนุษย์ยังขาดการสำนึกรู้จักตนเอง เขาก็ยังไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นปีศาจในหน้ากากมนุษย์ และตราบเท่าที่เขายังเป็นเช่นปีศาจร้าย มันจะมีความสงบหรือ? เราะได้ส่งคลังสมบัติของเพชรพลอยของความรู้แห่งพระเจ้ามาให้ท่าน กรุณาช่วยคิด ไตร่ตรองให้ดีด้วย"

บาบาได้เขียนจดหมายถึงกษัตริย์ ของ จามานาเกอร์ โจนาปุระ (Jamanager Jodnapur) และ มันดาวี (Mandavi) เขาได้เชิญผู้คนมาเพื่อรับความรู้หลักสูตร1 สัปดาห์ ซึ่งได้กำหนดขึ้นโดย ทางมหาวิทยาลัย หนังสือถูกส่งออกไปเป็นจำนวนพัน ๆ ฉบับ มีเพียงผู้คนน้อยนิด ที่เข้าใจความรู้และสามารถฝึกปฏิบัติตาม สิ่งนี้ก็ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์กีตะเช่นกัน บาบารู้แล้วว่าทั้งหมด ไม่เชื่อและไม่เข้าใจท่าน มีเพียงแต่ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในยุคทองที่ผ่านมาเท่านั้น ที่จะถูกดึงเข้ามาในยุคทองใหม่ (เทพมีเพียง 0.01% ของประชากรโลก ณ เวลานี้) แล้วท่านก็ยังคงเขียนไปเนื่องจากอย่างน้อยที่สุด ทุก ๆ ดวงวิญญาณจะต้องได้รับข่าว ก่อนที่ม่านของเวทีละครจะปิดฉากลง
บัตรเชิญเพื่อให้ผู้คนมายังมหาวิทยาลััย ถูกส่งออกไปยังผู้คนทุกศาสนา ในทุก ๆ ประเทศบนโลก ตัวอย่างจดหมายที่เขียนไปมีตัวอย่างดังนี้ :-

ดวงวิญญาณที่รัก
ด้วยการศึกษาหนังสือที่ประเมินค่ามิได้ ที่ส่งแนบมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ท่านจะสามารถเข้าใจได้ว่าพระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด ได้ลงมาใช้ร่างของมนุษย์ธรรมดา ผู้ที่ท่านให้ชื่อแก่เขาว่า ประชาปิตา บราห์มา ผ่านร่างของท่าน ท่านทำงานของการกำจัดตัณหาความอยากและกิเลส อย่างที่ท่านทำมาเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว และท่านกำลังก่อตั้งโลกใหม่อีกครั้งหนึ่ง โลกแห่งความสงบสมบูรณ์ และเต็มไปด้วยความสุข ยุคแห่งกีตะได้กำลังเกิดซ้ำรอยเดิม และในไม่ช้าจะมีสงครามปรมาณู และการทำลายล้างโลกที่กว้างขวาง การทำลายเผ่าพันธุ์จริง ๆ ที่อธิบายไว้ในคัมภีร์มหาภารตะยุทธที่มีชื่อเสียง
ถ้าท่านศึกษาบทประพันธ์เกี่ยวกับพระเจ้านี้ด้วยความตั้งใจ ท่านจะสามารถรับรู้ ตอนต้น ตอนกลาง และตอนจบของโลกนี้ ท่านจะสามารถรู้เวลาปัจจุบันด้วย และท่านจะสามารถเข้าใจพระเจ้าผู้เป็นพ่อของท่านได้อย่างดีด้วย มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับท่าน ที่จะเข้าใจว่าโลกทั้งโลกคือละคร ที่ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งจะซ้ำรอยทุก 5000 ปี ท่านก็คือนักแสดงคนหนึ่งของละครที่ยิ่งใหญ่นี้
ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพชรพลอยที่ไม่มีวันทำลายได้ ได้ถูกนำมาแจกจ่ายให้เปล่า โดยไม่คิดมูลค่า จงมาและมารับโอกาสอันดี และรับเอาความรู้ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ไป
จดหมายเช่นนี้ ถูกส่งไปยังผู้ว่าฯ หัวหน้ารัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่น ๆ ของซินดิ และผู้ว่าการแห่งการาจี พร้อมกับจดหมายก็มีหนังสือส่งไปด้วย "มหาสงครามแห่งภารัต" และภาพพิมพ์ของวงจรโลก
ลอร์ด วาเวล ไวชรอย (Wavel Viceroy) ของอินเดียและภรรยา ได้รับบทความสำคัญนี้ ภรรยาเป็นผู้เขียนตอบมาว่า "ขอขอบคุณสำหรับความคิดที่บริสุทธิ์" นักการเมืองในวอชิงตัน ลอนดอน และเมืองอื่น ๆ ได้ส่งคำตอบคล้าย ๆ กันมา
วันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1947 จดหมายได้ถูกส่งไปยังอลิซาเบธ และกษัตริย์จอร์จ ที่ 7 พร้อมกับภาพของต้นกัลป์ มีข้อความดังนี้

ดวงวิญญาณที่รักที่อยู่ในร่างของกษัตริย์จอร์จ
โลกนี้ เป็นโรงละครที่ไม่รู้จบ ซึ่งจะซ้ำทุก ๆ 5000 ปี ท่านคือนักแสดงคนหนึ่ง ในละครที่ยิ่งใหญ่นี้ ท่านรู้หรือไม่ว่า 5000 ปีก่อน ท่านก็แสดงบทบาทนี้ เป็นกษัตริย์ของอังกฤษ ในร่างเช่นเดิม ในเวลาเดิม และด้วยชื่อเดิม ?  และแล้ว ท่านก็จะแสดงในบทบาทเดิมอีกใน 5000 ปีที่จะมาถึง?

ในละครที่เป็นอมตะและไม่รู้จบ ยุคปัจจุบันกำลังมาถึงจุดจบ และยุคแห่งเทวาและเทวี จะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้ พวกเรากำลังอยู่ในยุคแห่งการบรรจบพบกัน เมื่อดวงวิญญาณเพียงน้อยนิด ได้กลับคืนสูสภาพสมบูรณ์พร้อมเช่นเดิมของพวกเขา ขณะที่ดวงวิญญาณอื่นกำลังตกลงมายังจุดต่ำสุดของพวกเขา ในไม่ช้า อาณาจักรแห่งสวรรค์จะถูกก่อตั้งบนโลก ประเทศทางตะวันตกมีความเชื่อในระเบิดปรมาณู แล้วพวกเขาจะสามารถปกครองโลก แต่นี่คือสิ่งลวงตา ความจริงก็คือ ท่านกำลังเชื้อเชิญการทำลายตนเองนั่นเอง ผลที่ตามมาคือ อาณาจักรยุคทองของโลกจะอยู่ในมือของศรีกฤษณะ
ในขณะปัจจุบัน พระเจ้าได้ลงมาในอินเดีย แต่มาในรูปที่เป็นความลับ ท่านได้ยืมร่างที่ธรรมดาของมนุษย์คือ ท่านบราห์มา และท่านทั้งสองได้ร่วมกันสร้างสถาบันการบูชายัญด้วยไฟแห่งความรู้โบราณอีกครั้ง บนฐานแห่งพลังอันสูงส่งของสถาบัน ความสงบจะถูกสร้างขึ้น อังกฤษซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนในอินเดีย ได้เพาะหว่านเมล็ดแห่งความเกลียดชังไว้ และความคิดของพวกเขาคือ การเฝ้าดูการกัดกันของแมวสองตัว ไม่มีใครที่ถูกประฌามเพราะว่า ละครโลกจะซ้ำทุก ๆ 5000 ปี ธาตุแห่งการแตกแยกในอินเดียจะถูกทำลายพร้อมกับประเทศตะวันตก หลังจากนั้นจะมีความบริสุทธิ์เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ความสุขและความสงบของโลกด้วย พวกเราส่งบทความสำคัญบางส่วนมาให้ ซึ่งความลับทั้งหมดได้มีการอธิบายอย่างชัดเจนในนี้
จดหมายที่ส่งไปยังกษัตริย์จอร์จและราชินีอลิซาเบธ ได้ถูกเขียนด้วยหมึกสีทองบนกระดาษทอง พร้อมรูปที่ชัดเจน จดหมายนี้แสนจะเข้าใจง่ายและตรงจุด แต่กษัตริย์แห่งยุคเหล็ก ถูกตรึงไว้ด้วยความทรนงในอำนาจ หาได้สนใจที่จะพบกับพระเจ้าไม่
จดหมายอีกฉบับ ถูกส่งไปยังกษัตริย์ของ วาไลปุระ (Valaipur) และเนปาล จดหมายเช่นนี้ ถูกส่งไปยังประธานาธิบดี ทรูแมน พร้อมกับหนังสือหลายเล่ม และคำเชิญให้มายังมหาวิทยาลัยของพระเจ้า
หนังสือถูกส่งไปยังห้องสมุดต่าง ๆ ในประเทศต่าง ๆ และด้วยเหตุนี้ ไฟก็ลุกลามไป ความพยายามทั้งหมดนี้ หลายคนเห็นว่าดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


อ่านต่อ >>>>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#1

No comments:

Post a Comment