Friday, March 31, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 6

ชั้นเรียนยามค่ำคืน




"ตอนกลางคืน เมื่อบาบาและมาม่า เคยนั่งอยู่กับทุก ๆ คน B.K Pushpashanta บันทึกไว้ว่า มันเป็นฉากที่ควรค่าแก่การเห็นอย่างยิ่ง ท่านทั้งสองเปล่งปลั่งไปด้วยความบริสุทธิ์ ระหว่างคิ้วของท่านทั้งสอง สามารถนึกเห็นแสงสว่างออกมาของดวงวิญญาณ ท่านทั้งสองยิ้มอ่อนโยนให้กับพวกเขา และความหมายของทั้งจักรวาลก็ถูกเปิดเผย สิ่งมหัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้นบนโลกนี้ และคนอีกหลายล้าน ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้"

เมื่อพระเจ้ามายังโลกนี้ และมาแจกจ่ายโชค ก็มีคำพังเพยว่า "หลายคนไปที่นั่นสาย และอีกมากมายก็อยู่ในการหลับไหลแห่งการไม่รู้" มันช่างเป็นความจริง

เมื่อทั้งสองท่านผู้มีชีวิตที่สูงส่งมายังชั้นเรียน ท่าทางการเดิน สายตา และ กระแสของท่านท้้งสอง จะรู้สึกได้ทันทีทันใด สิ่งแรก มาม่าจะพูดว่า "เธอทุกคนนั่งอยู่สบายดีหรือ" หมายความว่า เรามั่นคงอยู่ในจิต คำพูด และร่างกายหรือไม่ แล้วความคิด การตัดสินใจได้สลับกันเข้ามา
รบกวนเราหรือไม่ เธอได้ให้ความเอาใจใส่ หลังจากที่มาหาพ่อผู้สูงสุดเช่นนี้ และไม่ได้ตกอยู่ในใยตาข่ายของความคิดที่เต็มไปด้วยโทษใช่ไหม ชีวิตที่มีค่า ที่ไม่อาจประเมินได้ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปในการคิดสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ถ้าพวกเธอต้องการสิ่งใด บอกให้เราทั้งสองรู้ พวกเธออยู่ในบ้านของพ่อของเธอเอง ไม่ต้องอาย พูดออกมา ผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากอันตรายเหล่านั้นก็ยกมือขึ้น

เมื่อเรื่องเหล่านั้น ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว มาม่าจะพูดว่า  เอาหละ ถ้าเธอได้ทำสิ่งใดที่มันกัดกร่อนอยู่ในสำนึก ปล่อยมันออกมา ปลดปล่อยมันเสีย ด้วยการบอกสิ่งนั้น แล้วเธอจะรู้สึกเบาสบาย เราจะแสดงให้เธอรู้จักการจัดการกับมัน และในอนาคต มายาเช่นนั้นจะไม่มีชีวิตอยู่สำหรับเธอ ถ้าเธอเก็บมันไว้ในตัวของเธอ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่ง มันก็จะถึงเวลาที่เป็นอันตรายมาก

แล้วบัพบาบาก็เข้ามา ดวงตาทุกคู่ก็หันไปดูท่าทางการเดิน การนั่ง อากัปกิริยา มันเป็นบทเรียนในตัวเอง ความเงียบปกคลุมไปทั่วชั้นเรืยน ท่านมองดูที่ลูก ๆ ทุกคน แล้วถาม "มาม่า ได้ถามสารทุกข์สุขดิบลูก ๆ ทุกคนแล้วใช่ไหม  ดูซิ ลูก ๆ ได้มายังบ้านของบัพดาดา ไม่ต้องอายที่จะร้องขอเพื่อความสุข ทรัพย์สมบัติของชิพบาบา ทั้งหมดเป็นของลูก ๆ ทุกคน จะต้องมีทุกสิ่งที่ลูกต้องการ เพื่อสุขภาพและความสะดวกสบายของลูก ร่างกายนี้มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า ด้วยการอยู่ในร่างกายนี้ ลูกสามารถคิดถึงชิพบาบา และกำจัดนิสัยที่ไม่ดีทั้งหมด และหารายได้แห่งความมั่นคงที่เป็นอมตะ ดังนั้น ดูแลมันอย่างดีด้วย ตอนนี้ ไม่ต้องไปยึดติดอยู่กับร่างกาย เธอจะต้องมีทั้งสองสิ่งคือ ลืมร่างกาย และในเวลาเดียวกันก็ดูแลร่างกายนี้ด้วย

บาบาไม่ได้ปรารถนาที่จะให้ลูก ๆ ทนทุกข์ ท่านเพียงแต่กำหนดงานที่ยากเพียงอย่างเดียว คือ คิดถึงชิพบาบาอยู่เสมอ และเป็นผู้มีคุณธรรม  "มันจะต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างพิเศษที่จะคิดถึงชิพบาบา แต่มันไม่มีความยาก เพราะว่า ลูกไม่ต้องนั่งอยู่ในท่าพิเศษ ลูกไม่ต้องอดอาหาร หรือกำหนดลมปราณใด ๆ เพียงแต่คิดถึงพ่อ บาปของลูกก็จะถูกเผา"

เมื่อชั้นเรียนจบลง เพลงก็เริ่มต้น
สังกัมยุค (ยุคแห่งการบรรจบพบกัน)
ช่างเป็นเวลาที่งดงามอะไรเช่นนี้
พ่อของพ่อทั้งมวลได้มาพบปะกับพวกเราที่นี่
ด้วยการเดินทางที่ไกลโพ้นเหนือขอบฟ้า
ช่างเป็นวันที่ยิ่งใหญ่เสียนี่กระไรที่ได้บินจากไป
ด้วยร่างแห่งแสงเหมือนกับดอกไม้ เรากำลังโผบินไปในนภากาศ
จากโลก จากดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ แม้แต่ดวงดาวก็ถูกทิ้้งไว้เบื้องหลัง
มุ่งหน้าไปสู่พารามธรรม
ไกลแสนไกล พารามธรรม
ไกล ไกล สุดแสนไกล คือโลกแห่งแสง
บ้านที่ไม่มีขีดจำกัด ที่ที่ซึ่งทุกดวงวิญญาณได้จากมา
ที่ที่ซึ่งพ่อผู้เป็นจุดแสงอาศัยอยู่ !

ดวงวิญญาณที่มั่นคง เปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้ลิ้มรสของความรัก ที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบได้ ด้วยอารมณ์ที่เข้มข้นเช่นนี้นี่เอง ที่พวกเราไม่สามารถจะทำสิ่งอื่นได้ นอกจากร้องเพลง พวกเขาออกจากชั้นเรียนด้วยความสดชื่น กลับไปนอน แล้วหลับอยู่ในความสงบ

ไม่มีใครสักคนที่จะเข้าใจได้ว่า  เวลามันได้จากไปที่ไหน  มันเร็วเกินไปที่ช่วงเวลาแห่งการบอกลากับลูก ๆ ใหม่ ๆ ได้มาถึง เวลาแห่งการเยี่ยมเยียนของพวกเขาได้จบลง บาบาและมาม่า เคยมาที่หอประชุม ทุกคนจะได้รับโทรี (ของขวัญที่ทำด้วยขนมหวาน) จากบาบา และกล่าวคำอำลา ด้วยเพลงที่ถูกบรรเลงเป็นส่วนประกอบ ซึ่งได้กลายเป็นประเพณีในโอกาสเช่นนี้

อย่าได้ลืมวันเวลาแห่งวัยเด็ก
และอย่าได้ร่ำไห้หลังจากการหัวเราะของวันนี้

บาบาเคยพูดว่า  "ลูก ๆ กำลังฟังเพลงอยู่หรือเปล่า ? มันหมายความว่าอะไร ?  ลูกได้พบกับความเยาว์วัยอีกครั้งหนึ่ง เพราะลูกเป็นนักเรียนของพระเจ้า ชีวิตของนักเรียน เป็นชีวิตที่ดีที่สุด เพลงบอกว่า "อย่าได้ลืมเลือน .........." ในขณะที่รับความรู้ อย่าได้จากชิพบาบาไปยุ่งเกี่ยวกับมายา และ อย่าได้ตกลงไปในหลุมทรายดูดแห่งความปรารถนา"

ฉากที่ละเอียดอ่อนของการอำลา

ออกจากมธุบัน ซิสเตอร์ ชีลู อินทรา ปัจจุบันทำงานรับใช้อยู่ใน บอมเบย์ ได้ย้อนอดีต “เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ใครล่ะ! จะสมัครใจที่จะจากพระเจ้า น้ำตาได้ไหลรินออกจากดวงตาทุกดวง แต่บาบาและมาม่า ก็กระซิบอย่างอ่อนโยน ด้วยการบันดาลใจ ให้กับลูกแต่ละคน มาม่าจะโอบซิสเตอร์ทั้งหลาย  และบาบาก็จะลูบหลังของบราเธอร์และพูดว่า  “เอาหละลูก ลูกกำลังจะไปแล้วใช่ไหม”   พวกเขาหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน  ลูกที่ยังเยาว์วัยอยู่  ก็เคยหนีไปหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า หรือไม่ก็ใต้เตียง  จนกระทั่งพวกเขาคิดว่า  รถไฟได้ออกไปแล้ว  เมื่อพวกเขาถูกหาจนพบ  พวกเขาเพียงแต่พูดว่า  “ไม่”  และพวกเขาปฏิเสธที่จะไป   ถ้าพวกเขามองเห็นบาบา  พวกเขาก็จะวิ่งไปหา  และยึดมือบาบาไว้  แล้วอ้อนวอนที่จะอยู่ต่อ

“โอ้  ลูก ๆ ที่น่ารัก”  ท่านหัวเราะ  “ลูกเป็นลูกของบาบา  บาบาเพียงแต่ส่งลูกไปทำงานรับใช้  ลูกจะต้องไปให้การแนะนำชิพบาบากับลูก ๆ คนอื่น  ลูกสามารถจะทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่มีอายุมากกว่าเหล่านี้จะสามารถทำได้  อย่าได้โกรธ  อย่าได้วิวาทกับใคร ๆ  และจงรักษาความประพฤติของลูก  เช่นที่ว่าทุกคนจะพูดว่า  เขาเหล่านี้เป็นลูกของพระเจ้าจริง ๆ  จงกลายเป็นพันดาพที่ยิ่งใหญ่และกลับมา  ลูกคือดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่  เพราะว่า ลูกทุกคนบริสุทธิ์  ลูกก็จะบันดาลใจให้ผู้อื่นบริสุทธิ์”


ได้ยินบาบาพูด  ด้วยวิธีเช่นนี้  หน้าของพวกเขาสดใส  และพวกเขาก็ตกลงที่จะไปอย่างมีความสุข  ทุกคนร้องเพลงสุดท้ายพร้อมกัน  แล้วบาบาและมาม่า ก็โบกมืออำลาด้วยผ้าเช็ดหน้า  จนกระทั่งลูก ๆ ที่ออกเดินทางลับหายไปจากสายตา  ผู้เดินทาง ได้จากไป ในความซาบซึ้งที่สูงสุด  เพียงแต่เมื่อพวกเขาอยู่ในระหว่างทาง พวกเขาก็เริ่มคิดอีกว่า ทำไมพวกเราถึงต้องจากมา


อ่านต่อ >>>  อดิเทพ ตอนที่ 4 # 7





Thursday, March 30, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 5

ความสัมพันธ์ที่ปราศจากร่าง




ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ไปภูเขาอาบู มีความสุขเป็นอย่างมาก ขณะที่นั่งไปในรถไฟ พวกเขารักษาสภาพจิตที่สูงส่งมาก ด้วยการคิดเกี่ยวกับ การพบปะที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าอย่างเหลือเชื่อ "พวกเรากำลังไปพบบราห์มาบาบา" พวกเขาคิดกับตนเอง และสรัสวาตีมาตา และ เหนือสิ่งใด ๆ ทั้งหมด คือ ชิพบาบาเอง ความรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก ที่พวกเขามีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร แล้วมันก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้ มธุบัน ดินแดนแห่งตำนานที่เลืองลือ เมื่อรถไฟมาหยุดที่สถานีรถไฟ อาบูโรด พวกเขาก็มองไปยังภูเขา ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาก็รู้ว่าบาบากำลังรอพวกเขาอยู่บนนั้น พวกเขาสัมผัสรู้ถึงการหลอมรวมกับท่าน แม้แต่ก่อนจะมีการพบปะ ราวกับว่าพวกเขากำลังกลับบ้านไปหาพ่อ พวกเขาก็ได้รับกระแสของความสุข ที่ไหลมาอย่างไม่มีวันจบสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงยังยอดเขา อาคารของสถาบัน ตั้งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา บาบาได้รับข่าวสารแล้วว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนมา ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับการต้อนรับด้วยความยินดีปรีดา บาบาเคยบอกกับพวกบราห์มิน ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ "ลูก ๆ ของพ่อ ผู้ที่จากพ่อไปเป็นเวลาช้านานมาก มาแล้ว จงดูแลพวกเขา อย่าให้ความไม่สบายใด ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา มายาทำให้พวกเขาหมดความสุขไปชาติแล้วชาติเล่า แล้วพวกเขาก็เหนื่อยอ่อน บัดนี้ พวกเขาได้มาเพื่อกำจัดความเหนื่อยล้านั้น ดังนั้น พวกเขาควรจะได้รับความสงบ ทั้งภายนอกภายใน จงกรุณาต่อพวกเขาในความสบาย ทั้งทานด้านกายและใจ"

ช่วงเวลาที่สูงสุดนั้นมาถึง เมื่อลูกใหม่ ๆ ได้ถูกนำให้เข้าไปพบกับพ่อทั้งสองของพวกเขา บรรยากาศถูกอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจ ผู้ที่อาศัยอยู่ในมธุบัน มีความปิติสุขเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นพี่น้องชายหญิง ซึ่งถูกค้นพบใหม่ของพวกเขา พวกเขาเข้าใจความคิด ที่วนเวียนอยู่ในจิตใจของพวกเขาตลอดมา คำถามต่าง  ๆ ซึ่งท้ายที่สุด ก็ได้พบคำตอบ ก่อนที่จะมาที่นี่ ลูกใหม่ ๆ เคยสงสัยว่า พระเจ้าจะเข้ามาในร่างของบราห์มาบาบาได้อย่างไร แล้วเราจะรู้หรือไม่ เมื่อท่านเข้ามา แล้วมันจะเป็นเหมือนกับอะไรที่นั่งอยู่ต่อหน้าชิพบาบา คำถามวนเวียนอยู่ในจิตใจ แต่บัดนี้ ช่วงขณะแห่งความเป็นจริง ความคิดทั้งหมดก็มลายหายไป การสัมผัสกับพระเจ้า มันเปี่ยมล้นสำหรับพวกเขา ด้วยการใช้ดวงตาของบราห์มาเป็นหน้าต่าง ชีว่าพ่อของโลก ได้พบกับลูกที่เป็นอมตะของท่าน ดวงวิญญาณทั้งหลายของพวกท่าน ที่ซึ่งเล็กยิ่งกว่าน้ำตาแห่งความสุข ซึ่งไหลรินมาจากใบหน้าของพวกเขา บางคนไม่สามารถต้านทานต่อกระแส ได้ลุกขึ้นไปสัมผัสบาบาและมาม่า อ้า ! ความรักไม่มีขีดจำกัดของพวกท่าน ช่างอ่อนหวานอะไรเช่นนี้ ความอ่อนล้าและเจ็บปวดจากหลาย ๆ ชาติได้หลุดหายไป ไม่มีสำนึกของความเป็นร่างหลงเหลืออยู่ และแล้ว ดวงวิญญาณก็ได้รับประสบการณ์อย่างแท้จริง ในการพบปะกับสิ่งสูงสุด มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้ การหลอมละลายอย่างสมบูรณ์ของจิตใจ ไม่มีสำนึกของทั้งโลกและท้องฟ้า เพียงแต่ดวงวิญญาณและพระเจ้า รวมเข้าด้วยกันในความรัก ในความรักที่ปราศจากขอบเขต ในความสงบ ไม่มีจุดจบ ในความนิ่งเงียบ การพบปะเต็มไปด้วยพลัง

ดวงวิญญาณกลับลงมาอีกครั้งหนึ่ง จากจุดสูงสุดอันแสนมหัศจรรย์อย่างช้า ๆ แต่ความทรงจำของประสบการณ์ยังคงอยู่ และความปรารถนาเดียวก็คือ การอยู่ในสภาวะนั้นอีกครั้งและต่อเนื่อง แต่บัดนี้ ความคิดได้เกิดขึ้น เราจะต้องค้นหาพี่น้องชายหญิงของพวกเรา ความคิดนั้น เพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้ดวงวิญญาณอยู่ภายใต้ความควบคุม ด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อบรรยายประสบการณ์ของพวกเขา ลูกใหม่ ๆ หลายคนเคยพูดว่า "เรารู้สึกถึงสัมผัสแห่งความสงบ ในดวงตาบาบา เราสัมผัสพลังของพระเจ้า และมันเป็นการเปิดเผย มันเหมือนกับพลังของกระแสไฟฟ้า แต่กระแสนี้ ได้ส่งความสุข ความตื่นเต้น ของความรัก ที่ทำให้ขนลุกผ่านจิตใจ เรารู้สึกเหมือนกับสายฝนแห่งแสง ที่ได้ตกลงมากระทบร่างพวกเรา นิสัยที่เลวร้ายทั้งหมด ได้ถูกชำระไปจนหมดสิ้น ปราศจากน้ำหนัก แสงทางดวงวิญญาณ เต็มไปด้วยความสูงส่ง ทั้งหมดนั้นคือ ประสบการณ์ จิตใจถูกยกระดับให้เคลิบเคลิ้ม อยู่ในบัลลังก์หัวใจ ของพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ อ้า! จะคงอยู่ที่นี่ตลอดไป เพราะว่านี่คือชีวิต คือชีวิต คือชีวิต

เพลงของพระเจ้า

ในตอนเช้าตรู่ บาบาสอนเมอร์ลี ในที่ชุมนุมของบราห์มิน แล้วดวงวิญญาณแต่ละดวง ก็รู้สึกว่า เสียงเพลงที่สูงส่งที่บรรเลงสำหรับตัวเขาโดยเฉพาะ ขลุ่ยของความรู้อธิบายถึงความสัตย์จริง นวดคลึงสติปัญญาและชำระล้างจิตใจ บาบาพูดถึงธรรมชาติของดวงวิญญาณ และเกี่ยวกับตัวท่านเอง พูดถึงสามโลก และพูดถึงกาลเวลาทั้งสาม ท่านพูดมาแล้ว และ ก็ยังพูดต่อไป ด้วยสิทธิอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เหนือใครทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักบวช นักบุญ มหาตมะ จั๊กกัดกูรู ฤาษี มุนี โป๊บ พระในศาสนายิว (Rabbis) นักการเมือง กษัตริย์ และ อยาโตลาฮ์ ท่านพูดอย่างเช่นผู้ทรงฤทธิ์ ผู้มีสิทธิอำนาจเฉียบขาดสูงสุด สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกิเลสตลอดกาล เป็นมหาสมุทรของความรักอันเป็นอมตะ ผู้กำกับละครแห่งจักรวาล ทุก ๆ คำพูดของท่านคือ สัจจะ คำชี้แนะของท่านให้มาเพื่อความดีงามของพวกเรา และท่านจะหยุดพูด เพียงแต่เมื่อท่านได้ปฏิบัติภาระกิจ ที่ท่านจะต้องทำให้พวกเราบริสุทธิ์สมบูรณ์แล้วเท่านั้น แล้วท่านก็จะพาพวกเรากลับบ้าน

ชิพบาบาไม่ใช่มนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงพูดด้วยความเป็นธรรมชาติและความรักที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านพูดว่า "ลูก ๆ ของพ่อ ลูก ๆ ผู้เป็นสุดที่รัก" เราจะรู้สึกได้ทันที ถึงความผูกพันที่เป็นอมตะดั้งเดิมกับท่าน สายตาที่มอง เสียงที่พูด คำพูด ความรักของท่าน นำน้ำตาแห่งความสุขที่งดงามละเอียดอ่อนให้ไหลรินออกมา ถึงแม้เราจะรู้จักท่านหรือไม่ ถึงแม้เราจะเชื่อท่านหรือไม่ ท่านรู้จักเราดี ท่านรู้ว่า เราเป็นของท่าน ท่านมายังโลกนี้ เพียงเพราะความรักที่มีต่อพวกเรา เพื่อให้ประโยชน์ต่อพวกเรา เพือยกเราขึ้นมาจากความตกต่ำของพวกเรา และมาทำให้เราบริสุทธิ์  และมีความสุข นี่เป็นเป้าหมายของพระเจ้า และท่านก็จะไม่ประสบกับความล้มเหลว

ลูก ๆ เคยนำใบรายการประจำสัปดาห์ ซึ่งแสดงถึงกระการทำที่ไม่ดี ที่พวกเขาได้กระทำไปให้ท่านดู เพราะว่าด้วยการสารภาพต่อพระเจ้าเช่นนี้ จะเป็นการปลดเปลื้องภาระ ที่หนักอื้ง จากการเปิดเผยของท่าน เป็นที่แน่ชัดว่า ท่านไม่มีความเกลียดชัง ท่านไม่มีความกลัว ท่านอยู่เหนือความตาย ท่านอยู่อย่างไร้ร่างเป็นอมตะ ท่านแสดงตัวท่านเองให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ท่านแตกต่างจากบราห์มาบาบา ซึ่งเป็นเจ้าของร่างที่ท่านใช้ การแสดงออกของท่าน คำพูดของท่าน ความเบาสบายของท่าน ความรักของท่าน ท้้งหมดพิเศษไม่เหมือนผู้ใด การกระทำและคำพูดของท่าน ไม่สามารถจะโต้แย้งได้ พิสูจน์ถึงคุณลักษณะของท่านอย่างแท้จริง และโดยผลที่ท่านทำ โดยลูก ๆ ของท่านที่อยู่ในรูปของเอนเจิ้ลพวกเราจะรู้จักท่าน

อ่านต่อ  >>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#6

Wednesday, March 29, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 4

การก่อตั้งศูนย์



การก่อตั้งศูนย์ งานรับใช้ของพระเจ้าอย่างถาวร ใน กำลา นาการ์ ในเดลลี B.K ซิสเตอร์ ที่ไปยัง อัลลาห์บัด ได้เริ่มก่อตั้งศูนย์ที่ Kanpur ณ ที่นั่น นักอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง บาบา ฮาร์วิลัสเรย์ และสมาชิกของผู้นำสถาบันศาสนาที่ใหญ่ ๆ หลายแห่ง (อาทิ เช่น อารยา สมาจิ, Gurudwar, Aahlu Valia Samaj,ฯลฯ) ได้ยินความรู้ของพระเจ้า และมีความสนใจมาก พวกเขาได้ให้ส่วนหนึ่งของบังกะโลของเขากับซิสเตอร์เหล่านั้น เพื่อเป็นที่ตั้งของงานรับใช้ให้บริการของพระเจ้า
ก่อนหน้านี้ B.K Hirdaya Mohini และ B.K Shanta Mani ได้ไปตามคำเชื้อเชิญยัง ลัคเนา (Lacknow) ณ ที่นั่น ศูนย์ก็ถูกก่อตั้งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ตามคำเชิญเหล่านั้น ศูนย์ที่ถาวรหลายแห่งก็ถูกตั้งขึ้น หล่อเลี้ยงโดยนักเรียนอาลาสมัคร ณ ศูนย์เหล่านั้นนั่นเอง ชั้นเรียนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผลรางวัลที่เป็นอมตะ

เป็นที่เข้าใจกันอย่างดีว่า สิ่งแรกที่ทุกคนผู้ซึ่งได้รับความรู้ต้องการจะทำ คือ การรีบเร่งไปยังภูเขาอาบู เพื่อพบ บาบา พ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด กำลังอยู่บนโลกนี้ ดังนั้น พวกเขาจะรอเพื่ออะไรอีกล่ะ จะมีอะไรที่สำคัญกว่า หรือยิ่งใหญ่กว่าการทำให้แต่ละคนได้รับการยกระดับหรือ ? ในการที่จะให้ลูก ๆ ที่จากหายไปนานของท่าน ฟื้นคืนสภาพเดิม พระเจ้าผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทั้งหมดของ 3 โลก ได้มายังโลกนี้ “เราจะไม่ไปพบท่านตัวต่อตัวได้อย่างไร” นักเรียนใหม่เรียกร้อง “พ่อของพวกเรา ผู้ซึ่งเราร้องเรียกหาชีวิตแล้วชีวิตเล่า ด้วยเสียงร่ำไห้ ผู้ซึ่งเราค้นหาตามวัดหรือสถานที่แสวงบุญ ในถ้ำ ในป่า และในส่วนที่ลึกสุดแห่งหัวใจ บัดนี้ เมื่อพ่อผู้เป็นสุดที่รักของเราได้มา เราจะทนอยู่ได้อย่างไรโดยไม่ไปพบท่าน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น”

แต่ซิสเตอร์เคยตอบว่า “พวกท่านไม่สามารถพบบาบาได้ในตอนนี้ มีเพียงแต่ผู้ที่ถือพรหมจรรย์ ซึ่งไม่กินอาหารในภัตตาคาร ผู้ที่กินอาหารซึ่งเป็นมังสะวิรัติ ไม่กินหัวหอม กระเทียม หรือ ไข่ ผู้ซึ่งทำให้สายตาและสันสการ์บริสุทธิ์ ผู้ซึ่งมีความศรัทธาอย่างมั่นคง ในความรู้ของพระเจ้า เป็นคำสั่งของชิพบาบาว่า มีแต่เพียงดวงวิญญาณที่ดีเหล่านั้น ที่จะทำความเพียรพยายามเพื่อความบริสุทธิ์ สามารถจะมาพบท่าน”

“อะไรคือดวงวิญญาณที่ดี ? “ พวกเขาถาม
ซิสเตอร์ตอบว่า “ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตของพวกเขาไปตามหนทางที่พระเจ้ากำหนด คำสั่งของท่านคือจะต้องมีความบริสุทธิ์ ในความคิด คำพูดและการกระทำ และจะต้องหลอมรวมกับท่านในโยคะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการถือพรหมจรรย์ ด้วยพื้นฐานของสิ่งนั้น เราก็จะสามารถทำการควบคุมเหนือความปรารถนาอื่น ๆ ทั้งหมด บนบรรทัดฐานนี้ ดวงวิญญาณสามารถมีประสบการณ์ ของความปิติของชีวิตที่มีพระเจ้า ผู้ที่ทำตามกฏเกณฑ์แรกของท่าน ผู้ซึ่งทานอาหารบริสุทธิ์และการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ เขาเป็นลูกผู้เชื่อฟังของชิพบาบา และเขาเพียงเท่านั้นที่สามารถพบท่านได้ มีเพียงผู้ซึ่งบรรลุถึงสภาวะนั้นเท่านั้น เราจึงจะสามารถพาท่านไปที่นั่นได้ ท่านยังเห็นร่างกายอยู่ แทนที่จะเป็นดวงวิญญาณ ท่านมีสติปัญญาแห่งสำนึกที่เป็นร่าง ฉะนั้น ท่านจะสามารถเห็นแต่เพียงร่างกายของบราห์มา ท่านจะไม่สามารถจดจำหรือเข้าใจพ่อชีว่า 

มันจะเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่จะพาท่านที่อยู่ในสภาพนี้ไปพบบัพดาดา (พ่อและพี่ชาย หมายถึงการรวมชองชิพบาบาและบราห์มาบาบา) ถ้าเราพาท่านไป เราจะถูกลงโทษ

ผู้กราบไหว้บูชาก็เฝ้าแต่โต้เถียง “ซิสเตอร์ บาบาลงโทษด้วยหรือ ซิสเตอร์ มันเป็นคำขอร้องของเรา ที่ให้ท่านพาเราไปที่นั่น บางทีการตัดสินใจที่จะละทิ้งกิเลส ก็จะทำให้สำเร็จลงได้”
ซิสเตอร์ตอบว่า “ความตั้งใจมั่น จะมั่นคงได้ด้วยความรู้เพียงอย่างเดียว ความรู้จะคงอยู่ในสติปัญญาเท่านั้น เมื่อบุคคลถือกฏของพรหมจรรย์ และป้องกันตนเองจากอาหารสกปรก และคบปีศาจ ดังนั้น ปฏิบัติตามกฏเหล่านี้เป็นสิ่งแรกก่อน” ท่านปรารถนาจะมีประสบการณ์ความสุขเหนือประสาทสัมผัสของการได้พบกับพ่อมากเพียงใด ถ้าท่านจะไม่ยอม แม่แต่จะเลิกดื่มยาพิษของความทะยานอยาก พระเจ้าผู้ปราศจากกิเลส จะสามารถพบกับท่าน ซึ่งอยู่ในสภาพที่ท่านเป็นอยู่ได้อย่างไร ถ้าท่านยังไม่บริสุทธิ์ ท่านก็ไม่สามารถไปพบพ่อ เพราะว่าเพียงแต่แร้งหนึ่งตัวในฝูงหงษ์ ก็จะทำลายความสง่างามของการชุมนุมทั้งหมด ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้ท่านต้องรับผิดชอบ ต่อบรรยากาศบริสุทธิ์ของสถานที่นั้นเสียไป เมื่อท่านได้เติมสติปัญญาของท่านด้วยน้ำอมฤต แล้วเราก็คงจะไปพบพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพ่อทั้งหมด มิฉะนั้น เราจะมีส่วนร่วมในความผิดที่ร้ายแรง ดังนั้น ให้กลายเป็นหงษ์โดยเร็วไว และเก็บแต่เพียงไข่มุก แล้วก็บินไปพบบาบา”

ผู้สักการะบูชาบางส่วนทำความเพียรพยายาม บางส่วนก็ยกเลิกด้วยความรู้สึกผิดหวัง พวกเขารู้สึกว่า มันยากเกินไปสำหรับพวกเขา ที่จะใช้ชีวิตตามรูปแบบที่สูงส่งเช่นนั้น อีกพวกหนึ่งก็พร้อมที่จะละทิ้งชีวิตเก่าของพวกเขาทันที “พวกเราพร้อมที่จะทำทุกสิ่ง ในการเกิดใหม่นี้เพื่อพระเจ้า ความทะยานอยากเป็นประตูไปสู่นรก แล้วเราจะเลิกสิ่งนี้ไม่ได้หรือ ถ้าเราจะได้พระเจ้ามาโดยการแลกกับการเลิกสิ่งเหล่านั้น เราขอเลิกจากวินาทีนี้ทันที” และคนอื่น ๆ ก็พูดว่า “ซิสเตอร์ เราเป็นชาวบราห์มินที่มั่นคง อาหารและเครื่องดื่มของเราบริสุทธิ์ มักมีการเปลี่ยนแปลงในสันสการ์ของพวกเรา ญาติ ๆ และเพื่อนบ้านของเรา เป็นพยานต่อสิ่งนี้ ดังนั้น ทางที่ดี ท่านควรจะพาเราไปพร้อมกับท่าน พวกเราจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เราได้ทำตามเป้าหมายอย่างสมบูรณ์แล้ว เราโหยหาที่จะพบพ่อของเรา ดังนั้น ให้พวกเราไปเถอะ”
และด้วยความรักที่มั่นคงในพระเจ้าเช่นนี้ พวกเขาก็ถูกพาไปพบบัพดาดา

อ่านต่อ >>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#5


Tuesday, March 28, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 3

ความไม่สงบในการประชุมเพื่อความสงบ



แม่ของสถาบัน (Yagya Mata) ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมการประชุมศาสนาแห่งความสงบของโลก ที่ฤาษีเกศ (Rishikesh) ซิสเตอร์ มานโมฮีนี ซานตรี, Ganga และบราเธอร์ Anand Kishore ถูกส่งไปร่วมงาน ซิสเตอร์ซานตรีเขียนไว้ว่า  ตัวแทนจากศาสนาหลายประเทศได้มาด้วยเช่นกัน พวกเราซิสเตอร์ ได้ให้คำบรรยายด้วย แต่หลังจากรายการเริ่มได้ 2 วัน ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ก็เริ่มทะเลาะกัน เหตุผลที่โต้เถียงกันก็เพียงว่าจะใช้ภาษาฮินดี หรือ อังกฤษ พูด ณ ที่นั้น ถ้าคนที่จัดการประชุม เพื่อความสงบ ทะเลาะเบาะแว้ง และต่อสู้กันในกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ จนไปถึงขั้นโยนเก้าอี้เข้าใส่กัน แล้วมันจะสามารถเรียกว่าอะไรอีกล่ะ ถ้ามันไม่ใช่ยุคมืดสนิทของศาสนา ณ วันนี้ศาสนาได้เสียไปทั้ง 2 ศาสนาแล้วคือ ศาสนาของความบริสุทธ์และความสงบ ทั้งหมดได้ศิโรราบต่อความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ฯลฯ บทเรียนแรกของศาสนาได้กล่าวว่า เราทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณ และ ความสงบคือศาสนาและธรรมชาติของเรา ดังนั้น การชุมนุมนี้มีเพียงเพื่อพิสูจน์ว่า ศาสนาที่แท้จริงได้สูญหายไปแล้ว และนี่เองทำไมพระเจ้าจึงต้องลงมาด้วยตัวของท่านเอง

“สวามีชีพอนันดา ผู้ซึ่งจัดการประชุม และตัวเขาเองก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงบ วันหนึ่งได้พูดคุยกับเรา เขาได้ถามเกี่ยวกับสุขภาพของบิดาของสถาบัน (บราห์มาบาบา) และพูดว่า ตามความเป็นจริง ด้วยการยกระดับผู้หญิงเป็นจำนวนมาก ขึ้นสู่ความบริสุทธิ์และเป้าหมายเช่นนี้ งานของท่าน ชั่งน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นเขาถามว่า พวกท่านไม่เคยทะเลาะกันเลยหรือ ที่ภูเขาอาบู พวกเราตอบว่า “ไม่เคย” พวกเราได้เรียนรู้ที่จะมองกันและกัน ว่าเป็นดวงวิญญาณ และแสดงออกซึ่งความอดทน และ ความอดกลั้น เราไม่ได้ดูกิเลสของแต่ละคน เราดูเพียงแต่คุณธรรม เราอยู่ด้วยการสละละวาง และขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความรัก
ชีพอนันดา พูดว่า “มหัศจรรย์จริง ๆ ! ตัวฉันเองได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะนำผู้หญิงมารวมกัน เพื่อยกระดับทางจิตวิญญาณ ในความเพียรพยายามของฉัน ที่จะทำอย่างนี้ 3-4 ครั้ง ฉันไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาทะเลาะกัน เมื่อฉันได้ยินว่าพวกเธอ ทั้ง แม่ ๆ และผู้หญิง 300 ชีวิต อาศัยอยู่ร่วมกัน 14 ปี มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริง ๆ กลับไปบอกดาด้าให้ส่งแม่บางคน ผู้ซึ่งสามารถให้บทเรียนกับฉันได้ แล้วฉันก็บอกเขาว่า งานของเรามีชีว่า เป็นผู้นำด้วยตัวท่านเอง และดาด้าก็เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่มีใคร นอกจากพระเจ้าเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของเราสูงส่งและสูงกว่า”

ช่วงเวลานี้ การทำงานรับใช้ ได้ก้าวหน้าอย่างมากในเดลลี การชุมนุมที่เป็นปกติได้ขยายตัว และเกิดขึ้นที่นั่น แต่หลังจาก 2 เดือน พวกซิสเตอร์ต้องการกลับบ้าน เหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องการออกไปนอกบ้านเพื่อทำธุรกิจ ลูก ๆ ของสถาบัน คิดถึงพ่อของพวกเขา พวกเขาไม่ได้มีความปรารถนาที่แท้จริงที่จะทำงานรับใช้ในการสั่งสอนผู้คน ดังนั้น บาบาจึงต้องเติมพลังให้กับพวกเขา ให้มีความรับผิดชอบต่อมนุษย์อื่น ๆ บาบาเคยพูดว่า “ลูก ๆ ดวงวิญญาณทั้งหมดบนโลกนี้ เป็นพี่น้องของลูก ลูกจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือต่อผู้ที่ไม่มีใครช่วยเขาได้ ลูกจะต้องทำให้อินเดียทั้งหมดสูงส่ง สายน้ำจะไม่หยุด ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่มันจะไหลจากเมืองสู่เมือง มันช่วยดับความกระหายของวิญญาณที่ใฝ่หาความสงบและความสุข”

หลังจากได้ยินการอธิบายที่ทรงพลังของบาบา ซิสเตอร์ทั้งหมดก็นั่งลง และวางแผนสำหรับงานรับใช้ของพระเจ้า จุดสนใจที่เป็นเป้าหมายของบาบา คือ เมืองหลวงของอินเดีย เดลลี บาบาพูดว่า ที่นั่นรัฐบาลของยุคใหม่จะถูกตั้งขึ้น

ในช่วงเวลานี้ มีบราเธอร์และซิสเตอร์บางคน ของที่ชุมนุมในเดลลี ได้เขียนจดหมายมายังบิดาและมารดาของสถาบัน พวกเขาเขียนว่า “การชุมนุมทางดวงวิญญาณจะต้องมีขึ้นอีก B.K. ซิสเตอร์ทิ้งพวกเราไป” พวกเขาขอร้องว่า B.K เหล่านั้นควรจะกลับมา ดังนั้น บาบาจึงสร้างแรงบัลดาลใจอีกครั้ง สำหรับ ลูก ๆ ให้กลับไป ตอนนี้มันไม่ใช่เป็นเพียงแต่ชั้นเรียนตอนเช้า และตอนเย็นที่เริ่มไว้แล้วเท่านั้น รายการบรรยายได้ถูกจัดขึ้นไปทั่วบริเวณ
“พวกเราได้ไปยังกุมบามีล่า (Kumbha Mela – ที่ชุมนุมของชาวฮินดูที่มารวมกันเป็นล้าน ๆ คน เพื่อที่จะอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ด้วยความหวังว่าจะถูกชำระให้บริสุทธิ์) เพื่อให้คำบรรยายที่นั้นด้วย”  ซิสเตอร์ Gangaji รื้อฟื้นความจำ ผู้คนเชื่อว่าด้วยการอาบน้ำในแม่น้ำ ดวงวิญญาณจะถูกชำระให้สะอาด ดูเหมือนไม่มีใครสักคนจะเข้าใจว่า พวกเขาจะต้องชำระดวงวิญญาณในน้ำของความรู้ เพื่อทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ดวงวิญญาณจะต้องชุ่มโชกอยู่ในคุณสมบัติที่สูงส่ง การคิดว่าเพียงแต่นำร่างไปแช่อยู่ในแม่น้ำคงคา จะทำให้คนบริสุทธิ์ คือความเชื่อที่มืดบอด

แต่พิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ก็ดำเนินต่อไป และฝูงชนก็เพิ่มมากขึ้น และเริ่มต้นสู้กันว่าใครควรจะได้รับอนุญาตให้ลงไปอาบน้ำก่อน เป็นคนแรก สะพานได้หักลง เพราะว่าน้ำหนักของมนุษย์ทั้งหมด มีคนเป็นจำนวนมากจมน้ำตาย แต่กระนั้น บทเรียนนี้ก็ไม่มีใครสำนึกรู้ การเฉลิมฉลองที่งมงายก็ดำเนินต่อไป

ดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้น คิดว่าดวงวิญญาณนั้นไม่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำ และดังนั้น จึงไม่มีการทำความเพียรพยายามที่จะเปลี่ยนสันสการ์ของพวกเขา ที่จะพิชิตความอ่อนแอภายในของพวกเขา พวกเขาจึงมอบงานนั้น ให้อยู่ในความรับผิดชอบของแม่น้ำคงคงเท่านั้น

“หลังจากที่เห็นสภาพจิตใจของคนอินเดียที่มีหัวใจที่ใสซื่อ เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจ เราจะปลดปล่อยเขาจากโซ่ตรวนของการทำสักการะบูชา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาได้ทำลายตัวเอง ในความเชื่อที่มืดบอดนี้ พวกเขาเสียทั้งเวลา เงินทอง และกำลังงาน ให้กับการเฉลิมฉลองการพบปะที่สูญเปล่านี้เป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้คนเป็นล้าน ๆ ไม่มีจะกิน แม้แต่รัฐบาลอิสระของอินเดียก็สนับสนุนการพบปะนี้ เพราะเป็นสิ่งที่จะทำเงินตรา ด้วยการเก็บภาษีผู้แสวงบุญและด้วยการให้บริการรถไฟ ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ ขณะที่คลื่นยักษ์ของฝูงชนผู้มืดบอดหลั่งไหลอยู่บนถนน รามกับอยู่ในทะเลมนุษย์ บัดนี้ เราเข้าใจถึงความสำคัญของงานรับใช้ของเรา ที่จะให้กับชาวอินเดีย งานนี้ไม่มีผู้ใดที่จะทำ”
“ศาสนาได้กลายเป็นธุรกิจ โซ่ตรวนของกูรูที่หลอกลวง ได้ผูกมัดประชาชนไว้ ความโศกเศร้าอาดูรได้เผาไหม้อยู่ในดวงใจทุกดวง เพื่อที่จะไถ่ถอนความไม่สงบสุขของลูก ๆ ชีว่า ดวงวิญญาณสูงสุดได้ลงมายังโลกแล้ว”


Monday, March 27, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 2

การเสียสละอย่างสมบูรณ์

ขณะนี้ บราห์มากุมารี กำลังก้าวหน้าไป เดินทางไปยังรัฐและประเทศต่าง ๆ ด้วยภารกิจของงานรับใช้ที่สูงส่ง
ในวาระโอกาสหนึ่ง บุคคลซึ่งได้รับความประทับใจ ด้วยบทเรียนที่เขาได้รับ พยายามที่จะให้เงินก้อนหนึ่งกับซิสเตอร์ เธอปฏิเสธตามที่ได้รับคำสั่งจากพระเจ้า เธอบอกกับเขาว่า “พวกเราไม่สามารถรับเงินจากบุคคลภายนอก ก่อนอื่น ท่านจะต้องทำความเพียรพยายามให้บริสุทธิ์ ชายผู้นั้นประหลาดใจ 

ใครนะ ! ที่ปฏิเสธเงิน?? พวกสาธุตอบรับอย่างรวดเร็ว พวกสวามีไม่เคยปฏิเสธ เมื่อเขาคิดมากเท่าไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น จิตใจของพวกเธอไม่ยึดติด เขาสรุป พวกเธอได้เสียสละอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเธอเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่ง เขาได้รับความประทับใจ ด้วยชีวิตบริสุทธิ์ของซิสเตอร์ในชุดขาวเหล่านี้ เมื่อเขากลับไปยังบ้านของเขาในอามานาบัด เขาเขียนจดหมายมาขอบคุณ และเขียนจดหมายมาเชิญให้ มายังอามานาบัด ในการตอบรับคำเชิญนั้น ดาดี้ประกาชมณี ได้เดินทางไปสอน

ในไม่ช้า ดีดี้มานโมฮีนี และซิสเตอร์รุกขมินี ก็ไปยังกันดาลา ตามคำเชิญของเพื่อนและญาติ และตอนขากลับ พวกเขาก็ได้ทำงานรับใช้จนเรียบร้อย B.K ซานตาริจิ (Santariji) และ B.K ปรากาชมณีจี และ B.K อนันต์ กีชอร์จี (Anand Kishorji) และ B.K จันทราฮัสจี ได้ไปยังเมืองกัลกาต้า ตามคำเชิญ B.K มโนฮ่า อินทราจิ และคงคาจิ ไปยังเดลลี B.K กามาล ซันเดอริจิ ถูกเรียกตัวไปปูน่า ด้วยเหตุนี้ ลูก ๆ แผ่กระจายไปทั้ง 4 ทิศ ตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้ ภายหลังจากที่ได้เตรียมตัวมาเป็นเวลา 14 ปี กองกำลังทางดวงวิญญาณ ส่งบรรดาหัวหอก ทะลวงเข้าสู่โลก ประสบการณ์เหล่านั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

พบเนรูและอินทิรา คานธี

ซิสเตอร์ สีดาจิ เล่าว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เมื่อเธอออกทำงานรับใช้ครั้งแรก “เราถูกแยกออกไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว ห่างจากโลกภายนอก จนพวกเราคิดไม่ออกว่า มันเหมือนอะไรกันแน่ เราไม่รู้จัก แม่แต่เงินซึ่งใช้อยู่ในขณะนี้ เราไม่เคยถือเงินเลย ตั้งแต่เราเข้ามาอยู่ในสถาบัน เมื่อหลายปีก่อน พวกเราได้รับทุกสิ่งที่พวกเราต้องการโดยไม่ต้องขอ ดังนั้น เงินจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็น บาบาดูแลเอาใจใส่ต่อทุก ๆ สิ่ง ที่จำเป็นต่อพวกเรา บาบาทำให้ชีวิตของพวกเราเต็มไปด้วยความหวานชื่น แต่บัดนี้ล่ะ เรากำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำงานรับใช้ พวกเรามีปัญหา ซึ่งพวกเราจะต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ว่า เราจะรับมือกับโลกที่ไม่บริสุทธิ์นี้อย่างไร

“ฉันจำได้อย่างหนึ่ง เมื่อซิสเตอร์สองคนในพวกเราออกไปทำงานรับใช้ พวกเราจะต้องจ่ายเงิน 8 แอนนา ให้กับคนลากของ พวกเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าเหรียญอันไหน ที่พวกเขาจะต้องหยิบให้ชายผู้นั้น ในตอนนั้นมีเหรียญออกใหม่เข้ามาสู่ตลาดเงิน หนึ่งรูปีและอีกเหรียญหนึ่งคือ 8 แอนนา ทั้งสองมีขนาดเดียวกัน อันหนึ่งบางกว่าเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงให้อันบางกว่าไป สิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนน่าขบขันสำหรับพวกเรา แต่ในไม่ช้า พวกเราก็สามารถรับมือกับโลกภายนอกได้อย่างดี ในขณะที่จะไม่ยอมให้ความไม่สงบนั้น มามีอิทธิพลเหนือพวกเรา”

เมื่อจากสภาวะแวดล้อมที่สูงส่งที่สุดทางดวงวิญญาณในโลก เราสามารถเข้าใจว่า ประสบการณ์ที่เราได้รับ มีความรุนแรงอย่างไร ในตอนแรก เมื่อเราได้รับการบอกเล่าโดย คนทางโลกว่า พวกเขาไม่สามารถเอาชนะความปรารถนาของพวกเขา เรารู้สึกประหลาดใจ ว่าพวกเขาช่างน่าสงสารอะไรเช่นนั้น เพราะพวกเรามีโชคที่ยิ่งใหญ่ ที่ได้รับการประพรม ด้วยความรักและความรู้ของพระเจ้า และดังนั้น มันจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติและเป็นธรรมชาติ ที่สามารถบรรลุถึงความบริสุทธิ์และความเรียบง่าย

B.K กังกาจี (Gangaji) ได้เขียนประสบการณ์ เกี่ยวกับการเดินทางโดยรถไฟครั้งแรกของเธอว่า “ขณะที่นั่งอยู่ที่นั่น กระแสความคิดของเราก็วิ่งไปยังบาบา การโดยสารครั้งแรกนี้ สับสนวุ่ยวายเป็นอย่างมาก หลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ด้วยการควบคุมกระแสความคิดของตนเอง ฉันเริ่มพูดความรู้ของพระเจ้ากับผู้หญิงบางคนซึ่งนั่งติดกับฉัน พวกเขาได้รับประสบการณ์ของความสงบทันทีทันใด และพวกเขาก็เชิญพวกเราไปยังบ้านของพวกเขา ความรู้ส่งผลกระทบอันยิ่งใหญ่กับพวกเขา เช่นเดียวกับที่มีผลกระทบกับฉัน คำพูดของบาบาก่อรูปขึ้น ในความทรงจำของฉัน “เมื่อลูกสอนความรู้ของพระเจ้าให้กับผู้อื่น ลูกจะได้รับประสบการณ์ของความสุขที่ละเอียดวิจิตร และทุกคนจะมองดูลูกด้วยความเคารพ”

“ภายหลัง ฉันได้มาอยู่กับญาติ ๆ ของ ซิสเตอร์มาโนฮ่า อินทราจิ พวกเขาได้แสดงความปรารถนาที่จะให้ฉันมาให้ความรู้กับพวกเขา ฉันได้บอกกับพวกเขาตั้งแต่แรกว่า ฉันตื่นเช้ามากในตอนเช้าหลังจากอาบน้ำ ฉันนั่งอยู่ในการคิดถึงพระเจ้า ดังนั้น ถ้าหากมีห้องแยกไว้สำหรับฉัน จะเป็นสิ่งที่ดีมาก และฉันยังบอกพวกเขาเพิ่มเติมอีกว่า ฉันต้องทำอาหารของฉันเอง และฉันก็ไม่กินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ หรืออาหารที่มีรสจัดมาก ๆ ดังนั้น ถ้าท่านจะกินอาหารที่บริสุทธิ์ด้วย ในขณะที่ฉันพักอยู่ จะเป็นสิ่งที่ดีมาก” พวกเขาก็ตอบรับทุกสิ่งที่ฉันขอ

ดังนั้น ชณะที่ฉันอาศัยอยู่ที่นั่น จึงใช้ชีวิตตามกฏของพระเจ้า ตารางประจำวันของฉัน ช่วยให้พวกเขาจัดการกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาได้ดีขึ้น และอยู่ในการคิดถึงบาบา พวกเขาก็เรียนรู้ การออฟเฟอร์อาหารให้กับพระเจ้าก่อนที่จะกินด้วย ซึ่งจะทำลายความตระหนี่ถีเหนียวและความไม่มั่นคง ฉันได้แสดงให้พวกเขาเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง ที่จะทำให้พวกเขาอยู่บนหนทางของความบริสุทธิ์ พวกเขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีภาพลวงตาหลงเหลืออยู่สำหรับพวกเขา พวกเขารู้สึกว่า ถ้านำกฏนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน มันช่างยากเย็นจริง ๆ 

“ขณะที่ฉันอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา ฉันแสดงความรู้สึกว่า อยากจะพบกับ บัณฑิต เยาวหราล เนห์รู และ อินทิรา คานธี พวกเขาก็รู้สึกขบขันในตัวฉัน “ท่านจะพบเนห์รู ได้อย่างไร เขาจะให้สัมภาษณ์ก็เพียงแต่เรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว เขาก็จะไม่พบผู้ใดเลย เขามีความรับผิดชอบมากมาย เขาเป็นนายกรัฐมนตรีของอินเดีย เขาเป็นกษัตริย์ที่ปราศจากมงกุฏ ถ้าเขาจะเอาเวลาไปพบใคร ๆ หรือ ทุก ๆ คน แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานของเขาล่ะ?” ด้วยเหตุนี้ พวกเขาก็ระงับความคิด ที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ของฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่ในเดลลี ฉันไม่รู้จักถนนหนทาง แต่ด้วยการปกป้องจากพระเจ้า ฉันก็เริ่มไปข้างนอกคนเดียว บาบาได้ให้แผ่นเสียง และบทความบางอย่าง ที่จะมอบให้กับเนห์รูเพื่อเป็นของขวัญ ด้วยเหตุนี้ ฉันกำลังไปเพื่อให้ข่าวสารของพระเจ้า ตามที่พระเจ้าปรารถนาให้ฉันทำ แล้วมันจะล้มเหลวได้อย่างไร เมื่อฉันได้ไปถึงยังที่ทำงานของพวกเขา ฉันได้รับอนุญาตโดยปราศจากความยากลำบากใด ๆ 

ฉันได้พบกับอินทิรา คานธีก่อน เธอถามว่า สถาบันของพระเจ้าแห่งนี้ กำลังทำงานรับใช้ชนิดใด สำหรับอินเดีย มีบรรดาแม่อาศัยอยู่เท่าไร ความรู้อะไรที่เราออกสอน ฉันได้ถ่ายทอดข่าวสารของพระเจ้า และได้เชื้อเชิญเธอให้มา และเยี่ยมภูเขาอาบู หลังจากนั้น ฉันก็ได้พบกับเนห์รูจี ฉันได้นำแผ่นเสียงและหนังสือมอบแก่เขา และเชื้อเชิญเขา ให้ไปพบกับบาบาที่ภูเขาอาบูด้วย ยิ่งกว่านั้น ฉันได้อธิบายความลับที่ล้ำลึก เกี่ยวกับเวลาปัจจุบันและความสำคัญของความบริสุทธิ์หลายอย่างให้กับพวกเขาด้วย

ในเดลลี ใกล้กับ เรดฟอร์ด ใน Chandani Chowk มีวัดที่มีชื่อเสียงชื่อว่า “วัดกูชางก้า” ฉันได้ให้การบรรยาย 2-3 ครั้งที่นั่น ผู้ดูแลวัด ได้จัดห้องพักส่วนตัวได้แก่ฉัน ฉันได้พบกับผู้คนมากมาย ผู้ซึ่งมีความกระตือรือร้น ที่จะสนทนาแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความรู้ ฉันพาพวกเขานั่งสมาธิ และดูว่าบาบาจะให้ประสบการณ์ที่พิเศษกับพวกเขา มีผู้หญิงบางส่วนที่ได้รับการเปิดเผยจากบาบา และกลับไปบอกสมาชิกในครอบครัวของเธอ แต่ญาติ ๆ กลับมีความรู้สึกว่า “เธอเป็นคนเชื่อง่าย ดังนั้นเขาจึงใช้เล่ห์กลกับเธอ มันง่ายนักหรือที่จะได้พบพระเจ้า? นักบวชและนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา เขาทำการทรมานตนเป็นเวลายาวนาน หลังจากทำการทรมานตนเป็นเวลายาวนาน ก็ไม่ได้รับประสบการณ์จากพระเจ้าเช่นนี้เลย”

ด้วยความกลัวต่อเวทย์มนต์ พวกผู้หญิงเหล่านั้น จึงไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปยังวัดนั้นอีก ผู้ที่ดื้อดึงก็ถูกทุบตี สามีบางคนก็มาเพื่อดูว่า มันเป็นมนต์ดำชนิดใดที่ใช้แสดงอยู่ แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสกับกระแสในบรรยากาศ พวกเขาก็เปลี่ยนทัศนคติ พวกเขากลับบ้าน พร้อมกับความคิดเห็นที่สูงส่งเกี่ยวกับบราห์มากุมารี สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาด้วยตนเอง ก็ยังจมอยู่ภายใต้ความคิดผิด ๆ เกี่ยวกับพวกเรา

“ฉันอยู่ที่วัดนั้นเกือบ 2 เดือน ผู้คนที่มาร่วมในสัตสังก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พระประจำวัด เห็นว่าการทำสมาธิของพวกเรา ดึงดูดคนมากกว่าการให้บริการในการกราบไหว้บูชาของพวกเขา พวกเขาตระหนักรู้ว่าเรากำลังให้คำสอนที่ปฏิบัติได้จริง ด้วยกความกลัวว่า พวกเขาจะหมดอาชีพ พวกเขาก็ยุแหย่คณะกรรมการของวัด ผู้ซึ่งมาบอกเราว่าพวกเขาไม่สามารถอนุญาตให้เราอยู่ต่อไปได้อีก ฉันได้เตรียมพร้อมที่จะจากไป แต่ผู้คนที่มายังสัตสัง ก็เริ่มคัดค้านต่อพฤติกรรมของคณะกรรมการ และผลักดันให้พวกเขาเชื้อเชิญให้ฉันอยู่ต่อไป เราก็ยังดำเนินการชุมนุมทางดวงวิญญาณต่อไป แต่ฉันได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนที่อยู่เรียบร้อยแล้ว”

อ่านต่อ >>>> อดิเทพ ตอนที่ 4 # 3

Saturday, March 25, 2017

อดิเทพ ตอนที่ 4 # 1

บทที่ 4 วันของลูกสาว



สี่ชีวิตในหนึ่งร่าง

“ฉันเกิดสี่ครั้งในชีวิตนี้” ซิลเตอร์ซันเดอริจิ (Sister Sunderiji) ได้เขียนไว้

“ชีวิตหนึ่งคือการเกิดธรรมดา ที่ทุก ๆ คนมีประสบการณ์เช่นกัน หลังจากนั้น พ่อแม่ของฉันก็เลี้ยงดูให้ฉันเติบโต เมือฉันอายุมากขึ้นและแต่งงาน วันนี้มันเป็นการเกิดครั้งที่สอง เพราะว่าสำหรับผู้หญิง การแต่งงาน หมายถึงการตัดขาดจากชีวิตเก่า มีข้อผูกมัดอันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน บรรยากาศ ภาระ ทุก ๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปหมด วันที่เป็นอิสระสำหรับหญิงสาว และไม่ขึ้นกับใคร และ วันแห่งบริสุทธิ์ ได้มาถึงจุดสุดท้าย ชีวิตที่ต้องยอมเต็มไปด้วย ความกังวล และความรับผิดชอบเริ่มขึ้น เธอต้องละเลิกหลายสิ่ง ตามปกติผู้หญิงทุกคน จะผ่านการเกิดทั้งสองนี้ แต่นอกจากการเกิดทั้งสองแล้ว ฉันได้ผ่านการเกิดอีก 2 ครั้ง
ครั้งแรก ฉันได้เกิดใหม่ในความรู้ของพระเจ้า บาบาเป็นเพียงผู้ที่ฉันผูกพันอยู่ด้วยเท่านั้น หลังจากที่เกิด “ฉันไม่มีใครอื่นอีกเลย นอกจากพระเจ้า สามีผู้สูงสุดของฉัน ซึ่งอยู่ในความทรงจำของฉัน”

นี่คือการใกล้ของสันสการ์เก่า ด้วยการซึมซับ คุณธรรมและความบริสุทธิ์ และวิถีทางใหม่ ในการเกี่ยวข้องกับผู้ชาย มันช่างยากเสียจริง ๆ ในโลกเรา ก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ต่อไป และเราจะต้องลืมไปให้หมด นี้ไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยที่จะทำให้สำเร็จได้ มันถูกตั้งชื่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ตายทั้งที่มีชีวิต” สันสการ์แข็งขึ้นหลังจาก ผ่านชีวิตมาหลายชีวิต บัดนี้ ถึงเวลาที่จะต้องถอนราก ออกจากดวงวิญญาณในหนึ่งวินาที ใช่... มันยากลำบากอย่างมากทีเดียว แต่ความรู้สึกของความสะอาด และความสูงส่งที่ยิ่งใหญ่ ทำให้มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง บราห์มินทุก ๆ คน มีประสบการณ์ กับชีวิตนี้ที่มีความสุขเหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัส แต่การเกิดครั้งที่สี่นั้น มีน้อยคนนักที่จะได้เกิดเช่นนี้

มันเป็นประสบการณ์ที่สูงส่งอย่างแท้จริง พระเจ้าได้ประทานสติปัญญาที่แจ่มชัด ผู้สร้างแห่งนิมิตที่สูงส่ง ได้ผลักฉันเข้าไปอยู่ในอนาคต ในยุคทอง
“วันหนึ่ง ชีพบาบา บอกพวกเรา ให้อยู่แต่เพียงในห้องของพวกเราสองสามวัน ให้กินแต่ผลไม้และนมเท่านั้น ไม่ให้พูดกับผู้ใดเลย และให้อยู่ในโยคะ ที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่อง ฉันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่จะทำตามนั้น เพราะว่า ความปิติสุขของการอยู่ในสมาธิ คือ ความสุขที่ยิ่งใหญ่ของฉัน”

“ดังนั้น ฉันจึงนั่งอยู่ และเผชิญหน้ากับพระอาทิตย์แห่งความรู้ และฉันก็ผลิดอกบาน เช่นดอกทานตะวัน ฉันไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่คิดถึงพระเจ้า ท่านได้กลายมาเป็นทั้งชีวิตของฉัน สันสการ์ทั้งหมดของฉัน จมหายไปในการคิดถึงนี้ ฉันได้ลืมเลือนโลกทั้งโลก ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันลืมแม้แต่ชื่อของตนเองอย่างสิ้นเชิง อายุ รูปร่างหน้าตา ฉันจำคนอื่นไม่ได้เลย มีเพียงแต่พระเจ้า เท่านั้น และแล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น”

“ฉันมีประสบการณ์ ของการเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ของครอบครัวแห่งราชนิกูลของโลกยุคทองในอนาคต ฉันเข้าใจภาษาพูดที่นั่น ซึ่งแตกต่างจากภาษา ที่มีบนโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ฉันเป็นดวงวิญญาณที่มีความบริสุทธิ์อย่างงดงามวิจิตร ฉันไม่รู้จัก แม้แต่ความหมายของคำว่า “ปรารถนา” ความโกรธและความโลภก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ความบริสุทธิ์สูงสุดเช่นนี้ กระจายออกมาจากดวงวิญญาณทุกดวงในโลกนั้น”

ดวงตาของฉันยังคงเป็นเช่นเดิม แต่จิตใจซึ่งดวงวิญญาณมองผ่านมานั้นเปลี่ยนไป ในระหว่างช่วงเวลานี้ ฉันมองทุกคนด้วยนิมิตที่สูงส่ง พระเจ้า ผู้ที่ล่วงรู้กาลเวลาทั้ง 3 ให้ฉันได้มีพลังในช่วงสั้น ๆ ในฉันเห็นพี่น้องชาย-หญิง ของสถาบันที่อยู่ในรูปในอนาคตของพวกเขาแห่งอาณาจักรเทพ ฉันรู้จักชื่อและสถานภาพของพวกเขา เมื่อเขาถามฉันว่าฉันเป็นใคร ฉันบอกชื่อที่สูงส่งของฉัน ทำให้พวกเขารู้ว่า ฉันเป็นเจ้าหญิงของโลกในอนาคต และฉันบอกพวกเขาถึงที่อยู่และอายุ
ฉันบอกพวกเขาว่า กษัตริย์ คือใคร และบอกพวกเขาเกี่ยวกับอาณาจักร และเมื่อพวกเขาถามเกี่ยวกับตัวเขา ฉันได้อธิบายรูปร่างที่ปรากฏต่อฉันว่า พวกเขาเป็นเจ้าชาย คนรับใช้ หรือ เป็นเพื่อน เป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ที่ฉันรักษาสำนึกนี้ไว้

“ระหว่างเวลานั้น ฉันกินน้อยมาก เช่นเดียวกับเจ้าหญิงที่สูงส่ง ที่ฉันได้กลายเป็น ฉันกินนมเพียง 2-3 ช้อน ต่อวันเท่านั้น ทุกคนประหลาดใจว่า ฉันมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร กับอาหารที่น้อยนิด แต่ฉันก็ไม่ประสบกับปัญหาในด้านความสามารถหรือพลังเลย”

“ระหว่างเวลานั้น ญาติทางโลกได้มาเยี่ยมฉัน แต่ฉันจำพวกเขาไม่ได้เลย เมื่อฉากแห่งการละเล่นนี้ได้จบลงแล้ว หลังจากนั้นหลายวัน ฉันจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง และชื่อของบราห์มินคนอื่น ๆ หรือพวกญาติ ๆ พวกเขาจะต้องเริ่มสอนฉันใหม่หมด เกี่ยวกับตัวฉันเอง และชีวิตปัจจุบัน ในที่สุด ความจำของฉันก็กลับมา ในขณะที่ผลของนิมิตที่สูงส่ง ค่อย ๆ จางไป ฉันก็เริ่มระลึกถึงความสัมพันธ์ที่มี กับรูปปัจจุบันมากขึ้น เมื่อพวกเขาบอกว่า หนึ่งเดือนครึ่ง ที่ฉันเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ ฉันไม่สามารถระลึกได้แม้แต่ความคิดเดียว หรือแม้แต่จะคิดวาดภาพ ว่าฉันได้เห็นอะไร ฉันเพียงรู้ว่า ช่วงเวลาหนึ่ง ฉันได้หลงอยู่ในที่บางแห่ง ที่ๆ ฉันหายไป ฉันไม่รู้จัก นี่คือชีวิตที่ฉันนับว่าเป็นชีวิตที่สี่ ที่ประหลาดมาก ซึ่งฉันมีชีวิตอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยความอนุเคราะห์จากพลังอันสูงส่งของพ่อผู้สูงสุด และด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงใหม่ ได้เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน”

หลังจากเกิดครั้งที่ 4 หลังจากอาศัยอยู่ยาวนานมาก กับบรรยากาศที่บริสุทธิ์ของมธุบัน ฉันไม่ได้เตรียมตัวพบกับโลกที่เหมือนนรก ซึ่งยังคงมีอยู่ข้างนอกประตูรั้วของมธุบัน มันเป็นสิ่งประหลาดอย่างมาก ที่ได้เห็นผู้คนของโลกนี้ ที่เต็มไปด้วยสำนึกของความเป็นร่าง ฉันเห็นชัดเจนจากใบหน้าของพวกเขา ที่เต็มไปด้วยความสับสน และความทุกข์

ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟ ฉันดูผู้คนที่ผ่านไปมา ฉันเข้าใจถึงความเป็นพิษ และความตกต่ำที่โลกได้เคลื่อนไป ฉันต้องการแต่เพียงที่จะกลับไปยังตักของบาบา มันจะไม่ดีกว่าหรือ ฉันครุ่นคิดว่า ถ้าอยู่ในสถาบันและไม่ต้องมีประสบการณ์ของความไม่บริสุทธิ์ คงจะดีกว่าหรือไม่? แต่ฉันรู้ว่า เราต้องการออกมาเพื่องานรับใช้

เหมือนสุภาษิตเขียนไว้ โอ พระเจ้า ดูซิ สถานการณ์ของโลกได้ตกต่ำลงไปเช่นไรแล้ว ท่านได้สร้างพระอาทิตย์ พระจันทร์ ท้องฟ้า และสิ่งอื่นอีกมากมาย แต่ผู้คนที่ท่านสร้างขึ้นมา ดูซิ ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร เขาเปลี่ยนไปอย่างไร เขาดูประหลาดแค่ไหน เชาได้ขายความเคารพในตนเอง เพื่อความสุขเพียงเล็กน้อย บัดนี้ เขารู้จักแต่การโกง ผู้เคารพบูชารามและสาวกของอับบราฮัม ห่อหุ้มอำพรางตนเองด้วยการเสแสร้ง พวกเขาได้มืดบอดเสียแล้ว กลยุทธ์ที่ดำมืด ได้ดูดชีวิตไปจนหมดสิ้นจากอินเดีย ภารัต คือ ป่าช้า

โอ พระเจ้า ดูซิ ว่ามนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงไปถึงที่ใดแล้ว ถ้าพวกเรามิได้ทะเลาะกันเอง ถ้าเราไม่ได้ทำสงคราม แล้วละครของสิ่งสร้างที่สูงส่งนี้ ก็จะไม่มาถึงจุดพังทะลายของวันนี้ ถ้าเรามิได้ทะเลาะกัน ผู้คนมากมายก็คงจะไม่ปราศจากที่อยู่อาศัย และเด็ก ๆ มากมายก็คงจะไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า โอ พระเจ้า ดูซิ มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร โอ พระเจ้า ดูซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งสร้างที่น่ารักของท่าน เราได้กลายเป็นมนุษย์เช่นไรไปแล้วหรือ?

Thursday, March 23, 2017

อดิทพ ตอนที่ 3 # 17


น้องสาวที่รัก

พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ฉันได้ส่งคำบรรยายเกี่ยวกับการสำนึกรู้ในตนเองมาให้ท่าน หญิงและชายจำนวนมากที่นี่ ได้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตนเอง และนิมิตที่สูงส่ง พวกเขาได้เห็นว่าในเวลาอันใกล้ที่จะถึงนี้ความหายนะอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึงโลก ณ เวลานั้นมีเพียงผู้ซึ่งสามารถสร้างตนให้อยู่ในสภาวะสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถที่จะทนต่อการทำลายล้าง และทำให้ตัวเองปลอดภัยได้



พลังทางดวงวิญญาณนั้นสูงกว่าพลังทางวิทยาศาสตร์ หรือพลังทางวัตถุธาตุใด ๆ และมันสามารถที่จะบรรลุถึงการเอาชนะเหนือพลังเหล่านั้น ระหว่างสงครามโลกซึ่งกำลังจะมาถึง ความโศกเศร้าที่ยิ่งใหญ่จะปกคลุมอยู่เหนือพวกเขาเหล่านั้นผู้ซึ่งไม่ได้ทำความเพียรพยายาม ให้เกิดการหยั่งรู้ทางดวงวิญญาณ
ขอให้ท่านเก็บข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ และสำนึกว่าอิสรภาพอันสูงส่งของเรา กำลังมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้

ด้วยการต่อต้านกองทัพอหิงสาของเรา ผู้ึคนทำการถกเถียงเกี่ยวกับพวกเราเป็นอย่างมาก น้องสาวที่รัก ท่านต้องทำความเพียรพยายามเพื่อให้บรรลุถึงการหยั่งรู้ในตนเอง และบรรลุถึงอิสรภาพที่สูงส่งจากโลกทั้งหมดด้วย

ด้วยวิธีการเช่นนี้ บาบาได้ส่งสารไปรอบโลก: การเข้าใจดวงวิญญาณและอยู่อย่างบริสุทธิ์ ท่านเคยให้ความสนใจเป็นพิเศษแต่แม่ เพราะว่า ท่านพูดว่ามันมีความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวงที่กระทำต่อผู้เป็นแม่ พวกเขาเป็นภาพลักษณ์ของการทนทุกข์ทรมานเสมอ เมื่อผู้หญิงแต่งงานและไปอยู่ทางบ้านของพ่อสามี มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็น และได้ไปเกิดใหม่อีกชาติหนึ่ง เธอลืมความสัมพันธ์เก่า และเข้าไปรวมและร่วมกับครอบครัวใหม่ เธอต้องทำทุกสิ่งไม่ว่าสามีหรือผู้ที่อยู่ฝ่ายสามีบอกให้เธอทำ

เช่นเดียวกัน เพื่อการซึมซับความรู้ของพระเจ้า มนุษย์จะต้องตายไป แล้วจากชีวิตเดิมของเขาและเกิดใหม่ เขาจะต้องกลายเป็นผู้หลอมรวมกับพระเจ้าเพียงเท่านั้น และกระทำแต่เพียงสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา ดังนั้น มันจึงเป็นการง่ายมากสำหรับเด็กหญิง และแม่ที่จะรับความรู้ เพราะว่า พวกเธอไม่มีความทะนงเรื่องทรัพย์สินและสถานภาพ พวกเธอเคยถูกสั่งสอนให้ตัดสัมพันธ์ จากครอบครัวหนึ่ง และเข้าร่วมกับอีกครอบครัวหนึ่ง

บาบาเคยพุดเสมอ ๆ ว่า สังคมและศาสนาแห่งการสละละทิ้ง ได้กำหนดสถานภาพของผู้หญิงไว้ต่ำมาก พวกเขาบังคับเธอให้ปกปิดใบหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมหน้า พวกผู้ชายคิดว่า ผู้หญิงเป็นสิ่งสร้างชนิดที่ต่ำกว่า และพวกผู้ชายก็สามาาถจะทุบตีภรรยาของเขา และขับไล่เธอออกจากบ้านได้ ถ้าเขาปรารถนา และเขายังแต่งงานใหม่่ได้ด้วย ขณะที่ผู้หญิงทำไม่่ได้ หญิงหม้ายเป็นจำนวนมากน่าสงสารอย่างยิ่ง ในอดีต นานแล้วผู้หญิงถูกบังคับให้เผาตัวตายทั้งเป็นบนกองไฟที่เผาศพสามีของเธอ ซานยาสซีจากบ้านของพวกเขา ทำให้ภรรยาเป็นม่าย และสอนว่าสามีคือพระเจ้าของภรรยา ดังนั้น บาบาจึงกระตือรือร้นที่จะยกระดับสถานภาพของสตรีเพศ บาบาได้เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีรัฐ กูวาเลอ (Guwallor) ชื่อว่า ราฮี ราชาวดี (Rahi Rajawade) ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของสภาสตรีแห่งอินเดีย

เพื่อนรัก
สามีถูกกำหนดว่าเป็นกูรูและพระเจ้าของภรรยา แค่มีเพียงผู้ซึ่งปราศจากกิเลสและตัณหา และเป็นผู้บริสุทธิ์สมบูรณ์เท่านั้นที่สามารถถูกเรียกว่าพระเจ้า ผู้ชายทุกวันนี้ปราศจากกิเลสตัณหาหรือไม่ พวกบริสุทธิ์หรือไม่ กูรูคือผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้ที่ทำให้บุคคลตระหนักรู้ตนเองและสิ่งสูงสุด แต่ผู้ชายทุกวันนี้ ติดกับอยู่ในความหยิ่งทะนงของร่างกาย ดังนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ชาย ณ วันนี้ ไม่ควรแก่การได้รับขนานนามว่า กูรู หรือพระเจ้าเลย ท่านผู้เป็นแม่ มันเป็นพลังที่อยู่ในตัวท่าน ที่จะทำให้ท่านกลับกลายเป็นเช่นเทวีลักษมี และทำให้สังคมมนุษย์ ได้ลิ้มรสน้ำอมฤตแห่งความรู้ ที่เต็มไปด้วยความปิติสุข เพื่อนผู้เป็นที่รัก จงตื่นขึ้น รู้จักตัวของท่านเอง มิฉะนั้นแล้ว ท่านก็จะเอาชีวิตของท่านทั้งชีวิตโยนทิ้งลงไปในคูน้ำครำ

ในการประชุมศาสนานานาชาติ ที่จัดขึ้นในกรุงโคลัมโบ ปี ค.ศ.1939 ตัวแทนจากศาสนาทั้งหมดได้เข้าร่วม หัวข้อของการประชุมคือ จะสร้างความสงบขึ้นในโลกได้อย่างไร บาบาได้โทรเลขไปยังผู้นำศาสนาที่ได้มายังที่นั้น และได้ส่งจดหมายไปด้วย 1 ฉบับ (จดหมายเขียนขึ้นวันที่ 1 สิงหาคม 1939 และส่งไปวันเดียวกัน) บางส่วนมีใจความดังนี้

"ตราบเท่าที่ทุกคนในโลกยังไม่รู้้จักตนเองว่าเขาคือดวงวิญญาณ และไม่ได้ประพฤติในสำนึกว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก่อตั้งความสงบในโลกได้ ในความเป็นจริงมีเพียงศาสนาเดียว และศาสนานั้นเป็นศาสนาของดวงวิญญาณ ศาสนาของดวงวิญญาณคือ ความบริสุทธิ์และความสงบ เป็นเพราะว่ามีหลายศาสนาเวลานี้ จึงมีการทะเลาะกันอย่างมาก ตราบเท่าที่มนุษย์ยังขาดการสำนึกรู้จักตนเอง เขาก็ยังไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นปีศาจในหน้ากากมนุษย์ และตราบเท่าที่เขายังเป็นเช่นปีศาจร้าย มันจะมีความสงบหรือ? เราะได้ส่งคลังสมบัติของเพชรพลอยของความรู้แห่งพระเจ้ามาให้ท่าน กรุณาช่วยคิด ไตร่ตรองให้ดีด้วย"

บาบาได้เขียนจดหมายถึงกษัตริย์ ของ จามานาเกอร์ โจนาปุระ (Jamanager Jodnapur) และ มันดาวี (Mandavi) เขาได้เชิญผู้คนมาเพื่อรับความรู้หลักสูตร1 สัปดาห์ ซึ่งได้กำหนดขึ้นโดย ทางมหาวิทยาลัย หนังสือถูกส่งออกไปเป็นจำนวนพัน ๆ ฉบับ มีเพียงผู้คนน้อยนิด ที่เข้าใจความรู้และสามารถฝึกปฏิบัติตาม สิ่งนี้ก็ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์กีตะเช่นกัน บาบารู้แล้วว่าทั้งหมด ไม่เชื่อและไม่เข้าใจท่าน มีเพียงแต่ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในยุคทองที่ผ่านมาเท่านั้น ที่จะถูกดึงเข้ามาในยุคทองใหม่ (เทพมีเพียง 0.01% ของประชากรโลก ณ เวลานี้) แล้วท่านก็ยังคงเขียนไปเนื่องจากอย่างน้อยที่สุด ทุก ๆ ดวงวิญญาณจะต้องได้รับข่าว ก่อนที่ม่านของเวทีละครจะปิดฉากลง
บัตรเชิญเพื่อให้ผู้คนมายังมหาวิทยาลััย ถูกส่งออกไปยังผู้คนทุกศาสนา ในทุก ๆ ประเทศบนโลก ตัวอย่างจดหมายที่เขียนไปมีตัวอย่างดังนี้ :-

ดวงวิญญาณที่รัก
ด้วยการศึกษาหนังสือที่ประเมินค่ามิได้ ที่ส่งแนบมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ท่านจะสามารถเข้าใจได้ว่าพระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด ได้ลงมาใช้ร่างของมนุษย์ธรรมดา ผู้ที่ท่านให้ชื่อแก่เขาว่า ประชาปิตา บราห์มา ผ่านร่างของท่าน ท่านทำงานของการกำจัดตัณหาความอยากและกิเลส อย่างที่ท่านทำมาเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว และท่านกำลังก่อตั้งโลกใหม่อีกครั้งหนึ่ง โลกแห่งความสงบสมบูรณ์ และเต็มไปด้วยความสุข ยุคแห่งกีตะได้กำลังเกิดซ้ำรอยเดิม และในไม่ช้าจะมีสงครามปรมาณู และการทำลายล้างโลกที่กว้างขวาง การทำลายเผ่าพันธุ์จริง ๆ ที่อธิบายไว้ในคัมภีร์มหาภารตะยุทธที่มีชื่อเสียง
ถ้าท่านศึกษาบทประพันธ์เกี่ยวกับพระเจ้านี้ด้วยความตั้งใจ ท่านจะสามารถรับรู้ ตอนต้น ตอนกลาง และตอนจบของโลกนี้ ท่านจะสามารถรู้เวลาปัจจุบันด้วย และท่านจะสามารถเข้าใจพระเจ้าผู้เป็นพ่อของท่านได้อย่างดีด้วย มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับท่าน ที่จะเข้าใจว่าโลกทั้งโลกคือละคร ที่ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งจะซ้ำรอยทุก 5000 ปี ท่านก็คือนักแสดงคนหนึ่งของละครที่ยิ่งใหญ่นี้
ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพชรพลอยที่ไม่มีวันทำลายได้ ได้ถูกนำมาแจกจ่ายให้เปล่า โดยไม่คิดมูลค่า จงมาและมารับโอกาสอันดี และรับเอาความรู้ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ไป
จดหมายเช่นนี้ ถูกส่งไปยังผู้ว่าฯ หัวหน้ารัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่น ๆ ของซินดิ และผู้ว่าการแห่งการาจี พร้อมกับจดหมายก็มีหนังสือส่งไปด้วย "มหาสงครามแห่งภารัต" และภาพพิมพ์ของวงจรโลก
ลอร์ด วาเวล ไวชรอย (Wavel Viceroy) ของอินเดียและภรรยา ได้รับบทความสำคัญนี้ ภรรยาเป็นผู้เขียนตอบมาว่า "ขอขอบคุณสำหรับความคิดที่บริสุทธิ์" นักการเมืองในวอชิงตัน ลอนดอน และเมืองอื่น ๆ ได้ส่งคำตอบคล้าย ๆ กันมา
วันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1947 จดหมายได้ถูกส่งไปยังอลิซาเบธ และกษัตริย์จอร์จ ที่ 7 พร้อมกับภาพของต้นกัลป์ มีข้อความดังนี้

ดวงวิญญาณที่รักที่อยู่ในร่างของกษัตริย์จอร์จ
โลกนี้ เป็นโรงละครที่ไม่รู้จบ ซึ่งจะซ้ำทุก ๆ 5000 ปี ท่านคือนักแสดงคนหนึ่ง ในละครที่ยิ่งใหญ่นี้ ท่านรู้หรือไม่ว่า 5000 ปีก่อน ท่านก็แสดงบทบาทนี้ เป็นกษัตริย์ของอังกฤษ ในร่างเช่นเดิม ในเวลาเดิม และด้วยชื่อเดิม ?  และแล้ว ท่านก็จะแสดงในบทบาทเดิมอีกใน 5000 ปีที่จะมาถึง?

ในละครที่เป็นอมตะและไม่รู้จบ ยุคปัจจุบันกำลังมาถึงจุดจบ และยุคแห่งเทวาและเทวี จะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้ พวกเรากำลังอยู่ในยุคแห่งการบรรจบพบกัน เมื่อดวงวิญญาณเพียงน้อยนิด ได้กลับคืนสูสภาพสมบูรณ์พร้อมเช่นเดิมของพวกเขา ขณะที่ดวงวิญญาณอื่นกำลังตกลงมายังจุดต่ำสุดของพวกเขา ในไม่ช้า อาณาจักรแห่งสวรรค์จะถูกก่อตั้งบนโลก ประเทศทางตะวันตกมีความเชื่อในระเบิดปรมาณู แล้วพวกเขาจะสามารถปกครองโลก แต่นี่คือสิ่งลวงตา ความจริงก็คือ ท่านกำลังเชื้อเชิญการทำลายตนเองนั่นเอง ผลที่ตามมาคือ อาณาจักรยุคทองของโลกจะอยู่ในมือของศรีกฤษณะ
ในขณะปัจจุบัน พระเจ้าได้ลงมาในอินเดีย แต่มาในรูปที่เป็นความลับ ท่านได้ยืมร่างที่ธรรมดาของมนุษย์คือ ท่านบราห์มา และท่านทั้งสองได้ร่วมกันสร้างสถาบันการบูชายัญด้วยไฟแห่งความรู้โบราณอีกครั้ง บนฐานแห่งพลังอันสูงส่งของสถาบัน ความสงบจะถูกสร้างขึ้น อังกฤษซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนในอินเดีย ได้เพาะหว่านเมล็ดแห่งความเกลียดชังไว้ และความคิดของพวกเขาคือ การเฝ้าดูการกัดกันของแมวสองตัว ไม่มีใครที่ถูกประฌามเพราะว่า ละครโลกจะซ้ำทุก ๆ 5000 ปี ธาตุแห่งการแตกแยกในอินเดียจะถูกทำลายพร้อมกับประเทศตะวันตก หลังจากนั้นจะมีความบริสุทธิ์เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ความสุขและความสงบของโลกด้วย พวกเราส่งบทความสำคัญบางส่วนมาให้ ซึ่งความลับทั้งหมดได้มีการอธิบายอย่างชัดเจนในนี้
จดหมายที่ส่งไปยังกษัตริย์จอร์จและราชินีอลิซาเบธ ได้ถูกเขียนด้วยหมึกสีทองบนกระดาษทอง พร้อมรูปที่ชัดเจน จดหมายนี้แสนจะเข้าใจง่ายและตรงจุด แต่กษัตริย์แห่งยุคเหล็ก ถูกตรึงไว้ด้วยความทรนงในอำนาจ หาได้สนใจที่จะพบกับพระเจ้าไม่
จดหมายอีกฉบับ ถูกส่งไปยังกษัตริย์ของ วาไลปุระ (Valaipur) และเนปาล จดหมายเช่นนี้ ถูกส่งไปยังประธานาธิบดี ทรูแมน พร้อมกับหนังสือหลายเล่ม และคำเชิญให้มายังมหาวิทยาลัยของพระเจ้า
หนังสือถูกส่งไปยังห้องสมุดต่าง ๆ ในประเทศต่าง ๆ และด้วยเหตุนี้ ไฟก็ลุกลามไป ความพยายามทั้งหมดนี้ หลายคนเห็นว่าดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


อ่านต่อ >>>>>> อดิเทพ ตอนที่ 4#1