Friday, February 28, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 24


ฝ่ายตรงข้ามโจมตีอีกครั้ง
ผู้พิพากษาจัดม้านั่งพิเศษให้พวกเรานั่ง ดูเหมือนเขาใจลอยเมื่อเห็นลักษณะท่าทางของโอมราเด้  และในความเป็นจริงบุคลิกของเธอส่องแสงราวกับเทวี  มารยาทของเธอสูงส่งอย่างสมบูรณ์พร้อมในชุดส่าหรีสีขาวที่สองประกาย  ดูเธอช่างบริสุทธิ์และสูงค่า ดูสมบูรณ์พร้อมในห้องพิจารณาคดี มันเป็นราวกับว่าเธอเพิ่งลงมาจากฟากฟ้า

การปฏิบัติทางพิธีการเริ่มขึ้น  ทนายความแสดงบทบาทของตนนำเสนอซึ่งวิธีการและเบ็ดเตล็ดเพื่อความประสงค์ร้ายต่อศาลพิจารณาคดี  แต่ทั้งหมดดูไม่ค่อยสมจริง  เพียงแต่เป็นการโหมโรงนำไปสู่บางอย่างซึ่งมีนัยสำคัญ แสงภายในห้องพิจารณาคดีดูลักษณะแปลก บรรยากาศที่มีอยู่พลังศักดิ์สิทธิ์สามารถสัมผัสได้ ซึ่งทุกคนสามารถรู้สึกที่ผิวหนังของทุกคน

สถานการณ์ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ มันจะต้องมีเรื่องมากมายเกิดมาภายหลังแน่นอน แต่มันดูเหมือนเป็นเพียงชั่วขณะเดียวที่ได้ผ่านไป เมื่อโอมราเด้ ถูกเรียกขึ้นไปเป็นพยานบนแท่น แล้วการโต้ตอบก็เริ่มขึ้น


ผู้พิพากษา  : "สิ่งแรกเธอต้องถือกีตะไว้ในมือและให้คำสาบานว่าเธอจะพูดแต่ความจริง"

ราเด้           :   "อะไรคือคำสาบานและจะต้องพูดว่าอะไร"
ผู้พิพากษา : "ถือคัมภีร์ไว้ในมือเธอและพูดว่าฉันเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งและอะไรก็ตาม                        ที่ฉันพูดจะเป็นความจริง"
ราเด้     :        "ผู้พิพากษาซาฮีบ ฉันเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่  แต่ฉันไม่สามารถรู้ได้ว่าพระเจ้าอยู่ที่นี่  
ฉันไม่สามารถเห็นพระเจ้าด้วยตาทั้งสองนี้ และดังนั้นฉันจะให้คำสาบานได้  อย่างไรว่าฉันเห็นพระเจ้าในที่ ๆ ท่านอยู่ ฉันเพียงแต่เห็นดวงวิญญาณของท่านใน   รูปของผู้พิพากษาและถ้าท่านตกลงฉันก็เตรียมพร้อมที่จะให้คำสาบานว่าฉันเห็น  ดวงวิญญาณในรูปของท่านผู้พิพากษา  ขณะนี้และอะไรก็ตามที่ฉันพูดจะเป็นความจริง"

ขณะที่ได้ยินคำตอบประหลาดเช่นนี้ฝูงชนในห้องพิจารณาคดีอุทานด้วยความประหลาดใจ หลาย ๆ คนเริ่มหัวเราะ บางคนยอมรับข้อเสนอของราเด้ และแสดงความพอใจด้วย การตบมือบางคนพูดเสียงดัง "ใช่ ใช่ หรือเธอพูดถูกต้อง"

ผู้พิพากษาไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาเริ่มมีอารมณ์โกรธเล็กน้อยเขาทุบฆ้อนลงบนโต๊ะ "คำสั่ง คำสั่ง"  เขาประกาศฝูงชนสงบลงอีกครั้ง


ผู้พิพากษา :   (มองหน้าราเด้)  ฉันไม่ใช่พระเจ้า  ดังนั้นเธอไม่ต้องมาสาบานกันฉัน การรับคำ     สาบานในนามของพระเจ้าเป็นระเบียบของศาลสถิตยุติธรรมแห่งนี้ และเราไม่สามารถจะฝ่าฝืนมันได้

ราเด้ :             (ด้วยความถ่อมตนและสงบเงียบ)  ผู้พิพากษาซาฮิบท่านบอกว่าให้พูดความจริง  
ในความเป็นจริงฉันไม่ได้เห็นพระเจ้าในทุกหนทุกแแห่ง  ในความเป็นจริง ฉันเห็น  ในจิตใจของแต่ละคนมีแต่ความโกรธ ความโลภ และมีแต่กามราคะ  ที่ ๆ ฉันไม่   สามารถเห็นพระเจ้า ฉันจะให้คำสาบานที่เป็นเท็จหรือ ??

ผู้พิพากษา  :  นี่่เป็นห้องพิจารณาคดี ที่นี่ไม่ใช่สัตสัง เธอไม่ต้องมาให้ความรู้กับฉัน  ที่นี่มีกฏ     ของกฏหมาย  ถ้าเธอฝ่าฝืนกฏหมายนี้  เธอจะต้องลิ้มรสสำหรับการหมิ่นประมาท ศาล
ราเด้ :             (โดยไม่มีความกลัว) เหมือนอย่างที่ท่านไม่สามารถอดทนได้กับการหมิ่นประมาท  ศาลนี้  เช่นกันฉันก็ไม่สามารถทนที่จะให้มีการหมิ่นประมาทพ่อสูงสุดของโลกได้  แม้แต่ในกีตะ ภควัต พูดว่าเมื่อไรก็ตามที่มีความดำมืดของที่ซึ่งไร้ศาสนาฉันจะลงมา  แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ว่าพระเจ้าจะอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้  พ่อผู้สูงสุดคือความรู้ ความปิติยินดี ความรักในบุคลิกของท่าน ท่านเป็นมหาสมุทรของความสงบและความมั่นคง ในคนอื่น ๆ ทั้งหมด วันนี้ มีแต่กิเลสที่มีอำนาจ เหนือพวกเขา ความโกรธ ความโลภ ความทะยานอยาก มีพายุร้ายของความใคร่และความไม่มั่นคงของจิตใจอย่างสูงสุด มีแต่ความไม่สงบ และมีความงมงายไม่รู้แล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พ่อสูงสุดจะมาอยู่กับพวกเขาเหล่านั้น

ผู้พิพากษาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร  ความเงียบปกคลุมห้องพิจารณาคดี  โอมราเด้ได้พูดด้วยสิทธิเฉียบขาดเช่นนี้ และความเด่นช้ดของความรักในพระเจ้าเช่นนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถคัดค้านเธอได้ หรือแม้แต่จะมีความปรารถนามาคัดค้าน แม้แต่ตัวแทนของแอนตี้โอมมันลี ผู้ซึ่งเป็นตัวแทน ณ ที่นั่นก็ดูเหมือนจะสัมผัสกับคำพูดของเธอ แต่ผู้พิพากษาถูกพันธะผูกไว้โดยกฏหมาย และดังนั้นเขาจึงต้องปฏิบัติไปตามกฏหมาย  ในที่สุดเขาพูดว่าไม่ต้องไปสนใจว่าเธอจะเชื่ออะไร กฏของห้องพิจารณาคดีจะต้องเชื่อฟัง ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ 


ราเด้ :            "ผู้พิพากษาซาฮีบ ฉันจะไม่สาบานสิ่งที่เป็นเท็จ ไม่ว่าจะมีสภาวะใด ๆ ทั้งสิ้น"

ผู้พิพากษา :  "ฉันจะให้เวลาคิดดูให้ดี แล้วฉันจะถามเธออีกครั้ง"
ราเด้ :             "ฉันได้คิดไตร่ตรองมันเรียบร้อยแล้ว"


ผู้พิพากษารู้สึกลังเลใจ  เขาประเมินค่าสาวน้อยซึ่งอยู่ต่อหน้าเขา  เขาคิดว่าเธออาจจะตื่นเต้นในการที่จะต้องสาบาน  และเขาก็ไม่เข้าใจอะไรเลย เขาสั่งให้พนักงานใส่กุญแจมือเธอ พนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมตรงเข้ามาหาราเด้พร้อมกับกุญแจมือของเขา เธอยืนประจันหน้ากับเขาอย่างไม่กลัวเกรง ฝูงชนที่อยู่ในห้องหยุดหายใจ เทวีเช่นนี้จะถูกข่มขู่ได้หรือ

ณ วินาทีนั้น ผู้พิพากษาสั่งให้เจ้าพนักงานหยุด เขาเห็นว่าวิธีการข่มขู่ไม่มีประโยชน์ เจ้าหน้าที่ถอยหลังกลับไปที่ด้านหลังของห้องพิจารณาคดี ผู้เฝ้าดูปรบมือด้วยความพึงพอใจผู้พิพากษา ล้มเลิกความคิดของการที่จะเอาคำสาบานจากราเด้ เธอได้รับชัยชนะ พระเจ้าได้รักษาความสูงส่งของดุพดี ในที่ประชุมของคูราวาส
แต่ตอนนี้การสอบสวนอย่างเป็นทางการที่เริ่มขึ้น  แล้วผู้พิพากษาเองก็เป็นผู้ถามคำถามนำ

ผู้พากษา :  ทำไมเธอผู้หญิงถึงได้จากบ้านมาและหนีตามดาด้า
ราเด้  :         ผู้พิพากษาซาฮีบ  ท่านได้เคยอ่านคัมภีร์ ศรีมัต ภควัต มาบ้างหรือเปล่า เมื่อพระเจ้าบรรเลงขลุ่ยของท่าน ทำไมโกปี้ถึงได้วิ่งไปหาท่านด้วยความลุ่มหลง  แล้วทำไมไม่มีการฟ้องร้องพวกเธอในศาล  ขลุ่ยที่กล่าวถึงในคัมภีร์ จริง ๆ แล้วมันเปรียบเหมือนขลุ่ยทางปัญญา ซึ่งพวกเราได้ยินผ่านปากของดาด้า มันเป็นความรู้ของพระเจ้าซึ่งไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้

"ให้ฉันถามท่านหน่อยนะ ผู้พิพากษาซาฮีบ ถ้าผู้ชายจากครอบครัวเขาไปสู่ศาสนาของการสละละทิ้ง ทำไมจึงไม่มีการฟ้องร้องเขาล่ะ ?  ในสายตาของพระเจ้า  หญิงและชายเท่าเทียมกัน ณ บัดนี้พระเจ้าได้วางไหของความรู้ไว้บนศีรษะของสตรี  ดังนั้นเมื่อบรรดาแม่บ้านได้มีโอกาสที่จะได้รับความบริสุทธิ์และสติปัญญาที่สูงส่ง โดยธรรมชาติแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธ  แล้วทำไมทุก ๆ คนจึงไม่รู้สึกยินดีกับการได้พบความบริสุทธิ์และความสูงส่งแนวใหม่เช่นนี้ แล้วทำไมจึงได้มีคำถามมาไต่สวนเรา ?  คำตอบกระจ่างชัด  ผู้พิพากษาซาฮีบ  อะไรก็ตามที่เป็นความยากลำบาก นำมาขวางกั้นหนทางของเรา พวกเราได้รับความยุ่งยากและการข่มขู่ ทำให้พวกเราได้รับความทุกข์ด้วยเพื่อน และญาติ ๆ ของเราเอง ทุกอย่างเป็นการตอบแทนต่อความบริสุทธิ์ของเรา"

ผู้พิพากษาก็ถามคำถามซึ่งเขาคิดว่าแหลมคมที่สุด  ซึ่งเขาสามารถคิดออกต่อโอมราเด้ แต่เธอก็โต้กลับทุกประเด็นอย่างตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความรู้


ผู้พิพากษา  :  มันเป็นยาทาตาชนิดใดที่ดาด้าได้ทาในลูกตาของเธอ ?

ราเด้  :             ผู้พิพากษาซาฮีบ ท่านเคยอ่านคัมภีร์บ้างหรือเปล่า ?
ผู้พิพากษา  :  เคย เคยอ่านเป็นบางส่วน
ราเด้  :             ดังนั้นท่านต้องรู้ว่าความรู้ของพระเจ้า (Gyan) ซึ่งต้องการการบรรยายในคำศัพท์  เช่นนั้น มันมีเพลงซึ่งเริ่มต้นด้วย "เมื่อสัตกูรู, ดวงวิญญาณสูงสุด  ได้ทาน้ำมัน ของความรู้ ,  ความโง่เขลา และความมืดบอดของดวงวิญญาณถูกทำลายไป มัน เป็นเพียงน้ำมันของความรู้ ซึ่ง ณ บัดนี้ พระเจ้ากำลังทาน้ำมันนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ผู้พิพากษา :   ดาด้าจิ มีเด็ก ๆ อยู่มากเท่าไร ?
ราเด้  :            "ผู้พิพากษาซาฮีบ เราไม่ให้ดูที่ดาด้าจิ  การเปิดเผยของเรามาจากดวงวิญญาณ  สูงสุดผู้ซึ่งได้เลือกร่างของดาด้าในการลงมาทำงานนี้ ดังนั้นท่านบอกฉันซิ พระเจ้ามีลูกเท่าไร มนุษย์สามารถนับพวกเขาได้ถ้วนไหม ?  ท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งสาม ดวงวิญญาณทั้งมดเป็นลูก ๆ ของท่าน ไม่ใช่เพียงแต่ฉัน หรือ  เขาเหล่านั้นซึ่งมายังสัตสังนี้ เป็นลูก ๆ เท่านั้น แต่ใต้เท้าก็เป็นลูกของท่านด้วย"


ผู้พิพากษาจดทุกคำตอบต่อคำถามของเขาเหล่านี้ไว้  ในตอบจบเขาพูดไม่ออก แค่เพียงแต่ขอโทษพยานเพียงง่าย  ๆ เท่านั้น แต่ในขณะที่โอมราเด้ เดินกลับมาจากแท่นไต่สวน ผู้มาชมก็เริ่มปรบมือให้กับเธออีกครั้ง ก่อนออกจากห้องพิจารณาคดี ซิสเตอร์ทั้งหมดให้ความเคารพต่อผู้พิพากษาก่อนจากไปและเชื้อเชิญท่านไปพบกับบาบา ในอนาคตที่มีโอกาส


ขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องโถง พวกเขาก็ถูกรุมล้อมโดยผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งตรงรี่เข้ามาเพื่อถามคำถามอื่น ๆ ซิสเตอร์เหล่านั้นโต้ตอบกับพวกเขาด้วยความจริงใจ และความล้ำลึก แล้วพวกเขาก็ก้าวขึ้นรถที่มารออยู่และจากไป แล้วฉากนั้นก็ปิดลง

เช้าวันรุ่งขึ้นดาดี้ปรากาชมานี นึกย้อน "เราเดินทางกลับการาจี ณ ที่นั่นเรารายงานทุกสิ่งให้กับบาบารู้ แต่ก่อนที่เราจะได้ไปถึงท่าน ท่านได้รับรู้ทุกสิ่งผ่านหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ท่านอยู่ในความเงียบ ซึ่งเป็นสภาวะของพยานที่ปราศจากความกังวลอย่างสิ้นเชิง ท่านยิ้มด้วยความรักและอ่อนโยน ยิ้มนั้นบอกพวกเรายิ่งกว่าคำพูดใด ๆ ต่อสิ่งที่เราได้กระทำ และเราจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร"

อ่านต่อ  >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 25

Thursday, February 27, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 23


ฝ่ายตรงข้ามโจมตีอีกครั้ง
ขณะที่พวกผู้หญิงที่ไม่สามารถติดตามบาบาไปยังการาจี ขณะที่อยู่ที่บ้าน พวกเธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไปในการที่จะต้องแยกจากผู้ประทานความรู้  แต่พวกญาติสกัดกั้นไม่ให้พวกเธอไปจากไฮดราบัด หรือแม้แต่การไปเยี่ยมโอมมันดาลีเป็นเวลาสั้น ๆ

โกปี้เหล่านี้ (คนรักของพระเจ้า)  เริ่มพบปะจับกลุ่มเพื่อทำสมาธิและอภิปรายความลึกของคนรู้  มีจดหมายจากบาบา บ่อย ๆ และพวกเธออ่านจดหมายดัง ๆ ให้กันฟัง  รับเอาความกล้าหาญจากความฉลาดรอบรู้ที่นุ่มนวลของท่าน แต่ความรู้สึกของพวกเธอดำดิ่งลึกลงไปกว่าที่คนภายนอกจะสงสัย  และพวกเธอจะหลั่งน้ำตาพร้อม ๆ กัน ต่อคำปฏิญาณของพวกเธอ การรอคอยถึง 5,000 ปี เพื่อรอพบพระเจ้า  การแยกที่โหดร้ายทารุณจากบาบาโดยญาติที่โง่เง่าเป็นโศกนาฏกรรม ซึ่งเป็นการกระโจนลงไปในความโศกเศร้า

วันหนึ่งพวกเธอไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป สตรี 15 คน รวมตัวกันตัดสินใจที่จะทำลายเครื่องพันธนาการ พวกเธอเก็บเสื้อผ้าน้อยชิ้นอย่างเร่งรีบและหนีไปการาจี
พวกสตรีเหล่านี้เขียนถึงญาติ ๆ เมื่อไปถึงการาจี พวกเรามาถึงที่นี่โดยปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา

แต่สำหรับพวกแอนตี้โอมมันดาลี ช่วงนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย  พวกเขาตั้งใจที่จะทำให้งานของพระเจ้าจบสิ้นลง  ครอบครัวของผู้ซึ่งลูกสาวและภรรยาของพวกเขาได้หนีไปหาบาบา เข้าพบหัวหน้ากลุ่มแอนตี้ และพวกเขาตัดสินใจประท้วงทันที  ก่อนอื่นพวกเขาลงขันก้อนใหญ่เพื่อไว้ใช้ในการจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ร่วมสนับสนุนทางอ้อมต่อการโจมตีของพวกเขา

ในหัวใจของพวกเขา  ครอบครัวเหล่านี้รู้ดีว่าลูกสาวของพวกเขาพอใจที่จะไปเอง  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับกับตัวเอง พวกเด็กหญิงทนต่อการกระทำทารุณอย่างมากโดยไม่มีความโกรธ  แต่พวกเธอก็ไม่เคยที่จะหยุดกระหายต่อความรู้ของพระเจ้าเลย และเพื่อสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์ต่อการอาศัยอยู่  การบูชาต่อพระเจ้าของพวกเธอไม่เคยลดน้อยลงและบัดนี้พวกเธอเป็นอิสระ แต่พวกเธอจากไปโดยไม่ได้รับการอนุญาตและมันเป็นการกระตุ้นความหยิ่งทะนงตนของหัวหน้าครอบครัวเหล่านี้ พวกเขาหาหนทางแก้แค้น เป้าหมายเดียวที่พวกเขาหวังและคิดได้

กลุ่มแอนตี้เริ่มต้นด้วยการกดดันให้กับคณะรัฐมนตรีของซินดิ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งฮินดูและมุสลิม รัฐมนตรีฮินดูถูกชี้แนะให้กดดันนายกรัฐมนตรี

พวกเขาเข้าพบนายกรัฐมนตรีและเจรจาว่าพวกเขาจะลาออกถ้านายกไม่ออกคำสั่งห้ามโอมมันดาลี ถ้ารัฐมนตรีเหล่านี้ลาออก ทุกคนทราบดีว่าคณะรัฐบาลจะต้องล่ม
นายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งห้ามเช่นนั้น ถึงแม้ว่าสำหรับสิ่งนี้เขารู้ว่าไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้และมันสามารถที่จะตีกลับมาถึงตนเองแต่เขาก็สามารถหาทางอื่นได้ ขณะที่กลุ่มแอนตี้ใช้วิธีการของตนเองในการ "ขัดขวาง" กลุ่มผู้ปฏิบัติทางธรรม

กลุ่มแอนตี้ เข้าประกบบรรณาธิการหนังสือพิมพ์การาจี  พวกเขาใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็งล่อพวกเขาด้วยการจ่ายเงินในขณะที่มีการข่มขู่อย่างนุ่มนวล  ค่อย ๆ ทำลายอย่างลับ ๆ ต่อรายได้ที่ได้จากการโฆษณาในหนังสือพิมพ์  ถ้าพวกเขาปฏิเสธที่จะเป็นพวกเดียวกันในไม่ช้าหนังสือพิมพ์ก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มแอนตี้

เรื่องโกหกและมีเจตนาร้ายแฝงอยู่ในบทความซึ่งเริ่มปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับโอมมันดาลี  บทความแนะนำให้มีการคว่ำบาตรและตรวจสอบพวกโอมมันดาลี โดยผู้มีอำนาจอันเนื่องด้วยข้อกล่าวหาที่มีจากการแต่งเรื่องขึ้นมา

ลูกของบาบา ก็ถูกข่มขู่คุกคามจากพวกอันธพาลที่พวกเขาจ้างมา  มีหลาย ๆ ครั้งที่พวกเขาถูกทำร้ายร่างกายโดยอันธพาลเหล่านั้น แต่บราเดอร์และซิสเตอร์ก็ยังคงดำรงอยู่ในสภาพไม่สะทกสะท้าน ในที่สุดการฟ้องร้องคดีใหญ่ก็เข้าสู่การพิจารณาของศาล  สามีขี้โมโหผู้ซึ่งเรียกร้องสิทธิในการสมรสของเขา  ในสังคมทั้งหมดแบ่งเป็นพวกในคดีนี้

กลุ่มแอนตี้ได้ว่าจ้างนักกฏหมายที่มีชื่อเสียงมาว่าความในคดี  พวกเขาพุ่งเป้าหมายความเพียรพยายามที่จะทำให้โอมมันดาลีถูกหัวเราะเยาะในศาล  เป้าที่โดดเด่่นของพวกเขาคือ  โอมราเด้ หัวหน้าคณะผู้บริหารที่ยังเยาว์ของสถาบัน  ถ้าสามารถทำให้เธอดูโง่เขลาหรือเลวร้ายบนแท่นไต่สวนได้ก็เป็นการประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

โอมราเด้ เป็นสตรีที่ยังเยาว์วัยไม่มีประสบการณ์ใด ๆ และไม่เคยถูกใช้ให้พูดในที่สาธารณะ  แต่เธอก็ถูกสร้างมาด้วยเหล็ก เป็นแบบอย่างของคุณธรรมที่สมบูรณ์แบบ และแน่นอน เธอเชื่อฟังพระเจ้าอย่างหมดหัวใจ รวมทั้งเครื่องมือของพระเจ้าด้วย เธอเป็นตัวแทนที่เห็นได้จริง  เธอเป็นผู้แสดงพลังของความรู้ของพระเจ้า และความรู้นั้นจะไปต่อต้านการใช้อำนาจบังคับของรัฐได้อย่างไร ??

เธอจะเสียงสั่น แสดงความลังเลใจไม่มั่นใจเมื่อถูกไต่สวนหรือไม่  พวกเขาจะทำอุบายให้เธอพูดสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจพูดไหม ??  พวกเขาจะทำให้สถาบันหมองมัวหรือไม่  ?? มีมากมายที่ต้องการหาคำตอบ มันเป็นฉากที่เร้าใจ  ซึ่งเกิดขึ้นภายในห้องว่าความในไฮดราบัด ทั้งผู้เฝ้าติดตามเรื่องและเจ้าหน้าทีี่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ซิสเตอร์ห้าคนรวมทั้ง โอมราเด้  ได้มีการจัดขบวนนำไปยังศาล เมื่อรถของพวกซิสเตอร์มาถึงยังบริเวณด้านหน้าอาคารของศาลสถิตยุติธรรม  เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ป้องกันความสงบต้องคอยกันฝูงชนให้อยู่ในระเบียบ  มันดูราวกับว่าทุกคนในท้องถิ่นได้มาปรากฏตัวอยู่ในเหตุการณ์ แม้แต่จเรตำรวจและหัวหน้าคณะรัฐบาลท้องถิ่นเกือบทั้งหมดก็อยู่ในเหตุการณ์

ซิสเตอร์ได้รับการคุ้มกันไปยังห้องพิจารณาคดีใหญ่ ห้องโถงใหญ่ซึ่งมีคนอยู่เต็มแน่นไม่มีที่ว่าง  ไม่มีแม้แต่ที่ว่างตามระเบียงที่พอจะยืนได้  ผู้คนข้างนอกส่วนมากไม่สามารถจะได้เห็นสักแวบเดียวของเหตุขณะพิจารณาคดีจริง ๆ ศาลยังไม่มานั่งบัลลังก์์ และเสียงของฝูงชนดังจนทำให้ไม่ได้ยินเสียงอื่น

อย่างไรก็ตามทันทีที่โอมราเด้ และซิสเตอร์คนอื่น ๆ  เข้ามาในห้องโถง ความเงียบลงมาปกคลุม ณ ที่นั้น  ดวงตาทุกคู่จ้องมาที่ส่าหรีชุดขาวดังรูปของแสงที่นุ่มนวลและคล่องแคล่ว ขณะที่พวกเขาก้าวยาว ๆ มาตามทางเดินอย่างมั่นใจในตนเองและปราศจากความกลัว

การเคลื่อนไหวทุกขณะของพวกเธอถูกเฝ้าดูและชั่งน้ำหนัก ผู้คนเหล่านี้ผู้ประกาศว่ากำลังศึกษาอยู่กับพระเจ้าผู้เป็นครู  พวกเธอจะหยุดยั้งภายใต้การเฝ้ามองและแรงกดดันได้อย่างไร?
อำนาจเวทมนต์ของพวกเธอจะทรงอำนาจสักเท่าไร ?  ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ประหลาดใจต่อความสดใสเรืองรองบนใบหน้าของพวกเธอ การเรืองแสงจากหน้าผากของพวกเธอ  พวกเธอกระจายแสงและพลังและความรักซึ่งพุ่งออกมาจากความมีชีวิตของพวกเธอทั้งหมด  และพวกเขาเริ่มประหลาดใจ มันเป็นไปได้หรือว่าอะไรที่พวกเธอพูดเป็นความจริง ?  พระเจ้าชีว่าได้ลงมาในร่างของประชาปิตาบราห์มาจริงหรือ ?  ถ้าเป็นจริงพระเจ้าจะปกป้องพวกเธอในเวลาที่พวกเธอต้องการความช่วยเหลือหรือไม่

ซิสเตอร์ทั้งห้าสงบเยือกเย็นเป็นสง่า  พวกเธอรอฉากละครที่พวกเธอกำลังจะเล่น พวกเธอเข้าใจว่าโลกนี้เป็นเพียงละคร เป็นบทภาพยนต์ที่เกริกก้องของความพ่ายแพ้และชัยชนะ และพวกเขารู้ตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบ ของโลกละครนี้ การเล่นทุก 5,000 ปี ซึ่งได้ซ้ำรอยอยู่อย่างไม่มีจบสิ้น ด้วยความรู้ของพระเจ้าซึ่งเป็นเหมือนเกราะของพวกเธอ  พวกเธอคงอยู่ในความปล่อยวางในเหตุการณ์ซึ่งมีอยู่ตรงหน้า มีเพียงแค่ผู้ที่มาโรงภาพยนต์เพื่อมาดูการแสดง

ทำไมเราต้องกลัวสิ่งใด ? บราห์มากุมารี ปรากาชมณี หนึ่งในซิสเตอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่ารายละเอียดในภายหลัง เราไม่มีความปรารถนาร้ายต่อใคร ๆ เราได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้า  ใครก็สามารถจินตนาการได้  และเราก็อยู่ระหว่างการทำงานรับใช้ในงานของท่าน เราแผ่กระจายความสงบสูงสุดและควาาเงียบไปทั่วทั้งห้องพิจารณาคดี

อ่านต่อ  >>>  อดิเทพ ตอนที่ 2 # 24



Wednesday, February 26, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 22


พระเจ้า : ผู้ทำลายอุปสรรค
เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูบรรยากาศของความสงบ บาบา ย้ายที่ตั้งสัตสังไปที่ การาจี โอมมันดาลีบอกสมาชิกว่า พวกเขาจะได้รับอนุญาตไปอยู่ในที่ตั้งแห่งใหม่ได้ ต้องนำหนังสืออนุญาตของทางครอบครัวมา บราเดอร์และซิสเตอร์กลุ่มหนึ่ง นำหนังสือมาทันที และย้ายไปอยู่เมืองใหม่กับบาบาทันที ในที่สุด ลูก ๆ ของบาบาส่วนมากค้นหาหนทางที่จะไปที่นั้นจนได้

บาบา จัดการทุกสิ่งเพื่อพวกเขาสำหรับการอยู่ใน การาจี  บาบาซื้อบังกะโลห้าหลังในเขาสันโดษและสงบ  บังกะโลทั้งหมดมีชื่อว่า เบบี้บาวัน บอยบาวัน เปรมบาวัน ราดาบาวัน และโอมนิวาส

โรงเรียนเปิดขึ้นได้อีกแทบจะไม่มีการหยุดชงัก  ตารางเรียนประจำวันก็เป็นไปเช่นเดิม แต่ตอนนี้พวกเขาตื่นนอนเช้าขึ้น 3.30 น. นั่งในความสงบของสมาธิ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็มาแลกเปลี่ยนความรู้ที่ล้ำลึกของพระเจ้า วิชาทางโลกเริ่มเรียนหลังจากอาหารเช้า

วันหนึ่งพลังโยคะของเด็ก ๆ ถูกทดสอบโดยอุบัติเหตุ เด็กหญิงเล็ก ๆ หลายคนเดินทางโดยรถยนต์ เมื่อยางแตกคนขับรถไม่สามารถควบคุมได้ รถพลิกคว่ำ เด็ก ๆ เกือบทุกคนได้รับบาดเจ็บ

คนที่ผ่านมาเข้าไปดูเหตุการณ์  พวกเขาคาดว่าเด็ก ๆ จะต้องส่งเสียงร้องคร่ำครวญร้องไห้เรียกหาพ่อแม่  แต่เด็ก ๆ ไม่ส่งเสียงใด ๆ เลย  พวกเขาไม่มีแม้แต่น้ำตาที่ไหลออกมา  ไม่มีอาการตื่นตะหนกให้เห็นบนใบหน้าพวกเขาเลย  พวกเขาได้อยู่ในสมาธิที่ฝึกมาโดยอัตโนมัติ

เมื่อคนถามว่า พวกเขารู้สึกอย่างไร  พวกเขาตอบอย่างง่าย ๆ ว่าฉันเป็นดวงวิญญาณเป็นความสงบ  รถพยาบาลพาพวกเราไปยังโรงพยาบาล  บางคนได้รับการปฐมพยาบาลและกลับได้ พวกที่บาดเจ็บมากกว่าได้ถูกรับตัวเข้ารักษาพยาบาล  เด็กคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขน แต่ก็ยังเยือกเย็น  หมอและพยาบาลประหลาดใจมากกับจิตใจที่สมดุลผิดปกติธรรมดาของเด็ก ๆ เหล่านี้ ไม่มีร่องรอยของความไม่เป็นสุขอยู่บนใบหน้าหรือจะปริปากบ่นสักเล็กน้อย

เด็กคนหนึ่งที่บาดเจ็บน้อยกลับไปบอกบาบา  ว่าเกิดอะไรขึ้น  บาบาก็เช่นกันคงอยู่ในความเยือกเย็นและละวางอย่างสมบูรณ์  "เอาละลูกเอ๋ย"  บาบาพูด "อะไรก็ตามที่ถูกกำหนดไว้แล้วได้เกิดขึ้นแล้ว พ่อกำลังจะไปโรงพยาบาล"

บาบาไปดูที่เกิดเหตุก่อนแล้วจึงไปโรงพยาบาล  บาบาจะทักทายกับเด็ก ๆ ทุกคน ตรวจสอบดูสภาพจิตเช่นเดียวกับการตรวจดูสภาพร่างกายจากรอยยิ้มของบาบา คำพูดทีอ่อนหวาน การมองที่เต็มไปด้วยความรัก  บาบาให้นำความสุขมาให้กับพวกเขา บาบาเห็นว่าทุกคนมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ สงบและไม่ใส่ใจกับความเจ็บปวด  พวกเขาได้รับพลังโยคะไว้อย่างมากในเวลาอันสั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์และกลายเป็นบทสนทนากันทั่วทั้งอินเดีย  เป็นไปได้อย่างไร แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ด้วยการฝึกราชโยคะ สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่มากเช่นนั้น โดยไม่เสียความสมดุลของจิตใจและอารมณ์

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 23

Tuesday, February 25, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 21


พันดาพ และ คูราวาส
ห้องฝึกสมาธิของสัตสังบาวันถูกไฟไหม้เสียหาย ดังนั้นการชุมนุมได้ย้ายเข้าไปอีกอาคารหนึ่ง ชื่อว่า โอมนิวาส ที่นั้นงานของสถาบันของพระเจ้าดำเนินต่อไปเหมือนแต่ก่อน
โอมนิวาส เป็นอาคารที่ใหญ่มาก ในเวลานั้นมันไม่ได้ใช้เป็นสัตสังเท่านั้น ยังเป็นโรงเรียนสำหรับเด็ก ๆ ด้วย และบาบาก็พักอยู่ในอาคารนั้นด้วย บรรยากาศเงียบและสะอาด กระจายไปด้วยกระแสของความศักดิ์สิทธิ์ การศึกษาและซึมซับความรู้สูงสุดดำเนินไปด้วยจังหวะที่ช้า ๆ แต่หนักแน่น ด้วยผลสำเร็จที่ยอดเยี่ยม

วันหนึ่ง ตอน 5.30 น เด็กหญิงที่อาศัยอยู่ในโอมนิวาส ขึั้นรถออกไปกับครูของเขา การไปศึกษานอกสถานที่เช่นนี้เป็นการกระทำเป็นปกติของทางโรงเรียน  แต่ในโอกาสนี้ขณะที่เด็ก ๆ ออกไปข้างนอกแล้ว กลุ่มแอนตี้ มาถึงและล้อมอาคารเอาไว้ การเผชิญหน้าที่โด่งดังกำลังจะเกิดขึ้นตามมา

คณะกรรมการแอนตี้โอมมันดาลี เฝ้าครุ่นคิดมาตั้งแต่ใช้ความพยายามวางเพลิงว่ามาตราการใดที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จมากกว่า  การโจมตีด้วยคบเพลิงที่มีผลตรงข้ามจากที่คาดหมายไว้ และประชาชนของเมืองด่าประฌาม และวิจารณ์อย่างเลวร้ายที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมความรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดวิธีใหม่ พวกเขาจะทำตามมหาตมะคานธี ผู้ซึ่งในเวลานั้นได้มีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการใช้วิธีไม่ใช่ความรุนแรงหรืออหิงสาล้อมไวั้ ชัยชนะทำให้อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษด้วยการใช้วิธีการเช่นนี้  ในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ การต่อต้านการชุมนุมทางดวงวิญญาณซึ่งมิได้ให้โทษกับผู้ใด และคำสอนนี้ก็เป็นไปเพื่อสันติสูงสุด มันเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะและทำไปโดยมิได้มีความละอายแก่ใจเลย แต่คณะนี้รู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับความนิยมสนับสนุนจากอุบายเช่นนี้ และบีบบังคับให้โอมมันดาลี ยอมตามความต้องการของพวกเขา

เพื่อให้เกิดผลสูงสุด พวกเขาใช้อำนาจโน้มน้าว ผู้นำของปัจชายาท รัฐบาลท้องถิ่น นำในการล้อมรั้ว เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าเชื่อถือ  พวกเขาแน่ใจว่าหนังสือพิมพ์ต้องมาทำข่าวเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น 7 โมงเช้า เมื่อพี่น้องชายหญิงของครอบครัวที่ศักดิ์สิทธิ์มาถึงยังสัตสัง เพื่อฟังความรู้ พวกเขาพบฝูงชนขวางประตูทางเข้า  โอมนิวาสถูกล้อมหมดทุกด้าน  โดยพวกกระทำการด้านหน้าเป็นพวก ปัจชายาท และพวกผู้นำของกลุ่มแอนตี้โอมมันดาลี มีนักธุรกิจหลายคนยืนรวมอยู่กับพวกนี้ และมีพวกผู้หญิงด้วย ทางด้านกลุ่มนักเดินขบวนผู้รับเงินกลุ่มใหญ่และผู้ประพฤติชอบทั่ว ๆ ไป ที่ประตูใหญ่มีคนนอนขวางถนน 15-20 คน ปิดกั้นทางเข้ามิให้ยานพาหนะใด ๆ ผ่าน

ลูกบาบาที่มาถึงตอนเช้าส่วนใหญ่เป็นแม่และผู้้ชายที่โตแล้วยืนอย่างสงบในแถวเรียงเดี่ยว เผชิญหน้ากับนักเดินขบวน พวกเขามิได้พยายามที่จะเดินฝ่าเข้าไป หรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการท้าทายพวกคนเหล่านั้น อหิงสาจะต้องพบกับอหิงสา เหมือนอย่างเช่นความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พบกับอหิงสา เมื่อพวกเขาเห็นรั้วฝูงชน พวกเขาทั้งหมดลงจากรถและยืนเข้าแถวในกลุ่มเพื่อน ๆ ทางดวงวิญญาณ พวกเขามองด้วยสายตาแห่งความรักไม่ยังกลุ่มผู้ประท้วง  ส่งกระแสความสงบและความปรองดองไปยังพวกเขา พวกเขาเพียงแต่ต้องการเข้าไปข้างใน  ไปฟังพระเจ้าพูดสอนและเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตที่สูงส่งว่าต้องทำอย่างไร

พวกประท้วงปฏิเสธที่จะให้พวกเขาผ่าน บอกให้พวกเขากลับบ้าน ผู้ปิดล้อม ผู้มีจำนวนมากกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับพี่น้องชายหญิง ความต้องการของพวกเขาเพื่อหยุดการสอนการฝึกฝนความบริสุทธิ์ฟังดูน่าหัวเราะเยาะ แม้แต่คำพูดที่ออกมาจากปากพวกเขาเองเป็นไปได้อย่างไรที่การกระทำที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ถูกกระทำอย่างเปิดเผย ??  มันเป็นฉากที่ไม่มีในคัมภีร์กีตะ ทางด้านหนึ่งเป็นกองทัพของคูราวาส กองกำลังต่อต้านศาสนาพวกไร้ศีลธรรม พวกที่ไม่มีความยุติธรรม อีกด้านหนึ่งเป็นกองทัพพันดาพ ชัคตี ขุมกำลังของความบริสุทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์และด้านในที่กำลังเฝ้าดูทั้งสองฝ่ายเรียงหน้าเพื่อเข้าประจัญบานกันเป็นอรชุน เป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ดวงวิญญาณบริสุทธิ์นั่นคือ บราห์มาบาบาและที่อยู่กับท่านคือตัวพระเจ้าเองชิพบาบาผู้ซึ่งให้คำแนะนำว่าการเผชิญหน้าต้องดำเนินต่อไป ฝูงปีศาจต้องพ่ายแพ้ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

ดูราวกับเป็นสงครามข้างเดียว ถ้าเปรียบเทียบจำนวนที่มากมายมหาศาลของคูราวาส มีพันดาพเพียงห้าเท่านั้นที่สนับสนุนพระเจ้าและก็ยังมีความช่วยเหลือออกมาจากโอมนิวาส สตรีข้างในเริ่มร้องเพลง

โอ มนุษย์ เอาเวลาของพวกเจ้าไปทำอะไร
พวกเจ้าต้องการไป ณ ที่ใดหรือ ?
เจ้ามาจากประเทศใด ?
เจ้าเคยอยู่ที่ใดก่อนที่เจ้าจะลงมาบนโลกนี้ ?
วัยเด็กของเจ้าสิ้นสุดแล้ว ความหนุ่มสาวได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วัยชรากำลังนำเจ้าไปสู่จุดจบ 
หลังจากนั้นอะไรเกิดขึ้น ? เจ้ารู้ไหม ?
เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าจะไปที่ใด ? เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามาจากที่ใด ? เจ้ากำลังคิดอะไรขณะที่เจ้ายืนอยู่ที่นั่น ?

เจ้าผู้ซึ่งไม่รู้สัจจะเลยแม้แต่น้อย ทำไมเจ้าจึงต้องต่อต้านความรู้ของพระเจ้า ?
เจ้านั้นอัดแน่นอยู่ด้วยความทะนงในความร่ำรวยและอำนาจ
แต่ความจริงเจ้าไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
หนทางแท้จริงสามารถแสดงโดยผู้เดียว
ดังนั้นจงเข้าใจความหมายในทุก ๆ การกระทำที่เจ้าแสดงอยู่
อย่าเสียเวลาของเจ้าอยู่เลย
โอ มนุษย์ อะไรคืออนาคตที่เจ้าแสวงหา
โอ มนุษย์ ประสานสติปัญญาของเจ้ากับพระเจ้าซิ
จงมาเอาสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งพ่อของเจ้ามามอบให้
อย่าสูญเสียความสุขเพราะการชักจูงที่ผิด

ผู้ปิดล้อมได้ยินเสียงเพลงและไม่มีอะไรที่พวกเขาจะพูด บรรดาแม่ร้องด้วยเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล ซึ่งแม้แต่คนที่หัวใจหยาบกระด้าง ต้องยอมรับความไพเราะนุ่มนวลของพวกเขาและพวกเด็ก ๆ ที่ยืนเป็นแถวด้านนอกสวมใส่ชุดซึ่งเปล่งปลั่งไปด้วยพลังโยคะ ใครล่ะที่จะมองเห็นดวงวิญญาณเช่นนี้ว่าเป็นศัตรู ?  ใครล่ะที่เห็นแม่บ้านเหล่านี้และติเตียนด้วยดวงตาที่ชั่วร้ายในฐานะที่พวกเขาต้องการความบริสุทธิ์ ใครกล้าที่จะบอกพี่น้องชายเหล่านี้ที่มีความปรารถนาที่จะอยู่อย่างพรหมจรรย์เป็นความผิด ?

ทั้งสองฝ่ายยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ผู้ปิดล้อมอยู่เพราะพวกเขาอยู่ภายใต้เงื่อนไขและได้รับค่าจ้าง  พี่น้องชายหญิงของโอมมันดาลีอยู่เพราะไม่มีอะไรมาขวางกั้นพวกเขาจากการอยู่กับพระเจ้า

เวลาผ่านไปไม่ช้าทั้งเมืองก็เริ่มรู้เรื่องการเผชิญหน้ากันนี้  ฝูงชนที่อยากรู้และเฝ้าดูก็มาถึงเพื่อสังเกตการณ์ ทุก ๆ ที่มีคำถามเกิดขึ้น และมีการถกเถียง ใครจะชนะสงครามแห่งเจตนารมณ์นี้ ?

ข่าวของการปิดล้อมกระจายไปทั่วเมือง  ข่าวไปถึงหูของเหล่าสตรีและเด็กหญิงที่ถูกขังอยู่ในห้องโดยครอบครัวของตนเองและอย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้ซึ่งถูกล้อมไว้ถึงสิบชั้นก็หาหนทางเพื่อหนีออกมา ได้ใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทางด้วยตนเองและด้วยความช่วยเหลือของบาบา พวกเขาสามารถหนีออกจากบ้านได้และวิ่งไปที่โอมนิวาส  คนหนึ่งในจำนวนนั้นคือคนที่หนีออกจากบ้านและถูกจับคือโกปี้ ผู้ซึ่งเป็นหลานของนักธุรกิจมีชื่อคนหนึ่ง ตอนนี้เธอหนีไปรวมพลังกับเหล่าพี่น้องในยามคับขัน 

เมื่อโกปี้มาถึงที่เกิดเหตุ ปู่ของเธอกำลังยืนอยู่บนแท่นปราศรัย กำลังปราศรัยกับฝูงชนที่มาชุมนุม เขากำลังสรรเสริญกลุ่มผู้ปิดล้อมที่กล้าหาญ จับลูกสาวของตนขังเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันดูเหมือนโหดร้าย แต่มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเด็กเอง  ด้วยความภาคภูมิอย่างยิ่ง  เขาประกาศว่าตัวเขาเองได้จับทั้งลูกสาวและหลานสาวขังไว้  กักขังพวกเขาไว้ในห้องที่บ้านโดยใส่กุญแจถึง 13 ดอก เขาโอ้อวดว่าแม้แต่ถ้าพวกเขามีความพยายามราวกับซุปเปอร์แมน พวกเขาก็ไม่สามารถออกมาได้ ในระหว่างการคุยโวหลานสาวก็โผล่ขี้นมาตรงหน้าเขา เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน เขาอ้าปากค้าง ลูกนัยตาราวกับจะพลิกกลับขึ้นไปบนหัว นี่มันมากเกินไปสำหรับเขา เขาถูกมองด้วยความประหลาดใจและก่อนที่เขาจะคิดจะพูดอะไรได้ คนดูก็จำโกปี้ได้และพวกเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างดังสนั่น  ด้วยความขายหน้า นักธุรกิจผู้นั้นรีบเดินหนีไปด้วยความอับอายขายหน้า

วันเปลี่ยนไปสู่ช่วงที่ร้อน  เมื่อเวลาหมดไปผู้ปิดล้อมเริ่มเหนื่อย  พวกเขาดื่มน้ำโซดาเป็นแกลลอนและชาเย็น  บางคนดื่มเบียร์ บางโอกาส บางคนในหมู่พวกเขาเอาน้ำมาให้เด็กหญิงที่อยู่ในแถวที่อยู่ตรงข้ามดื่ม เด็ก ๆ หลายคนอายุยังน้อยมากและเป็นสิ่งที่ยากที่ร่างกายจะยืนหยัดอยู่ในช่วงที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะ  แต่เด็กหญิงปฏิเสธที่จะยอมรับอาหารและน้ำดื่มใด ๆ จากคนที่มีแต่ความทะยานอยาก พวกเขาอยู่ในสมาธิและวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับพวกเขา แต่สำหรับพวกปิดล้อมเวลาจะผ่านไปอย่างช้า ๆ ความแน่วแน่ของพวกคูราวาก็เริ่มอ่อนลง

พวกปิดล้อมพยายามที่จะรักษาหน้าด้วยการบอกพวกเด็ก ๆ ให้เข้าไปข้างในได้  แต่ลูก ๆ ของบาบาปฏิเสธที่จะขยับเขยื้อนจนกว่าพวกปิดล้อมจะถอยไป  นักเดินขบวนเข้าใจว่าเด็ก ๆ จะอยู่ที่นั่นทั้งคืนถ้าจำเป็นและบัดนี้ ฝูงชนเริ่มเข้าข้างวีรสตรีตัวน้อย ๆ เหล่านั้น อย่างช้าๆ จำนวนผู้ปิดล้อมเริ่มลดลงทีละคนทีละคน พวกเขาคลานหนีไป ในที่สุดหัวหน้าทั้งหลายบอกพวกเขาให้กลับบ้าน สงครามได้ยุติลงสำหรับวันนี้

มันเป็นชัยชนะของกองทัพ พันดาพ ชัคตี ที่ไหนมีพระเจ้าที่นั่นต้องมีชัยชนะ แต่นี่เป็นเพียงสงครามเล็ก ๆ สงครามหนึ่งในสงครามที่ขยายออกไป ในวันรุ่งขึ้นพวกนักปิดล้อมถูกครอบงำด้วยความทะยานอยากกลับมาอีก พวกเขาได้ตกลงใจแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครสักคนเล็ดลอดเข้าไปในโอมนิวาส  จำนวนผู้เฝ้าดูที่ใคร่รู้เรื่องหลายพันได้ออกมาดู แต่วันที่สองก็คล้าย ๆ กับวันแรก ลูกของบาบา ยืดอยู่ในที่มั่นของตนและทนได้นานกว่าพวกนักเดินขบวน

มุคคี และคนสนิทมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเอาชนะนักรบแห่งความบริสุทธิ์ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เหล่านี้  ดังนั้นวันที่สาม พวกเขามาพร้อมกับการเตรียมการใช้ความรุนแรง ความเครียดเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ปิดล้อมแต่งชุดดำ พันดาพแต่งชุดขาว พวกนักประท้วงพยายามกระตุ้นพวกพันดาพ ทำหรือพูดอะไรก็ได้ซึ่งพวกเขาสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการเริ่มเข้าต่อสู้ แต่ลูกบาบาไม่ยอมขึ้นมาล่าเหยื่อ

คำสั่งจากแอนตี้ พาตี้ อันธพาลผู้ก่อการร้ายเริ่มแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ทำหยาบคายต่อพวกที่เข้าข้างกับกองทัพของพระเจ้า  ในที่สุดข้าราชการในรัฐบาลซินดิ  ก็แทรกแซง (ซึ่งเขาควรจะจัดการเรื่องก่อนหน้าเมื่อ 3 วันที่ผ่านไป) และหยุดผู้ปิดล้อมจากการกระทำดังกล่าว หัวหน้าบางคนที่ฉลาดในเมืองก็เริ่มเปิดปากว่าพวกแอนตี้โอมมันดาลีทำเกินไป พวกเขาไม่ควรจะรังควานเด็กเล็ก ๆ คนที่มีชื่เสียงเขียนข้อความตัดสินว่ากลยุทธ์ของกลุ่มนี้ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประฌามการใช้กำลัง

ภายใต้แรงกดดันผู้พิพากษาประจำมณฑล ฟ้องร้องผู้ที่สร้างปัญหาภายใต้กฏหมาย 112 และ 107 จากโอมมันดาลี ก็มีห้าคนที่ถูกหมายศาลเรียกภายใต้กฏนี้ คนหนึ่งในห้า  คือ ดาด้า

ข้อกล่าวหาของคนทั้งห้าคือ "รบกวนความสงบ" ซึ่งเป็นพฤติกรรมซึ่งไร้ซึ่งเหตุผล ฝูงชนที่ก่อจลาจลวางกำลังเข้าโอบล้อมโจมตี บ้านของ ดาด้า ซึ่งไม่ได้ไปกระตุ้นอะไรเลย พวกเขาขว้างปาก้อนหินและพยายามจะวางเพลิงอาคาร ไม่มีสมาชิกคนใดของโอมมันดาลี ไปโตัเถียงเพื่อการแก้แค้น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายืนที่ประตูของตนเองเพื่อป้องกันทรัพย์สิน

ความไม่ยุติธรรมเช่นนี้มีปรากฏทั่วไปในยุคเหล็กขณะนี้ เหยื่อผู้บริสุทธิ์ของความเกลียดชังที่มืดบอดถูกลงโทษไปพร้อมกับผู้กระทำความผิดที่ก่ออันตราย

แน่นอน กรณีของโอมมันดาลี มีการอุทธรณ์ คำตัดสินถูกเขียนโดยศาลสูงและบรรดาคณะลูกขุน พวกเขาหาข้อผิดพลาดอย่างเข้มงวดกับผู้พิพากษามณฑลที่ตัดสินลงโทษโอมมันดาลีและการตีความที่เชื่อถือไม่ได้ของผู้พิพากษา ความเห็นสรุปว่ากฏหมายถูกนำมาใช้อย่างผิด ๆ 

โอมมันดาลีเพียงแต่ดำเนินงานตามความเชื่อทางศาสนาในรูปแบบที่มีความสงบ นั้นคือความคิดเห็นที่ได้เริ่มขึ้น มันเป็นผู้อื่นที่เป็นผู้ทำลายความสงบ และถ้าการชี้ขาดของศาลชั้นต้นได้รับการพิจารณาให้คงไว้ก็มีความคิดว่าผู้ทำการปรับปรุงพัฒนาสังคมทุก ๆ ที่จะต้องถูกคุกคามอย่างรุนแรง  ในที่สุดรัฐบาลได้ยอมรับว่าโอมมันดาลีไม่ได้มีการกระทำใด ๆ เป็นการก่ออาชญากรรม พวกเขาได้ถูกทำร้ายโดยไม่มีความเป็นธรรมและเป็นผู้บริสุทธิ์โดยมิได้มีการกระทำผิดใด ๆ 

อ่านต่อ  >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 22


Saturday, February 22, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 20


ไฟ
เวลาเคลื่อนไปเป็นวงกลม ราวกับฟิล์มภาพยนต์ที่หมุนซ้ำไม่รู้จบ การฉายของภาพยนต์แต่ละรอบนาน 5,000 ปี พวกเราดวงวิญญาณผู้เป็นทั้งคนแสดงและผู้ชม ตัวบทภาพยนต์มีด้วยกัน 4 ฉากที่แตกต่างกัน  และเคลื่อนจากเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสุขไปจบที่จุดของความทุกข์แสนสาหัส  โลกเริ่มต้นด้วยดินแดงแห่งความอัศจรรย์ การตอบสนองของทุก ๆ ความฝันปราสาททองคำและเพชรมากมาย แม่น้ำแห่งน้ำนม โลกที่เป็นสวนและการละเล่นและเสียงหัวเราะ อาณาจักรแห่งราชนิกูลที่สูงส่งและประเสริฐยิ่งกว่า คาเมร๊อด เต็มไปด้วยความเบิกบานยิ่งกว่า ซานาดู มันเป็นโลกของมนุษย์ที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาต่อความไม่ลงรอยกัน หรือกิเลสใด ๆ มันเป็นยุคทองอย่างแท้จริง

ประชากรมีน้อยมาก น้อยกว่า 1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ตอนเริ่มต้น และพวกเราเป็นผู้ปกครองโลกทั้งหมด ไม่มีคนอื่นอีกเลย เมื่อเริ่มแก่ตัวลง ไม่เคยเลย แม้แต่สักวันหรือชั่วขณะหนึ่งที่จะเจ็บป่วยหรือไม่มีความสุขประเภทใด ๆ เลย เมื่อเวลาแห่งการออกจากร่างกายมาถึง ณ เวลาที่เตรียมการมาครบ 150 ปี เราจะได้รับนิมิตของชีวิตของเราในชาติต่อไป  มันมีความสุขและเราก็ออกจากร่างในความสงบสำหรับการไปอยู่ในร่างใหม่อีกต่อไป

โลกค่อย ๆ เก่าลงอย่างช้า ๆ ประชากรเพิ่มขึ้นและราชวงศ์ใหม่เข้ามาแทนราชวงศ์แห่งสุริยราชวงศ์ รามและสีดา เข้ามานั่งบัลลังก์แทนลักษมีและนารายัญ หลังจาก 8 ช่วงอายุและ 1,250 ปี ยุคทองได้มาถึงจุดจบด้วยความสงบ และบัดนี้ จันทราราชวงศ์ก็เริ่มขึ้น ซึ่งเป็นยุคเงิน ขนาดของอาณาจักรได้เติบโตขึ้นอย่างมาก  แต่มันยังคงรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีอาณาจักรเล็ก ๆ หลายอาณาจักรอยู่ภายในอาณาจักรใหญ่ กษัตริย์ที่เล็กต่างมอบความจงรักภักดีอย่างแท้จริงให้กับวงศ์ผู้ปกครอง ความสุขยังคงอยู่ ไม่มีสงคราม ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีการป่วยไข้ ไม่มีโชคร้าย เพียงแต่โลกเริ่มเก่าลงเล็กน้อย องศาของความบริสุทธิ์ของเราลดลงเล็กน้อย และมันก็ผ่านไปในท่วงท่าที่สง่าผ่าเผยช่วงอายุหนึ่งตามด้วยอีกช่วงอายุหนึ่ง จนจบ 12 ช่วงติดต่อกันในการเกิดทีมีแต่ความสุข และใช้เวลามา 1,250 ปี ได้ผ่านไปในห้วงเวลาของนาฬิกาจักรวาล

แล้วบางสิ่งซึ่งเป็นความเคราะห์ร้ายได้เกิดขึ้น พวกเราดวงวิญญาณเริ่มเสียความสว่างสดใสและความสูงส่งของเรา เราเริ่มถูกดึงดูดไปยังร่างกายของกันและกัน เราเสียสำนึกที่ถูกต้องว่าเราเป็นดวงวิญญาณที่เป็นอมตะ เราหลงเข้าไปในบ่วงของกิเลส

เทพนั้นตกต่ำลงมา เมื่อเราเป็นเช่นนั้น โลกก็ถูกกระทบอย่างรุนแรง แผ่นดินไหวและน้ำท่วมทำลายอาณาจักร  ชำระล้างร่องรอยทั้งหมดของอาณาจักร ผู้คนกระจัดกระจาย และมันใช้เวลานานปีที่จะเริ่มก่อสร้าง อะไรก็ตามที่สาบสูญไป และแม้กระนั้น มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ ความสามารถ ความรู้ ความบริสุทธิ์ ทั้งหมดได้หายไปสิ้น

และดังนั้นพวกเราก็เริ่มทำการทรมานตนเองเพราะสำนึกบาป เพื่อที่จะค้นหาจากส่วนลึกภายในตนเอง อะไรที่มันผิดพลาดและจะแก้ไขให้ถูกต้องได้อย่างไร จากร่องรอยแห่งความจำของจิตใต้สำนึกที่ลึก ๆ เราจำได้ ผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างโลกของเทพมนุษย์โลกนั้นท่านเป็นพระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุดผู้ไร้ร่าง ชีว่า และตังนั้นเราจึงสร้างวัดให้กับท่าน เราปลุกเรียกท่านให้กลับคืนมา เพื่อช่วยพวกเราสร้างสวรรค์ของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง

แต่มันเป็นการยากที่จะจดจำดวงวิญญาณที่ปราศจากร่างกาย และดังนั้นเราก็เริ่มสร้างวัดถวายเทพ ถวายลักษมีและนารายัญ และก็ถวายรามกับสีดา และต่อมาก็ถวายให้กับเทพองค์อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเราได้ลืมไปว่าเทพนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นตัวตนดั้งเดิมของเราเอง การบูชาเริ่มไม่บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ นี้คือช่วงของยุคทองแดง แม้แต่เวลาหลังจากการล่มของอาณาจักร อินเดียก็ยังร่ำรวยอย่างน่าตื่นตะลึง  แต่ไม่สามารถเทียบได้กับที่เคยเป็นมา เทียบกันไม่ได้เลย และบัดนี้ประเพณีเริ่มแข็งกระด้าง ในขณะที่กองทัพต่างชาติมาขโมยทรัพย์สมบัติของเรา เราค่อย ๆ กลายเป็นชาติล้าหลัง ประเพณีบูชาที่มีอยู่ในความทรงจำแห่งเวลาที่รุ่งโรจน์บัดนี้ได้ผ่านไป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดใหม่ ๆ ถูกสร้างขึ้นมาอีก ความศรัทธาในลัทธิการสละละทิ้ง จารีดและคุณค่าของความบริสุทธิ์ และคัมภีร์ทำให้ผู้คนที่ใส่ใจในการรักษากฏแห่งความถูกต้องของการดำรงชีวิต อาหารบริสุทธิ์ การเพิ่งรวมหรือการทำสมาธิและอื่น ๆ ยังดำรงอยู่ แต่ความรู้ของพระเจ้าได้หายไปและนี่เองที่มนุษย์ได้ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

มันเป็นช่วงเวลาของมนุษย์อื่น ๆ ที่จะขึึ้นมาปรากฏบนเวทีละครโลก ระหว่างการทำลายล้างซึ่งตามหลังยุคเงินมานั้น ทวีปได้แยกตัวออก และหลายเผ่าพันธุ์ได้เริ่มพัฒนาขึ้น แต่ละเผ่า เริ่มด้วยความรู้ซึ่งเป็นเศษเล็กเศษน้อยของปริศนาของวงจรโลก ทวีปอเมริกาเหนือได้โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล และพวกอินเดียนซึ่งเป็นเจ้าของเดิมได้เข้ามาตั้งรกราก ณ ที่นั้น

ผู้นำศาสนาที่ยิ่งใหญ่คนแรก อับบราฮัม เกิดขึ้นในเวลานี้ ท่านเห็นผู้คนในอินเดียบูชาเทพ และท่านรู้ว่านี่ผิด ไม่มีใครอื่น มีเพียงพ่อสูงสุด พระเจ้า เท่านั้นที่ควรบูชา ดังนั้น ท่านจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ดินแดนที่คาดหวังของท่านเอง และเริ่มอะไรที่ได้กลายมาเป็นทั้งสองศาสนาคือ ศาสนายิว และศาสนาอิสลาม ท่านสร้างวัดชีว่าขึ้นในเมกกะ ที่ซึ่งในภายหลังโมเฮมเม็ดได้รับการสักการะบูชา และโมเฮมเม็ดได้สถาปนาการปกครองเหนือประเทศเคนาน (Canaan) (ปราเลสไตน์โบราณและฟินิเซีย) ซึ่งได้กลายมาเป็นบ้านของชาวยิว เทพได้เคยถูกเรียกว่า "อิโลฮิม" (ภาษายิวหรือฮิบรู) แต่บัดนี้คำซึ่งเป็นพหูพจน์นั้นได้เริ่มที่จะทำให้เป็นคำที่อ้างอิงถึงพระเจ้าเพียงอย่างเดียว

วัฒนธรรมอียิปต์ก็ได้รำลึกถึงราชวงศ์ของเทพในสมัยโบราณ ในความเป็นจริง พวกเขาก็เรียกตัวเขาเองว่า เทพแห่งสุริยะ พีระมิดของพวกเขาเป็นเครื่องแสดงแทนด้วยหินให้เห็นจุดของแสงแผ่รังสีลงมาข้างล่างจากท้องฟ้า

นครรัฐของชาวกรีกเริ่มปรากฏตัวขึ้นและนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่นได้อภิปรายถึงธรรมชาติแห่งความจริงแท้ ใช่ มันเคยมีเทพที่เคยปกครองโลกในช่วงหนึ่ง พวกเขารู้ ชาวกรีกก็เริ่มสักการะบูชา เทพด้วยเช่นกัน  และพวกเขาก็สร้างเรื่องขึ้นมามากมายเกี่ยวกับผู้สูงส่งเหล่านั้น ผู้ซึ่งพวกเขาเรียกว่าเทพแห่งเขาโอลิมปัส นักปรัชญาชาวกรีกพัฒนาทฤษฏีหลายทฤษฏีเกี่ยวกับดวงวิญญาณจักรวาล และเทพบางทฤษฏีได้ถูกต้องอย่างน่าทึ่ง บางทฤษฏีห่างไกลจากความจริง แม่้แต่ในช่วงเวลาของเพลโต คุณค่าของความบริสุทธิ์ยังคงอยู่ในหัวข้อหลัก เป็นที่ยอมรับกันเพียงน้อยนิดและผู้ที่ชาญฉลาดเท่านั้นที่สามารถได้รับสถานภาพนั้นได้

พลังของดวงวิญญาณตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง อาณาจักรกรีกล่มสลาย อาณาจักรโรมันเข้ามายิ่งใหญ่แทน ชาวฮินดูได้สร้างผู้นำศาสนาที่ยิ่งใหญ่หลายคน และช่วงสั้นๆ ของอาณาจักรที่ให้ความสำคัญกับพลังทางดวงวิญญาณ แต่ความตกต่ำได้เข้ามาเช่นกัน สงครามก็เพิ่มขึ้น ศาสนาของพวกเขาเริ่มหยาบกระด้าง เข้าสู่การถือแบบแผนกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด

ผู้นำศาสนาคนอื่นตามลงมา นี้คือ พระคริสต์ ท่านกระตุ้นผู้คนให้เข้าสู่ปรากฏการณ์ใหม่ของความเป็นดวงวิญญาณ ในเวลาที่หน่อใหม่ของศาสนาเกิดขึ้น อาณาจักรโรมันก็ล่มสลาย และเข้าสู่การมีอำนาจเหนืออาณาจักรยุโรปทั้งหมด

ศาสนานี้ตีความผิด คิดว่าพระเจ้าเป็นผู้มีร่างกาย เช่นเดียวกับชาวอินเดียที่เข้าใจผิดคิดสับสนว่าเทพเป็นพ่อผู้สูงสุด แต่พวกคริสเตียนมีความรู้อย่างอื่นซึ่งค่อนข้างจะถูกต้องโดดเด่น ซึ่งเกี่ยวกับการมาถึงของ "วันแห่งการพิพากษา"  และเกี่ยวกับดินแดนสวรรค์ที่จะตามมา พวกเขารอให้พระคริสต์มาอีกครั้ง พวกเขาไม่รู้ว่าบทบาทของ "ลูกของพระเจ้า" ได้จบลงแล้ว แต่เป็นบทของพระเจ้าที่จะต้องลงมาเล่นด้วยตนเองเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่

ในช่วงเวลาที่ชาวโลกทั้งหมดได้น้อมรับผู้นำศาสนาของตน ประชากรเริ่มเพิ่มมากขึ้นราวกับละคร  เช่นกันกับสงครามและการกระทำด้วยกิเลสอื่น ๆ ภายในหน้ากากของศาสนาผู้คนบังคับซึ่งกันและกันให้ยอมต่อการครอบงำ คนทั้งชาติ ถูกแย่งชิง การปล้นสะดมภ์และผู้คนในอินเดียถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา

ดังนั้นยุคเหล็กจึงเริ่มขึ้น มีช่วงขณะที่เป็นฤกษ์งามยามดีปรากฏออกมาเหมือนอย่างเช่น การฟื้นฟูในยุโรป เมื่อศิลปะและวิทยาศาสตร์เริ่มเจริญที่นั่น เป็นเหมือนกับการสำรวจโลก แต่ความต้องการก็คือผลกำไร และเป็นความโลภของพวกเขาที่ขยายตัว เช่นกันกับความหยิ่งยโสและความโกรธ การกระทำโหดร้ายต่อผู้คนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา การเคลื่นนไหวที่ประสบความสำเร็จของวิทยาศาสตร์เริ่มต้นขึ้นแล้ว ความรู้ของดวงวิญญาณสูญสิ้นลงจนเกือบหมดสิ้น แต่บัดนี้ ความรู้ทางโลกวัตถุขยายตัวทำให้สามารถทำให้อาณาจักรเติบโตอย่างน่าสะพรึงกลัว  อาวุธปืนและอาวุธอื่นก้าวหน้าอย่างมาก การเปลี่ยนสภาพชนบทไปตามสภาพที่เป็นอุตสาหกรรม กษัตริย์ผู้คดโกงเริ่มถูกบีบลงเปลี่ยนไปเป็นผู้ปกครองระบบประชาธิปไตย การปกครองของประชาชนที่ปกครองเหนือประชาชน

อินเดียได้ถูกยืดครั้งแรกโดยมุสลิมและครั้งหลังโดยอังกฤษ ในที่สุดดินแดนเก่าแก่ก็เริ่มตื่นขึ้น มหาตมะ คานธี นำชาวอินเดียให้เป็นอิสระจากผู้ปกครองต่างชาติ แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากกิเลส ภารกิจนั้นต้องได้รับการแทรกแซงของพระเจ้า

ในขณะเดียวกันสงครามต่าง ๆ ก็มีการแพร่กระจายและป่าเถื่อนมากกว่าเดิม ขณะที่ผู้คนต่างกู่ร้องตะโกนเสียงดังว่าพวกเขากำลังพัฒนาและก้าวหน้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น ความจริงคือพวกเขาได้เสื่อมลงมาเรื่อย ๆ เกือบ 5,000 ปี พวกเขาเกือบจะเผาโลกทั้งหมดเป็นจุล

อาวุธนิวเคลียร์ถูกพัฒนาขึ้นมา  ประเทศทั้งหลายในโลกหมกมุ่นอยู่กับการครอบครองเครื่องมือแห่งการทำลายล้างเหล่านี้  ความชั่วร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาสู่จุดสุดยอดในโลก และในขณะเดียวกันพลังของพระเจ้า กำลังผนึกกำลังตัวเองแน่นอย่างลับ ๆ จะมีใครเชื่อบ้างว่าท่านได้ลงมาในช่วงเวลาที่วิกฤต ในสถานที่ที่ห่างไกลโดยการสอนผู้คนให้บริสุทธิ์ ? และคำสอนเหล่านั้นจะเปลี่ยนจักรวาลได้หรือ ? แต่มันจะเป็นเช่นนั้น

และเหมือนกับว่าผู้คนกำลังอยู่ในขบวนการเผาโลกอยู่ ดังเช่น ดวงวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ของ "ไฮเดอราบัด" ได้พยายามที่จะเผาบ้านของพระเจ้า เมื่อพวกเขาเห็นว่ากลยุทธิ์ก่อกวนไม่ได้ผล ก้าวต่อไปของการพยายามคือใช้ความรุนแรง  พวกเขาติดอยู่ในกรงเล็บที่แหลมคมของความโกรธ ซึ่งเผาพวกเขาเหมือนไฟที่ดาลเดือด ลามเลียตลอดเวลา ยิ่งร้อนมากขึ้นทุก ๆ  นาที ไม่มีการรั้งรอที่จะทำลาย

ช่างน่าเย้ยหยัน ผู้คนเหล่านี้ พวกแอนตี้โอมมันดาลี ตั้งเป้าไว้ว่าการทำลายล้างสถาบันแห่งนี้ลงได้ เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขามีความสุข ในโลกแห่งสงคราม พระเจ้ากำลังสอนหนทางไปสู่ความสันติ แต่เพราะไม่สามารถสัมผัสสัจจะที่ล้ำลึกได้ พวกเขาเข้าโจมตี แผนการของพวกเขา คือการลอบวางเพลิงอาคารที่บาบาใช้ในการชุมนุม เมื่อพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการป้องกันพวกผู้หญิงมิให้ไปที่นั้น อย่างน้อยพวกเขาก็เผาบ้านที่ซึ่งพวกผู้ชุมนุมมารวมตัวกัน

พวกเขากลัวบาบาด้วยเหมือนกัน  ลึก ๆ แล้วพวกเขารู้ว่ามีพลังอันสูงส่งบางอย่างแผ่กระจายมาจากบาบา ดังนั้นพวกเขารอที่จะทำการเลวร้ายตามแผน รอวันที่บาบาไม่อยู่แล้วพวกเขาก็ระดมกำลังมาพร้อมกัน  ฝูงชนขนาดใหญ่รวมตัวกันและปิดล้อม สัตสัง บาวัน พวกเขาตะโกน คำสบถสาบานที่หยาบคาย และเริ่มขว้างปาก้อนหิน พวกเขาทำลายหน้าต่างและประตูรั้วลง

แต่ละนาทีที่ผ่านไปฝูงชนก็แสดงความบ้าคลั่งมากขึ้น  จนกระทั่งสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ผู้คนมาร่วมกลุ่มก่อการจราจลมากขึ้นเรื่อย ๆ ถือไม้และอาวุธอื่น ๆ พวกเขาเริ่มพยายามที่จะเข้ามาในตัวบ้าน แต่แม่ตัวเล็กที่ทรงพลังอำนาจกองทัพชีพชัคตียืนขวางกั้นอย่างกล้าหาญในที่หน้าประตูบ้าน แล้วกลุ่มของสตรี 2-3 คนก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่ ไม่มีผู้บุกรุกแม้แต่คนเดียวที่จะผ่านพวกเขาเข้ามาได้  และเมื่อพวกเขามองเข้าไปในดวงตาของสตรีเหล่านี้ พวกเขาเห็นความเข้มแข็งที่ทำให้สยองขวัญ พวกเขาถอยกลับทันที
แทนที่การจะบุกเข้าไปในบ้าน พวกเขาจะเผาบ้านจากด้านนอก เหวี่ยงคบเพลิงเข้ามาทางหน้าต่าง ทุก ๆ ด้าน

ผู้วางเพลิงไม่สนใจว่าภายในบ้านมีทั้งลูกสาว ภรรยา แม่และญาติคนอื่นๆ ของครอบครัวของพวกเขาเอง และที่จะถูกเผาทั้งเป็นอยู่ในกองเพลิง จิตใจของพวกเขามึนงงไปด้วยความโกรธและพวกเขาได้ลดสภาพลงไปจนต่ำยิ่งกว่าสัตว์ ผู้นำกลุ่มฝูงชนผู้วางเพลิงพยายามในนาทีสุดท้าย เพื่อมิให้พวกเขากระทำการโจมตีถึงขั้นล้มตาย แต่มันได้สายเกินไปแล้ว ฝูงคนผู้ก่อจราจลไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
โชคยังเข้าข้าง ผู้เฝ้าสังเกตการณ์โทรเรียกตำรวจ เมื่อคบเพลิงเริ่มถูกโยนเข้าไป ตำรวจมาถึงโดยเร็ว เข้าสลายฝูงชนขณะที่กลุ่มไฟได้ลุกโชติช่วงขึ้น ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับวัตถุ แต่สถาบันกลับมีแต่จิตใจที่มีกำลังเพิ่มขึ้น ผู้คนเพียรพยายามเป็นพันวิธีที่จะทำลายโอมมันดาลี  แต่พวกเขาไม่มีพลัง เหตุการณ์ไฟไหม้และเหตุอื่น ๆ ได้ถูกบรรยายไว้ในคัมภีร์มหาภารัติ

ผ่านสถานการณ์ทั้งหมดนี้มา บาบาก็ยังรู้สึกเบาสบายไม่กังวล ท่านเป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ พวกเราเป็นเพียงคนรับใช้ของพ่อ ท่านจะทำให้ทุกอย่างลงตัวด้วยดีเอง  การทดสอบอีกมากที่จะมีบนหนทางนี้ แต่ถ้าเรารักษาความมั่นใจไว้ในท่าน ในโลกละคร และในตนเอง เราจะเป็นผู้พิชิตชัย บนเรือแห่งสัจจะอาจโคลงได้แต่จะไม่มีวันจม

จากแรงบัลดาลใจโดยตัวอย่างของบาบา และจากความรู้สึกดื่มด่ำโดยน้ำอมฤตแห่งความรู้ พี่น้องชายหญิง และแม้แต่ผู้เยาว์ เดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องกลัวเกรงและเข้าถึงการละวางจากโลก พวกเขาได้ประสบการณ์ของสัจจะทุก ๆ วันและได้รับคุณค่าในทางปฏิบัติจริงจากคำสอนของบาบา และด้วยการทำเช่นนี้ พวกเขาชาญฉลาดเกินอายุของพวกเขา

อ่านต่อ  >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 21

Friday, February 21, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 19

สงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้าย
แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ยังไม่ถึงที่สุดในบ้านนั้น แม่ของเธอตั้งใจที่จะให้้เธอแต่งงานออกไป และจัดการเลืือกคู่ครองใ้ห้กับเธอ แต่เธอปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว "การแต่งงานนั้นไร้ค่า เป็นการตกต่ำ ถ้ามันเกี่ยวกับกามราคะ" ซิสเตอร์อธิบาย การแต่งงานของฉันได้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกับพระเจ้า ยังจะมีที่ว่างใดสำหรับคนอื่นอีกหรือ ?

ได้ยินเช่นนี้ ญาติของเธอเดือดดาลอย่างยิ่ง พวกเขาทำร้ายทุบตีเธออย่างป่าเถื่อน จนเธอเกือบจะหมดสติ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี แล้วพวกเขาก็จับเธอโยนเข้าไปในห้องมืดที่ชื้น ๆ ขังเธอและล่ามเธอด้วยโซ่เหล็กอันหนักอึ้ง ด้วยการทดสอบครั้งสุดท้าย พวกเขาทุบมือของเธอด้วยสาก แล้วพวกเขาก็ขังเธอไว้ในห้องที่มืดสนิท เธอไม่ได้รับอาหารวันแล้ววันเล่า อยู่แต่ผู้เดียว ณ ห้องนั้น มัดมือและเท้าเธอไว้ในคุกใต้ดินที่เย็นยะเยือกและมืดสนิท

แต่สำหรับฉัน เธอหวนคิด ในห้องมืดมิดนั้นสว่างด้วยแสง หลังจาก 2-3 วันผ่านไป ฉันเิริ่มรู้สึกหิว แต่ความศรัทธาและความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อพระเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โลกทางวัตถุช่างว่างเปล่าในความรู้สึกของฉัน "อย่างสงบนิ่ง" ฉัีนเริ่มบอกท่านในความคิดของฉัน ว่าท่านควรจะมาได้แล้วเพื่อปกป้องฉัน ท่านรออยู่นานพอแล้ว โอ พระเจ้า รักษาัศักดิ์ศรีของฉันไว้ ในกลุ่มคนเหล่านั้น อย่าปล่อยให้ฉันยอมจำนนต่อพวกเขาเพราะการทรมานนี้ ท่านต้องมาเดี๋ยวนี้ และปลอดปล่อยฉันจากเครื่องพันธนาการนี้"

แล้วฉันก็เริ่มมีประสบการณ์การแยกออกอย่างสมบูรณ์ของตัวฉันจากร่างกายของฉัน ฉันออกจากห้องมืดนั้นอย่างสมบูรณ์และถูกส่งไปยังช่วงเวลาอื่น ศรีกฤษณะยืนอยู่เบื้องหน้าฉัน เขาำกำลังเ่ป่าขลุ่ยที่เลื่องลือของเขา และดนตรีนั้นช่างไพเราะจับใจ  เขาเคลื่อนไหวด้วยความงดงามอ่อนช้อยอย่างยิ่ง ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีความน่ารักเช่นนั้น ฉันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสุขอย่างสมบูรณ์แบบ และแล้วกฤษณะก็พูดกับฉันด้วยเสียงนุ่มนวลและอ่อนหวาน "บัดนี้บ่วงพันธะของเธอจะถูกทำลายไปในไม่ช้า ดังนั้น จงอย่ากลัว ที่ฉันมาปรากฏในรูปนี้"

ระหว่างประสบการณ์นี้ ฉันรู้สึกว่าความหิวและความกระหายน้ำของฉันได้บรรเทาไปทันทีและร่างกายของฉันไม่มีความอ่อนเพลีย ฉันรู้สึกว่ามีพลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ภายใน ดวงวิญญาณของฉันได้รับการบรรจุพลังแล้ว

ในไม่ช้าหลังจากนั้น ญาติของเธอก็เปิดประตูคุกใต้ดิน  พวกเขากักขังเธอไว้สามวัน และพวกเขาแน่ใจว่าเด็กหญิงผู้มีรูปกายที่บอบบางจะยินยอมยินดีที่จะเข้าพิธีแต่งงานหรืออะไรก็ได้ เพื่อที่จะรับอิสระและมีอาหารรับประทาน  พวกเขาลงบันไดมาพร้อมกับไฟฉายและส่องมาที่หน้าของเธอ

"ตอนนี้บอกพวกเราสิว่าเธอตัดสินใจว่าจะทำอะไร ?? ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น 
ลูกตกลงจะแต่งงานใช่ไหม ??  ฉันสั่นหัว
 "จงเลิกเป็นคนดื้อรั้น เพียงแค่พูดว่าฉันจะไม่ไป โอมมันดาลีอีกแล้วและฉันยินยอมที่จะแต่งงาน ! 
"พ่อกำลังพูดอะไรนะ ? " ฉันตอบ
"พ่อยังไม่เข้าใจฉันอีกหรือ ? พ่อไม่เ้ข้าใจหรือ การอุทิศชีวิตต่อพระเจ้าของฉันนั้น ไม่มีอะไรที่พ่อจะมาขู่ให้ฉันกลัวได้หรอก พ่อไม่สามารถกดความรักที่แท้จริงไว้ได้ แม้แต่พ่อจะเอาชีวิตฉันไป ฉันจะไม่ใส่ใจ ฉันจะปลื้มใจมากขึ้นที่ได้ไปสวรรค์และทำไมฉันจะต้องไม่มีความสุข ? ฉันรับเอาศาสนาในการคิดถึงพระเจ้า ชิพบาบา สามีที่สุดล้ำเลิศ ดังนั้น ถ้าต้องการฆ่าก็ฆ่าเถอะ ถ้าท่านปรารถนาและช่วยทำสิ่งหนึ่งให้ฉันด้วย ฉันขอร้อง นำศพของฉันไปทิ้งที่ประตูทางเข้าโอมมันดาลี"

พวกเขามองเธออย่างอัศจรรย์ใจ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป พวกเขากลับขึ้นไปและปรึกษากันในหมู่พวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาค่อนข้างจะโกรธและรู้สึกว่าแพ้ "ยังไม่เปลี่ยนความคิดหรือ ? พวกเขาถามอีกครั้ง" เธอจะไม่พูดว่า "ตกลงหรือ ?"

ฉันไม่ใช่เช่นคนปัญญาอ่อนที่ท่านต้องการให้ฉันเป็น เธอตอบ "ฉันได้เรียนรู้ที่จะมีความอดทน ทนต่อความโหดร้าย เพราะว่าฉันมิได้อยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว พระเจ้าอยู่ักับฉัน และท่านทำให้ฉันเข้มแข็ง แต่ท่านต้องตระหนักว่าท่านจะต้องทุกข์ทรมานต่อผลแห่งพฤติกรรมของท่าน เพราะว่าผู้คุ้มครองของฉันท่านเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ฉันรู้สึกสงสารพวกท่านทั้งหมด เพราะไม่รู้จักพระเจ้า ท่านได้เพิ่มภาระบาปของท่านมากขึ้น มากขึ้น"

พวกเขาถอดโซ่ที่ล่ามเธอไว้ออก และพาเธอขึ้นมาข้างบน แต่ขณะที่เธอกำลังอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอนั้น พวกเขาก็ยังปรึกษาหารือกันอยู่

ผู้ชายจาก แอนตี้โอมมันดาลี มาถึงกันหลายคน พวกเขาพูดหนุนผู้เป็นพ่อไม่ให้เลิกล้มความตั้งใจเดิมที่มีต่อลูกสาวของเขา พวกเขาร้องขอต่อความทรนงตนของผู้เป็นพ่อ ท่านอยากเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนหรือ ?  ท่านต้องการให้พวกเขาพูดว่า ท่านไม่สามารถควบคุมแม้แต่ลูกสาวของตนเองหรือ ?  ถ้าท่านล้มเหลวในการห้ามปรามเธอจากการที่เธอต้องการไปสัตสัง  มันจะเป็นการพ่ายแพ้ของทั้งกลุ่ม ทั้งเมือง และ "แรงกระตุ้นปีศาจ" ของ บาบา จะแข็งแกร่งขึ้น เพราะผู้ชายพวกนั้นพูด พ่อตัดสินใจกลายเป็นคนแข็งกระด้างมากขึ้น พ่อสูญสิ้นการมองเห็น  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับลูกสาวไม่มีความสำคัญอีกต่อไป  พ่อหลอกตัวเองด้วยการคิดถึงหลักการที่สูงกว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าถ้าถามพ่อ พ่อก็ไม่สามารถตอบได้ว่ามันเป็นหลักการอะไร

ในที่สุด พ่อก็ย่างสามขุมไปยังลูกสาวหัวรั้น แสดงความต้องการอีกครั้งว่าเธอจะยินยอมแต่งงาน เขาพร้อมที่จะตบเธอถ้าเธอปฏิเสธ
"แน่นอน ฉันตกลง" เธอยิ้มละมัย "แต่หาสามีผู้ซึ่งดำรงตนอยู่ในศาสนาอย่างแท้จริง เขาจะต้องไม่เป็นคนกินเนื้อ หรือดื่มไวน์หรือคบเพื่อนเลว เขาจะต้องไม่มีความอยากในตัณหาราคะ หาสามีเช่นนี้ให้กับฉัน เหมือนสามีของสีดา หาคนที่เหมือนรามให้กับฉันและฉันจะยินดีจูงมือเขาเข้าพิธีวิวาห์"

พ่อของเธอไม่รู้จะตอบเช่นใด แต่เขารู้สึกว่าถูกล้อเล่น "ลูกจะต้องแต่งกับใครก็ได้ที่ฉันสั่ง" เขาตะโกน เขากระตุ้นตัวเขาเองให้เกิดความบ้าคลั่งเช่นนั้น ทันทีทันใดนั้นเขาก็ตบตีลูกเขาอีกครั้ง ด้วยกำปั้นของเขา เธอล้มลงกับพื้น เขาเรียกลูกชายเข้ามาและล่ามโซ่เธอไว้อีกครั้งหนึ่ง 

มีคำประพันธ์ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับผู้หญิงอินเดีย ขณะที่ลูกสาวถูกหามกลับเข้าไปในความมืด เธอร้องอย่างเบา ๆ เป็นกลอนในบทประพันธ์
"ผู้หญิงอินเดียนั้นแสนยิ่งใหญ่ พวกเธอทนทุกข์ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่เคยร้องสักคำ เธอรับภาระทั้งหมด เธออดทนราวกับปฐพี ร่างกายของเธอทั้งยืนหยัดและแข็งแกร่งและจิตใจของเธอบริสุทธิ์ ดั่งสายน้ำคงคาโบราณ ไม่เพียงแต่เท่านั้น เธอยอมรับด้วยตัวเธอต่อการลงโทษของการกระทำอาชญากรรมโดยผู้อื่น เธอบรรเทาความทุกข์ของทุกคนที่อยู่ในความดูแล ผู้หญิงอินเดียคือภาพลักษณ์ของการสละอุทิศตนอย่างแท้จริง ในรูปแบบของการสละอุทิศนี้ โลกทั้งโลกต้องยอมรับความพ่ายแพ้"

เธอถูกขังอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้พวกเขาปล่อยเธอนอนอยู่ในนั้น 2 เดือน ให้อาหารแก่เธอเพียงพอแก่การประทังชีวิตไว้เท่านั้น และเธอก็ตกอยู่ภายใต้การกระทำซึ่งทารุณและทุกข์ทรมาน เพื่อให้เธอยอมแพ้ทุกวัน ในทีสุดพี่สาวคนโตกลับมาจากอังกฤษ ที่ซึ่งเธอเดินทางไปศึกษาหลายปี เธอตกใจกับสิ่งที่เธอเห็นและจัดการให้ครอบครัวของเธอปล่อยน้องสาวทันที แต่หลังจากนั้นครอบครัวก็ยังทำทารุณแก่เธอ

มีการฉลองในอินเดียอีกอย่างหนึ่งที่ซึ่งลูกสาวในเวลานี้เข้าใจ ผู้สักการะบูชาปั้นรูปของเทวี ขึ้นมาสักการะในช่วงเวลาหนึ่ง แต่แล้วพวกเขาก็จมรูปปั้นเหล่านั้นลงไปในน้ำ มันทำให้ระลึกถึงความจริงว่า ถึงแม้พวกฝูงชนจะก้มศีรษะให้กับความบริสุทธิ์ แต่พวกเขาไม่สามารถทนต่อมันได้นานนัก เมื่อความบริสุทธิ์นั้นมาอยู่ตรงหน้าด้วยกระจกเช่นนี้ พวกเขาจะได้เห็นว่าพวกเขาตกต่ำไปเพียงใด ดวงวิญญาณใดผิดรูปไปอย่างไร

มันได้เกิดขึ้นมาตลอดช่วงของประวัติศาสตร์ สังฆราจารย์ ผู้ก่อตั้งศาสนาซานยาสซีต้องต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานโดยการสร้างอุบายเพื่อหลอกแม่เขาให้อนุญาตเขาอยู่อย่างถือพรหมจรรย์คือ ความบริสุทธิ์ วันหนึ่งเขากำลังลุยอยู่ในทะเลสาป ขณะที่แม่ของเขานั่งอยู่บนฝั่ง เขาแกล้งร้องว่าขาเขาถูกจระเ้ข้งับไป  แม่ของเขาอ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยลูกของเขา แต่สังฆราจารย์ร้องออกมา "ฉันได้ยินเสียงของพระเจ้า" ท่านพูดว่าแม่ต้องอนุญาตให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์ ถ้าตกลงท่านจะช่วยชีวิตผม เร็วเข้า ! "  แม่ตกลง แน่นอน และแล้วสังฆราจารย์ก็หลุดจากบ่วงพันธะ

แรงกดดันเกิดขึ้นเช่นกันกับพระพุทธเจ้า  เพื่อคงอยู่ในราชวัง และไม่ให้ทิ้งชีวิตเจ้าชายที่มีสิ่งบำเรอความสุข แต่ถึงอย่างไรก็ตามความพยายามของพระราชบิดา ก็ไม่อาจขัดขวางเป้าหมายทางจิตวิญญาณที่ท่านมี วันหนึ่งพระพุทธเจ้าก็หนีจากไปและไม่กลับมาอีกเลย

ดังนั้นมันได้เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน  ลูกสาวไม่สามารถที่จะอยู่ในครอบครัวบ้านเกิดอีกต่อไป โดยไม่เอาอะไรสักชิ้นเดียว  ไม่มีแม้แต่กระเป๋าเดินทาง เธอจากไปและไปอยู่บ้านของบาบา และถึงแม้บาบาจะไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนี้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ท่านก็ไม่ขับไล่เธอไป ท่านใ้ห้ที่พักแก่เธอและเธอได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรสตรี

ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็มาเช่นกันโดยมิได้บังคับ ภรรยาหลายคนถูกไล่ออกจากบ้านโดยสามีที่บ้ากามราคะและบาบาก็อ้าแขนรับพวกเขาไว้ทั้งหมด ที่ซึ่งพวกเธอได้รับการปกป้องและสันติในที่สุด  พวกเธอพบที่ที่พวกเธอเป็นส่วนหนึ่ง บ้านที่แท้จริงบนโลกนี้ ครอบครัวที่แท้จริง ครอบครัวที่แท้จริงและสูงส่งของพระเจ้า มีคำพังเพยเก่า ๆ ซึ่งกล่าวว่า "สำหรับผู้ที่ไม่มีที่ใดให้การช่วยเหลือในโลกนี้ พระเจ้าจะเป็นผู้ดูแลและเป็นผู้ร่วมทาง"  บัดนี้ชิพบาบากำลังแสดงตัวอย่างของสัจจะนั้นในทางปฏิบัติ

พวกผู้หญิงร่าเริงที่อยู่ของบาบา พวกเธอกลายเป็นครูเป็นผู้รับใช้โลกที่แท้จริง พวกเธออยู่ในความปิติอย่างสม่ำเสมอ เจริญงอกงามในสภาวะแวดล้อมที่น่ารักและศักดิ์สิทธิ์ ใช้ชีวิตที่ประเมินราคามิได้ของความบริสุทธิ์

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 20

Thursday, February 20, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 18


สงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้าย
ในอินเดีย หญิงพรหมจรรย์จะได้รับการบูชา แต่ทันทีที่พวกเธอแต่งงาน พวกเธอจะถูกปฏิบัติเยี่ยงคนรับใช้  และถูกบังคับให้ใส่ผ้าคลุมหน้า เป็นเครื่องแสดงชัดเจนว่าพวกเธอสูญเสียสมบัติที่บริสุทธิ์ของพวกเธอไป  เทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ จั๊กกัดอัมบาและสรัสวาตี ถูกยกไว้ในความนิยมสูงสุด  ผู้คนมาเพื่อล้างเท้าของพวกเธอในการยกย่องบูชา ความสำเร็จของความบริสุทธิ์ของพวกเธอ

กระนั้น  เมื่อมีการนำทุกสิ่งมาปฏิบัติในทางที่เป็นจริง เมื่อพวกผู้หญิงบอกกับครอบครัวของพวกเธอว่า  พวกเธอจะกลายเป็นเทวีด้วยการฝึกความบริสุทธิ์ของความคิด คำพูด และการกระทำ พวกเธอก็ประสบกับความกลัวและความเกลียดชัง และพวกญาติ ๆ ก็ทุบมือพวกเธอด้วยด้ามขวานและล่ามพวกเขาไว้ด้วยโซ่ที่ใหญ่โต

"โอ มนุษย์!  ในความมัวเมากับอวัยวะของร่างกายและสัมผัสของเธอ เธอแสดงออกอย่างป่าเถื่อน นั่นคือสูญเสียพลังทั้งหมดในการแยกผิดแยกถูก แยกสัจจะจากความชั่ว จำไว้เถอะ...วันหนึ่ง ร่างกายของเธอจะกลายเป็นฝุ่นดิน บ้านของเธอ เพชรของเธอ ทองของเธอ ชีวิตของเธอ ทั้งหมดจะเข้ารวมกับฝุ่นธุลี มีกี่วันนะที่เหลืออยู่สำหรับเธอ ???  โอ มนุษย์  ตื่นขึ้นเถิด......และรู้จักตนเองก่อนที่มันจะสายเกินไป"

ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงขับร้องเพลงแล้วเพลงเล่า เพลงของความบริสุทธิ์และสัจจะ ถือกระจกเพื่อให้ผู้ซึ่งกลัวว่าจะเห็นว่าตนเองได้กลายเป็นปีศาจอย่างไรได้ส่องดู  ความสะดุ้งด้วยความกลัวได้กระจายไปทั่วทั้งสังคมของพวกซินดิ  บางสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังและไม่ธรรมดากำลังเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาทั้งหมดไม่สามารถหาข้อสรุปได้  ใช่...พวกเขาจะไม่เป็นเช่นเดิมอีกเลยโดยไม่ต้องใส่ใจในผลที่ออกมาจากการเผชิญหน้า

เพื่อหลีกเลี่ยงการเห็นความจริงของเหตุการณ์ มีหลายคนอธิบายด้วยหลักเหตุผลของพฤติกรรมของพวกเขาเอง  จนกระทั่งดูเหมือนผิดเป็นถูก  พวกเขาพูดกันว่า ผู้ที่ไปฟัง บาบา และกลายเป็นผู้ถือพรหมจรรย์เป็นคนบ้า  แต่ใครกันคือผู้ที่เป็นคนบ้าที่แท้จริง ??

ผู้ซึ่งพบกับความสงบและมีความสุขด้วยการเข้ามาสู่หนทางของความบริสุทธิ์และอยู่ในการคิดถึงพระเจ้า หรือ ผู้ซึ่งเมามายด้วยความทะนงตนและทะยานอยากด้วยร่างกาย  ผู้ซึ่งทุบตี ลูกเมีย และแม้แต่แม่ของพวกเขาเองจนเกือบจะเสียชีวิต

คำเยาะเย้ยและเหน็บแนมของสถานการณ์มิได้ทำลาย บาบา หรือ ลูก ๆ ของท่าน  พวกที่อยู่ในความโง่งมงายของความมืด คิดว่าผู้ที่ได้รู้แจ้งคือ คนบ้า  ในขณะที่ผู้ซึ่งรู้แจ้งก็รู้สึกเช่นกันกับผู้ที่อยู่ในความมืด ในไม่ช้ามันจะปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร

ซิสเตอร์ คนหนึ่งซึ่งอยู่ในวัยรุ่น อาศัยอยู่ครอบครัวเล่าถึงว่าเธอถูกกักขังในห้องของเธออย่างไร  ในทุก ๆ เช้า จะมีการป้องกันมิให้เธอไปยังสัตสังของบาบา และเมื่อพวกเขาเห็นว่าเธอตั้งใจที่จะสละการแต่งงานนั้นอย่างแน่วแน่ พวกเขาเริ่มขังเธอมากขึ้นและให้เธออดอาหาร เมื่อเธอยังถือพรหมจรรย์พวกเขาเฆี่ยนตีเธอด้วยแส้หนัง

มันเป็นข้อสอบจริง ๆ สำหรับเด็กหญิงผู้ที่เคยชินกับการให้ความเคารพกับครอบครัวอย่างสูงสุด   เธอมิได้ปรารถนาที่จะไม่เชื่อฟังแม้แต่ขณะนี้ แต่บัญชาของพระเจ้าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก "ฉันจะไปโดยไม่ต้องกินอะไร" เธอบอกพวกเขา และพวกท่านอาจจะทุบตีฉันได้ ทุกวันเท่าที่ท่านปรารถนา แต่ฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากน้ำอมฤตของความรู้ได้  ดังนั้น กรุณาเถิด โปรดกรุณาอนุญาตให้ฉันไปสัตสัง

เมื่อพวกเขาเห็นว่ากลยุทธ์ของพวกเขาไม่เป็นประโยชน์ ครอบครัวของพวกเขาก็เรียกหมอผีมา  หมอผีท่องเวทมนต์ส่งมาที่เธอและบังคับให้เธอกินน้ำไสยศาสตร์นั้น  แต่เธอยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนโยน อำนาจเวทมนต์ของมนุษย์หรือจะสู่กับอำนาจเวทมนต์ของพระเจ้าได้อย่างไร ??  หมอผีรู้ทันทีว่าเขาพ่ายแพ้เสียแล้ว  ความรักของเธอแนบแน่นอย่างแท้จริงต่อพ่อที่สูงสุดและในที่สุด หมอผีก็หยุดที่จะพยายามอีก

พ่อแม่บรรเทาลงเล็กน้อย และเธอก็พยายามที่จะใช้ชีวิตตามปกติที่บ้าน แต่ตอนนี้ทั้งญาติและเพื่อน ๆ เฝ้าดูเธอด้วยสายตาที่แตกต่างกันในความฉงน  ราวกับว่าเธอเป็นมนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์ ในตอนเย็น เธอจะนั่งเงียบ ๆ ที่มุมใดมุมหนึ่ง  มีความสุขกับความสงบในสมาธิ สภาวะที่สูงล้ำเลิศ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้กลับกระตุ้นความโกรธในคนอื่น ๆ เอง พวกเขาคิดหาหนทางที่จะสร้างความยากลำบากให้เธอทุก ๆ ครั้งที่เธอทำความเพียรทางดวงวิญญาณ  และเมื่อเธอนั่งอ่านเมอร์ลีขลุ่ยแห่งความรู้ ความโกรธที่คุ้นเคยกับพวกเขาแล้วไม่เคยมีขีดจำกัด  พวกเขาตีความว่ามันเป็นการโจมตีพวกเขาโดยตรง  เมื่อเธอเริ่มต้นศึกษาความรู้ที่พระเจ้าอธิบายไว้  และดังนั้นการทุบตีก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

พวกเขาเป็นคนประเภทใด ?? เธอครุ่นคิด นี้เป็นโลกอะไรกัน ??   เป็นยุคอะไรกัน??  แล้วเธอก็เริ่มร้องเพลง
โอ มายา ภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยสีสรรของเจ้า
ทำไมเจ้าจึงทำให้ผู้คนร่ายรำ
เจ้าทำให้ผู้คนลุ่มหลงมืนเมาด้วยความสุขทางสัมผัส
จนกระทั่งสติปัญญาได้ รั่วไหลไปจนหมดสิ้น
โอ แล้วทำไม เจ้าจึงใส่โทสะและความทะยานอยากลงไปให้พวกเขา ?
โอ มายา เจ้าดักจับส่วนที่ดีที่สุดของมวลมนุษย์
โอ เจ้าทำให้พวกเขาลืมรูปที่แท้จริงของพวกเขา
พวกเขาหลงอยู่กับเครื่องแต่งกายที่เป็นหลุมพราง
และทำให้พวกเขาลืมว่าพวกเขามาจากที่ใด
เจ้าบดขยี้พวกเขาด้วยล้อบดแห่งความทุกข์ระทม

ใน ศรีมัต ภัควัต งานที่มีชื่อเสียงของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของอินเีดีย มีเรื่องหลายเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชาย กฤษณะ ผู้ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็น "พระเจ้า" กฤษณะถูกบรรยายให้เห็นว่าเป็นคนเป่าขลุ่ย เขาเป่าได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ซึ่งทำให้โกปี้ หญิงรีดนมวัว เสียสติด้วยความลุ่มหลงและหนีออกจากบ้านไปอยู่กับพระเจ้าเพศ

แล้วฉันก็จำเรื่องราวเหล่านั้นของกฤษณะได้ ซิสเตอร์ระลึกย้อนไป เมื่อฉันยังเล็ก ๆ ฉันเคยอ่าน เมื่อโกปี้ตกหลุมรักกับเสียงขลุ่ย (เมอร์ลี) ของพระเจ้า ครอบครัวของเธอพยายามป้องกันพวกเธอเพื่อไม่ให้หนีไปอยู่กับคนเป่าขลุ่ย บ่อยครั้ง ที่ฉันเคยฉงนว่า โกปี้สามารถได้ยินเสียงขลุ่ยที่แสนไพเราะของพระเจ้าได้อย่างไร แต่สามีของเธอไม่ได้ยิน หรือว่าพวกเขาปิดหูของพวกเขาไว้ ซึ่งเขาไม่ต้องการที่จะได้ยินเสียงขลุ่ยซึ่งมีอำนาจเวทย์มนต์ ??  ตอนนี้ฉันเข้าใจอย่างทันทีว่าอะไรคือความลับที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวโบราณ มันไม่ได้อ้างถึงสิ่งใดเลยนอกเสียจากประสบการณ์จริงที่เกิดกับฉันซึ่งฉันกำลังประสบอยู่ ขลุ่ยของพระเจ้ามิใช่เครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งแต่มันคือ ขลุ่ยของความรู้ เมื่อได้ัฟังความรู้ ฉันรู้สึกเต็มไปด้วยความสุขเหนือโลก และญาติเหล่านี้ที่ป้องกันไม่ให้ฉันออกไปรับฟังความรู้นั้นเพิ่มขึ้นและพวกเขาก็ไม่อาจได้ยินเสียงเพลงแห่งความรู้ด้วยตนเอง

ฉันเห็นตัวฉันเองเป็นโกปี้แห่งความรู้ ความหมายที่แท้จริงจากคัมภีร์ที่ซ่อนไว้ถูกเปิดเผยให้ฉันเข้าใจ มันเป็นอนุสรณ์ความลับของการลงมาบนโลกของชิพบาบา และการตกหลุมรักของพวกเีราต่อสัจจะและความบริสุทธิ์นี่เอง ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ทำให้ฉันสามารถที่จะทนต่อความยากลำบากและการกระำทำทารุณ ซึ่งทำให้ฉันได้รับความทุกข์ทรมานและก็ยังสามารถยิ้มรับมันได้

อ่านต่อ >>>  อดิเทพ ตอนที่ 2 # 19 

Wednesday, February 19, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 17


สงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้าย
การก่อกวนรังควานพวกผู้หญิงดำเนินต่อไป  พวกเขายังไม่ยอม  สิ่่งนี้สร้างความประหลาดใจกับผู้คนในสังคมซินดิด้วยเพราะในสังคมผู้หญิงซินดินั้นจะยอมจำนนต่อความต้องการของสามีและพ่อของพวกตน  มันน่างุนงง แม้แต่จะคิดว่าหญิงผู้น่าสงสารเหล่านั้นจะสามารถยืนหยัดขึ้นต่อต้านอำนาจในรูปแบบที่ยึดถือกันมา  ผู้หญิงซึ่งถูกบังคับให้สวมใส่ผ้าบังหน้าบาง ๆ ผู้ซึ่งถูกอบรมมาให้อยู่ในความสงบและยอมตามใจ ขณะที่อยู่ต่อหน้ากลุ่มผู้ชายและอยู่เฝ้าบ้านเช่นกับนกที่อยู่ในกรง  ผู้หญิงเช่นนั้นได้หายไป ไม่สามารถพบเห็นอีกแล้ว พวกเธอเต็มไปด้วยอำนาจทางดวงวิญญาณ พวกเธอขึ้นอภิปรายได้อย่างจับใจและล้ำลึกยิ่งกว่ากูรูคนไหน ๆ สอนความรู้ที่สูงที่สุดในหมู่ผู้รู้ที่สูงส่ง  พวกเธอรับกำลังทางดวงวิญญาณเหล่านั้นมาจากไหนกัน สติปัญญาเช่นนั้น กำลังภายในเช่นนั้น ?? พวกเธอถูกกระทำทารุณทางร่างกาย ทุบตีให้อดอาหาร การทำให้ิอับอายขายหน้าในที่สาธารณะ พวกเธอก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนจากหลักการของพวกเธอเลย พลังของใครที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์เช่นนี้ ???

ภายนอก ผู้คนเห็นบาบา  ด้วยดวงตาของกายเนื้อทั้งสอง  ดวงตาที่สามของเขาปิดสนิท ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถเข้าใจว่า  พ่อสูงสุดชีว่าได้ลงมาในร่างของ บาบา ซึ่งเป็นกายเนื้อ  และกำลังสอนความรู้ที่ลึกล้ำและสูงสุดและสมบูรณ์พร้อมของท่าน

ดังนั้นคนเหล่านั้นคงอยู่อย่างไม่มีทางช่วยเหลือตนเอง  ได้ยืดติดกับนิสัยที่ดื้อดึงของพวกเขา บาบาเองก็เป็นผู้ที่หมดทางช่วยตัวเอง  แต่ท่านหมดหนทางเพราะท่านตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า ท่านเคยอ้างคำพังเพยของสังคมซินดิ "Vat vende Brahmin Vathho"  หมายความว่า บราห์มินที่กำลังดำเนินชีวิตไปตามวิถีชีวิตที่ใส่ใจในธุรกิจของตนนั้นได้ถูกจับโดยบางคน  และนั้นคือเรื่องที่เกิดกับ ดาด้า เลคราช  ท่านกำลังมีความสุขกับชีิวิตที่ดำเนินมา รับผิดชอบกับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งและมีครอบครัวที่ใหญ่โต เมื่อดวงวิญญาณสูงสุดหยุดท่าน และเิ่ริ่มเข้ามาใช้ร่างของท่านเพื่อสอนความมีค่ายิ่งของความบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ที่ ดาด้าได้กลายมาเป็นเครื่องมือของพระเจ้าโดยไม่ได้คาดฝัน

ขณะที่ฝ่่ายต่อต้านดำเนินการรุนแรงขึ้น  พวกเขาจ้างนักเลงหัวไม้ออกมาเดินตามผู้ที่เดินทางไปยังสัตสัง  เมื่อพวกเขาคิดว่าผู้คนไม่กริ่งเกรงหลบหนี  พวกเขาเริ่มใช้การต้อนเข้ามุมและข่มขู่คุกคามว่า ถ้าไม่หยุดไปสัตสังอาจตายได้  ถ้าพบว่ายังคงไปหาบราห์มาบาบาอีก

เมื่อบราห์มาบาบาได้ยินกลยุทธ์เช่นนี้ ท่านส่ายศีรษะอย่างนุ่มนวล และนั่นคือเหตุที่ว่าทำไมพวกเขา จึงมีความเกลียดชังและต่อต้าน พวกเขาสงสัยว่าฉันทำทุกสิ่งด้วยตัวของฉันเอง พวกเขาไม่มีแนวคิดว่าฉันนั้นอยู่ภายใต้ข้อผูกมัดของพระเจ้า  ดวงวิญญาณสูงสุดไม่มีร่างกายเป็นของท่าน ดังนั้น ท่านจึงใช้ร่างกายนี้เพื่อแสดงหนทางบริสุทธิ์ แต่เขาเหล่านั้นไม่สามารถเห็นดวงวิญญาณพวกเขาเห็นแต่ร่างกายนี้ แล้วเราจะไปโทษพวกเขาได้อย่างไร มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา ??

ความผิดมันอยู่ในคัมภีร์ บาบาอธิบายให้กับพวกเรา หนังสือเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะสนับสนุนการกระทำที่เต็มไปด้วยความทะยานอยาก มันถูกเขียนไว้ ยกตัวอย่างเช่น บราห์มาถูกล่อใจโดยสรัสวตี เมื่อชางก้าช่วยเหลือโมฮินี เขาก็เกิดความหลงรักโมฮินี ศรีกฤษณะขโมยเสื้อผ้าของโกปี้ ด้วยการฟังเรื่องราวที่โกหกซึ่งเป็นเพียงสัญลักษณ์พวกเขาก็เข้าใจเอาเองโดยธรรมชาติว่า ตัณหาราคะต้องคงอยู่ตั้งแต่กาลนานจนจำเวลาไม่ได้ และแม้แต่ ภควัต กีตะ คัมภีร์สูงสุดของคัมภีร์ทั้งหมดระบุอย่างชัดเจนว่า กามราคะเป็นศัตรูที่สำคัญที่สุด ข้อความที่ล้ำลึกที่สุดนี้ได้ถูกลืมเลือนอย่างสิ้นเชิง ถูกละเลยโดยทั้งบัณฑิตและนักปราช์เช่นกัน

ใช่ พวกกูรูที่รู้เรื่องนี้จึงหลีกเร้นเข้าไปอยู่ตามป่า  ห่างไกลจากอำนาจจูงใจของผู้หญิง  พวกชาวคริสต์เตียนก็รู้  พวกเขาพูดว่ากามราคะเป็นบาปดั้งเดิมและดังนั้นนักบวชคาทอลิกก็ลือพหรมจรรย์ด้วยเช่นกัน  ชาวพุทธก็รู้ดังนั้นพระสงฆ์ในพุทธศาสนาได้พยายามอย่างที่สุดที่จะมีความบริสุทธิ์ตลอดกาล  ศาสนายิวก็ต้องการให้คนของเขาละเว้นจากกามราคะ และธรรมเนียมดั้งเดิมคู่สมรสอยู่ด้วยกันอย่างเคร่งครัดตามกฏซึ่งจำกัดการมีสัมพันธ์กันด้วยกามราคะ ใช่  แม้ว่าทั้งโลกจะระวังอย่างดีกับคุณค่าและความหมายของความบริสุทธิ์ พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะทำให้บรรลุเป้าประสงค์นั้น  และดังนั้นพวกเขาจึงห่างจากสัจจะ  พอใจที่จะให้เหตุผลกับการกระทำที่ำไม่ถูกต้องและบังคับใครก็ตามผู้ซึ่งทำให้พวกเขาเห็นภาพตนเอง อย่างที่พวกเขาเป็นจริง ๆ ไปให้พ้นจากพวกเขา

ผู้ติดตามท่านผู้ซึ่งต้องการที่จะโต้ตอบกับการกระทำการทารุณของพวก แอนตี้โอมมันดาลี บาบา พูดว่า "พวกเขาผู้ที่ให้ร้ายเราคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา" และในความเป็นจริงถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ปรากฏ ลูก ๆ ของบาบา ได้ถูกทดสอบและทำให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยการท้าทายนี้ ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาจะไม่เคยเปราะบางหรือกลัวอีกเลย

เมื่อถึงเวลาของการส่งข่าวของพระเจ้าไปยังโลกที่กว้างขวาง  มีเพียงผู้ที่เคยถูกไฟมาแล้วเท่านั้นหวังว่าจะอยู่อย่างมั่นคง
อย่างแน่นอน มันเป็นไฟที่ร้อน แรงกดดันจากแอนตี้โอมมันดาลี เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่เพียงแต่ผู้หญิงที่ถูกทุบตีเท่านั้น  แต่บัดนี้พวกเขาถูกบังคับให้กินเนื้อหมู  ผู้ชายในครอบครัวของเขาเอง สร้างความเพลิดเพลินด้วยการทำการทารุณให้พวกผู้หญิงอวดดีเหล่านั้นยอมจำนน บังคับขืนใจให้กลืนกินเนื้อสกปรก ครอบครัวอื่น ๆ ที่นุ่มนวลกว่าก็ว่าจ้างหมอผีมาทำพิธีสกปรก หมอผีคนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการถอนคำสาปของมนต์ดำจากผู้หญิงโดยบังคับให้เธอนอนแผ่อยู่ใต้เตียงนอน เขาจะตรึงมือทั้งสองไว้ใต้ขาของเตียงและขึ้นไปนั่งบนเตียงและหัวเราะเยาะเธอ หมอผีอีกคนหนึ่งเลียนแบบวิธีนี้ด้วย และเพิ่มการทำให้ได้รับความทุกข์เข้าไปอีกด้วยการทารุณอย่างอื่น

หมอผีเหล่านี้จะตรึงแผ่ผู้หญิงไว้ใต้เตียงนอนตลอดทั้งวันและเรียกร้องให้พวกเธอละทิ้งหนทางของความบริสุทธิ์ บางครั้งญาติเข้ามาและทุบตีนิ้วของผู้หญิงด้วยไม้ซึ่งใช้ในครัวสำหรับทุบถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ตอนนี้นิ้วของบุตรสาวก็ถูกทุบจนแหลกอย่างไร้สติสิ้นดีด้วยวิธีการเช่นนี้

ยังหรอก พวกผู้หญิงที่ถูกทารุณก็ยังรักษาความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า พวกเขาสามารถได้ยินเสียงร้องที่เคล้าด้วยน้ำตา
โลกทั้งโลก ท่านปกครอง
จักรวาลนี้ เป็นของท่าน
ดวงวิญญาณสูงสุดได้มาเพื่อทำให้เราบริสุทธิ์
เมื่อทุกคนยังหลับไหล  ในคืนที่มืดมิดของดวงวิญญาณ
เมื่อทุกคนกำลังปาดน้ำตาอยู่ในความเจ็บปวดของข่ายใยของกิเลส
เมื่อความอยากของซาตานทำให้เรามืนเมาด้วยความทะนงตน
แล้วกษัตริย์ของเหล่ากษัตริย์ก็ลงมา
ณ ที่กลางหน้าผากของ ดาด้า ท่านได้มาถึง
แสงของโลก ได้มาเพื่อจุดตะเกียงของความรู้

ท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมทุก ๆ คนจะต้องทนทุกข์อย่างมากกับการที่พวกเขาปรารถนาจะอยู่อย่างถือพรหมจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากคุณธรรมนี้เองที่ถูกสรรเสริญและเฉลิมฉลองในศาสนาทั่วโลก  มีคำสรรเสริญสำหรับ เวอจิ้น แมรี่ (Virgin Mary)  เช่นเดียวกัน มีความบริสุทธิ์สำหรับนักบุญและผู้รอบรู้ เพลโต ยกย่องคุณธรรมของพรหมจรรย์ อาดัมและอีฟอาศัยอยู่ในความบริสุทธิ์ที่ไร้เดียงสาและสมบูรณ์พร้อมในสวนของอีเดน  และมันเป็นเมื่อพวกเขากินแอปเปิ้ลของความปรารถนาทางร่างกาย นั้นเองที่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากสรวงสวรรค์ เช่นกัน  เทวาและเทวีของประเพณีฮินดู ได้พูดว่า ได้จากความงดงามไปสู่ความดำมืดด้วยการนั่งบนกองไฟของกามราคะ ด้วยเหตุนี้ โลกของการปกครองตนเองของพวกเขาสูญสิ้นไป ในช่วงแห่งการจดจำทั้งโลกว่า "การตกต่ำของมวลมนุษยชาติ"

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 18




Tuesday, February 18, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 16


สงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้าย
ผู้นำศาสนา นักบุญ ผู้ฉลาดปราดเปรื่อง นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์คิดค้น นักปรัชญาและศิลปิน ผู้ซึ่งนำสารที่ยิ่งใหญ่มาสู่มวลมนุษย์ และผู้ซึ่งเป็นตัวของอุดมคติที่ยิ่งใหญ่จะได้รับความยากลำบากเสมอมา ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยความโหดร้ายเช่นนี้ และเมื่อไรที่ผู้นำสารและดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ลงมา ??  ในขณะที่วิกฤติเหล่านั้น เมื่อความคิดเก่าๆ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้  เมื่อระบบที่มีอยู่ทั่วไปได้มาถึงจุดล้มละลาย  เมื่อมุมมองที่จำกัดจะต้องเปิดทางให้กับปรากฏการณ์ใหม่  แต่จินตนาการก็ยังเป็นสิ่งที่ยากต่อการที่จะทำด้วยความเหมาะสม  เพราะมันเป็นการคุกคามต่อลัทธิอันมั่นคงที่ไม่สามารถลบล้างได้  ที่จะทำให้เป็นที่ยอมรับในชื่อและรูปแบบและโครงสร้างของอำนาจ ดังนั้นความยากลำบากและความหายนะต่าง ๆ ก็ซ้ำรอยเดิมในรูปแบบที่สามารถทำนายได้

อย่างเช่นเวลานี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับ บาบา สิ่งใด ๆ ที่บาบาสอนมันคุกคามต่อลัทธิ ความเชื่ออันมั่นคง ความทะนงตนจนยากที่ลบล้างได้ของทุก ๆ คน  บาบาทำให้กระจ่างชัดว่าดวงวิญญาณจะต้องเรียนการละวางจากเนื้อหนังและจะต้องมีชีวิตอยู่ในสำนึกที่สูงกว่า  ท่านเปิดเผยว่าตัณหาความทะยานอยากเป็นอาชญากรรม และเป็นเหตุแรกของสาเหตุที่โลกตกต่ำ ณ บัดนี้ พระเจ้ามีบัญชาให้ลูก ๆ ของท่านพิชิตตัณหาความทะยานอยาก  ทำลายความอ่อนแอของเราทั้งหมด นิสัยไม่ดีและสำนึกของความเป็นร่างกาย และเปลี่ยนร่างเป็นแสงและเป็นของท่านอีกครั้งหนึ่ง
ชิพบาบา ได้โถมเข้าใส่ซาตานด้วยการท้าทายอย่างสุดเหวี่ยง (ซาตานหมายถึงกิเลสทั้ง 5 ชนิด คือ 1. ตัณหาความทะยานอยาก  2. ควมโกรธ  3.ความละโมบโลภมาก  4.ความยึดติด 5. ความหลง-หยิ่งทะนงตน)  และ แน่นอน ซาตานก็ตอบสนองทันทีด้วยอาวุธทุกชนิดที่เขาสามารถเรียกมาใช้ได้ สงครามเกิดขึ้น ณ บัดดล

เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้  ในอินเดียฝูงชนได้ขว้างปาก้อนหินไปยัง สวามี ดายานัน สรัสวตี (Swami Dayanand Saraswarti)  เีัีพียงเพราะการพูดที่เรียบง่ายของเขา  เขาแนะนำให้ผู้คนอยู่ในความชอบธรรม ผลที่ได้รับเขาถูกรังแกคุกคาม และ้ท้ายที่สุดถูกวางยาพิษด้วย 
ฝูงชนต้อนรับเยซูคริสต์ด้วยการจับท่านตรึงบนไม้กางเขน  
ผู้นำศาสนาอับบราฮัมซึ่งมาก่อนพระคริสต์ถูกต่อต้านอย่างร้ายแรง  สำหรับสิ่งซึ่งท่านบอกผู้คนให้เลิกจดจำรูปปั้นและกลับมาบูชาพระเจ้าเท่านั้น 
 เมื่อพระพุทธเจ้าให้คำแนะนำกับผู้คน ให้ทิ้งการแบ่งชั้นวรรณะและให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ตามหลักการของความถูกต้องในความประพฤติ  และความเข้าใจที่ถูกต้องท่านประสบกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธเยาะเย้ย แม้แต่ญาติก็เป็นศัตรูกับท่าน 
เมื่อโมฮัมมัด เริ่มเทศนาสั่งสอนเกี่ยวกับความถูกต้องชอบธรรม ท่านถูกข่มเหงอย่างรุนแรงจนเขาต้องจำใจหนีไปจากบ้านเกิด  เมกกะ เพื่อรักษาชีวิตไว้

อีกเส้นทางหนึ่งของดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของอินเดียผู้ซึ่งถูกทรมานเนื่องจากการสั่งสอนนั้นยาวและเป็นตำนาน 
กูรู นานาก(Kuru Nanak) ถูกจับและถูกใช้แรงงานเช่นกรรมกร 
 เทคบาฮาเดอร์ (Teg Bahadur) ถูกตัดศีรษะ  
มีรา ถูกบังคับให้ดื่มยาพิษ
ผู้รอบรู้อื่น ๆ ถูกถลกหนังศีรษะและลูก ๆ คนอื่นถูกฝังทั้งเป็นในห้องที่โบกปูนปิดสนิท  นักบุญทุกท่านจะได้รับความทุกข์ทรมานอีกในหลายพันวิธีการ และแน่นอน ถึงแม้นักบุญเหล่านี้มีชีวิตอยู่นานมาแล้ว  แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีผู้ที่ยอมรับความทุกข์ซึ่งเป็นผู้นำในการพาอินเดียไปสู่อิสรภาพ สั่งสอนและปฏิบัติ อหิงสา สัจจะ และถือพรหมจรรย์ มหาตมะ คานธี ที่ีมีชื่อเสียงก้องโลก ใช่ ท่านถูกลอบสังหารถึงแก่ความตายด้วยกระสุนปืน

ใครก็ตามที่ต้องการแผ้วถางทางเส้นใหม่ต้องเตรียมตัวสำหรับความยากลำบาก และการเยาะเย้ยวิจารณ์ เพราะมนุษย์นั้นเกลียดที่จะเปลี่ยนแนวทางของตน ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ กาลิเลโอ หรือนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วย เช่น Solzhenitsyn ไม่มีผู้ใดที่จะเปลี่ยน สิ่งที่เป็นที่ยอมรับตามที่ทำมาแล้วและจะได้พบกับสถานการณ์ที่สะดวกสบาย จะมีการโจมตีที่ถาโถมเข้าใส่ทันที การทำทารุณและขว้างปาและคนคนนั้นจะต้องไม่เปราะบางอ่อนแอ 

บางครั้งสิ่งทดสอบที่ยากที่สุดคือสำหรับการนำมาซึ่งความคิดใหม่ ๆ คือการเห็นเพื่อนของเขาเองลงโทษเขา  สังคมนั้นไม่ค่อยจำอะไรนานนักและความดีที่คนทำนั้นก็ถูกลืมในเวลาอันสั้น พันธะซึ่งเคยมีหนี้ ก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึง  และในเวลาเดียวกันความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถูกตะครุบด้วยกรงเล็บ อย่างกับว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายที่น่ารังเกียจอย่างแสนสาหัส

เลวร้ายยิ่งกว่านั้นมีการปลุกระดมอย่างสม่ำเสมอ นักพูดผู้ชำนาญผู้ที่มีความเชื่อของเดิม ผู้มีอำนาจ และผู้มีอคติ ผู้มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวสามารถที่จะชัก นำจิตของฝูงชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และทำให้พวกเขาเชื่อด้วยการโกหกที่ไร้ยางอายและหน้าขยะแขยงที่สุด

ด้วยวิธีการข่มเหงเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับ บาบาและโอมมันดาลี  แต่บาบา ก็ยังไม่ได้้ถอนตัว ท่านไม่มีความโกรธ ท่านไม่เคยคิดที่จะโต้ตอบกลับ แต่งานการสอนของการแพร่กระจายของศาสตร์ของพระเจ้าและกระแสความบริสุทธิ์ของพระเจ้าดำเนินไปตามปกติและชิพบาบาก็ลงมาอย่างต่อเนื่องทุกวันและพูด เมอร์ลี ขลุ่ยของความรู้ นำความสุขมาให้ผู้คนที่ไ้ด้ฟัง  โรงเรียนก็ดำเนินกิจกรรมต่อไปด้วยเช่นกันและบาบาก็บริหารสถาบันไปเหมือนแต่ก่อนมาด้วยความมั่นคงและความอ่อนโยนอย่างมากล้น

ปวงชนของไฮดราบัดคาดว่า  บาบาจะตอบโต้มาเผ็ดร้อนยิ่งกว่าต่อเหตุการณ์ที่กำลังคุกคาม  ซึ่งดูเหมือนจะมาทำลายท่าน  แต่พวกเขาก็พบกับความผิดหวัง พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่า บราห์มาบาบาไม่ได้รับผิดชอบต่อสถาบันแห่งนี้เลย ท่านเคยเป็นเพียงผู้ครองเรือนและนักธุรกิจธรรมดา ๆ ท่านไม่เคยเป็นนักปราชญ์ หรือ กูรู หรือว่าท่านประกาศว่าตัวท่านเป็น  ณ เวลานี้ คำสอนเกี่ยวกับความบริสุทธิ์และถือพรหมจรรย์อย่างสมบูรณ์มิได้เกิดมาจากมือของท่าน และแม้แต่ในตอนแรก ท่านก็เกิดความฉงนยิ่งกว่าผู้ใดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เหนือสิ่งอื่นใดจะมีใครคิดว่าผู้ครองเรือนธรรมดา หญิงชายที่แต่งงานแล้วจะกลายเป็นผู้ถือพรหมจรรย์ ??? ไม่เคยได้ยินมาก่อน  ผู้ชายที่ต้องการจะบรรลุการสละละทิ้งที่สูงส่งนั้น ในอดีตจะหนีไปอยู่ตามถ้ำ หรือป่าลึก  เป็นไปได้หรือที่ชายหญิง ซึ่งต่างเพศที่จะอยู่ด้วยกันและยังขับไล่ความคิดของกามราคะไ้ด้ ??? ไม่ว่าดาด้า เลคราช หรือคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถจินตนาการว่าสิ่งเช่นนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้  มันจะต้องใช้พลังที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะบรรลุผลเช่นนี้เป็นพื้นฐานในการแพร่กระจายไป

ณ บัดนี้ แน่นอน มันได้ประสบผลนั้นแล้ว มีสามีภรรยาหลายต่อหลายคู่อยู่ด้วยกันด้วยความบริสุทธิ์และมีผู้หญิงมากมายตั้งใจที่จะทำ  ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคทั้งปวง  "ใครเป็นผู้ให้พลังเช่นนี้กับดวงวิญญาณ"  ผู้คนของ ไฮดราบัด ไม่มีใครล่วงรู้ แต่พระเจ้ากำลังทำงานของท่าน ทำให้ดวงวิญญาณสามารถเอาชนะต่อสงครามเนื้อหนังมังสาได้ในที่สุด ซึ่งผลที่จะตามมาคือ การสร้างสวรรค์บนโลก

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 17

Monday, February 17, 2014

CELEBRATING VALENTINE DAY WITH BAPDADA - 14TH FEB. 2014

งานฉลองวันวาเลนไทน์ กับ บัพดาดา 14 กุมภาพันธ์ 2557
*********************************************************************************
*********************************************************************************
********************************************************************************
********************************************************************************
*********************************************************************************
*********************************************************************************
*********************************************************************************
*********************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************

******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
*******************************************************************************
*******************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************
******************************************************************************************************************************************************************

ขอบคุณ Brother Dev Prakash ที่แบ่งปันภาพ ค่ะ



Sunday, February 16, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 2 # 15


โยคีรับการทดสอบ
ฝูงชนจากไป แต่การต่อต้านมิได้จบลง ความจริงพวกเขายิ่งทำการรณรงค์ต่อต้าน โอมมันดาลีมากยิ่งขี้น  ผู้ไร้ความคิดเป็นของตนเองถูกปลุกระดม ถ้าพวกผู้หญิงเริ่มรักษาพรหมจรรย์ พวกเขาเริ่มกังวล แล้วโลกจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ?  แน่นอน.. พวกเขาไม่มีความรู้ว่าโลกที่บริสุทธิ์นั้นมีอยู่  ในช่วงเวลายาวนาน 2,500 ปี  เมื่อครั้งที่มนุษย์ยังเต็มไปด้วยพลังเช่นพระเจ้า ซึ่งพวกเขาสามารถให้กำเนิดโดยไม่ต้องมีกามราคะ  นี่คือยุคที่มีชื่อว่า "สัตยุค" และ "ตรีตายุค" "ยุคทอง" และ "ยุคเงิน" ผู้คนที่ดำรงอยู่ในยุคทั้งสองถูกเรียกว่า "เทวาและเทวี"  ไม่มีแม้แต่ความไม่บริสุทธิ์ใดของความคิดที่เกิดขึ้นในยุคทั้งสอง  เวลาเช่นนั้นได้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีร่องรอยหลงเหลือ นอกจากในเทพนิยาย บัดนี้...ชิพบาบาได้ลงมาเพื่อการสร้างโลกดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

แอนตี้โอมมันดาลีมีอำนาจมาก สมาิชิกของกลุ่มเป็นคนรวย มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับรัฐบาลและผู้นำในหมู่ชน ซึ่งตอนนี้พวกเขาใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย  พวกเขาจ้างพวกข่มขู่ไปตามบ้าน  บอกคนในครอบครัวว่าพวกเขาจะถูกขับไล่ออกจากวรรณะ ถ้าพวกเขาอนุญาตบุตรีหรือภรรยาหรือแม่ให้ไปร่วมการชุมนุม  ปีศาจเหล่านี้สร้างความตื่นตระหนกต่่อผู้คน และเมื่อไม่เป็นผล พวกเขาก็ด่าทอผู้คน  พวกเขาได้ทุบตีคนที่ทำการคัดค้านวิธีการสกปรกเช่นนี้หลายคน  นายกเทศมนตรีและผู้นำประชาชนถูกบีบบังคับให้สกัดกั้นโอมมันดาลีจากเมือง กลุ่มแอนตี้มีเพื่อนเป็นผู้บริหารในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น  รวมทั้งหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ "ซินดิ ผู้สังเกตการณ์" ในไม่ช้าบทความที่รุนแรงก็ถูกตีพิมพ์เพื่อคัดค้านบาบาและสัตสังของท่าน

ผู้คนที่เคยช่วยเหลือบาบามาแต่ต้นของการตั้งสัตสัง ตื่นตระหนกต่อการเคลื่อนไหวที่แตกออกไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มถอนตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ 
นักธุรกิจที่เคยมายังสัตสังด้วยตนเองเป็นประจำและผู้ที่เคยให้อนุญาตทั้งบุตรี และบุตรสะใภ้ร่วมด้วยเช่นกัน ชายผู้เคยยกย่องงานของบาบาในที่สาธารณะ บัดนี้...กลัวจะสูญเสียธุรกิจ ถูกขับออกจากกลุ่ม ดังนั้นพวกเขาจึงถอนตัวออกไป

ไม่เพียงเท่านั้น  มีหลายคนหันไปร่วมมือกับฝ่ายแอนตี้ และเป็นถึงผู้ปฏิบัติการของแอนตี้โอมมันดาลี แม้แต่ มุคคี (Mukhi) เป็นผู้ที่รู้จักกันดีในหมู่ท้องถิ่น ผู้ซึ่งเป็นญาติของดาด้าและเป็นผู้ที่ชื่นชอบดาด้ามาเป็นเวลานาน  ก็ไม่มายังสัตสัง  เขาเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในข่าวลือ ซึ่งแพร่กระจายและน่ากลัวต่อความรุนแรงที่จะคุกคาม ซึ่งจะเกิดขึ้นได้กับผู้ที่กล้าหาญที่จะพูดปกป้องบาบา  ในไม่ช้า เขาก็เข้าร่วมกับแอนตี้โอมมันดาลี  และสมาชิกทั้งหมดก็เห็นช่องที่ได้โอกาส พวกเขาตั้งมุคคีขึ้นเป็นประธานกลุ่มทันที

เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้  บาบาพบกับมุคคีและให้เครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นของขวัญ แผ่นเสียงบรรจุเพลงที่ไพเราะอย่างยิ่ง บางท่อนของเพลงมีเนื้อความว่า
โอ..พระเจ้า  พาฉันไปจากโลกนี้ ซึ่งมีแต่บาป
ไปยังแดนที่แสนไกลโพ้น  ที่ซึ่งมีแต่ความสงบ
ฉันไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสแม้เพียงอีกหนึ่งนาที
พาฉันไปให้พ้นจาก ความฉลาดแกมโกง ตัณหา ความทะยานอยาก ความเห็นแก่ตัว
มนุษย์โลกซึ่งมีแต่คำพูดลวงโลก และการมองที่มีแต่ความเกลียดชัง
พาฉันไปยัง ที่ซึ่งมีเทพร่ายรำ โลกของยุคทอง

จานเสียงนั้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องช่วยให้มุคคีมีการจดจำพระเจ้าสูงสุดอย่างแจ่มใส ในความคิด เพลงถูกร้องโดยนักร้องอย่างไพเราะเพราะพริ้ง แต่พอมีคนรู้เกี่ยวกับแผ่นเสียง พวกเขากระซิบกระซาบอย่างมีเจตนาร้ายกับมุคคี  "มีเวทย์มนต์ดำอยู่ในแผ่นเสียงนี้"  จงอย่าไปเล่นมันเด็ดขาด  มิฉะนั้นจะมีผลร้ายแรงที่น่าสะพรึงกลัวกับพวกท่าน  อย่าได้แตะต้องมัน เราจะพาผู้มีพลังเวทย์มนต์มาตรวจสอบมันและดูซิว่าเป็นมนต์ดำชนิดใดที่อยู่ในนั้น
มุคคีเชื่อว่าทุกสิ่งที่พูดเป็นจริง เขาพูดว่า ตกลงเรียกพ่อมดมาตรวจสอบ  พวกเขาไปได้มาคนหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านการกำจัดภูตผีปีศาจโดยการใช้ฝ่ามือกดผู้ถูกผีเข้า  และศิลปะที่เป็นความลับอื่น ๆ เขามาและลงมือทำพิธีตรวจสอบอย่างละเอียด และในที่สุดเขาก็ให้การวินิจฉัยว่า
โอ...ใ่ช่แล้ว  มีความแรงของมนต์ดำอยู่ในแผ่นเสียงนี้ พวกท่านโชคดีมากที่ยังไม่มีใครแตะต้องมัน  มิฉะนั้นคงจะไม่ต้องบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกท่าน

เมื่อได้ฟังเช่นนี้  ผู้คนก็เริ่มปาก้อนหินและอิฐไปยังแผ่นเสียง  เพื่อว่าเวทย์มนต์ดำที่อยู่ภายในจะได้ถูกทำลาย  พวกเขาขว้างปกจนแผ่นเสียงแตกละเีอียดเป็นพัน ๆ ชิ้น  และพ่อมดก็บอกพวกเขาว่าปีศาจได้บินหนีไปแล้ว

การเสื่อมถอยลงเช่นนี้ของสุขภาพจิตใจของผู้คนชาวอินเดียขึ้นอยู่กับความโง่เง่าอย่างที่สุดของการเชื่อที่งมงาย  สติปัญญาของพวกเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสติปัญญาที่โง่ทึบดักดานอย่างแท้จริง  และในขณะเดียวกันอีกพวกหนึ่ง ซึ่งสติปัญญาเต็มไปด้วยแนวทางของพระเจ้า่ที่ลงมาสอนสัจจะสมบูรณ์แบบและผู้ซึ่งมีความประพฤติเข้าใกล้ความสูงส่งสมบูรณ์นี้ คือ เวทย์มนต์ที่แท้จริง การเปลี่ยนแปลงของบุคคลิกภาพ  ถูกกระทำด้วยเวทย์มนต์จากชิพบาบา  ผู้ซึ่งเปลี่ยนอีแร้งให้กลายเป็นหงส์  และดวงวิญญาณที่เคียดแค้นให้เป็นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรัก ดังนั้น คนที่ถูกชี้นำผิด ๆ ผู้ซึ่งทำลายแผ่นเสียงนั้นคิดถูกต้องว่าแผ่นเสียงนั้นมีเวทย์มนต์ แต่มันเป็นเวทย์มนต์ที่สวยงามไพเราะเพราะพริ้งของความรู้

ผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งเห็นการทำลายแผ่นเสียงของผู้คนที่คลุ้มคลั่งรู้สึกขลาดกลัว  โอ...พระเจ้า อินเดียได้กลายเป็นดินแดนที่ไร้โชคเช่นนี้  ไม่เพียงแต่สติปัญญาอันสูงส่งของอดีตได้ถูกลืมไปเท่านั้น  แม้แต่สำนึกธรรมดาก็ยังไม่เหลือ  ม่านของยุคเหล็กได้ถูกชักลงมาปิดสติปัญญาของมนุษย์ ความโง่เขลาและเชื่ออย่างไร้สติปัญญาในคัมภีร์ ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้หลงทาง  ดังนั้นสถาบันซึ่งสูงส่งและบริสุทธิ์เช่น โอมมันดาลี เป็นสถาบันที่ประเมินค่าผิดโดยเหล่าปีศาจ

แต่มันเป็นความจริง ในชีวิตถ้าบุคคลเปิดร้านขายเพชรแท้ ใกล้ ๆ กับร้านข้าง ๆ ซึ่งขายเพชรปลอม  ผู้คนก็จะเชื่อว่าเพชรที่ร้านนี้ปลอมเช่นกัน  ถึงแม้ว่าเขาจะให้การรับรองคุณภาพว่าเป็นเพชรแท้  ผู้คนก็จะไม่ค่อยไว้วางใจ เขาจะต้องเป็นคนพิเศษที่หายากมาก ผู้ซึ่งจะมีสติัปัญญาเป็นของตนเองและใช้มันตัดสินอย่างยุติธรรมและก็จะซื้อเพชรเช่นนั้นจากเขา  และดังนั้นมันก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อสูงสุดลงมาแจกจ่ายเพชรแห่งความรู้  มีกี่คนที่จะแยกแยะออกว่านี่คือพ่อค้าที่ซื่อตรงจากพ่อค้าที่คดโกงอื่น ๆ

ทั้งบ้านของมุคคีเกิดเหตุโกลาหล  มุคคีเองเป็นคนขี้ขลาด เขาเป็นน้องเขยของดาด้า ทันทีที่อุปสรรคของความมีอคติปรากฏขึ้นระหว่างพวกเขา  ลูกสาวของดาด้า "เนอร์มาล ชานตา" ได้หนีมาจากพ่อของสามีหลายวันก่อนหน้านั้น  ระหว่างการขัดแย้งในครอบครัว  ตอนนี้เธอก็ยังไม่กลับบ้าน
เมื่อข่าวของการตัดสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองเริ่มแพร่ออกไป  คนอื่นก็แบ่งแยกการเข้าข้าง ผู้ซึ่งอิจฉาคุมแค้นดาด้าอย่างเงียบ ๆ ก็พากันออกมาเสนอหน้าเข้าข้างมุคคี เช่น นักธุรกิจผู้มั่งคั่งคนหนึ่งซึ่งเคยขอให้บาบาช่วยเหลือเป็นเรื่องส่วนตัวและได้รับการปฏิเสธ

มีอะไรเกิดขึ้น.. เรื่องมีอยู่ว่า... 
ลูกชายของเขาตาย หลังจากนั้นเขาทะเลาะกับลูกสะใภ้ เรื่องการแบ่งแยกมรดกที่เหมาะสม  ลูกสะใภ้อยู่ใกล้ ๆ บ้านบาบาและมายังสัตสังของบาบาบ่อย ๆ  ชายผู้นั้นขอร้องให้บาบากดดันให้เธอยกเลิกการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกมรดก บาบาปฏิเสธคำขอนั้น  สิ่งแรกคือเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งท่านคิดว่ามันไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว  และสองเพราะหญิงผู้นั้นมีสิทธิ์อันชอบธรรมตามกฏหมายและเธอควรจะได้รับสิทธิ์นั้น  แต่นักธุรกิจผู้นั้น ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่าของดาด้า ไม่เคยนึกฝันว่าดาด้า จะปฏิเสธคำขอของเขา ความโกรธในเรื่องนี้ไม่เคยลดลงเลย

ตอนนี้ทั้งสอง มุคคี และนักธุรกิจทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันในแอนตี้โอมมันดาลี  โปรยเงินลงไปบนหีบเงินของกลุ่ม เพียงเพื่อที่จะบรรลุผลของความประสงค์เดียว  นำโอมมันดาลีมาคุกเข่าต่อหน้า

แผนของพวกเขาคือทำให้ครอบครัวที่เข้าร่วมสัตสังตื่นตระหนก  การปล่อยข่าวลืออย่างผิด ๆ เกี่ยวกับคำสอนของบาบา  และกดดันรัฐบาลอย่างลับ ๆ เพื่อห้ามโอมมันดาลีเปิดโรงเรียน เป้าหมายบรรลุผลดี ในไม่ช้า หลาย ๆ บ้านจับลูกสาวขังไว้และใส่กุญแจ ผู้ที่งมงายมาก ๆ และ สามีที่วิตกเกินเหตุใส่กุญแจ 5 -7 ดอกที่ประตูและดูแลผู้หญิงอย่างเข้มงวด  บ่อยครั้งที่พวกเขาตัดอาหารของพวกเธอ  และมีกรณีที่ผู้หญิงถูกล่ามโซ่ไว้กับเตียงและเฆี่ยนตี  วันแล้ววันเล่าจนกว่าพวกเธอจะยอมตกลงที่จะเลิกมีความอยากที่จะไปเข้าร่วมสัตสังของบาบา  ถึงแม้ว่าจะได้รับการทารุณอย่างไร้เมตตา แต่ผู้หญิงเหล่านั้นไม่ยอมจำนน

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 2 # 16