Wednesday, May 28, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 15


การพิชิตอินเดีย
เมื่อการศึกษาความรู้ของพระเจ้าของพวกเขาเริ่มต้นครั้งแรก ลูก ๆ ของสถาบันคิดว่าไม่มีอะไรในโลกที่จะทำมากไปกว่านี้อีกแล้ว  "เรามีพระเจ้าแล้ว  เราได้พัฒนาธรรมชาติของเราจนสมบูรณ์ และได้เตรียมตัวจะจากร่าง  งานของเราก็มีเพียงเท่านี้  เรามีประสบการณ์ของความปิติเหนือประสาทสัมผัสทางกาย แล้วฉันจะไปค้นหาอะไรอีกล่ะ"

แต่หลังจากมาถึง อาบู ตามที่ B.K. จันทรามณีจิ ผู้เป็นหัวหน้าภาคของการทำงานรับใช้ในปัญจาบเล่าว่า พวกเขาเริ่มได้รับสัญญาณว่า หน้าที่ใหม่ในการเล่นบทบาทที่สูงส่งนี้กำลังจะเริ่มขึ้น  ม่านสำหรับฉากใหม่ซึ่งพิเศษเหนือธรรมดากำลังถูกชักขึ้น  บาบาเริ่มสอนพวกเราให้ทำความรู้จักกับหมอ ทนายความ ผู้พิพากษา และนักธุรกิจ  เพื่อแนะนำความรู้ของพระเจ้านี้ ณ เวลานั้น ไม่มีผู้ที่มีอาชีพเหล่านี้อยู่ในความรู้เลย  ดังนั้นพวกเราก็เข้าใจว่า บาบากำลังจะส่งเราออกไปข้างนอก เพื่อรับใช้ผู้คนของอินเดีย บาบาพูดว่า "ลูกรัก ลูกมีความรู้ มันเป็นความมหัศจรรย์อย่างมาก ในความเป็นจริงมันประเมินค่ามิได้ มันได้สูญหายไปเป็นเวลานาน เมื่อลูกพูดให้คนอื่นได้ยิน พวกเขาจะรู้สึกพอใจ และพวกเขาก็จะขอบคุณพระเจ้า ลูกรัก  ด้วยความรู้และโยคะนี้ ลูกเป็นเด็กหญิงเล็ก ๆ ก็จะสามารถทำให้บุคคลสำคัญและยิ่งใหญ่พ่ายแพ้ได้ 

 บุคคลเหล่านี้ ผู้ซึ่งวันนี้เขาเชื่อว่าตัวเขาเป็นพระเจ้า  หรือเชื่อว่าดวงวิญญาณก็เป็นดวงวิญญาณสูงสุด  ลูกก็จะสามารถทำให้พวกเขาโค้งคำนับต่อพระเจ้า ลูกได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำหรับการปลุกชายหญิงของโลก จากการหลับไหลที่สนิทนิ่ง"  ลูก ๆ ลูกไม่ได้ยินเสียงร้องที่ดังของการบูชาของพวกที่กราบไหว้บูชาหรือ??   ถ้าลูกเข้าไปสู่ความสันโดษ และนิ่ง ณ ที่นนั่น ลูกก็จะได้ยินเสียงร้องของผู้กราบไหว้ร้องเรียกลูก  "โอ้ แม่ของชาวโลก โอ้ เทวี เราผู้เป็นลูก ๆ ผู้ซึ่งร้องเรียกหาท่านมาเป็นเวลาช้านานและพ่ายแพ้ต่อมายา เราได้มายังประตูบ้านของท่าน  โอ้ ผู้ให้แสงสว่าง โอ้แม่ บัดนี้ จงจุดไฟแห่งความรู้ของเราซึ่งถูกดับไป จบสิ่นความมืดมิดของเรา  ให้นิมิตกับพวกเรา โปรดเมตตา การแสวงบุญของเราทั้งหมดไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลย  โอ้แม่ ช่วยเราผู้ซึ่งเป็นลูก ๆ จากการจมน้ำในแม่น้ำแห่งบาปนี้  ดึงเราขึ้นมา จงจับมือเรา จงได้ยินเสียงร้องและช่วยพวกเราด้วย"

ลูก ๆ ของสถาบันรับฟัง และพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาจะต้องทำอะไร พวกเขาต้องออกไปข้างนอก หมู่บ้านต่อหมู่บ้าน เมืองต่อเมือง ตรอกต่อตรอก ในการรับใช้ต่อผู้กราบไหว้บูชาของพระเจ้า พวกเขาต้องละทิ้งมธุบันดินแดนที่แสนวิเศษของพวกเขา สถาบันซึ่งเป็นบ้านของพวกเขา

ความพยายามซึ่งเกิดขึ้นตามมาระหว่างความรักและความรู้ พวกเราจะต้องแยกจากบราห์มาบาบาและชิพบาบา ผู้เป็นที่รักของเราจริง ๆ หรือ ??  เราเป็นของชิพบาบามหาสมุทรของความรู้ ผู้ซึ่งเราละทิ้งโลก และละทิ้งครอบครัวของเรามา เราเผชิญกับการด่าทอและปัญหา เราสูญสิ้นความรู้สึกต่อผู้คนซึ่งเกี่ยวข้องกับเรา  ตอนนี้ควรหรือที่เราจะเสียสิทธิของการได้ฟังการบรรเลงขลุ่ยของความรู้ซึ่ง ๆ หน้า และควรหรือที่พวกเราจะไปอยู่ห่างไกลบาบา  ผู้ซึ่งเป็นดวงดาวในดวงตาของเรา เป็นผู้ค้ำจุนหัวใจเป็นเวลาหลาย ๆ วัน หลาย ๆ สัปดาห์ หลาย ๆ เดือน หรือแม้แต่หลาย ๆ ปี ไม่ ไม่ เราจะไม่รับข้อเสนอนี้

นั่นคือความตื่นตระหนกในขั้นแรกที่แสดงอาการตอบโต้เช่นนัั้นของพวกเขา  แต่ในขณะต่อมาเสียงในดวงวิญญาณก็ตอบโต้  โอ้โกปี้ แน่นอน ลูกถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาด้วยความรักของพระเจ้า ลูกได้อุทิศทุกสิ่งให้กับท่าน  แม้พ่อและพาหนะที่แก่แล้วของท่านซึ่งลูกได้รับความสุขที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้  ลูกจะต้องไม่เก็บมันไว้เพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น  หลังจากที่ได้รับขุมทรัพย์เช่นนี้แล้ว ลูกจะไม่ให้อะไรกับผู้อื่นบ้างเลยหรือ  ลูกจะไม่ถ่ายทอดข่าวการมาถึงอย่างลับ ๆ ของพระเจ้าหรือ ลูกจะต้องนำเสนอของขวัญนั้นไปสู่โลก หรือว่าพระเจ้าจะต้องใช้ร่างที่แสนเก่านี้เดินไปตรอกแล้วตรอกเล่า เมืองแล้วเมืองเล่า เพื่อปลุกผู้คนเหล่านั้นให้ตื่นขึ้น  เขาผู้ซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในก้นบึ้งแห่งความโง่เขลา  ลูกเป็นโกปี้ ลูกจำพระเจ้าได้  แล้วลูกจะไม่แนะนำผู้นั้น ผู้ที่เป็นที่รักที่สุดให้กับผู้อื่นหรือ  นี่เป็นเป้าหมายในชีวิตของลูกที่จะมีชีวิตอยู่ในความล้ำลึกของความปิติสุขหรือ แล้วทิ้งดวงวิญญาณที่ทุกข์ทรมานของโลกไว้โดยไม่มีท่านหรือ การต่อสู้ภายในของพวกเขาก็เกิดขึ้นเช่นนี้

แต่เป็นไปได้หรือที่บาบาจะแฟ้  การผลักดันของท่านก็ชนะในที่สุด  "ลูก ๆ ลูกจะต้องไหลไปเหมือนกับแม่น้ำของปัญญา ส่งน้ำเข้าไปยังพื้นที่ที่แห้งผากของอินเดีย  เวลาของการปกปิดได้จบสิ้นลงแล้ว  ลูกจะต้องปลุกผู้คนที่กำลังหลับใหล"

นี่คือการอุทิศตนที่สูงส่งที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ของไฟแห่งความรู้ของพระจ้า ในที่ซึ่งม้าถูกสังเวย หลังจากที่ออกไปจากสถาบันนี้  ม้าของลูกก็จะท่องเที่ยวไปรอบโลก  นี่คือสิ่งที่กล่าวไว้ล่วงหน้าแล้วในคัมภีร์  ลูกเป็นสิ่งสร้างของสถาบันแห่งนี้ ดังนั้นบัดนี้ลูกจะต้องท่องไปในโลกและเป่าแตรสัญญาณ  สั่นกระดิ่งแห่งชัยชนะไปทั่วทุกทิศ  นั่นคือพรสวรรค์ที่พระเจ้าให้กับลูก  โดยการเป่าแตรสัญญาณของลูก  ผู้คนของอินเดียจะถูกปลุก และแล้วพวกเขาก็จะร้องเพลงสรรเสริญลูก

บาบาพูดต่ออีกว่า  "ลูก ๆ พ่อมาเพื่อก่อตั้งครอบครัวของดวงวิญญาณที่สูงส่ง ผู้นำศาสนาอื่น ๆ ก่อตัั้งศาสนาของพวกเขา"  และแล้ว ดวงวิญญาณของศาสนานั้น ๆ ก็ลงมาจากดินแดนนิพพาน  เพื่อรับร่าง ด้วยเหตุนี้ สมาชิกทุก ๆ ศาสนาจึงเพิ่มมากขึ้น แต่การกลับมก่อตั้งศาสนาของเทพอีกครั้งหนึ่ง เป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากการก่อตั้งของพวกผู้นำเหล่านั้น ดวงวิญญาณทั้งหมดของศาสนาที่สูงส่งนี้ได้คงอยู่ก่อนแล้วบนโลกนี้ แต่พวกเขาได้ลืมตนเองและกลายเป็นผู้ตกต่ำ  ดังนั้นลูกเพียงแต่ต้องทำงานของการปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้น  ทำให้พวกเขาจำศาสนาดั้งเดิมของพวกเขาและราชวงศ์ของพวกเขา  เราจะต้องให้เป้าหมายของการกลับมาเป็นเทพและเทวีกับพวกเขาได้  ลูก ๆ ของผู้ที่อยู่ในยุคทอง โลกที่สูงส่งของรัฐบาลเดียว ศาสนาเดียว ซึ่งกำลังถูกก่อตั้งขึ้น

"ลูกผู้เป็นดวงวิญญาณผู้รับใช้ดวงวิญญาณซึ่งตกต่ำ ด้วยการทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ ลูกจะกลายเป็นกษัตริย์ในโลกใหม่ พ่อรักลูก ๆ ผู้ซึ่งสามารถทำงานรับใช้เช่นนี้ พ่อรักลูก ๆ ทุกคน แต่มีความรักเป็นพิเศษต่อดวงวิญญาณผู้มีความรู้  เพราะว่าคนที่มีความรู้ก็ทำให้คนอื่นเต็มไปด้วยความรู้  ดังนั้น ไม่ว่าลูกจะบรรลุความสำเร็จอะไร จงให้กับผู้อื่น"

ด้วยวิธีการที่อ่อนหวานเช่นนี้ บาบาได้ดลใจพวกเราเพื่องานรับใช้พระเจ้า หัวใจของลูก ๆ ตะโกนมาจากภายในว่า เราจะต้องออกนอกประเทศ ไปไกลว่านั้นอีก และทำงานรับใช้ตามพันธะที่แสนหวานของความรักของพระเจ้า  เขาเหล่านั้นผู้ซึ่งรู้สึกว่าการแยกห่างจากพระเจ้า แม้ชั่วขณะเดียวเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ เสียงก็ดังขึ้นในหัวใจของพวกเขา  "ขอให้เราได้แสดงต่อชาวโลก ได้รู้จักพระเจ้าและพ่อสุดที่รักของเรา และแล้วหลังจากนั้นเราจึงจะสามารถพักผ่อน เราจะต้องนำข่าวนี้กระจายไปทั่วโลก

ความสุขของเราได้หายไปในเกมส์แห่งความปราถนา
เราได้อยู่ในความโศกเศร้าจนกระทั่งพระเจ้ามา
บัดนี้หนี้กรรมทั้งหมด ได้มาถึงกำหนดแห่งการชำระ
และความตายก็กำลังเผชิญหน้ากับเรา
แต่พระเจ้าอยู่ ณ ที่นี่เพื่อชี้หนทาง
ไปยังชีวิตที่สูงส่ง วันของยุคทอง
ด้วยความภูมิใจของดวงวิญญาณ ไม่ใช่่ร่าง
และคิดถึงพระเจ้า และการศึกษาความรู้ของพระเจ้า
ท่านควรจะอยู่ในความสุขอย่างสม่ำเสมอ
โอ้ ดอกไม้หอมที่สุดแสนหวานแห่งต้นกัลปพฤกษ์

อ่านต่อ >>>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 16

Tuesday, May 27, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 14


ผู้ทำลายการผูกพันยึดติด
ผู้ใช้ชีวิตทางโลกมีบ่วงพันธะมากมาย  พวกเขาทนทุกข์จากการผูกพันยืดติดกับบ้านของพวกเขา กับเมือง กับญาติพี่น้อง กับอาหารและเครื่องดื่ม ประเพณีและนิสัย  ทรัพย์สินและความร่ำร่วย ด้วยการละเลิกสิ่งนี้ ประโยชน์จะเพิ่มขึ้นสำหรับการเกิดหลาย ๆ ชาติ

เป้าหมายสำหรับโยคีก็คือ การอุทิศตน เพื่อทำลายการผูกพันยืดติดเพื่อที่จะสามารถปรับชีวิตไปตามความประสงค์  ด้วยการคิดถึงพระเจ้าและปราศจากความกังวล  นี่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น  ด้วยมุมมองนี้ บราห์มินผู้กำเนิดจากปากบราห์มา ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมของพวกเขา น้อยมากที่พ่ายแพ้และจากไป ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลำบากยากแค้นของสถาบัน

ภายในระยะเวลาอันสั้น ๆ ที่ความยากลำบากของพวกเขาดำเนินไป เหมือนอย่างเช่นศรีมัต ภควัต ซึ่งบอกว่า ขณะที่พันดาบอยู่ในป่า วันหนึ่งไหของ ดรูพาดี (Draupadi) ซึ่งเตรียมไว้และเคยไหลอย่างต่อเนื่อง กำลังจะเหือดแห้งลง มีเพียงผักโขมใบเดียวที่เหลืออยู่ แต่แล้วพระเจ้าก็สำแดงความมหัศจรรย์ และบัดนี้มันก็เกิดขึ้นในชีวิตจริง ต่อมามันก็ปรากฏชัดเจนว่า ข้อทดสอบนี้ได้นำมาซึ่งความตั้งใจของลูก ๆ เพื่อที่จะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น ขณะที่ผู่้อ่อนแอถูกผลักดันให้จากไป เหมือนเช่นเรือที่โคลงในกระแสของมรสุม ผู้ที่อยู่ในเรือมากมายก็ตกใจกลัว แล้วกระโดดหนีไปอยู่ในเรือกู้ชีวิต

 ดังนั้น พระเจ้าได้ให้แรงเขย่าที่รุนแรงต่อเรือแห่งสัจจะนี้ ดังนั้นผู้ที่มีจิตใจขึ้น ๆ ลง ๆ และเมาเพราะความพึงพอใจ ในบุคคลที่ได้เข้ามาอยู่ในเรือแห่งสัจจะนี้ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อเข้าถึงเป้าหมาย แต่มาเพราะยืดติดกับลูก ๆ ของสถาบัน จะได้เห็นสภาวะที่สั่นคลอน และพวกเขาจะได้จากไปด้วยตัวของเขาเอง ผู้บังคับการเรือแห่งสัจจะคือพระเจ้า และท่านรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เรือนั้นลอยอยู่ได้ และลูกเรือทั้งหมดจะเข้มแข็ง ท่านชี้แนะลูก ๆ ที่น่ารักของท่านอย่างอารมณ์ดี  ให้ข้ามมหาสมุทรของโลกและดังนั้น ลูก ๆ จึงร้องเพลง
ผู้ซึ่งสายใยแห่งสติปัญญา
เชื่อมต่อกับผู้สร้าง
จะไม่รู้จักความพ่ายแพ้เลย
แสงแห่งดวงวิญญาณกำลังลุกอย่างโชติช่วง
และไส้คะเกียงก็ไม่สามารถถูกทำให้ดับ
โดยพายุใด ๆ

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 15







Monday, May 26, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 13


มธุบัน
ถึงแม้ว่าจะมีภารกิจมากมายเป็นร้อย ๆ โครงการ บาบาเคยเขียนจดหมายด้วยลายมือของท่านเอง ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ จดหมายซึ่งเต็มไปด้วยข้อความที่ทำให้สุขใจ  ต่อผู้ที่ได้รับ จนทำให้เขาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า จดหมายเหล่านั้นประเมินค่ามิได้  ผู้คนที่ได้รับจดหมาย และพิสูจน์ว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ต่อดวงวิญญาณ และจะแผ่กระแสพลังทั่วทั้งร่างกาย เขาจะคงอยู่ในการาจีต่อไป  การทำงานรับใช้นี้ต่อดวงวิญญาณที่หิวกระหายนับไม่ถ้วนทั่วโลก ขณะที่ลูก ๆ ที่เป็นซีเนียร์ไปยังภูเขาอาบูก่อน เพื่อตระเตรียมที่อยู่แห่งใหม่

B.K.มโนฮ่าอินทิราจิ  ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในเขาเหล่านั้นได้จากมาและตรงไปยังภูเขาอาบู ได้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์วันที่บาบามาถึง "เมื่อฉันไปถึงที่อยู่แห่งใหม่ ฉันได้พบงูตัวใหญ่ในห้องชั้นบน  ฉันรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากว่าเราเลือกสถานที่ผิดเสียแล้วสำหรับสถาบัน  ดังนั้นฉันได้พบบาบาที่สนามบิน Okha ฉันกระซิบบอกบาบาว่า "บาบา มีงูอยู่ในที่ที่เราซื้อมา ฉันรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่ฉันจะต้องบอกบาบา"

บาบาตอบด้วยรอยยิ้มที่เข้าใจ "ลูกเอ๋ย ไม่มีอันตรายในสิ่งนั้น งูใหญ่มันไม่มาทำอันตรายอะไรพวกเราหรอก  เราจะต้องต่อสู้กับงูใหญ่ภายในเพียงเท่านั้น แน่นอนบาบาหมายถึง ความทะยานอยากและความโกรธและกิเลสตัวอื่น ๆ " ฉันรู้สึกเป็นสุขอีกครั้งหนึ่ง  และเข้าใจใหม่ว่าบาบานี่เองเป็นผู้เลือกสถานที่แห่งนี้

แต่ทำไมล่ะ  อะไรที่ทำให้บาบาเลือกภูเขาอาบูเป็นสถาบัน  ท่านอธิบายในวันต่อมาว่า เมื่อ 5,000 ปีก่อน เทพองค์แรก บราห์มาได้ทำการชำระสะสางกิเลสที่นี่พร้อม ๆ กับเทวีองค์แรกสรัสวตี บนภูเขาลูกนี้เป็นอนุสรณ์ต่อเหตุการณ์ที่สำคัญนี้  วัดที่สวยที่สุดในโลก Dilwara , Ambamata, Adhherdevi, Kumari Kanya และ  Achalgarh วัดเหล่านี้เล่าเรื่องราวอยู่ในหินอ่อน เกี่ยวกับกลุ่มของโยคีที่เป็นวีรบุรุษ  ผู้ซึ่งเอาชนะความตายโดยผ่านการเชื่อมต่อกับพระเจ้า  และผู้ซึ่งทำให้ดวงวิญญาณ ปรากฏมาจากแก่นในของการทำสมาธิซึ่งบริสุทธิ์และสมบูรณ์  ผู้ซึ่งกลับมาเกิดเป็นเจ้าชายแห่งสุริยวงศ์

ดังนั้น  อีกด้านหนึ่งอนุสรณ์ของสถาบัน  คงอยู่ ณ ที่นี่จากวงจรที่แล้ว  และบัดนี้เหตุการณ์นั้นได้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนภูเขาลูกเดิมนี้ เราจะกลับมาเป็นจักรพรรดิแห่งสุริยราชวงศ์อีกครั้ง  ซึ่งเป็นเชื้อสายของวิษณุ สมาชิกของสถาบันก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ใน Brij Kothi  อย่างเรียบร้อย  ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อใหม่ว่า "มธุบัน" ป่าน้ำผึ้ง 

ทุก ๆ วันขลุ่ยแห่งความรู้ได้ถูกบรรเลง  ขณะที่ลูก ๆ โตและแข็งแรงขึ้น เมื่อมีเวลาว่าง บาบาพาพวกเขาไปเดินเล่นบนภูเขา ผู้คนที่มีโอกาสได้เห็นพวกเขา มองดูด้วยความอัศจรรย์ใจต่อขบวนแถวที่งดงามของชัคตีในชุดขาวเหล่านี้  พวกเขาฝันไปหรือ  หรือว่าเป็นภาพนิมิต  พวกเขาไม่เคยพบเห็นสตรีเช่นนี้  ปีนป่ายภูเขาด้วยความกล่องแคล่วสวยงามและเต็มไปด้วยพลัง

ตัวบาบาเองอายุมากกว่า 70 ปี  แต่ท่านยังเดินเร็วและมั่นคงกว่าใคร ๆ ทั้งหมด  ราวกับว่าอาณาจักรสวรรค์นั้นตั้งอยู่บนสันเขา  พวกเขาพักผ่อนอยู่บนยอดสันเขา บาบาพูดเพชรพลอยแห่งความรู้บางอย่าง และเพียงแต่มองเข้าไปในตาของท่าน เหล่าชัคตีก็เข้าไปสู่ฌาณที่ล้ำลึก  บางครั้งก็ร่ายรำอยู่ในฌาณด้วยการปิดตา  มีประสบการณ์ในความคิดว่าพวกเขากำลังเต้นรำกับเจ้าชายกฤษณะ  พวกเขาจะมายังขอบหน้าผา  ผู้ที่เฝ้าดูอยู่จะรู้สึกกลัว  แต่มันไม่มีความจำเป็นเลย จะเป็นไปได้อย่างไรกับผู้ซึ่งมีพระเจ้าเป็นผู้ช่วยเหลือจะหล่นลงไป  และในความเป็นจริงไม่มีเคราะห์ร้ายใด ๆ เกิดขึ้น ความปิติของชีวิตคงอยู่อย่างไม่สามารถทำลายได้

หลายครั้งที่บาบาบอกทุกคน  "ไปเป็นกลุ่ม 2 หรือ 3 คน ไปยังเนินเขาเล็ก ๆ ที่แตกต่างกันและนั่งอยู่ในสมาธิ ใช้ความคิดของลูกไตร่ตรองความรู้  เหมือนอย่างเช่นวัวสำรอกอาหารของมันออกมา  เคี้ยวเอื้อง ทำเช่นนั้น  คิดความรู้ที่ลูกได้ยินมาซ้ำ ๆ และคงมันไว้ในความทรงจำของลูก"  เมื่อบราห์มากุมารและบราห์มากุมารีในชุดขาวนั่งอยู่บนยอดเขา  ดูจากข้างล่าง ราวกับว่าเฆมขาวปกคลุมยอดเขา  เมื่อพวกเขาปีนขึ้นเป็นทิวแถว  ผู้คนที่ถนนก็คิดว่านกสีขาวกำลังบินเข้าแถวอยู่บนท้องฟ้า

คนภายนอกคิดว่าชีวิตในศาสนาหมายถึงการสละละทิ้ง  แต่ลูก ๆ ของบาบารู้สึกว่าพวกเขาเพียงแต่โยนขยะทิ้งไป และรับเอาความสุขที่แท้จริงมาแทน ณ ที่นี่ ไม่มีการปฏิเสธตนเอง ยิ่งกว่านั้นลูกบาบาอยู่ในระหว่างวันหยุดตลอดชีวิต  บ่อยครั้งที่หลังจากชั้นเรียนตอนเช้าจะมีประกาศว่า "วันนี้บาบาจะมีปิกนิกกับลูก ๆ "

"ลูก ๆ ที่แสนหวานผู้เป็นที่รัก"  บาบาจะพูดกับพวกเขา  "เราจะไปบนภูเขาวันนี้และนั่งอยู่ในการคิดถึงชิพบาบา  แล้วเราจะเล่าเรื่องที่ล้ำลึกและเต็มไปด้วยความรักแห่งความรู้กัน  และหลังจากนั้นบาบาจะให้ (Prasad) ปราสาด (อาหาร) ด้วยมือของท่านเอง  นี่เป็นครอบครัวทางดวงวิญญาณ และในเวลาเดียวกันก็เป็นมหาวิทยาลัยของพ่อซึ่งเป็นพระเจ้า  พวกเธอทั้งหมดเป็นลูก ๆ ของพระเจ้าที่ท่านรักมาก  แยกจากกันไปหลายสิบชาติ  ได้มาพบกันตอนสิ้นสุดของกัลป์ 

 ดังนั้นมหาสมุทรของความรักจะป้อนลูก ๆ ทุกคนด้วยมือของท่านเองและจะให้ความสนุกสนาน ท่านเป็นผู้ที่ปราศจากรูปที่เป็นวัตถุ  ท่านไม่มีร่างกายเป็นของท่านเอง เพราะเหตุนั้นท่านจึงเข้ามายืมร่างของบราห์มาบาบาผู้นี้ ท่านจะให้ปราสาดของสถาบันด้วยมือคู่นี้ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่และแท้จริง  แม้แต่เทพก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับปราสาดของสถาบันแห่งนี้

"ลูก ๆ  ลูกนั้นโชคดีมาก  ที่พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียวได้ลงมาป้อนอาหารด้วยมือของท่านและให้การศึกษากับลูก ๆ มันเป็นช่วงจังหวะของโชคที่ยิ่งใหญ่ที่ชิพบาบา พระผู้สร้างของ  3 โลกจากพารามธรรม ดินแดนที่ไกลโพ้น (โลกแห่งแสง) มาสอนลูก ๆ  ท่านคือผู้ซึ่งซานยาสซีค้นหาท่านในป่า  เป็นผู้ซึ่งกูรูนั่งในสมาธิภายในถ้ำ  พ่อของพระคริสต์และผู้ให้แรงบันดาลใจกับโมเสส  ผู้ซึ่งคนที่กราบไหว้บูชาพยายามค้นหาตามสถานที่แสวงบุญ ที่ มธุรา (Mathura) และ กาสี (Kashi)  ต้องการได้รับนิมิตของท่านเพียงชั่วขณะ ผู้กราบไหว้ร้องขอพร้อมที่จะตัดศีรษะของพวกเขา และกษัตริย์ก็พร้อมทีจะสละอาณาจักรของตน  พ่อผู้เป็นที่รักเช่นนี้ได้มาและสอนลูก พูดกับลูกด้วยความรัก เล่นกับลูก ท่านเป็นเพื่อนของลูก ให้พรแก่ลูกผู้ซึ่งทำให้ลูกมีโชคสว่างไสวและเป็นประกาย  มีเพลงที่โด่งดังเกี่ยวกับการพบปะกับพระเจ้าในชีวิตนี้ แต่สำหรับมนุษย์ทางโลก การที่จะคิดถึงท่านได้ในร่างของมนุษย์ธรรมดานี้เป็นสิ่งที่ยาก มันมีม่านมาบังตาผู้คนเหล่านั้น  พวกเขาไม่ได้เชื่อสิ่งใดเลยนอกจากวัตถุ"

บาบาให้ความรักกับเราอย่างเต็มที่ ทุก ๆ คำพูดที่ท่านพูดออกมา ทำให้เราถูกผลักดันให้ทำแต่สิ่งดี ๆ ท่านวางแผนที่จะไปปิกนิก  แล้วพวกเราก็เตรียมการอย่างเร่งรีบ  ด้วยการเหลือบมองด้วยสายตาหันไปรอบ ๆ "ลูก ๆ ลูกกำลังอยู่ในการคิดถึงชิพบาบา ลูก ๆ กำลังเดินตามหลังใครอยู่หรือ ถ้าลูกอยู่ในโยคะ ลูกจะมีรายได้เป็นล้านในแต่ละก้าวที่ก้าวไป"

ต่อจากนั้นท่านจะหยุด  "ลูก ๆ เดินไปข้างหน้า แล้วพ่อจะตามไปข้างหลังลูก คนเลี้ยงวัวจะอยู่ข้างหลังวัวเสมอ  พ่อจะต้องดูแลลูกไม่ให้หลงทาง  แล้วเมื่อหนทางมีอันตรายท่านจะมาอยู่ข้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง" "ผู้นำทางจะต้องบอกทางและผู้แสวงบุญจะเดินอยู่ข้างหลังท่าน"

ขณะที่มือของท่านจูงเด็กหญิงเล็ก ๆ ท่านถามว่า  "ลูก มือของใครที่ลูกกำลังจูงอยู่  มันเป็นมือของชิพบาบา หรือ บราห์มาบาบา ลูกอย่าได้ปล่อยมือนี้ไป รู้หรือไม่ว่าลูกจะถูกนำไปที่ใดด้วยการยืดมือนี้ไว้"

ในขณะต่อมา ท่านถามอีกคนหนึ่งว่า "ลูกกำลังเดินอยู่กับใคร"  ท่านได้รับคำตอบว่า  "กับบาบา"  บาบาตอบ "ใช่ ลูกรัก  แต่ลูกคิดถึงหรือเปล่าว่าลูกจะได้รับมรดกอะไรจากบาบา ?  เดินไปในความสุขของการได้รับมรดก  สำหรับบาบาแล้ว บาบากำลังสอน ราชโยคะ แก่ลูก ๆ และท่านต้องการจะทำให้ลูกเป็นกษัตริย์ของเหล่ากษัตริย์ทั้งหมด"

บางครั้งท่านก็เริ่มเดินด้วยความเร็วสูงมาก  เมื่อท่านทิ้งทั้งหมดไว้ห่างไกล  "ดูสิ  นี่หรือคือกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของ ชัคตี ลูกถูกทิ้งไว้เบื้องหลังไกลมาก คนหนุ่มก็กลายมาเป็นคนแก่" แล้วท่านอธิบายว่า มีเครื่องยนต์ 2 เครื่องในร่างกายนี้ หนึ่งนั้นคือดวงวิญญาณของบราห์มา สองคือดวงวิญญาณของชิพบาบา และดังนั้นร่างกายของบาบานี้จึงเดินเร็ว"

บางครั้งท่านจะพิจารณาอย่างรอบคอบที่จะพาลูก ๆ ไปบนถนนที่ขรุขระบนภูเขา แม่หลายคนผู้ซึ่งแก่และไม่สามารถปีนป่ายพูดว่า  "บาบา บาบา หยุด  ทำไมท่านมาเลือกทางนี้  ไม่มีที่ที่จะจับยึดเลย มีแต่หินก้อนกลม ๆ ที่ลื่น แล้วเราจะเหยียบไปตรงไหนล่ะ"  แล้วบาบาก็จะยื่นมือของท่านออกไปและให้การช่วยเหลือพวกเขา

ด้วยการเป็นผู้ค้ำจุนให้กับหัวใจทุกดวงและความคิด แม้แต่ในเรื่องที่เล็กมากในทางปฏิบัติ พระเจ้านำพวกเขาเข้าสู่ความคิดถึงของท่าน เมื่อลูกบางคนหมดทางที่จะช่วยตัวเอง พวกเขาก็คร่ำครวญออกมา  "บาบา โปรดพอเถิด กรุณาอย่าให้มันเกิดเช่นนั้นอีก  บาบาที่รักขอให้มันหยุดแค่นี้เถิด"  บางครั้งท่านก็ให้พวกเขา  ดังนั้นพวกเขาจึงพอใจ  "ดูสิ บาบาฟังพวกเรา"  บางครั้งบาบาไม่เชื่อพวกเขา แล้วพวกเขาก็เคยหัวเราะกัน  "ดูสิ บาบาไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด"  มีการเล่นหัวและความรักในทุก ๆ การกระทำ ในทุก ๆ การสนทนามีความรู้สึกที่สูงส่ง สำหรับความสุขของกันและกัน

ด้านหนึ่งเป็นการศึกษา อีกด้านหนึ่งคือการสอบ ลูก ๆ ของสถาบันทำตาปาเซียบนภูเขาอาบู  เหมือนเช่น ภาวาตี ทำสาธนา ก่อนจะแต่งงานกับชีว่า การศึกษา โยคะ การเปลี่ยนแปลง งานรับใช้  ทุกการกระทำเป็นเพื่อยกระดับการกระทำ  ความยากลำบากก็มีอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำให้พวกเขาระมัดระวังตัวเขาเอง  ในหัวข้อนี้ B.K.Vishwa Ratanji ผู้ที่อาศัยอยู่ในมธุบันเล่าว่า

"Brij Kothi  อยู่ใกล้กับป่าช้าฝังศพ ในพื้นที่ที่เปลี่ยว มันเป็นที่ว่างเปล่ามาช้านานก่อนที่ลูก ๆ จะมา ประชากรของอาบูพูดว่ามีผีร้ายอาศัยอยู่ในบ้าน  ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตเมืองและติดกับป่า มีงูใหญ่และสัตว์อื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง"

"สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความกลัวใด  ๆ ให้กับพวกเขา ถ้างูผ่านเข้ามาให้เห็น พวกเขาก็ดูมันอย่างละวาง "เราเป็นของชิพบาบา พวกเขาคิดกับตนเอง แล้วพวกเราก็ไม่เคยทำร้ายสิ่งสร้างของโลกเหล่านี้เลย ดังนั้นทำไมพวกเขาจะมาทำร้ายเราล่ะ ?"  หลายครั้งวิญญาณร้ายได้มาแต่เพราะพลังของโยคะ  และความบริสุทธิ์ พวกเขาไม่สามารถทนได้  ในที่สุดผีร้ายก็ถูกบังคับให้ไปอยู่ที่อื่น  เพราะที่นี่เทวีทั้งหลายกำลังเติบโตในพลัง  เรียนรู้ที่จะมีชัยชนะเหนือปีศาจร้ายของโลกกว้างแห่งความทะยานอยาก  ความโกรธ  ความโลภ  หยิ่งทะนง และกิเลสอื่น ๆ พวกเขาประคองจิตใจให้มีความสัมพันธ์กับชิพบาบาผู้ประทานชัยชนะโดยการมีสัมพันธ์นี้  พวกเขากลายเป็นผู้ที่ไม่สามารถทำให้แพ้ได้  พวกเขาหมดความเกรงกลัวต่อผู้คนที่เต็มไปด้วยตัณหาความทะยานอยาก ที่มีพิษยิ่งกว่างูใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิษ  แล้วพวกเขาจะรู้สึกกลัวต่อสถานที่เปลี่ยว หรืองูที่เลื้อยไปได้อย่างไร ในทางตรงข้าม พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาได้พลังโยคะที่มั่นคงเพิ่มขึ้น  จากสถานที่และบรรยากาศที่เปล่าเปลี่ยวนี้ ใช่  พวกเขาชอบสถานที่นี้เป็นอย่างมาก

ในวันเหล่านั้นหลังจากสงคราม ต้องมีการปันส่วนข้าวสาลีที่ภูเขาอาบู  แป้งสาลีหาได้น้อยมาก  มันยังมีแป้งข้าวโพดและธัญพืช  และข้าวคุณภาพต่ำก็มีอยู่บ้าง  แม้กระนั้นปริมาณก็ยังไม่พอเพียง รสชาติที่แปลกของน้ำแร่บนภูเขาอาบู  และอากาศที่แห้งและเบาบาง เป็นเครื่องทดสอบสำหรับลูก ๆ ของสถาบัน  หลายคนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและไม่เคยมีประสบการณ์ที่ยากลำบากทางร่างกาย  ตอนนี้พวกเขาได้บทเรียนความอดทน ความประหยัด และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์

"พวกเขาผ่านข้อสอบของความหิว ความกระหาย และอากาศ พวกเขากลายเป็นคนกินน้อย แต่วันหนึ่งข้อสอบจริงก็มา ชิพบาบาออกคำสั่งให้พวกเขากินแต่เพียงโรตีและบัตเตอร์มิลล์ 15 วัน  แม้แต่ลูกที่ป่วยก็ต้องกินเช่นเดียวกัน  ดวงวิญญาณหลายดวงมีคำถามว่า คนป่วยจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อย่างไรด้วยอาหารเพียงเท่านั้น  พวกเขาจะไม่ป่วยมากขึ้นไปหรือ แต่คนที่ป่วยยอมรับอาหาร โดยปราศจากแม้แต่ความคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น แล้วด้วยศรัทธาที่สมบูรณ์พร้อมนั้น  อะไรก็ตามที่ได้รับจากบาบา คือ บราห์มาโบจัน เป็นยาขนานเอกของทั้งหมด และในไม่ช้า สุขภาพของทุกคนก็ดีขึ้น  จากเหตุการณ์นี้ บทเรียนได้ฝังรากอย่างลึกด้วยการกินตามคำสั่งของบาบา  ประโยชน์อย่างมากจะได้รับเสมอ  ความคิดที่ว่าจะมีโทษจากสิ่งที่พระเจ้าพูด เป็นความผิดที่ใหญ่ที่สุด จากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าสถานการณ์จะดูเหมือนพลิกผันอย่างไร พวกเขาก็ค้นพบว่ามีประโยชน์ในสถานการณ์นั้น

ดวงวิญญาณผู้ซึ่งเป็นทายาทของบราห์มา ได้ค้นพบว่า การสรรเสริญและการประฌาม ชัยชนะและพ่ายแพ้ สูญเสียหรือได้กำไร หิวและกระหาย ร้อนและเย็น ยากจนและร่ำรวย ทุกอย่างเป็นคู่ของความตรงข้ามกันทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งทดสอบ  ซึ่งมาถึงโยคีคนหนึ่งในช่วงชีวิตของเขาด้วยการคิดถึงพระเจ้าและศรัทธาที่ไม่มีขีดจำกัด  ผู้คนก็สามารถเผชิญทุกสถานการณ์ด้วยใบหน้าที่สดชื่น

อ่านต่อ  >>>> อดิเทพ ตอนที่  3 # 14

Saturday, May 10, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 12


มหาวิทยาลัยแห่งโลกของพระเจ้า
การย้ายสถาบันไปจากการาจี ไปภูเขาอาบูไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่ตั้งแห่งใหม่ถูกเลือกขึ้นมาได้อย่างไร มันมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ณ ที่นี่ ได้ถูกนำมาเล่าให้ฟังโดยหัวหน้าคณะผู้นำของมหาวิทยาลัยคนปัจจุบัน B.K.มานโมฮีนีจี รู้จักกันในนามดีดี้
"ฉันมีญาติที่ร่ำรวยมากในอินเดีย พวกเขาต้องการให้ฉันออกมาจากปากีสถานและบาบาก็ต้องการให้ฉันกลับมารับใช้อินเดีย  ดังนั้นเมื่อฉันได้รับตั๋วเครื่องบินและคำเชิญจากญาติของฉัน ฉันบินไปบอมเบย์พร้อมกับซิสเตอร์อื่น ๆ"

"ญาติ ๆ ฉันมารับพวกเราที่สนามบินพร้อมด้วยพวงมาลััยดอกไม้สำหรับพวกเรา  แต่บาบาได้บอกพวกเราไม่ให้รับการสักการะบูชา และพวงมาลัยซึ่งเป็นของที่จะถวายให้กับเทวาและเทวีที่บริสุทธิ์สมบูรณ์พร้อมเท่านั้น  แน่ละ ขณะที่เรายังทำความเพียรพยายามเพื่อบรรลุความบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ  ด้วยเหตุนี้เราจึงปฏิเสธพวงมาลัยและอธิบายถึงคำแนะนำของบาบาให้กับพวกเขาฟัง  เราระมัดระวังที่จะทำตามคำแนะนำและคำสั่งของบาบา  ขณะที่อยู่ในการทำภารกิจนี้  ในที่สุดเรามาถึงบ้านของเขา  พวกเขาจัดเตรียมห้องที่สวยงาม 2 ห้อง ไว้สำหรับพวกเรา  และได้เตรียมห้องไว้อีกห้องหนึ่งซึ่งพวกเราสามารถพบปะกับผู้คน ผู้ซึ่งต้องการศึกษาความรู้ของพระเจ้า และเรียนรู้ศิลปะของการทำสมาธิ"

นับแต่วันนั้น ผู้คนก็เริ่มมาเพื่อเป้าหมายนั้น  บุคลลคนเดียวกันซึ่งเมื่อหลายปีก่อน  ซึ่งทำร้ายร่างกายเราและข่มขู่พยายามทำร้ายจิตใจเราด้วยการด่าทอและเป็นผู้ซึ่งเพียรพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดยั้งเราไม่ให้ไปที่โอมมันดาลี ผู้คนเหล่านั้นนั่นเองที่ขณะนี้กระตือรือร้นที่จะฟังความรู้ เพราะว่าพวกเขาประทับใจในวิถีชีวิตของพวกเรา  พวกเรามีความสุขมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสอนญาติ ๆ ของเรา บาบาพูดเสมอว่า บุญเริ่มต้นที่บ้าน บราห์มากุมารีเป็นคนซึ่งสามารถยกระดับได้ทั้งพ่อของเธอ และก็ครอบครัวของพ่อสามี ดังนั้นเราพอใจที่ญาติ ๆ ของเราทำตามคำแนะนำของพระเจ้า

เราอยู่ที่นั่น 2 เดือน ไม่ว่างเว้นอยู่ตลอดเวลากับงานรับใช้ บ่อยครั้งที่ญาติของเราจะพาไปเที่ยวชมในบอมเบย์  แต่พวกเราปฏิเสธ โลกนี้ไม่มีสีสรรและรสชาติสำหรับเราอย่างแท้จริง "เราจะไปเที่ยวชมในสวรรค์"  เราเล่าให้พวกเขาฟัง  "ณ ที่นั่นเราจะอยู่ในพระราชวังที่ทำด้วยทองคำและเงิน เราจะบินไปด้วยเครื่องบินที่ยอดเยี่ยม และใช้พลังงานอะตอมมิคในการขับเคลื่อนและควบคุมทิศทางด้วยพลังของความคิด ผู้คน ณ ที่นั่นจะมีความสุข มันจึงเป็นความสนุกที่จะได้พบแต่ละดวงวิญญาณ ที่นี่คือนรกและทำไมเราจึงต้องปรารถนาที่จะไปเที่ยวชมทวีปที่โหดร้ายเช่นนี้  นี่เป็นอินเดียแห่งกาลียุคใช่ไหมล่ะ"  เหมือนอย่างเช่นบทประพันธ์ได้เขียนไว้ว่า

อินเดียได้สูญเสียความศรัทธาของเธอ
เธอเคยเป็นเทพที่ควรแก่การคราบไหว้บูชา
วันนี้ได้กลายเป็นผู้กราบไหว้ร้องขอ
ความบริสุทธิ์ของเธอในอดีตดูเหมือนเป็นแต่เพียงความฝัน
สำหรับวันนี้เราทุกคนเป็นเพียงขอทาน
ความพึงพอใจทางประสาทสัมผัสได้ดึงเราต่ำลงมา
ส่งเราไปสู่ความตาย
ความหลงไหลในร่างกายเป็นภาพลวงตาของงูร้าย
ด้วยการ ขบกัดเพียงครั้งเดียวและจิตใจของเราก็ถูกบดขยี้
บัดนี้มีบางคนพูดว่า ในทุกสิ่งมีพระเจ้า
แต่บางคน ก็พูดว่า ไม่มีพระเจ้า
เราได้ยินเรื่องราวมากมาย ตราบที่พวกเขามีปากที่จะพูด
แต่ไม่มีใครสักคนที่จะรู้จักความจริง

ดีดี้เล่าต่อ  "ไม่มีใครรู้สักสิ่งเดียว จนกระทั่งชิพบาบาได้ให้ดวงตาคู้ใหม่กับเรา ตอนนี้เรารู้จักโลกสวรรค์  ดังนั้นเราจะปรารถนาอะไรในบอมเบย์ ซึ่งมีแต่สิ่งลวงตา ในไม่ช้พวกเขาก็หยุดความพยายามที่จะชักนำดีดี้และคนอื่น ๆ ให้ออกไปเที่ยว ข้อทดสอบต่อไปสำหรับซิสเตอร์เกี่ยวกับเรื่องอาหาร  เจ้าของบ้านได้นำอาหารท่ี่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ชนิด มาให้พวกเธอทุก ๆ มื้อ แต่แทนที่จะยอมจำนนต่อการจูงใจเช่นนี้ พวกเธอก็ทำเพียงโรตีแค่สองอันด้วยมือของพวกเธอเองและกินกับผัก หลังจากอาหารค่ำดีดี้รายงาน พวกเราร้องเพลงของพระเจ้า ดังนั้นพวกเราก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้คนที่เราอยู่ร่วมกับพวกเขา พวกเขาเห็นว่าไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ ของพวกเขา หรือความพอใจที่จะดึงดูดเราได้  การสละละทิ้งของพวกเราทำให้พวกเขาเกรงใจ  พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเราได้มีประสบการณ์ของความสุข  ซึ่งพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงได้  พวกเขาต้องการให้เราพักอยู่กับพวกเขาต่อไป  แต่ในที่สุดเราก็เตรียมตัวกลับการาจี  มันเป็นเวลาที่จะต้องไป  บัดนี้เราได้ให้ข่าวสารของเรากับพวกเขา บางคนแต่งเพลงขึ้นมาอย่างไพเราะ"

โอ้ดวงวิญญาณที่สุขสกาว คิดถึงพ่อชีว่า
จงมารับสิทธิ ที่เป็นของท่าน
เวลาปัจจุบันเป็นยุคแห่งการบรรจบพบกัน
การพบปะของลูก ๆ กับพระเจ้า 
ชีว่าได้มายังโลกนี้อีกครั้ง
และผ่านปากที่บริสุทธิ์เช่นดอกบัวของบราห์มา
ก็ได้ขับกล่อมเพลงของสัจจะอีกครั้งหนึ่ง
ในไม่ช้าเราจะเป็นพยานต่อการจบสิ้นของโลก
วันที่น่าสะพรึงกลัวกำลังรอด้วยอาการอ้าปากค้าง
นั้นเป็นวาระสุดท้ายของทุก ๆ คน
ดังนั้นบาบาก็สอนพวกเราทุกคน
ชีว่าชัคตีและกองทัพพันดาพกำลัังเป่าแตรสัญญาณแห่งสวรรค์
ด้วยการนำของพระเจ้าด้วยตัวท่านเอง
การประกาศสงครามได้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ความตายมาสู่ผู้อ่อนแอ
ความตายมาสู่กิเลส ความตายมาสู่ความตายด้วยตัวของมันเอง
ความชั่วร้ายจะต้องถูกทำลายไป
และนำชีวิตไปสู่โลกที่บริสุทธิ์

เรากลับไปหาบาบา เราได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้คนมากมายในบอมเบย์ หลังจากนั้นเล็กน้อย ญาติของเราก็ส่งจดหมายเชิญเราทั้งหมดให้ย้ายกลับไปอินเดีย  พวกเขาจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับการขนย้ายทั้งหมด บาบาส่งโทรเลขกลับไป  "จะรับคำเชิญจากผู้ที่มีความปรารถนาที่จะฟังความรู้เท่านั้น และจากผู้ซึ่งต้องการที่จะประพฤติตนตามกฏของพระเจ้า"

พวกเขายอมรับเงื่อนไข พวกเขาขอร้องพวกเราให้หาที่ตั้งที่ใดก็ได้ที่เราต้องการ ดังนั้นฉัน และ B.K. Lilavatiji ก็ได้ไปตรวจสอบไปดูอาคารหลายแห่งที่ ปูนา และ อัมมาดาบัด แต่ไม่สามารถหาสถานที่ซึ่งสามารถจุคนได้ถึง 250-300 คน มีคนสำคัญหลายคนช่วยเราในการหาสถานที่และเราก็ได้ผูกมิตรอย่างมากมาย  เพื่อมหาวิทยาลัยของพระเจ้า (กูรูคนหนึ่ง สิทธานันดาจี ช่วยพวกเราเป็นอย่างมากและสุดท้ายก็มาเยี่ยมพวกเรา  เมื่อเราได้ก่อตั้งภูเขาอาบูเสร็จ ในการอำลาจาก เขาพูดว่า  "ฉันเคยมีความเชื่อว่าถ้าผู้หญิงและผู้ชายอยู่ร่วมกัน พวกเขาจะไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้เลย  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน  ที่ฉันมีประสบการณ์ว่ามันเป็นไปได้จากหลาย ๆ วันที่ฉันอาศัยอยู่ที่นี่  ไม่มีสักวันเลยที่ฉันจะมีสำนึกว่านั่นเป็นหญิงนั่นเป็นชาย  แต่เป็นดวงวิญญาณอยู่อย่างสม่ำเสมอที่ฉันเห็น  และโดยปกติในสำนึกของดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่หลังจากที่อยู่กับ คาร์มา ซานยาสซี (Karma Sanyasis)  นิมิตของดวงตาของความคิดของฉันก็ไม่เคยบริสุทธิ์ดังกล่าวเลย"

"ในที่สุดการเสาะหาของเราก็นำเรามายังภูเขาอาบู  ญาติบางคนของเราก็มาเป็นเพื่อน ขณะที่พยายามหาบ้านกับซิสเตอร์ Rukmaniji ฉันได้ผ่านที่พักอันว่างเปล่าของกษัตริย์ ฉันชอบมัน สถานที่นั้นชื่อว่า Brij Kothi  ถ้ามองกันอย่างทางโลก  มันไม่สวยมาก  แต่ทันทีที่ฉันเห็นมัน ฉันก็คิดถึงคำพูดของบาบา ซึ่งทำให้ฉันสรุปได้ทันทีว่านี่คือที่ตั้งที่ถูกต้องสำหรับพวกเรา  หลายปีก่อนหน้านี้บาบาได้พูดไว้  "ลูก  ๆ ในตอนท้าย  ลูก ๆ ซึ่งเป็นบราห์มินก็จะเดินทางไปยังภูเขาและทำการชำระสะสางที่นั่น  และลูกก็จะพักอยู่ ณ ที่พักอาศัยของกษัตริย์"  คำพูดของบาบาได้เข้ามาในจิตใจอย่างรุนแรงจนกระทั่งฉันเชื่อว่า ภูเขาอาบูนี้เองเป็นภูเขาที่บาบาพูดถึง และที่พักแห่งนี้ของเรา เป็นบ้านที่เรากำหนดไว้ในตอนท้าย  บาบาพูดว่า  "ขณะที่ทำสมาธิบนภูเขาลูกก็จะออกจากร่าง"  ฉันรีบกลับไป อัมมาดาบัดและโทรศัพท์ถึงบาบาที่คาราจี  และขอคำแนะนำจากท่านเกี่ยวกับ Brij Kothi  บาบาอนุญาตให้ทันทีที่จะรับเองสถานที่นี้ แล้วท่านก็ให้โอกาสพวกเราหาบ้านด้วยตัวเราเอง  เพราะท่านเชื่อในพลังโยคะของพวกเรา  และท่านหวังว่าเราจะได้ทำงานรับใช้ เรามีความสุขอย่างที่สุด ทุกอย่างเกิดขึ้นตามละคร"

บาบาได้ส่งบราเดอร์ Vishwa Kishore  ซึ่งมีความสามารถไปยังภูเขาอาบู  และจัดการซื้อ Brij Kothi บราเดอร์ Vishwa Kishor (ชื่อที่บาบาตั้งให้มีความหมายว่า เจ้าชายของโลก)  เขาเป็นหนึ่งในเพชรพลอยที่มีค่าที่โด่งดังที่สุดของกัลกัตต้า  ก่อนที่จะเข้ามาในความรู้ของพระเจ้าเขาเป็นหลานของบราห์มาบาบา  แล้วเขาก็มีความรักความเคารพอย่างสูงต่อบาบา  บาบาได้ให้ความรู้ทั้งหมดในธุรกิจค้าเพชรแก่เขา

เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดได้เข้ามาครอบครองชีวิตของดาด้า  และท่านได้ยุติในอาชีพของท่าน Vishwa Kishore  ก็ต้องการที่จะละทิ้งชีวิตทางโลกด้วยเช่นกัน  "ฉันควรจะติดตามบาบา"  เขาตันสินใจ แต่เมื่อพูดความปรารถนาของเขากับบาบา บาบาบอกให้เขารอไปก่อน ให้ทำงานต่อไป"  ในเวลาที่เหมาะสม เธอจะได้รับคำแนะนำให้อุทิศตนให้กับพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ"

Vishwa Kishore  เป็นชายที่มีความลับของการที่จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขภายใต้ทุก ๆ สถานการณ์  อะไรก็ตามที่บาบาแนะนำ  เขาพร้อมที่จะทำตาม หลายปีต่อมา เขาได้รับการบันดาลใจที่จะอุทิศตนในสถาบันความรู้ของพระเจ้าแห่งนี้  มันเป็นการบันดาลใจภายใน  ไม่ใช่อิทธิพลจาก บราเดอร์

บราเดอร์ Vishwa Kishore   มีประสบการณ์ มีความคิด การตัดสินใจ  ที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและความซื่อตรง  เขามาเจรจาและประสบความสำเร็จในการซื้อบ้านและที่ดิน

อ่านต่อ  >>>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 13

Friday, May 9, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 11


พันดาพในสนามรบ
ในที่สุดสมาชิกของสถาบันเข้าเทียบท่าที่เรือของ Okha จากที่นั่นพวกเขาตรงไปยังภูเขาอาบูโดยรถไฟ  ภูเขาทั้งลูกเป็นที่แสวงบุญสำหรับนักบุญและนักปราชญ์ และ ณ ที่นี่เป็นสถานที่ที่อยู่ในการคิดถึงของประชาปิตาบราห์มาที่เร้นลับ  วัดดีลวาราที่น่ารัก (Dilwara)  เป็นที่ตั้งที่ประดิษฐานรูปของอดิเทพ 2 รูป  เป็นเทพองค์แรกที่ถูกสร้างขึ้น  รูปปั้นแรกสีดำ อีกรูปหนึ่งเป็นสีขาว  ทั้งสองเป็นตัวแทนของบราห์มาบาบา  ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากความไม่บริสุทธิ์คือองค์ดำไปสู่ความสมบูรณ์พร้อมคือองค์ขาว  ในผนังในวัดเป็นกรอบขนาด 108 นิ้ว  ซึ่งบรรจุไว้ด้วยโยคีที่อยู่ในการทำสมาธิ  เป็นบรรยากาที่สงบเงียบและสันโดษที่ปรากฏอยู่ทั่วไป

ร่างกายถูกแสดงให้เห็นว่าเปลือยเปล่า  ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเข้าสู่สภาวะของการเป็นดวงวิญญาณ  เพชรเม็ดใหญ่อยู่ตรงหัวใจของโยคีรูปนั้น  เพื่อแสดงถึงความรักที่คงที่ต่อชิพบาบา  แต่ละคนมีดวงตาที่สาม  เพื่อแสดงถึงการครอบครองไว้ซึ่งความรู้สูงสุด เหตุผลที่มี 108 โยคีเช่นนี้เป็นเพราะว่าจากดวงวิญญาณทั้งหมดในโลก มีเพียงจำนวน 108 นี้เท่านั้นที่สามารถทำลายสำนึกแห่งความเป็นร่างได้อย่างหมดจดและ ดังนั้นจึงเป็นการมีชัยเหนือความตาย มีจิตใจที่ท่วมท้นไปด้วยสัจจะนั่นคือวัดดีลวาราทั้งหมด  ซึ่งหมายถึงผู้ซึ่งขโมยหัวใจของท่านไป สะท้อนเหตุการณ์จริง ๆ  ซึ่งเกิดขึ้น ณ เวลานี้ มันเป็นความเคลิบเคลิ้มอย่างเต็มที่สำหรับลูก ๆ ของบาบาที่ได้มาเยือนสถานที่วิจิตรงดงามเช่นนี้  และเห็นตัวเองในรูปหินอ่อน  ซึ่งเป็นอนุสรณ์อยู่ตลอดไป ไม่มีใครในโลกนี้แม้แต่คนเดียวที่สามารถจะเข้าใจได้  ภูเขาอาบูมีชื่อเสียงในคัมภีร์ว่าพระเจ้าชีว่าได้ลงมา แต่ใครล่ะที่จะเชื่อว่าชิพบาบาอยู่ ณ ที่นี่  ณ ขณะนี้  ด้วยคำสั่งของท่านสถาบันถูกตั้งขึ้น ณ ที่นี่ เพื่องานอันดับสุดท้าย

กวีที่ยิ่งใหญ่ Shuklaji  มาพบบราห์มาบาบา หลังจากที่บราห์มาบาบามาถึงไม่นานนัก และคำประพันธ์ก็ได้เกิดขึ้น
คำสรรเสริญแซ่ซ้องที่มีสำหรับภูเขาอาบูนั้นมีมากมายสุดคณานับ
ช่างสวยงามวิจิตรตระการตาเสียนี่กระไร  สถานที่นี้
เปลวไฟแห่งความรู้ได้ลุกโพลงเผาผลาญ ณ ที่นั่น
สิ่งลวงตาทั้งหลายถึงกาลวินาศโดยบัดดล
ณ กาลเวลาที่ิชิพบาบาได้ลงมา ณ ภูเขาอาบู
ด้วยของขวัญซึ่งเป็นของฝากสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ
ท่านได้มาสอนศาสนาที่แท้จริง ณ ที่นี่
และแล้วสัตยุคก็ถูกก่อตั้งขึ้นดั่งการตั้งครรภ์
ณ จุดสุดท้ายของทุก ๆ กัลป์
กีตะก็ถูกบรรเลงซ้ำ
ผ่านความรู้ของพ่อผู้ไร้ร่าง
มันเกิดขึ้นทีละคนทีละคน
คนที่ไม่รู้จักชีว่า
ก็จะไม่รู้จักตนเอง
คนที่ไม่สามารถเข้าใจได้
แล้วชีวิตของเขาจะมีค่าอะไรเล่า ?
นี่เป็นประสบการณ์ของข้าพเจ้า
อะไรก็ตามที่ข้าได้ยินมา
ข้าทำให้ท่านได้ยินเช่นเดียวกัน
อะไรที่ข้าได้พบเห็น
ข้าเขียนมันลงไป

งานของพระเจ้าดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว ในคัมภีร์มหาภารัตได้ถูกเขียนไว้ว่าพันดาพได้ลี้ภัยไปอยู่ในป่า 12 ปี  และอยู่ในการหลบซ่อนตัวเป็นเวลา 1 ปี และนี่เองที่พวกเขาจึงจะสามารถออกมาสู่สงครามได้  สถาบันได้อยู่ในซินดิเป็นเวลา 13 ปี (1937 - 1950) ด้วยการอยู่ในความสันโดษจากผู้คนภายนอก 12 ปี และ 1 ปี ที่ใช้เวลาในการฝึกฝนในการเพ่งเพียรพยายามอย่างล้ำลึก  หรือเรียกว่า ตาปาเซีย  ด้วยวิธีนี้พวกเขาก็มีภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากสิ่งชั่วร้าย กลายเป็นโยคีที่มั่นคง แล้วในที่สุดพวกเขาก็ออกมาเปิดเผยตัวเองเพื่อการมีชัยชนะเหนือมายา  ช่วงเวลาของโกปี้ได้สิ้นสุดลง  ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นแม่น้ำคงคาแห่งความรู้ที่ลึกและสามารถชำระล้างด้วยความรัก  เช่นนี้เองที่ลูก ๆ ของพระเจ้าเริ่มต้นภารกิจเหนือมนุษย์ของพวกเขา ด้วยการยกระดับอินเดียและโลกอีกครั้งหนึ่ง จากสภาพที่ตกต่ำไปสู่สภาพของความบริสุทธิ์ พวกเขาร้องรำด้วยความสุขต่อความท้าทายที่อยู่ข้างหน้า
เรากำลังเปลี่ยนแปลงโลก
และพวกเราสอนราชโยคะ
ครั้งหนึ่งพระราชวังของเราทำด้วยทองคำ
พวกเรามีอาณาจักรเดียว
มีศาสนาเดียว
เป็นโลกแห่งความสุข
รีบเร่งร่วมในการสร้างโลกนั้นอีกครั้งหนึ่ง
เราคือผู้เปลี่ยนแปลงตัวของเราเอง
และพวกเราก็สอนราชโยคะ

อ่านต่อ >>>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 12

Tuesday, May 6, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 10



กลับสู่ภารัต
2-3 ปีผ่านไป  ตั้งแต่ญาติ ๆ ของสมาชิกของสถาบันได้ลี้ภัยจากปากีสถานไปสู่อินเดีย เขาไม่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับโอมมันดาลีและเคยได้ฟังมาว่า  มหาวิทยาลัยของพระเจ้าได้ถูกปิดลงโดยพวกมุสลิม  และสมาชิกทั้งหมดได้กระจัดกระจายไป

เมื่อพวกเขาได้รู้ภายหลังว่าโอมมันดาลียังคงอยู่ในปากีสถาน  พวกเขาเขียนจดหมายขอร้องให้นำสถาบันกลับไปยังอินเดีย พวกเขาเกรงว่าบางทีมุสลิมชาวปากีสถานจะโจมตีสถาบัน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกมุสลิมกลับปกป้องสถาบัน  พวกเขาเห็นว่ามันป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์  ญาติ ๆ บางคนของลูก ๆ ของสถาบันก็ยืนยันที่จะเชื้อเชิญให้การชุมนุมทางดวงวิญญาณได้กลับไปยังอินเดีย  แล้ววันหนึ่ง ชิพบาบาก็ได้พูดผ่านบราห์มาบาบา และต่อมาภายหลังก็ผ่านลูกสาวผู้นำสาร  ออกคำสั่งว่าบัดนี้ สถาบันควรจะย้ายกลับไปอินเดีย  เพราะว่าผู้คนชาวอินเดียเป็นผู้ที่จะสามารถได้รับประโยชน์สูงสุดจากความรู้ของพระเจ้า  บาบาได้บอกเราว่าจะมีสนามแห่งการทำงานรับใช้ที่ใหญ่กว่า ณ ที่นั่น  และก็ยังท้าทายมากกว่าอีกด้วย

ในที่สุดในปี ค.ศ.1950  ลูก ๆ ก็เตรียมตัวจากการาจี  เมื่อมุสลิมของสังคมชาวซินดิได้ยินข่าวพวกเขาก็พยายามที่จะขอร้องให้อยู่ต่อ  "เราจะให้เครื่องอำนวยความสะดวกสบายที่ดีกว่าแก่พวกท่าน"  พวกเขาพูดว่า  "พวกท่านจะไม่ต้องรับประสบการณ์ของความไม่มีความสุขใด ๆ ที่นี่ แล้วท่านจะจากที่นี่ไปทำไม  มันจะไม่มีการกระทำที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ในประเทศนี้้  เราจะดูแลพวกท่านทั้งหมดในทุก ๆ เรื่อง  ท่านเป็นของพระเจ้า ท่านไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองของฮินดูหรือมุสลิม"

แต่ลูก  ๆ ของสถาบันได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้เดินทางไปยังอินเดีย  ดังนั้น พวกเขาจึงจัดการสำหรับการเดินทางด้วยเรือกลไฟจากการาจีไปยัง  Okha พวกเขาได้ขายอาคารที่่ใช้อาศัยอยู่ทั้งหมด  คนสำคัญ ๆ  ก็ยังพยายามที่จะยับยั้งพวกเขาไม่ให้จากไป  Allah Bakhaji  และ Bulam Hussainji (อดีตหัวหน้าคณะรัฐมนตรี)  และอีกหลาย ๆ คนได้มาด้วยตนเองและพวกเขาก็พอใจในความรู้  "พวกเขาพูดว่า  "พวกท่านอยู่ที่นี่เถิด  เราทุกคนจะช่วยทาน"  แต่ลูก ๆ บอกพวกเขาว่า นี่เป็นคำสั่งของพระเจ้า  เราจะต้องเดินทางกลับอินเดียเพื่อทำงานรับใช้

มีสมาชิกของสถาบัน 400 คนในวันนั้น  เมื่อกระเป๋าสัมภาระถูกกองไว้ที่ท่าเรือการาจี ฝูงชนก็มารวมตัวกัน  มุสลิมและปาทานช่วยโยคีที่อยู่ในชุดขาวทั้ง 400 คน ขนลงเรือ  ผู้คนพื้นบ้านมีความรู้สึกเหมือนกับว่าญาติสนิทของพวกเขากำลังจะจากไป  ทุกคนรู้สึกเศร้าสร้อย ผู้คนชาวปากีสถานผู้มากล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายได้นำดอกไม้มาโปรยใส่สมาชิกของสถาบันราวกับสายฝนซึ่งโปรยปรายลงมา  สมาชิกของสถาบันก็ตอบสนองด้วยสายฝนของดอกไม้ของพวกเขาเอง  โปรยปรายไปยังผู้คนที่น่ารัก  ผู้ซึ่งเฝ้าดูขณะที่เรือค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่า

มันเป็นฉากที่ทำร้ายจิตใจ  แต่เหล่าโยคีรู้สึกเหมือนกับฝูงหงส์ที่กำลังบินจากไป  ไปสู่ฤดูกาลใหม่  บราห์มินคนหนึ่งพูดว่า  เรือไฟลำนี้เป็นเรือแห่งสัจจะ  และพวกเขากำลังข้ามมหาสมุทรของโลก  ในระหว่างการเดินทาง กัปตันและคนอื่น ๆ ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี  พวกเขาพูดอยู่เสมอว่า  "พวกเราสามารถจะให้บริการอะไรกับท่านได้  โปรดบอกพวกเรา"  ชั้นเรียนทางดวงวิญญาณก็คงดำเนินไปตามตารางสอน  ขลุ่ยแห่งความรู้ก็ยังคงบรรเลงเช่นทุกวัน แม้แต่กัปตันก็ฉวยโอกาสอันนี้ด้วย 

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 3 # 11 

Saturday, May 3, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 3 # 9


คำสั่งของพระเจ้า :  รับใช้อินเดีย
สิงหาคม ค.ศ.1947 มีประกาศว่าอินเดียจะมีการแบ่งแยก ครอบครัวฮินดูมากมายได้บินออกจากปากีสถานซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่  ผู้คนเกือบทั้งหมดเป็นมุสลิม  บาบาอธิบายกับลูก ๆ ว่า ถึงแม้ว่ามหาตมะคานธี  กำลังทำความพยายามที่จะเอาชนะในการประกาศอิสรภาพและก่อตั้งอาณาจักรของพระเจ้า รามราชยา (Ram Rajya)  ให้เป็นจริง  รามราชยาสามารถที่จะก่อตั้งขึ้นได้เมื่อหญิงและชายแต่ละคนมีความบริสุทธิ์เหมือนรามและสีดา  เมื่อพวกเขาได้กลายเป็นมนุษย์ที่สูงที่สุด ทำตามระเบียบ วิธีปฏิบัติที่สูงที่สุด ทำลายซึ่งโซ่ตรวน แห่งความโกรธ ความทะยานอยาก  ความหยิ่งทะนง  ความโลภ  และความยึดมั่นผูกพัน  ด้วยการวางรากฐานสำหรับอาณาจักรสวรรค์  บาบาเคยพูดว่าพรรคคองเกรส และพรรคอื่น ๆ จะนำอิสรภาพทางการเมืองมาสู่อินเดีย  แต่ไม่ใช่ว่าความสุขและความมั่งคั่งเพราะว่าไม่เคยมีความพยายามที่จะก่อตั้งกฏแห่งความประพฤติที่สูงสุดและบริสุทธิ์  บาบาบอกพวกเรามาก่อนแล้วว่า ชาวฮินดูและมุสลิมจะทำร้ายและฆ่าฟันกัน  เหตุเพราะความทนไม่ได้ในศาสนาของแต่ละฝ่าย  ผู้คนในยุคนี้ได้กลายเป็นปีศาจ  เหตุเพราะความก้าวร้าวและความคิดที่สกปรกของพวกเขา กล่าวสั้น ๆ คือ พวกเขาได้กลายเป็นพวกต่อต้านพระเจ้า

เมื่อมีการฆ่าฟันเริ่มต้นขึ้น  มันไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกเรา หรือทำให้พวกเราตื่นเต้นตกใจกลัว  บาบาได้พิมพ์เผยแพร่คำเตือนของท่านในหนังสือ  และกระตุ้นเตือนเป็นรายบุคคลทั้งนอกและในประเทศ  ท่านได้เขียนจดหมายแสดงต่อสาธารณะในหนังสือพิมพ์  แต่สังคมไม่ได้เชื่อต่อคำเตือนล่วงหน้านั้น  ฮินดูเกือบทั้งหมดบินจากปากีสถานกลับอินเดียหลังจากการแบ่งแยก  แต่สถาบันของพระเจ้าก็ยังอยู่ต่อไปในการาจี  แต่พวกมุสลิมก็ไม่เคยที่จะทำร้ายพวกเขา  บางครั้งเจ้าหน้าที่มุสลิมก็จะมาแล้วถามคำถาม  แต่พวกเขาไม่เคยก้าวร้าว  พวกเขามีความสุขที่ได้รับคำแนะนำให้รู้จักอัลล่าห์

หนึ่งในคำถามของพวกเขาคือ  อะไรคืองานของสถาบันแห่งนี้  พวกเขาได้รับคำตอบว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่คือคนรับใช้ของพระเจ้า  คิดถึงพระเจ้าเพียงผู้เดียว  ฝึกปฏิบัติการละวางและถือความบริสุทธิ์  พวกเราบอกเขาว่า "มุสลิม พูดว่า  พระเจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ท่านเพียงแต่ได้รับชื่อว่าปากีสถาน (ดินแดนบริสุทธิ์)  ณ บัตนี้ เป็นคำสั่งของพระเจ้าว่าท่านจะต้องกลับมาบริสุทธิ์"  ด้วยการได้รับฟังคำพูดเช่นนี้ พวกเขายอมรับพร้อมด้วยรอยยิ้ม  พวกเขาพูดว่า  "มีอะไรที่พวกเราสามารถจะช่วยท่านได้  ขอให้บอกเรา  ท่านเป็นผู้คนที่ประเสริฐมาก  มันเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะให้การบริการท่าน  เพราะท่านสักการะบูชาพระเจ้าและพวกท่านบริสุทธิ์"

อ่านต่อ >>>  อดิเทพ ตอนที่ 3 #10