Friday, January 31, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 9


เสียงเพลงที่แท้จริงถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง
เพลงของพระเจ้าได้มีการร้องบรรเลงขึ้นอีกครั้ง กระแสของความเข้าใจอย่างแท้จริงได้ไหลท่วมท้นอีกครั้ง เวลานี้ที่ดาด้ามีประสบการณ์ว่าพระเจ้าเป็นผู้ให้ กีตะ เสียงเพลงแห่งความรู้ภายในท่านให้ในทางลับและทางที่มองเห็นได้  การบันดาลใจในความรู้ของพระเจ้าเพิ่มขึ้นภายในใจอย่างต่อเนื่องคงที่ และในเวลาเดียวกันดาด้าก็มั่นคงอยู่ในสภาพสำนึกใหม่ของท่าน ประสบการณ์ที่เพิ่มความลุ่มลึก  และความรู้สึกชื่นชอบในการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง สติปัญญาของท่านลื่นไหลอย่างรวดเร็วมาก ท่านก็เริ่มไตร่ตรองเกี่ยวกับความคิดว่า อะไรคือมหากาพย์ที่แท้จริง (Great Saying) ในบทเพลงของพระเจ้า และอะไรคือความหมายที่ลึกซึ้งแท้จริง

ท่านได้รับความชาญฉลาดที่สูงส่งจากการตอบรับต่อคำถามที่ท่านมี  ท่านเข้าใจอย่างแน่นอนว่า กีตะ (The Gita) เป็นคัมภีร์ที่พระเจ้าพูดด้วยตัวพระเจ้าเอง แต่ดาด้าเข้าใจว่าภควัตกีตะ ที่มีในปัจจุับันนี้มันถูกบิดเบือน  และปนปลอมจากความเข้าใจผิดและเพิ่มเติม  ซึ่งได้เข้ามาผสมผสานกับคำพูดที่พระเจ้าพูดออกมาจากปากเปล่าเมื่อ 5,000 ปีก่อน  กีตะมิได้เขียนขึ้นทันที จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2,500 ปี หลังจากการตกต่ำลงของเหล่าเทพ  ซึ่งได้ฟังเมื่อมีการถ่ายทอดในตอนแรก  ณ บัดนี้ชีว่าได้มาเพื่อให้ความรู้ของพระเจ้าอีกครั้ง  และทำให้ท่านเข้าใจนัยของมัน ในทางปฏิบัติ กีตะที่ดาด้าอ่านทุก ๆ วันยิ่งไม่ตรงประเด็นมากขึ้น  จนกระทั่งท่านละทิ้งมันไปโดยสิ้นเชิง  คัมภีร์เก่าเช่นนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า  ขณะที่กีตะที่แท้จริงกำลังถูกถ่ายทอดโดยพระเจ้ามายังท่านด้วยปากของพระเจ้าเอง  ดาด้าเคยมีประสบการณ์ว่าท่านเป็นอรชุน นั่นคือพระเจ้าได้ใช้ร่างของท่านเป็นพานะ เพื่อมาระงับความกระหายในความรู้ของท่าน

พระเจ้าเองได้กลับมาอีกครั้งเพื่อเป็นการรักษาสัญญาในสถานภาพลับ ๆ  เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเหล่าผู้บูชาท่าน  ดาด้ารู้สึกว่าตอนนี้อย่างน้อยท่านก็มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องต่อตัวตน ต่อธรรมชาติ และต่อพระเจ้า ท่านรู้ว่าร่างกายนั้นที่เสื่อมสลายได้เพราะเป็นวัตถุ ท่านได้เปลี่ยนมาหลายต่อหลายร่างแล้วจนถึงร่างสุดท้ายของวงจร  ซึ่งเริ่มต้นด้วยร่างกฤษณะ และในไม่ช้าโลกที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจะเปลี่ยนเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสุขอีกครั้ง  และท่านจะกลับมาเกิดเป็นเด็กน้อยกฤษณะ  ผู้ซึ่งถูกกำหนดให้มาปกครองสวรรค์  ท่านเป็นมนุษย์คนแรก  "อดิเทพ"  ท่านถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ของพระเจ้า เมื่องานเสร็จสมบูรณ์ท่านจะถูกส่งไปอยู่ในสวนของเอเด็น  ท่าน.... ดาด้า คือ อดัมที่แท้จริง

ทันทีที่ท่านได้ยินเรื่องเร้นลับของพระเจ้า ดาด้าเริ่มให้ความรู้กับคนรู้จักและญาติ ๆ เมื่อท่านบอกกับพวกเขาว่า พวกเขาคือดวงวิญญาณ (Souls)  พวกเขาก็ละลายหายไปในความสุขได้ ประสบการณ์ความรักของพระเจ้า  ซึ่งเขาได้โดยผ่านมาจากดวงตาของดาด้า มันเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยพลัง  พวกเขาหลงอยู่ในเสน่ห์  และตัวดา้ด้าเองก็หลงไหลอยู่ในรสชาติของการตระหนักรู้จักตนเองอย่างแท้จริง ท่านเคยพูดกับผู้คนอย่างง่าย ๆ ว่า  You are a soul  ท่านคือดวงวิญญาณ เท่านั้นก็เพียงพอ ท่านเขียนด้วยเช่นกัน เพื่อว่ามันจะได้ไม่ลืม ฉันคือดวงวิญญาณ จาโชดาคือดวงวิญญาณ  ราติกา คือดวงวิญญาณ ท่านเคยให้ทุกคนในครอบครัวของท่านรับบทเรียนที่สูง คือ "ดวงวิญญาณ" ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งติดแน่นภายในใจของทุก ๆ คน 

ทุก ๆ คน ที่เข้ามาสัมผัสกับท่านขณะเวลานี้ หญิงชาย จนรวย ทุกคนจะถูกทำให้ตะลึงงันและได้รับประสบการณ์ เหมือนกับแสงแห่งชีวิตของพวกเขาได้ถูกปลุกให้สว่างขึ้น  พวกเขาได้เข้าถึงตัวตนที่แท้จริงแห่งตนเอง  พวกเขามีประสบการณ์ของการกลายเป็นแสง ติดตามมาด้วย ความสงบเยือกเย็นแห่งจิตใจ  ความปรารถนาและกิเลสนานาชนิดได้หลุกหายไป พวกเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่  ชีวิตที่สมบูรณ์ การรับประทานที่บริสุทธิ์ การดื่ม การพูด การกระทำ  และการคิด ในระยะเวลาสั้นที่เข้ามาใช้ร่างของดาด้า ซึ่งพระเจ้ายืมใช้เป็นระยะเพื่อสั่งสอนมนุษย์ พระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงเขาเหล่านั้นที่เข้ามาใกล้ ท่านให้การศึกษากับดวงวิญญาณเหล่านั้นอย่างไม่รู้เหนื่อย ถึงแม้จำนวนจะมากขึ้น ท่านก็ให้ความรักเช่นพ่อให้ลูก  บิดาผู้ปราศจากความปรารถนาอย่างสิ้นเชิง ด้วยความรักที่เท่า ๆ กัน ด้วยความอดทน เมตตา และยุติธรรม ท่านแสดงทั้งกฏและวิธีการ เพื่อที่จะทำให้ชีวิตเหล่านั้นสูงส่ง และมีค่ามากเท่าที่สามารถจะเป็นไปได้ ชิพบาบากำลังสร้างดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์เหมือนเพชร

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

อ่านต่อ  >>>  อดิเทพ ตอนที่ 2 # 1

Thursday, January 30, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 8


ขณะที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
ฉันเห็นนัยตาของดาด้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด เหมือนกับว่าไฟแดงได้สว่างขึ้นภายในตัวท่าน ใบหน้าทั้งหมดกลายเป็นสีแดง แม้แต่ห้องก็ถูกฉายไปด้วยแสงสีแดง เรืองแสงออกมาอย่างเช่นทางโลกที่มีความร้อน และแล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้นในตัวฉันด้วย  "ฉันรู้สึกปราศจากร่าง"  ฉันจะอธิบายได้อย่างไร  ฉันอยู่ที่นั่นแต่ฉันก็ไม่ได้อยู่ !  ฉันรู้สึกเบา ความคิดของฉันกระจ่างชัดที่สุดเท่าที่เคยพบมา  ฉันได้ยินเสียงมาจากด้านบน  มันเหมือนกับผ่านมาจากปากของดาด้า มีบางคนใช้ปากของดาด้าพูด  เสียงนั้นเบามากในตอนแรก แล้วค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ มันเป็นความตะลึง ไม่ใช่ความตื่นเต้น แต่เป็นอย่างง่าย ๆ น่าเกรงขาม และให้แรงบันดาลใจ เสียงพูดว่า

ฉันเป็นแหล่งกำเนิแห่งความปิติสุข  ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า
ฉันเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรู้  ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า
ฉันเป็นรูปที่เรืองแสง ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า
ฉันเป็นรูปของตัวฉันเอง  เป็นแหล่งกำเนินของความรู้ เป็นรูปแสง

ถึงวันนี้ ฉันไม่สามารถลืมเสียงนั้นได้เลย แม้แต่จากนั้น บรรยากาศของความตื่นเต้นมากกว่าความเป็นจริง  และสภาพของความรู้สึกของฉันเหมือนกับปราศจากร่างยังคงอยู่ในความทรงจำที่เหมือนจริง  ทันทีที่ดาด้าเปิดตาขึ้น  ท่านมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ  อะไรก็ตามที่ท่านเห็นได้ทำให้ท่านเชื่อมต่อกับแก่นแท้ของความเป็นตนเอง  ฉันถามท่านว่า บาบาท่านกำลังมองหาอะไรหรือ ?  ท่านพูดว่า เธอรู้ไหมว่านั่นคืออะไร  นั่นมันเป็นแสง มันเป็นพลัง และมีพร้อมกับโลกใหม่ มีบางคนจากที่ไกลโพ้น มีมากมาย พวกเขามองดูคล้ายดวงดาว  และเมื่อดวงดาวลงมา พวกเขากลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิง  แสงและพลังพูดกับฉันว่า "ท่านจะต้องสร้างโลกเช่นนั้น"  แต่เขามิได้แสดงว่าโลกเช่นนั้นจะสร้างขึ้นได้อย่างไร?  ฉันควรจะสร้างโลกเช่นนั้นได้อย่างไร

ใครเป็นคนที่พูดกับดาด้า  ท่านคือผู้สูงสุดในหมู่ผู้สูงส่ง  ฉันได้เป็นพยานในการเห็นพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด  ชีว่าเข้าไปในร่างของดาด้า ดาด้าดำดิ่งลึกลงไปในความคิด พาตัวเองจมหายลงไปในงานของการแก้ความลึกลับของเหตุการณ์ครั้งนี้  "ใครคือท่านนั้น"  พลังอะไร สามารถให้นิมิตเช่นนั้นกับท่านได้  กับความรู้เช่นนั้น กับความเข้าใจตนเองเช่นนั้น แล้วท่านก็ค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลและนัยของมันทั้งหมด  ความลับถูกเปิดเผย ทำให้สติปัญญาของท่านตื่นตะลึง ใช่มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ พระผู้เป็นเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด ชีว่า  ตัวของท่านเอง ได้เข้ามาในร่างของท่าน  มันเป็นพระเจ้าที่มาเปิดเผยสัจจะเกี่ยวกับการทำลายล้างที่กำลังจะมาถึง และการก่อตั้งสวรรค์ ซึ่งจะมาตามการทำลายล้าง มันเป็นพระเจ้าเอง ผู้ซึ่งให้สัญญาณกับดาด้า ซึ่งจะต้องกลายเป็นสื่อ และเครื่องจักรสำหรับการสร้างโลกที่สูงส่งเช่นนั้น

อ่านต่อ  >>>  อดิเทพ ตอนที่ 1 #  9

Wednesday, January 29, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 7


การเข้าถึงขั้นตอนของการตาย
Kaka Mulchand ตายก่อนดาด้ามาถึง แต่หลังจากนั้นสองสามวัน ท่านได้นิมิตขณะที่นั่งคนเดียวในห้องทำงาน ดาด้าเห็นขณะที่ลุงของท่านตาย ท่านเห็นดวงวิญญาณออกจากร่างกาย "ออกผ่านหน้าผาก"  พลังแห่งชีวิตพุ่งขึ้นเหมือนปรอทในเทอร์โมมิเตอร์ เคลื่อนขึ้นด้านบนจากปลายเท้านิ้วโป้งและไปรวมกันที่หัว  และในทันทีดวงวิญญาณได้เดินทางจากไปเช่นนี้ ดาด้าเข้าใจขั้นตอนของการตาย เพียงแต่ร่างกายตายท่านเห็นอย่างชัดเจน ไม่ใช่ดวงวิญญาณตาย

ในสัปดาห์ที่มีนิมิตการตายของลุง ดาด้าได้รับการเปิดเผยอันอื่นอีก คราวนี้ท่านเห็นภาพวิษณุอีกครั้งหนึ่งผู้ซึ่งพูด คำพูดเหล่านี้ "ฉันเป็นผู้ที่มี 4 แขน ท่านคือคน ๆ นั้น"  หลังจากนั้น ภาพนิมิตอื่น ๆ ก็ตามมา Shri Krishna Jaganath, Badrinathji และ Kedarnathji ตามกันมาทุก ๆ คนพูดคำเดียวกัน  "ท่านคือ คน ๆ นั้น"  ดาด้าเข้าถึงสภาพความสุขอย่างใหญ่หลวงเพราะการเปิดเผยนี้ แต่พวกเขาจะเข้าใจได้อย่างไร ?  ท่านเริ่มต้นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับผู้อื่น

ในระยะนี้กูรูของท่านมาหา แต่ดาด้ายังไม่แน่ใจในบทบาทของกูรูที่เล่นในประสบการณ์พิเศษเช่นนี้  และเป็นเพียงแค่กูรูที่ท่านรู้สึกว่ากูรูคือมนุษย์ที่ดีที่สุดที่ท่านสามารถพึ่งพาไ้ด้ในเรื่องนั้น  ท่านก็ยังปฏิบัติต่อกูรูของท่านด้วยความนับถือเช่นเดิม ดาด้าจ่ายเงิน 25,000 รูปี สำหรับการต้อนรับกูรู ท่านจัดการชุมนุมที่ใหญ่มาก ๆ มีผู้คนมากมายนั่งอยู่ที่นั่น  แต่ลักษณะการนั่งของดาด้าในท่ามกลางของพวกเขาเหล่านั้น ท่าทางการลุกขึ้น ทุก ๆ สิ่งที่ท่านทำ ในความจริงบัดนี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  ร่างกายของดาด้ามิได้เปลี่ยนแปลง แต่เป็นที่แน่นอนว่าจิตของท่านได้ปล่อยวางแล้ว  ดวงวิญญาณของดาด้าได้รับพลังจากแหล่งกำเนิดซึ่งไม่ใช่บนโลกนี้

B.K.Brijindraji ผู้ซึ่งโชคดีได้อยู่ ณ ที่นั้นเขียนเกี่ยวกับว่าอะไรเกิดขึ้นในคืนที่มีการชุมนุม  ขณะที่กูรูกำลังอธิบายอยู่และดาด้าก็ลุกขึ้นจากไป ไม่เคยมีมาก่อนที่ท่านจะกระทำเช่นนั้น (ซึ่งเป็นการแสดงถึงความไม่เคารพ)  ความสนใจของฉันอยู่ที่ดาด้า ฉันรู้สึกถึงสิ่งนั้นที่เต็มไปด้วยพลังที่ทำให้ท่านแสดงออกไปเช่นนั้นควบคุมท่านอยู่ ฉันให้ จาโชด้าจิ ภรรยาของท่านไปพูดกับท่าน และฉันก็มีความคิดว่าฉันควรจะตามไปด้วย ฉันตามไปที่ห้องของท่านและนั่งลงใกล้ ๆ กับท่าน จาโชด้า กลับไปฟังการบรรยายของกูรู ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น


อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 8

Tuesday, January 28, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 6


ถอนตัวจากธุรกิจ
ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วสำหรับดาด้า ท่านไม่สามารถใช้สติปัญญาของท่านในธุรกิจการค้าเพชรได้อีกต่อไป ท่านไม่สนใจมันอีกเลย ท่านตัดสินใจที่จะจบธุรกิจของท่าน ดังนั้น ท่านจึงออกเดินทางไปจาการ์ต้าทันที ท่านมีร้านเพชรที่นั่นมาเป็นเวลาหลายปี บัดนี้ ท่านมองดูมันเหมือนของที่ไม่คุ้นเคยกับท่าน หมดความหมาย ท่านเดินไปตามทางเท้าภายในที่เก็บเพชร มองดูที่ถาดที่เก็บเพชรที่ส่องประกายอยู่เต็มถาด หลายล้านดอลล่าร์สหรัฐที่เพชรเหล่านั้นนับค่าได้ ประกายคือเครื่องหมายของคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ที่ซึ่งมนุษย์ผู้รู้พยายามจะเข่นฆ่าและยอมตายเพื่อมัน แต่ท่านมีความรู้สึกว่ามันเป็นเพียงหิน แร่ธาตุก้อนใหญ่ที่ไร้ราคา ท่านสั่นศีรษะ "นี่คือธุรกิจที่ไร้ความหมาย"
ดาด้าเข้าพบหุ้นส่วนของท่าน "กรุณามอบอิสระให้ฉันพ้นจากธุรกิจนี้ด้วยเถอะ" ท่านพูดอย่างแผ่วเบา
หุ้นส่วนอ้าปากค้าง "นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร" เขาตอบ หุ้นส่วนทราบดีว่าดาด้า คือกำลังสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ เป็นความคิดของดาด้า บุคลิกภาพของดาด้ามีค่ามากกว่าตัวเพชรซึ่งส่งประกายระยิบระยับเช่นนั้นเสียอีก ลูกค้าต้องการทุก ๆ สิ่งที่ท่านแนะนำ ถ้าดาด้าจากไป หุ้นส่วนคิด พวกเขาจะประสบความยุ่งยากมาก เขาถามว่าดาด้ามีเหตุผลใดหรือที่คิดตัดสินใจเช่นนั้น และท่านจะถอนหุ้นส่วนเท่าใด ?

ดาด้าปลอบโยนชายผู้นั้นอย่างอ่อนโยน "ฉันต้องการจะไปเพราะฉันต้องการอิสระ"  ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้มันหลอกลวง ดังนั้นฉันจึงต้องการไป ฉันได้รับสารจากพระเจ้าว่า โลกกลียุคกำลังจะถูกทำลาย ดังนั้น ฉันต้องการจะใช้เงินเหล่านี้ในงานรับใช้พระเจ้า ฉันไม่ต้องการดูบัญชีทั้งหมด ขอให้ทำเอกสารออกมาเท่าที่คิดว่าเหมาะสมถูกต้อง

ดาด้าต้องการกลับไปยังห้องเพื่อทำสมาธิโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ แต่หุ้นส่วนต้องการให้ท่านอยู่ดูบัญชีทั้งหมดพร้อม ๆ กัน ดาด้าตกลงจะอยู่ดู อย่างไรก็ตาม งานก็ถูกขัดขวาง โดยเสียงเคาะประตู มีจดหมายมาจากลุงของท่าน Kaka Mulchand ป่วย   ดาด้าจากไปทันทีโดยไม่ตรวจดูบัญชี อะไรก็ได้ที่มือกฏหมายของหุ้นส่วนจัดการให้ท่าน ท่านยอมรับว่ามันถูกต้อง

 ดาด้าส่งโทรเลขกลับบ้านมีใจความว่า "ดาด้าได้รับความเข้าใจในพระเจ้า และหุ้นส่วนได้รับความร่ำรวยทางโลกที่สูงส่งชั่วคราว"  และแล้วดาด้าก็จับรถไฟไปเยี่ยมลุงที่ป่วย ครอบครัวของดาด้าสับสนเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดยังไม่เชื่อว่าดาด้าขายธุรกิจทั้งหมด เพียงแค่นั้น เกิดอะไรขึ้นกับดาด้า เมื่อท่านไปถึงซินดิ ดาด้า เรคราช ได้กลายเป็นคนละคนอย่างสมบูรณ์

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 7

Monday, January 27, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 5


ชีว่า และ การทำลายล้างของโลก
สองสามวันหลังจากนั้น ดาด้าไปที่บางแห่งเพื่อจัดการธุรกิจและได้ไปพบเพื่อนในโอกาสนั้นด้วย ท่านเดินผ่านทางเข้าไปในบ้านที่เหมือนวัง ทันใด ที่ท่านเดินผ่าน จุดที่ท่านเคยมาทำพิธีทางศาสนา ท่านนั่งลงทันที ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ ดาด้ารู้สึกสัมผัสกระแสลมแผ่ว ๆ มาสัมผัสใบหน้าของท่าน และแล้วท่านก็รู้สึกหลุดจากทุกสิ่งบนโลก ท่านจดจำพระเจ้า และอีกครั้งหนึ่งที่ตัวท่านเบา ละทิ้งร่างกายไว้เบื้องหลัง ท่านเข้าใจได้ทันทีว่าประสบการณ์ครั้งก่อนมิใช่การบังเอิญที่ปรากฏขึ้นเพียงอึดใจ และจบลงและหายไปเหมือนก่อน "แน่นอนทีเดียว เมล็ดได้ถูกเพาะลงไปแล้ว"  และมันกำลังโต เติบโตอย่างต่อเนื่องภายในใจของท่าน ท่านได้ถูกเตรียมการไว้อย่างเฉลียวฉลาด เพื่อรับสัจจะที่สมบูรณ์พร้อม ความรู้ที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า เพื่อรับสัจจะในทุกด้านที่มีอิทธิพลต่อชีวิต ดาด้าชายผู้อ่อนโยน มอบชีวิตให้กับผู้ซึ่งชี้ทางให้ท่านได้พบกับการหยั่งรู้สูงสุด

ดาด้าคงค้างที่นั่นระยะหนึ่งและทุก ๆ วัน ท่านจะไปนั่งใต้ร่มเงาของต้นไม้และคิดเกี่ยวกับพระเจ้า ท่านจะพบกับปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ทุก ๆ โอกาส ประสบการณ์ที่สูงส่งในหลายรูปแบบ ภาพจิกซอว์ถูกท่านจัดให้เข้าระบบรวมกัน ลึกลงไปเรื่อย ๆ ที่ท่านดาด้าได้ล่องออกไปในทะเลแห่งความรู้

ในระหว่างนี้ดาด้าเขียนจดหมายพิเศษหลายฉบับกลับไปบ้านของท่าน เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และไม่เคยมีมาก่อนที่เกิดขึ้นกับท่าน ไม่ใช่ว่าท่านเป็นบ้า หรือมันเป็นไปได้ที่่ท่านได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าจริง ๆ B.K. Briji Indraji เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
ดาด้าเขียนจดหมายฉบับหนึ่งว่า "มันสมบูรณ์เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ ฉันจะพยายามขนมัน พยายามจะเอามัน" ในฉบับต่อมาเขียนว่า "ได้กุญแจ ฉันได้มัน ๆ"  ในรูปแบบของจดหมายเช่นนี้ ท่านเขียนมา 5 ฉบับ ในวัันโน้นที่ดาด้าได้ประสบการณ์พิเศษมหัศจรรย์ จดหมายเหล่านั้นเหมือนกับมีกระแสในมือของเรา เราสามารถรับรู้สถานภาพที่สูงขึ้น ในตอนจบท่านเขียนว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ควรจะบรรลุ ฉันได้บรรลุแล้ว เวลานี้ยังคงเหลือแต่อะไรที่จะต้องทำให้สำเร็จบรรลุผล

ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ดาด้าได้รับการเปิดเผยจิกซอร์ทั้งสองลงตัวแล้ว การเปิดเผย "จโยติลิงกำ" Shiva Paramatma (ดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ซึ่งมีรูปเป็นอมตะจุดแสง)  และนิมิตที่น่าตื่นตระหนกเกี่ยวกับการทำลายล้างของโลกปัจจุบัน

นิมิตของชีว่าย้ำความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับบุคลิกภาพของตัวท่าน ดวงวิญญาณสูงสุดเป็นจุดแสง ลูก ๆ ของท่านก็ทำมาในรูปแบบเดียวกัน เช่นนั้น พวกเราทั้งหมดตามความเป็นจริงเป็นเพียงรูปของจุดแสง ซึ่งมีสำนึกที่เปล่งประกาย เพียงแต่เราซึ่งเป็นลูก ๆ ได้รับร่างกายและเล่นบทบาทของเราบนเวทีของโลกวัตถุ ขณะที่ชีว่ายังคงอยู่ในรูปที่เป็นอมตะและโดยที่มีการเกิดและการเกิดซ้ำ เราก็ลืมตัวเราเอง ชีวิตแล้วชีวิตเล่า ดวงวิญญาณตกลงมา พลังของพวกเขาลดลง และเขาทั้งหลายเริ่มแสดงออกซึ่งกิเลสต่อดวงวิญญาณอื่น ๆ และแล้วก่อนละครจะจบสิ้น "ท่านก็มา" มายกระดับลูก ๆ ของท่านให้สู่ระดับสมบูรณ์พร้อมอีกครั้งหนึ่ง แต่มันจะเป็นการจบรูปแบบใดที่กำลังจะมาถึง และจะเป็นลักษณะอะไรที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่

ดาด้าเห็นการทำลายล้างในนิมิตของท่าน ท่านเห็นลูกระเบิดที่รุนแรงที่ได้ถูกสร้างขึ้นและถูกยิงขึ้นมาทำลายกัน มีสงครามระหว่างอเมริกาและรัสเซีย ท่านเห็นจรวดนำวิถีพร้อมหัวรบนิวเคลียร์ มีศักยภาพทำลายล้าง ทำลายล้างส่วนของโลกถูกเผาไฟในช่วงขณะเดียว ลูกไฟขนาดมหึมา เมื่อตกอยู่ภายใต้เปลวเพลิง พายุเพลิงที่ดาลเดือดในทุก ๆ หย่อมหญ้า ดาด้าเข้าใจได้ว่าอาวุธเหล่านี้ได้เคยใช้มาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วในสงครามมหาภารัต ซึ่งมีบรรยายไว้ในคัมภีร์เก่าแก่ว่าเป็นธนูไฟ (Brahmastras ศรพรหมมาศ) และ moosals (หอกโมกขสะ) และสงครามเดียวกันนี้ก็ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ดาด้าเห็นว่าในสงครามครั้งนี้นั้นยุโรปและอเมริกาจะถูกทำลายล้างลงทั้งหมด

เมื่อท่านได้รับนิมิตนี้ อเมริกายังไม่ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงไปบนฮิโรชิมา และนางาซากิ รัสเซียและอเมริกายังเป็นพันธมิตรกัน ขณะที่เยอรมันและญี่ปุ่นเป็นศัตรูกับพวกเขา แต่ในนิมิตซึ่งพระเจ้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งสองประเทศจะกลายเป็นศัตรูกัน และสงครามที่พวกเขาเริ่มจะกลายเป็นจุดจบของโลก จะไม่มีคนเหลือแม้แต่ที่จะฝังคนตาย "โลกของซากศพ สงบนิ่งอยู่บนพื้นผิวน้ำ" ผลของการทำลายล้างนี้ ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างทันทีนับล้าน ๆ ดวงวิญญาณจะโบยบินดังเช่นฝูงยุงในค่ำคืนของจักรวาลขึ้นไปยังโลกวิญญาณที่อยู่อาศัยสูงสุด จะคงเหลือไว้เพียงแค่หยิบมือเดียวของมวลมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลก

ดาด้าเห็นไม่เพียงแต่ยุโรป อเมริกา รัสเซีย เท่านั้นที่พินาศไป แต่การทำลายล้างนั้นเกิดขึ้นเช่นกันในจีน อาฟริกา อินเดีย ตะวันออกกลาง ในพื้นที่เหล่านั้นความตายเข้ามาอย่างช้าๆ จากสงครามและสงครามกลางเมือง การบรรลุถึงจุดสุดยอดของคลื่นแห่งความน่าสะำำพรึงกลัวของความหายนะของธรรมชาติ น้ำท่วม คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว ที่มีขนาดมหึมาจนไม่อาจจะเชื่อได้ ภูเขาไฟระเบิด พายุภัยทุกรูปแบบที่ระบายความโกรธแค้น สร้างความหายนะไปทั่วพื้นผิวโลก ดาด้าเริ่มสั่นจนไม่สามารถควบคุมได้ที่ได้เห็นภาพเช่นนั้น ที่โลกถูกทำลายล้างไปจนทั่ว มนุษย์และสัตว์ต่างวิ่งกันอย่างตระหนก เพื่อจะรักษาชีวิตของตน เพื่อหลบหนีจากกรามของพญายม แต่มันไม่มีที่จะหลบซ่อน พระเพลิงได้กินพวกเขาอย่างตะกละตะกรามจนสิ้น

และแล้วฝน 5000 ปีก็ตกลงมา คลื่นของน้ำก็หลากไปทั่วถนน กลืนบ้านเรือนบางแห่ง สิ่งก่อสร้างโค่นล้มสั่นสะเทือน แผ่นดินเปิดกว้างอย่างไพศาล ฝูงชนถูกแผ่นดินสูบลงไปใต้ผิวโลกที่โกรธแค้น ทุกๆ ด้านความเอะอะโวยวายกระจายไปทั่ว เสียงร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดและความน่ากลัว สายธารของเลือดไหลนอง ความเสียขวัญ หวาดกลัว ความสิ้นหวัง และกลัวความตาย ในที่สุดและแล้วความเงียบคือผมที่ตามมา ดาด้าผู้ซึ่งในชีวิตของท่านไม่เคยหลั่งน้ำตา กำลังสะอึกสะิอื้นอยู่ โอพระผู้เป็นเ้จ้า กรุณาหยุดเหตุการณ์นี้...กรุณาหยุดเหตุการณ์นี้... ท่านคร่ำครวญ มันเป็นการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ กรุณาเถอะแสดงให้ฉันเห็นภาพด้านอื่นของท่าน ด้านที่สวยงาม

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 #  6

Sunday, January 26, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 4



ความงดงามของความรู้ที่สูงส่ง 
วันหนึ่งขณะที่ดาด้านั่งอยู่หลังบ้านพักกับพวกลูกศิษย์ของกูรูของท่าน ท่านเริ่มรับความรู้สึกประหลาด ท่านเริ่มจดจำว่านี่เป็นความรู้สึกของจิตภายในที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่รู้สาเหตุและจุดประสงค์ มีความรู้สึกซึ่งละเอียดของการรับรู้ที่สูง เป็นความชัดเจนของความคิดและการเห็นพลังของการหยั่งรู้ที่จะเข้าใจความจริงเกิดขึื้นภายในอย่างเด็ดเดี่ยว ท่านเข้าห้องของท่าน เพื่อให้พ้นจากผู้คนที่มาเยี่ยม ขณะที่นั่งอยู่คนเดียวซึมซับอยู่ในปรากฏการณ์ที่ไม่สามรถสรุปได้ของความรู้สึกของการคงอยู่ ท่านตกอยู่ภายใต้การดื่มด่ำที่สูงส่ง คลื่นของความปิติที่ไ่ม่สามารถบอกได้ ได้แผ่ลงมาปกคลุมท่าน ซึมซาบไปด้วยความปิติสุข ท่านได้หลุดไปจากสำนึกที่ว่าตนเองคือร่างกาย ท่านเป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ แสงที่บริสุทธิ์ ลอยอยู่ในทะเลของความปิติสุข และก็ปรากฏภาพนิมิตรของวิษณุเทพ ผู้มี 4 แขน

ดาด้า คิดว่านิมิตที่ได้รับนั้นเป็นการให้โดยกูรูของท่าน ท่านออกไปหากูรูและบอกเล่าประสบการณ์ด้วยความสุขและความรัก แต่ขณะที่พูดอยู่ ดาด้าเข้าใจได้ว่ากูรูของท่านไม่รู้เรื่องเลย จากสายตาที่ว่างเปล่าไม่มีความรู้สึก ชายผู้นี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านได้ประสบมาเลย และการได้ประสบการณ์เช่นนั้นมันนอกเหนือความสามารถของกูรูท่านนี้

ความคิดของดาด้าหันไปหาพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ปราศจากร่าง ท่านเข้าใจแล้วว่าสัตกูรูเพียงท่านเดียวและนั่นคือตัวพระเจ้านั่นเอง พระเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถประทานความงดงามเช่นนั้นได้ ผู้ให้การรับรู้ที่สูงส่งและสติปัญญาที่สูงส่ง มนุษย์ทุกคนเรียกท่านว่า "พระผู้เป็นเจ้า" หรือประกาศว่าพระเจ้าผู้อยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นพระเจ้านั่นเองผู้ซึ่งทำให้ท่านได้รับภาพนิมิตของวิษณุ ดาด้ามีความรู้สึกได้อย่างชัดเจน สิ่งที่ท่านต้องการรู้คือ "ทำไม"


อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 5 

Saturday, January 25, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 3


การสักการะบูชาที่มีลักษณะเฉพาะ การรับรู้ที่ไวของการฝึกฝน
ตั้งแต่เด็ก ดาด้าบูชานารายัญด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ ท่านมีใจจดจ่อที่จะจดจำเทพกษัตริย์ผู้นี้ ผู้ซึ่งท่านคิดว่าเป็นรูปของ "พระผู้เป็นเจ้า God" ท่านจะมีภาพของศรีนารายัญไว้ ณ หิ้งบูชา ในห้องนอน ใต้หมอน เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ในที่ทำงาน และในกระเป๋าเสื้อ ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ท่านจะได้เห็นรูปที่สูงส่งและสง่างาม

ในตลาดที่ดาด้าเคยผ่าน มีรูปสีของนารายัญขาย วาดไว้ให้นารายัญนอนหงาย ในรูปศรีลักษมีจักรพรรดินีของเขาแสดงการรับใช้ด้วยการนวดเท้าเช่นคนรับใช้ ดาด้าไม่ชอบภาพนี้อย่างมาก ดาด้าคิดว่ามันน่ารังเกียจที่ผู้หญิงในปัจจุบันถูกตีค่าอย่างต่ำต้อย แน่นอน ความคิดชั่วร้ายเช่นนั้นคงไม่มีอยู่ในสติปัญญาของเทพ ดาด้ามีความรู้สึกว่าความสามารถของสตรีมิได้น้อยกว่าของผู้ชายเลย มันเป็นอาชญากรรมสำหรับพวกเขาที่ถูกกระทำให้ด้อยค่ากว่าค่าที่มีอย่างแท้จริง ความคิดเช่นนั้นพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ท่านค้นหาคนวาดภาพที่วาดภาพที่น่ารังเกียจจนพบ และให้ค่าตอบแทนให้วาดภาพที่แสดงถึงความสูงส่งที่เท่าเทียมกันของคู่ที่สูงส่ง

 ณ เวลานั้น ดาด้าไม่เคยมีความคิดเลยว่าในชาติต่อไปท่านจะไปเป็นศรีนารายัญ ผู้ที่ท่านทำการสักการะมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ไม่เพียงแต่การบูชาที่รักษามายาวนานตลอดเวลาเท่านั้น ท่านจึงรักษาศรัทธาที่ปราศจากความกลัวใด ๆ ในทุกสถานการณ์ ท่ามกลางการติดต่อทางธุรกิจ ท่ามกลางธุรกิจภายในบ้าน  เมื่อถึงเวลาทำการบูชา ท่านจะไม่ยอมให้ผ่านไป ท่านจะขอตัวจากคนอื่น ๆ ถ้าจำเป็น แต่จะไม่เคยแก้ตัวให้กับตนเอง แม้แต่ขณะเดินทาง ท่านจะอ่านบทบัญญัติจาก ศรีมัตภควัตกีตะ ดาด้าเชื่อในกีตะอย่างหนักแน่นและไม่กำกวม ในการกล่าวถึงความศรัทธาและการบูชา ลูกสะใภ้เขียนไว้ว่้า
มหาราชาลูกค้าผู้ร่ำรวยและเป็นผู้นำทางธุรกิจที่เขาดำเนินอยู่มาเยี่ยมท่านตรงกันกับเวลาที่ดาด้าจะทำการบูชา(Puja)  แต่ดาด้าจะไม่เลื่อนหรือทำอย่างรวบรัดในศาสนาพิธีเหล่านั้น มากกว่านั้น ท่านจะไม่ยอมประนีประนอมวิถีชีวิตความเป็นไป เช่น การกิน ตัวอย่างอาหารบริสุทธิ์ ณ ที่งานเลี้ยงอาหารค่ำ เหล้า บุหรี่ ไม่เคยได้รับอนุญาต แขกสำคัญไม่คุ้นเคยกับความเรียบง่ายเช่นนี้ และไม่เคยขาดความสุขที่ได้รับจากงานเลี้ยงทางโลก พวกเขาเคยหยอกล้อดาด้าว่างานของท่านช่างขาดซึ่งดุลยพินิจ ดาด้าจะตอบด้วยสายตาที่ยิ้มแย้มแวบหนึ่ง "แล้วเราควรจะทำลายศาสนาของเราเพียงเพื่อท่านหรือ" ท่านให้เราเพียงแค่กระดาษ (Paper Note) แต่เราให้ท่านกลับไปด้วย "เพชร" พวกเขจะพากันหัวเราะ เมื่อได้ฟังเช่นนั้น

ดาด้าชอบที่จะไปแสวงบุญ ท่านไปเยี่ยม Amarnath และ Kashi ท่านชอบที่จะเชื้อเชิญเหล่าสาธุ ซานยาสซี ที่เร่ร่อน ให้เป็นแขกค้างคืนที่บ้านท่าน ท่านมีความสุขที่ได้สนทนากับพวกเขาเกี่ยวกับความเข้าใจของพวกเขาทางด้านศาสนา บ่อยครั้งทีี่ดาด้าเต็มล้นกับชีวิต ท่านเป็นคนที่มีความสุข ท่านมีความศรัทธาสูงสุดต่อกูรู และเคยใช้เงินหลายพันรูปีเพื่อการเชิญพวกเขา ให้การต้อนรับและการยืดเวลาในการอยู่พัก ท่านให้ความสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อคำสั่งของกูรู ลูกสะใภ้จดจำเรื่องมากมายเกี่ยวกับสิ่งนี้

ในช่วงนั้น (ก่อนพระเจ้าจะลงมา) ดาด้ามีความเชื่อศรัทธาต่อกูรูของท่านอย่างใหญ่หลวง
ครั้งหนึ่ง กูรูมายังบ้านพร้อมกับสานุศิษย์กลุ่มใหญ่ ดาด้าต้อนรับพวกเขาทั้งหมดด้วยความรัก ท่านมีความรักและหวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความสุขของพวกเขา ท่านสั่งน้ำกุหลาบมาหลายกล่อง ฉีดไปทั่วห้องพักทั้งเช้าและเย็น รวมทั้งจุดธูปด้วย ท่านกังวลและเพื่อมิให้กูรูของท่านถูกรบกวนขณะที่นอนหลับ ไม่ให้มีแม้แต่สุนัขจรจัดที่จะมารบกวนการนอนหลับของกูรู ทำให้หลับไม่สนิท ดาด้าว่าจ้างคนมาเฝ้ายามเป็นพิเศษในขณะที่กูรูพักผ่อน ถึงแม้ระยะนี้ของปีไม่มีมะม่วง ท่านก็ไปหามาจนได้เพราะรู้ว่ากูรูชอบ ถึงแม้จะหายากเย็นปานใด ที่จะได้มะม่วงมาหนึ่งผล

ดาด้า เชื่อฟังแม้แต่คำสั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกูรูของท่าน ไม่ว่ในสถานการณ์ใด ๆ ครั้งหนึ่ง เป็นโอกาสในการตั้งชื่อของหลาน ซึ่งบุคคลสำคัญหลายคนได้ถูกเชิญไว้แล้ว ทันใดที่ดาด้าได้รับข่าวว่ากูรูของท่านต้องการท่านด่วนเพื่องานรับใช้และให้มาโดยด่วน  ท่านเรียกภรรยาของท่านจาโซด้าจิ มาสั่งให้แจ้งข่าวการยกเลิกและจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ด้วยเพราะท่านต้องไป จาโซด้าจิแทบไม่เชื่อ ท่านจะจากไปได้อย่างไรในโอกาสเช่นนี้ แล้วดาด้าพูดว่า การได้ยินคำสั่งจากกูรูก็เหมือนกับได้ยินคำพูดจากพระยายม ถ้าความตายมาถึงฉันคงไม่สามารถบอกให้ความตายรอสักครู่ เพราะวันนี้เป็นวันตั้งชื่อหลานของฉันและดาด้า ก็เข้าไปข้างใน

จาโซด้าเรียกทุกคนในครอบครัวให้มาช่วยกันโทรบอกเพื่อนและผู้ที่ได้รับเชิญ อธิบายว่า ดาด้าต้องไปนอกเมืองเนื่องจากมีเหตุสำคัญบางประการ และงานด่วนของกูรูท่านนั้นคืออะไรเล่าที่ปรากฏออกมา เขาต้องการให้ดาด้าให้เงินหนึ่งหมื่นรูปีกับลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งไปเล่นการพนันและเสียจนหมดตัว

เรื่องราวการทำกุศลมีอีกมากมาย ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ของการทำกุศลโดยไม่หวังผล ถึงแม้จะมีคู่แข่งคนสำคัญซึ่งอยู่ภายในครอบครัวเดียวกัน ลุงของท่านซึ่งมีอาชีพค้าขายงาช้าง ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการทำบุญกับคนจน ไม่มีการยึดติดกับเงินของตนเองเลย บ่อย ๆ ที่ดาด้าไปบ้านลุง Mulchand Arala และนั่งคู่กับลุงแจกเงินให้กับคนจนซึ่งเข้าแถวกันมาขอรับความช่วยเหลือ ในเรื่องของความมีใจบุญสุนทาน ท่านเป็นหุ้นส่วนกับลุงของท่านอย่างเต็มตัว

จิตใจของท่านมีความรักในศาสนา รักความชอบธรรม เต็มไปด้วยพลังและมีเหตุผล ไม่ว่าในโอกาสใด ๆ ไฟแห่งคุณธรรมภายในทุกการกระทำของท่านสามารถสัมผัสได้ เมื่อบุตรีและหลานสาวแต่งงาน ท่านจะจัดงานฉลองให้ เป็นงานที่จะต้องมีการมอบเสื้อผ้าและของใช้ภายในครัวเรือนให้กับคู่บ่าวสาว แต่ดาด้าให้ "เพชร" และอัญมณีอื่นที่สวยงามมีค่านับหลายหมื่นรูปีแก่พวกเขา และพร้อมกันกับคัมภีร์ศรีมัต ภควัต กีตะ ในกล่องเงินซึ่งถือว่าเป็นของขวัญพิเศษจากท่าน ซึ่งจะทำให้บ่าวสาวมีความศักดิ์สิทธิ์และความรักในชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุขจากชีวิตแต่งงาน ท่านจะเชิญกูรูของท่านมาด้วยในโอกาสเช่นนี้ และท่านถือโอกาสนี้เป็นการรวมกัน เพื่อพิธีทางศาสนาและการยกระดับจิตใจสูงขึ้นพร้อมกับงานแต่งงาน

ขณะที่ท่านกลายเป็นเศรษฐี เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงว่าร่ำรวยและมีสกุล เมื่อได้รับสถานภาพดังกล่าว มันเป็นที่คาดกันว่าลูกสาวของท่านจะต้องแต่งงานเข้าไปในสกุลที่มีชื่อเสียงเสมอกัน
ในทางตรงข้ามเมื่อลูกสาวของท่านชื่อ Puttu  จะแต่งงาน ท่านเลือกครูใหญ่หนุ่มซึ่งมาจากครอบครัวธรรมดา ซึ่งลูกสาวของท่านแสนจะสวยงาม ฉลาดเต็มไปด้วยสติปัญญา ถูกเลี้ยงขึ้นมาด้วยความสุขที่สมบูรณ์พร้อมและอุทิศตน ดาด้าสามารถที่จะเลือกชายหนุ่มที่เหมาะสมที่สุดในอินเดียเพื่อมาเป็นคู่ของลูกสาวท่าน แต่ตัวท่านกลับมีความนับถือ Bodhraj เขาเป็นคนเคร่งศาสนา Puttu เองก็มีปัญญาเช่นเดียวกับบิดา และเข้าใจถึงการได้ผู้ชายที่เคร่งศาสนามาเป็นสามี ความจริงครูใหญ่ท่านนี้ได้ฉายาว่า "ราชโยคี" จากชุมชน ขอบคุณต่อความรักที่ไม่เคยมีความเหน็ดเหนื่อยต่อการฝึกสมาธิ และนั่นคือสาเหตุที่ดาด้าเดินหน้าถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ท่านต้องการให้บุตรีของท่านมีบรรยากาศที่ดีต่อการบูชา หลังจากที่ไปจากบ้าน ดาด้าทราบมาว่าการมีเงินแต่ไม่มีความสงบเป็นเพียงการนำไปสู่ความหายนะ แต่ว่าบ้านที่เต็มไปด้วยความสงบสุขก็คือสวรรค์ถึงแม้จะไม่มีเงิน

ภายในครอบครัวก็เริ่มเอะอะเมื่อมีการประกาศ มันเป็นเรื่องโต้เถียงกันในทุก ๆ แห่งที่มีการชุมนุมว่า ทำไมดาด้าทำลายชื่อเสียงของครอบครัวด้วยการแต่งลูกสาวออกไปกับคนนอกเช่นนั้น คนที่ทำตัวเป็นเช่นซานยาสซีมากกว่าเป็นคนทางโลกเช่นนั้น ถึงแม้ว่าในตอนจบ ทุกคนจะเข้าใจว่าการตัดสินใจของดาด้านั้นดีที่สุด ภรรยาของท่านนับถือบูชาศรีกฤษณะอย่างสุดซึ้ง (กฤษณะคือเจ้าชายคนแรกของสัตยุค ชื่อของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นศรีนารายัญตอนแต่งงาน ฮินดูเชื่อว่าศรีกฤษณะคือพระเจ้า จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับอินเดียที่เขียนขึ้น 2,500 ปี หลังจากศรีกฤษณะเกิด ศรีกฤษณะนั้นสูงส่งอย่างแน่นอน เขาได้รับสภาพที่สูงส่งหลังจากที่ชาติก่อนที่จะเกิดมาเป็นกฤษณะนั้น เขาได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระเจ้าและบรรลุผลด้วยการได้รับชัยชนะเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้าและจิตใจของตน) 
สมาชิกภายในครอบครัวของดาด้าเป็นแบบอย่างที่สละตัวอย่างสูง การที่ครอบครัวมีทรัพย์สินมากมายมิได้ทำให้พวกเขาทำสิ่งไม่ดี ความจริงดาด้าไม่มีความต้องการแม้แต่น้อยที่จะใช้เงินทองเพื่อความสุขสบายใด ๆ 

การแต่งงานระหว่าง Puttu กับ Bodhraj ได้ถูกถ่ายทอดให้เราฟังโดยตลอดเหตุการณ์ โดย B.K.Manohar Indraji ปัจจุบันเป็นครูสอนอยู่ที่มธุบัน 
ฉันเห็นดาด้า หลายครั้ง บ้านหลังหนึ่งของดาด้าอยู่ใกล้กับบ้านของลูกชายคนหนึ่งของดาด้าชื่อนารายัญ ซึ่งเป็นเพื่อนกับน้องชายของฉัน เมื่อการแต่งงานถูกจัดขึ้น ฉันได้รับเชิญ และแน่นอนฉันไปร่วมแน่นอน สิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษคือไ่ม่มีเสียงตะโกนหรือสรรพสำเนียงทางโลกใด ๆ เลย เป็นความรู้สึกเกือบจะเป็นภาพที่ปรากฏเป็นการแต่งงานของเหล่าเทพ เปรียบดังบ่อแห่งความสงบท่ามกลางกลียุค ฉันรู้สึกประทับใจในภาพนั้นอย่างมาก ขณะนั้น ความคิดได้เกิดขึ้นว่าฉันไม่ชอบมนุษย์ในโลกที่อาศัยอยู่ทั่ว ๆ ไปเลย พวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาและทะนงตนเอง แต่ฉันชอบเป็นอย่างมากกับการอยู่อย่างบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความงาม เช่นเดียวกับครอบครัวของดาด้า

ความงดงามดูเหมือนดังเช่นภาพที่เคลื่อนไหวได้นั้นคือภาพของดาด้า ท่านมีร้านเพชรที่จาการ์ต้าและมีธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่บอมเบย์ ท่านมีีบ้านทั้งสองแห่ง รวมทั้งบ้านที่อยู่อาศัยที่ ไฮดราบัด ทั้ง 3 ที่ ๆ เขาอาศัยอย่างหัวหน้าครอบครัวที่หรูหราเช่นชายผู้มีอำนาจสูง ท่านมีความสุข

มันเป็นประเพณีในอินเดียสำหรับผู้ชายที่มีแนวโน้มทางศาสนาสูงเช่นดาด้า ที่จะเข้าป่าและปฏิบัติตนเช่นผู้สละละทิ้ง ถึงแม้ความรักที่ดาด้ามีต่อพระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง ท่านไม่เคยมีความคิดที่จะละทิ้งบ้านและแยกไปอยู่อย่างสันโดษเช่นฤาษี Vanprastha (ซึ่งพวกเขาจะใช้ชีวิตในปั้นปลายในป่า) ในที่สุดเมื่อดาด้า อายุ 60 ปี ภรรยาของท่านพูดว่า "ตอนนั้นเราควรจะไปหาที่ห่างไกลสักแห่งและอยู่อย่างฤาษี"

ดาด้าคิดทบทวน "เดี๋ยว" ท่านพูด ฉันได้หาเงินมาหลายแสนรูปี ให้ฉันหามันอีกสักเท่าตัวแล้วเราค่อยไปเป็นฤาษี ดาด้ามองเหตุอย่างชัดเจนต่อช่องทางที่จะทำเงินได้ ตามความคิดของท่านจะใช้เวลาหาเงินสัก 2 ถึง 4 ปี และเมื่อได้มาก็จะทำบุญอุทิศห้กับผู้ที่ต้องการ และจะไปใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในป่า "แต่" มันมีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า "มนุษย์เสนอ พระเจ้าจัดการ" "man proposes God Dispose" ทันทีทันใดบางสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดของดาด้า "ความผูกพันทางโลกเลือนหายไปจนหมดสิ้น" ท่านเริ่มรับประสบการณ์ที่สุดจะบรรยายได้ภายในใจ จุดนั้นเป็นต้นมาที่ท่านต้องการอยู่คนเดียว ใช้เวลาทั้งหมดไตร่ตรองและคิด

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 4

Friday, January 24, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 2


บุคลิกที่ธรรมดาแต่พิเศษ
ท่ามกลางบรรยากาศที่สับสนในสังคมซินดิ ณ เมือง ไฮดราบัด มีชายผู้ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้คนทั้งหมด ท่านถูกเรียกด้วยความรักว่า ดาด้า ชื่อเดิมว่า ดาด้า เรคราช ถึงแม้ว่าจะเกิดมาจากพื้นฐานที่ธรรมดา แต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างติดตัวมา คุณสมบัติที่ปรากฏถึงแม้จะกำหนดไม่ได้ในขณะแรกพบ แต่เมื่ออยู่ในฝูงชนที่แออัดยัดเียียดนับร้อย ๆ คน ก็จะจำได้ว่าเป็น ดาด้า เรคราช เกิดแรงดึงดูดที่ทำให้สุขใจจนไม่สามารถบรรยายได้ ความสามารถดึงดูดและโน้มน้าวใจผู้อื่นซึ่งอยู่รอบ ๆ เช่น ลำแสงที่เรืองรอง ผู้คนสามารถจะรู้สึกได้แม้แต่ในระยะไกล ๆ ถึงความรัก ความถ่อมตน หัวใจที่จริงใจซึ่งเป็นธรรมชาติของท่าน มากกว่านั้นเรายังสามารถรับรู้ถึงพลังของดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดแห่งกระแสที่ไม่สามารถจะลืมเลือนได้เมื่อจากไป

หน้าผากที่สูงและกว้าง ผมขาวเช่นหิมะ ผมตัดสั้น สะอาดสดชื่น และเรียบง่ายในหนทางการดำรงชีวิต ความประพฤติที่เป็นสุภาพบุรุษ การเสียสละที่แท้จริง ชนะใจมิตรสหาย และเป็นที่ชื่นชอบในทุกที่ที่ท่านย่างเท้าไป ความมืดมิดและความด้อยค่าไม่เคยได้สัมผัสดวงวิญญาณของท่าน

ดาด้า เป็นที่รักของสัมคมซินดิ ท่านมั่นคงเช่นภูผา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงและไว้ใจได้ในสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน ถึงแม้จะเกิดจากครอบครัวชั้นกลาง ดาด้า เติบโตอย่างรวดเร็วในอาชีพด้วยพลังแห่งความเพียร ซื่อตรง ประกอบกับความชาญฉลาดและมีสติปัญญาที่จดจ่อ บรรลุถึงขั้นเศรษฐีและเป็นหนึ่งของคนที่รวยที่สุดในอินเดีย และยิ่งกว่านั้น ดาด้า เป็นเพียงคนไม่กี่คนที่จะสามารถให้ความพอใจกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับท่าน ครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน คนในธุรกิจ ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีจำนวนน้อยมากที่เป็นที่รักของคนอื่น มิใช่เป็นเพียงแค่มีประโยชน์กับพวกเขา แต่ ดาด้า ยังให้ความรักกับพวกเขาเช่นที่พวกเขารัก ดาด้า ด้วย และนั่นคือ ดาด้า เรคราช

หรือคนที่รู้จัก ดาด้า ผิวเผินต่างพูดว่ามีความรู้สึกว่าท่าน คือ ญาติ หรือไม่ในหัวใจของพวกเขาปรารถนาจะสนิทชิดเชื้อด้วยนั้นคือความคิดที่เกิดขึ้น มันช่างโชคดีอะไรเช่นนั้นที่ได้เกี่ยวข้องหรือเกิดในครอบครัวของท่าน




"การเริ่มต้นของชีวิตทางโลก"
ท่านเกิดในปี 1876 ในซินดิ Kripalani Family ผู้นับถือนิกาย "Valabhacarya"  ซึ่งเรียกอย่างผิด ๆ ว่าศาสนาฮินดู (ผิดเพราะ ฮินดู อ้างถึง ภูมิศาสตร์ของสถานที่เป็นแม่น้ำอินดัส Indus River) ไม่ใช่ความเชื่อทางศาสนา ชื่อจริงคือ Adi Sanatan Devi Devata Dharma หรือ "ศาสนาเทพดั้งเดิม" เทพตกต่ำลงมาตามกาลเวลา และ เวลานี้ผู้คนที่เคยเป็นเทพก็กลับมากราบไหว้รูปที่เป็นเทพเดิมของตนเอง แล้วใครเล่าที่เป็นผู้ทำให้พวกเรากลายเป็นเทพตั้งแต่ต้น มันยังคงเป็นความลับมาตลอดระยะเวลานับพัน ๆ ปี จนกระทั่ง พระเจ้าได้ลงมาปรากฏและแถลงว่าท่านเองคือผู้รับผิดชอบในงานนี้ และบัดนี้ที่ท่านกำลังสร้างเทพีเทพเจ้าโบราณขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แน่นอน ณ เวลานั้นไม่ว่า ดาด้า หรือ ผู้ใดก็มีความคิดเห็นเช่นนี้ที่เรากำลังพูดถึง

พ่อของท่านมีอาชีพเป็นครูใหญ่ แต่ลูกชายตัดสินใจไม่เดินตามรอยเท้าพ่อตั้งแต่ต้น ดาด้าเริ่มธุรกิจของตนเองด้วยการค้าขายข้าวสาลี พยายามรวบรวมทุนทั้งหมดจากการค้าที่ไม่ค่อยจะพอเพียงนัก เมื่อได้จำนวนทุนที่พอก็เริ่มดำเนินการในธุรกิจที่ตนใฝ่ฝัน นั่นคือธุรกิจค้าเพชร ดาด้าพัฒนาความช่ำชองในการแยกแยะเพชรพลอยอย่างยอดเยี่ยมจนเป็นสัญชาติญาณ ในเวลาสั้นๆ ชื่อเสียงแพร่สะพัด ธุรกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับกำไร ราชา มหาราชา อุปราชอังกฤษ กลายมาเป็นลูกค้าและเพื่อนของท่าน กษัตริย์ของเนปาล และกษัตริย์ Valaipur ปฏิบัติต่อท่านเช่นแขกพิเศษ ท่านได้รับเชิญไปในงานของขุนนาง และได้รับการต้อนรับด้วยการให้เกี่ยรติอย่างสูง ไม่เพียงแค่เพราะเพชรที่สุกใสเท่านั้น แต่เพราะความเป็นอัจฉริยะที่พวกเขารู้สึกได้ในตัว ดาด้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลูกสะใภ้ของท่านทีชื่อว่า "ราธิกา" ปัจจุบันเป็น B.K. ดูแลศูนย์อยู่แถวบอมเบย์ เล่าไว้ว่า 
กษัตริย์ที่รู้จักกับดาด้าไว้ใจท่านมาก ๆ อนุญาตให้ท่านเข้าวังได้ทุกเวลา โดยมิต้องบอกหรือขออนุญาตล่วงหน้า นักธุรกิจอื่นๆ ต้องผ่านขบวนการและรอคำตอบ เมื่อดาด้ามา ราชมาตา(แม่ของพระราชินี) จะเรียกท่านไปเพื่อนำเพชรไปให้ลูกสาวและลูกสะใภ้เลือก ผู้ที่อาศัยอยู่ใน Rajmahel ของกษัตริย์รู้ถึงความศรัทธาในศาสนาของดาด้า ความประพฤติที่เป็นธรรมชาติและบริสุทธิ์ หลายครั้งกษัตริย์พูดกับท่านว่า "เป็นความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้พวกเราเป็นกษัตริย์แทนที่จะเป็นท่าน"  "เพราะว่าคุณสมบัติและพลังอำนาจในการเป็นกษัตริย์ทั้งหมดอยู่ภายในท่าน" ในความเป็นจริงพระผู้เป็นเจ้ามิไ้ด้ทำความผิดพลาด เพราะว่ากษัตริย์เหล่านั้นเป็นเพียงกษัตริย์ในนามเท่านั้น กษัตริย์ซึ่งมีมงกุฏเดียว ขณะที่พระผู้เป็นเจ้ามาบันดาลใจให้ดาด้าทำความเพียรทางดวงวิญญาณ ที่จะทำให้ท่านได้รับสถานภาพของกษัตริย์ผู้มีมงกุฏทั้งสอง รัศมีของความบริสุทธิ์พร้อมด้วยมงกุฏทองที่ตบแต่งบนศีรษะของจักรพรรดิผู้ครองโลกทั้งโลก

การให้เกียรติของกษัตริย์เช่นนั้นไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาส่งบัตรเชิญพิเศษและก็จัดที่นั่งพิเศษที่มีไว้สำหรับการให้เกียรติอย่างสูง และท่านจะถูกนำไป ณ ที่นั้นทันทีที่ท่านมาถึง 

ครั้งหนึ่ง พวกเราทั้งหมดทั้งครอบครัวได้รับเชิญให้ไปพักภายในราชวังของ King Valaipur วันนั้นจะมีการประชุมเหล่าขุนนางครั้งใหญ่ เมื่องานเริ่มดาด้านั่งที่ gallery ตรงข้ามกับกษัตริย์ กษัตริย์มองไม่เห็นครอบครัวของดาด้าอยู่ด้วย (ภรรยาของดาด้า จาโซด้า ได้ตัดสินใจจะรับ Darshan ของนักบุญที่มาเยือนชื่อศรีนารถจี และจะมางานฉลองภายหลัง) กษัตริย์ให้ความนับถือดาด้าเป็นอย่างมาก สั่งให้หยุดพิธีการทั้งหมดจนกว่าครอบครัวทั้งหมดจะมารวมกัน และส่งนายกรัฐมนตรีพร้อมคำเชิญพิเศษไปเชิญครอบครัว เมื่อพวกเรามาถึงกษัตริย์ให้การต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ มีวงดนตรีบรรเลงเพลงสำหรับพวกเรา และการเยี่ยมศรีนารถจีในครั้งหลัง กษัตริย์ก็จัดการเรื่องรถให้เมื่อเราต้องการ คนขับรถม้าให้ความเห็นว่า เขาไม่เคยเห็นแขกใด ๆ ได้รับเกียรติสูงส่งเช่นนี้เลย การประชุมขุนนางไม่เคยมีการหยุดกลางคันเช่นนั้นเลย

ดาด้ามิได้มีการศึกษาตามระบบที่สูง แต่ด้วยการศึกษาด้วยตนเองท่านก็สามารถใช้ภาษาซินดิได้อย่างดีและประสบความสำเร็จ ดาด้าศึกษาทั้งปรัชญาและศาสนาจากหนังสือภาษาฮินดี ท่านมีความเชี่ยวชาญในคัมภีร์ของกูรูมุกดีและ กูรู Granth ซาฮีบ ท่านเป็นนักอ่านภาษาอังกฤษที่ช่ำชอง มากกว่านั้นท่านเป็นนักเขียนจดหมายที่จัดเจน มีรูปแบบที่สั้นและได้ใจความ ประดุจจะทำให้เห็นภาพออกมาจากหน้าจดหมายและตราตรึงอยู่ในความคิดของผู้อ่าน แนวคิดเต็มไปด้วยรูปแบบที่สูงส่งและให้แรงบันดาลใจ ท่านเข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะอย่างลึกซึ้ง การจับใจความของการเข้าถึงสาระ ชั่วขณะของสัจจะซึ่งผ่านเข้ามา ความจำในทุก ๆ รูปแบบที่ผ่านเข้ามา แม้แต่ในงานธุรกิจ เป็นเพราะการมองเห็นด้วยความสามารถที่เช้าใจอย่างชัดเจน ท่านสร้างรูปแบบของเพชร ไม่เคยเลยที่ท่านจะเลียนแบบงานของใคร ๆ 

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 3

Thursday, January 23, 2014

อดิเทพ - คำนำ



มีชีวประวัติมากมายที่ได้ถูกเขียนขึ้น เกี่ยวกับบุคคลสำคัญที่พิเศษ เขาเหล่านั้นได้ประสบความสำเร็จในความเพียรพยายามไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง หรือได้รับพลังทางโลกอย่างใดอย่างหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลซึ่งประสบความสำเร็จค่อนข้างจะแตกต่างไปจากเรื่องเหล่านั้น มันเป็นเรื่องของชายผู้ซึ่งชีวิตของเขาได้พบกับความอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เหตุการณ์ที่พิเศษนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทันทีทันใด ไม่ใช่เพียงแต่ชีวิตใดชีวิตหนึ่ง แต่กับทุกคนที่เข้ามาสัมผัส และในไ่ม่ช้าก็จะหมดทั้งโลก สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดของเหตุการณ์นี้ จิตใจที่ดำดิ่งอยู่กับการค้นหานัยสำคัญนี้ เป็นสิ่งซึ่งไม่มีนักคิดใดจะสามารถสลัดมันออกได้ หรือเขาต้องการจะสลัดมันออก เรากำลังพูดถึงการมาถึงของพระเจ้าผู้ปราศจากร่างมายังโลกแห่งวัตถุ ทำไมพระเจ้าถึงเลือกว่าท่าจะมาที่ไหน และท่านกำลังดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างอาณาจักรสวรรค์ที่โด่งดังอันเป็นอมตะของท่านอย่างไร คำตอบสำหรับสิ่งนี้ทั้งหมดและสิ่งอื่น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เราจะเล่านี้ เป็นเรื่องราวชีวิตของประชาปิตาบราห์มา อดิเทพ

ด้วยการมอบชีวิตทั้งหมดของท่านให้กับพระเจ้า อุทิศทั้งร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สมบัติ บราห์มาบาบาได้รับการตอบแทนกลับมาเป็นทุกสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ และแน่นอนไม่มีทรัพย์สมบัติใดที่จะเปรียบเทียบกับสิ่งนั้นได้ และเพราะว่าความมั่งคั่งของพระเจ้านั้นไม่มีขีดจำกัดและความใจกว้างของท่านก็ไม่มีที่เปรียบเทียบ และท่านก็ได้มอบสมบัติของท่านให้กับลูก ๆ ของท่านซึ่งรักท่าน และปรารถนาที่จะมีส่วนได้ของขวัญของพระเจ้านี้เท่าเทียมกัน ท่านได้นำของขวัญซึ่งเป็นสัจจะของความรู้ และพร้อมกับกุญแจของความรู้ที่เป็นอมตะ ท่านได้มาเพื่อขจัดกิเลสของพวกเรา ขจัดความอ่อนแอของพวกเรา และจะำทำให้พวกเรากลายเป็นพระราชา ท่านมาเพื่อทำการนำโลกที่มีความสุขมาแทนที่โลกซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ ณ เวลานี้ สวรรค์บนโลก และเมื่อพระเจ้าเริ่มกระทำการบางสิ่ง ท่านจงแน่ใจได้เลยว่าพระเจ้าจะไม่ล้มเหลว และนี่เป็นช่วงขณะที่พิเศษของประวัติศาสตร์โลก เป็นเพียงช่วงเวลาช่วงเดียวตลอดทั้งกัลป์ของเวลา เมื่อพระเจ้าได้ลงมาปฏิบ้ติการบนโลก ดังนั้นถ้าใครพลาดโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรักกับพ่อสูงสุดของเขา มันก็คงจะไม่มีโศกนารถกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว

แน่นอนพระเจ้านั้นไร้ร่าง ท่านเป็นจุดแสง เหมือนดวงดาวที่สูงสุด ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยสูงสุด มันพ้นไปจากขอบเขตแห่งจักรวาลของวัตถุ อาณาเขตนี้มีชื่อมากมาย โลกวิญญาณ พรหมโลก นิรวาณ สันติธรรม มันเป็นบ้านดั้งเดิมของพวกเราทั้งหมด ก่อนที่พวกเราจะลงมารับร่าง และเล่นบทบาทของพวกเรา ในละครแห่งจักรวาลนี้มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นซึ่งไม่เคยอยู่ภายใต้ขบวนการเกิดและตาย และในที่สุดเมื่อท่านได้มาถึง และได้กระทำงานอันมหัศจรรย์ของท่าน ด้วยการกระทำการเปลี่ยนแปลง "โลกนรก" ที่เป็น"โลกสวรรค์" ท่านไม่ได้เกิดในรูปแบบที่เป็นปกติเช่นมนุษย์ทั้งหลาย ท่านไม่ได้เข้าไปอยู่ในครรภ์ ซึ่งจะก่อให้เกิดโซ่ตรวนแห่งกรรมกับท่าน ท่านไม่ต้องรับการดูแลจากแม่ หรือจะต้องศึกษาเล่าเรียนโดยผ่านการสอนจากมนุษย์ ท่านจะไม่เคยมีประสบการณ์ของการประสบกับความตาย แน่นอนทีเดียว ท่านได้มายืมร่างของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ซึ่งอยู่ในวัยเกษียณอายุเรียบร้อยแล้ว เพื่อว่าจะได้ไม่เข้าไปขัดจังหวะกับชีวิตมนุษย์ ท่านยืมและใช้ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ ความซื่อตรง และมีความรักต่อพระเจ้าเป็นการส่วนตัว และบางทีเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดก็คือท่านเป็นบุคคลซึ่งชาญฉลาดเป็นอย่างมาก ผู้ซึ่งสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูดของพระเจ้าและปฏิบัติตามนั้น

แต่ใครล่ะ ที่จะเป็นดวงวิญญาณพิเศษดวงนั้น ผู้ซึ่งรับใช้ในการเป็นสื่อของพระเจ้า แล้วทำไมโลกทั้งโลกก็ยังไม่ได้ยินชื่อของท่าน ความจริงคืออาณาจักรของพระเจ้ากำลังถูกสร้างขึ้นในรูปแบบที่แฝงตัว มีการเจริญเติบโตอย่างเงียบ ๆ แผ่ขยายไปทั่วโลก การชุมนุมของดวงวิญญาณซึ่งปฏิญาณว่าจะขจัดกิเลสของพวกเขา เช่น ร่องรอยของความโลภทั้งหมด ความโกรธ ความยืดมั่นผูกพัน ความหยิ่งยะโส และความทะยานอยากให้หมดไป ด้วยเหตุนี้จะนำมาซึ่งอาณาจักรของความสงบและความสุขที่จะมาถึง โลกที่จะมาถึงไม่เป็นเพียงลักษณะที่สงบภายนอกเท่านั้น แต่โดยผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้นได้มีจิตสำนึกของดวงวิญญาณอย่างเป็นธรรมชาติ สมบูรณ์พร้อมไปด้วยคุณธรรมเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีความรุนแรงภายในปัจเจกบุคคล ภายใต้คำว่า "เทพ" ด้วยการกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ บัดนี้ภายใต้การพิทักษ์โดยพระเจ้าด้วยตัวท่านเอง ดวงวิญญาณเช่นนี้ในกลุ่มของพวกท่านผู้อ่านจะแตกต่างกันเป็นลำดับด้วย ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังพยายามตั้งเป้าหมาย แต่รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจุดที่ลึกมากของปรัชญาของกรรม ซึ่งเราจะต้องเจาะเข้าไปถึงจุดนี้ในภายหลัง

โลกที่กำลังจะมาถึงเป็นโลกเดียวกับยุคทอง ซึ่งโลกเคยเป็นเช่นนั้นเมื่อ 5,000 ปีที่ผ่านมา(เวลาเป็นวงกลม) ซึ่งมันมีตำนานเกี่ยวกับเทพและเทวีเกิดขึ้นในวัฒนธรรมต่าง ๆ  ของโลก ซึ่งตามมาหลังจากช่วงซึ่งเป็นสวรรค์ มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่มนุษย์จะตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส มันเป็นอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งชาวคริสเตียนปรารถนาที่จะได้สัมผัส ลูกตุ้มได้แกว่งไปเป็นเวลา 5,000 ปี จากดินแดนที่สมบูรณ์พร้อมของเทพไปสู่ัปัจจุบันที่คดโกง เป็นโลกนรกของมนุษย์ ซึ่งแต่ละคนมีความโศกเศร้าอยู่ภายใน ได้เรียกร้องพระเจ้าให้มาเพื่อทำความสะอาดพวกเขา นำมาซึ่งอิสรภาพและความหลุดพ้น พระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด ได้ตอบรับเสียงเีรียกที่สิ้นหวังของมนุษย์ และขณะนี้เป็นช่วงเวลาสุดท้ายจริง ๆ ของการเตรียมงานที่กำลังทำอยู่ ก่อนที่ประตูสวรรค์จะเปิด แล้วนรกก็จะถูกกลืนหายไปด้วยไฟแห่งความร้อนของสงครามนิวเคลียร์และกำมะถัน ณ ที่นี่ แล้วรายละเอียดของมนุษย์ผู้ซึ่งกลายเป็นพาหนะของพระเจ้า เป็นดวงวิญญาณดวงแรกที่ชำระตนจนบริสุทธิ์ และผู้ซึ่งจะกลับมาเกิดเป็นเทพองค์แรกของโลกใหม่ ทั้งหมดนี้เราสามารถเห็นและพิสูจน์ด้วยตาของเราเอง

สิ่งที่มหัศจรรย์ของทั้งหมดเป็นสิ่งที่สามารถมองและเข้าใจได้อย่างชัดเจน ซึ่งพวกเราได้ยอมรับในบุคลิกลักษณะของพระเจ้าผู้ปราศจากร่างชีว่า ผู้ซึ่งชื่อจริง  ๆ ก็หมายถึงผู้ให้คุณประโยชน์สูงสุด ผู้รับใช้ที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างสมบูรณ์ เมื่อชีพบาบาได้มาสร้างอาณาจักร ท่านก็ไม่เข้าไปในอาณาจักรนั้นด้วยตัวของท่านเอง ท่านเป็นเมล็ดของต้นไม้มนุษย์โลก แต่ท่านไม่ได้ลิ้มรสผลของต้นไม้น้้น ชีวิตของผู้คนมากต่อมากได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว โดยการได้พบกับพระเจ้าที่มาปรากฏให้เห็นในรูปที่เป็นตัวตน และก็มีดวงวิญญาณจำนวนมากมายที่ได้รับคำสอนที่ละเอียดอ่อน แม้แต่คนซึ่งได้อ่านชีวประวัตินี้ก็สามารถเข้ามาในวงจรของพรแห่งพระเจ้า และรับของขวัญซึ่งเป็นความสงบและความสุขเหนือประสาทสัมผัสอย่างแท้จริง

เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
ราชโยคี Jagdish Chander เป็นนักปราชญ์ผู้ได้รับความเคารพอย่างสูง เป็นนักศึกษาของคัมภีร์ฮินดู และตำราของโยคีที่ล้ำลึก ท่านได้ตีพิมพ์งานเขียนเกี่ยวกับวิชาเหล่านี้อย่างมากมาย งานซึ่งมอบแสงสว่างใหม่ให้กับลัทธิฮินดูดั้งเดิม ท่านเคยเป็นประธานของแผนกวรรณกรรมของบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ปัจจุบันท่านได้ละร่างไปแล้ว



Wednesday, January 22, 2014

อดิเทพ - คำนำของผู้ประพันธ์

แนะนำหนังสือน่าอ่าน

หนังสือ " อดิเทพ"  ADI DEV The First Man  Written by Raj Yogi Jagdish Chander
แปลความเป็นภาษาไทย โดย BK. เรืออากาศเอก ทรงยศ เปี่ยมใจ


คำนำของผู้ประพันธ์

ชีวประวัติอันสูงสุด




ภายใต้ปกของหนังสือเล่มนี้เป็นการถักทอเรื่องราวชีวิตที่อัศจรรย์ เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรัก เป็นการเปิดเผยสิ่งสำคัญที่ง่าย ๆ ที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน จงอ่านด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ เรื่องราวที่จะเริ่มนี้เป็นชีวประวัติของสองคน เพราะว่าภายในร่างกายของชายผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ประชาปิตาบราห์มา" ไม่ได้เป็นดวงวิญญาณเดียว แต่เป็นดวงวิญญาณสองดวง นี่เป็นเรื่องจริงซึ่งเป็นความจริงในการลงมาใช้ร่างของพระเจ้าซึ่งเป็นพ่อของชาวโลก ในโลกที่มีตัวตน

ในการอ่านนี้ หลายคนจะประหลาดใจ บางคนก็เย้ยหยัน มีหลายคนผู้ซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้า หรือผู้ซึ่งมีความคิดผิด ๆ ว่าพระเจ้าเป็นใคร ท่านมาทำอะไร และเมื่อไร และ แน่นอน มีผู้คนซึ่งไม่เชื่อเลยแม้แต่คำพูดเดียว แต่ถ้าท่านผู้อ่านสงวนคำตัดสินใจไว้ก่อนจนกว่าจะได้รายละเอียดทั้งหมด และความจริงได้ถูกย่อยแล้ว และแล้วความจริงก็จะทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจและความคิด และท่านก็จะกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยอย่างไม่มีขีดจำกัดที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้

ในตอนต้นนี่เป็นเรื่องราวของผู้ชายธรรมดา และตอนนี้ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ไม่ธรรมดา ซึ่งสร้างตนเองขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ ชายที่มีครอบครัวเป็นเสาหลักของสังคมของตน เพื่อนมากมายทั้งหมดของท่านเรียกท่านว่า ดาด้า(พี่ชาย)  ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการแสดงความรัก แม้แต่ผู้ที่ติดต่อธุรกิจกับท่านก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ให้ความรักและความเคารพต่อท่าน และเรียกท่านว่า ดาด้า

แต่หลังจากที่พระเจ้าลงมาในร่างของท่าน ท่านได้รับชื่อที่แตกต่างไป ชื่อซึ่งเหมาะสมกับบทบาทใหม่ "ประชาปิตาบราห์มา" หรือ ADI DEV เทพองค์แรก ท่านถูกจดจำด้วยชื่อที่แสนหวานว่า "บราห์มาบาบา" หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "บาบา"(พ่อ)

แน่นอน นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ ที่พระเจ้าได้เลือกร่างของชายผู้นี้ หนึ่งเดียวจากมนุษย์หลายพันล้านบนโลก ที่ได้ถูกเลือกขึ้นมาให้เป็นเครื่องมือของพระเจ้า พระเจ้ารู้ทุกสิ่ง ท่านเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อม ดังนั้น ถ้าท่านจะเลือก บราห์มาบาบา เพื่อเป็นพาหนะมันจะต้องมีเหตุผลหลาย ๆ เหตุผล หลา่ย ๆ เหตุผลที่มีอยู่นั้นไม่เพียงแต่เป็นเรื่องในชีวิต ณ ปัจจุบันของบราห์มาบาบา เท่านั้น แต่เป็นเรื่องทั้ง 84 ชาติตลอดทั้งวงจรของเวลา พระเจ้าได้เปิดเผยแก่เราถึงอดีต อนาคต แห่งชีวิตของดวงวิญญาณนี้ และนี่เองที่เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของบราห์มาบาบาแท้จริง

แต่เราจะเก็บเรื่องราว 84 ชาติแห่งชีวิตของท่านไว้ก่อน เราจะศึกษาชีวิตในชาติปัจจุบัน ซึ่งมีเรื่องราวมากมายในชีวิตนั้น จนกระทั่งพระเจ้าได้เข้ามาในร่างของท่าน ตอนนี้ชีวิตก็ยังรุ่งเรืองไปด้วยความสมบูรณ์พร้อมและความถ่อมตน แม้แต่คนธรรมดาก็สังเกตเห็นได้จริง ๆ ว่า ท่านเหมาะสมที่จะเป็นเครื่องมือในการรับใช้ เป็นสื่อที่มีตัวตนของดวงวิญญาณสูงสุด เหนืออื่นใด ความพิเศษของบราห์มาบาบา ไม่เพียงแต่ท่านจะมีคุณธรรมที่สูงส่ง แต่มันเป็นความสามารถในการที่จะดึงคุณธรรมที่เหมือนกันในดวงวิญญาณอื่น ผู้ที่ซึ่งเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับท่านให้แสดงออกมาด้วยเช่นกัน ท่านมีคุณสมบัติเป็นตัวกระตุ้น แม้แต่เพียงการอ่านชีวประวัติของท่าน เราเองก็ถูกเติมให้เต็มด้วยคุณสมบัติที่สูงส่ง ชีวิตของเราก็จะกลับมาบริสุทธิ์และสงบมากขึ้น บราห์มาบาบาเป็นตัวอย่างที่จะกระตุ้นเราให้รู้ว่ามนุษย์สามารถจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมได้ กลับมาเป็นนายเหนือความคิดและอารมณ์ได้ และเป็นผู้ขีดเส้นชะตาชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของตนได้ มันเป็นเรื่องราวที่ประเมินค่ามิได้ ตามความเป็นจริงมันจะซ้ำรอยอีีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผ่านไป 5,000 ปี

JAGDISH



Tuesday, January 21, 2014

18 มกราคม วันละร่างบราห์มา บาบา

ภาพบรรยากาศ วันที่ 18 มกราคม 2014 
ระลึกถึงวันที่ บราห์มา บาบา ละร่าง
ที่ Mount Abu , Rajasthan, India

ช่วงเช้า Amarit Vela  ที่ History Hall


Amarit Vela ที่ Baba Room


Amarit Vela ที่ Om Shanti Bhawan



Amarit Vela ที่ Tower of Peace

รูปภาพ ฺBrahma Baba ประดับประดาด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม




Baba Room

Dadi Janki อยู่กับ บาบา ที่ Baba Room



บรรยากาศที่ Tower of Peace ตกแต่งอย่างสวยงาม

Dadi Janki อยู่กับ บาบา ที่ History Hall

Dadi Janki มาที่ Tower Of Peace สถานที่ละร่าง บราห์มา บาบา




ลูก ๆทางดวงวิญญาณพร้อมกันมา ณ ที่แห่งนี้ด้วย ศรัทธาและความรัก


ช่วงเย็น-ค่ำ BapDada มาพบปะกับลูก ๆ ทางดวงวิญญาณ

BapDada มาพบลูก ๆ ทางดวงวิญญาณ ผ่านร่าง Dadi Kulzar

ขอบคุณ Brother Dev Prakash ที่แบ่งปันภาพ ค่ะ

Monday, January 20, 2014

อดิเทพ ตอนที่ 1 # 1

Part1 พาหนะของพระเจ้า



สังคมซินดิ
ณ ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มชนซินดิซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้เริ่มเสื่อมถอยลงจากระดับที่สูงส่ง การทะลักเข้ามาของพวกสอนศาสนาคริสต์ ทำให้มีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่และด้วยรูปแบบความคิดตามแบบยุโรป ทำให้คุณภาพของชีวิตเริ่มต่ำลง ๆ จนมองไม่เห็นทิศทาง

การดื่มการกินแต่เดิมเป็นอาหารบริสุทธิ์ (Sattvic) ผักสด อาหารจัดเตรียมขณะอยู่ในการคิดถึง และการกินก็อยู่ในการทรงจำเทพ และเป็นการรวมกลุ่มครอบครัว ค่อย ๆ เลื่อมและไม่บริสุทธิ์ (Tamopradhan) ผู้คนเริ่มกินเนื้อสัตว์ การกินไม่เลือกก็เข้ามาแทนที่ ความคิดที่ละเอียดอ่อนสูงส่งก็ถูกแทนที่ด้วยความไร้สติ กลายเป็นความประพฤติเยี่ยงสัตว์

ผู้คนทำการสักการะบูชาในรูปแบบภายนอก แต่ขาดสาระสำคัญที่แฝงความสูงค่าไป ความคิดของผู้คนถูกอัดแน่นไว้ด้วยความหิวเงิน กระหายต่อสถานะภาพทางสังคม การคดโกงคือหนทางของการค้าขาย ความโกรธระเบิดขึ้นในทุกขอบเขตของความสัมพันธ์ คำพูดของผู้คนที่เคยเต็มไปด้วยความเคร่งในศาสนาและในทางใจใฝ่ธรรมะก็เปลี่ยนเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความปรารถนนา ความเกลียดชังและความทะยานอยากทางโลกของพวกเขา ค่านิยมใหม่ ๆ ในการซื้อของที่ไร้ประโยชน์และแพงเพียงเพื่ออวดกัน การจัดงานฉลองที่ใหญ่โต หลาย ๆ อย่างเพื่อสนองกิเลสของตน

ความนิยมเหล่านี้ ได้กลืนกินสังคมดั้งเดิมของอินเดียโดยสิ้นเชิง สังคมที่เก่าแก่ที่ละเอียดอ่อน มั่นคง และล้ำลึกที่สุดในโลก นั่นคือนิมิตที่โลกกำลังจะถึงจุดประทุ โดยที่ไม่มีใครสังเกตมาก่อนขบวนการที่จะทำให้ความใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ใครจะกลับมาพาพวกเขากลับไปสู่หนทางที่ดีงาม ไม่ใช่กองทหารที่คอรัปชั่น พรรคการเมืองที่ไม่มีหลักการ หรือชาวอังกฤษผู้ควบคุมดูแลอยู่ ผู้ซึ่งฉกฉวยประโยชน์มากกว่าที่จะมายกระดับประชาชน หรือแม้แต่ราชวงศ์พื้นเมืองซึ่งติดกับอยู่กับประเพณีที่น่าหัวเราะเยาะมากกว่าที่จะไปสรรเสริญพวกเขา และก็คงไม่ใช่นักปฏิรุปสังคมซึ่งมีความจำกัด ผู้ซึ่งพยายามจะช่วยให้อินเดียได้อิสระภาพจากอังกฤษ เพื่อจะให้บรรลุผลแห่งอิสรภาพจากการคอรัปชั่นและกิเลส

และก็ยังมีผู้นำศาสนา พระ บัณฑิต นักเทศน์ต่างก็วุ่นวายอยู่กับการสะสมเงินด้วยการหลอกลวงประชาชน เขาไม่ได้ให้ความรู้ซึ่งสามารถทำให้เกิดความสงบขึ้นภายในจิตใจ หรือเกิดการประพฤติดีต่อผู้ที่ไปขอคำปรึกษาได้เลย เขาเป็นเพียงผู้อ่านคัมภีร์และนักจัดพิธีกรรมทางศาสนาที่โง่งมงาย หลายคนอ้างว่าตนเป็นเช่นพระเจ้า อ้างว่าตนเป็นผู้รอบรู้ และบอกว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแ่ห่ง และหลอกลวงผู้ที่หลงเชื่อง่าย ๆ ได้ คำสอนเช่นนี้ประสบความสำเร็จในการทำลายสติปัญญาของผู้คน ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นละทิ้งเป้าหมายที่สูงส่งแห่่งชีวิตของตน ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า เราจะเพียรพยายามไปเพื่ออะไร ทำไมต้องสมบูรณ์พร้อมถ้าชีวิตคือความฝันเท่านั้น ด้วยการสอนให้เกิดความคิดเช่นนี้ผลที่ตามมาก็คือ การทำชั่วทางศาสนา คือชีวิตของผู้คนได้หลุดไปจากเส้นทางเดินของชีวิต

ความสำเร็จภายนอก ผู้คนของสังคมซินดิทำงานหนัก ร่ำรวยขึ้น แต่ความสงบและระเบียบได้หายไปจากชีวิต ความสูงส่งซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาได้ถูกเหยียบย่ำอยู่ภายใต้เท้าของความก้าวหน้าที่หลอกลวง มีแต่ความอยากและการทนทุกข์มาแทนที่ความเยือกเย็น คุณภาพของชีวิตวัดกันด้วยวัตถุภายนอก ภาวะแวดล้อมของสัมคมกลายเป็นนรกแห่งกิเลส




ฐานะของสตรีถูกลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแต่งงานแล้ว แม่ถูกมองว่าเป็นคนรับใช้ในภายในบ้าน และเป็นเพียงเครื่องบำบัดความใคร่ของสามี แม้ว่าสามีจะขี้เมา กินเนื้อสัตว์ มัวเมาในกามรมณ์ กินปลา แต่ประเพณีที่ภรรยาจะต้องปฏิบัติคือ สามีคือพระเจ้า การหย่าร้างเป็นเพียงความฝัน

เพื่อเป็นการช่วยเสริมประเพณีนี้ ผู้หญิงถูกแยกออกจากการศึกษาเล่าเรียน ภรรยาต้องใช้ผ้าคลุมหน้า ถูกจำคุกอยู่ในบ้านของสามีชั่วชีวิต สิ่งที่ต้องทำคือ หุงหาอาหาร ทำความสะอาด ซักผ้า ให้กับสกุลที่เธอเข้าไปผูกชีวิตไว้ด้วย หญิงเหล่านี้ทนทุกข์ พวกเขารู้ว่าตนคือนักโทษ และผู้ชายคือผู้ถืือกุญแจทั้งหมดแห่งชีวิต

ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ที่จะเกี่ยวข้องกับศาสนา การเทศน์ หรือได้รับขนานนามว่าเป็น ซันยาสซี และคงอยู่ในความบริสุทธิ์ทางเพศ สำหรับพวกเขาไม่มีหนทางหนีจากการต้องคำสาปที่จะต้องแต่งงาน




ขณะนี้คือกลียุคก่อนกัลป์จะสมบูรณ์ ก่อนความสุขจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ มันได้คืบคลานลงไปสู่ความมืดมิดที่สุด เครื่องพันธนาการของดวงวิญญาณในทุก ๆ แห่งได้เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ความดุร้ายของสงครามโลก สงครามกลางเมืองและการกดขี่ การทำลายล้างเผ่าพันธุ์อย่างตั้งใจและเป็นระบบ การช่วงชิงความได้เปรียบทางกายภาพได้เกิดขึ้นดังมะเร็งร้ายบนโลกมนุษย์  แต่รากเง้าที่ฝังลึกในทุก ๆ ดวงวิญญาณ คือ มายา (Maya = Ignorance of Reality)  ได้เติบโตขึ้นอย่างดุร้ายอและมีลักษณะเป็นสมัยนิยม มันเป็นเครื่องพันธนาการภายในที่เขาไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงได้ การไม่มั่นคงที่ของสิ่งจากภายนอก ความรู้สึกด้อยค่า ความปรารถนาและความทุกข์ การกระทำที่เป็นไปตามความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ดวงวิญญาณจึงนำชีวิตของตนเองเข้าไปสู่ขบวนการการเห็นแก่ตัวมากขึ้น เต็มไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น ความโง่เขลามากกว่าที่เคยมีมา มนุษย์ทั้งโลกหลับใหลอยู่กับความขมขื่นของความโง่ ไม่สามารถเห็นแสงแห่งความรู้ นี่คือยุคมืดที่สุดของกัลป กลางคืนของ บราห์มา เที่ยงคืนแห่งประวัติศาสตร์ เงามืดที่ปกคลุมพระเจ้า

อ่านต่อ >>> อดิเทพ ตอนที่ 1 # 2