Monday, July 29, 2013

ละครนั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม


นี่คืองบดุลของบัญชีที่สวยงามมากในหมู่ดวงวิญญาณในละคร บนพื้นฐานของกรรมของพวกเขาและผลของมัน บนพื้นฐานของความเพียรและโชคของมัน ละครนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
เกมนั้นประกอบด้วยความสุขและความทุกข์ แต่บัญชีของความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นมีพื้นฐานอยู่บนกรรมของเขาเอง เขาเข้าใจความยุติธรรมของละครเมื่อเขาเข้าใจความล้ำลึกของกฏและหลักการของกรรม

-กฏแห่งกรรมและผลของมัน ความสุขและความทุกข์ใช้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างทัดเทียมกัน

-ทุก ๆ ดวงวิญญาณประสบกับความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาของเขาและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นความทุกข์ ในตอนจบทุก ๆ คนจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท (ความสุข - ความทุกข์ = 0) และแล้วก็กลับบ้าน

-ละครนั้นเป็นเกมของชัยชนะและความพ่ายแพ้และยุคบรรจบพบกันเป็นเวลาของชัยชนะสำหรับทุก ๆ ดวงวิญญาณ แต่ทุก ๆ ดวงวิญญาณเข้าไปสู่ยุคบรรจบพบกันในเวลาของเขาเอง ตามบทบาทของเขาในละคร บัดนี้เป็นเวลาสำหรับชัยชนะของพวกเรา ดังนั้นการสนุกสนานเพลิดเพลินกับชัยชนะ ณ เวลาแห่งชัยชนะนั้นเป็นเรื่องที่ฉลาด

-ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ นั่นคือในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง เราจะดูละครด้วยความรู้สึกและทัศนคติที่เป็นกลาง เราสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงได้ในความสุขและความทุกข์ ชัยชนะและพ่ายแพ้ คำสรรเสริญและคำประฌาม ความเคารพหรือการสบประมาท ในขณะที่อยู่ในสำนึกที่เป็นร่าง เราจะไม่สามารถอยู่อย่างละวางได้ และดังนั้นเราก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโดดเด่นและความตกต่ำของละครและโซ่นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนจบ

-แต่ละดวงวิญญาณเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและมีสิทธิ์ในมรดกของพ่อ ทั้งหมดได้รับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตตามบทบาทของพวกเขา

-ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในความรู้เกี่ยวกับละครและดังนั้นทั้งหมดจึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts) และเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts) ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อการบรรลุผลของความรู้ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับบทบาทของพวกเขาในละคร (Every one has an equal right to the attainment of knowledge independent of their part in the drama)

-การมีความรู้เกี่ยวกับละคร เราสามารถรู้ถึงบทบาทของทุกดวงวิญญาณและดังนั้นจึงรักษาความสมดุลของความรู้สึกที่มีต่อทุกคนและการให้คุณประโยชน์ต่อโลกก็แฝงอยู่ในนั้น

- ในละครทางโลกถ้าพระราชาได้รับบทบาทให้แสดงเป็นคนจน เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนจนหรือ? และถ้าคนจนได้เล่นบทเป็นพระราชา เขาจะรู้สึกว่าเขาเองเป็นพระราชาหรือ? คำสรรเสริญจะมีให้แก่ผู้ที่แสดงบทบาทของเขาไ้ด้อย่างถูกต้อง (ตามบทที่เขียนไว้และตามการกำกับของผู้กำกับละครนั้น) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทบาทของการเป็นพระราชาหรือเป็นคนจน และในละครคนจนบางคนสามารถเล่นบทเป็นคนรวยและคนรวยบางคนอาจจะเล่นบทเป็นคนยากจน แต่เบื้องหลังฉากของละครนี้เราืทั้งหมดเป็นนักแสดง เป็นลูกรักของพ่อสูงสุด ลูก ๆ ทุกคนรักพ่อของพวกเขาและพ่อก็รักลูก ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน

-เราจะรู้สึกถึงความยุติธรรมและความสนุกสนานของละครก็ต่อเมื่อเราเป็นผู้ละวางจากร่างและโลกทางร่างได้ 100% แต่สำหรับสิ่งนั้นความบริสุทธิ์ 100% เป็นสิ่งจำเป็น มีเพียงพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ 100% และเล่นบทบาทของท่าน ท่านมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณตลอดกาลเพราะว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ตลอดกาล (ท่านคงอยู่อย่างละวางจากร่างของบราห์มาและจากความเจ็บป่วยและความทุกข์ของดาดี้กูลซาร์ด้วยเช่นกัน) เราควรจะทำความเพียรเพื่อที่จะอยู่อย่างละวางเช่นเดียวกัน ทุกดวงวิญญาณต้องทำความเพียรของตนเองและละครจะช่วยให้ดวงวิญญาณทำความเพียรด้วยเช่นกัน

-ไม่ว่าบทบาทของใครจะเป็นอะไร ดวงวิญญาณก็รักบทบาทนั้นและถูกดึงโดยบทบาทนั้นและมีความสุขในการเล่นบทนั้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งความสงบเป็นระยะเวลาอันยาวนานในขณะที่ละครดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะต้องการความสงบและก็จะทำความเพียรเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของยุคทองจะต้องการการหลุดพ้นในชีวิตและจะทำความเพียรเพื่อให้ได้รับสิ่งนั้น

-ความสนใจของนักแสดงทุกคนควรจะอยู่ที่บทบาทของตนเอง ถ้าเขาคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคตหรือความสนใจของเขาถูกดึงไปยังบทบาทของดวงวิญญาณอื่น เขาก็ทำให้บทบาทของเขาเสีย เขาจะต้องสนใจต่อการบรรลุผลของเขาเองเพื่อที่จะได้รับประโยชน์

-ถ้าเราดูฉากที่แตกต่างของละครด้วยความสนใจในบางสิ่งบางอย่างเราก็จะสังเกตเห็นได้ว่า แม้ว่าดวงวิญญาณอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจากร่างไป นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาต้องการที่จะเล่นบทนั้นมากกว่าถึงแม้ว่าเขาอาจจะยากจนหรือเจ็บป่วย

-ในละครทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้วและจะซ้ำรอยในเวลาของมันเอง กฏแห่งกรรม ความเพียรและโชคของมัน ใช้ได้กับดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน
"ไม่มีใครสามารถถูกปลดปล่อยออกไปจากการเล่นบทบาทของเขาได้ ทุกคนจะต้องมาตามละคร เขาจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์ในปริมาณที่เท่ากัน" SM 21/09/98 revised

ทุก ๆ เหตุการณ์ของละครนั้นยุติธรรมและให้ประโยชน์ ในผู้ที่ไม่มีความรู้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคลและไม่ให้คุณประโยชน์ ละครนั้นทำขึ้นมาอย่างถูกต้องแม่นยำและมันไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่มีชีิวิตเล่นบทบาทของพวกเขาเองซ้ำรอยเดิม ณ เวลาของพวกเขา และตามเวลาสิ่งที่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ไม่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิตมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่มีชีวิต อย่างเป็นอัตโนมัติ แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลของกรรมของเขาโดยธรรมชาติในเวลาที่ถูกต้อง
แต่ละดวงวิญญาณได้รับผลตามกรรมและตามความเพียรอย่างแน่นอน
ทุกดวงวิญญาณได้ชาติเกิดตามธรรมชาติและสันสการ์ของเขา
การลืมเป็นพื้นฐานสำคัญในละครนี้ มันสร้างความรู้สึกว่าทุกฉากนั้นใหม่และน่าสนใจ มีกลไกหลัก 5 ประการที่ทำให้เขาลืมคือ
1. การลืมเพราะเวลาที่ผ่านไป
2. การลืมหลังการนอนหลับ
3. การลืมหลังความตาย
4. การลืมผ่านโยคะ
5. เมื่อวงจรสิ้นสุดลงดวงวิญญาณทั้งหมดก็กลับบ้านพวกเขาลืมทุก ๆ สิ่งอย่างสิ้นเชิง

วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของการลืมสามารถเห็นได้จากการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในบางกรณีของความผิดปกติทางจิตใจ การลืมเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างสามารถให้ความรู้สึกสดชื่นและพอใจแก่ดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยรู้สึกว่าผู้ใดทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าประสบกับการสูญเสียมันเป็นเพราะว่าเราเองนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

"แม้แต่ความทุกข์ทรมานของกรรมก็สามารถเห็นได้ว่ามีประโยชน์เพราะว่ามันชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์และสะสางบัญชีกรรมและก็ทำให้ดวงวิญญาณเบาสบาย อย่าได้รู้สึกประหลาดใจในละคร บ้านถูกสร้างขึ้นมาและจะพังทลายไปอีกครั้งและมันก็จะถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ใช่ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น จงเข้าใจในละครนี้" SM 01/04/72

"ถ้าลูกจำไว้ว่า "wah drama wah" "วา ละคร วา" ลูกจะมีความสุขอยู่เสมอและผ่านลูก งานรับใช้มากมายก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ" ABD 01/01/79

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในละคร มีประโยชน์ รายได้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางคือตำแหน่งของการได้รับคำสรรเสริญ แล้วความเศร้าโศกของลูกจะจบสิ้นลง ลูกจะเศร้าโศกได้อย่างไรในเมื่อลูกนั้นเป็นตรีกาลดาร์ชิ เป็นลูก ๆ ของพ่อที่เต็มไปด้วยความรู้ ABD 07/03/81

อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดีมาก อะไรที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดีกว่าและอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นดีที่สุด ผู้ที่ไม่เข้าใจละครจะรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่มันเป็นหลักการที่แสนหวานเป็นอย่างมากของละคร ความทุกข์นั้นเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ของความสุข ในละครนี้มีบทที่สำคัญเท่าเทียมกันสำหรับความทุกข์และความสุข จงตระหนักรู้ในความจริงนี้และทำให้ผู้อื่นตระหนักรู้ถึงความสุขนี้

สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

1. มีสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอ
2. สภาวะของการเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ
3. มีดริสตี (สายตา) ที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
4. เป็นผู้ที่ปราศจากความกลัวและเป็นอิสระจากความเกลียดชัง
5. มีดริสตี (สายตา) และทัศนคติที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
6. เป็นผู้ที่เบิกบานแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ
7. ประสบกับการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างต่อเนื่อง
8. มีความสมดุลในการสูญเสียและได้ประโยชน์ คำสรรเสริญและการประฌาม
9. มีโยคยุทธ (มีโยคะที่ถูกต้อง)อย่างสม่ำเสมอ
10.เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ

Sweetness Around

Thought for the day

To speak from the heart
 means to spread 
sweetness around.
When speaking to others we usually speak from our head, or intellect. Words spoken from the head rarely touch the hearts of others. This means they don't create any impact and are soon forgotten. The solution lies in touching the hearts of others when we speak or do that and to speak with our heart as well as our head and fill words with love. When we communicate with others and our words spread sweetness around.

Sunday, July 28, 2013

ความเข้าใจความรู้เรื่องละคร



ทุก ๆ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่ไม่มีวันสูญสลายของตนเองและได้รับผลตามกรรมนั้น ๆ และเราต้องดูละคร ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและทำให้การกระทำของเราสูงส่ง อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอะไรก็ตามที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ด้วยการรู้สิ่งนี้ ดวงวิญญาณก็สามารถคงอยู่อย่างมีความสุขและจะไม่มีที่เหลือให้กับความทุกข์ ความไม่สงบ ความโกรธ ความกลัว ความริษยาและความวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้คือกิเลสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความไม่รู้
ความบริสุทธิ์คือชีวิต ความบริสุทธิ์หมายถึงสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ เมื่อมีความบริสุทธิ์ ก็มีการถือพรหมจรรย์อย่างเป็นธรรมชาติ และลูกก็จะได้รับสิ่งที่สำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ต้องการ 
ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์จะมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ สภาวะของเขาจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักความปรารถนาทั้งหมด เขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดวงวิญญาณทั้งหมด ในเวลาที่ถูกต้องเขาจะมีความคิดที่ถูกต้องอย่างเป็นอัตโนมัติในการที่จะทำสิ่งใด และดังนั้นเขาจะไม่เคยมีความคิดที่ไร้ประโยชน์

หน้าที่ของพวกเราคือการทำความเพียรที่จะคงอยู่ในสภาวะที่เป็นดวงวิญญาณ และเราไม่มีความคาดหวังใด ๆ เกี่ยวกับฉากของละคร เราเข้าใจว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว หน้าที่ของเราคือคงอยู่อย่างปราศจากความกลัวและปราศจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ ปราศจากกิเลสและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

การคงอยู่ในความสุขในขณะที่เป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและอยู่ในการเป็นเพื่อนของพ่อสูงสุดคือหน้าที่ที่สูงส่งที่สุดในชีวิตของการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้

เนื่องจากนี่คือละครและไม่มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นของฉัน จึงไม่มีเหตุผลที่แท้จริงที่จะมีความผูกพันยึดติด มีความเป็น "ฉัน" และความเป็น"ของฉัน" มีความโกรธ มีความเกลียดชัง หรือมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ คงอยู่ในสภาวะดั้งเดิม(เป็นดวงวิญญาณ)ของลูก เป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์และประสบกับความสงบสูงสุด

ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่สูงส่งอันแสนมหัศจรรย์ ละครนี้ไม่ใช่สติรู้ผิดรู้ชอบ(Conscient) แต่หลักการและกฏของมันนั้นเต็มไปด้วยความจริงที่ยุติธรรมและให้ประโยชน์ และกฏและหลักการนั้นกำลังทำงาน ไม่ว่าเราจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม เช่นที่ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นยุติธรรม ให้ประโยชน์ และมีความรู้สึกที่เท่าเทียมกันต่อดวงวิญญาณทั้งหมด ในทำนองเดียวกันละครก็ยุติธรรม ให้ประโยชน์ และปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นดี ความลับของละครนี้สามารถเข้าใจได้ในยุคบรรจบพบกันเท่านั้น

The power of truth

Thought for the day
The power of truth 
will enable you 
to learn from your mistakes.

The power of truth within equips us to learn from all situations. When things go wrong we are able to reflect on how to learn from mistakes rather than making excuses to others and ourselves. Making excuses means hiding from the truth and stop us from learning and progressing and we should thinking about something that went wrong today.

Saturday, July 27, 2013

ละครโลกและบัญชีของบาปและบุญ


ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณประสบกับความสุขและองศาของพลังของดวงวิญญาณค่อย ๆ ลดลง แต่ไม่มีบาปหรือบุญเกิดขึ้น บาปและบุญหมายความว่าบัญชีของความทุกข์และความสุขถูกสร้างขึ้นโดยดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบุญคือการกระทำที่จะให้ความสุขแก่ดวงวิญญาณ การกระทำที่เป็นบาปคือการกระทำที่จะให้ความทุกข์แก่ดวงวิญญาณ

คุณภาพของกรรมขึ้นอยู่กับความรู้สึกและความตั้งใจของผู้กระทำด้วยเช่นกัน ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับละครสอนให้เรารักษาไว้ซึ่งความรู้สึกของการให้คุณประโยชน์ต่อดวงวิญญาณทั้งหมด เนื่องจากไม่มีใครที่จะสามารถถูกตำหนิได้ไม่ว่าในเรื่องใด ดังนั้นผู้ที่รู้จักละครอย่างถูกต้องจะไม่เคยทำการกระทำที่จะให้ความทุกข์ ในวิธีนี้ บัญชีบาปก็จะไม่เพิ่มขึ้น และถ้าไม่มีการกระทำที่เป็นบาป ก็จะต้องมีการกระทำที่เป็นบุญอย่างแน่นอน และดังนั้นบัญชีบุญก็จะเพิ่มขึ้น

การขาดความรู้เกี่ยวกับละครทำให้เราตำหนิติเตียนผู้อื่นและเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีและความปราถนาที่ไม่ให้ประโยชน์ต่อพวกเขา สิ่งนี้เพิ่มบัญชีบาปของพวกเราและเพิ่มบัญชีที่เป็นลบกับพวกเขา ในขณะที่เห็นบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น หน้าที่ที่แท้จริงของเราคือการเป็นผู้เฝ้าดูที่ละวางและเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ หรือการรักษาไว้ซึ่งความรู้สึกที่ให้ประโยชน์และช่วยให้เขาหยุดการทำกรรมที่เป็นลบ แต่เราไ่ม่ควรมีที่ว่างสำหรับบาปด้วยการมีความรู้สึกที่ไม่ให้ประโยชน์และความรู้สึกที่ไม่ดี

ยุคเหล็กกำลังจะจบแล้วและเพื่อการก่อตั้งยุคทอง พระเจ้าจึงอวตารลงมา เนื่องจากในยุคทองไม่มีการหมกมุ่นในกามราคะ ท่านจึงบอกให้เราอยู่อย่างบริสุทธิ์และเป็นโยคี(ผู้ที่มีโยคะกับพระเจ้า) เพื่อที่จะสามารถกลายเป็นเทพได้ ผู้ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่ในกิเลสก็สร้างบัญชีบาปของเขาอย่างมากมาย

"ลูกควรมีความเมตตาต่อผู้อื่นด้วยการแสดงให้พวกเขาเห็นหนทางที่จะกลับมสาโทปราทานจากทาโมปราทาน เนื่องจากบาบาได้บอกลูกถึงความล้ำลึกของปรัชญาของบาปและบุญ และอะไรคือบาปและอะไรคือบุญ บุญที่สูงที่สุดคือการคิดถึงพ่อและเตือนผู้อื่นให้คิดถึงท่าน บาปนั้นจะมีการกระทำเมื่อคนนั้นคบหาสมาคมกับเพือนที่ไม่ดีและทำให้ทะเบียนประวัติของตนเองและผู้อื่นเสียหาย การเปิดศูนย์และการใช้ความคิด ร่างกาย และทรัพย์สมบัติไปในการรับใช้ผู้อื่นนั้นเป็นบุญ" SM 18/01/03 revised

Friday, July 26, 2013

ลักษณะเฉพาะของละคร


ละครมีลักษณะเฉพาะที่ถาวรคือ
- ละครนั้นถูกต้องแม่นยำ เต็มไปด้วยความยุติธรรม ให้ประโยชน์และมีความหลากหลาย
- ละครนั้นเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและทุก ๆ เหตุการณ์ (รวมทั้งในระดับโมเลกุลและอะตอม)นั้นซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการในเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วของมัน
- ละครนั้นเป็นเกมที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายและผู้ที่เ้ฝ้าดูมันในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางจะประสบกับปิติสุขและความมหัศจรรย์ของความหลากหลายของมัน
- ในละคร มีความมหัศจรรย์ของความสมดุลระหว่างกรรม(การกระทำ)ของดวงวิญญาณและผลของมัน
- การลืมเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญของละครนี้ เพราะการลืม ดวงวิญญาณทุก ๆ ดวงเล่นบทบาทปัจจุบันของเขาอย่างประสบความสำเร็จ เพราะการลืม ละครนี้จึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
- นี่คือละครที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายและมันซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการทุก ๆ 5000 ปี แต่เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นมันเป็นหน้าที่ของทุก ๆ ดวงวิญญาณที่ต้องทำความเพียรเพราะว่ามันเป็นกฏของละครว่าทุกการกระทำนำมาซึ่งผลของมัน ว่าทุก ๆ ความเพียรมีโชคของมันเอง

"โลกได้กลายเป็นโลกที่เก่า มันไม่ใช่ว่าละครได้กลายเป็นสิ่งที่เก่า ละครไม่เคยเก่า มันใหม่อย่างต่อเนื่องและดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่โลกกลายเป็นโลกที่เก่าและนักแสดงก็กลายเป็นผู้ที่ทาโมปราทานและเต็มไปด้วยความทุกข์" SM 03/02/69 revised

การใช้ประโยชน์และการมีประสบการณ์กับความรู้เรื่องละคร
เพียงผู้ที่มั่นคงอยู่ในสภาวะของตนเอง (เป็นดวงวิญญาณ)เท่านั้น ที่ใช้คำว่า "ละคร" ได้อย่างถูกต้อง เพราะว่ามันเป็นดวงวิญญาณที่เป็นนักแสดงและเป็นพยานรู้เห็น หลักการของการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุก ๆ ประการของละครใช้ประโยชน์ได้กับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่เนื่องจากเราไม่มีความรู้อย่างสมบูรณ์
บาบาจึงพูดว่า "ละคร" กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น
ด้วยการพูดว่า "ละคร" เราไม่ควรหยุดการทำความเพียรหรือสูญเสียความกระตือรือร้น ดวงวิญญาณไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่ได้ทำความเพียรอะไรบางอย่าง ดังนั้น ทำไมจึงไม่ทำความเพียรอย่างสูงสุดและแล้วสิ่งนั้นก็จะซ้ำรอย

Thursday, July 25, 2013

ละครโลกและสภาวะที่มั่นคงของโยคะ


ความรู้เรื่องละครช่วยทำให้มีความมั่นคงในโยคะเป็นอย่างยิ่ง การที่จะมั่นคงในโยคะ มันมีความจำเป็นที่จะต้องเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม
และแล้วดวงวิญญาณก็สามารถประสบกับการหลุดพ้นในสภาวะที่เป็นเมล็ด (มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสมบูรณ์) หรือประสบกับความสุขของการหลุดพ้นในชีวิต (มีชีวิตที่ปราศจากบ่วงพันธะ) หรือมีโยคะกับดวงวิญญาณสูงสุด

ความรู้เรื่องละครนั้นเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับการควบคุมความคิดของเราเอง ผู้ที่เป็นรูปธรรมของการซึมซับความรู้เรื่องละครนั้นใส่จุดฟูลสต๊อป(หยุดคิดถึง) กับทุก ๆ สิ่ง ได้อย่างง่ายดายและเข้าใจถึงสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษและประสบกับความล้ำลึกและความสุขของโยคะ และด้วยโยคะเท่านั้นที่เราจะสามารถซึมซับความลับที่แท้จริงของละครได้ ดังนั้นทั้งสอง(ความรู้และโยคะ) จึงเป็นของขวัญของซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่มีความสำคัญของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดในการทำโยคะ ในทำนองเดียวกัน การที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะนั้นมีความสำคัญของการเข้าใจละคร ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถเป็นอิสระจากร่างกายและคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิม

วิธีที่จะประสบความสำเร็จในการทำโยคะคือ ในขณะที่ทำงาน ฝึกฝนการอยู่อย่างมั่นคงในสภาวะที่ปราศจากร่าง(เป็นดวงวิญญาณ/เป็นจุด)ในหนึ่งวินาที และแล้วในวินาทีต่อมาก็เข้ามาสู่สภาวะที่ละเอียดอ่อน(ร่างแสง) และแล้วในหนึ่งวินาทีก็เข้ามาสู่สภาวะที่เป็นคาร์มาโยคี(มีโยคะในขณะที่มีการกระทำ)

"ในหนึ่งวินาทีเราควรจะสามารถทำให้จิตใจและสติปัญญามั่นคงอยู่ในสภาวะนั้น ความลับของการที่ละครซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการนั้น ทำให้ดวงวิญญาณเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดทีี่ให้โทษได้อย่างง่ายดาย และดังนั้นมันจึงเป็นการช่วยในการฝึกโยคะเป็นอย่างมาก" ABD 12/12/98

"พ่อกล่าวว่า:  ลูกทั้งหมดสามารถเป็นผู้ที่ปราศจากร่างภายในหนึ่งวินาทีได้หรือไม่??
ในหนึ่งวินาทีทำให้ตัวเองมั่นคงอยู่ในสภาวะที่ปราศจากร่าง (ลองฝึกดู)................โอเค
บัดนี้ กลับเข้ามาในร่าง ฝึกฝนสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอ..................................................
บัพดาดาเห็นว่าพลังในการควบคุมนั้นมันไม่ได้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นในเวลาปัจจุบัน ถ้าลูกต้องการให้ความคิดของลูกหยุด มันควรหยุด นี่คือวิธีการที่จะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท" ABD  15/03/99

ควรจะมีอุปสรรคในงานของบราห์มิน
"ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไม่มีไฟของโยคะ และลูกก็จะขาดความระมัดระวัง ดังนั้น ตามละครแล้ว อุปสรรคทั้งหลายนั้นเพิ่มความเข้มข้นของความรักของลูก" ABD 21/02/83

"ผู้ที่มีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาจะอยู่อย่างเป็นอิสระจากความวิตกกังวลอยู่เสมอ เพราะว่าพวกเขาเข้าใจทุกสิ่งผ่านพลังของความรู้ การเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นนั้นดีที่สุดนั้นเรียกได้ว่าการเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคือการเป็นผู้ที่คิดที่จะให้ประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ เป็นอิสระจากความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ และมีสติปัญญาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา" ABD 19/04/83

A Charitable Soul

Thought for today:

You are charitable soul 
and 
transform sorrow into happiness 
and 
defamation into praise.

A charitable soul is someone who neither causes sorrow for anyone nor accepts sorrow from anyone, but instead changes sorrow into happiness and considers defamation to be praise. Make firm the lesson that with your merciful form you will always see souls who insult you or cause you sorrow with a vision of mercy, not with a vision of dislike.  When they insult you, you should offer them flowers, for only them would you be called a charitable soul.

Tuesday, July 23, 2013

ละครโลกและการทุกข์ทรมานของกรรม


"ธุระที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวคือการศึกษาและสอนผู้อื่นเกี่ยวกับศรีมัท เข้าใจว่าบัญชีกรรมของหลาย ๆ ชาติเกิดนั้นมากมายนัก สมมุติว่าใครบางคนป่วยหรือหัวใจวายในวันพรุ่งนี้ มัน
เป็นชะตากรรมของละคร เขาอาจจะมีบทบาทอื่นที่ต้องเล่น ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องของความทุกข์ ละครนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะต้องมีความกังวลเกี่ยวกับอะไร เขาอาจจะทำงานรับใช้คนอื่นได้ดีกว่าเพราะว่าสันสการ์ของการชอบทำงานรับใช้ของเขาจะติดตัวไปเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น" SM 18/06/02 recised



กรรมและการทุกข์ทรมานของกรรมเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในละครนี้และไม่มีใครสามารถเป็นอิสระจากสิ่งนั้นได้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่มาเยือนทุก ๆ คน ทำให้เราเป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานน้น และดังนั้นผู้ที่กล้าหาญจะรู้ความจริงนี้และจะคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความวิตกกังวล เป็นอิสระจากความกลัวและความไร้สาระในขณะที่เฝ้าดูบทบาท เป็นอิสระจากสิ่งอำนวยความสะดวก และการบรรลุผลของพวกเขาเองและจะทำความเพียรอย่างถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนา เราไม่ควรรู้สึกอิจฉาริษยาหรือสิ้นหวังในขณะที่เห็นบทบาทหรือการบรรลุผลของผู้อื่น การเป็นอิสระจากอิทธิพลของร่างกายและการมั่นคงอยู่ในรูปดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ (เป็นดวงวิญญาณ) นั้นคือความเพียรที่สูงที่สุด นี่คือวิธีการที่ถูกต้องวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยตัวเราจากการทุกข์ทรมานของกรรมทั้งหมด และทุก ๆ ดวงวิญญาณก็มีสิทธิ์ทั้งหมดที่จะทำความเพียรนี้

ผู้ที่รู้ความจริงนี้และทำความเพียรนี้ โดยไม่สนใจว่าบทบาทของเขาจะเป็นอะไรในละคร จะประสบความสำเร็จในการบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนาอย่างแน่นอน ข้อสอบของความรู้และความอดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาของความยากลำบากนั้นสร้างโชคชะตาของเรา


Power of Silence

Thought for today

May you be full of good wishes 
and change bad into good with 
the power of silence.

The power of silence can transform bad things and bad relationships into good. Be so full of good wishes that through your elevated thoughts, innumerable souls change their bad ways and imbibe good things.  It is a different matter to know right from wrong on the basis of being knowledge-full, but it is wrong to imbibe bad things in the form of bad things. Therefore, while seeing and knowing bad things, change them into good.

Monday, July 22, 2013

ละครโลกและสายตาที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน



ผู้ที่รู้จักละครอย่างถูกต้องจะไม่เคยตำหนิติเตียนผู้ใด แต่ละดวงวิญญาณกำลังเล่นบทบาทที่เป็นนิรันดร์และไม่สามารถถูกทำลายได้ของเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ต้องถูกตำหนิ ผู้ที่ตำหนิผู้อื่นเพียงแต่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เข้าใจละครจริง ๆ และเขาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความไม่รู้ มันสามารถพูดได้เช่นกันว่า เขากำลังเล่นบทบาทของเขา การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น สายตาที่ปราศจากการตำหนิติเตียนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ที่เข้าใจละครจะไม่สรรเสริญหรือประฌามผู้ใด บาบาพูดในเมอร์ลีว่า:  ตามละคร พ่อเล่นบทบาทของพ่อ ดังนั้นจะมีอะไรที่ต้องสรรเสริญ แต่มันก็เป็นความจริงด้วยเช่นกันว่าตามธรรมชาิติคนจะสรรเสริญผู้ที่ให้ความช่วยเหลือและให้ความสุขแก่เขา และเขาก็จะประฌามผู้ที่ทำให้เขาได้รับความทุกข์อย่างเป็นอัตโนมัติ นี่ก็เป็นบทบาทในละครด้วยเช่นกัน แต่ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะคงอยู่อย่างสมดุลในคำประฌามและคำสรรเสริญ ในความเคารพและการสบประมาท เขาจะไม่สร้างความคิดใด ๆ และจะคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและมีความสมดุลในสถานการณ์ที่ตรงกันข้ามกัน

"คงอยู่อย่างมั่นคง ณ ยุคบรรจบพบกันที่เป็นยุคสูงสุดในวงจรละครและเฝ้าดูทุกฉากของละคร ลูกจะไม่หวั่นไหวสั่นคลอนอย่างเป็นอัตโนมัติ เพราะว่ายุคบรรจบพบกันนั้นเป็นยุคที่สูงที่สุด และผู้ที่อยู่ ณ จุดที่สูงที่สุด ในสถานที่ที่สูงที่สุด มีความเข้าใจความรู้ที่สูงที่สุดด้วยการอยู่ในการคิดถึงพ่อที่สูงส่งที่สุดและทำงานรับใช้ที่สูงส่งที่สุด บุคคลเช่นนั้นจะเต็มไปด้วยพลังอย่างสม่ำเสมอ และที่ใดที่มีพลัง ความไร้สาระไม่มีประโยชน์จะจบสิ้นตลอดไป ข้อสอบของความสับสนอลหม่านจะมาอย่างทันทีทันใด แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดม่านของการเปลี่ยนแปลงนั้นดีมาก นี่คือการแสดงละครและไม่มีใครที่จะถูกตำหนิติเตียน" ABD 30/07/83

Thought for the day 220713

Thought for Today


If your mind is caught in bondage 
and problems of the past, 
you will not experience
the joys of the present.

Thoughts are the food of the mind. A New thought everyday will not only fresh food but will provide the necessary nutrition and stimulant needed to keep the mind healthy and enthusiastic about life. In this day of disruption and chaos, this is important.

ละครโลกและการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

จงคิดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ :
ผู้ที่ลูกเรียกว่าเป็นของลูก พวกเขาเป็นของลูกจริง ๆ หรือ ?
และผู้ที่ลูกพูดว่าเขาเป็นของคนอื่น พวกเขาเป็นของคนอื่นจริง ๆ หรือ ?
คนที่ลูกคิดว่าจะให้ความสุขแก่ลูก มันเป็นความสุขจริงหรือ ?
และเขาจะให้ความสุขแก่ลูกในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?
อะไรที่เป็นของลูกจริง ๆ ในโลกนี้ ?
และอะไรที่เป็นของคนอื่นจริง ๆ ?




โลกนี้คือละคร (การแสดง-ภาพยนตร์) และดวงวิญญาณทั้งหลายคือนักแสดง ในละคร ไม่มีใครเป็นของฉัน และไม่มีใครเป็นของเธอ (เป็นของคนอื่น) ไม่มีใครเป็นเพื่อนของใครและไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร ไม่มีใครสามารถให้สิ่งใดแก่ผู้ใดและไม่มีใครสามารถเอาสิ่งใดจากใครไ้ด้ ไม่มีใครให้สิ่งใดแก่กันและไม่มีใครเอาสิ่งใดไปจากฉัน

 ดวงวิญญาณทั้งหมดกำลังเล่นบทบาทที่เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลายของพวกเขาเอง ผู้ที่อยู่กับเราในวันนี้ จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นก็จะมาอยู่กับเรา บางอย่างอาจเป็นของเราในวันนี้และจะเป็นของคนอื่นในวันพรุ่งนี้




ความจริงแล้วในละครโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเป็นของลูกและไม่มีสิ่งใดที่เป็นของใครบางคนอย่างแท้จริง จงทำให้ตัวลูกเองมั่นคงอยู่ในรูปที่เป็นดวงวิญญาณและมองดูอย่างถูกต้องแม่นยำว่า :  โลกนี้คือละครและทั้งหมดคือนักแสดง  คนที่เป็นของเราในวันนี้จะไปอยู่กับคนอื่นในวันพรุ่งนี้และคนอื่นจะเป็นของเราในวันพรุ่งนี้ ความจริงนั้นก็คือ:  ดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่เป็นของเรา ด้วยการมีท่านเป็นเพื่อนเท่านั้นที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง อะไรก็ตามที่ท่านให้กับเราเท่านั้นที่เป็นของเราและจะได้ความสุขอย่างคงที่สม่ำเสมอ

และดังนั้นผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ใดไม่ว่าในเวลาใด เขาจะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโกรธ ความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง เขาจะคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความรู้สึกเหล่านี้อยู่เสมอและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเป็นผู้รู้เห็นละคร สำหรับเขาแล้ว ทุกคนเป็นของเขาและให้ความรักแก่ทุกคน  ดวงวิญญาณที่มีความรู้เช่นนั้นจะรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวของเขา

เมื่อผู้ใดไม่มีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับละคร เขาก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความไม่รู้และมีสำนึกที่เป็นร่างและจะมีความผูกพันยึดติดกับใครบางคนหรือมีความเกลียดชังและอิจฉาริษยา เพราะเหตุนั้นเขาก็จะทำกรรมที่เป็นบาปชนิดต่าง ๆ มากมายและได้รับผลของกรรมเหล่านั้นในรูปของความทุกข์ทรมาน

โลกนี้คือละครที่ไม่มีขีดจำกัดของการให้และการรับ ของการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จากตอนเริ่มต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบ การให้และการรับระหว่างดวงวิญญาณทั้งหลายก็ดำเนินต่อไปและในตอนจบ ทั้งหมดจะต้องจบบัญชีของพวกเขากับกันและกัน และทั้งหมดก็เข้าสู่สภาวะคาร์มาทีทและกลับบ้าน  ดังนั้นในตอนจบ มันจะมีพฤติกรรมที่ดีหรือไม่ดีกับกันและกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ปรารถนาก็ตาม เพราะว่ามันเป็นการชำระสะสางบัญชี แต่ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่เคยหวั่นไหวและอยู่อย่างไม่หมกมุ่นหรืออยู่อย่างละวางอยู่เสมอ เนื่องจากบัญชีต่าง ๆ ที่จะต้องมีการชำระสะสาง ประเทศ เวลา และสถานการณ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาและดวงวิญญาณทั้งหลายก็จะถูกดึงไปทำภารกิจนั้น ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ปรารถนาก็ตาม ดังนั้นเราไม่ควรสร้างความคิดใด ๆ (ที่ไร้ประโยชน์/ให้โทษ)ต่อผู้ใด แต่ในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ เราจะเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเฝ้าดูละครและมีความสุขกับละครนั้น

กฏของละครคือ:
บัญชีของดวงวิญญาณ = บทบาทของเขาในละคร (บทบาทขึ้นอยู่กับบัญชีของดวงวิญญาณ) ดวงวิญญาณถูกผูกไว้กับเวลาและบทบาทของเขาในละคร มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสิทธิที่จะสาปแช่งหรือให้พรแก่ดวงวิญญาณใดได้

หน้าที่ของเราคือเข้าใจละครอย่างถูกต้องและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางในขณะที่เฝ้าดูดละครและรักษาไว้ซึ่งการให้คุณประโยชน์ ความรูสึกที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดีต่อดวงวิญญาณทั้งหมด
ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นไม่มีวันดับสูญ เป็นนักแสดงที่เป็นอมตะของละครโลกนี้และเป็นลูกที่รักของดวงวิญญาณสูงสุด เป็นพี่น้อง(ชาย)ของเรา เราไม่ควรมีความโกรธ ความอิจฉาริษยา หรือความเกลียดชังกับบทบาทของผู้ใด เราควรจะมองดูบทบาทของทั้งหมดในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและรักษาความรู้สึกที่เท่าเทียมกันกับทั้งหมด นี่คือหน้าที่่ของเราในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณบราห์มิน

นี่คือละครที่หลากหลายและบทบาทที่หลากหลาย ในการสังเกตดูบทบาทของผู้อื่น เราไม่ควรมีความรู้สึกของความต่ำต้อยหรือเหนือกว่าเพราะว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ไม่แน่นอน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ใครก็ตามที่เป็นพระราชาในวันนี้จะเป็นปวงประชาในวันพรุ่งนี้ และจะเป็นในทางที่กลับกัน การเก็บรักษาความจริงนี้ไว้ภายใน ผู้นั้นก็ไปอยู่เหนือความรู้สึกของความไม่ยุติธรรม ความหดหู่หรือความหยิ่งทะนงและดังนั้นผู้นั้นก็จะสามารถรักษาไว้ซึ่งสภาวะของความสมดุลของจิตใจ  (เช่นไม่มีความชอบหรือไม่ชอบ)

นี่คือเวลาสิ้นสุดของกัลป์และบัญชีส่วนตัวของดวงวิญญาณทั้งหลายและบัญชีของเขากับคนอื่นนั้นต้องมีการชำระสะสาง ดังนั้น ดวงวิญญาณที่มีความรู้จะไม่รู้สึกประหลาดใจหรือถูกหลอกด้วยการเห็นฉากใด ๆ เขาจะไม่สร้างความคิดที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเหตุการณ์ของละคร และดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ของความเกลียดชัง ความโกรธและความอิจฉาหรือริษยากับใครจะปรากฏออกมา เขาจะมีความอดทนอย่างเป็นธรรมชาติและอย่างง่ายดายและดังนั้น จึงสอบผ่านข้อสอบสุดท้ายอย่างมีความสุข

"ใครก็ตามอาจจะกำลังทำสิ่งใดอยู่แต่คงอยู่อย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเรื่องของการประฌาม ฉันถูกประฌามอย่างมาก แต่ว่าไม่ใช่ ละครทำให้เป็นเช่นนั้น ผู้ที่น่าสงสารนั้นอยู่ในความมืดของความไม่รู้ เราควรจะมีความรู้สึกเมตตาและยิ้มอยู่เสมอ" SM 21/08/68


Saturday, July 20, 2013

ละครโลกและประโยชน์


ละครโลกนี้เป็นเกม อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี นี่คือความจริงที่เป็นอมตะ เกมนั้นให้ความสุขเสมอ ทัศนคติที่เห็นเป็นเกมนั้นให้ความสุข ละครนั้นเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องและุทุก ๆ เหตุการณ์นั้นเป็นพื้นฐานของเหตุการณ์ในอนาคต

ละครโลกนี้ให้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ถ้าลูกรู้มันอย่างถูกต้อง ลูกจะเห็นประโยชน์ในทุก ๆ ฉาก ถ้าเราไม่ได้ตกต่ำลงมา ดวงวิญญาณสูงสุดจะสามารถเล่นบทบาทของท่านในการยกระดับพวกเราได้อย่างไร และการพบกับท่านก็ให้ประสบการณ์ของความสุขเหนือประสาทสัมผัสแก่เรา ดังนั้นถ้าลูกดูด้วยการมองเห็นที่สูงส่งลูกก็จะเห็นประโยชน์แฝงอยู่ในทุก ๆ เหตุการณ์ ผู้ที่รู้เรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำจะเข้าใจความลับที่ล้ำลึกนี้

"การรู้ถึงการซ้ำรอยเดิมของละคร จะไ่ม่มีความสงสัย และผู้นั้นก็รู้ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อประโยชน์เท่านั้น ลูกไม่มีความจำเป็นต้องเร่ร่อนอีกต่อไป เพราะลูกทิ้งความผูกพันยึดติดทั้งหมด ณ ที่นี่ ผู้กราบไหว้บูชาของกลียุคนั้นเร่ร่อนไปทั่วเพราะว่าพวกเขามีความผูกพันยึดติด" SM 25/04/69

"มันเป็นเวลานี้ที่เป็นยุคที่ให้คุณประโยชน์และดังนั้นฉากใดก็ตามที่เข้ามาอยู่เบื้องหน้าลูกนั้น เต็มไปด้วยประโยชน์ ลูกอาจจะไม่รู้สึกมันในเวลาปัจจุบันนี้ แต่มันจะถูกเปิดเผยในอนาคต  ถ้าลูกจำไว้ว่า "วา... ละคร......วา"  ลูกก็จะมีความสุขอยู่เสมอและไม่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหรือกังกลใจในการทำความเพียร การทำงานรับใช้ผู้คนมากมายก็จะเกิดขึ้นผ่้านลูก" ABD 01/01/79

Friday, July 19, 2013

ละครโลกและปรัชญาแห่งกรรม


ละครนี้คือวงจรของเหตุการณ์ที่มีพื้นฐานอยู่บน กรรม-ผล-กรรม กรรม(การกระทำ) คือคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างและไม่มีกรรมใดที่ปราศจากผล ดวงวิญญาณได้รับผลของทุก ๆ กรรมอย่างเป็นอัตโนมัติและเป็นธรรมชาติ ไม่มีดวงวิญญาณที่สามารถรับผลที่ดีหรือไม่ดีโดยปราศจากการทำกรรม และไม่มีใครสามารถรับผลของกรรมที่ได้กระทำโดยผู้อื่น แต่ละคนรับผลของกรรมของตัวเอง

นี่คือกฎแห่งกรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กฎแห่งกรรมนี้ทำงานอย่างเป็นอัตโนมัติและอย่างเป็นอิสระและดังนี้นคนจึงสามารถเป็นเพื่อนของตัวเขาเองหรือเป็นศัตรูของตัวเขาเอง ถ้าใครเข้าใจละครได้อย่างถูกต้องแม่นยำเขาไม่สามารถที่ไปสู่กรรมที่เป็นบาปใด ๆ ได้ ในสภาวะที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเขาจะมีประสบการณ์กับพลังทางดวงวิญญาณอย่างเป็นอัตโนมัติและแล้วกรรมทั้งหลายก็จะสูงส่งอย่างเป็นธรรมชาิติ

"ลูกไม่สามารถพูดว่า : มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าก็มีบทบาทในละครด้วยเช่นกัีน แต่ลูกจะพูดว่ามันเป็นโชคชะตาของละคร ผู้ที่กระทำกรรมที่เป็นบาปจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน (ผลกรรม) พ่อจะไม่ให้การลงโทษ นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วอย่างเป็นอัตโนมัติซึ่งดำเนินไปเรื่อย ๆ พ่ออธิบายถึงความลับและตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบของมัน" SM 19/02/69 revised

แม้กระนั้น เพื่อประโยชน์ของลูกเอง ลูก ๆ พ่อผู้ให้คุณประโยชน์ ในรูปของผู้พิพากษาสูงสุด บอกลูกถึงกฎอันศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในกฎของละครในยุคบรรจบพบกันคือ สำหรับ 1 กรรม ลูกจะได้รับการบรรลุผลหรือการถูกลงโทษ/ความทุกข์ทรมานเป็น 100,000 เท่า มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของกรรม กฎนี้ทำงานอย่างเป็นอัตโนมัติ พ่อไม่ได้แทรกแซงในเรื่องนี้ นี่คือเครื่องยนต์อัตโนมัติที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าปรัชญาแห่งกรรมนั้นล้ำลึกเป็นอย่างมาก ABD 03/05/77

"ถ้าลูกทำทุก ๆ สิ่งในขณะที่เป็นตรีกาลดาร์ชิ ลูกจะไม่สามารถทำกรรมที่เป็นบาปใด ๆ ได้ ลูกจะทำกรรมที่เป็นบวก (ให้ผลที่ดี) อยู่เสมอ....ในทำนองเดียวกันการทำกรรมในขณะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและเป็นพยานและลูกก็จะไม่กลายเป็นดวงวิญญาณผู้ซึ่งถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของกรรม"ABD 30/01/70

"เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะพูดว่า มันเป็นความประสงค์ของพระเจ้า แต่ลูกพูดว่า มันเป็นโชคชะตาของละคร เพราะลูกรู้ว่าพระเจ้าก็มีบทบาทในละครด้วยเช่นกัน และมีเพียงพ่อเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าวงจรโลกหมุนไปได้อย่างไร และพ่อคือผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ มนุษย์คิดว่าท่านรู้ใจของทุกคน แต่เราจะต้องรับผลของกรรมที่เป็นบาปใด ๆ ก็ตามที่เราทำ พ่อจะไม่นั่งเพื่อที่จะทำการลงโทษ ละครนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้วและโดยธรรมชาติก็ใช้กฎและหลักการของมันอย่างเป็นอัตโนมัติ" SM 19/02/69 revised

"บางคนก็สะสมหนึ่งสตางค์และมันกลายเป็น 100,000 และบางคนขโมยหนึ่งสตางค์และมันก็กลายเป็น 100,000 พ่ิออธิบายกฎทั้งหมดให้แก่ลูก มือขวาของพระเจ้าคือธรรมราช(ผู้พิพากษาสูงสุด) และท่านรู้บัญชีทั้งหมดอย่างเป็นอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับกรรมที่ได้ทำ ผู้นั้นก็ได้รับความทุกข์หรือความสุข สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้วในละคร"SM 14/12/69 revised

2 ล้อของรถลากของละครที่หมุนไปพร้อม ๆ กัน คือ:
1. ทุกฉากในละครถูกกำหนดไว้แล้ว
2. กฏแห่งกรรม

ผ่านทุก ๆ กรรม ดวงวิญญาณชำระสะสางบัญชีกับดวงวิญญาณต่าง ๆ และบัญชีใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเ่ช่นกัน ในเวลาปัจจุบัน ในตอนจบของกลียุค บัญชีทั้งหมดของหลาย ๆ ชาติเกิดนั้นได้รับการชำระสะสาง เพราะว่าละครกำลังจะจบแล้ว เวลาสำหรับการสร้างบัญชีใหม่สำหรับวงจรใหม่ที่กำลังจะมานั้นสั้น ดังนั้นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรู้จะไม่ประหลาดใจหรือถูกหลอกเมื่อเฝ้าดูบทบาทของใคร เขาจะไม่สร้างความคิดที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเหตุการณ์ของละคร และดังนั้นจะไม่มีความรู้สึกของความเกลียดชัง ความโกรธและความอิจฉาริษยาต่อผู้ใด มันเป็นด้วยความรู้สึกที่บัญชีถูกสร้างขึ้นมา

Thursday, July 18, 2013

ละครโลกและสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง


การบรรลุผลที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตอย่างหนึ่งคือการรู้จักความถูกต้องแม่นยำของละคร ด้วยสิ่งนี้ผู้นั้นสามารถคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากร่างกายและโลกของร่างกายและเฝ้าดูละครโลกในขณะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และเล่นบทบาทในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ มหาสมุทรแห่งความรู้(ชีพบาบา) คือเพื่อนของฉันตลอดไปและมือของพ่อสูงสุด-ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นอยู่บนที่ศีรษะของฉันอยู่เสมอ ถ้าฉันทำให้ความกระจ่างชัดเกี่ยวกับละครตื่นตัวอยู่ในสติปัญญาของฉัน สภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างคงที่สม่ำเสมอก็เป็นไปได้

นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่มากมายในโลกพยายามที่จะอธิบายถึงสภาวะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางนี้ แต่ถ้าหากปราศจากความรู้เรื่องละคร มันก็ยังคงคลุมเครือหรือเป็นเพียงการจินตนาการอยู่เสมอ ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างเป็นนิรันดร์ ดังนั้น ท่านจึงสามารถให้ความรู้นั้นและเข้าใจอย่างลึกซึ้งแก่เรา ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าถึงสภาวะนั้นได้และประสบกับปิติสุขผ่านสิ่งนั้น

ในโลกพวกเขาสร้างสมสภาวะนี้ด้วยการบีบบังคับ แต่มันคงอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น สำนึกที่เป็นร่างมีอิทธิพลเหนือดวงวิญญาณ นี่คือเหตุผลที่ทำไมดวงวิญญาณทั้งหมดจึงเข้ามาสู่การตกต่ำ แม้ว่าพวกเขาได้มาจากพารามธรรมในสภาวะสาโทปราทานอย่างสมบูรณ์ของพวกเขา ดวงวิญญาณในสำนึกที่เป็นร่างไม่สามารถเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสมบูรณ์ไ้ด้ เขาจะสามารถเข้าถึงสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางได้ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าพวกเราดวงวิญญาณนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรมและพวกเราได้มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาท เป็นเพียงเมื่อเราเข้าใจละครว่าเป็นการแสดงและถูกทำให้เชื่อมั่น 100% เกี่ยวกับมันแล้ว เราจึงจะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง 100% ได้ นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับละครพาเราไปอยู่เหนือความคิดของ "อะไรดี" และ "อะไรไม่่ดี" ดีหรือไม่ดีนั้นได้มีการทำแต่เราจะรู้สึกว่า:  อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้นดี อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นนั้นดี และอะไรที่จะเกิดขึ้นก็จะดี เพราะว่าละครนั้นให้คุณประโยชน์ ดวงวิญญาณเล่นบทบาทที่มันได้ถูกกำหนดไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญของทุก ๆ บทบาทในละครที่ต่อเนื่องนี้ จากบทบาทหนึ่ง บทบาทอื่นก็ปรากฏขึ้นมา นั่นคือบทบาทหนึ่งกลายเป็นเครื่องมือของอีกบทบาทหนึ่ง ในสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง คนนั้นก็จะเล่นบทบาทของเขาเองต่อไปและทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระ



ละครนี้เต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีวันจบสิ้นและเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ แต่เนื่องจากอิทธิพลของความไม่รู้ ดวงวิญญาณก็ไ้ด้เร่ร่อนไปไกลบนหนทางของสำนึกที่เป็นร่าง ซึ่งมันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมา จากนั้นพ่อสูงสุด-ดวงวิญญาณสูงสุดผู้ทรงฤทธิ์นั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูความรู้ของพวกเรา นั้นคือเหตุผลของการอวตารลงมาของท่าน

ในขณะที่เล่นบทบาทในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ ในขณะที่อยู่ในสภาวะผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ผู้นั้นก็จะรู้สึกว่าทุก ๆ บทบาทนั้นดีและสมบูรณ์พร้อม นี่คือการบรรลุผลพิเศษของยุคบรรจบพบกัน และพรอันสูงสุดจากพ่อสูงสุดสำหรับพวกเราดวงวิญญาณและเป็นพื้นฐานของความสุขทั้งหมด สำหรับผู้นั้นละครก็คือเกมของรูปของปิติสุขสูงสุด

ในสภาวะนี้ ฉากของละครจะมาและก็ไป แต่เราจะไม่  "รับเข้ามา" หรือ "ยึดไว้" ภายในต่อสิ่งใดและรักษาหัวใจของเราให้สะอาดอย่างต่อเนื่อง

Wednesday, July 17, 2013

ละครโลกและสภาวะของตนเอง



การที่ดวงวิญญาณจะคงอยู่อย่างมั่นคงในสภาวะของตนเอง มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและรู้เห็นเป็นพยาน มันปลดปล่อยดวงวิญญาณจากความคิดที่ไร้สาระและความคิดสร้างความเสียหายได้ในหนึ่งวินาทีด้วยเช่นกัน ประสบการณ์ของการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตกลายเป็นเรื่องง่าย และนี่คือเป้าหมายอันสูงสุดของการทำความเพียรทางดวงวิญญาณของพวกเรา มันทำให้ทัศนคติของเราสะอาดและบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน

สถานการณ์ของความทุกข์นั้นถูกเปลี่ยนไปเป็นความสุขด้วยสิทธิที่ได้รับผ่านพ่อ  มหาสมุทรแห่งความสุข นั่นคือ ผ่านแสงแห่งความรู้ ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดวงวิญญาณรู้สึกว่า: วา ละครที่สายงาม วา, บทบาทของนักแสดงทุก ๆ คน วา, ผู้ที่รู้สึกเช่นนั้นอย่างจริงใจถูกเรียกว่าผู้มีโชคอันดับหนึ่ง SM 01/12/83

พื้นฐานของความสุขของดวงวิญญาณคือการเล่นบทบาทของเขาอย่างประสบความสำเร็จด้วยการคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากการตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของร่างกาย และดังนั้นจึงเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระและความคิดที่ให้โทษ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงปัญญาของดวงวิญญาณ

ความสัมพันธ์ทางร่างและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดจะอยู่กับเราชั่วคราวเท่านั้น และสิ่งเหล่านั้นก็จะจากเราไปในเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วในอนาคต ดังนั้น ในความเป็นจริงมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องวิตกกังวลหรือยึดติด ความวิตกกังวลและความผูกพันยึดติดนั้นเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งหมด ผู้ที่เป็นอิสระจากมันก็จะประสบกับปิติสุขสูงสุด

มีเพลงร้องว่า: ถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้ที่เมฆหมอกจะจางหายไป โอ... นักเดินทางในยามวิกาล ผู้ที่่หลงทาง บัดนี้มันเป็นเวลารุ่งอรุณและท่านจะต้องกลับบ้าน

ทำไม/อย่างไรมันจึงเป็นเช่นนั้น??

นี่คือความคิดที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นเหมือนกับการทุบก้อนหินที่ขวางทางลูกอยู่ ถ้าใครจำความรู้เรื่องละครได้ เขาก็จะสามารถกระโดดข้ามหรือบินข้ามก้อนหินไปได้ ในการทุบก้อนหินเขาจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก การกระโดดข้ามใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาที ABD 17/03/81

"วันนี้บัพดาดาได้เห็นว่าตามเวลาปัจจุบันนี้ เราจำเป็นต้องมีพลังในการควบคุมเหนือตนเองให้มากขึ้น เพื่อควบคุมอวัยวะทางร่างกาย ถ้าเราพูดว่าหยุดมันควรจะหยุด นี่คือวิธีจะเข้าถึงสภาวะคาร์มาทีท" ABD 15/03/99

อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นตามละครนั้นถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ละครนั้นถูกต้องแม่นยำ พ่อคือผู้ไร้ความกังวล บราห์มานี้มีความกังวลอย่างแน่นอน เขาจะเป็นอิสระจากความกังวลอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาจะไปถึงสภาวะคาร์มาทีทของเขา จนกว่าจะถึงตอนนั้นเขาจะมีความกังวลไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง SM 27/02/99 revised

บางคนรู้สึกมีความทุกข์หรือเหี่ยวเฉาเมื่อพวกเขาไม่ได้รับแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เรียกได้ว่าสำนึกที่เป็นร่าง พ่อกล่าวว่า:  พ่อเห็นมันอย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ลูก ๆ มากมายได้จากไป มันจะพูดได้ว่า:  มันเป็นละคร ฉันปราศจากร่างกาย มันเป็นราวกับว่าโลกนั้นตายไปแล้วสำหรับฉัน ฉันไม่มีงานใดเกี่ยวข้องกับโลกนี้ งานของฉันมีกับบ้านที่แสนหวาน เตรียมสภาวะของลูกด้วยวิธีนี้ SM 01/11/72 revised

"ผู้ซึ่งรู้ถึงความลับของละครและกาลเวลาทั้งสามจะไร้ความกังวลและมีความสุขอยู่เสมอ เขาจะรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อเขาไม่เข้าใจความลับนี้ ตรีกาลดาร์ชิ (ผู้ล่วงรู้กาลเวลาทั้งสาม คือ อดีต ปัจจุบันและอนาคต) สภาวะที่เต็มไปด้วยความรู้นั้นเป็นบัลลังก์สูงสุด เมื่อเขาลงมาจากบัลลังก์นั้นเขาก็จะไม่มีความสุข" ABD 29/01/77

ผู้ที่เป็นผู้สังเกตุการณ์ที่ละวางจะไม่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบทบาทของผู้ใด ด้วยการนั่งอยู่บนที่นั่งของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง พวกเขาจะเฝ้าดูละครและประสบกับความสนุกสนานเป็นอย่างมาก

พ่อกล่าวว่าพ่อมาเพื่อทำให้ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์นั้นบริสุทธิ์ ดังนั้น พ่อกำลังทำให้ลูกบริสุทธิ์ ส่วนที่เหลือ ไม่ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นในละคร มันจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวและหลังคาพังลงมา มันก็จะกล่าวได้ว่า "ละคร" กัลป์ที่แล้วมันก็ได้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นลูกไม่ควรจะหวั่นไหวแม้เพียงเล็กน้อย แต่จงยืนอย่างมั่นคงบนละคร บุคคลเช่นนั้นจะถูกเรียกว่า "มหาวีระ" อุบัติเหตุมากมายจะเกิดขึ้น ใครล่ะ! ที่จะปกป้องลูก?? ทั้งหมดนั้นมันถูกกำหนดไว้แล้วในละคร บทบาทเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ไม่รู้จักละครจะคิดถึงร่างกายและหลั่งน้ำตามากมาย SM 01/06/2001 revised

ดวงวิญญาณทั้งหลายมีบทบาทของ 5000 ปี ดังนั้น จึงมีบัญชี(กรรม) ของหลายชาติเกิดกับดวงวิญญาณอื่น ๆ บัญชีทั้งหมดจะต้องได้รับการชำระสะสาง และดังนั้นอย่าได้ประหลาดใจหรือมีความทุกข์ด้วยการเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ใด ๆ เฝ้าดูทุก ๆ เหตุการณ์ และทุก ๆ ฉากในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและจะมีประสบการณ์ของปิติสุข.....

Tuesday, July 16, 2013

ละครโลกและการทำความเพียร


ละครโลกนี้เป็นวงจรของเหตุการณ์ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนการทำความเพียร-ผลรางวัล-การทำความเพียร, กรรม-ผลกรรม, การกระทำ-ปฏิกิริยาโต้ตอบ  ละครโลกนี้เต็มไปด้วยการกระทำและไม่มีดวงวิญญาณใดที่สามารถอยู่ ณ ที่นี่ได้โดยปราศจากการกระทำได้ และไม่มีแม้แต่การกระทำเดียวที่ปราศจากผล การทำความเพียรนั้นเป็นการกระทำที่เป็นธรรมชาติของดวงวิญญาณในละครนี้ ไม่มีดวงวิญญาณใดสามารถอยู่โดยปราศจากการทำความเพียรได้ การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องของละครโลกนี้ก็เป็นการทำความเพียรด้วยเช่นกัน แต่เราจะต้องรู้ว่าความเพียรประเภทใดที่เราควรจะทำ ดวงวิญญาณสูงสุดมาและให้ความรู้นี้แก่เรา

ดวงวิญญาณที่คงอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความลับของละครนี้ได้ ดวงวิญญาณเช่นนั้นเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะใช้คำว่า "ละคร" สำหรับละครนี้ ถึงแม้ว่าใครอาจจะมีความรู้เรื่องละคร จนกว่าเขาจะเข้าถึงสภาวะของสำนึกเป็นดวงวิญญาณเช่นนั้นเท่านั้น ผู้นั้นจึงจะทำความเพียรได้อย่างแท้จริง เพราะว่าการมีความรู้นั้นแตกต่างจากการซึมซับมันไว้

อะไรคือการทำความเพียร??
ในสนามของการกระทำ ทุก ๆ ดวงวิญญาณนั้นทำความเพียรไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แต่โดยทั่วไปคำว่า "การทำความเพียร" นั้นใช้ในเรื่องทางดวงวิญญาณเท่านั้น การทำความเพียรทางดวงวิญญาณที่ถูกต้องคือการเปลี่ยนสำนึกที่เป็นร่างไปเป็นสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ

ถ้าละครซ้ำเหมือนเดิมทุกประการ ทำไมเราต้องทำความเพียรเล่า ???

มันไม่ใช่ความจริงหรือที่มันจะผลักดันเราให้หยุดการทำความเพียรใด ๆ ???

ไม่ใช่! การเข้าใจละครอย่างถูกต้องนั้นเป็นการทำความเพียรพิเศษด้วยเช่นกัน การทำความเพียรอย่างถูกต้องนั้นคือการคงอยู่ิอย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางในขณะที่เล่นบทบาทในละคร
เป็นเพียงเมื่อเราคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางเท่านั้นที่เราจะสามารถคงอยู่อย่างมั่นคงในสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณได้
ทุก ๆ ดวงวิญญาณต้องการความสุขและความสนุกสนาน สิ่งเหล่านี้เป็นอุปนิสัยที่เป็นธรรมชาติของทุก ๆ ดวงวิญญาณ ผู้ที่เข้าใจละครนี้อย่างถูกต้องและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางจะคงอยู่อย่างมีความสุขและรู้สึกว่าละครนั้นสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้าใจละครอย่างแท้จริงจะไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของร่างกายและโลกทางร่างกาย เพียงเท่านั้นที่เขาจะสามารถประสบกับความสุขอันแท้จริงจากละครได้ การคงอยู่อย่างเป็นอิสระและละวางจากร่างกายและโลกทางร่างกายและเฝ้าดูละครในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางนั้นเป็นการทำความเพียรที่ล้ำลึกมาก ผู้ที่ต้องการมีชีิวิตที่สูงส่งเช่นนั้นจะไม่เคยมีความปรารถนาที่จะหลุดพ้นไปจากการที่ต้องการความเพียร

แต่ผู้ที่หยุดการทำความเพียรก็จะพูดว่าถึงอย่างไรมันก็ต้องเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เป็นในกัลป์ก่อน (เพราะว่าการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการของละคร) มันแสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจในความล้ำลึกของละคร การหยุดการทำความเพียรก็เป็นบทบาทของคน ๆ นั้นในละครด้วยเช่นกัน ด้วยความเข้าใจในละคร มันจะเป็นการง่ายที่จะคงอยู่อย่างผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและไม่ตำหนิผู้ใด เราควรเข้าใจว่าทุก ๆ ดวงวิญญาณจะำทำความเพียรทางดวงวิญญาณตามเวลาของพวกเขาเอง แต่ตัวเราเองไม่ควรจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งนั้นและหยุดการทำความเพียรของเราเองและพูดว่า "เราจะดูสิว่ามีอะไรอยู่ในละคร"

การทำความเพียรและโชคชะตาของมันนั้นอยู่ในความสมดุลอย่างสวยงาม การทำความเพียรนั้นเป็นไปตามละครและขึ้นอยู่กับการทำความเพียรเท่านั้นที่ดวงวิญญาณจะได้รับผล โชคชะตาของละครนั้นถูกต้องแม่นยำและไม่หยุดนิ่ง ปราศจากการทำความเพียรก็ไม่มีใครสามารถทำการกระทำและถ้าไม่มีการกระทำ จะมีผลใด ๆ ได้อย่างไร ? ถ้าไม่มีกรรม (การกระทำ) บทบาทในละครก็ไม่สามารถดำเนินต่อไป และเมื่อไม่มีบทบาทในละคร จะมีละคร/การแสดงได้อย่างไร?

"มีเพียงลูก ๆ บราห์มินเท่านั้นที่รู้ถึงความลับนี้ ต่างลำดับกันไป ใครได้ทำความเพียรในกัลป์ก่อนมากเท่าใด คนนั้นก็จะทำความเพียรมากเช่นนั้นในขณะนี้ ใครไม่ควรจะคิดวว่า:  อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในละคร มันก็จะเกิดขึ้น การทำความเพียรต้องมาก่อน ละครจะต้องนำผลมาให้และลูก ๆ ต้องทำความเพียร และใครทำความเพียรเช่นใด สถานภาพก็เป็นเช่นนั้น" SM 11/01/73

"ขึ้นอยู่กับการทำความเพียร โชคก็ถูกสร้างขึ้นมา การทำความเพียรเป็นไปตามละคร แต่อย่าได้เอาแต่นั่งและพูดว่าละคร (บราห์มาบาบาไอ)  ถ้าไม่กินยาผู้นี้ก็จะไม่หาย"  SM 19/07/68

"ผู้คนถามว่า:  การทำความเพียรทรงพลังมากกว่าหรือว่าโชคชะตาทรงพลังมากกว่า?
ปราศจากการทำความเพียรลูกก็ไม่สามารถได้รับโชค ดังนั้น ตามละครแล้ว การทำความเพียรเท่านั้นที่นำมาซึ่งโชคชะตาและด้วยเหตุนั้นบทบาทจึงถูกกำหนดไว้แล้วในดวงวิญญาณตั้งแต่ตอนเริ่มต้นไปจนถึงตอบจบ"  SM 16/12/99

ผู้ที่เข้าใจละครจะไม่เคยหยุดการทำความเพียร แม้ชีพบาบา ผู้ที่รู้เกี่ยวกับละครทั้งหมดและบริสุทธิ์ตลอดกาล ก็มาและทำความเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยด้วยเช่นกัน ท่านกำลังทำให้พวกเราดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ ดังนั้นคนอื่นจะสามารถเป็นอิสระจากการทำความเพียรได้อย่างไร  ถ้าเราซึมซับหลักเกณฑ์ของการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการของละครไว้ มันจะช่วยเราให้ทำความเพียรเข้มข้นขึ้น เพราะว่ามันทำให้เราเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้สาระเกี่ยวกับอดีตและอนาคต และดังนั้นเราก็จะประหยัดเวลาและพลังงานของเราเพื่อเป้าหมายที่สูงกว่า ผู้ทำความเพียรที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่ำทำความเพียรที่สูงส่งในเวลาปัจจุบันนี้เท่านั้น โดยปราศจากการคิดถึงเหตุการณ์และความผิดในอดีตหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต เขารู้ว่าเมล็ดของการกระทำที่สูงส่งที่หว่านไว้ในเวลาปัจจุบันจะออกผลในอนาคต

Monday, July 15, 2013

ละครโลกและดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรมและพวกเขาก็เป็นนักแสดงที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายในละครโลกนี้ ดวงวิญญาณทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ในรูปดั้งเดิมของพวกเขา แต่ในละครโลกนี้ กฏเกณฑ์ที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันสูญสลายก็คือทุก ๆ สิ่งเปลี่ยนจากใหม่ไปเก่า




เพื่อที่จะเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณก็มาบนโลกและใช้ร่างในครรภ์และพวกเขาก็ลืมบ้านของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาลืมรูปของตนเอง ร่างกายก็มีอิทธิพลเหนือสำนึกรู้ของพวกเขาและกิเลสทั้งห้าก็เข้าไปในดวงวิญญาณ มันเป็นเพราะกิเลสทั้งห้าที่ดวงวิญญาณประสบกับความทุกข์และความไ่ม่สงบ และแล้วพวกเขาก็เริ่มร้องเรียกหาดวงวิญญาณสูงสุดเพื่อมาให้ความสุขและความสงบแก่พวกเขา ในตอนเริ่มต้นเมื่อดวงวิญญาณเริ่มเล่นบทบาทของพวกเขา ดวงวิญญาณนั้นบริสุทธิ์และมีความสงบและความสุขอย่างสมบูรณ์



ความจำเป็นพื้นฐานของดวงวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ในร่างคือการประสบกับความบริสุทธิ์ ความสุขและความสงบ และเขาก็ทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะบรรลุถึงสิ่งนั้น การเข้าใจความรู้ที่แท้จริงของละครช่วยดวงวิญญาณให้เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดที่ให้โทษ และการคงอยู่อย่างมั่นคงในรูปดั้งเดิมของดวงวิญญาณของเขาและการประสบกับสภาวะสมบูรณ์พร้อม และความสมบูรณ์พร้อมนั้นเป็นแม่ของความพอใจ และความพอใจเป็นพื้นฐานของความสุข ความปลื้มปิติ และความสงบ




เมื่อเวลาของการเล่นบทบาทมาถึง ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ดีหรือไม่ดีที่ถูกบันทึกไว้ในดวงวิญญาณ บทบาทนั้นก็ดึงดวงวิญญาณมา ดวงวิญญาณไม่สามารถคงอยู่โดยปราศจากการเล่นบทบาทนั้นได้และจะประสบกับความพึงพอใจในการเล่นบทบาทนั้นเท่านั้น

ในยุคทองและยุคเงิน ดวงวิญญาณไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์ของวงจรโลก เขารู้แต่เพียงว่าเขาเป็นดวงวิญญาณที่ไม่มีวันสูญสลาย และเขากำลังเล่นบทบาทผ่านร่างกาย
เพราะสำนึกของสภาวะของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณจึงเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และเขาก็รู้สึกถึงความงาม ความมหัศจรรย์และความสุขของละครผ่านอวัยวะสัมผัส และแล้วจากยุคทองแดงเป็นต้นไปจนกระทั่งถึงตอนจบของยุคเหล็ก ดวงวิญญาณก็ลืมรูปของตัวเองและดังนั้นจึงสูญเสียสภาวะการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง และแล้วเขาก็ติดกับอยู่ในสำนึกที่เป็นร่างและหลงใหลอยู่ในความสุขทางประสาทสัมผัสหรือความสุขที่เต็มไปด้วยกิเลส แล้วดวงวิญญาณก็หมกมุ่นอยู่ในพิธีกรรมของการกราบไหว้บูชา ฯลฯ เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต การประสบกับรูปแบบสูงสุดของความสุขคือความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

การประสบกับความสุขสูงสุดนี้ สิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นที่ต้องการ :
1.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ (waste thoughts)
2.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ (negative thoughts)
3.  การอยู่อย่างไร้ความกังวล
4.  การอยู่อย่างเป็นอิสระจากความผูกพันยึดติด

ตลอดทั้งวงจรดวงวิญญาณทำความเพียรอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะประสบกับความสุขสูงสุดนี้ การบรรลุถึงสิ่งนี้ ความเข้าใจในหลักการ กฏเกณฑ์และความจริงอันเป็นนิรันทร์ของละครโลกนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ถ้าใครรู้ความจริงของละครโลกอันเป็นนิรันดร์เหล่านี้ เขาก็จะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางได้อย่างง่ายดาย และเขาก็จะสามารถประสบกับความปิติสุขของการเฝ้าดูละครพร้อมกับพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ความสำเร็จของชีวิตบราห์มินคือการสามารถมีประสบการณ์ของความสงบ ความเงียบสูงสุดด้วย การมีสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ และการเล่นบทบาทในขณะที่เป็นผู้ที่อยู่ในสภาวะที่เป็นอิสระจากความคิดที่ให้โทษ นี่คือสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่รอบรู้ ผู้ที่เข้าใจละครได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

เนื่องจากการขาดความรู้หรือสำนึกที่เป็นร่าง ความตายก็กลายเป็นสาเหตุของความทุกข์และความกลัวเป็นอย่างมากของดวงวิญญาณที่อยู่ในร่าง แต่ถ้าใครฝึกฝนที่จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากร่างกายและเป็นอิสระจากโลกของร่างกายแล้วเขาก็จะได้รับการหลุดพ้นจากความกลัวและความทุกข์ของความตาย
เขาจะตระหนักรู้ว่าการรับร่างและการทิ้งร่างนั้นเป็นกรรม (การกระทำ) ตามธรรมชาติของดวงวิญญาณและมันเป็นเหมือนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเล่นบทบาทในละครโลก

ดวงวิญญาณได้รับร่างกาย ญาติทางร่างกาย สิ่งอำนายความสะดวกและทรัพย์สมบัติของร่างกาย เป็นไปตามกรรมของดวงวิญญาณ และก็ิทิ้งร่างกายไปตามกรรมด้วยเช่นกัน
ผู้ที่รู้ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จะฝึกฝนการละวางจากร่างอยู่เสมอ และด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับสภาวะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง สภาวะที่เต็มไปด้วยความปิติสุขนี้คือการบรรลุผลที่สูงที่สุดของดวงวิญญาณที่อยู่ในยุคบรรจบพบกัน

การบรรลุผลที่สูงที่สุดของยุคบรรจบพบกันคือ :
1.  การเป็นผู้ที่ละวางจากร่างกายและด้วยสิ่งนั้นก็ประสบกับความสงบสูงสุด
2.  การอยู่ในรูปที่สมบูรณ์พร้อม (ร่างแสง - Angelic Form) และประสบกับความปิติสุขสูงสุดในภารกิจของการเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกพร้อมกับพ่อที่สมบูรณ์พร้อม (บราห์มา)
3.  การเฝ้าดูละครโลกและเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและประสบกับความปลื้มปิติสูงสุด

เราสามารถมีความรู้เรื่องละครไว้ในฐานะที่เป็นข้อมูลแต่มันควรจะซึมซับไว้ในชีวิต สำหรับสิ่งนี้เราควร จะไตร่ตรองความรู้นี้อย่างต่อเนื่องและฝึกฝนมันในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ การชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์นั้นควบคู่ไปกับการซึมซับความรู้เรื่องละคร

ละครและความพอใจของดวงวิญญาณ
ความพอใจนั้นเป็นความงามอันสูงส่งที่สุดของดวงวิญญาณ และเป็นพื้นฐานของความสุขและความสงบ ความรู้เรื่องละครที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประสบกับความพอใจ
ละครโลกนี้ซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการและทุก ๆ บทของมันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนว่าเป็นความจริงอันขมขื่น แต่ละครก็เต็มไปด้วยความจริง ความยุติธรรมและให้คุณประโยชน์ ภายในละครนั้นมีความสมดุลที่สวยงามมากของการทำความเพียรและผลของมัน(โชค/รางวัล) การเข้าใจความจริงนี้ เราก็สามารถเป็นผู้ที่เฝ้าดูอย่างละวางได้อย่างง่ายดายและประสบกับความสุขจากการเฝ้าดูละครและดังนั้นจึงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความโกรธและความอิจฉาริษยา ดวงวิญญาณเล่นบทบาทของเขาในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ จะไม่มีชื่อหรือร่องรอยของความไม่พอใจในดวงวิญญาณ

เหมือนกับละครทางโลก นักแสดงจะรู้ว่าเมื่อใดที่่ละครกำลังจะจบและเมื่อใดพวกเขาจะกลับบ้าน... นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด  บัดนี้เรามีสติปัญญาที่ไม่มีขีดจำกัดและมีความปลื้มปิติเป็นอย่างมากในการรู้ถึงตอนเริ่มต้น ตอนกลางและตอนจบของละคร.... นักแสดงแต่ละคนควรจะรู้บทบาทของตนเอง....เมื่อความเข้าใจในเรื่องนี้ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในสติปัญญาและแล้วปรอทแห่งความสุขก็จะคงอยู่ในระดับที่สูง SM 12/01/02 revised

Sunday, July 14, 2013

ละครโลกและดวงวิญญาณสูงสุด

ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นถูกเรียกว่า "ผู้สร้างโลก" และแท้จริงแล้วท่านคือ "ดวงวิญญาณสูงสุด" และจริง ๆ แล้ว ท่านทำอะไร? ท่านได้สร้างโลกนี้หรือ?




ในความเป็นจริง ดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณสูงสุด และธรรมชาตินั้นเป็นอมตะ และไม่มีวันสูญสลายและ ดังนั้นจึงไม่สามารถถูกสร้างหรือทำลายได้ โลกเป็นอมตะ ละครที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ และดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นอมตะ เป็นนักแสดงที่ไม่มีวันสูญสลายของละคร ดวงวิญญาณสูงสุดก็เป็นนักแสดงเหมือนกับดวงวิญญาณอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แต่การแสดงของท่านนั้นสูงส่งที่สุดและแตกต่างจากดวงวิญญาณอื่น ๆ ท่านเป็นอิสระจากวงจรของการเกิดและการตาย ด้วยเหตุนั้นท่านจึงถูกเรียกว่าดวงวิญญาณสูงสุด

พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดมีความรู้ของตอนเริ่มต้น ตอนกลาง และตอนจบของละคร แต่ท่านไม่ใช่ผู้สร้างละครโลก ท่านไม่ใช่ผู้สร้างของดวงวิญญาณ ไม่ใช่ผู้สร้างของวัตถุธาตุ ท่านคือผู้สร้างโลกใหม่สวรรค์ ดวงวิญญาณสูงสุดทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดบริสุทธิ์และก็ชำระวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตให้บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน ในยุคบรรจบพบกัน การแสดงของท่านคือการเปลี่ยนแปลงโลกเก่าไปเป็นโลกใหม่ในตอนจบของกัลป์ ถ้าดวงวิญญาณสูงสุดเป็นผู้สร้างละครโลก ท่านก็สามารถถูกตำหนิได้สำหรับเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมานในโลก.....

"บทบาทของพ่อคือการทำให้ความรู้ปรากฏขึ้นในเวลานี้เท่านั้น (ยุคบรรจบพบกัน) ในหนทางของการกราบไหว้บูชาบทบาทนี้ไม่ได้ปรากฏ ตามละคร พ่อกลายเป็นเครื่องมือในการให้นิมิตแก่ผู้กราบไหว้บูชาเป็นการตอบแทนต่อความเลื่อมใสศรัทธาที่พวกเขากราบไหว้บูชาพ่อ เช่นที่ลูกมีบทบาทของ 84 ชาติเกิดถูกบันทึกไว้ในลูก ดังนั้น พ่อก็มีบทบาทของพ่อด้วยเช่นกันและพ่อไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในพ่อ" SM 26/06/72 revised

"ละครนี้ได้ทำขึ้นมาอย่างแสนมหัศจรรย์ บทบาทของทุก ๆ ดวงวิญญาณปรากฏขึ้นในเวลาของมันเอง บทบาทของการให้ความรู้ของพ่อปรากฏขึ้นในเวลานี้เท่านั้น และไม่ใช่ในระหว่างการกราบไหว้บูชา ในเวลานั้นความรู้ไม่ได้ปรากฏ พ่อกล่าวว่า: มันไม่ใช่บทบาทของพ่อที่จะรักษาผู้ที่เจ็บป่วย บทบาทของพ่อคือการชี้หนทางที่จะกลับมาบริสุทธิ์ให้แก่ดวงวิญญาณทั้งหลาย เมื่อลูกกลับมาบริสุทธิ์ลูกก็สามารถกลับบ้านและมาในอาณาจักรได้ แต่ลูกไม่ควรจะมีความหวังว่าความเมตตาและพรของพ่อจะรักษาความเจ็บป่วยได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่บทบาทของพ่อ สำหรับสิ่งนั้นลูกควรไปหานักบวชและนักบุญ ฯลฯ งานของพ่อคือการชำระให้บริสุทธิ์" SM 11/08/69 revised

"ถึงแม้ว่านี่คือละคร ผู้คนก็ยังพูดว่าพระเจ้าให้ผลที่ดีต่อการกระทำที่ดี แต่พ่อไม่ได้ทำเรื่องนั้น การได้รับผลจากการกระทำที่ดีหรือการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดนั้นถูกกำหนดไว้ในละคร ตามละครพ่อก็จะต้องมาอย่างแน่นอนด้วยเช่นกัน บางคนเขียนถึงบาบาว่า: บาบาโปรดมีเมตตาและเราจะไม่มีวันลืมท่าน พ่อกล่าวว่า: พ่อไม่เคยแสดงบทของความเมตตา ลูกควรมีเมตตาต่อตัวลูกเอง" SM 25/08/71 revised

"เช่นที่ลูกเป็นดวงวิญญาณดวงดาว ดังนั้น พ่อก็เป็นดวงวิญญาณ ดวงดาว ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับลูก พ่อก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละครด้วยเช่นกัน ไม่มีใครสามารถเป็นอิสระจากบ่วงพันธะของละครได้ (การที่มันมีอยู่และกฏและหลักการของมัน) พ่อเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพารามธรรม (โลกวิญญาณ) ถ้าพ่อเป็นอิสระจากบ่วงพันธะของละครแล้วพ่อจะมาในโลกที่ไม่บริสุทธิ์เช่นนั้นหรือ? แต่ว่าแต่ละคนจะต้องเล่นบทบาทของตัวเองในละครนี้ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล" SM 07/06/72

"อะไรก็ตามที่ต้องปรากฏ ในเวลาใดก็ตาม มันเป็นไปตามละครและก็ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ลึกที่จะต้องเข้าใจ ชิพบาบาสอนตามละคร และท่านก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละคร ท่านไม่สามารถนำการทำลายล้างมาอย่างรวดเร็ว ท่านกล่าวว่า: บทบาทของพ่อในละครก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน ไม่สามารถมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในนั้นได้

ลูก ๆ ถามบาบาว่า: ท่านทำตามคำแนะนำของใคร?

บาบากล่าวว่า: พ่อทำตามคำสั่้งของละคร พ่อก็ถูกผูกไว้ในบ่วงพันธะของละคร SM 06/04/73

"สังคมของราวันจะสร้างอุปสรรคใน รูดร้า ญาณ ยักย่า ลูกควรมีชัยชนะเหนือพวกเขาและไม่ถูกทำให้โศกเศร้า มันไม่มีอะไรใหม่ พวกเขาเคยอยู่ที่นั่นในกัลป์ที่แล้วด้วยเช่นกัน อย่าได้กลัวพวกเขา ได้มีการบอกกับลูกแล้วว่าเมื่ออุปสรรคมา จงเอาชนะมันด้วยศรีมัทและลูกจะต้องอดทน ลูกกำลังได้รับอาณาจักรของโลกและดังนั้นการทดสอบและอุปสรรคบางอย่างจะต้องมาด้วยเช่นกัน บัญชีกรรมก็จะต้องได้รับการชำระสะสางด้วยเช่นกัน" SM 16/11/73

"พ่อนั่งและอธิบายเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ ท่านจะไม่สอนทุกคน แต่ท่านจะพาทั้งหมดไปกับท่านอย่างแน่นอน ตามแผนของละคร พ่อก็ถูกผูกไว้ว่าต้องพาพวกเขาทั้งหมดไปกับพ่อ วิธีการสำหรับเรื่องนี้ในละครก็คือการทำลายล้าง เมื่อระเบิดถูกทำให้ระเบิดในมหาสมุทร และแล้วน้ำนั้นก็จะถูกดูดซับเข้าไปในก้อนเมฆ และดังนั้นน้ำนั้นก็จะสร้างความเสียหายให้เป็นอย่างมาก ผลผลิตก็จะถูกเผาอย่างสิ้นเชิง คนก็จะเห็นได้ว่าชะตากรรมของละครก็คือ: การทำลายล้าง แต่ในหมู่ลูก ๆ หลายคนก็ยังไม่ได้ถูกทำให้เชื่อมั่นเกี่ยวกับการทำลายล้างที่ได้ถูกหนดไว้แล้ว มิฉะนั้นลูกก็จะทำความเพียรที่จะอยู่อย่างมั่นคงในโยคะ ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณนั้นเป็นเหมือนกับจุดและมันเป็นนิรันดร์และมันไม่สามารถถูกทำลายได้ ดวงวิญญาณก็ไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยเช่นกันและเล่นบทบาทเดิมในทุก ๆ วงจร เรื่องเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในสติปัญญาของผู้ที่มันได้เข้าไปอยู่ในสติปัญญาของพวกเขาในกัลป์ที่แล้วด้วยเช่นกัน" SM 06/11/01

Saturday, July 13, 2013

ละครโลกและยุคบรรจบพบกัน

เมื่อดวงวิญญาณสูงสุดอวตารลงมา  ดวงวิญญาณทั้งหลายก็เข้าไปสู่สภาวะที่สูงส่งขึ้นของพวกเขาด้วยความรู้ของท่าน และเชื่อมต่อพวกเขาเองในโยคะกับท่าน และสิ่งนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับวงจรใหม่ การตระหนักรู้ถึงความสำคัญของยุคบรรจบพบกันดวงวิญญาณสามารถประสบกับความสุขและสะสมสต๊อคที่ท่วมท้นของความสุขสำหรับกัลป์หน้าทั้งกัลป์

"เราทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่เป็นของพ่อผู้เดียว เป็นของครอบครัวเดียว และบ้านเดียว  เราทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่กำลังเล่นบทบาทบนเวทีละครโลก จงบอกข่าวสารนี้แก่ทุกคน เราทั้งหมดมีศาสนาเดียว นั่นคือ ศาสนาของดวงวิญญาณ นั่นคือ ความสงบ และความบริสุทธิ์.....



ยุคบรรจบพบกันเป็นระยะเวลาเดียวเท่านั้นที่จะทำลายสันสการ์เก่าที่ัชั่วร้ายและปลูกสันสการ์ใหม่ที่สูงส่ง เมล็ดของสันสการ์ที่ได้เพาะลงไป ณ ปัจจุบันจะให้ผลในทั้งกัลป์

หัวข้อที่จะต้องทำความเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับละครโลก :

1.  ละครโลกและดวงวิญญาณสูงสุด
2.  ละครโลกและดวงวิญญาณ
3.  ละครโลกและการทำความเพียร
4.  ละครโลกและสภาวะของตนเอง
5.  ละครโลกและสภาวะของผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
6.  ละครโลกและปรัชญาแห่งกรรม
7.  ละครโลกและประโยชน์
8.  ละครโลกและการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
9.  ละครโลกและสายตาที่เป็นอิสระจากการตำหนิติเตียน
10. ละครโลกและการทุกข์ทรมานของกรรม
11. ละครโลกและสภาวะที่มั่นคงของโยคะ
12. การใช้ประโยชน์และการมีประสบการณ์กับความรู้สึกเรื่องละคร
13. ลักษณะเฉพาะของละคร
14. ละครโลกและบัญชีของบาปและบุญ
15. หน้าที่ของดวงวิญญาณหลังจากเข้าใจความรู้เรื่องละคร
16. ความจริง ความยุติธรรม และประโยชน์ของละครโลก
17. สัญลักษณ์ของดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกเรื่องละครอย่างถูกต้องแม่นยำ

Friday, July 12, 2013

ละครโลก


การเข้าใจในละครโลกนี้ทำให้ดวงวิญญาณเต็มไปด้วยความปิติอย่างสูงสุด ดวงวิญญาณที่เข้าใจถึงความลับที่แท้จริงของละคร จะประสบกับความปิติสูงสุดและความสุขสูงสุด

"นี่คือละครที่กำหนดไว้ตายตัวแล้ว" เราตระหนักรู้ว่าพวกเราทั้งหมดเป็นนักแสดงและเราไม่ควรวิพากวิจารณ์บทละครของเราเอง เราจะต้องยกย่องชมเชยมันเพราะว่ามันเป็นบทละครของเรา นักแสดงไม่ควรพูดว่าบทละครของพวกเขาไม่ดี ลูกมีความสุขเมื่อดูละคร เพื่อที่จะปลดปล่อยมนุษย์จากมายา ความรู้เรื่องละครโลกจึงได้มีการอธิบาย



ข้อเท็จจริงของละครโลก
ละครโลกนี้เป็นวงจรของเหตุการณ์ เป็นวงจรของการกระทำและการมีปฏิสัมพันธ์ เป็นวงจรของ การทำความเพียร - โชค - การทำความเพียร เป็นวงจรของ กรรม - ผล - กรรม

มันเป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลาย มันเต็มไปด้วยความหลากหลาย เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ และ เต็มไปด้วยควมปิติ และมันซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการทุก ๆ 5000 ปี

ละครนี้ไม่สามารถทำลายได้และโลกก็ไม่สามารถถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง แต่ละครและโลกนั้นกำลังเปลี่ยนไปทุกขณะ ในวิธีนี้ดวงวิญญาณก็รู้สึกว่าทุก ๆ ฉากนั้นสด นั่นคือใหม่



ในยุคบรรจบพบกันของกัลป์ มีการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งหมด นั่นคือ หนึ่งวงจรของละครจบลงและวงจรใหม่ก็เริ่มต้น มีความสัมพันธ์อย่างล้ำลึกของวงจรเก่ากับวงจรใหม่ การปรากฏของวงจรใหม่จากวงจรเก่านั้นเหมือนกับต้นอ่อนปรากฏออกมาจากต้นไม้ที่กำลังจะตาย

ณ ยุคบรรจบพบกัน มหาสมุทรแห่งความรู้ พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ก็มาและสอนความรู้ที่แท้จริงของละครโลก ยุคบรรจบพบกันเริ่มต้น ณ ขณะที่ดวงวิญญาณสูงสุดอวตารลงมา และมันก็จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงพิธีราชาภิเษกของลักษมีและนารายัญ

การเคลื่อนไปของละครโลก
ละครนี้เป็นนิรันดร์และไม่มีวันสูญสลาย สิ่งนี้หมายความว่ามันไม่เคยถูกทำขึ้นมาและไม่เคยถูกทำลาย และโลกใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อโลกเก่าจบสิ้นลง

ทุกสิ่งที่ใหม่จะกลายเป็นเก่า และทุกสิ่งที่เก่าจะกลายเป็นใหม่ วงจรของเก่าไปใหม่และใหม่ไปเก่านี้หมุนไปอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นนิรันดร์ ถ้าดวงวิญญาณเฝ้าดูละครด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนถูกต้อง ดวงวิญญาณก็จะเห็นฉากและทุกขณะที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงเป็นกฏในละครโลกนี้ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ทุก ๆ ขณะนั้นใหม่

วงจรทั้งหมดของทุกขณะของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องมีระยะเวลา 5000 ปี หลังจากทุก ๆ 5000 ปี วงจรก็ซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการ

สันสการ์ที่อยู่ในดวงวิญญาณนั้นไม่มีวันสูญสลายและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากละครนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สันสการ์ที่สอดคล้องกับเวลาในขณะนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา



ละึครโลกของ 5000 ปี นั้นแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กัน คือ ยุคทอง ยุคเงิน ยุคทองแดง และยุคเหล็ก และในระหว่างสองวงจรนั้นมีช่วงสั้น ๆ ของยุคบรรจบพบกัน เป็นการเชื่อมต่อยุคเหล็กและยุคทอง เวลาที่ได้มาจากยุคเหล็กและจากยุคทอง ตอนจบของยุคเหล็กเป็นเวลาของความทุกข์และความไม่สงบสูงสุด และตอนเริ่มต้นของยุคทองเป็นเวลาของความสุขและความสงบสูงสุด

Thursday, July 11, 2013

ยุคทอง(9)

ประชากรและยุคสมัยของยุคทอง
ในยุคทอง จำนวนประชากรนั้นน้อยมาก ในตอนสุดท้ายของยุคเหล็กนั้นมีประชากร 5 ถึง 6 พันล้าน และ ตอนเริ่มต้นของยุคทองมีเพียง 900,000 หลังจากนั้นประชากรก็เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ




พวงประคำของ 16,108 นั้นได้รับการสรรเสริญ เป็นพวงประคำที่ใหญ่ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงว่าในตอนสุดท้ายของยุคเงิน จะมีเจ้าชายและเจ้าหญิง 16,108 ไม่ใช่ว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นจะมาในตอนเริ่มต้น ในตอนต้นนั้นจะมีเพียงเล็กน้อย และแล้วจำนวนก็จะเพิ่มขึ้นในภายหลัง




ได้มีการร้องเพลงว่ามีเหล่าเทพ 330 ล้าน แต่ว่าจำนวนมากมายเช่นนั้นไม่สามารถอยู่ในยุคทองและยุคเงินได้ แน่นอนทีเดียว นั่นหมายถึงจำนวนประชากรของราชวงศ์ทั้งหมดของเหล่าเทพในภารัตทั้งหมด




เมื่อศรีลักษมีและนารายัญได้ปกครองที่นี่ในภารัต ก็จะต้องมีระบบของการลงวันที่ วันที่ของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงวันเดือนปีของสวรรค์ วันที่ของลักษมีและนารายัญนั้นได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ลูกสามารถลบออก 40 หรือ 50 ปี วันที่ของรามและสีดาเริ่มขึ้นเมื่อ 3,750 ปีมาแล้ว หลังจากราชวงศ์ของพวกเขาได้ผ่านไป วันที่ของวิกรัม(Vikram) ก็เริ่มต้นขึ้น (500 ปีก่อนคริสต์กาล) วันที่ที่ถูกกำหนดไว้ให้แก่พระราชาวิกรัมนั้นก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน มีหลายปีที่ผิดพลาดไป จากนั้น พวกเขาได้เริ่มวันที่ของเขาจาก 2,000 ปีมาแล้ว แต่มันควรจะเป็น 2,500 ปี

ยุคทองและยุคเงินได้ถูกบรรยายไว้ในฐานะที่เป็นเสาที่เป็นอิสระจากความทุกข์ เพราะว่าไม่มีความทุกข์ ณ ที่นั่น ณ ที่นี่ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นอิสระจากความทุกข์ได้

Wednesday, July 10, 2013

ยุคทอง(8)

การบริหารอาณาจักร
ในยุคทอง จะเป็นราชวงศ์ของศรีลักษมีและศรีนารายัญ เช่นที่โลกของคริสต์ศาสนานั้นมีเอ็ดเวิดที่หนึ่ง เอ็ดเวิดที่สองและที่สาม ในทำนองเดียวกัน ในยุคทองจะมีลักษมีและนารายัญที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ไปจนถึงราชวงศ์ที่แปด



ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของพระราชาองค์เดียวในยุคทอง ผู้ปกครองมีอำนาจอย่างเต็มที่และดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีคณะรัฐมนตรี แต่ละคนมีอาณาจักรเป็นของพวกเขาเองและจะมีอาณาจักรย่อยเล็ก ๆ ด้วยเช่นกัน จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐมนตรีหรือเลขาส่วนตัวใด ๆ เพราะว่าเหล่าเทพนั้นไม่มีความจำเป็นต้องขอคำแนะนำจากใคร จนกระทั่งพวกเขากลับมาไม่บริสุทธิ์ในยุคทองแดง พวกเขาจึงต้องการที่ปรึกษา

ณ ที่นั่น ท้องพระโรงจะใหญ่มาก พระราชาทั้งหมดมาพบปะกัน แต่จะไม่ถูกเรียกว่าการชุมนุมของสุภาพบุรุษ เพราะว่าเป็นท้องพระโรงของอาณาจักรของลักษมีและนารายัญ ประชาชนผู้มั่งคั่งจะได้รับการเชื้อเชิญเป็นบางครั้งบางคราว



ในยุคทอง จะมีการบรรเลงเพลงอย่างต่อเนื่องในพระราชวังของลูก ไม่มีความทุกข์ใด ๆ ณ ที่นั่น ภายนอกพระราชวังของพระราชา จะมีการบรรเลงเพลงอย่างต่อเนื่อง พระราชามีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก

ราชวงศ์นั้นไม่มีความจำเป็นต้องหารายได้แต่อย่างใด ประชาชนจะทำการหารายได้ แต่จะไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะในระหว่างพวกเขา ประชาชนบางคนจะร่ำรวย บางคนจะธรรมดา แต่จะไม่มีใครยากจน

จะมีผู้ทำธุรกิจอยู่ในร้าน แต่ไม่มีสมุดบัญชี บนพื้นฐานของการให้และรับระหว่างครอบครัว พวกเขาจะให้บางสิ่งและรับบางสิ่ง ภายในครอบครัว จะมีระเบียบวินัยว่า ถ้าบางคนมีของมาก เขาจะแจกจ่ายของนั้นให้กับผู้อื่น ไม่ใช่อยู่บนพื้นฐานของบัญชีการจ่ายและรับ เพื่อที่จะทำให้ทุกสิ่งดำเนินไปได้เป็นอย่างดี บางคนจะมีหน้าที่อย่างหนึ่ง และบางคนก็จะมีหน้าที่อื่น เช่น ณ ที่นี่ ในมธุบัน บางคนมีความรับผิดชอบในเรื่องเสื้อผ้า บางคนรับผิดชอบในเรื่องธัญพืช ไม่มีใครให้เงินใด ๆ แต่มีบางคนเป็นผู้ดูแล จะเป็นเช่นเดียวกัน ณ ที่นั่น จะมีทุก ๆ สิ่งอย่างมากมาย ดังนั้น ทุกสิ่งจะหาได้โดยง่าย อะไรก็ตามที่ลูกต้องการ ลูกสามารถใช้มันได้มากเท่าที่ลูกต้องการ 



ระบบนี้เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนไม่อยู่ว่าง ๆ แต่จะเป็นเหมือนการเล่นเกม ไม่มีใครดูบัญชีของผู้ใด ยุคทองหมายถึงการรับประทาน ดื่ม และ สนุกสนานรื่นเริง ลูกจะไม่รู้จักคำว่า "ปรารถนา" อะไรก็ตามที่มีความปรารถนา มันหมายถึงมีบัญชีที่จะต้องเก็บรักษา มีการขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะความปรารถนา ไม่มีความปรารถนาและไม่มีสิ่งใดขาด มีการบรรลุผลทั้งหมด ณ ที่นั่น ทุก ๆ คนนั้นสมบูรณ์พร้อม ลูกยังจะต้องการอะไรอีกหรือ? ไม่ควรจะเป็นว่าเพราะลูกชอบบางสิ่งลูกจึงใช้สิ่งนั้นมาก ทุกคนนั้นเต็ม หัวใจทั้งหมดนั้นเต็ม วัตถุธาตุรับใช้ทุกคน ทุก ๆ สิ่งนั้นมีอย่างมากมายซึ่งมันไม่สามารถที่จะถูกใช้ให้หมดไปได้ ลูกเพียงแต่มองดูมัน

จะมีสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนเงินตรา แต่จะไม่เหมือนของทุกวันนี้ รูปร่างและแบบจะถูกเปลี่ยนไป การออกแบบนั้นจะดีมาก มันจะถูกใช้เพื่อการจ่ายและรับแต่เพียงในนามเท่านั้น ทั้งหมดนั้น จะเป็นระบบครอบครัว จะไม่มีสำนึกของการเป็นนักธุรกิจและลูกค้า จะไม่มีทัศนคติของการเป็นเจ้าของ แต่จะเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน บางสิ่งจะมีการให้และบางสิ่งจะมีการรับ ไม่มีใครที่จะขาดสิ่งใด แม้แต่ประชาชนก็จะไม่ขาดสิ่งใด ประชาชนนั้นจะมีมากเกินกว่าความต้องการในการดำรงชีพของพวกเขาเองหลายล้านเท่า และดังนั้นความคิดของการเป็นเจ้าของและลูกค้าจะไม่เกิดขึ้น จะเป็นการให้และรับด้วยความรัก จะไม่มีการจดทะเบียนใด ๆ



สาวใช้และคนรับใช้ของพระราชาจะได้รับความสุขเป็นอย่างมาก พวกเขาจะอาศัยอยู่กับพระราชา และจะัรับประทานอาหารเช่นเดียวกับพระราชาและพระราชินี แต่พวกเขาจะถูกเรียกว่าสาวใช้และคนรับใช้ บรรดาสาวใช้นั้นก็ต่างลำดับกันไปด้วยเช่นกัน บางคนนั้นจะเป็นผู้แต่งตัวให้ผู้ปกครอง บางคนนั้นจะดูแลเด็ก ๆ บางคนจะกวาดพื้น มีคนรับใช้ของพระราชามากมาย ณ ที่นี่

ดังนั้น ลูกสามารถเข้าใจได้ว่าในสวรรค์นั้นจะมีคนรับใช้ก็จะมีผู้อาวุโสและผู้อ่อนอาวุโส (Seniors and Juniors) และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในที่พักที่แยกกัน ซึ่งจะไม่ได้รับการประดับประดามากเท่ากับพระราชวังของพระราชาและพระราชินี

จันทรวงศ์นั้นไม่ได้รับอาณาจักรของพวกเขาด้วยการมีชัยชนะเหนือเหล่าเทพแห่งสุริยวงศ์ในยุคทอง เมื่อพระราชาแห่งจันทรวงศ์เข้ามานั้น เป็นเพราะว่าพระราชาและพระราชินีแห่งสุริยวงศ์ได้นำพวกเขานั่งบนบัลลังก์และมอบตีลัคแห่งโชคต่ออาณาจักรแก่พวกเขา พวกเขาได้รับตำแหน่งพระราชารามและพระราชินีสีดา ใครได้มอบตำแหน่งนั้นแก่พวกเขา?  จะมีการกล่าวว่าสุริยวงศ์ได้โอนตำแหน่งนั้น ด้วยการพูดว่า "บัดนี้ถึงคราวที่ท่านจะต้องปกครอง" หลังจากสุริยวงศ์ อาณาจักรก็ถูกมอบให้แก่รามแห่งจันทรวงศ์ เมื่อพระราชาก้าวลงจากตำแหน่งราชวงศ์ทั้งหมดก็ก้าวตามลงมา สิ่งนี้รวมทั้งพระราชา พระราชินี และประชากรทั้งหมด สุริยวงศ์นั้นคงอยู่เป็นระยะเวลา 1,250 ปี หลังจากนั้นจันทรวงศ์ก็เข้ามา ในสมัยของอาณาจักรของจันทรวงศ์ อาณาจักรของสุริยวงศ์ก็ได้ผ่านไป ได้มีการโอนและการได้รับโดยจันทรวงศ์ ซึ่งต่อมา หลังจากนั้นก็จะได้รับโดยราชวงศ์พ่อค้า


Tuesday, July 9, 2013

ยุคทอง(7)

วิทยาศาสตร์และพระราชวัง
เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมาในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมานี้เอง เทคโนโลยีทั้งหมดเหล่านี้เฝ้าแต่จะมีการทำให้ประณีตมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะนำไปใช้ในยุคทอง เพียงแต่จินตนาการดูว่าจะใช้เวลามากเท่าใดที่จะสร้างพระราชวังที่นั่น พระราชวังทองคำนั้นจะถูกสร้างขึ้นมาในชั่วพริบตา




วิทยาศาสตร์จะให้ประโยชน์อย่างสูงสุดในยุคทอง ในปัจจุบันนี้ สติปัญญาของลูกกำลังจะกลับมาสูงส่ง ดังนั้น จะไม่ใช้เวลานานมากที่จะสร้างทุกสิ่ง ณ ที่นั่น เช่นที่พวกเขามีอิฐที่ทำด้วยดินเหนียวที่นี่ อิฐ ณ ที่นั่นจะทำด้วยทองคำ มันถูกเรียกว่ายุคทอง ณ ที่นี่เหรียญทองนั้นมีค่ามาก ณ ที่นั่น มันไม่มีค่าใด ๆ 

วิทยาศาสตร์นั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของสติปัญญาซึ่งทำให้พวกเขาสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ได้ พวกเขาสร้างเครื่องบิน ฯลฯ เพื่อให้ความสุข ศิลปะของการให้ความสุขเหล่านี้คงอยู่ในดินแดนของภารัต แต่ศิลปะของการให้ความทุกข์ ศิลปะของการฆ่าและการทำลาย ฯลฯ จะสูญหายไป




อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างในยุคทองนั้นจะเป็นเช่นที่ว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นแหล่งที่มาของแสงนั้น จากขณะนี้ กำลังมีการเตรียมการเหล่านี้ทั้งหมด ด้วยวิธีการประดิษฐ์ใหม่ ๆ พวกเขาเฝ้าแต่สร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา

ณ ที่นั่น เฮลีคอปเตอร์นั้นจะไม่มีการขัดข้องเสียหาย เด็ก ๆ จะบริสุทธิ์มาก และด้วยสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวซึ่งพวกเขาจะสามารถขับเฮลีคอปเตอร์ได้อย่างง่ายดาย และบินไปที่ใดก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ จะไม่มีความจำเป็นสำหรับการฝึกหัดในสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ได้มีการคิดขึ้นมาเมื่อมีจำนวนประชากรมากเท่านั้น

ขณะนี้ลูกจะต้องมาและไปโดยรถไฟ ในพระราชวังของลูก ลูกจะมีเครื่องบินชนิดต่าง ๆ มากมาย ลูกไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอคนขับ แม้ว่าลูกจะมีอายุน้อยมากลูกก็จะสามารถขับเครื่องบินได้ เด็กเล็ก ๆ ก็เช่นกัน จะเพียงแต่กดปุ่มแล้วก็บินไป จะไม่เคยมีอุบัติเหตุใด ๆ สถาปนิกของโลกจะออกคำสั่ง และแล้วเครื่องบินและพระราชวังต่าง ๆ ก็จะเสร็จเรียบร้อยในทันทีทันใด และสวรรค์ก็จะพร้อม ขณะนี้ลูกก็จะต้องพร้อม




ในสวรรค์นั้นพระราชวังของทุก ๆ คนนั้นจะถูกประดับประดาด้วยแสงสีต่าง ๆ มากมาย เช่น ณ ที่นี่พวกเขาใช้กระจกมากมายเพื่อที่จะทำให้ของสิ่งหนึ่งสามารถมองเห็นได้เป็นหลาย ๆ เท่า ในทำนองเดียวกัน ณ ที่นั่น อัญมณีต่าง ๆ จะเป็นเช่นที่ว่าภาพที่อยู่เบื้องบน แทนที่จะเห็นครั้งเดียว ก็จะปรากฏให้เห็นเป็นหลาย ๆ เ่ท่า จะมีแสงของทองคำและแสงของเพชร การเปล่งประกายของสีทั้งสองจะหลอมรวมกัน และพระราชวังก็จะปรากฏแสงที่สว่างไสว แสงของพระอาทิตย์จะสัมผัีสกับเพชรและทองคำ ซึ่งจะเปล่งประกายที่ปรากฏราวกับว่ากำลังจุดไฟเป็นพัน ๆ ดวง จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สายไฟฟ้า ในพระราชวังทุกวันนี้ ลูกจะเห็นความแวววาวของไฟฟ้า และไฟที่ออกแบบลวดลายต่าง ๆ มากมาย ณ ที่นั่น เนื่องจากพวกเขาใช้เพชรแท้ ๆ โคมหนึ่งดวงจะให้แสงราวกับเทียนมากมาย ลูกจะไม่ต้องทำความเพียรพยายามมากมาย ทุก ๆ สิ่งจะเป็นธรรมชาติ

เพชรแต่ละเม็ดจะให้แสงมากมาย จะเป็นแสงที่น่าอัศจรรย์ ในพระราชวังชองลูก จะมีเพชรที่มีเก้าสีอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดแสงของการผสมผสานของสีที่พิเศษ พระราชวังแต่ละแห่งจะถูกประดับประดาด้วยทองคำ เงิน เพชรและพลอยต่าง ๆ หลังคาจะถูกพอกด้วยเพชร ซึ่งจะเป็นเช่นเีดียวกับกำแพง ภารัตจะถูกเรียกว่าโลกที่เป็นเช่นเพชร

จะไม่ใช้เวลานานในการสร้างโลกใหม่ ที่นี่ ถ้ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บริเวณนั้นจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายในสองหรือสามเดือน เนื่องจากการมีเครื่องมือที่เพียงพอที่จะนำไปใช้ได้ บ้านและสิ่งต่าง ๆ นั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ลูกสามารถสร้างอาคารได้ภายในหนึ่งเดือน ถ้ามีผู้ก่อสร้างมากมายและวัสดุนั้นหาได้ง่าย ก็ไม่ต้องใช้เวลามากในการสร้างขึ้นมาใหม่ ในต่างประเทศ พวกเขาสร้างบ้านที่สร้างชิ้นส่วนไว้ก่อนแล้วและนำมาประกอบโดยเครื่องจักร ในสวรรค์ พวกเขาก่อสร้างอย่างรวดเร็วมาก ณ ที่นั่น จะมีทองคำและเงิน ฯลฯ อย่างล้นเหลือ พวกเขาจะเอาทองคำ เงิน และเพชรมาจากเหมือง ตามกฏแล้ว ธาตุทั้งห้าจะรอเพื่อที่จะรับใช้ลูก จะไม่มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น

ณ ที่นี่ พระราชวังนั้นสร้างขึ้นมาโดยมีหลายชั้น ในยุคทองนั้นจะไม่มีแม้แต่ชั้นที่สอง พวกเขาสร้างที่นี่เพราะว่ามีที่ดินไม่เพียงพอและราคาของที่ดินก็แพงมาก ในยุคทอง ประชาชนแต่ละคนจะมีที่ดินมากเท่ากับหมู่บ้านหนึ่งของ "อาบู" (Abu) พระราชวังของเหล่าเทพนั้นจะใหญ่มาก ณ ที่นั่น จะไม่มีความกลัวใด ๆ ยุคทองนั้นถูกเรียกว่า "ชีวาลายา" (Shivalaya) ทางวัตถุ (temple of Shiva - วัดของชีว่า) เพราะว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยชีว่า

ทุก ๆ สิ่งนั้นจะใหม่ จะมีทองคำอย่างไม่จำกัด ซึ่งสามารถเอาออกมาจากเหมืองได้อย่างง่ายดายเพื่อก่อสร้างอาคารเหล่านี้ทั้งหมด ณ ที่นั่น ทุกสิ่งสร้างด้วยทองคำ พระราชวังต่าง ๆ จะถูกสร้างด้วยอิฐทองคำ จะไม่มีของปลอม ทุกสิ่งจะเป็นของแท้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของปลอมทั้งหมดจะถูกกลืนโดยแผ่นดินระหว่างการทำลายล้าง

ใครจะเป็นผู้ที่เจียระไนเพชรทั้งหมดซึ่งจะถูกนำมาประดับประดาพระราชวังทั้งหมดเหล่านี้? นักเจียระไนเพชรที่นี่ในภารัตนั้นมีความชำนาญมาก และพวกเขาจะได้รับการพัฒนามากขึ้น ๆ พวกเขาจะนำความชำนาญนี้ไปกับพวกเขาด้วยและกลายเป็นคนงาน ณ ที่นั่น พวกเขาจะฝังเพชรแท้อย่างดีมากและสละสลวยอย่างแท้จริงลงบนมงกุฎ ฯลฯ

ทุกวันนี้ ณ ที่นี่ ลูกจะไม่พบเห็นบ้านที่สร้างจากทองคำ แต่ทุกสิ่งจะใหม่ ในโลกใหม่ ทุกสิ่งจะเป็นของชั้นหนึ่ง