Tuesday, April 30, 2013

หน้าที่ของพระเจ้า


พระเจ้าสร้างจักรวาลหรือ ??
พระเจ้าสร้างธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ อากาศหรือ ??


ผู้คนมากมายเชื่อว่าท่านสร้างสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าชีว่าพูดว่า ไม่ใช่! แล้วท่านสร้างอะไรกันล่ะ ? อะไรคือการกระทำที่สูงส่งของพระเจ้า มีความสับสนอย่างมากเกี่ยวกับหน้าที่ของพระเจ้า! โดยทั่วไปมีการเชื่อกันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้เป็นการกระทำของพระเจ้า ผู้คนส่วนมากคิดว่ามนุษย์เป็นเครื่องมือสำหรับการปฏิบัติงานตามความต้องการของท่านและไม่มีสิ่งใดซึ่งเป็นส่วนที่มนุษย์ทำเองเลย ส่งผลสะท้อนที่ลึกลงไปในความหมายว่าพระเจ้าเป็นผู้กระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมทั้งหมดด้วย ดังนั้น บนพื้นฐานของความเชื่อเช่นนี้จึงเป็นการส่งเสริมให้มนุษย์โทษพระเจ้าว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความผิดและบาปที่พวกเขาสร้างขึ้น แต่ถ้าพระเจ้ากระตุ้นให้อาชญากรก่ออาชญากรรมและความรุนแรงอื่น ๆ แล้วทำไมพวกเขาจะต้องถูกแขวนคอหรือถูกลงโทษ! ควรจะเป็นพระเจ้าที่ถูกลงโทษมิใช่หรือ!

พระเจ้าเป็นผู้กระตุ้นให้มนุษย์ทำหรือ ??
เมื่อพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุด หน้าที่ของท่านก็สูงส่ง สง่างามและไม่เหมือนใคร มีการพูดกันบ่อยครั้งว่าชื่อของท่านนั้นสูงส่ง ที่อยู่ของท่านก็สูงส่ง การกระทำของท่านก็สูงส่ง ท่านเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ มีเมตตากรุณา ท่านเป็นสิ่งที่เป็นมงคล ใจดีและมีความปราณี การกระทำของท่านแสดงถึงธรรมชาติของท่าน ถ้าทุก ๆ การกระทำของมนุษย์เป็นการแสดงออกซึ่งความปรารถนาของพระเจ้าจริง ความสงบ ความสุข และความปิติก็จะปรากฏทั่วไปทุกหนแห่งบนโลก และทั้งโลกจะต้องมีกฏหมายที่สมบูรณ์ ระเบียบในสังคมก็จะดีพร้อม ไม่ต้องมีกองกำลังเพื่อการควบคุม อย่างเช่น กองทัพ ตำรวจและระบบนิติบัญญัติทั้งหมด

พระเจ้าและธาตุต่าง ๆ
ได้มีความคิดไปไกลอีกว่าพระเจ้าเป็นผู้กระตุ้นการกระทำทุกอย่าง พวกเขาคิดว่าท่านเป็นผู้ควบคุมพฤติกรรมของธาตุด้วย แม้แต่ใบไม้ที่แกว่งไกวโดยไม่ได้รับคำสั่งจากท่านั้นไม่มี! พวกเขาเชื่อเช่นนั้น ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวที่มาจากสาเหตุของพายุ แผ่นดินไหว น้ำท่วม และความหายนะที่เกิดตามธรรมชาติ หลายคนต่างก็คิดว่าเป็นผีมือของท่านด้วย ในความเป็นจริงพระเจ้าเป็นพ่อ ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ พฤติกรรมของธาตุเหล่านี้ มันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนด้วยกฏที่เป็นวิทยาศาสตร์ การขึ้นและตกของ พระอาทิตย์ ฤดูกาล ฝนตก ความหายนะทางธรรมชาติ ไม่ได้เกิดขึ้นตามคำสั่งของท่าน! การคิดว่าผลงานจากพลังธรรมชาติเป็นการกระทำของพระเจ้า เป็นความไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับธรรมชาติและมนุษย์ สมมุติฐานผิด ๆ เช่นนี้ได้เปลี่ยนผู้คนมากมายให้กลายเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นงานของธรรมชาติ ไม่ใช่งานของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า พระเจ้า

สสาร ดวงวิญญาณและพระเจ้า
มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าโลกนี้และสิ่งอื่น ๆ ในจักรวาลได้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า แต่่พระเจ้าชีว่าเปิดเผยว่าท่านไม่ได้สร้างโลกหรือจักรวาล ธาตุธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ฯลฯ มีและคงอยู่มาตั้งแต่อนันตกาล วิทยาศาสตร์ได้บอกเราเช่นกันว่า สสารไม่อาจสร้างขึ้นหรือถูกทำลายได้ พระเจ้าชีว่าเปิดเผยต่อไปว่าท่านไม่ได้สร้างดวงวิญญาณขึ้นมาเช่นกัน จักรวาลและดวงวิญญาณ เป็นอมตะเช่นเดียวกับตัวท่าน สิ่งนี้จะต้องทำความเข้าใจในมุมมองที่กว้างเพราะมันเป็นกฏแห่งการคงอยู่ ที่ว่า อะไรที่ถูกสร้างขึ้นจะต้องถูกทำลาย สิ่งอมตะเท่าที่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะมันได้มีการคงอยู่ตลอดมา สสาร ดวงวิญญาณและพระเจ้า ทั้งหมดเป็นอมตะและไม่สูญสลาย แต่ละสิ่งเหล่านี้มีคุณลักษณะ พลังและหน้าที่เป็นของตนเอง ซึ่งมีความแตกต่างจากกันและกัน
ละครโลกนี้เป็นการแสดงร่วมกันของพลังทั้งสามคือ ธรรมชาติ ดวงวิญญาณ และพระเจ้า เมื่อพลังทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกันเป็นอมตะ ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันของสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอมตะด้วย และด้วยความมหัศจรรย์เช่นนี้ ละครก็หมุนไปอย่างเป็นอมตะในรูปที่เป็นวัฎจักร ชะตากรรมก็ไม่ได้ถูกสร้างโดยพระเจ้า ชะตากรรมหรือบทบาทของดวงวิญญาณทั้งหมดก็ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วและรวมไว้ในละครโลก ถ้าไม่เช่นนั้นละคนแห่งชีวิตก็จะไม่สามารถหมุนไปเป็นวัฏจักรอย่างเป็นระบบและชั่วนิรันดร์ การรู้แจ้งของพระเจ้านั้นคือความรู้เรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคตและเป็นอำนาจของวัฎจักรอันเป็นธรรมชาติของละครโลกด้วย



จากหนังสือ "ราชโยคะ ศาสตร์เพื่อการรู้แจ้ง"
BK.เรืออากาศเอกทรงยศ เปี่ยมใจ


No comments:

Post a Comment